จงมีใจแรงกล้าเพื่อสิ่งที่ดี!
1 ขณะที่เราเข้าสู่ช่วงแห่งการประชุมอนุสรณ์ปี 2003 เรามีเหตุผลมากมายที่จะมี “ใจแรงกล้าเพื่อสิ่งที่ดี.” (1 เป. 3:13, ล.ม.) เหตุผลแรกสุดคือ เครื่องบูชาไถ่บาปของพระเยซูคริสต์. (มัด. 20:28; โย. 3:16) เกี่ยวด้วยเรื่องนี้ อัครสาวกเปโตรเขียนว่า “มิใช่ด้วยสิ่งที่เปื่อยเน่าได้ ด้วยเงินหรือทอง ที่ท่านได้รับการช่วยให้พ้นจากการประพฤติแบบที่ไร้ผลของท่าน. . . . แต่ด้วยโลหิตอันมีค่ามาก เหมือนเลือดของลูกแกะที่ปราศจากพิการและด่างพร้อย คือพระโลหิตของพระคริสต์.” (1 เป. 1:18, 19, ล.ม.) ความกตัญญูรู้คุณสำหรับการแสดงความรักอันพิเศษสุดนี้กระตุ้นเราให้หมกมุ่นอยู่กับการทำสิ่งที่ดี โดยตระหนักว่าพระเยซูทรง “ประทานพระองค์เองเพื่อเรา เพื่อพระองค์จะทรงช่วยเราให้พ้นจากการละเมิดกฎหมายทุกชนิดและชำระชนชาติหนึ่งสำหรับพระองค์ซึ่งเป็นของพระองค์โดยเฉพาะ ให้มีใจแรงกล้าเพื่อการกระทำที่ดีงาม.”—ติโต 2:14, ล.ม.; 2 โก. 5:14, 15.
2 เมื่อเราทำสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย เราจะมีสัมพันธภาพที่ดีกับพระองค์และได้รับการดูแลเอาพระทัยใส่ด้วยความรักจากพระองค์. เปโตรกล่าวต่อไปว่า “ผู้ใดรักชีวิตและปรารถนาจะเห็นวันทั้งหลายที่ดี . . . ให้เขาหันหนีจากสิ่งที่ชั่วและทำสิ่งที่ดี; ให้เขาแสวงหาสันติสุขและติดตามสันติสุขนั้น. เพราะพระเนตรของพระยะโฮวาเพ่งดูคนชอบธรรม และพระกรรณของพระองค์สดับคำวิงวอนของเขาทั้งหลาย.” (1 เป. 3:10-12, ล.ม.) ในสมัยที่เต็มไปด้วยอันตรายนี้ เป็นพระพรสักเพียงไรที่รู้ว่าพระยะโฮวาทรงเฝ้าดูเราอยู่เสมอและพร้อมจะปฏิบัติการเพื่อประโยชน์ของเรา ทรง “รักษา [เรา] ไว้ดังดวงพระเนตรของพระองค์.”—บัญ. 32:10; 2 โคร. 16:9.
3 ทั้ง ๆ ที่เผชิญการทดลอง แต่คริสเตียนในยุคแรกที่ท่านเปโตรเขียนจดหมายถึงก็เปี่ยมด้วยใจแรงกล้าซึ่งไม่อาจทำให้มอดลงได้ และพวกเขาประกาศข่าวดีออกไปอย่างกว้างไกลที่สุดเท่าที่สามารถทำได้. (1 เป. 1:6; 4:12) ประชาชนของพระเจ้าในปัจจุบันก็เป็นเช่นเดียวกัน. แม้เราจะอยู่ในสมัยแห่ง “วิกฤตกาลซึ่งยากที่จะรับมือได้” แต่การสำนึกถึงคุณความดีของพระยะโฮวาก็กระตุ้นเราให้ทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าด้วยใจแรงกล้า. (2 ติโม. 3:1, ล.ม.; เพลง. 145:7) ขอให้เราพิจารณาการงานที่ดีบางอย่างซึ่งเราจะหมกมุ่นกระทำในช่วงการประชุมอนุสรณ์นี้.
