แผ่นดินไหวในแคลิฟอร์เนียครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อไร?
พื้นดินโคลงเคลงไปมา. ท่อแก๊สใต้ดินแตก. ตึกถล่ม. เพลิงโหมไหม้. นี่คือแผ่นดินไหวที่เกิดใน ลอส แอนเจลิส ไม่นานมานี้ใช่ไหม? เปล่า. มันเป็นแผ่นดินไหวที่กระหน่ำ ซาน ฟรานซิสโก เมื่อวันที่ 18 เมษายน 1906. แผ่นดินไหวครั้งนั้น พร้อมเพลิงไหม้ที่ติดตามมาเป็นเวลาสามวัน ทำลายบล็อกอาคารถึง 512 บล็อกใจกลางเมือง และคร่าชีวิตผู้คนประมาณ 700 คน.
อะไรเป็นสาเหตุแห่งความหายนะเช่นนั้น?
นักวิทยาศาสตร์พยายามอธิบายโดยใช้ทฤษฎีว่าด้วยการแปรโครงสร้างของแผ่นผิวโลก. พวกเขากล่าวว่าเปลือกโลกวางอยู่บนแผ่นแข็งหนา หรือแผ่นชั้นหิน ราว ๆ 20 แผ่น ซึ่งเคลื่อนตัวช้า ๆ เลื่อนผ่านกันและบางจุดเหลื่อมเข้าไปใต้แผ่นอื่น ๆ. แผ่นหินแปซิฟิกเคลื่อนตัวช้า ๆ ไปทางเหนือ ผ่านแผ่นหินอเมริกาเหนือ. บริเวณเลื่อนไถลระหว่างแผ่นทั้งสองนี้เรียกว่า รอยเหลื่อมหรือรอยเลื่อน ซาน แอนเดรียส. รอยเหลื่อมนี้ทอดยาวไปทางเหนือประมาณ 1,040 กิโลเมตร จากก้นอ่าวแคลิฟอร์เนีย และหายไปในมหาสมุทรแปซิฟิกใกล้ซาน ฟรานซิสโก.
แผ่นหินเหล่านี้เคลื่อนตัวช้ามาก ด้วยความเร็วพอ ๆ กับที่เล็บมือของคุณงอกขึ้น—หนึ่งนิ้วหรือราว ๆ นั้นต่อปี. ความเค้นจะก่อตัวขึ้นในช่วงเวลานานหลายปี เมื่อแผ่นหินเหล่านี้เกิดติดขัดขณะพยายามเคลื่อนตัวผ่านกันและกัน. ครั้นแล้วอาจหลุดออกจากกันอย่างแรงประดุจระเบิด.
รอยเหลื่อม ซาน แอนเดรียส ทอดยาวผ่านไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของ ลอส แอนเจลิส ประมาณ 53 กิโลเมตร และผ่านลงไปในมหาสมุทรแปซิฟิกใกล้ ซาน ฟรานซิสโก. น่าประหลาดใจไหมที่ชาวแคลิฟอร์เนียกังวลถึงสิ่งที่เรียกกันว่าครั้งยิ่งใหญ่?
ซาน ฟรานซิสโก
หลังจากแผ่นดินไหวในปี 1906 ส่วนเหนือสุดของรอยเหลื่อมแห่ง ซาน แอนเดรียส ยังคงค่อนข้างเงียบ. ครั้นแล้ว เมื่อเวลา 17.04 น. ของวันที่ 17 ตุลาคม 1989 ชาวอเมริกันประมาณ 50 ล้านคนกำลังจ้องโทรทัศน์ชมการแข่งขันเบสบอลเวิลด์ซีรีส์อย่างใจจดใจจ่อจาก ซาน ฟรานซิสโก. ในทันใดนั้น กล้องโทรทัศน์เริ่มสั่นไหว. ประมาณ 100 กิโลเมตรทางใต้ของ ซาน ฟรานซิสโก รอยเหลื่อม ซาน แอนเดรียส สองด้านพุ่งสวนกันและกัน เป็นเหตุให้เกิดแผ่นดินไหวซึ่งคร่าชีวิตผู้คน 63 คน, ทำลายทางด่วน, บดขยี้รถยนต์, และทิ้งให้หลายพันคนไร้ที่อาศัย. แต่แผ่นดินไหวครั้งนั้นรุนแรงน้อยกว่าอย่างลิบลับจากที่พยากรณ์ว่าจะมีความแรง 8 แมกนิจูด (ขนาดพลังแรง) สำหรับแผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่ตามที่คาดไว้.
