ความรอดมาจากพระยะโฮวา
“พระเจ้าเป็นพระเจ้าผู้ทรงช่วยให้เรารอด.”—บทเพลงสรรเสริญ 68:20.
1, 2. (ก) เหตุใดเรากล่าวได้ว่าพระยะโฮวาทรงเป็นแหล่งแห่งความรอด? (ข) คุณจะอธิบายสุภาษิต 21:31 อย่างไร?
พระยะโฮวาทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดสำหรับมนุษย์ที่รักพระองค์. (ยะซายา 43:11) กษัตริย์ดาวิดผู้มีชื่อเสียงแห่งยิศราเอลทราบข้อนี้จากประสบการณ์ส่วนตัว และท่านได้ร้องเพลงอย่างสุดหัวใจว่า “ความรอดย่อมมาแต่พระยะโฮวา.” (บทเพลงสรรเสริญ 3:8) ผู้พยากรณ์โยนากล่าวประโยคเดียวกันนี้ในคำทูลอธิษฐานอย่างแรงกล้าขณะอยู่ในท้องปลาใหญ่.—โยนา 2:9.
2 ซะโลโมราชบุตรของดาวิดก็ทราบด้วยว่าพระยะโฮวาทรงเป็นแหล่งแห่งความรอด เพราะท่านกล่าวไว้ว่า “เขาเตรียมม้านั้นไว้สำหรับทำศึกได้; แต่การมีชัยนั้นมาจากพระยะโฮวา.” (สุภาษิต 21:31) ในแถบตะวันออกกลางสมัยโบราณ วัวใช้ลากไถ, ลาใช้ขนสัมภาระ, ล่อเป็นพาหนะให้คนขี่, และม้าใช้ในการทำศึกสงคราม. อย่างไรก็ตาม ก่อนชาวยิศราเอลเข้าไปในแผ่นดินแห่งคำสัญญา พระเจ้าทรงมีพระบัญชาถึงกษัตริย์ของพวกเขาในวันข้างหน้า “ห้ามมิให้มีม้ามาก.” (พระบัญญัติ 17:16) ม้าศึกจะไม่จำเป็นเพราะพระยะโฮวาจะทรงช่วยไพร่พลพระองค์ให้รอด.
3. เราควรพิจารณาคำถามอะไรบ้าง?
3 พระยะโฮวาพระผู้เป็นเจ้าองค์บรมมหิศรทรงเป็น “พระเจ้าผู้ทรงช่วยให้เรารอด.” (บทเพลงสรรเสริญ 68:20) ช่างเป็นเรื่องที่ให้กำลังใจจริง ๆ! ทว่า พระยะโฮวาได้ทรง “ช่วยให้เรารอด” เช่นไร? และพระองค์ได้ทรงช่วยให้ใครรอด?
พระยะโฮวาทรงช่วยคนสัตย์ธรรมให้รอด
4. เราทราบได้อย่างไรว่าพระยะโฮวาทรงช่วยผู้ที่เลื่อมใสในพระองค์?
4 ทุกคนที่ดำเนินในแนวทางสัตย์ธรรมในฐานะผู้รับใช้ที่อุทิศตัวแด่พระเจ้าสามารถได้รับการปลอบใจจากถ้อยคำของอัครสาวกเปโตรที่กล่าวไว้ว่า “พระยะโฮวาทรงทราบวิธีที่จะช่วยคนที่เลื่อมใสในพระเจ้าให้รอดพ้นจากการทดลอง แต่ทรงทราบวิธีที่จะสงวนคนอธรรมไว้สำหรับวันแห่งการพิพากษา เพื่อจะถูกตัดขาด.” เปโตรพิสูจน์ยืนยันจุดนี้โดยกล่าวว่าพระเจ้า “มิได้ทรงยับยั้งไว้จากการลงโทษโลกในสมัยโบราณ แต่ได้ทรงคุ้มครองโนฮาผู้ประกาศความชอบธรรมให้ปลอดภัยพร้อมกับคนอื่นอีกเจ็ดคนเมื่อพระองค์ทรงบันดาลให้น้ำมาท่วมโลกแห่งคนที่ดูหมิ่นพระเจ้า.”—2 เปโตร 2:5, 9, ล.ม.
5. โนฮารับใช้ในฐานะ “ผู้ประกาศความชอบธรรม” ภายใต้สภาพการณ์เช่นไร?
