ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ต96 8/7 น. 18-23
  • ผมเคยเป็นคนนอกกฎหมาย

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • ผมเคยเป็นคนนอกกฎหมาย
  • ตื่นเถิด! 1996
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • เหตุ​ที่​ผม​กลาย​เป็น​คน​นอก​กฎหมาย
  • กิจกรรม​นอก​กฎหมาย
  • การ​จำ​คุก​และ​พิพากษา
  • เรียน​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล
  • การ​ต่อ​ต้าน​ขัด​ขวาง​จาก​บาทหลวง
  • หอ​ประชุม​ราชอาณาจักร​ใน​เรือน​จำ
  • รับ​บัพติสมา​ใน​เรือน​จำ
  • ทำ​ให้​คน​เป็น​สาวก​ใน​เรือน​จำ
  • วาระ​แห่ง​ความ​ยินดี​ยิ่ง
  • ความ​หวัง​อย่าง​เดียว​สำหรับ​ความ​ยุติธรรม
  • ชีวิต​ที่​เปี่ยม​ด้วย​บำเหน็จ
  • “พวกคุณเปลี่ยนทัศนะของผมที่มีต่อพยานพระยะโฮวา”
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1999
  • หนีมาพบความจริง
    ตื่นเถิด! 1994
  • การหว่านพืชแห่งราชอาณาจักรในทุกโอกาส
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1997
ตื่นเถิด! 1996
ต96 8/7 น. 18-23

ผม​เคย​เป็น​คน​นอก​กฎหมาย

วัน​นั้น​เป็น​วัน​ที่ 1 พฤษภาคม 1947 ที่​เกาะ​ซิซิลี. ผู้​คน​ประมาณ 3,000 คน รวม​ทั้ง​ผู้​หญิง​ที่​มี​ลูก​เล็ก​เด็ก​แดง ได้​พา​กัน​มา​ชุมนุม​ที่​ช่อง​เขา​แห่ง​หนึ่ง​เพื่อ​ร่วม​ฉลอง​วัน​แรงงาน​ประจำ​ปี. คน​เหล่า​นี้​ไม่​รู้​ตัว​ว่า​มี​อันตราย​ซุ่ม​ซ่อน​อยู่​ที่​เนิน​เขา​ใกล้ ๆ นั้น​เอง. บาง​ที​คุณ​อาจ​เคย​อ่าน​หรือ​ถึง​กับ​ได้​ดู​ภาพยนตร์​ซึ่ง​เกี่ยว​กับ​โศกนาฏกรรม​ที่​เกิด​ขึ้น​ต่อ​จาก​นั้น. การ​สังหาร​โหด​ใน​ครั้ง​นั้น​ถูก​เรียก​ว่า​การ​สังหาร​แห่ง​ปอร์เตลลา เดลลา จีเนสตรา ซึ่ง​ส่ง​ผล​ให้​มี​คน​ตาย​ถึง 11 คน​และ​มี​ผู้​บาดเจ็บ​อีก 56 คน.

แม้​ว่า​ผม​ไม่​มี​ส่วน​ใน​โศกนาฏกรรม​ดัง​กล่าว แต่​ผม​ก็​เป็น​คน​หนึ่ง​ที่​อยู่​ใน​กลุ่ม​ที่​สนับสนุน​การ​แบ่ง​แยก​ดินแดน​ซึ่ง​เป็น​ผู้​ก่อ​ให้​เกิด​เหตุ​การณ์​ครั้ง​นี้. ผู้​นำ​ของ​พวก​นี้​คือ ซัลวาโตเร จูลีอาโน ซึ่ง​ผม​เติบโต​ขึ้น​มา​พร้อม​กับ​เขา​ใน​หมู่​บ้าน​มอนเตเลเปร. เขา​อายุ​มาก​กว่า​ผม​เพียง​ปี​เดียว. ใน​ปี 1942 ขณะ​ที่​ผม​อายุ​ได้ 19 ปี ก็​ถูก​เกณฑ์​เข้า​เป็น​ทหาร​ใน​ระหว่าง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง. ก่อน​หน้า​นี้​ใน​ปี​เดียว​กัน​นั้น​เอง ผม​ได้​ตก​หลุม​รัก​และ​แต่งงาน​กับ วี​ตา โมตีซี. ใน​ที่​สุด เรา​มี​ลูก​ชาย​ด้วย​กัน​สาม​คน คน​แรก​เกิด​ใน​ปี 1943.