ย้อนไปในฤดูใบไม้ผลิปี 1985 การสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐพยากรณ์ว่าแผ่นดินไหวความแรง 6 แมกนิจูดจะเกิดขึ้นภายในห้าปีจากปี 1988 ใกล้ปาร์กฟิลด์เมืองเล็ก ๆ ประมาณครึ่งทางระหว่าง ลอส แอนเจลิส และ ซาน ฟรานซิสโก. โดยศึกษาการเคลื่อนของพื้นดินก่อนจะเกิดแผ่นดินไหวตามที่คาดหมายครั้งนี้ พวกเขาหวังว่าจะได้เรียนรู้วิธีพยากรณ์การเกิดแผ่นดินไหวและสามารถให้คำเตือนบางทีหลายชั่วโมงหรือกระทั่งหลายวันก่อนแผ่นดินไหวจะเกิดขึ้น. การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ใช้เงินถึง 375 ล้านบาท แต่แผ่นดินไหวก็ไม่เกิดขึ้นเลย. เป็นดังที่วิลเลียม เอลส์เวิร์ธ แห่งศูนย์สำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐเคยพูดไว้ว่า “การแปลความหมายรูปแบบแผ่นดินไหวเป็นวิทยาศาสตร์ที่ไม่แม่นยำ.”
แผ่นดินไหวแลนเดอร์ส
ดังนั้น ในวันที่ 28 มิถุนายน 1992 จึงไม่มีใครคาดคิดว่าแผ่นดินไหวความแรง 7.5 แมกนิจูดจะกระหน่ำเขตที่ไม่ค่อยมีผู้คนอาศัยใกล้แลนเดอร์ส ในทะเลทรายโมฮาวีทางใต้ของแคลิฟอร์เนีย. เกี่ยวกับแผ่นดินไหวครั้งนี้นิตยสารไทม์กล่าวว่า “ในเวลาสองสามวินาทีอันน่ากลัว มันเปลี่ยนทิศทางของถนน, ปรับเปลี่ยนระดับลานจอดรถ, จัดภูมิประเทศใหม่ตามอำเภอใจนับรูปแบบไม่ถ้วน, น่าอัศจรรย์ที่คร่าชีวิตคนเพียงคนเดียว.” สำหรับแผ่นดินไหวในขนาดพลังแรงดังกล่าว ความสูญเสียนี้นับว่าน้อยมาก.
ดังนั้นครั้งนี้ก็เช่นกันไม่ใช่ครั้งยิ่งใหญ่. ที่จริงแล้ว มันไม่ได้เกิดขึ้นบนรอยเหลื่อม ซาน แอนเดรียส ด้วยซ้ำ แต่เกิดบนรอยเหลื่อมที่เล็กกว่ารอยหนึ่งซึ่งอยู่รอบ ๆ ซาน แอนเดรียส.
อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ที่ว่าแผ่นดินไหว แลนเดอร์ส รวมทั้งครั้งที่เล็กกว่าใกล้กับทะเลสาบบิ๊ก แบร์ อาจสะกิดส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้รอยเหลื่อม ซาน แอนเดรียสให้ตื่นขึ้น. นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าแผ่นหินที่ติดกันแน่นซึ่งทอดแนวไปตามส่วนที่อยู่ทางใต้สุดของ ซาน แอนเดรียส มีโอกาสที่จะครูดหลุดผึงจากกันถึง 40 เปอร์เซ็นต์เมื่อไรก็ได้ภายใน 30 ปีข้างหน้า. นั่นอาจเป็นชนวนไปสู่ครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งกลัวกันมานานที่ความแรง 8 แมกนิจูดซึ่งประมาณห้าเท่าของความแรงที่เกิดขึ้น ณ แลนเดอร์ส.