4 เชิญคนอื่น ๆ ให้มายังการประชุมอนุสรณ์: วิธีหนึ่งที่เราสามารถแสดงความหยั่งรู้ค่าต่อค่าไถ่อันเป็นของประทานพิเศษสุดก็คือ การเข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์ประจำปีเพื่อรำลึกถึงการวายพระชนม์ของพระเยซู ซึ่งในปีนี้จะจัดในวันพุธที่ 16 เมษายน หลังดวงอาทิตย์ตก. (ลูกา 22:19, 20) ปีที่แล้ว เรามียอดผู้เข้าร่วม 15,597,746 คนตามรายงานจาก 94,600 ประชาคมทั่วโลก! จำนวนนี้มากกว่ายอดผู้เข้าร่วมปีก่อนหน้าถึง 220,000 คน.
5 ปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมกี่คน? ส่วนใหญ่แล้วขึ้นอยู่กับความพยายามอย่างแข็งขันของเราในการเชิญชวนคนอื่น ๆ ให้มาร่วมประชุมกับเรา. จงเริ่มด้วยการทำรายชื่อทุกคนที่คุณอยากจะเชิญ. รายชื่อแรก ๆ ควรเป็นคนในครอบครัวของคุณเอง. ถ้าคุณมีคู่สมรสที่ไม่เชื่อถือ จงแสดงความปรารถนาจากใจจริงว่าคุณอยากให้เขาเข้าร่วมกับคุณ. สามีผู้ไม่เชื่อถือคนหนึ่งบอกว่า เขาเข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์ปีที่แล้วเพราะเห็นว่าการไปร่วมประชุมนั้นมีความหมายต่อภรรยามากเพียงไร. รายชื่อถัดลงมาอาจเป็นญาติ ๆ, เพื่อนบ้าน, เพื่อนร่วมงาน, หรือเพื่อนนักเรียน. อย่าลืมเชิญนักศึกษาพระคัมภีร์ของคุณด้วย.
6 หลังจากทำรายชื่อแล้ว จงกำหนดเวลาที่จะไปเชิญแต่ละคนด้วยตัวคุณเอง. จงใช้ใบเชิญการประชุมอนุสรณ์ที่พิมพ์ไว้แล้ว. เพื่อช่วยผู้คนให้จำได้ว่าจะมีการฉลองเมื่อไรและที่ไหน โปรดพิมพ์หรือเขียนเวลาและสถานที่ด้วยตัวบรรจงที่ด้านล่างของใบเชิญ. ขณะวันที่ 16 เมษายน ใกล้เข้ามา จงเตือนทุกคนที่คุณทำรายชื่อไว้ ทั้งโดยการไปหาด้วยตัวเอง หรือโดยทางโทรศัพท์. ขอให้เราช่วยผู้คนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้มายังโอกาสอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนี้.
7 ช่วยผู้ที่เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์: คืนที่มีการประชุมอนุสรณ์เป็นคืนที่น่าตื่นเต้นเสมอ. เรามีโอกาสต้อนรับหลายคนที่ตามปกติแล้วไม่ได้มาร่วมประชุมกับเรา. จงวางแผนที่จะไปถึงแต่เนิ่น ๆ และอยู่ต่อเท่าที่สภาพการณ์อำนวยให้. จงริเริ่มทำความคุ้นเคยกับคนใหม่ ๆ ที่มาร่วม. จงเป็นคนอบอุ่นและมีน้ำใจรับรองแขก.—โรม 12:13.
