ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ต94 8/2 น. 21-25
  • หนีมาพบความจริง

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • หนีมาพบความจริง
  • ตื่นเถิด! 1994
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • พบ​พยาน​พระ​ยะโฮวา
  • ตัดสิน​ใจ
  • กลับ​เข้า​เรือน​จำ
  • พิจารณา​ปล่อย​ตัว​โดย​ให้​มี​การ​คุม​ประพฤติ
  • อิสรภาพ​และ​ชีวิต​ใหม่
  • “พวกคุณเปลี่ยนทัศนะของผมที่มีต่อพยานพระยะโฮวา”
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1999
  • ผมเคยเป็นคนนอกกฎหมาย
    ตื่นเถิด! 1996
  • คุก​ไม่​สามารถ​แยก​ผม​จาก​พระ​ยะโฮวา​ได้
    เรื่องราวชีวิตจริงของพยานพระยะโฮวา
  • พระยะโฮวาทรงค้ำจุนผมในเรือนจำกลางทะเลทราย
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1993
ดูเพิ่มเติม
ตื่นเถิด! 1994
ต94 8/2 น. 21-25

หนี​มา​พบ​ความ​จริง

ตอน​ที่​ผม​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา ผม​เป็น​นัก​โทษ​ที่​หลบ​หนี​ออก​มา. ไม่​ช้า ผม​ก็​เผชิญ​ข้อ​ท้าทาย​ที่​ว่า จะ​เลิก​โกหก​และ​เริ่ม​พูด​ความ​จริง​ได้​อย่าง​ไร.

นั่น​เป็น​เดือน​พฤศจิกายน ปี 1974 และ​ผม​อยู่​ต่อ​หน้า​ศาล​สูง​แห่ง​เทศ​มณฑล​เพนเดอร์ รัฐ​นอร์ทแคโรไลนา สหรัฐ​อเมริกา. ข้อ​กล่าวหา​นั้น​รวม​ทั้ง​การ​ปล้น​โดย​ใช้​อาวุธ, การ​ทำ​ร้าย​ร่าง​กาย​ด้วย​อาวุธ​ร้ายแรง, และ​ขับ​รถ​เร็ว 145 กิโลเมตร​ต่อ​ชั่วโมง​ใน​เขต​จำกัดความ​เร็ว 55 กิโลเมตร​ต่อ​ชั่วโมง. ใน​เดือน​ถัด​มา เมื่อ​อายุ​เพียง 22 ปี ผม​ถูก​ตัดสิน​ว่า​กระทำ​ผิด​ใน​ทุก​ข้อ​หา และ​ถูก​พิพากษา​จำ​คุก 30 ปี​ใน​เรือน​จำ​รัฐ​นอร์ทแคโรไลนา.

ผม​เติบโต​ขึ้น​ใน​เมือง​นูเวิก รัฐ​นิวเจอร์ซี. แม้​ว่า​คุณ​พ่อ​เป็น​เจ้าหน้าที่​ตำรวจ แต่​ผม​ก็​ก่อ​ปัญหา​ให้​คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​อยู่​เสมอ. ผม​เคย​อยู่​ใน​สถาน​กัก​กัน, สถาน​พินิจ​และ​คุ้มครอง​เด็ก​กลาง, และ​ครั้ง​หนึ่ง​ถึง​กับ​ถูก​ขัง​ใน​เขต​ที่​คุณ​พ่อ​ปฏิบัติ​หน้า​ที่​อยู่. ผม​จะ​ไม่​มี​วัน​ลืม​ที่​ถูก​คุณ​พ่อ​เฆี่ยน​คืน​นั้น! นั่น​คง​เพียง​พอ​ที่​จะ​ทำ​ให้​เด็ก​วัยรุ่น​อื่น ๆ เกือบ​ทุก​คน​เปลี่ยน​วิถี​ชีวิต​ได้—แต่​ไม่​ใช่​ผม.

ผม​หนี​ออก​จาก​บ้าน ค้าง​คืน​ที่​บ้าน​เพื่อน​หรือ​ไม่​ก็​เตร็ดเตร่​อยู่​ตาม​ถนน. ใน​ที่​สุด ผม​ก็​มา​ลงเอย​ใน​คุก​อีก. คุณ​แม่​เอา​ผม​ออก​จาก​คุก​ซึ่ง​เป็น​การ​ฝืน​ความ​ปรารถนา​ของ​คุณ​พ่อ. คุณ​พ่อ​คุณ​แม่​ซึ่ง​มี​ลูก​อีก​ห้า​คน​ตัดสิน​ใจ​ว่า บาง​ที​การ​เป็น​ทหาร​อาจ​เป็น​สิ่ง​จำเป็น​สำหรับ​ผม.