5 ขอให้นึกภาพตัวคุณเองอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมในสมัยของโนฮา. พวกผีปิศาจที่แปลงร่างเป็นมนุษย์อยู่บนแผ่นดินโลก. บรรดาลูกที่เกิดจากทูตสวรรค์ที่ไม่เชื่อฟังเหล่านี้กับบุตรสาวมนุษย์ปฏิบัติต่อผู้คนอย่างโหดร้าย และ “แผ่นดินเต็มไปด้วยความรุนแรง.” (เยเนซิศ 6:1-12, ล.ม.) อย่างไรก็ตาม แม้ถูกขู่ขวัญโนฮาก็ไม่เลิกรับใช้พระยะโฮวา. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ท่านเป็น “ผู้ประกาศความชอบธรรม.” ท่านกับครอบครัวช่วยกันสร้างนาวา ไม่เคยสงสัยเลยว่าความชั่วช้าจะถูกกวาดล้างในช่วงชีวิตตน. ความเชื่อของโนฮาปรับโทษโลกสมัยนั้น. (เฮ็บราย 11:7) สภาพการณ์ในปัจจุบันคล้ายคลึงกับในสมัยของโนฮา ซึ่งเป็นหมายสำคัญที่บ่งชี้ว่าเป็นสมัยสุดท้ายแห่งระบบชั่วนี้. (มัดธาย 24:37-39; 2 ติโมเธียว 3:1-5) ดังนั้น คุณจะพิสูจน์ตัวซื่อสัตย์แบบเดียวกับโนฮาไหมในฐานะผู้ประกาศความชอบธรรม รับใช้เคียงบ่าเคียงไหล่กับไพร่พลพระเจ้าขณะที่คุณคอยท่าความรอดจากพระยะโฮวา?
6. สองเปโตร 2:7, 8 พิสูจน์อย่างไรว่าพระยะโฮวาทรงช่วยคนสัตย์ธรรม?
6 เปโตรให้หลักฐานเพิ่มเติมอีกว่าพระยะโฮวาทรงช่วยคนสัตย์ธรรมให้รอด. ท่านอัครสาวกกล่าวว่า “[พระเจ้า] ทรงช่วยโลตผู้ชอบธรรมให้รอด ผู้ซึ่งเป็นทุกข์มากเนื่องจากการทำตามอำเภอใจของคนที่ฝ่าฝืนกฎหมายด้วยการประพฤติหละหลวม—เพราะบุรุษผู้ชอบธรรมคนนั้น โดยสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยินขณะที่อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขาทุกวัน ทรมานจิตวิญญาณอันชอบธรรมของท่านเนื่องด้วยการกระทำที่ละเลยกฎหมายของพวกเขา.” (2 เปโตร 2:7, 8, ล.ม.; เยเนซิศ 19:1-29) การประพฤติผิดศีลธรรมทางเพศได้กลายเป็นแนวทางชีวิตของหลายล้านคนในสมัยสุดท้ายนี้. เช่นเดียวกับโลต คุณรู้สึก ‘เป็นทุกข์มากเนื่องจากการทำตามอำเภอใจด้วยการประพฤติหละหลวม’ ของผู้คนมากมายในทุกวันนี้ไหม? หากคุณรู้สึกเช่นนั้น และหากคุณปฏิบัติตามความชอบธรรม คุณก็อาจอยู่ในกลุ่มคนที่ได้รับการช่วยให้รอดจากพระยะโฮวาเมื่อระบบชั่วนี้ถึงกาลอวสาน.
พระยะโฮวาทรงช่วยไพร่พลของพระองค์ให้รอดจากผู้กดขี่
7. การปฏิบัติของพระยะโฮวาต่อชาวยิศราเอลในอียิปต์พิสูจน์อย่างไรว่าพระองค์ทรงช่วยไพร่พลพระองค์ให้รอดพ้นการกดขี่?