เหตุ​ที่​ผม​กลาย​เป็น​คน​นอก​กฎหมาย

ใน​ปี 1945 ซึ่ง​เป็น​ปี​ที่​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง​ยุติ​ลง ผม​เข้า​สมทบ​กับ​กอง​พล​ตะวัน​ตก​ของ​กอง​กำลัง​อาสา​สมัคร​เพื่อ​ปลด​แอก​ชาว​ซิซิลี (อีวิส). กอง​พล​ที่​ผม​เข้า​ร่วม​นี้​เป็น​หน่วย​รบ​กึ่ง​ทหาร​ของ​พรรค​การ​เมือง​ซึ่ง​ต้องการ​แบ่ง​แยก​ดินแดน เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​ใน​นาม​ของ​ขบวนการ​ปลด​แอก​ชาว​ซิซิลี (มิส). ซัลวาโตเร จูลีอาโน ซึ่ง​ตอน​นั้น​เป็น​ผู้​หลบ​หนี​การ​จับ​กุม​อยู่ ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​โดย​เจ้าหน้าที่​ระดับ​สูง​ของ​อีวิส​และ​มิส เพื่อ​บังคับ​บัญชา​กอง​พล​ของ​เรา.

ผม​กับ​ซัลวาโตเร ร่วม​เป็น​น้ำ​หนึ่ง​ใจ​เดียว​กัน​โดย​ที่​เรา​ต่าง​ก็​รัก​เกาะ​ซิซิลี​และ​ประชาชน​ของ​เรา. และ​เรา​ต่าง​ก็​โกรธ​แค้น​ใน​เรื่อง​ที่​ไม่​เป็น​ธรรม​ต่าง ๆ ที่​เรา​ประสบ​มา. ด้วย​เหตุ​นี้ ผม​จึง​รับ​เอา​หลักการ​ของ​กลุ่ม​จูลีอาโน​นี้ ซึ่ง​ต้องการ​ให้​ผนวก​ซิซิลี​เข้า​เป็น​รัฐ​ที่ 49 ของ​สหรัฐ​อเมริกา. มี​เหตุ​ผล​ไหม​ที่​จะ​เชื่อ​ว่า​การ​นี้​เป็น​ไป​ได้? ที่​จริง มี​เหตุ​ผล​ที่​จะ​เชื่อ​อย่าง​นั้น เพราะ​เจ้าหน้าที่​ของ​มิส​ยืน​ยัน​กับ​เรา​ว่า​พวก​เขา​มี​ความ​สัมพันธ์​แนบแน่น​กับ​ทาง​วอชิงตัน ดี.ซี. และ​ประธานาธิบดี​แห่ง​สหรัฐ แฮร์รี เอส. ทรูแมน เห็น​ชอบ​กับ​การ​ผนวก​ดินแดน​นั้น.

กิจกรรม​นอก​กฎหมาย

งาน​หลัก​ของ​กลุ่ม​ผม​ได้​แก่​การ​ลัก​พา​ตัว​คน​ที่​มี​ชื่อเสียง​และ​กัก​ตัว​ไว้​เพื่อ​เรียก​ค่า​ไถ่. โดย​วิธี​นี้​เรา​ได้​ทุน​มา​เพื่อ​ซื้อ​ปัจจัย​ต่าง ๆ ที่​จำเป็น. คน​ที่​ถูก​ลัก​พา​ตัว​มา ซึ่ง​เรา​เรียก​เป็น “แขก​ของ​เรา” ไม่​เคย​มี​ใคร​ได้​รับ​อันตราย. เมื่อ​คน​เหล่า​นี้​ได้​รับ​การ​ปล่อย​ตัว เรา​ให้​ใบ​เสร็จ​รับ​เงิน​กับ​เขา​เพื่อ​ใช้​สำหรับ​การ​จ่าย​เงิน​คืน​ตาม​ที่​เรา​ได้​รับ​เป็น​ค่า​ไถ่. มี​การ​แจ้ง​ให้​พวก​เขา​ทราบ​ว่า​ใบ​เสร็จ​นั้น​สามารถ​นำ​ไป​ใช้​เพื่อ​รับ​เงิน​ของ​พวก​เขา​คืน​เมื่อ​เรา​ได้​ชัย​ชนะ​แล้ว.