8 จะช่วยบางคนที่มาร่วมประชุมอนุสรณ์ให้ก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณยิ่งขึ้นโดยศึกษาพระคัมภีร์ที่บ้านกับเขาได้ไหม? พยายามขอชื่อและที่อยู่ของใครก็ตามที่มาร่วมประชุมซึ่งปัจจุบันยังไม่มีผู้ใดไปเยี่ยมเขา เพื่อคุณจะช่วยเขาต่อไปได้. การช่วยเหลือด้วยความรักอาจทำให้คนเหล่านี้บางคนก้าวหน้าถึงขั้นที่มีคุณวุฒิเป็นผู้ประกาศที่ยังไม่รับบัพติสมาก่อนการประชุมอนุสรณ์ปีหน้า. เมื่อติดตามเยี่ยมผู้ที่เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์ จงเชิญเขาให้มาฟังคำบรรยายพิเศษในวันที่ 27 เมษายน.
9 คุณจะเป็นไพโอเนียร์สมทบในฤดูร้อนนี้ได้ไหม? แต่ละปี ความมีใจแรงกล้าเพื่อพระยะโฮวากระตุ้นเราให้ทุ่มเทตัวเองอย่างเต็มที่ในงานรับใช้ระหว่างเดือนที่มีกิจกรรมพิเศษนี้. เดือนมีนาคมและเมษายนปีที่ผ่านมาเรามีไพโอเนียร์สมทบรวมแล้ว 392 คน และได้อุทิศเวลาทั้งหมด 20,397 ชั่วโมงในงานรับใช้. ส่วนเดือนมีนาคมและเมษายนปี 2001 มีไพโอเนียร์สมทบ 511 คน อุทิศเวลา 26,230 ชั่วโมงในงานรับใช้. เดือนมีนาคมและเมษายนปี 2000 มีไพโอเนียร์สมทบ 481 คน อุทิศเวลา 24,677 ชั่วโมงในงานรับใช้. ความพยายามอย่างเป็นเอกภาพของทั้งประชาคมในการประกาศข่าวดีด้วยใจแรงกล้าระหว่างช่วงการประชุมอนุสรณ์อาจก่อผลที่ดีได้.
10 ประชาคมหนึ่งซึ่งมีผู้ประกาศ 107 คน และไพโอเนียร์ประจำ 9 คนได้รายงานว่า เดือนเมษายนที่ผ่านมาเป็นเดือนที่ “ยอดเยี่ยม” สำหรับพวกเขา เพราะมี 53 คนเป็นไพโอเนียร์สมทบ รวมทั้งผู้ปกครองและผู้ช่วยงานรับใช้ทุกคนด้วย. พวกผู้ปกครองปลุกเร้าให้เกิดความกระตือรือร้นต่อการเป็นไพโอเนียร์สมทบในเดือนนั้นอย่างไร? เขาเริ่มทำแต่เนิ่น ๆ โดยสนับสนุนพี่น้องมากเท่าที่จะมากได้ให้สมัคร. มีการจัดประชุมเพื่อการประกาศในเวลาต่าง ๆ ระหว่างวันเพื่อทุกคนในประชาคมจะมีโอกาสเข้าร่วมได้. มีการเน้นเป็นพิเศษเรื่องการให้คำพยานทางโทรศัพท์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ทุพพลภาพ.
11 พี่น้องหญิงวัย 86 ปีคนหนึ่งซึ่งไม่สามารถเดินได้เพราะปัญหาสุขภาพ ได้สมัครเป็นไพโอเนียร์สมทบ. เธอจะเริ่มตั้งแต่เช้าโดยใช้เวลาสองชั่วโมงให้คำพยานทางโทรศัพท์ขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร จากนั้นก็พักสองสามชั่วโมง และกลับมาทำเช่นเดิมอีก. เธอได้ติดต่อกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสามีและลูกวัยรุ่นสองคนเสียชีวิตในช่วงสองปีที่ผ่านมา ผู้หญิงคนนี้ไม่เข้าใจว่าทำไมพระเจ้ายอมให้สิ่งเลวร้ายดังกล่าวเกิดขึ้น. มีการให้คำพยานอย่างดี และการศึกษาพระคัมภีร์ได้เริ่มขึ้น. การให้คำพยานทางโทรศัพท์ในช่วงเย็นและเวลาอื่น ๆ เป็นวิธีที่ได้ผลในการติดต่อกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในอาคารหรือพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ และยังทำให้ผู้ประกาศสามารถติดต่อกับผู้คนซึ่งไม่อยู่บ้านตอนกลางวันอีกด้วย.