7 ตราบใดระบบเก่านี้ยังคงอยู่ ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาก็ย่อมจะประสบการข่มเหงและการกดขี่จากศัตรู. แต่พวกเขามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะทรงช่วยพวกเขาให้รอด เพราะพระองค์ได้ทรงช่วยไพร่พลพระองค์ที่ถูกกดขี่ในอดีต. สมมุติว่าคุณเป็นชาวยิศราเอลคนหนึ่งที่ประสบการกดขี่จากน้ำมือของชาวอียิปต์ในสมัยของโมเซ. (เอ็กโซโด 1:1-14; 6:8) พระเจ้าทรงตีอียิปต์ด้วยภัยพิบัติหลายอย่าง. (เอ็กโซโด 8:5–10:29) เมื่อภัยพิบัติประการที่สิบซึ่งนำความตายมาสู่บุตรหัวปีของชาวอียิปต์ ฟาโรห์จึงได้ยอมปล่อยให้ชาวยิศราเอลจากไป แต่ว่าภายหลังกลับระดมพลและยกกองทัพเร่งไล่ตามพวกเขาไป. ทว่า ไม่นานหลังจากนั้นฟาโรห์กับคนของเขาก็ถูกทำลายในทะเลแดง. (เอ็กโซโด 14:23-28) คุณได้ร่วมกับโมเซและชาวยิศราเอลทั้งชาติในการร้องเพลงนี้: “พระยะโฮวาเป็นนักรบ: พระนามของพระองค์คือพระยะโฮวา. พระองค์ได้ทรงทิ้งพลรถและพลโยธาของกษัตริย์ฟาโรลงในทะเล; นายทหารรถรบที่แกล้วกล้าของกษัตริย์ฟาโรก็จมน้ำตายในทะเลแดง. น้ำลึกได้ท่วมเขาเสีย: เขาได้จมลงในน้ำลึกประดุจก้อนหิน.” (เอ็กโซโด 15:3-5) ความหายนะคล้าย ๆ กันนี้รออยู่สำหรับบรรดาผู้กดขี่ไพร่พลพระเจ้าในสมัยสุดท้ายนี้.
8, 9. จงยกตัวอย่างจากพระธรรมวินิจฉัยซึ่งพิสูจน์ว่าพระยะโฮวาทรงช่วยไพร่พลพระองค์จากผู้กดขี่.
8 หลังจากชาวยิศราเอลได้เข้าไปในแผ่นดินแห่งคำสัญญาแล้ว เหล่าผู้วินิจฉัยได้ปกครองด้วยความยุติธรรมในท่ามกลางพวกเขาเป็นเวลาหลายปี. บางครั้งประชาชนเป็นทุกข์เดือดร้อนจากการกดขี่ของต่างชาติ แต่พระเจ้าทรงใช้เหล่าผู้วินิจฉัยที่ซื่อสัตย์ให้ช่วยพวกเขา. แม้ว่าเราอาจ ‘ร้องครางเพราะเหตุพวกข่มเหงเบียดเบียน’ คล้าย ๆ กัน แต่พระยะโฮวาจะทรงช่วยเราด้วยเหมือนกันในฐานะที่เราเป็นผู้รับใช้ที่ภักดีต่อพระองค์. (วินิจฉัย 2:16-18; 3:9, 15) ที่จริง พระธรรมวินิจฉัยในคัมภีร์ไบเบิลให้คำรับรองดังกล่าวแก่เรารวมทั้งความรอดที่ยิ่งใหญ่กว่าที่พระเจ้าจะทรงจัดเตรียมให้โดยทางพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นผู้วินิจฉัยที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระองค์.
9 ให้เราย้อนไปยังสมัยของผู้วินิจฉัยบาราค. เนื่องด้วยการนมัสการเท็จและความไม่พอพระทัยของพระเจ้า ชาวยิศราเอลได้ตกอยู่ภายใต้อำนาจครอบงำที่เหี้ยมเกรียมของยาบีนกษัตริย์คะนาอันเป็นเวลา 20 ปี. ซีซะราเป็นแม่ทัพกองทัพใหญ่ของคะนาอัน. แต่ ‘โล่สักอันหอกสักเล่มก็ไม่เห็นมีอยู่ในกองทัพยิศราเอลทั้งสี่หมื่นคน’ แม้ว่าทั้งชาติอาจมีถึงสี่ล้านคน. (วินิจฉัย 5:6-8) ชาวยิศราเอลร้องถึงพระยะโฮวาด้วยความสำนึกผิด. ด้วยการชี้นำจากพระเจ้าผ่านทางผู้พยากรณ์หญิงดะโบรา บาราครวบรวมรี้พล 10,000 คนบนภูเขาธาโบน และพระยะโฮวาทรงชักนำเหล่าข้าศึกขึ้นมาตามหุบเขาที่อยู่เบื้องล่างภูเขาธาโบนอันสูงตระหง่าน. กองทัพของซีซะราพร้อมรถรบ 900 คันบุกตะลุยข้ามที่ราบและท้องแม่น้ำคีโซนที่แห้งขอดเสียงสนั่นปานฟ้าผ่า. แต่ฝนที่เทกระหน่ำลงมาขยายลำน้ำคีโซนจนกลายเป็นแม่น้ำที่เชี่ยวกราก. ขณะที่บาราคกับคนของเขาเดินทัพลงมาจากภูเขาธาโบนโดยมีพายุช่วยพราง พวกเขาก็ได้เป็นพยานรู้เห็นถึงความพินาศที่เกิดจากพระพิโรธของพระยะโฮวาที่ทรงปล่อยออกมา. คนของบาราคฆ่าฟันพวกคะนาอันที่เสียขวัญและหนีกระเจิงทีละคน ๆ และไม่มีใครหนีรอดไปได้. ช่างเป็นคำเตือนที่เหมาะอะไรเช่นนี้สำหรับคนที่กดขี่พวกเราซึ่งการทำอย่างนั้นก็เท่ากับต่อสู้พระเจ้า!—วินิจฉัย 4:3-16; 5:19-22.
