แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
© 2024 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
วันที่ 6-12 มกราคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 127-134
คุณที่เป็นพ่อแม่ ขอให้ดูแลลูกของคุณซึ่งเป็นของขวัญที่มีค่าต่อ ๆ ไป
คุณเห็นค่าที่ได้อยู่ในครอบครัวของพระยะโฮวาไหม?
9 พระยะโฮวาให้มนุษย์มีความสามารถที่จะมีลูกและให้พวกเขามีหน้าที่ที่จะสอนลูกให้รักและรับใช้พระองค์ ถึงพระยะโฮวาจะให้ทูตสวรรค์มีความสามารถหลายอย่าง แต่พระองค์ก็ไม่ได้ให้สิทธิพิเศษนี้กับพวกเขา คุณที่เป็นพ่อแม่ คุณเห็นค่าสิทธิพิเศษนี้ไหม? พ่อแม่ต้องไม่ลืมว่าพวกเขาได้รับความไว้วางใจจากพระเจ้าให้ทำหน้าที่สำคัญที่จะเลี้ยงลูก “ด้วยคำสั่งสอนและคำตักเตือนจากพระยะโฮวา” (อฟ. 6:4; ฉธบ. 6:5-7; สด. 127:3) เพื่อพ่อแม่จะทำอย่างนั้นได้ องค์การของพระเจ้าเตรียมเครื่องมือสำหรับการสอนไว้หลายอย่าง เช่น หนังสือ วีดีโอ เพลง และบทความในเว็บไซต์ เห็นชัดเลยว่าพระยะโฮวาและพระเยซูลูกของพระองค์รักเด็ก ๆ มากจริง ๆ (ลก. 18:15-17) ถ้าพ่อแม่พึ่งพระยะโฮวาและพยายามเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด พวกเขาก็ทำให้พระยะโฮวาพอใจ และยังจะทำให้ลูก ๆ มีโอกาสได้เป็นครอบครัวของพระองค์ตลอดไปด้วย
พ่อแม่ สอนลูกของคุณให้รักพระยะโฮวา
20 เข้าใจลูกแต่ละคน สดุดีบท 127 เปรียบลูกกับลูกธนู (อ่านสดุดี 127:4) ลูกธนูอาจทำจากวัสดุที่หลากหลายและมีขนาดแตกต่างกัน ลูกแต่ละคนก็แตกต่างกันด้วย ฉะนั้น พ่อแม่ก็ต้องหาวิธีสอนให้เหมาะกับลูกแต่ละคน สามีภรรยาคู่หนึ่งในประเทศอิสราเอลที่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูก 2 คนให้รับใช้พระยะโฮวาบอกถึงสิ่งที่ช่วยพวกเขาว่า “เราศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับลูก ๆ แยกกัน” หัวหน้าครอบครัวจะเป็นคนตัดสินใจว่าจะเป็นไปได้ไหมหรือจำเป็นไหมที่จะศึกษากับลูกแต่ละคนแยกกัน
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
ต้นมะกอกเทศอันอุดมสมบูรณ์ในพระนิเวศของพระเจ้า
ต้นมะกอกเทศซึ่งมีคุณประโยชน์หลายอย่างเป็นภาพแสดงที่เหมาะเจาะถึงพระพรของพระเจ้า. คนที่เกรงกลัวพระเจ้าจะได้รับรางวัลอย่างไร? ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญร้องเป็นเพลงดังนี้: “ภรรยาของท่านจะเป็นอย่างเถาองุ่นลูกดกอยู่ภายในเรือนของท่าน เด็ก ๆ ของท่านจะเป็นเหมือนหน่อมะกอกเทศรอบสำรับของท่าน.” (บทเพลงสรรเสริญ [สดุดี] 128:3, ฉบับแปลใหม่) “หน่อมะกอกเทศ” ที่ว่านี้คืออะไร และเหตุใดผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญจึงเปรียบหน่อมะกอกเทศเหมือนกับบุตร?
ต้นมะกอกเทศมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งคือ หน่อจะงอกขึ้นมาใหม่อยู่เรื่อย ๆ จากฐานลำต้น. เมื่อต้นแก่แล้ว ลำต้นไม่ออกผลเหมือนเคยอีกต่อไป ผู้ปลูกอาจปล่อยให้มีหลาย ๆ หน่อเติบโตขึ้นมาจนกระทั่งหน่อเหล่านั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของต้น. เมื่อผ่านไปสักช่วงหนึ่ง ต้นดั้งเดิมจะมีลำของต้นอ่อนที่แข็งแรงสามหรือสี่ต้นล้อมรอบมัน เหมือนกับบุตรที่นั่งอยู่รอบโต๊ะ. หน่อเหล่านี้มีเหง้าเดียวกัน และร่วมกันในการให้ผลผลิตมะกอกเทศอย่างงาม.
ลักษณะเช่นนี้ของต้นมะกอกเทศเป็นภาพแสดงที่เหมาะเจาะถึงวิธีที่บุตรชายหญิงสามารถเติบโตขึ้นในความเชื่อโดยอาศัยรากฝ่ายวิญญาณที่แข็งแรงของบิดามารดา. ขณะที่ลูก ๆ เติบโตขึ้น พวกเขาก็เช่นกันมีส่วนร่วมในการเกิดผลและสนับสนุนบิดามารดา ผู้ซึ่งชื่นใจยินดีที่เห็นลูก ๆ รับใช้พระยะโฮวาเคียงข้างกับตน.—สุภาษิต 15:20.