ผม​เข้า​ร่วม​ใน​การ​ลัก​พา​ตัว​เพื่อ​เรียก​ค่า​ไถ่​ประมาณ 20 ครั้ง รวม​ไป​ถึง​การ​ใช้​กำลัง​อาวุธ​โจมตี​ค่าย​แห่ง​การาบีนีเอรี ซึ่ง​เป็น​กอง​กำลัง​ติด​อาวุธ​รักษา​ความ​สงบ​ภาย​ใน​ประเทศ. ถึง​อย่าง​ไร​ก็​ตาม ผม​ยินดี​ที่​จะ​บอก​ว่า​ผม​ไม่​เคย​ฆ่า​ใคร. การ​โจมตี​ของ​พวก​เรา​ซึ่ง​เป็น​นัก​แบ่ง​แยก​ดินแดน​มา​ถึง​จุด​สุด​ยอด​ใน​คราว​ปฏิบัติการ​ที่​ทำ​อย่าง​บุ่มบ่าม ณ หมู่​บ้าน​ปอร์เตลลา เดลลา จีเนสตรา. ปฏิบัติการ​ครั้ง​นี้​ได้​มี​การ​คบ​คิด​ก่อ​การ​โดย​คน​ของ​กลุ่ม​จูลีอาโน​ประมาณ​สิบ​สอง​คน และ​ทำ​ไป​โดย​มุ่ง​จะ​ต่อ​ต้าน​พรรค​คอมมิวนิสต์.

แม้​ว่า การ​ฆ่า​ชาว​บ้าน​ธรรมดา—ซึ่ง​ก็​มี​ทั้ง​เพื่อน​บ้าน​และ​พวก​ผู้​สนับสนุน—ไม่​ได้​เกิด​ขึ้น​โดย​จงใจ แต่​บรรดา​คน​ที่​ได้​สนับสนุน​เรา​และ​รู้สึก​ว่า​ได้​รับ​การ​ปก​ป้อง​จาก​เรา​ต่าง​ก็​ปักใจ​ว่า​เรา​ทรยศ​พวก​เขา​เสีย​แล้ว. นับ​แต่​นั้น​มา การ​ไล่​ล่า​กลุ่ม​นอก​กฎหมาย​จูลีอาโน​ก็​ได้​ทำ​กัน​อย่าง​ไม่​ย่น​ย่อท้อ​ถอย. หลัง​จาก​ที่​มี​การ​แจ้ง​เบาะแส​ไป​ยัง​ตำรวจ พวก​เพื่อน​ผม​หลาย​คน​ก็​ถูก​จับ​กุม. วัน​ที่ 19 มีนาคม 1950 ผม​ติด​กับ​และ​ถูก​จับ. และ​ใน​ฤดู​ร้อน​นั้น​แหละ​ที่​จูลีอาโน​เอง​ถูก​ฆ่า.