10. เหตุใดเราสามารถมั่นใจว่าพระเจ้าจะทรงช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ในสมัยปัจจุบันจากผู้กดขี่ทั้งสิ้น?
10 พระยะโฮวาจะทรงช่วยเหล่าผู้รับใช้ของพระองค์ในสมัยปัจจุบันให้รอดพ้นจากศัตรูทั้งสิ้นที่กดขี่ ดังที่พระองค์ทรงช่วยชาติยิศราเอลที่เกรงกลัวพระเจ้าไว้ในยามเผชิญภัยอันตราย. (ยะซายา 43:3; ยิระมะยา 14:8) พระเจ้าทรงช่วยดาวิด “ให้พ้นมือบรรดาศัตรู.” (2 ซามูเอล 22:1-3) ดังนั้น แม้แต่ถ้าเราถูกกดขี่หรือถูกข่มเหงในฐานที่เป็นไพร่พลของพระยะโฮวาก็ขอให้เรากล้าหาญ เพราะองค์กษัตริย์มาซีฮาจะทรงปลดปล่อยเราจากการถูกกดขี่. ถูกแล้ว “ชีวิตของคนขัดสนพระองค์จะช่วยให้รอด. พระองค์จะไถ่ชีวิตของเขาให้พ้นจากการข่มเหงและการร้ายกาจ.” (บทเพลงสรรเสริญ 72:13, 14) การไถ่ถอนนั้นใกล้เข้ามาแล้วจริง ๆ.
พระเจ้าทรงช่วยผู้ที่ไว้วางใจพระองค์ให้รอด
11. หนุ่มน้อยดาวิดเป็นตัวอย่างเช่นไรในเรื่องการหมายพึ่งพระยะโฮวา?
11 เพื่อจะเห็นความรอดจากพระยะโฮวา เราต้องไว้วางใจพระองค์ด้วยความกล้าหาญ. ดาวิดแสดงการหมายพึ่งพระเจ้าอย่างกล้าหาญเมื่อท่านออกไปประจัญหน้ากับฆาละยัธชายร่างยักษ์. ขอให้นึกภาพของชายชาวฟะลิศตีมที่ยืนตระหง่านเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่ต่อหน้าหนุ่มน้อยดาวิด ผู้ซึ่งได้ร้องออกไปว่า “เจ้าเข้ามาหาเราด้วยดาบและหอกยาวหอกสั้นแต่ฝ่ายเรามาหาเจ้าด้วยนามแห่งพระยะโฮวาของพลโยธาพระเจ้าแห่งกองทัพยิศราเอล, ซึ่งเจ้าได้ท้าทายนั้น. วันนี้แหละพระยะโฮวาจะทรงมอบเจ้าไว้ในมือของเรา ๆ จะฆ่าตัดศีรษะเสียให้ขาด, วันนี้แหละเราจะให้ศพกองทัพฟะลิศตีมแก่นกบนอากาศและสัตว์ที่ทุ่งนา, เพื่อบรรดาชาวโลกจะได้รู้ว่า, ชาติยิศราเอลมีพระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย. ทั้งบรรดาที่ประชุมนี้จะได้รู้ว่า, พระยะโฮวาทรงช่วยให้รอด, โดยมิได้ใช้กระบี่หรือหอก, เพราะว่าการสงครามนั้นเป็นของพระยะโฮวา.” อีกชั่วครู่ต่อมาฆาละยัธก็นอนตายอยู่ตรงนั้น และพวกฟะลิศตีมถูกปราบราบคาบ. เห็นได้ชัด พระยะโฮวาทรงช่วยไพร่พลพระองค์ให้รอด.—1 ซามูเอล 17:45-54.
