วิธีที่จะเปลี่ยนบุคลิกของคุณ
สิ่งที่ยังไม่ได้พูดถึงในวิธีการที่พฤติกรรมก่อเกิดขึ้นและการเปลี่ยน ซึ่งพิจารณาไปแล้วนั้น คืออะไร? คือความปรารถนาของผู้นั้น และการใช้พลังเจตจำนงของเขาเอง! การใช้เจตจำนงเสรีโดยการเลือกอย่างสมัครใจของคนนั้นเอง. พูดสั้น ๆ คือการรู้จักบังคับตนที่ไม่ได้เอ่ยถึง!
ผู้บำบัดทางพฤติกรรมค้นพบว่าพวกเขามีโอกาสดีกว่าที่จะรักษาให้ได้ผลถาวร หากตัวบุคคลที่ได้รับการรักษานั้นเป็นผู้กำหนดเป้าหมายแห่งพฤติกรรมของตนเอง. แวนซ์ แพ็คการ์ด เขียนลงในหนังสือของตนชื่อ เดอะ พีเพิล เชพเพอร์ส ดังนี้ “ดูเหมือนว่า อาศัยคำแนะนำเพียงเล็กน้อย คนที่มีสติปัญญาในเกณฑ์ปกติจะกลายเป็นผู้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเองได้.” อย่างนี้เรียกว่าการจัดการกับตัวเอง. พูดอีกอย่างหนึ่ง ที่ใดได้ใช้มาตรการบังคับตน ย่อมสังเกตเห็นการปรับปรุงอย่างเด่นชัด.
คริสเตียนมีข้อได้เปรียบเมื่อต้องใช้การรู้จักบังคับตัว เพราะพวกเขามีการฝึกหัดใช้คุณลักษณะนี้ฐานะเป็นหนึ่งในผลพระวิญญาณเก้าประการอยู่แล้ว. (ฆะลาเตีย 5:22, 23) นี้หมายความว่าพลังปฏิบัติการของพระเจ้าองค์ทรงมหิทธิฤทธิ์สามารถนำมาจัดการกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคุณและช่วยคุณให้สัมฤทธิ์ผล.
ฉะนั้น คุณต้องการทำอะไรกับพฤติกรรมของคุณ? คุณต้องการจะเปลี่ยนจริง ๆ ไหม? ถ้าใช่ จากอะไร? ไปเป็นอะไร? และเพราะเหตุใด? คุณจะไว้ใจในการควบคุมตัวเองได้ไหม? คุณจะหาความช่วยเหลือซึ่งล้วนแต่ให้ประโยชน์เท่านั้นได้จากที่ไหน?
ให้เรามาดูวิธีการบางอย่างและส่วนประกอบต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบของพฤติกรรม.
ขั้นที่ 1: ค้นดูว่าคุณเป็นคนอย่างไรจริง ๆ
ตัวคุณคือวัตถุดิบที่จะนำไปทำสิ่งที่อยากเป็น. ตัวใหม่ของคุณจะสร้างขึ้นโดยเปลี่ยนคุณคนเก่า. ดังนั้นคุณต้องรู้จักตัวคุณเองอย่างถ่องแท้. คุณระบุได้ไหมว่าส่วนไหนของพฤติกรรมที่คุณอยากจะเปลี่ยน?
เนื่องจากยากที่จะประเมินพฤติกรรมของคุณเอง คุณต้องเทียบเคียงกับมาตรฐานอันเป็นที่นับถือและไว้ใจได้. คัมภีร์ไบเบิลอันศักดิ์สิทธิ์เหมาะกับงานนี้. จงใช้พระคัมภีร์และคุณจะเห็นตัวเองอย่างที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน. คุณอาจจะถึงกับไม่ชอบสภาพสะท้อนที่คุณเห็นนั้น แต่คุณมั่นใจได้ว่านั้นจะเป็นรูปลักษณ์อันแม่นยำของตัวคุณ.