12 พวกผู้ปกครองสรุปรายงานของตนโดยกล่าวว่า “เรามีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เราหยั่งรู้ค่าสิทธิพิเศษและพระพรที่พระยะโฮวาทำให้เป็นไปได้สำหรับเราแต่ละคน.” การวางแผนอย่างเหมาะสม จะทำให้ประชาคมของคุณได้รับพระพรเช่นนี้เหมือนกัน.
13 จงพยายามมีส่วนร่วม 100 เปอร์เซ็นต์ในงานรับใช้: ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าและเพื่อนบ้านกระตุ้นเราให้ใช้เวลาในแต่ละเดือนอย่างเต็มที่เพื่อแบ่งปันข่าวดีแก่คนอื่น ๆ. (มัด. 22:37-39) ผู้ดูแลการศึกษาหนังสือประจำประชาคมและผู้ช่วยของเขาควรพยายามช่วยผู้ที่อยู่ในกลุ่มให้ออกประกาศในแต่ละเดือน. วิธีที่ดีที่จะทำเช่นนี้ก็คือ ทำการจัดเตรียมล่วงหน้าเพื่อออกประกาศกับคนใดคนหนึ่งในกลุ่มโดยเฉพาะ. ควรเริ่มแต่เนิ่น ๆ แทนที่จะคอยจนถึงสิ้นเดือนแล้วค่อยทำ. วิธีนี้ทำให้คุณมีโอกาสมากขึ้นที่จะให้ความช่วยเหลือด้วยความรัก.
14 มีผู้ประกาศที่ทุพพลภาพในกลุ่มของคุณที่ออกประกาศแทบไม่ได้ไหม? ถ้ามีบางคนอยู่ในบ้านพักคนชราหรือนอนแซ่วอยู่ที่บ้าน ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าโอกาสที่พวกเขาจะให้คำพยานนั้นมีจำกัด. แต่ถ้าเขาใช้ประโยชน์จากโอกาสที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้นฉายแสงสว่างออกไป เขาก็อาจกระตุ้นผู้ที่เห็นการงานที่ดีของเขาให้สนใจความจริงอย่างแท้จริงได้. (มัด. 5:16) ผู้ดูแลการศึกษาหนังสือควรทำให้แน่ใจว่าบุคคลเหล่านั้นทราบเรื่องที่พวกเขาสามารถรายงานการประกาศ 15 นาทีได้. การที่พวกเขาสามารถรายงานเวลาดังกล่าวที่ใช้ไปในการให้คำพยาน เป็นการหนุนกำลังใจผู้ประกาศที่ซื่อสัตย์เหล่านี้ และทำให้พวกเขาได้รับความอิ่มใจพอใจ และยังช่วยให้แน่ใจด้วยว่ารายงานกิจกรรมแห่งประชาชนของพระเจ้าทั่วโลกนั้นถูกต้อง.
15 เยาวชนซึ่งกำลังหมกมุ่นในการทำสิ่งที่ดี! น่าชื่นใจสักเพียงไรที่เห็นเยาวชนคริสเตียนใช้กำลังและพลังงานของตนในการรับใช้พระยะโฮวา! (สุภา. 20:29) ถ้าคุณเป็นคนหนุ่มสาว คุณจะแสดงให้เห็นได้อย่างไรว่าคุณมีใจแรงกล้าเพื่อพระยะโฮวาระหว่างเดือนที่มีกิจกรรมพิเศษนี้?
