ไดคึซังสร้างบ้านในฝัน
โดยผู้สื่อข่าวตื่นเถิดในญี่ปุ่น
ผู้มาเยือนญี่ปุ่นหลายคนรู้สึกติดตาตรึงใจกับบ้านงดงามทรงโบราณที่เขาเห็นที่นั่น. หลังคาที่ลาดเอียง, ชายคาที่โค้งงอน สวนภายในที่ถูกล้อมด้วยตัวบ้านหรือแนวพุ่มไม้, และระเบียงบ้าน ล้วนแต่เพิ่มเสน่ห์แก่บ้านเหล่านั้น. แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือบ้านแบบนี้ตามปกติแล้วมีการออกแบบ, สร้าง, และตกแต่งภายใต้การควบคุมของคน ๆ เดียว. เขาถูกเรียกว่า ไดคึซัง หรือ ช่างไม้มือเอก.
นายคาโตะเป็นไดคึซังคนหนึ่งซึ่งมีประสบการณ์ถึง 40 ปี. เขากับบรรดาช่างฝีมือที่เป็นลูกน้องก่อสร้างสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะถือว่าเป็นบ้านในฝันของพวกตน. ให้เรามาฟังสิ่งที่เขาบอกแก่เราบางอย่างเกี่ยวกับบ้านแบบพิเศษสุดนี้และวิธีก่อสร้าง.
แบบคลาสสิค
ไดคึซังบอกกับเราว่า “ปัจจัยสำคัญของบ้านแบบญี่ปุ่นอาจสรุปได้ด้วยเพียงสองคำ: วาบิกับซาบิ.” นอกจากความหมายอื่น ๆ แล้ว ทั้งสองคำนี้หมายความว่า “ความเรียบง่ายที่ประณีตและมีรสนิยม.” ส่วนถ้อยคำ “เฉียบแหลม” “สงบเงียบ” และ “ละเอียดอ่อน” ก็เป็นความหมายอื่น ๆ ซึ่งช่วยเราให้เข้าใจในสถาปัตยกรรมของชาวญี่ปุ่นและความดึงดูดใจของสิ่งนั้น.
ไดคึซังอธิบายว่าเนื่องจากพายุไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในญี่ปุ่น และมีความชื้นสูงในฤดูร้อน ไม้เป็นวัสดุที่นิยมใช้กันสำหรับบ้านอยู่อาศัยเนื่องจากสมรรถนะในการคืนสภาพเดิม. ดินเหนียว, ไม้ไผ่, และกระดาษก็อยู่ในพวกวัสดุพื้นฐานที่ใช้กันอยู่. เพื่อให้มองดูกลมกลืนกัน บ้านกับสวนประดับจะออกแบบพร้อม ๆ กัน.
บ้านและสวนในฝันจะดูเป็นอย่างไร? จะสร้างขึ้นอย่างไร? ไดคึซังแนะให้เรานั่งรถไปยังสถานที่ก่อสร้างอีกแห่งหนึ่งซึ่งเขาจะให้เราเห็นกับตาถึงวิธีที่ไดคึซังสร้างบ้านในฝัน.
จากพื้นดินขึ้นมา
“บ้านที่สร้างขึ้นเมื่อร้อยปีมาแล้วนั้นไม่ได้มีการลงเสาเข็ม” ไดคึซังบอกเราขณะที่เดินไปรอบ ๆ สถานที่ก่อสร้าง. “บ้านเหล่านั้นตั้งอยู่บนคานซึ่งวางสานกันตามแนวนอนโดยมีเสาเตี้ย ๆ ซึ่งตั้งบนหินค้ำยันไว้.” ข้อเท็จจริงที่ว่าสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ยังคงตั้งอยู่เป็นข้อพิสูจน์ถึงความชำนาญของไดคึซัง. เขาบอกว่า “เดี๋ยวนี้ ตอม่อกับฐานรากทำด้วยปูนซีเมนต์. แต่หลักโครงสร้างก็ยังคงเป็นเช่นเดิม.” หลักนี้ใช้กับผนังด้วย ซึ่งค่อนข้างจะต่างไปจากบ้านแบบตะวันตกในเรื่องแบบและการก่อสร้าง.