ผม​สมัคร​เป็น​ทหาร และ​การ​ฝึก​อบรม​ต่าง ๆ เปลี่ยน​พฤติกรรม​ของ​ผม​ได้​จริง ๆ ชั่ว​ระยะ​หนึ่ง. แต่​แล้ว​ผม​ก็​ติด​ยา กลาย​เป็น​คน​ติด​เฮโรอีน. ผม​เข้า​ประจำการ​อยู่​ที่​ฟอร์ตแบรกก์ รัฐ​นอร์ทแคโรไลนา และ​ไม่​นาน เพื่อน ๆ กับ​ผม​ก็​ไป​ตาม​เมือง ขโมย​สิ่ง​ที่​เรา​ต้องการ เพื่อ​ซื้อ​ยา​เสพย์ติด. เรื่อง​ราว​เกี่ยว​กับ​การ​ปล้น​ของ​เรา​มี​ลง​ใน​หนังสือ​พิมพ์​และ​ออก​ข่าว​ทาง​ทีวี.

ไม่​นาน เจ้าหน้าที่​ก็​จับ​ผม​ได้ และ​ผม​ถูก​ตัดสิน​จำ​คุก 30 ปี​ดัง​ที่​กล่าว​ตอน​เริ่ม​เรื่อง. ใน​เรือน​จำ ผม​ฝ่าฝืน​กฎ​และ​ข้อ​บังคับ​ต่าง ๆ อยู่​หลาย​ปี แต่​ใน​ที่​สุด​ก็​ตระหนัก​ว่า​ผม​กำลัง​ทำ​ร้าย​ตัว​เอง. ดัง​นั้น ผม​จึง​พยายาม​ทำ​ตาม​กฎ​ต่าง ๆ โดย​หวัง​ว่า​จะ​ถูก​ควบคุม​ตัว​ใน​ระดับ​ที่​ไม่​เข้มงวด และ​ได้​รับ​การ​ปล่อย​ตัว​โดย​การ​คุม​ประพฤติ.

ตลอด​สิบ​ปี​ต่อ​มา​ใน​เรือน​จำ ผม​ถูก​ควบคุม​ตัว​ใน​ระดับ​ที่​ไม่​เข้มงวด และ​ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น ผม​ถูก​บรรจุ​อยู่​ใน​โครงการ​ที่​ให้​ออก​ไป​ทำ​งาน​ข้าง​นอก​ได้. ทั้ง​นี้​หมาย​ความ​ว่า ผม​สามารถ​ออก​จาก​คุก​ใน​ตอน​เช้า​และ​กลับ​มา​เอง​ใน​ตอน​เย็น. วัน​หนึ่ง ผม​ไม่​ได้​กลับ​ทันที​หลัง​เลิก​งาน ผม​จึง​ถูก​คัด​ชื่อ​ออก​จาก​โครงการ​นั้น. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ผม​ยัง​คง​ถูก​ควบคุม​ใน​ระดับ​ที่​ไม่​เข้มงวด.

หลัง​จาก​ที่​ผม​อยู่​ใน​คุก​เกือบ 11 ปี โอกาส​ที่​จะ​ได้​รับ​การ​ปล่อย​ตัว​โดย​การ​คุม​ประพฤติ​นั้น​ดู​ไม่​มี​วี่แวว​เท่า​ไรนัก. เช้า​ที่​อากาศ​ร้อน​วัน​หนึ่ง​ใน​เดือน​สิงหาคม 1985 ขณะ​อยู่​นอก​เรือน​จำ ผม​ก็​ได้​โอกาส​หนี—หนี​โดย​ไม่​มี​ใคร​สังเกต​เห็น. ผม​ไป​ที่​บ้าน​เพื่อน​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​เคย​ต้อง​โทษ​มา​ด้วย​กัน. หลัง​จาก​ที่​ผม​ได้​พัก​คืน​หนึ่ง​และ​เปลี่ยน​เสื้อ​ผ้า เพื่อน​คน​นี้​ขับ​รถ​พา​ผม​ไป​กรุง​วอชิงตัน ดี.ซี. เป็น​ระยะ​ทาง​ประมาณ 400 กิโลเมตร.

ผม​ตั้งใจ​แน่วแน่​ว่า​จะ​ไม่​มี​วัน​กลับ​เข้า​ไป​อยู่​ใน​คุก ซึ่ง​หมาย​ความ​ว่า ผม​จำ​ต้อง​หลีก​เลี่ยง​การ​กระทำ​ใด ๆ ที่​ผิด​กฎหมาย​อีก. ตอน​แรก ผม​รับ​งาน​ที่​ทำ​วัน​ต่อ​วัน ซึ่ง​เป็น​งาน​จิปาถะ​ที่​หา​ได้. จาก​นั้น ผม​ได้​งาน​ทำ​ที่​บริษัท​ไฟฟ้า​แห่ง​หนึ่ง. ต่อ​มา ผม​หา​ทาง​จน​ได้​สูติบัตร​ใน​อีก​ชื่อ​หนึ่ง—เดอริก มาเจ็ตต์. ชื่อ​ของ​ผม, สถาน​ที่​เกิด, ภูมิหลัง, ครอบครัว—ทุก​สิ่ง​ที่​เกี่ยว​กับ​ตัว​ผม​เวลา​นี้​เป็น​ความ​เท็จ. ผม​รู้สึก​ว่า ตัว​เอง​ปลอด​ภัย​ตราบ​ใด​ที่​ไม่​มี​ใคร​รู้. ผม​ดำเนิน​ชีวิต​แบบ​นี้​อยู่​สาม​ปี​ทั้ง​ใน​กรุง​และ​รอบ ๆ วอชิงตัน ดี.ซี.