12. เหตุใดจึงเป็นประโยชน์ที่จะระลึกถึงเอละอาซารนักรบผู้กล้าแกร่งของดาวิด?
12 เมื่อเผชิญหน้ากับผู้กดขี่ เราอาจจำเป็นต้องรวบรวม “ความกล้า” และไว้วางใจพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยมยิ่งขึ้น. (ยะซายา 46:8-13, ล.ม.; สุภาษิต 3:5, 6) ขอให้สังเกตเหตุการณ์ต่อไปนี้ซึ่งเกิดขึ้น ณ สถานที่ซึ่งมีชื่อว่าปัสดัมมิม. ทหารชาวยิศราเอลถูกบีบจนต้องล่าถอยในการประจัญหน้ากับกองทัพฟะลิศตีม. แต่ความกลัวมิได้ยับยั้งเอละอาซารผู้เป็นหนึ่งในสามทหารกล้าที่โดดเด่นของดาวิด. เขายืนหยัดอยู่ที่นาข้าวบาร์เลย์และฟาดฟันดาบฆ่าพวกฟะลิศตีมแต่เพียงลำพัง. โดยวิธีนี้ ‘พระยะโฮวาได้ทรงช่วยชาติยิศราเอลให้มีชัยชนะใหญ่.’ (1 โครนิกา 11:12-14; 2 ซามูเอล 23:9, 10) ไม่มีใครคาดหมายให้เราเอาชนะกองทัพทั้งกองทัพแต่ลำพังตัวคนเดียว. กระนั้น บางครั้งเราอาจอยู่คนเดียวและถูกศัตรูกดดัน. เราจะหมายพึ่งด้วยความเลื่อมใสในพระยะโฮวาผู้ทรงเป็นพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดไหม? เราจะแสวงหาความช่วยเหลือจากพระองค์ไหมเพื่อจะไม่ทรยศต่อเพื่อนร่วมความเชื่อเมื่อเผชิญกับพวกผู้กดขี่?
พระยะโฮวาทรงช่วยผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงให้รอด
13. เหตุใดจึงยากที่จะรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงต่อพระเจ้าในอาณาจักรยิศราเอลสิบตระกูล?
13 เพื่อจะได้รับการช่วยให้รอดจากพระยะโฮวา เราต้องรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงต่อพระองค์ไม่ว่าจะต้องสูญเสียอะไร. ไพร่พลพระเจ้าในคราวโบราณประสบการทดลองหลายอย่าง. ขอให้นึกถึงว่าคุณอาจได้ประสบอะไรบ้างหากคุณมีชีวิตอยู่ในอาณาจักรยิศราเอลสิบตระกูล. ความเข้มงวดเกินเหตุของระฮับอามได้กระตุ้นให้สิบตระกูลถอนการสนับสนุนจากเขาและก่อตั้งอาณาจักรยิศราเอลที่อยู่ทางเหนือ. (2 โครนิกา 10:16, 17; 11:13, 14) ในบรรดากษัตริย์หลายองค์ของอาณาจักรนี้ เยฮูเป็นองค์ที่ดีที่สุด ทว่าแม้แต่เขาเองก็ ‘หาได้ประพฤติตามข้อกฎหมายแห่งพระยะโฮวาด้วยสุดใจไม่.’ (2 กษัตริย์ 10:30, 31) อย่างไรก็ดี อาณาจักรสิบตระกูลมีผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง. (1 กษัตริย์ 19:18) พวกเขามีความเชื่อในพระเจ้า และพระองค์ทรงพิสูจน์ให้เห็นว่าทรงสถิตอยู่กับพวกเขา. แม้ว่าต้องเผชิญการทดสอบความเชื่ออยู่ในขณะนี้ คุณรักษาไว้ซึ่งความซื่อสัตย์มั่นคงต่อพระยะโฮวาไหม?
14. พระยะโฮวาทรงช่วยให้รอดเช่นไรในสมัยของกษัตริย์ฮิศคียา และอะไรที่นำไปสู่การพิชิตยูดาโดยชาวบาบูโลน?