วันที่ 13-19 มกราคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 135-137
“ผู้เป็นนายของพวกเรายิ่งใหญ่กว่าพระอื่น ๆ ทั้งหมด”
it-2-E น. 661 ว. 4-5
พลัง, การอัศจรรย์
การที่พระเจ้าสามารถควบคุมธรรมชาติทำให้พระองค์แตกต่าง เพื่อพระยะโฮวาจะพิสูจน์ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ พระองค์ก็น่าจะต้องแสดงให้เห็นว่าสามารถควบคุมธรรมชาติที่พระองค์สร้างขึ้นมาได้ และทำอย่างที่สอดคล้องกับความหมายของชื่อพระองค์ (สด 135:5, 6) แต่เนื่องจากสิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาสร้างเป็นไปตามธรรมชาติอยู่แล้ว เช่น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวฤกษ์ และดาวเคราะห์โคจรตามวิถีของมัน ส่วนสภาพอากาศต่าง ๆ ในโลกก็เป็นไปตามกฎธรรมชาติทำให้เกิดลมและฝน หรือตั๊กแตนก็ไปกันเป็นฝูงและนกอพยพตามปกติ สิ่งเหล่านี้เลยไม่พอที่จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าชื่อของพระยะโฮวาสมควรได้รับการนับถือตอนที่ถูกดูหมิ่น
แต่พระยะโฮวาก็สามารถใช้สิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติเพื่อพิสูจน์ความเป็นพระเจ้าได้ โดยให้มันเกิดขึ้นแบบเหนือธรรมชาติเพื่อทำให้ความตั้งใจของพระองค์สำเร็จ และมักจะเป็นไปตามเวลาที่บอกไว้ล่วงหน้า ถึงบางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร เช่น ความแห้งแล้ง พายุฝน หรือสภาพอากาศแบบอื่น ๆ แต่ที่สิ่งพิเศษก็คือมันเกิดขึ้นตามคำพยากรณ์ของพระยะโฮวา (เทียบกับ 1พก 17:1; 18:1, 2, 41-45) แต่ในกรณีส่วนใหญ่ สิ่งที่พิเศษก็คือขนาดและความรุนแรงของมัน หรือไม่ก็เกิดขึ้นในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน หรือมาในเวลาที่ผิดปกติ—อพย 9:24; 34:10; 1ซม 12:16-18
คุณเห็นค่าความรักที่มั่นคงของพระยะโฮวาไหม?
16 การที่เรารู้ว่าพระยะโฮวาเป็นเหมือนที่หลบภัยของเราทำให้เรารู้สึกปลอดภัย แต่ถึงอย่างนั้นก็อาจจะมีบางวันที่เรารู้สึกแย่ ไม่มีแรง สู้ต่อไปไม่ไหว ถ้าอย่างนั้นพระยะโฮวาช่วยเรายังไง? (อ่านสดุดี 136:23) พระยะโฮวาจะใช้แขนของพระองค์ประคองเราและพยุงเราให้ลุกขึ้นมาอีกครั้งได้ (สด. 28:9; 94:18) เราได้ประโยชน์ยังไง? เรารู้ว่าเราพึ่งพระยะโฮวาได้เสมอ และนี่ช่วยเรายังไง? อย่างแรก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะปกป้องเรา อย่างที่ 2 เรามั่นใจว่าพ่อในสวรรค์ห่วงใยเราจริง ๆ
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-1-E น. 1248
ยาห์
มีการใช้คำว่า “ยาห์” บ่อย ๆ ในเพลง คำสรรเสริญ คำอธิษฐาน และคำอ้อนวอน ส่วนใหญ่แล้วใช้กับท้องเรื่องที่พูดถึงความสุขตอนที่ได้รับชัยชนะและการช่วยให้รอด หรือใช้เมื่อพูดถึงพลังและอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า มีตัวอย่างมากมายของการใช้คำว่ายาห์เพื่อจุดประสงค์นี้ เช่น วลีที่ว่า “ขอให้สรรเสริญยาห์” (ฮาเลลูยาห์) ถูกใช้หลายครั้งในหนังสือสดุดี และมีการใช้ครั้งแรกที่สดุดี 104:35 ส่วนในสดุดีบทอื่น ๆ มีการใช้วลีนี้เฉพาะตอนต้นสุดของบท (สด 111; 112) หรือใช้ระหว่างบท (สด 135:3) บางครั้งใช้เฉพาะตอนสุดท้ายของบท (สด 104; 105; 115-117) แต่ส่วนใหญ่แล้วใช้ทั้งตอนต้นและตอนสุดท้ายของบท (สด 106; 113; 135; 146-150) ในหนังสือวิวรณ์มีการพูดถึงว่าผู้ที่อยู่ในสวรรค์ใช้วลีที่ว่า “ให้ทุกคนสรรเสริญยาห์” ซ้ำหลายครั้งเพื่อสรรเสริญพระยะโฮวา—วว 19:1-6
ที่อื่น ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลก็ใช้คำว่า “ยาห์” ในเพลงและคำอ้อนวอนเพื่อยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาเหมือนกัน เช่น เพลงฉลองชัยชนะของโมเสส (อพย 15:2) ในหนังสืออิสยาห์มีการใช้ทั้งสองชื่อคือ “ยาห์ ยะโฮวา” เพื่อเป็นการเน้น (อสย 12:2; 26:4) เฮเซคียาห์ใช้คำว่ายาห์ซ้ำหลายครั้งตอนที่เขาพรรณนาความรู้สึกว่ามีความสุขมากแค่ไหนที่ได้รับการรักษาอย่างอัศจรรย์หลังจากที่ป่วยใกล้ตาย (อสย 38:9, 11) นอกจากนั้น มีการเปรียบเทียบคนตายที่สรรเสริญยาห์ไม่ได้กับคนที่ตั้งใจจะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อสรรเสริญพระองค์ (สด 115:17, 18; 118:17-19) ในสดุดีบทอื่น ๆ ก็มีการใช้คำว่ายาห์ในคำอธิษฐานที่แสดงความขอบคุณต่อพระยะโฮวาที่พระองค์ช่วยให้รอด ปกป้อง และว่ากล่าวแก้ไข—สด 94:12; 118:5, 14
วันที่ 20-26 มกราคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 138-139
อย่ากลัวจนไม่กล้าตอบที่การประชุม
สรรเสริญพระยะโฮวาในการประชุม