พบ​พยาน​พระ​ยะโฮวา

เย็น​วัน​หนึ่ง มี​ชาย​หนุ่ม​แต่ง​กาย​สุภาพ​สอง​คน​มา​ที่​อพาร์ตเมนต์​ของ​ผม. ทั้ง​สอง​คน​พูด​กับ​ผม​เรื่อง​คัมภีร์​ไบเบิล ให้​หนังสือ​ไว้​เล่ม​หนึ่ง และ​สัญญา​ว่า​จะ​กลับ​มา​อีก. แต่ ผม​ย้าย​ไป​อพาร์ตเมนต์​อื่น และ​ไม่​เห็น​เขา​ทั้ง​สอง​อีก​เลย. แล้ว​เช้า​วัน​หนึ่ง​ก่อน​เข้า​งาน ผม​แวะ​ดื่ม​กาแฟ​ที่​ร้าน และ​พบ​ผู้​หญิง​สอง​คน​ซึ่ง​ถาม​ว่า ผม​สนใจ​จะ​รับ​วารสาร​หอสังเกตการณ์​ไหม? ผม​รับ​ไว้​ฉบับ​หนึ่ง และ​จาก​นั้น​ทุก​เช้า ผู้​หญิง​สอง​คน​นี้​จะ​พบ​ผม​และ​จะ​คุย​เรื่อง​คัมภีร์​ไบเบิล.

แม้​การ​สนทนา​เป็น​แบบ​สั้น ๆ เสมอ ความ​สนใจ​ของ​ผม​ใน​สิ่ง​ที่​ผู้​หญิง​สอง​คน​นี้​พูด​มี​มาก​ขึ้น​ถึง​ขนาด​ที่​ทุก​เช้า​ผม​จะ​คอย​พบ​เธอ​ทั้ง​สอง คือ​ซินเทีย​และ​เจอเนตต์. ต่อ​มา ผม​ได้​รู้​จัก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​คน​อื่น ๆ ซึ่ง​ทำ​การ​เผยแพร่​แต่​เช้า​ตรู่. พวก​เขา​เชิญ​ผม​ให้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ที่​หอ​ประชุม. ผม​รู้สึก​หวั่น ๆ แต่​ก็​รับ​คำ​เชิญ.

ขณะ​ที่​ผม​นั่ง​ฟัง​คำ​บรรยาย​บ่าย​วัน​นั้น นับ​เป็น​ครั้ง​แรก​ที่​ผม​ได้​ยิน​การ​อธิบาย​ข้อ​พระ​คัมภีร์​แบบ​ที่​เข้าใจ​ได้​จริง ๆ. ผม​อยู่​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​โดย​ใช้​วารสาร​หอสังเกตการณ์​และ​พบ​ว่า ผม​สามารถ​มี​ส่วน​โดย​การ​ตอบ​คำ​ถาม. ผม​ออก​ความ​คิด​เห็น​เป็น​ครั้ง​แรก และ​หลัง​การ​ประชุม ผม​ตก​ลง​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​ผู้​ปกครอง​คน​หนึ่ง​ของ​ประชาคม.

ไม่​ช้า ผม​ก็​ทำ​ความ​ก้าว​หน้า​ใน​ความ​รู้​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล. แต่​ที่​สำคัญ​กว่า​นั้น ผม​หยั่ง​รู้​ค่า​ความ​จริง​ที่​ผม​กำลัง​เรียน​รู้. ผม​ไม่​อาจ​สบาย​ใจ​กับ​ชีวิต​ของ​ตัว​เอง​อีก​ต่อ​ไป. ผม​เริ่ม​รู้สึก​ผิด​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​โกหก​ที่​ได้​บอก​คน​เหล่า​นั้น ซึ่ง​บัด​นี้​เป็น​เพื่อน​ของ​ผม. ผม​ศึกษา​ต่อ​ไป โดย​คิด​ว่า ผม​คง​รอด​ตัว​ไป​ได้​ตราบ​ใด​ที่​ไม่​มี​ใคร​รู้​ความ​จริง​เกี่ยว​กับ​ผม. แต่​แล้ว​ผู้​ที่​สอน​คัมภีร์​ไบเบิล​ก็​เริ่ม​พูด​กับ​ผม​เกี่ยว​กับ​การ​มี​ส่วน​ใน​งาน​เผยแพร่​ตาม​บ้าน.