การ​จำ​คุก​และ​พิพากษา

ใน​เรือน​จำ​ปาแลร์โม​ที่​ผม​ถูก​ขัง​รอ​การ​พิจารณา​คดี​อยู่ ผม​โศก​เศร้า​ที่​ต้อง​ถูก​พราก​จาก​ภรรยา​สาว​และ​ลูก​ชาย​ทั้ง​สาม​คน​ของ​ผม. กระนั้น ความ​ปรารถนา​จะ​ต่อ​สู้​เพื่อ​สิ่ง​ที่​ผม​รู้สึก​ว่า​ถูก​ต้อง​ทำ​ให้​ผม​ไม่​ถึง​กับ​หมด​อาลัย​ตาย​อยาก. ผม​เริ่ม​อ่าน​หนังสือ​เพื่อ​ใช้​เวลา​ที่​มี​อยู่​ให้​เป็น​ประโยชน์. หนังสือ​เล่ม​หนึ่ง​กระตุ้น​ให้​ผม​อยาก​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล. หนังสือ​เล่ม​นั้น​เป็น​อัตชีวประวัติ​ของ ซิลวีโอ เปลลีโก ชาว​อิตาลี​ซึ่ง​ถูก​จำ​คุก​ด้วย​เหตุ​ผล​ทาง​การ​เมือง​ใน​ช่วง​ศตวรรษ​ที่​19.

เปลลีโก เขียน​ว่า ตอน​ที่​อยู่​ใน​เรือน​จำ​เขา​มี​พจนานุกรม​และ​คัมภีร์​ไบเบิล​อย่าง​ละ​เล่ม​อยู่​กับ​ตัว​เสมอ. แม้​ว่า​ผม​และ​ครอบครัว​เป็น​โรมัน​คาทอลิก จริง ๆ แล้ว​ผม​ไม่​เคย​ได้​ยิน​ได้​ฟัง​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​เลย. ดัง​นั้น ผม​ขอ​เจ้า​พนักงาน​เรือน​จำ​ช่วย​นำ​มา​ให้​ผม​เล่ม​หนึ่ง. ผม​ได้​รับ​การ​แจ้ง​ให้​ทราบ​ว่า​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​ของ​ต้อง​ห้าม แต่​ผม​ก็​ได้​ส่วน​ที่​เป็น​กิตติคุณ​ของ​มัดธาย, มาระโก, ลูกา, และ​โยฮัน. ต่อ​มา ผม​สามารถ​หา​คัมภีร์​ไบเบิล​ครบ​ชุด​มา​ได้​เล่ม​หนึ่ง ซึ่ง​ผม​ยัง​คง​เก็บ​ไว้​เป็น​ของ​ที่​ระลึก​อัน​ล้ำ​ค่า.

ใน​ที่​สุด การ​พิจารณา​คดี​ผม​ก็​เริ่ม​มี​ขึ้น​ใน​ปี 1951 ที่ วีแตร์โบ ซึ่ง​อยู่​ใกล้ ๆ กับ​กรุง​โรม. การ​พิจารณา​คดี​ยืดเยื้อ​ไป​ถึง 13 เดือน. ผม​ถูก​พิพากษา​จำ​คุก​ตลอด​ชีวิต​สอง​ครั้ง​กับ​อีก 302 ปี! นั่น​ย่อม​หมาย​ความ​ว่า​ผม​จะ​ต้อง​ติด​แหง็ก​อยู่​ใน​เรือน​จำ​จน​ตาย.

เรียน​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล

เมื่อ​กลับ​ไป​ติด​คุก​ที่​ปาเลอร์โม​อีก​ครั้ง ผม​ถูก​ส่ง​ไป​อยู่​ใน​ส่วนของ​เรือน​จำ​ที่​สมาชิก​คน​หนึ่ง​ของ​กลุ่ม​เรา​ซึ่ง​เป็น​ลูก​พี่​ลูก​น้อง​ของ​จูลีอาโน​ถูก​จำ​ขัง​อยู่​ที่​นั่น. เขา​ถูก​จับ​ก่อน​ผม​สาม​ปี. ก่อน​หน้า​นั้น เขา​ได้​พบ​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​คน​หนึ่ง​จาก​สวิตเซอร์แลนด์​ใน​คุก ผู้​ซึ่ง​ได้​บอก​เล่า​เรื่อง​คำ​สัญญา​ต่าง ๆ ที่​น่า​พิศวง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​เขา​ฟัง. ชาย​คน​นี้​ถูก​จับ​พร้อม​กับ​เพื่อน​พยาน​ฯ อีก​คน​จาก​ปาเลอร์โม​ขณะ​ประกาศ​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า. (มัดธาย 24:14) ผม​มา​ทราบ​ใน​ภาย​หลัง​ว่า การ​ที่​เขา​ถูก​จับ​นั้น​เกิด​จาก​การ​ยุยง​ส่ง​เสริม​ของ​เหล่า​สมาชิก​แห่ง​พวก​นัก​บวช.