10 แค่คิดจะยกมือตอบ คุณก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนทุกครั้งไหม? ถ้าใช่ คุณไม่ได้เป็นแบบนี้คนเดียว ความจริงก็คือพวกเราส่วนใหญ่รู้สึกกลัวเหมือนกันตอนที่จะตอบ ก่อนจะรู้วิธีรับมือกับเรื่องนี้ คุณต้องรู้ก่อนว่าทำไมถึงไม่กล้าตอบ มันเป็นเพราะคุณกลัวว่าจะลืมคำตอบหรือกลัวจะพูดผิดไหม? หรือคุณกลัวว่าจะตอบได้ไม่ดีเหมือนคนอื่นไหม? ที่จริง การกลัวแบบนั้นอาจจะดี เพราะแสดงว่าคุณเป็นคนถ่อมและมองว่าคนอื่นดีกว่าคุณ พระยะโฮวาชอบคุณลักษณะแบบนั้น (สด. 138:6; ฟป. 2:3) แต่พระองค์ก็อยากให้คุณสรรเสริญพระองค์และให้กำลังใจพี่น้องในการประชุมด้วย (1 ธส. 5:11) พระองค์รักคุณและจะให้ความกล้าหาญที่จำเป็นกับคุณ
ให้กำลังใจกันในการประชุม
7 หอสังเกตการณ์ หลายฉบับเคยมีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น ให้เตรียมการประชุมอย่างดี (สภษ. 21:5) ยิ่งคุณคุ้นเคยกับเนื้อหา คุณก็ยิ่งรู้สึกกล้าตอบมากขึ้น นอกจากนั้น ให้ตอบสั้น ๆ (สภษ. 15:23; 17:27) การตอบสั้น ๆ จะช่วยให้คุณกลัวน้อยลง คุณอาจตอบแค่หนึ่งหรือสองประโยคก็ได้ คำตอบแบบนี้จะทำให้พี่น้องเข้าใจกว่าคำตอบยาว ๆ ที่เน้นหลายจุดมากเกินไป ถ้าคุณตอบสั้น ๆ เป็นคำพูดของตัวเองก็แสดงว่าคุณเตรียมตัวมาอย่างดีและเข้าใจเนื้อหาจริง ๆ
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
‘จงอภัยให้กันอย่างใจกว้างอยู่เรื่อยไป’
15 อย่างไรก็ตาม จะว่าอย่างไรหากคนอื่นทำผิดต่อเราในลักษณะที่ก่อให้เกิดบาดแผลลึกมาก และถึงขนาดนี้ผู้ทำผิดก็ยังไม่ยอมรับผิด, ไม่กลับใจ, และไม่ขออภัย? (สุภาษิต 28:13) พระคัมภีร์ระบุชัดเจนว่า พระยะโฮวาไม่ทรงให้อภัยผู้ทำบาปที่ไม่กลับใจและดื้อด้าน. (เฮ็บราย 6:4-6; 10:26, 27) จะว่าอย่างไรสำหรับพวกเรา? การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ กล่าวดังนี้: “คริสเตียนไม่ถูกเรียกร้องที่จะให้อภัยคนที่ทำบาปอย่างชั่วร้ายโดยจงใจ, อีกทั้งไม่กลับใจด้วย. คนเช่นนั้นกลายเป็นศัตรูของพระเจ้า.” (เล่ม 1 หน้า 862) คริสเตียนคนใดก็ตามที่ได้ตกเป็นผู้เสียหายจากการปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม, น่าขยะแขยง, หรือทารุณอย่างยิ่งไม่ควรรู้สึกว่าจำต้องให้อภัยหรือยกโทษให้ผู้ทำผิดที่ไม่กลับใจ.—บทเพลงสรรเสริญ 139:21, 22.
วันที่ 27 มกราคม–2 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 140-143
พยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้หลังจากอธิษฐานขอความช่วยเหลือแล้ว
“ฟังคำของคนฉลาด”
13 มองว่าคำแนะนำเป็นหลักฐานแสดงว่าพระเจ้ารักเรา พระยะโฮวาหวังดีกับเราเสมอ (สภษ. 4:20-22) ถ้าเราได้รับคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิล หนังสือและสื่อขององค์การ หรือจากพี่น้องที่มีประสบการณ์ก็แสดงว่าพระยะโฮวารักเรา ฮีบรู 12:9, 10 บอกว่า “พระเจ้าสั่งสอนเราเพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง”
14 ดูที่คำแนะนำ ไม่ใช่วิธีให้คำแนะนำ บางครั้งเราอาจจะรู้สึกว่าเราไม่ชอบวิธีที่บางคนแนะนำเราเลย ก็จริงที่เราทุกคนต้องพยายามแนะนำในแบบที่คนอื่นยอมรับได้ง่าย (กท. 6:1) แต่ถึงเราจะรู้สึกว่าคนที่แนะนำเราน่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ ให้เราสนใจที่คำแนะนำไม่ใช่วิธีของเขา เราควรถามตัวเองว่า ‘ถึงฉันไม่ชอบวิธีที่เขาแนะนำฉัน แต่บางอย่างที่เขาพูด มันถูกไหม? ฉันจะมองข้ามข้อเสียของเขา และมองที่ประโยชน์จากคำแนะนำของเขาได้ไหม?’ ถ้าทุกครั้งที่เราได้รับคำแนะนำ เราพยายามมองที่ประโยชน์ของคำแนะนำนั้น เราก็จะเป็นคนฉลาด—สภษ. 15:31
รักษา “ใจบริสุทธิ์” ในสมัยอันวิกฤตินี้
ความกดดันจากผู้ต่อต้าน, ปัญหาเศรษฐกิจ, และความเจ็บป่วยร้ายแรงทำให้ผู้รับใช้พระเจ้าบางคนท้อแท้. บางครั้ง หัวใจของพวกเขาได้รับผลกระทบที่ไม่ดีด้วย. แม้แต่กษัตริย์ดาวิดก็มีประสบการณ์เช่นเดียวกันนั้น ดังที่ท่านกล่าวว่า “จิตวิญญาณของข้าพระองค์จึงอ่อนล้าอยู่ภายใน จิตใจของข้าพระองค์ก็ท้อแท้อยู่ภายใน.” (เพลง. 143:4, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย) อะไรช่วยท่านให้ผ่านพ้นช่วงเวลานั้นไปได้? ดาวิดระลึกถึงสิ่งที่พระเจ้าทำเพื่อผู้รับใช้ของพระองค์และวิธีที่ท่านเองได้รับการช่วยให้รอด. ท่านใคร่ครวญสิ่งที่พระยะโฮวาทำเพื่อเห็นแก่พระนามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์. ดาวิดจดจ่ออยู่กับพระราชกิจของพระเจ้าเสมอ. (เพลง. 143:5) ในทำนองเดียวกัน การคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับพระผู้สร้างและทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทำไปแล้วและสิ่งที่พระองค์ยังคงทำเพื่อเราจะช่วยเราแม้แต่เมื่อเผชิญกับความยากลำบาก.