ใน​เวลา​นั้น มี​อะไร​บาง​อย่าง​เกิด​ขึ้น ซึ่ง​ทำ​ให้​ผม​รู้​ว่า การ​มี​ส่วน​ใน​งาน​เผยแพร่​หรือ​ใน​กิจกรรม​ใด ๆ ทำนอง​นั้น​จะ​เป็น​ไป​ไม่​ได้​หาก​ผม​ไม่​ทำ​อะไร​บาง​อย่าง​ลง​ไป​เกี่ยว​กับ​สถานะ​ของ​ตน. ขณะ​ที่​ผม​กำลัง​เติม​น้ำมัน​รถยนต์​ของ​ผม​อยู่ มี​ใคร​คน​หนึ่ง​เข้า​มา​ทาง​ด้าน​หลัง แล้ว​ล็อก​มือ​ผม​ไพล่​หลัง​ไว้. ผม​เย็น​วูบ​ไป​ทั้ง​ตัว! คิด​ว่า ใน​ที่​สุด​เจ้าหน้าที่​ก็​ตาม​จับ​ผม​จน​ได้. โล่ง​ใจ​จริง ๆ เมื่อ​ปรากฏ​ว่า​เป็น​อดีต​เพื่อน​ที่​เคย​ต้อง​โทษ​มา​ด้วย​กัน! โดย​ไม่​รู้​ว่า​ผม​หนี​ออก​มา เขา​ยัง​คง​เรียก​ผม​โดย​ใช้​ชื่อ​จริง​และ​ถาม​อะไร​ต่อ​อะไร​สารพัด.

ผม​ไม่​เคย​กลัว​แบบ​นี้​มา​ก่อน​เลย​ตั้ง​แต่​วัน​ที่​หลบ​หนี​มา. แต่​แล้ว​สิ่ง​นี้​ทำ​ให้​ผม​ต้อง​คิด​หนัก. สมมุติ​ว่า ผม​อยู่​ใน​งาน​เผยแพร่​ตาม​บ้าน และ​มี​ใคร​คน​หนึ่ง​มา​ที่​ประตู ซึ่ง​รู้​ความ​จริง​ว่า​ผม​เป็น​ใคร จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น? ผม​จะ​ออก​ไป​ใน​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​และ​พูด​ความ​จริง​ใน​ขณะ​ที่​ผม​กำลัง​ดำเนิน​ชีวิต​ใน​ความ​เท็จ​ได้​อย่าง​ไร? ผม​ควร​ทำ​อย่าง​ไร? ศึกษา​ต่อ​ไป​แล้ว​ดำเนิน​ชีวิต​ใน​ความ​เท็จ หรือ​เลิก​ศึกษา​แล้ว​ย้าย​ไป? เรื่อง​นี้​ทำ​ให้​รู้สึก​สับสน​จน​ผม​ต้อง​ไป​ที่​อื่น​สัก​ระยะ​หนึ่ง​และ​คิด​ให้​ดี.

ตัดสิน​ใจ

ผม​ออก​เดิน​ทาง. การ​ได้​ขับ​รถ​ไป​ไกล ๆ อย่าง​สบาย ๆ เป็น​สิ่ง​ที่​ผม​ต้องการ​อยู่​ที​เดียว เพื่อ​จะ​ได้​ผ่อน​คลาย, คิด, และ​ทูล​ขอ​พระ​ยะโฮวา​ให้​ช่วย​ผม​ตัดสิน​ใจ​ว่า​ควร​ทำ​อย่าง​ไร. ผม​ยัง​ตัดสิน​ใจ​ไม่​ได้​จน​กระทั่ง​ระหว่าง​ขา​กลับ​มา​วอชิงตัน ดี.ซี. นี่​เอง—คือ​จะ​เลิก​โกหก​และ​บอก​ความ​จริง. แต่​ไม่​ง่าย​นัก​ที่​จะ​ทำ​เช่น​นั้น. เนื่อง​จาก​ผม​คุ้น​เคย​กับ​ซินเทีย​เป็น​อย่าง​ดี ผม​จึง​เล่า​เรื่อง​ที่​เป็น​ความ​ลับ​ให้​เธอ​ฟัง. เธอ​แสดง​ให้​เห็น​อย่าง​ชัดเจน​ว่า ผม​ต้อง​จัด​การ​เรื่อง​ราว​ให้​เรียบร้อย​เฉพาะ​พระ​พักตร์​พระ​ยะโฮวา. เธอ​แนะ​นำ​ให้​ผม​พูด​กับ​ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม.

ผม​รู้​ว่า​เธอ​พูด​ถูก และ​ผม​เห็น​ด้วย. แต่​เนื่อง​จาก​ไม่​แน่​ใจ​ว่า​ต้อง​ทำ​อะไร​บ้าง​ตาม​กฎหมาย ผม​จึง​โทรศัพท์​หา​ทนาย​ความ​ท้องถิ่น​คน​หนึ่ง และ​อธิบาย​สภาพการณ์​ของ​ผม. เขา​แนะ​นำ​ให้​ติด​ต่อ​กับ​ทนาย​ความ​ใน​รัฐ​นอร์ทแคโรไลนา เพราะ​ทนาย​ที่​นั่น​จะ​ทราบ​ขั้น​ตอน​สำหรับ​รัฐ​นั้น. ดัง​นั้น ผม​จึง​เดิน​ทาง​ลง​ใต้ เพื่อ​จะ​ได้​ข้อมูล​เกี่ยว​กับ​ทนาย​ความ.