แม้​ว่า​ผม​ร่วม​ใน​กิจกรรม​นอก​กฎหมาย​หลาย​อย่าง แต่​ผม​เชื่อ​ใน​พระเจ้า​และ​เชื่อ​ใน​คำ​สอน​ต่าง ๆ ของ​คริสตจักร. ดัง​นั้น ผม​ตกตะลึง​เมื่อ​ได้​มา​เรียน​รู้​ว่า​การ​แสดง​ความ​เลื่อมใส​ศรัทธา​ต่อ​สิ่ง​ที่​เรียก​กัน​ว่า​นัก​บุญ​นั้น​ไม่​ถูก​ต้อง​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์ และ​พระ​บัญญัติ​สิบ​ประการ​ก็​มี​ข้อ​หนึ่ง​ที่​ห้าม​การ​ใช้​รูป​เคารพ​ใน​การ​นมัสการ. (เอ็กโซโด 20:3,4) ผม​บอกรับ​วารสาร​หอสังเกตการณ์​และ​ตื่นเถิด! ซึ่ง​กลาย​เป็น​สิ่ง​ที่​มี​ค่า​มาก​สำหรับ​ผม. ผม​ไม่​เข้าใจ​ทุก​สิ่ง​ที่​อ่าน แต่​ยิ่ง​ผม​อ่าน​มาก​ขึ้น​เท่า​ไร​ผม​ก็​ยิ่ง​รู้​สำนึก​ว่า​จำเป็น​ต้อง​หนี ไม่​ใช่​จาก​เรือน​จำ แต่​หนี​จาก​การ​คุม​ขัง​ของ​ความ​เทียม​เท็จ​ทาง​ศาสนา​และ​ความ​มืด​บอด​ฝ่าย​วิญญาณ.

ต่อ​มา ผม​ตระหนัก​ว่า​เพื่อ​จะ​เป็น​ที่​พอ​พระทัย​พระเจ้า ผม​ต้อง​ถอด​ทิ้ง​บุคลิก​ลักษณะ​เก่า​และ​สวม​ใส่​บุคลิก​ลักษณะ​ใหม่​ซึ่ง​อ่อนน้อม​และ​คล้าย​กัน​กับ​ของ​พระ​คริสต์​เยซู. (เอเฟโซ 4:20-24) ผม​ค่อย ๆ เปลี่ยน​ที​ละ​เล็ก​ที​ละ​น้อย. แต่​แทบ​จะ​ทันที​เลย​ที่​ผม​เริ่ม​ทำ​สิ่ง​ต่าง ๆ เพื่อ​พวก​นัก​โทษ​ด้วย​กัน และ​ผม​พยายาม​พูด​กับ​พวก​เขา​เรื่อง​สิ่ง​ดี​ยอด​เยี่ยม​หลาย​อย่าง​ที่​ผม​กำลัง​เรียน​รู้​อยู่​นั้น. ด้วย​เหตุ​นี้ ปี 1953 ผม​เริ่ม​พบ​กับ​ช่วง​เวลา​ที่​น่า​ชื่นชม​ยินดี. แต่​ก็​มี​อุปสรรค.

การ​ต่อ​ต้าน​ขัด​ขวาง​จาก​บาทหลวง

หก​เดือน​ให้​หลัง นับ​จาก​ที่​ผม​บอกรับ​วารสาร​หอสังเกตการณ์​และ​ตื่นเถิด! การ​ส่ง​ก็​หยุด​ชะงัก​ลง. ผม​ไป​หา​เจ้าหน้าที่​ตรวจ​จดหมาย​ของ​นัก​โทษ และ​แจ้ง​ปัญหา​ที่​เกิด​ขึ้น​ให้​เขา​ทราบ. เขา​บอก​ผม​ว่า บาทหลวง​ประจำ​เรือน​จำเป็น​คน​สั่ง​ระงับ​การ​ส่ง.