ลอส แอนเจลิส
ครั้นแล้ว วันที่ 17 มกราคมปีนี้ ลอส แอนเจลิสก็ถูกเขย่าให้ตื่นขึ้นเมื่อเวลาตีสี่ 31 นาที. ประมาณ 18 กิโลเมตรเบื้องล่างหุบเขา ซาน เฟอร์นันโด ซึ่งมีคนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นใน ลอส แอนเจลิส คิดกันว่า หินเป็นหย่อม ๆ ได้เลื่อนไถล 5.5 เมตรไปตามรอยเหลื่อมที่ฝังอยู่ลึก ๆ. การสั่นสะเทือนสิบวินาทีด้วยความแรง 6.6 แมกนิจูดนี้คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 57 คน. น่าเศร้าที่ 16 คน ตายในอพาร์ตเมนต์หลังหนึ่งซึ่งถล่มลงมา. ชายคนหนึ่งที่รอดชีวิตติดอยู่ใต้คอนกรีตหนัก 20 ตันเป็นเวลาถึงแปดชั่วโมงในอาคารจอดรถที่ทลายลงมา. การพังยุบของทางด่วนสายหนึ่งตัดขาดเส้นทางหลักของเมืองที่ไปทางทิศเหนือ. โบสถ์, โรงเรียน, ร้านค้าต่าง ๆ และโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งถูกปิด. ดังที่เห็นบ่อยครั้ง ครอบครัวที่มีรายได้ต่ำได้รับความทุกข์ทรมานมากที่สุด เนื่องจากอาศัยอยู่ในอาคารเก่า ๆ ซึ่งสร้างขึ้นก่อนกฎข้อบังคับสมัยใหม่เรื่องแผ่นดินไหวจะถูกบัญญัติขึ้น.
แผ่นดินไหวครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงปัญหาซึ่งอาจเกิดขึ้นแม้กับรอยเหลื่อมที่เล็กกว่าซึ่งอยู่ใต้เมืองใหญ่โดยตรง. ตราบใดที่ผู้คนเกี่ยวข้องอยู่ด้วย แผ่นดินไหวไม่ว่าครั้งใดก็ถือว่าเป็นครั้งยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา หากพวกเขากำลังนอนหลับอยู่บนจุดกำเนิดแห่งแผ่นดินไหว!
ความเสียหายจะมากกว่ายิ่งนักถ้าปราศจากกฎข้อบังคับท้องถิ่นอันเข้มงวดว่าด้วยการก่อสร้างอาคาร. แผ่นดินไหวแต่ละครั้งสอนบทเรียนที่อาจทำให้สบายขึ้นในคราวหน้า. สะพานทางด่วนบางแห่งที่ถูกเสริมให้แข็งแรงหลังจากแผ่นดินไหวครั้งก่อนสามารถคงทนในคราวนี้ได้ ส่วนสะพานอื่นถูกทำลาย. แต่การทดสอบอันแท้จริงจะมาถึงถ้าเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่กว่า—ครั้งยิ่งใหญ่ จริง ๆ—กระหน่ำใกล้เมืองใหญ่. ลอส แอนเจลิสอีกครั้ง อาจเป็นได้ไหม?
ครั้งยิ่งใหญ่ครั้งที่สองจะตามมาหรือ?
‘โอ ไม่! อย่ามีอีกเลย! ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว!’ อย่างไรก็ตาม ครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งเป็นสิ่งซึ่งนักธรณีวิทยาบางคนเห็นว่าจะมีขึ้นในอนาคต. นิตยสาร นิว ไซเยนติสต์ ฉบับ 22 มกราคม 1994 กล่าวว่า “เส้นรอยเหลื่อมที่ล่อแหลมซึ่งทอดแนวอยู่ใต้ ลอส แอนเจลิส อาจเป็นเหตุให้เกิด ‘ครั้งยิ่งใหญ่’ ซึ่งล้างผลาญได้เหมือนกับครั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่รอยเหลื่อม ซาน แอนเดรียส ผู้เชี่ยวชาญเตือนไว้. . . . แอ่งแผ่นดิน ลอส แอนเจลิส มีรอยเลื่อนย้อนอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะรอยเหลื่อม ซาน แอนเดรียส—ซึ่งในที่ส่วนใหญ่ทอดแนวจากเหนือไปใต้ผ่านตัวรัฐ—โค้งไปทางตะวันตก ณ ลอส แอนเจลิส เป็นเหตุให้เกิดแรงเค้นพิเศษที่จุดนั้น. ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง พื้นดินซึ่งย้ายที่บนแผ่นหินแปซิฟิกต้องผ่านทางโค้งนั้นและเคลื่อนต่อไปทางเหนือ.”