14 การที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่นับถือกฎหมายของพระเจ้านำไปสู่ความหายนะสำหรับอาณาจักรยิศราเอล. เมื่อชาวอัสซีเรียมีชัยเหนืออาณาจักรนี้ในปี 740 ก.ส.ศ. ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีหลายคนจากสิบตระกูลได้หนีไปยังอาณาจักรยูดาสองตระกูล ซึ่งเป็นที่ที่เขาสามารถนมัสการพระยะโฮวาที่พระวิหารของพระองค์. กษัตริย์สี่องค์ของยูดาจากจำนวนทั้งหมด 19 องค์ซึ่งเป็นเชื้อวงศ์ของดาวิด คืออาซา, ยะโฮซาฟาด, ฮิศคียา, และโยซียา โดดเด่นในด้านการอุทิศตัวแด่พระเจ้า. ในสมัยของฮิศคียาซึ่งเป็นผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง พวกอัสซีเรียยกกองทัพอันเกรียงไกรมาต่อสู้ยูดา. ในการตอบคำวิงวอนของฮิศคียา พระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์เพียงองค์เดียวฆ่าชาวอัสซีเรีย 185,000 คนภายในคืนเดียว และโดยวิธีนี้จึงได้ประทานความรอดแก่ผู้นมัสการพระองค์! (ยะซายา 37:36-38) ต่อมา การที่ประชาชนแห่งอาณาจักรยูดาไม่ได้ถือรักษากฎหมายและไม่เอาใจใส่คำเตือนจากผู้พยากรณ์ของพระเจ้าทำให้อาณาจักรนี้ถูกบาบูโลนพิชิตและเมืองหลวงคือกรุงยะรูซาเลมพร้อมกับพระวิหารก็ถูกทำลายในปี 607 ก.ส.ศ.
15. เหตุใดชาวยิวที่ถูกเนรเทศไปที่บาบูโลนจึงจำเป็นต้องมีความอดทน และในที่สุดพระยะโฮวาทรงจัดการให้มีการช่วยให้รอดอย่างไร?
15 ชาวยิวที่ถูกเนรเทศจำต้องมีความอดทนเพื่อรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงต่อพระเจ้าขณะที่ตกเป็นเชลยในบาบูโลนเป็นเวลาประมาณ 70 ปีที่น่าเศร้า. (บทเพลงสรรเสริญ 137:1-6) ผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงคนหนึ่งที่น่าพิจารณาถึงได้แก่ผู้พยากรณ์ดานิเอล. (ดานิเอล 1:1-7; 9:1-3) ขอให้นึกดูก็แล้วกันว่าท่านคงต้องยินดีสักเพียงไรเมื่อราชกฤษฎีกาของไซรัสกษัตริย์ชาวเปอร์เซียมีผลบังคับใช้ในปี 537 ก.ส.ศ. ทำให้ชาวยิวได้กลับคืนสู่แผ่นดินยูดาเพื่อบูรณะพระวิหาร! (เอษรา 1:1-4) ดานิเอลและคนอื่น ๆ ได้อดทนมาหลายปี แต่ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นบาบูโลนถูกโค่นล้มและเห็นพระยะโฮวาทรงปลดปล่อยไพร่พลพระองค์ให้เป็นอิสระ. นี่น่าจะช่วยเราให้แสดงความอดทนขณะเราคอยที่จะเห็นการทำลาย “บาบูโลนใหญ่” จักรวรรดิโลกแห่งศาสนาเท็จ.—วิวรณ์ 18:1-5.
พระยะโฮวาทรงช่วยไพร่พลพระองค์ให้รอดเสมอ
16. พระเจ้าทรงช่วยให้รอดเช่นไรในสมัยราชินีเอศเธระ?