คัมภีร์ไบเบิลเปรียบได้กับกระจกเงา และชวนเชิญผู้คนให้เอาตัวส่องดู. “ถ้าผู้ใดฟังคำเท่านั้นแต่ไม่ได้ประพฤติตาม ผู้นั้นเป็นเหมือนคนที่ดูหน้าของตัวในกระจก. ด้วยว่าคนนั้นแลดูตัวเองแล้วไปเสีย และประเดี๋ยวก็ลืมว่าตัวเป็นอย่างไร. ฝ่ายผู้ใดที่พิจารณาดูในพระบัญญัติแห่งเสรีภาพอันบริสุทธิ์ และจะตั้งอยู่ในพระบัญญัตินั้น ผู้นั้นไม่ได้เป็นผู้ฟังแล้วหลงลืม แต่เป็นคนประพฤติตาม คนนั้นจะได้ความสุขในการของตน.” (ยาโกโบ 1:23-25) คัมภีร์ไบเบิลนั้น หากเข้าใจและใช้อย่างถูกต้องแล้ว มีพลังในการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งและเด็ดขาดซึ่งไม่เพียงแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนเช่นไร แต่กระทั่งเปิดเผยถึงเจตนารมณ์และทัศนะของคุณ. ด้วยเหตุนี้ เปาโลเขียนว่า “พระคำของพระเจ้าประกอบด้วยชีวิต และด้วยฤทธิ์เดช และคมกว่าดาบสองคม . . . และอาจวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจ.” พระวจนะของพระเจ้าทำยิ่งกว่านั้นอีกโดยแนะแนวทางว่าอะไรถูกและอะไรผิดอย่างแท้จริง.—เฮ็บราย 4:12; 5:14.
คัมภีร์ไบเบิลทำสิ่งเหล่านี้ให้คุณได้ทั้งสิ้นเพราะเป็นพระวจนะของพระยะโฮวาพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ผู้ทรงสังเกตเข้าใจ. ตามบทเพลงสรรเสริญบท 139 พระเจ้าทรงตรวจค้นดูตัวคุณและวิเคราะห์อย่างแม่นยำว่าคุณเป็นอย่างไร. ดังที่ข้อ 1 บอกว่า “ข้าแต่พระยะโฮวา พระองค์ทรงพิจารณาและทรงทราบข้าพเจ้าแล้ว.” พระยะโฮวาทรงติดตามสังเกตการณ์ดูคุณตั้งแต่ปฏิสนธิ. พระองค์รู้จักคุณอย่างทะลุปรุโปร่ง. พระองค์ทรงบันดาลการบันทึกเรื่องชีวิตมนุษย์ไว้ในคัมภีร์ไบเบิลทุกรูปแบบเท่าที่จะเป็นไปได้. คุณจะพบภาพสะท้อนตัวคุณไม่ที่ใดก็ที่หนึ่งในหน้าหนังสือนั้น ถ้าไม่เป็นในแง่บวกก็แง่ลบ.
ฉะนั้น คุณสามารถพบว่าคุณเป็นคนอย่างไรจริง ๆ—ถ้าคุณต้องการ.
ขั้นที่ 2: ตัดสินใจว่าคุณอยากจะเป็นคนอย่างไร
ถ้าคุณจะเปลี่ยนแปลง ทำให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนเช่นนั้นคุ้มค่า. ทำให้แน่ใจว่าคุณต้องการเป็นอย่างนั้นจริงและดีกว่าพฤติกรรมที่คุณมีอยู่เดี๋ยวนี้. คุณควรตั้งเป้าว่าจะปรับปรุงพฤติกรรมอะไร? คุณจะหาคำแนะนำอันถูกต้องเรื่องลักษณะของพฤติกรรมที่ต้องการนั้นจากที่ไหน? อีกครั้งคัมภีร์ไบเบิลเหมาะสำหรับเรื่องนี้.
คัมภีร์ไบเบิลกระตุ้นให้คุณเปลี่ยนในทางดีขึ้นรับ “บุคลิกลักษณะใหม่.” เปาโลแนะนำดังนี้ “ให้ท่านทั้งหลายทอดทิ้งมนุษย์เก่าเสีย ซึ่งทำให้เน่าเสียไปตามความปรารถนาอันเป็นที่ล่อลวง . . . และให้ท่านสวมมนุษย์ใหม่ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างพระเจ้าในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์แห่งความจริง.” (เอเฟโซ 4:22-24) พระคัมภีร์แสดงให้คุณเห็นว่าลักษณะนิสัยที่ดีกว่านั้นมีอะไรบ้าง. คุณจำโลกสมบูรณ์แบบที่พรรณนาไว้ตอนต้นได้ไหม? ถ้าคุณต้องการเป็นส่วนหนึ่งของโลกนั้น คุณก็จะต้องมองเห็นความจำเป็นที่จะพัฒนาคุณลักษณะซึ่งพรรณนาไว้ที่โกโลซาย 3:12-17 เช่น ความเมตตาสงสาร ความกรุณา ความถ่อมใจ ความอ่อนโยน ความอดทน การให้อภัย ความรัก สันติภาพ และความกตัญญู.