16 ถ้าคุณยังไม่ได้เป็นผู้ประกาศที่ไม่ได้รับบัพติสมา คุณจะเอื้อมแขนเพื่อสิทธิพิเศษนี้ได้ไหม? จงถามตัวเองด้วยคำถามต่อไปนี้: ‘ฉันมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับความจริงในคัมภีร์ไบเบิลไหม? ฉันต้องการ เข้าร่วมในงานประกาศไหม? ฉันเป็นแบบอย่างในการประพฤติไหม? ฉันสามารถแสดงความเชื่อออกมาได้ไหมด้วยการพูดเรื่องข่าวดีกับคนอื่น? ฉันทำเช่นนั้นเพราะแรงกระตุ้นจากหัวใจไหม?’ ถ้าคุณสามารถตอบคำถามเหล่านี้ว่า ใช่ ก็จงพูดกับบิดามารดาว่าคุณต้องการเป็นผู้ประกาศ. บิดามารดาของคุณอาจเข้าพบผู้ปกครองคนใดคนหนึ่งในคณะกรรมการรับใช้.
17 ถ้าคุณเป็นผู้ประกาศข่าวดีอยู่แล้ว คุณจะฉวยประโยชน์จากช่วงปิดภาคเรียนเพื่อมีส่วนมากขึ้นในงานประกาศได้ไหม? การมีตารางเวลาที่ดีรวมทั้งความช่วยเหลือจากบิดามารดาและคนอื่น ๆ ทำให้เยาวชนหนุ่มสาวหลายคนที่รับบัพติสมาแล้วสามารถเป็นไพโอเนียร์สมทบได้. ถ้าไม่อาจทำได้ ก็จงตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมมากขึ้นในงานรับใช้. จงตั้งเป้าสำหรับตัวเอง. นอกจากเป้าเรื่องเวลาแล้ว อาจตั้งเป้าอีกอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพของงานรับใช้. บางที คุณอาจพยายามอ่านพระคัมภีร์สักข้อหนึ่งในแต่ละบ้าน, ปรับปรุงคุณภาพการกลับเยี่ยม, เริ่มการศึกษาพระคัมภีร์, หรือขยายงานรับใช้ออกไปให้ครอบคลุมถึงการให้คำพยานทางโทรศัพท์หรืองานประกาศในลักษณะอื่น ๆ. จะว่าอย่างไรกับการตั้งเป้าชวนเพื่อนบ้าน, เพื่อนนักเรียน, หรือญาติ ๆ ให้มายังการประชุมอนุสรณ์ร่วมกับคุณในปีนี้? การมีส่วนอย่างเต็มที่ในกิจกรรมตามระบอบของพระเจ้า จะให้บำเหน็จและหนุนกำลังใจคนอื่น ๆ ในประชาคมอย่างแน่นอน.—1 เธ. 5:11.
18 จงช่วยคนใหม่ ๆ ให้ก้าวหน้า: ในแต่ละเดือนระหว่างปีรับใช้ที่ผ่านมา มีการนำการศึกษาพระคัมภีร์ตามบ้านเฉลี่ยแล้ว 2,107 รายในประเทศไทย. สักวันหนึ่ง หลายคนในบรรดานักศึกษาพระคัมภีร์เหล่านี้จะก้าวหน้าถึงขั้นอุทิศตัวและรับบัพติสมา. อย่างไรก็ตาม ก่อนจะถึงจุดนั้น เราจำต้องช่วยพวกเขาให้มีคุณวุฒิที่จะเป็นผู้ประกาศข่าวดี. นี่เป็นขั้นตอนสำคัญในการสอนคนใหม่ ๆ ให้เป็นผู้ติดตามพระเยซูคริสต์. (มัด. 9:9; ลูกา 6:40) คุณมีนักศึกษาพระคัมภีร์ที่พร้อมจะก้าวถึงขั้นนั้นไหม?
19 ถ้าคุณไม่แน่ใจในความก้าวหน้าของนักศึกษา จงขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลการศึกษาหนังสือประจำกลุ่มของคุณหรือจากผู้ดูแลการรับใช้ก็ได้. บางทีคุณอาจชวนเขาไปศึกษาด้วยกัน. พี่น้องเหล่านี้มีประสบการณ์ที่มีค่าซึ่งอาจนำมาใช้ประเมินความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณของนักศึกษาได้. เขาอาจให้ข้อแนะที่จะช่วยนักศึกษาคนนั้นให้ทำความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณต่อไป.