16 พระยะโฮวาทรงช่วยไพร่พลพระองค์ให้รอดเสมอเมื่อพวกเขาซื่อสัตย์ต่อพระนามของพระองค์. (1 ซามูเอล 12:22; ยะซายา 43:10-12) ย้อนไปในสมัยราชินีเอศเธระ ในศตวรรษที่ห้า ก.ส.ศ. กษัตริย์อะหัศวะโรศ (เซอร์เซสที่ 1) ได้แต่งตั้งฮามานเป็นอุปราช. ด้วยความโกรธที่มาระดะคายชาวยิวไม่ยอมคำนับเขา ฮามานวางแผนจะฆ่ามาระดะคายและชาวยิวทุกคนในจักรวรรดิเปอร์เซีย. เขาให้ร้ายป้ายสีว่าชาวยิวเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย เสริมแรงจูงใจด้วยผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ และได้รับอนุญาตให้ใช้แหวนตราของกษัตริย์ในการประทับตราเอกสารที่เป็นหมายประกาศการสำเร็จโทษชาวยิว. เอศเธระเปิดเผยตัวเองแก่กษัตริย์อย่างกล้าหาญว่าเธอมีบรรพบุรุษเป็นชาวยิวและเปิดโปงแผนเข่นฆ่าของฮามาน. หลังจากนั้นไม่นาน ฮามานถูกแขวนคอบนขาหยั่งอันเดียวกันนั้นเองที่เขาเตรียมไว้เพื่อประหารมาระดะคาย. มาระดะคายได้รับแต่งตั้งเป็นอุปราช พร้อมด้วยอำนาจในการอนุญาตให้ชาวยิวป้องกันตัวเองได้. พวกเขามีชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่เหนือศัตรู. (เอศเธระ 3:1–9:19) เหตุการณ์นี้น่าจะเสริมความเชื่อของเราที่ว่า พระยะโฮวาจะทรงลงมือช่วยเพื่อประโยชน์ของผู้รับใช้ที่เชื่อฟังพระองค์ในสมัยปัจจุบัน.
17. การเชื่อฟังมีบทบาทอย่างไรในการช่วยคริสเตียนชาวยิวในศตวรรษแรกที่อยู่ในแคว้นยูดายให้รอด?
17 อีกเหตุผลหนึ่งที่พระเจ้าทรงช่วยไพร่พลพระองค์ก็คือการที่พวกเขาเชื่อฟังพระองค์และพระบุตรของพระองค์. ลองนึกภาพว่าคุณเป็นสาวกชาวยิวของพระเยซูในศตวรรษแรก. พระองค์ทรงแจ้งแก่พวกเขาว่า “เมื่อท่านเห็นกองทัพมาตั้งล้อมรอบกรุงยะรูซาเลม, เมื่อนั้นท่านจงรู้ว่าความพินาศของกรุงนั้นก็ใกล้เข้ามาแล้ว. เวลานั้นให้คนทั้งหลายที่อยู่ในแขวงยูดายหนีไปยังภูเขา.” (ลูกา 21:20-22) หลายปีผ่านไป และคุณสงสัยว่าเมื่อไรคำตรัสนี้จะสำเร็จเป็นจริง. จากนั้น ชาวยิวก่อกบฏขึ้นในปี ส.ศ. 66. กองทัพโรมันภายใต้การนำของเซสติอุส กัลลุส เข้าล้อมกรุงยะรูซาเลมและบุกทะลวงไปจนถึงกำแพงพระวิหาร. โดยกะทันหัน พวกโรมันถอนทัพกลับโดยไม่ทราบเหตุผลแน่ชัด. คริสเตียนชาวยิวจะทำเช่นไร? ในหนังสือที่ยูเซบิอุสเขียนซึ่งมีชื่อว่าประวัติศาสตร์ของคริสตจักร (เล่ม 3 บท 5 ย่อหน้าที่ 3) เขากล่าวว่าคริสเตียนชาวยิวหนีออกไปจากกรุงยะรูซาเลมและแคว้นยูดา. พวกเขารอดชีวิตเพราะเชื่อฟังคำเตือนเชิงพยากรณ์ของพระเยซู. คุณอยู่พร้อมเสมอไหมที่จะทำตามการชี้นำจากพระคัมภีร์ซึ่งจัดให้ทาง “คนต้นเรือนที่สัตย์ซื่อ” ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดูแล “บรรดาสิ่งของ” ทั้งสิ้นของพระเยซู?—ลูกา 12:42-44, ล.ม.
การช่วยให้รอดสู่ชีวิตนิรันดร์
18, 19. (ก) การวายพระชนม์ของพระเยซูทำให้การช่วยให้รอดจากอะไรเป็นไปได้ และสำหรับใคร? (ข) อัครสาวกเปาโลตั้งใจแน่วแน่จะทำอะไร?