ผม​ขอ​พบ​บาทหลวง​คน​นั้น. ระหว่าง​ที่​พูด​คุย​กัน​นั้น ผม​ให้​เขา​ดู​บาง​สิ่ง​ที่​ผม​พอ​รู้​อยู่​บ้าง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล รวม​ทั้ง​ข้อ​พระ​คัมภีร์​ต่าง ๆ เช่น เอ็กโซโด 20:3,4 และ​ยะซายา 44:14-17 เกี่ยว​กับ​การ​ใช้​รูป​เคารพ​ใน​การ​นมัสการ. ผม​อ่าน​คำ​ตรัส​ของ​พระ​เยซู​ให้​เขา​ฟัง​ด้วย ดัง​บันทึก​ไว้​ที่​มัดธาย 23:8,9 (ล.ม.) ที่​ว่า อย่า “เรียก​ผู้​ใด​ว่า​บิดา​ของ​ท่าน​บน​แผ่นดิน​โลก.” ด้วย​ความ​ขุ่นเคือง​เขา​ตอก​กลับ​ว่า ผม​ไม่​สามารถ​เข้าใจ​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​เพราะ​ผม​เป็น​คน​เขลา.

ดี​ที่​ว่า​ผม​ได้​เริ่ม​เปลี่ยน​บุคลิก​ลักษณะ​ของ​ตัว​เอง​แล้ว—ถ้า​ไม่​อย่าง​นั้น​ผม​ไม่​รู้​เหมือน​กัน​ว่า​ผม​อาจ​ทำ​อะไร​ลง​ไป. โดย​ควบคุม​อารมณ์​ให้​เยือกเย็น​เอา​ไว้ ผม​ตอบ​ไป​ว่า “ใช่ เป็น​ความ​จริง​ที่​ว่า​ผม​เป็น​คน​เขลา. แต่​คุณ​ได้​ศึกษา​เล่า​เรียน แล้ว​ก็​ไม่​ได้​ทำ​อะไร​เลย​เพื่อ​สอน​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​กับ​ผม.” บาทหลวง​ตอบ​ว่า เพื่อ​จะ​รับ​สรรพหนังสือ​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ได้​ผม​ต้อง​ยื่น​คำ​ร้อง​ต่อ​รัฐมนตรี​ว่า​การ​กระทรวง​ยุติธรรม​ขอ​ลา​ออก​จาก​ศาสนา​คาทอลิก​เสีย​ก่อน. ผม​ทำ​เช่น​นั้น​ทันที แต่​คำ​ร้อง​ขอ​นั้น​ไม่​ได้​รับ​การ​อนุมัติ. อย่าง​ไร​ก็​ดี ใน​เวลา​ต่อ​มา​ผม​สามารถ​หา​ทาง​ให้​มี​การ​บันทึก​ชื่อ​ผม​ฐานะ​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​คน​หนึ่ง​ได้ และ​สามารถ​รับ​วารสาร​ได้​อีก​ครั้ง. แต่​ผม​ต้อง​ยืนหยัด​จริง ๆ.

หอ​ประชุม​ราชอาณาจักร​ใน​เรือน​จำ

มี​อยู่​พัก​หนึ่ง​ที่​ผม​ได้​พยายาม​ขอ​งาน​ทำ​จาก​พัศดี จะ​ได้​หา​เงิน​ส่ง​ไป​ให้​ครอบครัว​ของ​ผม. เขา​มัก​จะ​บอก​ผม​อยู่​เสมอ​ว่า​หาก​เขา​ให้​งาน​ผม เขา​ก็​คง​ต้อง​ให้​คน​อื่น​ด้วย และ​นั่น​เป็น​เรื่อง​ที่​เป็น​ไป​ไม่​ได้. แต่​เช้า​วัน​ที่ 5 สิงหาคม 1955 พัศดี​ก็​บอก​ข่าว​ดี​กับ​ผม—ผม​ได้​งาน​เป็น​เสมียน​ใน​เรือน​จำ.