ฉะนั้น หลังจากค้นดูคัมภีร์ไบเบิลของคุณ จงตั้งเป้า. จดบันทึกไว้. จัดลำดับความสำคัญของแต่ละเป้า. ลงมือกระทำ!
ขั้นที่ 3: จงแสวงหาตัวอย่างที่คู่ควร
พฤติกรรมส่วนใหญ่ของคุณเกิดขึ้นโดยการเลียนแบบคนอื่น—เพื่อน ผู้ร่วมงาน บิดามารดา ครูโรงเรียน.
ดังนั้น หลังจากที่กำหนดเป้าหมายทางพฤติกรรมที่คุณปรารถนาแล้ว ทำไมไม่หาใครสักคนที่ประพฤติตนในแนวทางที่คุณอยากจะเลียนแบบ. แล้วขอความช่วยเหลือจากผู้นั้น. สุภาษิตในคัมภีร์ไบเบิลชี้แจงอย่างฉลาดสุขุมว่า “ผู้ที่ดำเนินกับคนมีปัญญาจะเป็นคนมีปัญญา.”—สุภาษิต 13:20.
คัมภีร์ไบเบิลบรรจุเรื่องราวชีวิตของผู้เป็นตัวอย่างดีที่สุดแก่เราทุกคน คือพระเยซูคริสต์นั่นเอง. ลองอ่านดูว่าพระองค์ประพฤติตนอย่างไรภายใต้สภาพการณ์ทุกชนิด ความประพฤติทางด้านศีลธรรมของพระองค์ การสังเกตเข้าใจและสติปัญญาของพระองค์, ความสง่าผ่าเผย, การคำนึงถึงผู้อื่น, ความกรุณาและความห่วงใยเป็นพิเศษต่อเพื่อนมนุษย์. ฟังดูช่างสดชื่นสักปานใดเมื่อพระองค์ตรัสว่า “บรรดาผู้ที่ทำงานหนัก และมีภาระมากจงมาหาเราและเราจะทำให้เจ้าทั้งหลายสดชื่น. จงรับแอกของเราไว้บนเจ้าทั้งหลายและเป็นสาวกของเรา เพราะเรามีจิตอ่อนโยนและหัวใจถ่อม และเจ้าจะได้ความสดชื่นสำหรับจิตวิญญาณของเจ้า เพราะแอกของเราก็พอเหมาะและภาระของเราก็เบา.”—มัดธาย 11:28-30, ล.ม.
หลายล้านคนในทุกประเทศได้หันเข้าหาพระเยซูคริสต์แล้วฐานะเป็นแบบอย่างของพวกเขาและทำอย่างดีที่สุดเพื่อติดตามรอยพระบาทของพระองค์ อย่างที่พระองค์ดำเนินตามทางที่พระยะโฮวาพระเจ้าทางภาคสวรรค์ทรงสั่งสอน. หลายล้านคนเหล่านี้ ครั้นระอาต่อพฤติกรรมเลว ๆ ของโลกโดยทั่วไปแล้ว ได้หันไปยังประชาคมท้องถิ่นของพยานพระยะโฮวาเพื่อรับความช่วยเหลือและการชี้ทาง และก็ไม่ผิดหวัง. ณ หอประชุมของพวกเขา แบบอย่างดีเยี่ยมเช่นเดียวกับพระคริสต์มีอยู่อย่างอุดม และได้จัดความช่วยเหลือไว้มากมายสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมของตน ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า. แน่ละ พวกพยานฯก็มีข้อบกพร่องทั่ว ๆ ไปของมนุษยชาติที่ไม่สมบูรณ์นั้น แต่พวกเขาก็มีพลังฝ่ายวิญญาณในทางเสริมสร้างกระตุ้นจิตใจ.—เอเฟโซ 4:23.