ผนังภายในของบ้านแบบญี่ปุ่นค่อนข้างจะเป็นเหมือนแผ่นกั้นมากกว่าจะเป็นผนังแข็ง. “บนตะแกรงไม้ไผ่ผ่าซีกที่ต่อเป็นพืดอย่างนี้” ไดคึซังอธิบายโดยชี้ไปยังผนังที่กำลังก่อสร้างอยู่ “จะมีการฉาบด้วยดินเหนียวสองถึงห้าชั้น. ส่วนผสมของแต่ละชั้นต่างกัน และจะต้องแห้งสนิทก่อนที่จะฉาบชั้นต่อไป. เนื่องด้วยเหตุนี้ จึงต้องใช้เวลาสามเดือนโดยเฉลี่ยเพื่อจะให้แล้วเสร็จสำหรับบ้านหนึ่งหลัง.” (แน่นอน ที่จะสร้างบ้านในฝันย่อมต้องใช้เวลานานกว่ามาก.) ผนัง ซึ่งตกแต่งด้วยการฉาบดินเหนียวหรือทรายที่ละเอียดพร้อมด้วยสีสันธรรมชาติของดินที่ชาวญี่ปุ่นชอบ ทำให้อากาศซึมผ่านได้และไม่มีเหงื่อออกเหมือนผนังคอนกรีตที่มักมีเมื่ออากาศชื้น.
จากนั้น ไดคึซังดึงความสนใจของเราไปที่พื้น. พื้นระเบียง, ทางเดิน, และห้องครัวจะเป็นไม้เนื้อแข็ง. ห้องอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะปูเสื่อที่ถักสานด้วยหญ้าจนแน่น เรียกว่าตาตามิ. วัสดุปูพื้นลักษณะพิเศษนี้จะอุ่นในฤดูหนาว เย็นในฤดูร้อน และเหนียวแน่นแต่ก็นุ่มพอจะนั่งหรือนอนบนเสื่อนี้ได้. เสื่อแต่ละผืนมีขนาดประมาณหนึ่งคูณสองเมตร และหนาห้าเซนติเมตร. มีการบอกขนาดห้องโดยอาศัยจำนวนเสื่อที่ปูในห้อง และดังนั้นจึงเรียกกันว่าห้องขนาดแปด–, หรือหก–, หรือสี่ผืนครึ่ง แล้วแต่ขนาดของห้อง.
ความลับของตระกูลซึ่งหวงแหนอย่างยิ่ง
ทักษะอันเป็นเลิศอย่างแท้จริงของไดคึซังนั้นอยู่ในวิธีเข้าไม้ด้วยความเชี่ยวชาญ. มัคคุเทศก์ให้เราชมหนังสือคู่มืออายุกว่า 70 ปีซึ่งสืบทอดจากบิดาของเขา. หนังสือคู่มือเหล่านั้นเต็มไปด้วยวิธีการเข้าไม้อันสลับซับซ้อนน่าดึงดูดใจ. นับแต่สมัยโบราณ ช่างไม้ผู้เชี่ยวชาญจะเก็บรักษาเทคนิคการเข้าไม้ของเขาไว้เป็นความลับมิดชิด สืบทอดเทคนิคเหล่านั้นให้เฉพาะบุตรหรือผู้สืบทอดมรดกเท่านั้น. ถึงแม้ว่าไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วก็ตาม บ้านทั้งหลังก็สามารถสร้างได้โดยไม่ต้องใช้ตะปูแม้แต่ดอกเดียว.
“เทคนิคการเข้าไม้เหล่านี้บางอย่างก็คล้ายกับเทคนิคที่พวกช่างไม้ที่อื่นใช้กัน. เช่น การเข้าไม้โดยใช้สลักแบบหางเหยี่ยว, การใช้ร่องรางลิ้น, การต่อชน, และบังใบ” ไดคึซังอธิบาย. แต่ว่าจะใช้วิธีต่อแบบใดนั้นขึ้นอยู่กับแรงดึงและแรงกดที่มีต่อส่วนนั้นของสิ่งปลูกสร้าง. จุดต่อที่เหมาะสมจะรับการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว ทำให้บ้านโยกไหวไปตามการสั่นสะเทือนนั้น.
ความงดงามสุดยอด
อาจเป็นได้ว่าลักษณะเฉพาะที่เด่นที่สุดของบ้านญี่ปุ่นแบบโบราณก็คือหลังคา. ดูเหมือนว่าจะขนาดใหญ่และค่อนข้างหนักเมื่อเทียบกับส่วนอื่นของบ้าน. แต่ไดคึซังบอกเราว่าที่จริงแล้วหลังคาเป็นตัวที่มั่นคงต่อพลังธรรมชาติ โดยที่มีความแกร่งอันเนื่องมาจากคานหลังคาทำจากซุงแข็งแรงทั้งท่อน. แม้ว่าหลังคาจะมีกันหลายแบบ แต่โดยทั่วไปแล้วก็เป็นหลังคาหน้าจั่วหรืออกไก่ หรือผสมทั้งสองอย่าง. ไดคึซังให้เราดูกระเบื้องหลังคาดินเผา. อีกครั้งหนึ่งสีที่เห็นเด่นได้แก่สีดิน ยกเว้นแต่สีฟ้าอมน้ำเงินที่นิยมกันมาก.