เมื่อ​ผม​มา​ถึง​เมือง​รอลี รัฐ​นอร์ทแคโรไลนา ผม​ขับ​รถ​ไป​ที่​เรือน​จำ ซึ่ง​ตั้ง​อยู่​บน​ถนน​สาย​หลัก​แห่ง​หนึ่ง. ผม​จอด​รถ และ​ได้​แต่​นั่ง​มอง​รั้ว​ลวด​หนาม​สูง, ยาม​ถือ​อาวุธ​บน​หอคอย, และ​พวก​นัก​โทษ​ที่​เดิน​ไป​มา​ภาย​ใน​รั้ว​นั้น. ผม​เคย​เป็น​นัก​โทษ​แบบ​นั้น​นาน​ถึง 11 ปี! นี่​ไม่​ใช่​การ​ตัดสิน​ใจ​ที่​ง่าย​เลย.

ถึง​กระนั้น ผม​หยิบ​สมุด​โทรศัพท์​ขึ้น​มา​และ​เลือก​ทนาย​ความ​คน​หนึ่ง. ผม​โทรศัพท์​และ​ให้​ราย​ละเอียด​เช่น​เดียว​กับ​ที่​ให้​ทนาย​ความ​คน​แรก​ที่​ผม​คุย​ด้วย. เขา​ไม่​ได้​ถาม​อะไร​มาก เพียง​แต่​บอก​ว่า เขา​คิด​ค่า​ทนาย​ความ​เท่า​ไร และ​เมื่อ​พร้อม ให้​ผม​โทรศัพท์​ไป แล้ว​เขา​จะ​เป็น​ฝ่าย​นัด​หมาย. เมื่อ​กลับ​ไป​ถึง​วอชิงตัน ดี.ซี. ผม​ตรง​ไป​หา​ครู​สอน​คัมภีร์​ไบเบิล​ของ​ผม​ทันที.

เขา, ภรรยา, และ​ลูก​สาว​เป็น​เหมือน​ครอบครัว​ของ​ผม. ดัง​นั้น คืน​ที่​ผม​ไป​บ้าน​ของ​เขา ต้อง​ใช้​เวลา​สัก​พัก​หนึ่ง​กว่า​ผม​จะ​พูด​ออก​มา​ได้. แต่​เมื่อ​พูด​ออก​มา ผม​ก็​รู้สึก​โล่ง​ใจ. พวก​เขา​ตกตะลึง​ไม่​น้อย. กระนั้น เมื่อ​เขา​หาย​ตกใจ​แล้ว เขา​แสดง​ความ​เห็น​อก​เห็น​ใจ​และ​ให้​การ​หนุน​ใจ​มาก.

สิ่ง​ถัด​มา​ที่​ผม​ต้อง​ทำ​ก็​คือ หา​เงิน​สำหรับ​ค่า​ทนาย​ความ​และ​ตัดสิน​ใจ​ว่า​จะ​มอบ​ตัว​เมื่อ​ไร. ผม​กำหนด​วัน​ที่ 1 มีนาคม 1989 ซึ่ง​เหลือ​เวลา​อีก​เพียง​ไม่​กี่​สัปดาห์​เท่า​นั้น. ผม​อยาก​ออก​จาก​งาน​และ​ชื่นชม​กับ​โอกาส​สุด​ท้าย​แห่ง​อิสรภาพ แต่​ผม​ทำ​ไม่​ได้​เพราะ​ผม​ต้องการ​เงิน​มา​จ่าย​ให้​ทนาย​ความ.

เป็น​เรื่อง​น่า​ขัน​ที่​ผม​หนี​ออก​จาก​เรือน​จำ แล้ว​มา​ตอน​นี้​กำลัง​เก็บ​เงิน​เพื่อ​จะ​กลับ​ไป​ที่​นั่น. บาง​ครั้ง มี​ความ​คิด​แวบ​ขึ้น​มา​ว่า ลืม​เรื่อง​ทั้ง​หมด​แล้ว​ก็​ไป​ซะ. แต่ วัน​ที่ 1 มีนาคม​ก็​มา​ถึง​อย่าง​รวด​เร็ว. ครู​ของ​ผม​และ​นัก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​อีก​คน​หนึ่ง​ของ​ครู​ไป​เมือง​รอลี​กับ​ผม. เรา​ไป​ที่​สำนัก​ทนาย​ความ​และ​พูด​ถึง​ข้อ​หา​ที่​ผม​ถูก​ส่ง​ไป​เรือน​จำ, ระยะ​เวลา​ที่​ถูก​ตัดสิน​จำ​คุก, และ​สาเหตุ​ที่​ผม​ยินดี​มอบ​ตัว. ทนาย​ความ​โทรศัพท์​ไป​ที่​สำนักงาน​ของ​ผู้​พิพากษา​ศาล​แขวง ขอ​ราย​ละเอียด​ว่า​ผม​ควร​ไป​ที่​ใด. เขา​ได้​รู้​ว่า ผู้​พิพากษา​ศาล​แขวง​สามารถ​รับ​ผม​กลับ​เข้า​คุก​ได้​ทันที.