20 เมื่อนักศึกษาของคุณแสดงความสนใจอยากจะเป็นผู้ประกาศที่ยังไม่รับบัพติสมา และคุณรู้สึกว่าเขามีคุณวุฒิ ก็จงพูดเรื่องนี้กับผู้ดูแลผู้เป็นประธาน ซึ่งจะจัดผู้ปกครองสองคนให้พบกับคุณและนักศึกษาของคุณเพื่อพิจารณาว่าเขามีคุณวุฒิหรือไม่ โดยใช้ข้อมูลในหนังสือจัดให้เป็นระเบียบ หน้า 97-99. (ดูหอสังเกตการณ์ 15 พฤศจิกายน 1988 หน้า 19.) หากนักศึกษาได้รับอนุมัติให้เป็นผู้ประกาศ คุณควรเริ่มฝึกเขาทันที. เมื่อเขาส่งรายงาน ก็จะมีคำประกาศต่อประชาคมว่านักศึกษาคนนั้นเป็นผู้ประกาศที่ยังไม่รับบัพติสมา. เราหวังว่าผู้ประกาศใหม่หลายพันคน ทั้งหนุ่มสาวและสูงอายุจะบรรลุขั้นตอนสำคัญดังกล่าวระหว่างเดือนที่มีกิจกรรมพิเศษนี้.
21 การวางแผนช่วยให้ได้ผลดีที่สุด: การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้กิจกรรมในช่วงการประชุมอนุสรณ์นี้สำเร็จผล. (สุภา. 21:5) มีหลายเรื่องที่พวกผู้ปกครองจำต้องเอาใจใส่.
22 เพื่อช่วยให้ประชาคมได้รับผลที่ดีที่สุดในงานรับใช้ พวกผู้ปกครองควรจัดให้มีการประชุมเพื่อการประกาศที่ใช้ได้จริงตลอดสัปดาห์รวมทั้งช่วงสุดสัปดาห์ด้วย. ผู้ดูแลการรับใช้ควรนำหน้าในการจัดเตรียมนี้. อาจจัดการประชุมเพิ่มในตอนเช้าตรู่, ตอนเย็น, หรือในช่วงหัวค่ำได้ไหม? ควรแจ้งประชาคมเรื่องการจัดเตรียมนี้. อาจเป็นประโยชน์หากติดตารางเวลาไว้ที่กระดานคำประกาศ.
23 พวกผู้ปกครองควรจัดเตรียมเรื่องการประชุมอนุสรณ์ให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 16 เมษายน. สิ่งเหล่านี้หมายรวมถึงการประสานงานกับประชาคมอื่นเรื่องการใช้หอประชุมหากมีการใช้ร่วมกัน, การทำความสะอาดหอประชุม, การเลือกผู้ต้อนรับแขกและผู้บริการเครื่องหมาย, และการเตรียมสิ่งซึ่งเป็นเครื่องหมาย. ควรแจ้งประชาคมเรื่องเวลาและสถานที่ของการประชุมอนุสรณ์ รวมทั้งการปรับเปลี่ยนใด ๆ เรื่องตารางการประชุมในสัปดาห์นั้น. การเอาใจใส่อย่างจริงจังในสิ่งเหล่านี้จะทำให้การประชุม “ดำเนินไปอย่างที่ถูกที่ควรและเป็นไปตามระเบียบ.”—1 โก. 14:40, ล.ม.
24 หัวหน้าครอบครัวอาจใช้ส่วนหนึ่งของการศึกษาประจำครอบครัวพิจารณาวิธีที่ครอบครัวอาจมีส่วนในกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นระหว่างช่วงการประชุมอนุสรณ์. ทั้งครอบครัวจะเป็นไพโอเนียร์สมทบได้ไหม? หรือครอบครัวจะสนับสนุนสมาชิกคนหนึ่งหรือมากกว่านั้นให้เป็นไพโอเนียร์ได้ไหม? หากทำไม่ได้ ก็จงตั้งเป้าอย่างใดอย่างหนึ่งในฐานะครอบครัวเพื่อใช้เวลามากขึ้นในงานประกาศ. มีสมาชิกวัยเยาว์ในครอบครัวไหมที่อาจมีคุณวุฒิเป็นผู้ประกาศที่ยังไม่รับบัพติสมาหากได้รับการหนุนกำลังใจและความช่วยเหลือเพิ่มอีกเล็กน้อย? ปีนี้ครอบครัวของคุณจะเชิญคนมายังการประชุมอนุสรณ์ได้กี่คน? การวางแผนที่ดีจะทำให้ทั้งครอบครัวได้รับพระพรและความยินดีมากมาย.