ไดคึซังชี้แจงว่า “ชายคาที่มุมงอนขึ้นเล็กน้อยและยื่นห่างออกนอกตัวบ้านเป็นส่วนประกอบที่สำคัญเพื่อความสบายของผู้พักอาศัยในวันข้างหน้า.” นั่นจะทำให้คุณเปิดบานกระจกเลื่อนที่สูงถึงเพดานอันเปิดออกสู่ระเบียงค้างไว้ได้ในช่วงฤดูฝนที่อากาศชื้น. กระนั้นชายคาก็ถูกจัดให้มีมุมพอเหมาะที่จะบังแดดในฤดูร้อนได้.”
การสำรวจสถานที่ก่อสร้างของเราก็จบแล้ว. ตอนนี้ผู้นำชมของเราก็เชิญไปดูบ้านซึ่งเขาต้องใช้เวลาถึงหนึ่งปีครึ่งในการสร้างขึ้นมา.
บ้านในฝันตัวจริง
ขณะที่เราขับรถเข้าไปและมองดูรูปทรงอันสวยงามของบ้านนั้น เราทราบว่านี่แหละคือบ้านซึ่งใคร ๆ คงจะรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านของตน. ประตูหน้าทำเป็นตารางประกอบเข้าด้วยกันโดยการเข้าไม้และปิดหลังด้วยกระจก. ประตูนี้เลื่อนเปิดง่าย ๆ และเราเดินเข้าไปตามทางเข้าอันสวยงาม. หลังจากถอดรองเท้า เราก็ก้าวเข้าไปในบ้าน. กระดานพื้นทางเดินรู้สึกว่าแข็งแรงมั่นคงใต้เท้าของเรา.
เราหยุดดูที่เสาโครงของบ้านซึ่งไม่มีอะไรหุ้มไว้. เสาเหล่านั้นเรียบลื่นจนรู้สึกเหมือนสัมผัสใยไหมและมันวาวราวกับมีการทาน้ำมันชักเงา. “ไม่มีการใช้สีหรือแล็กเกอร์ทาส่วนที่ทำด้วยไม้ในบ้านนี้เลย” ไดคึซังบอกราวกับอ่านใจเราออก. “มันถูกไสให้เรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้.”
ในห้องพักผ่อนแบบญี่ปุ่น เราสังเกตรายละเอียดต่าง ๆ ของห้อง. กรอบวงกบส่วนบน, หรือคาน, เหนือประตูเลื่อน, หรือผนัง เป็นรูปแกะสลักที่ละเอียดซับซ้อนของดอกซากุระ. ทุกด้านของห้องมีบานเลื่อนซึ่งทำด้วยโครงไม้ปิดด้วยกระดาษ. ประตูเลื่อนที่หันหาระเบียงเป็นตารางไม้และปิดด้วยกระดาษโชจิบางสีขาว. บานเลื่อน (เรียกว่าฟึซึมะ) ที่เปิดไปหาทางเดินหรือห้องอื่น ๆ นั้นปิดด้วยกระดาษที่หนากว่า. บานเลื่อนแต่ละบาน ซึ่งเป็นผนังกั้นแบ่งห้อง มีการตกแต่งด้วยรูปแบบต่าง ๆ กัน. “ห้องขนาดเล็กเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็นห้องใหญ่ห้องเดียวได้โดยเพียงยกบานเลื่อนพวกนี้ออกเท่านั้น. ไดคึซังอธิบาย. ช่างสะดวกจริง ๆ!
ผนังแข็งแห่งเดียวของบ้านมีโตะโกะโนะมะ หรือช่องเว้าในผนัง และชั้นเข้ามุมที่อยู่ข้างเคียง. ไดคึซังบอกว่า “นี่คือที่ที่สวยที่สุดของบ้าน และที่นี่มีการใช้ไม้ดีที่สุดและฝีมือที่ประณีตละเอียดอ่อนที่สุด.” ปัจจุบัน ม้วนหนังสือที่เขียนด้วยลายมืออันสวยสะดุดตาแขวนไว้ที่นี่.
เราได้รับการพาชมตลอดทุกส่วนที่เหลือของบ้าน. ทุกห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอ่อน ๆ น่าชื่นใจของสนหิมะ, สนไซเพรส, สนไพน์, และเสื่อทาทามิ. ความเรียบง่ายที่ประณีตและงดงามแทรกอยู่ในทุกส่วนของบ้าน.
เมื่อออกมาจากบ้าน สวนก็อยู่พร้อมที่จะให้เราสำรวจ. แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็ดูสงบร่มรื่น. มีสระที่เต็มไปด้วยปลาคาร์พสีสันสดใสและน้ำตกน่ารัก. เราจากไปด้วยความพึงพอใจ และรู้สึกทึ่งในความชำนาญและความเฉียบแหลมที่มีการแสดงออกมาให้เห็นเมื่อไดคึซังสร้างบ้าน.