ขั้นที่ 4: รับพละกำลังที่จำเป็นเพื่อความสำเร็จของคุณ
นับว่าอุ่นใจแก่ผู้ที่ต้องการจะเปลี่ยนทางประพฤติที่รู้ว่าความช่วยเหลือมีอยู่พร้อม. “บุคลิกลักษณะใหม่” มีการระบุไว้ว่า “สร้างขึ้นตามพระประสงค์ของพระเจ้าในความชอบธรรมและความภักดีอันแท้จริง.” (เอเฟโซ 4:24, ล.ม.) ทั้งนี้ให้หลักประกันว่า ความช่วยเหลือโดยผู้ที่สูงกว่ามนุษย์ซึ่งมีอยู่พร้อมนั้นมาจากพระเจ้าเอง สำหรับผู้ปรารถนา. คุณจะได้ความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาพระเจ้าอย่างไร?
ขั้นสำคัญที่สุดประการหนึ่งในหลายอย่างคือการอธิษฐานส่วนตัว. การอธิษฐานคือวิธีการพูดจาติดต่อที่สำคัญยิ่งกับบ่อเกิดของอำนาจอันจำเป็นเพื่อเปลี่ยนแนวทางของคุณ. คำอธิษฐานเปิดทางให้คุณพูดสะดวกใจและเปิดเผยเมื่อใดก็ได้ กระทั่งในภาวะวิกฤติ. โอกาสเข้าถึงพระเจ้าผู้ใฝ่พระทัยอย่างแท้จริงเหนือกว่าการเข้าขอความช่วยเหลือจากมนุษย์คนใดอย่างลิบลับและได้ผลทันที. ด้วยเหตุนี้ อัครสาวกโยฮันจึงจารึกว่า “นี่แหละเป็นความกล้าที่เราทั้งหลายมีอยู่ในการที่ติดต่อกับพระองค์ คือว่าถ้าเราทูลขอสิ่งใดตามชอบพระทัยของพระองค์ พระองค์จะทรงโปรดฟังเรา.” (1 โยฮัน 5:14) และถ้อยคำของผู้พยากรณ์ยิระมะยาหนุนกำลังใจเราว่า “จงแสวงหาพระยะโฮวา ขณะเมื่อจะหาพระองค์พบได้ จงทูลขอพระองค์ ขณะเมื่อพระองค์ทรงอยู่ใกล้! ให้คนชั่วละทิ้งความประพฤติของตน. และคนอธรรมละทิ้งความคิดของตนและให้เขากลับมาหาพระยะโฮวา เพื่อพระองค์จะได้ทรงเมตตาแก่เขาและให้เขากลับมาหาพระเจ้า. เพราะพระองค์ทรงให้อภัยแก่เขาที่เขาทำบาปทั้งปวง.”—ยะซายา 55:6,7.
การศึกษาคัมภีร์ไบเบิลยังให้ความเข้มแข็งอีกด้วย ทำให้คุณมีความสดชื่น สามารถจะจดจ้องอยู่ที่เป้าหมายทุกวันไป. คัมภีร์ไบเบิลเสริมกำลังคุณขณะที่บากบั่นไปสู่เป้าหมายแห่งพฤติกรรมที่เลือกแล้ว. นอกจากนั้น ยังกระตุ้นให้รู้สึกเกลียดชังต่อแนวทางความประพฤติเดิม. การรับความรู้ทุก ๆ วันเรื่องพระคัมภีร์และเนื้อหาที่บรรจุอยู่ภายในจะช่วยกันความรู้ผิด ๆ ใด ๆ ซึ่งอาจแทรกปนมาจากระบบการศึกษา และสื่อต่าง ๆ ของโลกออกไป.
การประชุมฝ่ายคริสเตียน ซึ่งจัดขึ้นที่หอประชุมของพยานพระยะโฮวาประจำท้องถิ่นไม่เพียงแต่ให้การศึกษาด้านมาตรฐานของพระคัมภีร์แต่ยังจัดให้มีการสนับสนุนจากกลุ่มและการกระตุ้นซึ่งกันและกันเพื่อปรับปรุงพฤติกรรม. การสนับสนุนซึ่งจัดโดยทางประชาคม ได้ช่วยหลายคนมาแล้วให้เปลี่ยนพฤติกรรมได้เป็นผลสำเร็จ. ทำไมไม่ปรึกษาหารือเรื่องความช่วยเหลือดังกล่าวกับคนที่คุณรับวารสารฉบับนี้ล่ะ?