คำสั่งที่ให้แต่งงานกับ “ผู้ที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า” เท่านั้น ยังใช้ได้จริง ๆ ไหม?
บางครั้ง คุณอาจรู้สึกเหมือนดาวิดที่บอกว่า ‘ข้าแต่พระยะโฮวา จิตต์วิญญาณของข้าพเจ้าอ่อนละเหี่ยสลบไป ขอโปรดตอบโดยเร็ว ขออย่าซ่อนหน้าจากข้าพเจ้า’ (เพลง. 143:5-7, 10) ขอคุณอย่าเลิกล้มความตั้งใจ คุณอาจรอพระยะโฮวาแสดงให้เห็นว่าพระองค์อยากให้คุณทำอะไร ขณะที่ทำอย่างนั้น ขอให้คุณฟังพระองค์โดยอ่านคัมภีร์ไบเบิลและไตร่ตรองเรื่องที่อ่าน นั่นจะช่วยให้รู้ว่าพระองค์ต้องการให้คุณทำอะไรและพระองค์เคยช่วยผู้รับใช้ในอดีตอย่างไร แล้วคุณก็จะมั่นใจมากขึ้นที่จะเชื่อฟังพระองค์ต่อ ๆ ไป
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-2-E น. 1151
พิษ
การใช้ในเชิงเปรียบเทียบ การที่คนชั่วโกหกและพูดใส่ร้ายคนอื่นสามารถทำลายชื่อเสียงของคน เหมือนกับที่พิษงูทำให้ถึงตายได้ (สด 58:3, 4) มีการพูดถึงคนที่ใส่ร้ายคนอื่นว่า “มีพิษงูอยู่ในปากพวกเขา” เพราะปกติแล้วต่อมพิษของงูจะอยู่ที่เพดานปากหลังเขี้ยวงู (สด 140:3; รม. 3:13) ถ้าเราใส่ร้ายป้ายสี สอนคำสอนเท็จ หรือใช้คำพูดแบบอื่น ๆ ที่ส่งผลเสียก็เหมือนมีลิ้นที่ “มีพิษร้ายถึงตาย”—ยก 3:8
วันที่ 3-9 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 144-146
“ประชาชนที่มีพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าก็มีความสุข”
คำถามจากผู้อ่าน
2. การดูท้องเรื่องของสดุดีบทนี้ การใช้คำว่า “แล้ว” ในข้อ 12 ทำให้รู้ว่าสิ่งดี ๆ ที่พูดถึงในข้อ 12-14 จะเกิดขึ้นกับคนดีซึ่งขอพระเจ้า ‘ช่วยเขาให้รอด’ จากคนชั่วที่พูดถึงในข้อ 11 และความเข้าใจนี้ยังมีผลกับข้อ 15 ด้วยซึ่งทำให้เราเข้าใจว่า คำว่า “ความสุข” ที่พูดถึง 2 ครั้งในข้อ 15 ใช้กับคนกลุ่มเดียวกัน ซึ่งก็คือ “ประชาชนที่มีพระยะโฮวาเป็นพระเจ้า”
3. ความเข้าใจนี้สอดคล้องกับข้อคัมภีร์อื่น ๆ ที่เป็นคำสัญญาจากพระเจ้าว่าพระองค์จะให้สิ่งดี ๆ กับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ ในสดุดีบทนี้ ดาวิดซึ่งเป็นผู้เขียนมั่นใจแน่นอนว่า หลังจากที่พระเจ้าช่วยชาวอิสราเอลให้รอดจากศัตรูแล้ว พระองค์จะอวยพรประชาชนให้มีความสุขความเจริญ (เลวีนิติ 26:9, 10; เฉลยธรรมบัญญัติ 7:13; สดุดี 128:1-6) เรื่องนี้สอดคล้องกับข้อคัมภีร์อื่น ๆ เช่น เฉลยธรรมบัญญัติ 28:4 บอกว่า “คุณจะได้รับพรให้มีลูกหลานมากมาย พืชผลในไร่นาจะอุดมสมบูรณ์ และฝูงสัตว์ของคุณก็จะมีลูกดก ทั้งลูกวัวและลูกแกะ” แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ในช่วงที่โซโลมอนลูกชายของดาวิดปกครองเป็นกษัตริย์ ชาติอิสราเอลมีความสงบสุขและเจริญรุ่งเรืองมาก ไม่ใช่แค่นั้น การปกครองของโซโลมอนเป็นภาพที่แสดงล่วงหน้าถึงการปกครองของเมสสิยาห์ด้วย—1 พงศ์กษัตริย์ 4:20, 21; สดุดี 72:1-20
ให้ความหวังของคุณชัดเจนเสมอ
16 ความหวังเรื่องชีวิตตลอดไปเป็นของขวัญที่มีค่ามากจากพระเจ้า เรารอคอยให้ความหวังที่ยอดเยี่ยมนี้เกิดขึ้นจริงในอนาคตและมั่นใจว่ามันจะเป็นจริงแน่นอน ความหวังเป็นเหมือนสมอเรือทำให้เราอดทนกับความยากลำบาก การข่มเหง และอดทนได้ถึงแม้เรารู้ว่าจะต้องตาย ความหวังเป็นเหมือนหมวกเกราะที่ป้องกันความคิดเพื่อที่เราจะไม่ทำสิ่งที่ผิดและตั้งใจทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ ความหวังในคัมภีร์ไบเบิลยังทำให้เราสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้นและทำให้รู้ว่าพระองค์รักเราขนาดไหน เราได้ประโยชน์แน่นอนถ้าเรามั่นใจในความหวังและทำให้ความหวังของเราชัดเจนเสมอ
17 ตอนที่เปาโลเขียนถึงพี่น้องในโรม เขาบอกให้พี่น้องที่นั่น “มีความสุขกับความหวัง” (รม. 12:12) เปาโลมีความสุขเพราะมั่นใจว่าถ้าเขาซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาเสมอ เขาจะได้ชีวิตตลอดไปในสวรรค์ เราเองก็มีความสุขกับความหวังได้เพราะมั่นใจว่าพระยะโฮวารักษาสัญญาแน่นอน ผู้เขียนหนังสือสดุดีบอกว่า “คนที่ . . . มีความสุข คือคนที่หวังพึ่งพระยะโฮวาพระเจ้าของเขา [พระองค์] เป็นผู้ซื่อสัตย์เสมอ”—สด. 146:5, 6
ความรักแบบไหนทำให้มีความสุขจริง ๆ?