ผม​ไม่​ได้​เตรียม​ใจ​ที่​จะ​กลับ​เข้า​คุก​เร็ว​อย่าง​นั้น. ผม​คิด​ว่า เรา​เพียง​แต่​ไป​คุย​กับ​ทนาย​ความ แล้ว​ผม​จะ​มอบ​ตัว​ใน​วัน​รุ่ง​ขึ้น. แต่​ตอน​นี้ เนื่อง​จาก​ได้​ตัดสิน​ใจ​ไป​แล้ว พวก​เรา​ทั้ง​สี่​คน​จึง​ขับ​รถ​ไป​ที่​เรือน​จำ​โดย​ไม่​มี​ใคร​ปริปาก​พูด. ผม​จำ​ได้ ตอน​นั้น​ยัง​นึก​ถาม​ตัว​เอง​ว่า ‘สิ่ง​นี้​กำลัง​เกิด​ขึ้น​จริง ๆ หรือ​นี่?’ มา​รู้​อีก​ที เรา​ก็​อยู่​ตรง​ประตู​ทาง​เข้า​แล้ว และ​กำลัง​ฟัง​ทนาย​ความ​อธิบาย​ให้​ยาม​ว่า​ผม​เป็น​ใคร.

กลับ​เข้า​เรือน​จำ

เมื่อ​ประตู​เปิด​ออก ผม​รู้​ว่า​ถึง​เวลา​ที่​จะ​กล่าว​อำลา. ทนาย​ความ​กับ​ผม​จับ​มือ​กัน. แล้ว​ครู​ของ​ผม, เพื่อน​ที่​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​ครู​คน​เดียว​กัน, และ​ผม ต่าง​สวมกอด​กัน. ทันที​ที่​เข้า​ไป​ด้าน​ใน​ของ​ประตู ผม​ก็​ถูก​ใส่​กุญแจ​มือ​และ​ถูก​พา​ตัว​ไป​ยัง​ที่​เปลี่ยน​เสื้อ​ผ้า​เพื่อ​ใส่​ชุด​นัก​โทษ​แทน. ผม​ได้​หมาย​เลข​ประจำ​ตัว​ใน​เรือน​จำ 21052-OS ตาม​เดิม.

เรือน​จำ​นี้​เป็น​เรือน​จำ​ลหุ​โทษ ดัง​นั้น ภาย​ใน​ชั่วโมง​นั้น ผม​จึง​ถูก​นำ​ตัว​ไป​ยัง​เรือน​จำ​ที่​มี​การ​คุม​ขัง​แน่น​หนา. ผม​เพียง​แต่​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​มี​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​หนังสือ​ท่าน​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​ได้​ตลอด​ไป​ใน​อุทยาน​บน​แผ่นดิน​โลก. ผม​ถูก​จัด​ให้​อยู่​กับ​บรรดา​นัก​โทษ​ซึ่ง​ผม​จำ​ได้​ว่า​เคย​รู้​จัก​มา​ก่อน​ตลอด​ช่วง​หลาย​ปี​นั้น. พวก​เขา​สันนิษฐาน​ว่า​ผม​ถูก​จับ​ได้ แต่​เมื่อ​ผม​อธิบาย​ว่า​ผม​กลับ​มา​เอง​เพราะ​ผม​อยาก​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา พวก​เขา​ต่าง​พูด​กัน​ว่า เป็น​สิ่ง​โง่​เง่า​ที่​สุด​เท่า​ที่​เคย​ได้​ยิน​มา.

สิ่ง​สุด​ท้าย​สิ่ง​หนึ่ง​ที่​ครู​บอก​กับ​ผม​ก็​คือ “อย่า​เลิก​ศึกษา​เป็น​อัน​ขาด.” ดัง​นั้น ผม​จึง​ใช้​เวลา​ส่วน​ใหญ่​อยู่​กับ​การ​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล, หนังสือ​ชีวิต​ตลอด​ไป, และ​การ​เขียน​จดหมาย​ถึง​เพื่อน ๆ ที่​บ้าน ซึ่ง​รู้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​ผม. ใน​บรรดา​พยาน​ฯ ที่​ผม​เขียน​ถึง​ก็​มี​เจอโรม​และ​อาร์ลีน ภรรยา​ของ​เขา. จดหมาย​ของ​ผม​สั้น เพียง​แต่​กล่าว​ขอบคุณ​และ​บอก​ถึง​ความ​รู้สึก​เกี่ยว​กับ​ช่วง​ที่​ได้​คบหา​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