ขั้นที่ 5: รับมือกับการหวนกลับ
หลายคนพยายามจะปรับปรุงทางประพฤติของตนแต่ก็เกิดความท้อใจเพราะมีการหวนกลับซึ่งอาจจะเลี่ยงไม่ได้. ผลคือบางคนยอมแพ้โดยสิ้นเชิง. คนเหล่านั้นมักจะคิดว่าถ้าสิ่งที่ถือว่าเป็นความหวังเดียวของตนล้มเหลวลง ก็ไม่มีอะไรจะให้หวังอีกแล้ว. พวกเขาอาจปล่อยตัวไปกับอิทธิพลของโลกอย่างสิ้นคิด. หลายครั้งทีเดียวยิ่งเลวร้ายกว่าตอนที่พยายามเปลี่ยนเสียอีก.
จงให้ความมั่นใจแก่ตนเองตลอดเวลาว่า แนวทางเดิมที่ไม่น่าปรารถนานั้นคุ้มค่าที่จะหนีให้พ้น. อัครสาวกเปาโลพูดถึงทางประพฤติเดิมและแบบชีวิตเดิมของท่านว่า เหมือนหยากเยื่อ หรือขยะ. (ฟิลิปปอย 3:8) ฉะนั้น ถ้าคุณ ขณะที่เปลี่ยนแปลงเกิดการสะดุดด้วยอุปสรรคหรือการหวนกลับ ให้ลุกขึ้นใหม่แล้วเดินหน้าต่อ. เดินต่อไป! สู้มัน! คุ้มค่าแน่!
จำไว้ว่า ความประพฤติและลักษณะนิสัยหลาย ๆ อย่างนั้นได้มาจากพลังภายนอกเหนือการเลือกและการควบคุมของคุณในขณะนั้น. พลังนั้นยังออกฤทธิ์อยู่. คุณจะยอมให้มันบีบคั้นคุณเข้าในแบบของมันหรือ? คงไม่ใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นอย่ายอมแพ้!
หลายล้านคนจากวัฒนธรรมหลากหลาย—กระทั่งอาชญากร และผู้คนที่จมปลักในความประพฤติผิดศีลธรรม—ประสบผลสำเร็จในการเปลี่ยนพฤติกรรมมาแล้ว. พวกเขาได้รักษามาตรฐานที่ดีขึ้นนี้อยู่ได้จนถึงปัจจุบัน หลายคนทำมาได้นับเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว ยึดอยู่กับหนทางที่ดีกว่าพร้อมความซื่อสัตย์ภักดีด้วยความสมัครใจอย่างน่าชมเชย. แต่พวกเขาขอบคุณพระเจ้าสำหรับพลังและแรงกระตุ้นที่ทำได้. ดังที่อัครสาวกเปาโลกล่าวไว้ว่า “ข้าพเจ้ามีกำลังสำหรับทุกสิ่งโดยพระองค์ผู้ทรงประทานพลังให้ข้าพเจ้า.”—ฟิลิปปอย 4:13, ล.ม.
พวกเขาชนะในการต่อสู้เพื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง. คุณก็เช่นกัน ย่อมเปลี่ยนได้ถ้าคุณต้องการจริง ๆ และจะได้รับชีวิตในโลกใหม่ตามคำสัญญาของพระเจ้า.—บทเพลงสรรเสริญ 37:29; 2 เปโตร 3:13.
[รูปภาพหน้า 7]
ขั้นที่ 1: ค้นดูว่าคุณเป็นคนอย่างไรจริง ๆ
[รูปภาพหน้า 8]
ขั้นที่ 2: ตัดสินใจว่าคุณอยากจะเป็นคนอย่างไร
[รูปภาพหน้า 8]
ขั้นที่ 3: จงแสวงหาตัวอย่างที่คู่ควร
[รูปภาพหน้า 9]
ขั้นที่ 4: รับพละกำลังที่ จำเป็นเพื่อความสำเร็จของคุณ
[รูปภาพหน้า 9]
ขั้นที่ 5: รับมือกับการหวนกลับ
[รูปภาพหน้า 10]
ผู้ที่เปลี่ยนแปลงก็จะได้รับแผ่นดินที่เปลี่ยนแปลงเป็นมรดกเช่นกัน