19 โลกของซาตานทำให้ผู้คนทนทุกข์มา 6,000 ปีแล้ว ตอนนี้เรากำลังอยู่ในสมัยสุดท้าย โลกนี้เต็มไปด้วยคนที่รักแต่ตัวเอง รักเงิน และรักความสนุกสนาน พวกเขาคิดจะเอาแต่ได้และให้ความต้องการของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต แต่คนเหล่านั้นไม่ได้มีความสุขจริง ๆ ตรงกันข้าม คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คนที่มีพระเจ้าของยาโคบเป็นผู้ช่วยก็มีความสุข คือคนที่หวังพึ่งพระยะโฮวาพระเจ้าของเขา”—สดุดี 146:5
20 ผู้รับใช้พระยะโฮวารักพระองค์มาก และทุกปีมีผู้คนมากมายเข้ามารู้จักและรักพระองค์ด้วย นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่ารัฐบาลของพระเจ้ากำลังปกครองอยู่ อีกไม่นานรัฐบาลนี้จะช่วยให้เราได้รับพรต่าง ๆ มากมายอย่างที่เราคาดไม่ถึง และถ้าเราทำสิ่งที่พระยะโฮวาบอก เราก็กำลังทำให้พระองค์มีความสุขและเราเองก็จะมีความสุขด้วย นี่เป็นความสุขแท้ คนที่รักพระยะโฮวาจะมีความสุขตลอดไป ในบทความหน้า เราจะดูด้วยกันเกี่ยวกับนิสัยไม่ดีบางอย่างที่เป็นผลจากการมีความรักที่เห็นแก่ตัว จากนั้น เราจะดูว่านิสัยที่ไม่ดีเหล่านี้ตรงข้ามกับนิสัยดี ๆ ของคนที่รับใช้พระยะโฮวาอย่างไร
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-1-E น. 111 ว. 9
สัตว์
คัมภีร์ไบเบิลสอนว่าให้ปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและแสดงความเมตตากับสัตว์ ที่จริง พระยะโฮวาแสดงให้เห็นว่าพระองค์ดูแลสัตว์ด้วยความรักและให้พวกมันมีความเป็นอยู่ที่ดี (สภษ. 12:10; สด. 145:15, 16) กฎหมายของโมเสสกำหนดว่าสัตว์เลี้ยงต้องได้รับการดูแลอย่างดี เช่น ถ้าเห็นสัตว์เลี้ยงหลงทาง ต้องพากลับไปหาเจ้าของอย่างปลอดภัย หรือเมื่อมันบรรทุกของหนักแล้วล้ม ก็ต้องช่วยมัน (อพย. 23:4, 5) ต้องใช้งานสัตว์อย่างมีมนุษยธรรม (ฉธบ. 22:10; 25:4) ต้องให้สัตว์หยุดพักในวันสะบาโตเหมือนกับมนุษย์ (อพย 20:10; 23:12; ฉธบ 5:14) ต้องควบคุมสัตว์ที่อันตรายหรือไม่ก็ฆ่ามันทิ้ง (ปฐก 9:5; อพย 21:28, 29) ต้องไม่เอาสัตว์ต่างชนิดมาผสมพันธุ์กัน—ลนต 19:19
วันที่ 10-16 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 147-150
เรามีเหตุผลมากมายที่จะสรรเสริญยาห์
ทำไมเราต้อง “สรรเสริญยาห์”?
5 พระยะโฮวาให้กำลังใจไม่เฉพาะกับชาติอิสราเอลทั้งชาติ แต่พระองค์ให้กำลังใจพวกเขาแต่ละคน และพระองค์ก็ให้กำลังใจเราในทุกวันนี้ด้วย ผู้เขียนหนังสือสดุดีบอกว่า พระเจ้า “รักษาคนที่ใจแตกสลาย และพันแผลให้พวกเขา” (สด. 147:3) ถ้าเราเจ็บป่วยหรือซึมเศร้า เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาเป็นห่วงเรา พระองค์อยากให้กำลังใจเราและรักษาบาดแผลทางอารมณ์ของเรา (สด. 34:18; อสย. 57:15) พระองค์ให้สติปัญญากับกำลังเพื่อที่เราจะรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ที่เราต้องเจอได้—ยก. 1:5
6 จากนั้น ผู้เขียนหนังสือสดุดีมองท้องฟ้าและพูดว่า พระยะโฮวา “นับดาวและเรียกชื่อดาวทุกดวง” (สด. 147:4) บนท้องฟ้าเขาเห็นดวงดาวมากมาย แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วมีดวงดาวมากขนาดไหน ในทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์รู้ว่ามีดาวหลายพันล้านดวงในกาแล็กซีของเรา และทั้งเอกภพของเราอาจมีกาแล็กซีอีกเป็นล้าน ๆ กาแล็กซี มนุษย์นับดวงดาวไม่ได้แต่พระเจ้าผู้สร้างนับได้ ที่จริง พระองค์รู้จักดวงดาวแต่ละดวงเป็นอย่างดีและตั้งชื่อให้พวกมัน (1 คร. 15:41) ถ้าพระเจ้ารู้จักดาวแต่ละดวงขนาดนั้น พระองค์ก็รู้จักคุณด้วย ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนพระองค์ก็รู้ ไม่ใช่แค่นั้นพระองค์ยังรู้ด้วยว่าคุณรู้สึกอย่างไรและต้องการอะไรจริง ๆ
ทำไมเราต้อง “สรรเสริญยาห์”?