ไม่​ช้า ผม​ได้​ข่าว​จาก​เจอโรม ซึ่ง​ขอ​อนุญาต​นำ​จดหมาย​ของ​ผม​ไป​ใช้​ใน​คำ​บรรยาย​ที่​เขา​กำลัง​จะ​บรรยาย​ใน​การ​ประชุม​หมวด​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ผม​ตก​ลง แต่​ไม่​ได้​คิด​ว่า​จะ​มี​ผล​อะไร​ติด​ตาม​มา. มี​พยาน​ฯ เพียง​ไม่​กี่​คน​ที่​รู้​เกี่ยว​กับ​ภูมิหลัง​ของ​ผม. ดัง​นั้น หลัง​จาก​ที่​อ่าน​จดหมาย​ของ​ผม​และ​ประกาศ​ชื่อ​จริง​ของ​ผม ไบรอัน อี. การ์เนอร์​แล้ว ยัง​ความ​ประหลาด​ใจ​สัก​เพียง​ไร​เมื่อ​เขา​บอก​ว่า “ใช้​นามแฝง เดอริก มาเจ็ตต์!” แล้ว​ก็​ถึง​คราว​ที่​ผม​ประหลาด​ใจ. จดหมาย​หนุน​ใจ​เริ่ม​หลั่งไหล​มา​จาก​พี่​น้อง​ชาย​หญิง—ไม่​เพียง​จาก​พี่​น้อง​ใน​ประชาคม​เพ็ตเวิร์ท​ที่​ผม​เข้า​ร่วม​ประชุม​เท่า​นั้น แต่​จาก​ประชาคม​อื่น ๆ ด้วย.

ไม่​นาน​นัก ผม​ก็​ถูก​ย้าย​จาก​เรือน​จำ​กลาง​ไป​ยัง​เรือน​จำ​ที่​เข้มงวด​ปานกลาง​ใน​ลิลลิงตัน รัฐ​นอร์ทแคโรไลนา. ทันที​ที่​ทุก​อย่าง​เข้า​ที่​เข้า​ทาง ผม​ก็​สอบ​ถาม​เกี่ยว​กับ​กิจกรรม​ทาง​ศาสนา. ผม​ยินดี​ที่​ทราบ​ว่า​มี​พยาน​พระ​ยะโฮวา​นำ​การ​ประชุม​ทุก​เย็น​วัน​พุธ​ใน​ห้อง​เรียน​ของ​เรือน​จำ. ผม​จะ​ไม่​มี​วัน​ลืม​ความ​รัก, การ​เกื้อ​หนุน, และ​ความ​พยายาม​เพื่อ​ช่วย​ไม่​เพียง​แต่​ผม แต่​ใคร​ก็​ตาม​ที่​ต้องการ​เรียน​รู้​ความ​จริง​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ใน​เรือน​จำ​นั้น. หลัง​จาก​ที่​ทราบ​ว่า​ผม​เคย​ศึกษา​มา​ก่อน ผู้​ปกครอง​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​นำ​การ​ประชุม​ที่​เรือน​จำ​ก็​ศึกษา​กับ​ผม​ทันที​ต่อ​จาก​ที่​ผม​หยุด​ไป.

พิจารณา​ปล่อย​ตัว​โดย​ให้​มี​การ​คุม​ประพฤติ

หลาย​เดือน​ผ่าน​ไป และ​แล้ว​มี​ข่าว​เข้า​มา​ว่า ผม​ต้อง​พบ​คณะ​กรรมการ​พิจารณา​ปล่อย​ตัว. แม้​ว่า​ผม​หลบ​หนี​ไป​และ​เพิ่ง​กลับ​มา​ได้​ไม่​นาน แต่​กฎหมาย​ระบุ​ว่า​จะ​ต้อง​นำ​ตัว​ผม​มา​อยู่​ต่อ​หน้า​คณะ​กรรมการ​พิจารณา​ปล่อย​ตัว​โดย​ให้​มี​การ​คุม​ประพฤติ​เพื่อ​ทบทวน​คดี หรือ​อย่าง​น้อย​ก็​มา​รับ​ทราบ​ว่า​คณะ​กรรมการ​ได้​พิจารณา​คดี​ของ​ผม​แล้ว. ผม​ส่ง​ข่าว​ให้​เพื่อน ๆ ทราบ​ว่า ผม​กำลัง​จะ​ได้​รับ​การ​พิจารณา​ปล่อย​ตัว. อีก​ครั้ง​หนึ่ง จดหมาย​เริ่ม​หลั่งไหล​เข้า​มา ไม่​ใช่​ถึง​ผม แต่​ถึง​คณะ​กรรมการ​พิจารณา​ปล่อย​ตัว.

