การเพ่งดูโลก
การสมรสกำลังลดน้อยลง
“คู่ส่วนใหญ่ที่สมรสกันเดี๋ยวนี้ได้อยู่กินด้วยกันมาก่อน” ตามรายงานในหนังสือพิมพ์ การ์เดียน วีกลีย์ แห่งแมนเชสเตอร์ประเทศอังกฤษ. หนังสือพิมพ์นั้นให้ข้อสังเกตว่า การศึกษาค้นคว้าในแคนาดา, อังกฤษ, สวีเดน, และสหรัฐแสดงว่าคู่ที่ได้อยู่กินด้วยกันก่อนสมรสมีอัตราการหย่าร้างที่สูงกว่า. การสำรวจรายหนึ่งในอังกฤษพบว่า โดยทั่วไปคู่ดังกล่าวมีทางเป็นไปได้ที่จะหย่ากันหรือแยกกันมากกว่าร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับคู่ที่ไม่ได้อยู่กินด้วยกันก่อนการสมรส. กระนั้น มีทารกจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เกิดโดยบิดามารดาผู้ซึ่งไม่เห็นคุณค่าของการสมรส. ในอังกฤษและเวลส์ทารกร้อยละ 31.2 รายเกิดโดยบิดามารดาที่ไม่ได้สมรส. ในทำนองเดียวกัน การสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้แสดงว่าในสแกนดิเนเวีย, ออสเตรีย, สวิตเซอร์แลนด์, และลิกเตนสไตน์ ทารกประมาณหนึ่งในสามเกิดนอกสายสมรส. ใน 12 ประเทศแห่งประชาคมยุโรป ตัวเลขโดยประมาณคือร้อยละ 20.
การเก็บน้ำจากเมฆ
หมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ และยากจนแห่งชุนกุนโก ประเทศชิลี ไม่เคยมีน้ำดื่มสะอาดเป็นปี ๆ. แต่เรื่องได้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ น่าดีใจสำหรับวิธีเก็บน้ำอันยอดเยี่ยม. พื้นที่นี้ขาดแคลนน้ำฝนแต่มีหมอกก่อตัวขึ้นมาจากมหาสมุทรแปซิฟิกเสมอ ๆ. ขณะที่ลอยผ่านภูเขาสูง 2,600 ฟุตซึ่งอยู่ด้านเหนือของหมู่บ้าน หมอกจะหนาทึบเป็นพิเศษ. ณ ที่นี่เองทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวแคนาดาและชิลีได้ขึงตาข่ายพลาสติกขนาดใหญ่ 50 ผืนซึ่งมีตาถี่ ๆ ออกแบบเพื่อเก็บน้ำจากเมฆเหล่านี้. ขณะที่หยดน้ำเล็ก ๆ มาเกาะสะสมที่ตาข่าย มันก็จะรวมตัวกันและหยดไหลลงไปในท่อที่ชายขอบล่างของตาข่าย. ท่อเหล่านั้นจะมาบรรจบกันและนำน้ำลงไปที่หมู่บ้าน. โดยไม่ต้องใช้พลังงานเลย ระบบนี้ซึ่งบำรุงรักษาง่ายจะจัดหาน้ำดื่มสะอาดประมาณ 26 ลิตรต่อวันสำหรับแต่ละคนในจำนวนประชากร 350 คนของชุนกุนโก. นักวิจัยซึ่งทำงานกับโครงการนี้เชื่อว่าประมาณ 22 ประเทศในหกทวีปอาจรับประโยชน์จากระบบดังกล่าว. แต่เรื่องนี้ใช่ว่าเป็นความคิดใหม่ ต้นไม้ได้เก็บน้ำจากหมอกนับเวลาพัน ๆ ปีมาแล้ว.
แม่น้ำเป็นน้ำเชื่อม
เมื่อเร็ว ๆ นี้แม่น้ำพองของประเทศไทยซึ่งเป็นแหล่งอาหารสำคัญของชาวบ้านนับร้อย ๆ ที่อาศัยอยู่ตามสองฟากฝั่งได้เกิดอาการข้นและเหนียวอย่างฉับพลัน. ตามวารสาร เอเชียวีก ไซโลของโรงงานน้ำตาลเกิดรั่วขึ้นมา ปล่อยน้ำอ้อย 9,000 ตันลงแม่น้ำ. ขณะของรั่วไหลรสหวานอันน่าคลื่นเหียนกลบทำลายออกซิเจนในแม่น้ำ มันทำให้ปลาตายประมาณ 1,500 กิโลกรัมต่อทุก ๆ กิโลเมตรที่น้ำอ้อยลอยไปตามกระแสน้ำ. โดยที่ เอเชียวีก เรียกว่า “ความพยายามควบคุมความเสียหายแบบผิดวิธี” เจ้าหน้าที่พยายามไล่น้ำอ้อยให้ไหลไปโดยปล่อยน้ำดี 83 ล้านลูกบาศก์เมตรจากเขื่อนที่อยู่ใกล้เคียง. วิธีการนั้นประสบผลเพียงแค่เป็นการกระจายน้ำอ้อย 600 กิโลเมตรล่องไปตามกระแสน้ำสู่แม่น้ำอีกสองสาย. ผู้เชี่ยวชาญทางสิ่งแวดล้อมคนหนึ่งประมาณว่า อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 12 ปีสำหรับการฟื้นฟูสู่สภาพเดิมของแม่น้ำทั้งสามสายนั้น.