7 พระยะโฮวาเข้าใจว่าคุณกำลังเจอกับอะไร และพระองค์มีอำนาจที่จะช่วยคุณรับมือกับปัญหาต่าง ๆ (อ่านสดุดี 147:5) คุณอาจรู้สึกว่าปัญหาที่คุณเจอนั้นยากเกินกว่าที่จะรับมือไหว แต่พระเจ้าเข้าใจขีดจำกัดของพวกเราและ “ไม่ลืมว่าพวกเราเป็นแค่ดิน” (สด. 103:14) เราไม่สมบูรณ์แบบ เราอาจทำผิดพลาดแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก และเราอาจท้อแท้ เราอาจมานั่งเสียใจกับคำพูดบางอย่างที่เราได้พูดออกไป หรือเสียใจที่เรามีความต้องการผิด ๆ หรือมีความอิจฉา ถึงแม้ว่าพระยะโฮวาไม่มีข้ออ่อนแออะไร แต่พระองค์เข้าใจความรู้สึกทุกอย่างของเรา—อสย. 40:28
ทำไมเราต้อง “สรรเสริญยาห์”?
18 ผู้เขียนหนังสือสดุดีรู้ว่า พระยะโฮวาได้เลือกชาติอิสราเอลโบราณมาเป็นประชาชนของพระองค์ พวกเขาเป็นชาติเดียวที่ได้รับ “คำสั่ง” และ “ข้อกำหนด” ของพระองค์ (อ่านสดุดี 147:19, 20) ในทุกวันนี้ เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ถูกเรียกตามชื่อของพระเจ้า เราขอบคุณที่ได้มารู้จักพระองค์ ขอบคุณที่มีคัมภีร์ไบเบิลชี้นำชีวิตเรา และขอบคุณที่เราสามารถใกล้ชิดกับพระองค์ได้ เหมือนกับผู้เขียนหนังสือสดุดีบท 147 คุณก็มีเหตุผลมากมายที่จะ “สรรเสริญยาห์” และสนับสนุนคนอื่น ๆ ให้ทำแบบเดียวกัน
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
อำนาจในการสร้างของ “ผู้สร้างฟ้าและโลก”
16 สดุดี 148:10 ยังพูดถึง “นก” ด้วย ลองคิดถึงความหลากหลายของนกดูสิ พระยะโฮวาบอกโยบเกี่ยวกับนกกระจอกเทศซึ่ง “หัวเราะเยาะม้าและคนขี่” ถึงนกนี้จะสูง 2.5 เมตรและบินไม่ได้ แต่มันสามารถวิ่งได้ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แค่เดินก้าวเดียวมันก็ไปได้ไกลถึง 4.5 เมตรแล้ว (โยบ 39:13, 18) ในอีกด้านหนึ่ง ก็มีนกแอลบาทรอสที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตบินอยู่บนท้องฟ้าเหนือทะเล นกที่เป็นเหมือนเครื่องร่อนธรรมชาตินี้มีปีกกว้างประมาณ 3 เมตร และอาจบินร่อนอยู่นานหลายชั่วโมงได้โดยไม่ต้องกระพือปีก และยังมีนกที่เล็กที่สุดในโลกคือนกฮัมมิงเบิร์ดผึ้งซึ่งมีความยาวแค่ 5 เซนติเมตรเท่านั้น แต่มันอาจกระพือปีกได้ถึง 80 ครั้งต่อวินาที นกฮัมมิงเบิร์ดมีสีสันระยิบระยับเหมือนอัญมณีสามารถบินลอยตัวได้เหมือนเฮลิคอปเตอร์และยังบินถอยหลังได้อีกด้วย
วันที่ 17-23 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สุภาษิต 1
วัยรุ่น คุณจะฟังใคร?
อย่าให้อะไรทำให้คุณพลาดรางวัล
16 บางทีคุณอาจเป็นวัยรุ่นและรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจคุณหรือเข้มงวดกับคุณมากเกินไป นี่อาจทำให้คุณเซ็งมากจนเริ่มไม่แน่ใจว่าจะเป็นพยานฯดีรึเปล่า แต่ถ้าคุณเลิกรับใช้พระยะโฮวา คุณก็จะรู้ว่าไม่มีใครในโลกนี้อีกแล้วที่จะรักคุณได้มากเท่ากับพ่อแม่ที่เป็นพยานฯและเพื่อนในประชาคม
17 คุณคิดว่าพ่อแม่จะเป็นห่วงคุณจริง ๆ ไหมถ้าพวกเขาไม่เคยว่าไม่เคยสอนคุณเลย? (ฮีบรู 12:8) พ่อแม่ของคุณไม่สมบูรณ์แบบ ดังนั้น วิธีที่พ่อแม่สอนอาจไม่ถูกใจคุณ แต่อย่าไปมองตรงนั้น ให้เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ถึงพูดและทำอย่างนั้น ใจเย็น ๆ ไว้ อย่าเพิ่งหงุดหงิดหรือใช้อารมณ์ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คนที่มีความรู้จะไม่พูดมาก และคนที่รู้จักแยกแยะจะสงบปากสงบคำ” (สุภาษิต 17:27) ขอให้ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น โดยยอมรับคำแนะนำและเต็มใจเรียนรู้ไม่ว่าคนที่สอนจะใช้วิธีไหนก็ตาม (สุภาษิต 1:8) และอย่าลืมว่าการมีพ่อแม่ที่รักพระยะโฮวามันเป็นของขวัญที่มีค่ามากจริง ๆ พวกเขาอยากช่วยคุณให้มีชีวิตตลอดไป
จงรักษาเอกลักษณ์คริสเตียนของเราไว้
11 แสวงหาความพอพระทัยจากพระเจ้า ไม่ใช่จากมนุษย์. เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่คนเราจะกำหนดเอกลักษณ์ของตัวเองส่วนหนึ่งโดยการเข้ากลุ่ม. ทุกคนจำเป็นต้องมีเพื่อน และการได้รับการยอมรับทำให้เรามีความสุขและรู้สึกมั่นคงปลอดภัย. ในช่วงวัยรุ่น—รวมทั้งช่วงหลังของชีวิต—แรงกดดันจากคนรอบข้างอาจมีพลังมาก ทำให้เราปรารถนาที่จะทำตามคนอื่นหรือทำให้คนอื่นพอใจ. แต่เพื่อนฝูงหรือคนรอบข้างไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับเราเสมอไป. บางครั้งพวกเขาเพียงแต่ต้องการคนมาร่วมกันทำสิ่งที่ไม่ดี. (สุภาษิต 1:11-19) เมื่อคริสเตียนพ่ายต่อแรงกดดันจากคนรอบข้าง เขาก็มักจะพยายามปิดบังว่าตัวเองเป็นคริสเตียน. (บทเพลงสรรเสริญ 26:4) อัครสาวกเปาโลเตือนว่า “อย่าประพฤติตามอย่างที่โลกแวดล้อมท่าน.” (โรม 12:2, เดอะ เจรูซาเลม ไบเบิล) พระยะโฮวาทรงประทานความแข็งแกร่งภายในที่จำเป็นเพื่อเราจะสามารถต้านทานอิทธิพลใด ๆ จากภายนอกที่กดดันเราให้ทำตาม.—เฮ็บราย 13:6.