งาน​ที่​ผม​ทำ​ช่วย​ให้​ผม​ได้​รับ​ความ​นับถือ​จาก​พัศดี และ​เขา​ก็​ใจ​ดี​อนุญาต​ให้​ผม​ใช้​ห้อง​เก็บ​ของ​เพื่อ​จัด​การ​ประชุม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล. ด้วย​เหตุ​นี้ ใน​ปี 1956 ผม​ได้​ใช้​ไม้​จาก​ตู้​เอกสาร​ที่​ทิ้ง​แล้ว​ประกอบ​เป็น​ม้า​นั่ง​ยาว​สำหรับ​สถาน​ที่ซึ่ง​อาจ​ถือ​ได้​ว่า​เป็น​หอ​ประชุม​ราชอาณาจักร ตาม​ชื่อ​ที่​ใช้​เรียก​สถาน​ประชุม​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ผม​กับ​เพื่อน​นัก​โทษ​คน​อื่น ๆ พบ​กัน​ที่​นั่น​ทุก​วัน​อาทิตย์ และ​เรา​มี​ยอด​ผู้​เข้า​ร่วม​การ​พิจารณา​คัมภีร์​ไบเบิล​สูง​สุด 25 คน.

ต่อ​มา บาทหลวง​ก็​รู้​เรื่อง​การ​ประชุม​ที่​ผม​จัด​ให้​มี​ขึ้น และ​เขา​โกรธ​หัว​ฟัด​หัว​เหวี่ยง. ผล​ก็​คือ ใน​ฤดู​ร้อน​ปี 1957 ผม​ถูก​ย้าย​ขัง​จาก​ปาเลอร์โม​ไป​อยู่​ที่​ทัณฑสถาน​แห่ง​ปอร์โต อัซซุร์โร ซึ่ง​อยู่​บน​เกาะ​เอลบา. สถาน​ที่​แห่ง​นี้​ขึ้น​ชื่อ​ใน​เรื่อง​ความ​ร้ายกาจ.

รับ​บัพติสมา​ใน​เรือน​จำ

เมื่อ​ผม​มา​ถึง ผม​ถูก​ขัง​เดี่ยว 18 วัน. ที่​นั่น​ผม​ไม่​ได้​รับ​อนุญาต​แม้​แต่​ที่​จะ​เก็บ​คัมภีร์​ไบเบิล​ของ​ผม​เอา​ไว้. ต่อ​มา​ใน​ภาย​หลัง ผม​เขียน​จดหมาย​ถึง​รัฐมนตรี​ว่า​การ​กระทรวง​ยุติธรรม​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​เพื่อ​ลา​ออก​จาก​ศาสนา​คาทอลิก. แต่​ทว่า คราว​นี้​ผม​ขอ​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​สำนักงาน​สาขา​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​กรุง​โรม. หลัง​จาก​สิบ​เดือน​ผ่าน​ไป คำ​ตอบ​ที่​เฝ้า​คอย​อยู่​แสน​นาน​ก็​มา​ถึง. ทาง​กระทรวง​ยอม​รับ​การ​เปลี่ยน​ศาสนา​ของ​ผม! นี่​ไม่​เพียง​หมาย​ถึง​ผม​สามารถ​มี​คัมภีร์​ไบเบิล, วารสาร, และ​สรรพหนังสือ​ต่าง ๆ ที่​อธิบาย​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​เท่า​นั้น แต่​หมาย​ถึง​ว่า​ผม​สามารถ​ได้​รับ​การ​เยี่ยม​เป็น​ประจำ​จาก​ผู้​รับใช้​คน​หนึ่ง​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ด้วย.