18 การเอาใจใส่คำเตือนของพระเยซูช่วยชีวิตคริสเตียนชาวยิวในแคว้นยูดาย. แต่การวายพระชนม์ของพระเยซูทำให้การช่วยให้รอดสู่ชีวิตนิรันดร์เป็นไปได้สำหรับ “มนุษย์ทุกชนิด.” (1 ติโมเธียว 4:10, ล.ม.) ความจำเป็นของมนุษยชาติในเรื่องค่าไถ่เกิดขึ้นเมื่ออาดามทำบาป ซึ่งทำให้เขาเองเสียชีวิตและขายเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้เป็นทาสบาปและความตาย. (โรม 5:12-19) สัตว์บูชาที่ถวายภายใต้พระบัญญัติของโมเซเป็นเพียงสัญลักษณ์ของการปิดคลุมบาปเท่านั้น. (เฮ็บราย 10:1-4) เนื่องจากพระเยซูไม่ทรงมีบิดาผู้ให้กำเนิดที่เป็นมนุษย์และเห็นได้ชัดว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าได้ “สวมทับ”มาเรียตั้งแต่ตอนที่เธอตั้งครรภ์ไปจนกระทั่งถึงการประสูติของพระเยซู พระองค์จึงประสูติโดยปราศจากมลทินของบาปหรือความไม่สมบูรณ์ที่ได้รับสืบทอดกันมา. (ลูกา 1:35; โยฮัน 1:29; 1 เปโตร 1:18, 19) เมื่อพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ในฐานะผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงที่สมบูรณ์แบบ พระองค์ทรงเสนอชีวิตสมบูรณ์ของพระองค์เองเพื่อซื้อคืนและปลดปล่อยมนุษยชาติ. (เฮ็บราย 2:14, 15) โดยวิธีนี้ พระคริสต์ “ประทานพระองค์เองเป็นค่าไถ่อันมีค่าเท่าเทียมกันสำหรับคนทั้งปวง.” (1 ติโมเธียว 2:5, 6, ล.ม.) ไม่ใช่ทุกคนที่จะรับเอาการจัดเตรียมเพื่อความรอดเช่นนี้ แต่พระเจ้าทรงเห็นชอบกับการใช้ผลประโยชน์จากการจัดเตรียมนี้สำหรับคนที่รับเอาด้วยความเชื่อ.
19 โดยถวายคุณค่าแห่งเครื่องบูชาไถ่ของพระองค์แก่พระเจ้าในสวรรค์ พระคริสต์ทรงซื้อคืนลูกหลานของอาดาม. (เฮ็บราย 9:24) โดยวิธีนี้ พระเยซูทรงได้รับเจ้าสาวซึ่งประกอบด้วยเหล่าสาวกผู้ถูกเจิม 144,000 คนที่ถูกปลุกสู่ชีวิตทางภาคสวรรค์. (เอเฟโซ 5:25-27; วิวรณ์ 14:3, 4; 21:9) นอกจากนี้ พระองค์ได้กลายเป็น “พระบิดาองค์ถาวร” ของคนเหล่านั้นที่ตอบรับค่าไถ่ของพระองค์และได้รับชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลก. (ยะซายา 9:6, 7; 1 โยฮัน 2:1, 2) นับเป็นการจัดเตรียมอันเปี่ยมด้วยความรักอย่างแท้จริง! ความหยั่งรู้ค่าของเปาโลต่อการจัดเตรียมนี้เห็นได้จากจดหมายฉบับที่สองซึ่งท่านเขียนภายใต้การดลใจถึงคริสเตียนที่เมืองโกรินโธ ดังที่จะเห็นในบทความถัดไป. ที่จริง เปาโลตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมให้สิ่งใดมาขัดขวางท่านไว้จากการช่วยผู้คนให้รับเอาการจัดเตรียมอันยอดเยี่ยมของพระยะโฮวาเพื่อความรอดสู่ชีวิตนิรันดร์.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ มีข้อพิสูจน์อะไรจากพระคัมภีร์ว่าพระเจ้าทรงช่วยคนสัตย์ธรรม?
▫ เราทราบได้อย่างไรว่าพระยะโฮวาทรงช่วยคนที่ไว้วางใจพระองค์และรักษาความซื่อสัตย์มั่นคง?
▫ พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมอะไรเพื่อความรอดสู่ชีวิตนิรันดร์?
[รูปภาพหน้า 12]
ดาวิดไว้วางใจพระยะโฮวา ‘พระเจ้าผู้ทรงช่วยให้รอด.’ คุณล่ะ?
[รูปภาพหน้า 15]
พระยะโฮวาทรงช่วยไพร่พลพระองค์ให้รอดเสมอ ดังที่พระองค์ทรงพิสูจน์ให้เห็นในสมัยของราชินีเอศเธระ