12 เมื่อแรงกดดันจากคนรอบข้างเป็นภัยคุกคามต่อความสำนึกในเอกลักษณ์ความเป็นคริสเตียนของเรา เราควรระลึกว่าความภักดีของเราต่อพระเจ้ามีความสำคัญยิ่งกว่าความเห็นของผู้คนทั่วไปหรือกระแสของคนส่วนใหญ่มากนัก. ข้อความที่เอ็กโซโด 23:2 (ล.ม.) ให้หลักการที่ปกป้องเรา ซึ่งกล่าวว่า “อย่าติดตามคนหมู่มากที่มีเป้าหมายชั่ว.” เมื่อเพื่อนร่วมชาติชาวอิสราเอลส่วนใหญ่สงสัยความสามารถของพระยะโฮวาที่จะทำให้สำเร็จได้ตามคำสัญญาของพระองค์ คาเลบปฏิเสธอย่างแข็งขันที่จะติดตามกระแสของคนหมู่มาก. ท่านมั่นใจว่าคำสัญญาของพระเจ้าวางใจได้ และท่านได้รับพระพรมากมายจากการยืนหยัดเช่นนั้น. (อาฤธโม 13:30; ยะโฮซูอะ 14:6-11) คุณพร้อมจะทำคล้าย ๆ กันนั้นไหมที่จะต้านทานแรงกดดันจากทัศนคติของคนส่วนใหญ่เพื่อรักษาสัมพันธภาพที่คุณมีกับพระเจ้า?
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
ห22.10 น. 19 ว. 6; น. 21 ว. 11
สติปัญญาแท้กำลังร้องเสียงดัง
6 หลายคนไม่ฟังตอนที่สติปัญญาแท้ “ร้องเสียงดังอยู่ตามถนน” คัมภีร์ไบเบิลบอกว่ามีคน 3 กลุ่มที่ไม่สนใจสติปัญญาคือ “คนขาดประสบการณ์” “คนชอบเยาะเย้ย” และ “คนโง่” (อ่านสุภาษิต 1:22-25) ให้เรามาดูกันว่าคนเหล่านี้มีนิสัยอะไรที่ทำให้พวกเขาไม่สนใจสติปัญญาของพระเจ้า และดูว่าเราจะทำยังไงเพื่อจะไม่มีนิสัยแบบนี้
11 คนกลุ่มที่ 3 ที่ไม่สนใจสติปัญญาก็คือ “คนโง่” ที่พวกเขาโง่ก็เพราะไม่ได้ใช้ชีวิตตามมาตรฐานด้านศีลธรรมของพระเจ้า พวกเขาคิดว่าสิ่งที่พวกเขาทำก็ดีอยู่แล้ว (สภษ. 12:15) พวกเขาไม่สนใจพระยะโฮวาผู้ให้สติปัญญาแท้ (สด. 53:1) เราอาจเคยเจอคนแบบนี้ตอนที่เราไปประกาศ พวกเขาจะชอบว่าเราแรง ๆ ที่เราทำตามมาตรฐานในคัมภีร์ไบเบิล แต่พวกเขาก็ไม่มีอะไรดี ๆ จะให้คนอื่นเหมือนกัน คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คนโง่ไม่อาจมีสติปัญญาแท้ได้ เขาไม่รู้จะพูดอะไรที่ประตูเมือง” (สภษ. 24:7) คนโง่ไม่มีคำแนะนำดี ๆ ให้คนอื่น เลยไม่แปลกที่พระยะโฮวาจะเตือนเราว่า “อยู่ให้ห่างคนโง่ไว้”—สภษ. 14:7
วันที่ 24 กุมภาพันธ์–2 มีนาคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สุภาษิต 2
ทำไมคุณต้องพยายามศึกษาส่วนตัว?