ใน​เดือน​ตุลาคม 1989 ผม​ได้​รับ​แจ้ง​จาก​คณะ​กรรมการ​พิจารณา​ปล่อย​ตัว​ว่า จะ​ต้อง​มี​การ​ทบทวน​คดี​ของ​ผม. ผม​ตื่นเต้น. แต่​ใน​วัน​ที่​สมาชิก​คณะ​กรรมการ​กำหนด​จะ​มา กลับ​ไม่​มี​ใคร​ปรากฏ​ตัว. ทั้ง​ไม่​มี​ข่าว​ว่า​พวก​เขา​จะ​มา​เมื่อ​ไร. ผม​ผิด​หวัง​มาก แต่​ไม่​เลิก​ทูล​อธิษฐาน​ถึง​พระ​ยะโฮวา. ไม่​กี่​สัปดาห์​ต่อ​มา ใน​วัน​ที่ 8 พฤศจิกายน นัก​โทษ​ชาย​อีก​สอง​คน​และ​ผม​ได้​รับ​แจ้ง​ว่า สมาชิก​คณะ​กรรมการ​พิจารณา​ปล่อย​ตัว​อยู่​ที่​เรือน​จำ และ​ผม​จะ​ถูก​เรียก​ตัว​เป็น​คน​แรก.

ขณะ​ที่​ผม​เข้า​ไป​ใน​ห้อง​ทำ​งาน ผม​สังเกต​เห็น​แฟ้ม​สอง​แฟ้ม​เต็ม​ไป​ด้วย​เอกสาร. แฟ้ม​หนึ่ง​เป็น​แฟ้ม​เกี่ยว​กับ​ตัว​ผม ซึ่ง​ย้อน​ไป​ถึง​ปี 1974. ผม​ไม่​แน่​ใจ​ว่า​อีก​แฟ้ม​หนึ่ง​มี​อะไร. หลัง​จาก​ที่​ได้​พูด​กับ​ผม​ถึง​บาง​สิ่ง​บาง​อย่าง​เกี่ยว​กับ​คดี สมาชิก​คน​หนึ่ง​ใน​คณะ​กรรมการ​ก็​เปิด​อีก​แฟ้ม​หนึ่ง ซึ่ง​มี​จดหมาย​หลาย​สิบ​ฉบับ​เขียน​สนับสนุน​ผม. คณะ​กรรมการ​อยาก​ทราบ​ว่า ผม​ไป​รู้​จัก​ผู้​คน​มาก​มาย​เช่น​นั้น​ได้​อย่าง​ไร​หลัง​จาก​ที่​หลบ​หนี​ออก​จาก​เรือน​จำ. ดัง​นั้น ผม​จึง​เล่า​ย่อ ๆ ถึง​ประสบการณ์​ของ​ผม​กับ​พวก​พยาน​พระ​ยะโฮวา. จาก​นั้น พวก​เขา​ก็​ให้​ผม​ออก​ไป​นอก​ห้อง.

อิสรภาพ​และ​ชีวิต​ใหม่

เมื่อ​ผม​ถูก​เรียก​กลับ​เข้า​ไป ผม​ได้​รับ​แจ้ง​ว่า คณะ​กรรมการ​ลง​คะแนน​เสียง​ให้​มี “การ​ปล่อย​ตัว​ทันที​โดย​มี​เงื่อนไข.” ผม​ดีใจ​จน​กลั้น​ความ​รู้สึก​ไว้​ไม่​อยู่. หลัง​จาก​เพียง​เก้า​เดือน​ใน​เรือน​จำ ผม​จะ​ได้​รับ​การ​ปล่อย​ตัว! ต้อง​ใช้​เวลา​ระยะ​หนึ่ง​เพื่อ​ดำเนิน​การ​ทาง​ด้าน​เอกสาร ดัง​นั้น ใน​วัน​ที่ 22 พฤศจิกายน 1989 ผม​เดิน—คราว​นี้​ไม่​ต้อง​วิ่ง—ออก​จาก​เรือน​จำ.

ใน​วัน​ที่ 27 ตุลาคม 1990 ไม่​ถึง​หนึ่ง​ปี​หลัง​จาก​ที่​ผม​ถูก​ปล่อย​ตัว​ออก​มา ผม​แสดง​สัญลักษณ์​ของ​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระเจ้า​ยะโฮวา​ด้วย​การ​รับ​บัพติสมา​ใน​น้ำ. เวลา​นี้ ผม​กำลัง​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​มี​ความ​สุข​ใน​วอชิงตัน ดี.ซี. ฐานะ​ผู้​รับใช้​ที่​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง. วัน​ที่ 27 มิถุนายน 1992 ซินเทีย แอดัมส์​กับ​ผม​แต่งงาน​กัน.

ผม​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา, ภรรยา​และ​ครอบครัว​ของ​เธอ, รวม​ทั้ง​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​ทุก​คน​ที่​ช่วย​ผม​ให้​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​องค์การ​ที่​มี​ความ​รัก​ทั่ว​โลก​เช่น​นี้.—เล่า​โดย​ไบรอัน อี. การ์เนอร์.

[รูป​ภาพ​หน้า 23]

เรือน​จำ​ที่​ผม อยู่​นาน​ถึง 11 ปี

[รูป​ภาพ​หน้า 25]

กับ​ซินเทีย ภรรยา​ของ​ผม

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์