สอนความเห็นอกเห็นใจแก่แพทย์
โรงพยาบาลและโรงเรียนแพทยศาสตร์ในสหรัฐบางแห่งกำลังนำโครงการแปลก ๆ มาใช้เพื่อฝึกอบรมให้แพทย์เป็นผู้มีความร่วมรู้สึกมากขึ้น. โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์กจ้างนักแสดงมาแสดงบทบาทของคนไข้. ขณะที่แพทย์ซึ่งกำลังรับการฝึกอบรมฟังคนไข้คร่ำครวญเรื่องอาการเจ็บก็มีการบันทึกวิดีโอเทปไว้ และต่อมาแพทย์จะเปิดดูกิริยาท่าทางของตน. “พวกเขาถ่อมตัวลง และแปลกใจในสิ่งที่เขาเห็นจากเทป” เป็นคำกล่าวของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ดร. มาร์ก สวอร์ตส์ ตามรายงานในหนังสือพิมพ์ เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ “พวกเขาพูดว่า ‘ผมมีสีหน้าอย่างนั้นเสมอ ๆ หรือ?’ ‘ผมเกรี้ยวกราดถึงขนาดนั้นจริง ๆ หรือ?’” โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งให้แพทย์เข้าโรงพยาบาลฐานะคนไข้เพื่อจะรู้ว่าเมื่อเป็นฝ่ายรับการรักษาจะมีความรู้สึกอย่างไร. อีกโรงพยาบาลหนึ่งสอนแพทย์ประจำให้มีความร่วมรู้สึกต่อคนไข้สูงอายุด้วยการทำให้ประสาทรับรู้ของแพทย์ประจำทึมทื่อชั่วคราวโดยให้ใส่คอนแทคท์เลนซ์ที่มัว ๆ, อุดหู, และใส่ถุงมือยาง. แพทย์เหล่านั้นยังต้องสวมใส่เฝือกเพื่อทำให้ข้อพับต่าง ๆ ตึงและใส่เม็ดถั่วแข็ง ๆ ในรองเท้าเพื่อมีอาการเหมือนเป็นตาปลาหรือหนังด้าน. แล้วพวกเขาต้องทำอะไร ๆ ที่ “ง่าย ๆ” เช่นกรอกแบบฟอร์มประกันภัยและเปิดฝาจุกขวดที่ป้องกันไม่ให้เด็ก ๆ เปิดเองได้. วารสาร ไทมส์ รายงานว่า “ในช่วงการอภิปรายที่ตามมาแพทย์ประจำมักแสดงออกซึ่งความชอกช้ำสำหรับความเคืองใจที่พวกเขาเคยมีในอดีตต่อคนไข้สูงอายุ.”
ตัดนอเพื่อช่วยแรด
รัฐบาลของซิมบับเวได้นำกลยุทธขั้นสุดท้ายมาใช้เพื่อป้องกันประชากรแรดดำที่กำลังน้อยลงจากนักลักลอบล่าสัตว์และจากการสูญพันธุ์. เนื่องจากนักลักลอบล่าสัตว์ต้องการเพียงนอแรดอย่างเดียว สัตวแพทย์และกลุ่มเจ้าหน้าที่ป่าไม้จึงทำให้แรดหมดสติและตัดนอออก. แม้นักชีววิทยาบางคนเป็นห่วงว่าสัตว์เหล่านี้ต้องใช้นอสำหรับจุดประสงค์บางอย่างซึ่งยังเป็นที่ไม่รู้จักกัน แต่ก็ดูเหมือนว่าแรดสามารถป้องกันตัวและลูกอ่อนของมันไว้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีนอ. ในจำนวนแรดดำ 3,000 ตัวที่ยังเหลืออยู่ทั่วแอฟริกาประมาณ 1,000 ตัวอยู่ในซิมบับเว. ตามอัตราปัจจุบันนักลักลอบล่าสัตว์ในประเทศนั้นฆ่าสัตว์ที่น่าเกรงขามเหล่านี้หนึ่งร้อยตัวแต่ละปี.