“ใช้ชีวิตตามความจริง”
16 ไม่ใช่ทุกคนจะชอบอ่านและชอบศึกษา แต่พระยะโฮวาชวนเราให้ “หา” และ “ค้นหาต่อ ๆ ไป” เพื่อจะเข้าใจความจริงในคัมภีร์ไบเบิลลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ (อ่านสุภาษิต 2:4-6) ถ้าเราพยายามทำอย่างนั้น เราจะได้ประโยชน์แน่นอน พี่น้องที่ชื่อโครีย์เล่าว่าตอนที่เขาอ่านคัมภีร์ไบเบิล เขาจะสนใจข้อคัมภีร์ทีละข้อ เขาบอกว่า “ผมจะอ่านทุก ๆ เชิงอรรถ ค้นดูทุก ๆ ข้ออ้างโยง และค้นคว้าเพิ่มเติม . . . ผมได้รับประโยชน์มากจากการอ่านโดยวิธีนี้!” ไม่ว่าเราจะใช้วิธีเดียวกันกับพี่น้องโครีย์หรือจะใช้วิธีอื่น ถ้าเราออกความพยายามและใช้เวลาเพื่อจะศึกษาค้นคว้าคัมภีร์ไบเบิล เราก็กำลังแสดงว่าเราเห็นค่าความจริง—สด. 1:1-3
สติปัญญาแท้กำลังร้องเสียงดัง
3 สติปัญญาหมายถึงการเอาความรู้ไปใช้ในชีวิตและตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง แต่สติปัญญาแท้เป็นอะไรที่มากกว่านั้น คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ความเกรงกลัวพระยะโฮวาเป็นจุดเริ่มต้นของสติปัญญา และความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าองค์บริสุทธิ์ทำให้มีความเข้าใจ” (สภษ. 9:10) ดังนั้น เราต้องหา “ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าองค์บริสุทธิ์” นั่นหมายความว่าเราต้องรู้ว่าพระยะโฮวาคิดยังไงแล้วก็ตัดสินใจแบบพระองค์ วิธีหนึ่งที่เราจะทำแบบนั้นได้ก็คือค้นดูในคัมภีร์ไบเบิลและหนังสือที่อธิบายคัมภีร์ไบเบิล เมื่อทำแบบนั้น เราก็มีสติปัญญาแท้—สภษ. 2:5-7
4 สติปัญญามาจากพระยะโฮวา และพระองค์เป็นผู้เดียวที่ให้สติปัญญาแท้กับเราได้ (รม. 16:27) ทำไมเราถึงบอกแบบนั้น? อย่างแรกเพราะพระองค์เป็นผู้สร้าง พระองค์มีความรู้ไม่จำกัด พระยะโฮวารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับทุกสิ่งที่พระองค์สร้าง (สด. 104:24) อย่างที่ 2 ทุกอย่างที่พระองค์ทำแสดงว่าพระองค์เป็นพระเจ้าที่ฉลาดมาก (รม. 11:33) อย่างที่ 3 คำแนะนำทุกอย่างที่มาจากพระยะโฮวาเป็นประโยชน์กับเราเสมอ (สภษ. 2:10-12) ถ้าเราอยากได้สติปัญญาแท้ เราต้องยอมรับความจริงทั้ง 3 อย่างนี้ และไม่ว่าเราจะตัดสินใจเรื่องอะไรหรือจะทำอะไร เราต้องคิดถึง 3 อย่างนี้ตลอด
เด็กวัยรุ่น ทำให้ความเชื่อของคุณเข้มแข็งขึ้น
2 ผู้คนจำนวนมากในทุกวันนี้ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าที่สร้างตัวเรา ถ้าคุณเป็นผู้รับใช้พระยะโฮวาที่ยังเป็นวัยรุ่น หรือเป็นคนที่กำลังเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์ บางครั้งคุณอาจสงสัยว่าคุณจะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่ามีพระเจ้าที่สร้างตัวคุณ คัมภีร์ไบเบิลช่วยเราให้คิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องที่เราอ่านหรือได้ยินและพยายามคิดหาเหตุผล คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ความสุขุมรอบคอบจะปกป้องลูก” การเป็นคนสุขุมรอบคอบหรือเป็นคนรู้จักคิดจะปกป้องคุณได้อย่างไร? ถ้าเราคิดเป็น เราก็จะไม่ไปหลงเชื่อคำสอนผิด ๆ ที่ทำลายความเชื่อของเรา—อ่านสุภาษิต 2:10-12
3 เพื่อเราจะมีความเชื่อที่เข้มแข็งในพระยะโฮวา เราต้องรู้จักพระองค์เป็นอย่างดี (1 ทธ. 2:4) ดังนั้น ตอนที่อ่านคัมภีร์ไบเบิลหรือหนังสือต่าง ๆ ที่มาจากองค์การ คุณต้องไม่อ่านแบบผ่าน ๆ แต่คุณควรใช้เวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ได้อ่าน และพยายามเข้าใจเรื่องที่อ่าน (มธ. 13:23) ในบทความนี้เราจะมาดูด้วยกันว่า ถ้าคุณอ่านและศึกษาแบบนี้ คุณจะเห็นหลักฐานมากขึ้นได้อย่างไรว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่สร้างตัวคุณ และคัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือที่มาจากพระองค์จริง ๆ—ฮบ. 11:1
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
“เพื่อจะช่วยเจ้าให้พ้นจากทางของคนชั่ว”
ในทางใดบ้างที่สติปัญญา, ความรู้, ความสามารถในการคิด, และความสังเกตเข้าใจจะเป็นเครื่องป้องกันได้?” [สิ่งเหล่านั้น] จะช่วยเจ้าให้พ้นจากทางของคนชั่ว, เพื่อให้พ้นจากคนที่พูดดึงดันไปในทางหลงผิด; คนที่ละทิ้งทางของความตรง, เพื่อเดินในทางของความมืดมน; คนที่ยินดีทำความชั่ว, และชื่นบานอยู่ในการหลงผิดของคนชั่ว; คนที่คดในทางของเขา, และดื้อดึงอยู่ในทางทั้งหลายของเขา.”—สุภาษิต 2:12-15.
ใช่แล้ว บรรดาผู้ที่รักสติปัญญาแท้ย่อมหลีกเว้นการคบหากับคนที่ “พูดดึงดันไปในทางหลงผิด” นั่นคือพูดสิ่งที่ขัดต่อความจริงและความถูกต้อง. ความสามารถในการคิดและการสังเกตเข้าใจย่อมปกป้องให้พ้นจากคนที่ปฏิเสธความจริงแล้วเดินในทางมืด อีกทั้งปกป้องให้พ้นคนชั่วร้ายและคนที่พอใจในการกระทำชั่ว.—สุภาษิต 3:32.