นักธรณีวิทยาคิดว่า ขณะที่แผ่นแปซิฟิกเคลื่อนตัว โยงใยของรอยเลื่อนย้อนได้ก่อตัวขึ้นในแอ่งแผ่นดิน ลอส แอนเจลิส ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นต้นเหตุแห่งแผ่นดินไหวที่เกิดที่นั่นเมื่อต้นปีนี้เอง. เกี่ยวกับแผ่นดินไหวนั้น นิตยสาร นิว ไซเยนติสต์ ได้ติดตามการรายงานข่าวครั้งแรกในหนึ่งสัปดาห์ต่อมาซึ่งมีดังนี้: “นักวิทยาศาสตร์ยังคงเชื่อว่ารอยเลื่อนที่เป็นต้นเหตุนี้ คือรอยเลื่อนย้อนรอยหนึ่ง—รอยซึ่งแผ่นหินแผ่นหนึ่งเลื่อนไถลขึ้นและพาดเกยอีกแผ่นหนึ่ง. ระหว่างแผ่นดินไหวสัปดาห์ที่แล้ว เทือกเขา ซานตา ซูซานา ตอนเหนือของจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวถูกยกขึ้นอย่างน้อย 40 เซนติเมตร และในเวลาเดียวกันก็เคลื่อนตัวไปทางเหนือ 15 เซนติเมตร.”
เคอร์รี่ เซ นักธรณีวิทยาจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย รู้สึกว่าบรรดารอยเลื่อนย้อนที่เล็กกว่าซึ่งไขว้ผ่านแอ่งแผ่นดิน ลอส แอนเจลิส อาจมีอันตรายเท่ากับครั้งที่ยังคาดหมายกันว่าจะเกิดในระดับความแรง 8 แมกนิจูด ที่ ซาน แอนเดรียส. ครั้นแล้ว มร. เซ ถามโดยพาดพิงถึงลอส แอนเจลิสว่า “เป็นไปได้ไหมว่าเราจะมีครั้งยิ่งใหญ่จริง ๆ ที่ความแรง 8 แมกนิจูดและมีจุดศูนย์กลางอยู่ข้างใต้ย่านธุรกิจของเมือง?” เป็นคำถามที่น่าสะพรึงกลัว เมื่อคำนึงถึงผู้คนนับล้านที่อยู่ตรงนั้น!
ชาวแคลิฟอร์เนียดูเหมือนจะมีชีวิตอยู่กับแผ่นดินไหว เช่นเดียวกับคนอื่นที่มีชีวิตอยู่กับเฮอร์ริเคน, น้ำท่วม, หรือ ทอร์นาโด.
[แผนที่หน้า 20]
(รายละเอียดดูจากวารสาร)
แนวรอยเลื่อนย้อนที่ แอ่งแผ่นดิน ลอส แอนเจลิส
รอยเหลื่อม ซาน แอนเดรียส
ลอส แอนเจลิส
มหาสมุทรแปซิฟิก
[รูปภาพหน้า 19]
ความเสียหายที่เกิดแก่ทางด่วน โดยแผ่นดินไหว ลอส แอนเจลิสปี 1994
[ที่มาของภาพ]
Hans Gutknecht/Los Angeles Daily News
[รูปภาพหน้า 21]
เปลวไฟลุกจากท่อก๊าซที่หักเนื่องด้วยแผ่นดินไหวปี 1994
[ที่มาของภาพหน้า 21]
Tina Gerson/Los Angeles Daily News
[รูปภาพหน้า 22]
ช่วงทางด่วน ลอส แอนเจลิส ที่ถล่มลงมาซึ่งเป็นผลจากการสั่นสะเทือนสิบวินาทีด้วยความแรง 6.6 แมกนิจูด
[ที่มาของภาพ]
Gene Blevins/Los Angeles Daily News