25 ใช้ประโยชน์เต็มที่จากเวลาที่เหลืออยู่: เมื่อเขียนจดหมายถึงคริสเตียนในศตวรรษแรก อัครสาวกเปโตรเตือนพวกเขาเรื่องความเร่งด่วนของเวลา เนื่องจากอวสานของระบบยิวใกล้เข้ามาแล้ว. (1 เป. 4:7) ปัจจุบัน หลักฐานทุกอย่างบ่งชี้ว่าอวสานของระบบโลกปัจจุบันอยู่ใกล้มาก. ในแต่ละวัน รูปแบบชีวิตของเราควรสะท้อนถึงความเชื่อมั่นนี้. ในฐานะผู้รับใช้ที่มีใจแรงกล้าของพระยะโฮวา เราควรจดจ่ออยู่กับงานประกาศข่าวดีอันเป็นงานที่เร่งด่วน.—ติโต 2:13, 14.
26 ปัจจุบันเป็นเวลาสำหรับการมีใจแรงกล้าและการลงมือปฏิบัติ! จงคิดรำพึงถึงสิ่งที่พระยะโฮวาได้ทำเพื่อคุณ, ครอบครัวของคุณ, และประชาคม. แม้เราไม่มีทางทดแทนพระคุณพระองค์ได้หมดสำหรับผลประโยชน์หลายอย่างที่พระองค์ให้แก่เรา แต่เราสามารถถวายการนมัสการสิ้นสุดจิตวิญญาณแด่พระองค์ได้. (เพลง. 116:12-14) ความพยายามอย่างแข็งขันของเราจะได้รับพระพรจากพระยะโฮวาเป็นบำเหน็จ. (สุภา. 10:22) ขอให้เราทุกคนมี “ใจแรงกล้าเพื่อสิ่งที่ดี” ในช่วงเวลาพิเศษที่มีกิจกรรมเพิ่มขึ้นนี้ “เพื่อพระเจ้าจะได้รับการสรรเสริญในทุกสิ่งโดยทางพระเยซูคริสต์.”—1 เป. 3:13, ล.ม.; 4:11, ล.ม.
[กรอบหน้า 3]
ผู้เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์ทั่วโลก
1999 14,088,751
2000 14,872,086
2001 15,374,986
2002 15,597,746
[กรอบหน้า 4]
คุณจะเชิญใครมายังการประชุมอนุสรณ์?
□ ครอบครัวของคุณเองและญาติใกล้ชิด
□ เพื่อนบ้านและคนรู้จัก
□ เพื่อนร่วมงานและเพื่อนนักเรียน
□ รายเยี่ยมและรายศึกษา
[กรอบหน้า 7]
จงช่วยผู้ที่เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์
□ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
□ ติดตามเยี่ยม
□ เสนอการศึกษาพระคัมภีร์
□ เชิญเขามาฟังคำบรรยายพิเศษ
[กรอบหน้า 8]
คุณมีเป้าหมายอะไรในช่วงการประชุมอนุสรณ์?
□ บางคนที่คุณเชิญได้มาร่วมการประชุมอนุสรณ์
□ บรรลุคุณวุฒิสำหรับการเป็นผู้ประกาศข่าวดี
□ อุทิศเวลาจำนวนหนึ่งให้กับงานรับใช้
□ ปรับปรุงงานรับใช้ด้านใดด้านหนึ่ง
□ เป็นไพโอเนียร์สมทบ