ความ​ยินดี​ของ​ผม​นั้น​มาก​ล้น​เหลือ​เมื่อ​มี​การ​เยี่ยม​ผม​เป็น​ครั้ง​แรก​โดย จูเซปเป โรมาโน จาก​สำนักงาน​สาขา​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​อิตาลี. โดย​ได้​รับ​อนุญาต​จาก​เจ้าหน้าที่​เรือน​จำ มี​การ​จัด​เตรียม​เพื่อ​ใน​ที่​สุด​ผม​สามารถ​แสดง​เครื่องหมาย​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา​โดย​การ​รับ​บัพติสมา​ใน​น้ำ. วัน​ที่ 4 ตุลาคม 1958 บราเดอร์​โรมาโน​ให้​บัพติสมา​แก่​ผม​พร้อม​ด้วย​เพื่อน​นัก​โทษ​อีก​คน​ใน​อ่าง​น้ำ​ขนาด​ยักษ์​ที่​ใช้​สำหรับ​รด​น้ำ​สวน​ของ​เรือน​จำ โดย​ที่​พัศดี, เจ้าหน้าที่​คุม​ความ​ประพฤติ, และ​เจ้าหน้าที่​คน​อื่น ๆ ก็​อยู่​ด้วย.

แม้​ว่า​ผม​สามารถ​ศึกษา​วารสาร​หอสังเกตการณ์​กับ​เพื่อน​นัก​โทษ​คน​อื่น ๆ เป็น​ประจำ​ได้​แทบ​ทุก​ครั้ง แต่​ผม​จำ​ต้อง​ทำ​การ​ระลึก​ถึง​การ​วาย​พระ​ชนม์​ของ​พระ​คริสต์​ตาม​ลำพัง​ใน​ห้อง​ขัง​ของ​ผม เพราะ​การ​ฉลอง​นี้​ทำ​หลัง​ดวง​อาทิตย์​ตก​ดิน. ผม​จะ​หลับ​ตา​และ​อธิษฐาน จินตนาการ​ว่า​ผม​ร่วม​อยู่​กับ​เพื่อน​พยาน​ฯ.

ทำ​ให้​คน​เป็น​สาวก​ใน​เรือน​จำ

ใน​ปี 1968 ผม​ถูก​ย้าย​ไป​คุม​ขัง​ที่​เรือน​จำ​ที่​ฟอสซอมโบรเน ซึ่ง​อยู่​ใน​เขต​เมือง​เปซาโร. ที่​นั่น​ผม​รู้สึก​ยินดี​ที่​เห็น​ผล​จาก​การ​พูด​คุย​กับ​คน​อื่น​เรื่อง​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. ผม​ทำ​งาน​ที่​ห้อง​พยาบาล ที่​ซึ่ง​หา​โอกาส​บอก​เล่า​เรื่อง​พระคัมภีร์​ได้​ง่าย. นับ​เป็น​ความ​ยินดี​เป็น​พิเศษ​ที่​เห็น​ความ​ก้าว​หน้า​ของ​เพื่อน​นัก​โทษ​คน​หนึ่ง ซึ่ง​มี​ชื่อ​ว่า เอมานูเอเล อัลตาวิลลา. หลัง​จาก​ศึกษา​ได้​สอง​เดือน เขา​ตระหนัก​ว่า เขา​ต้อง​นำ​คำ​แนะ​นำ​ของ​กิจการ 19:19 มา​ใช้ และ​ทำลาย​หนังสือ​ตำรา​เวทมนตร์​คาถา. ใน​ภาย​หลัง เอมานูเอเล​ได้​เข้า​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

ปี​ถัด​จาก​นั้น ผม​ถูก​ย้าย​ไป​ขัง​ที่​เรือน​จำ​บน​เกาะ​โปรชีดา ซึ่ง​อยู่​อีก​ฟาก​หนึ่ง​ของ​อ่าว​จาก​เมือง​เนเปิลส์. เนื่อง​จาก​มี​ความ​ประพฤติ​ดี อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ที่​ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ทำ​งาน​ที่​ห้อง​พยาบาล. ที่​นั่น​ผม​พบ​กับ​มาริโอ โมเรโน​นัก​โทษ​คน​หนึ่ง​ผู้​ซึ่ง​เป็น​คาทอลิก​ที่​เข้า​พิธี​รับ​เชื่อ​แล้ว. เขา​เอง​ก็​ทำ​งาน​ใน​ตำแหน่ง​ที่​รับผิดชอบ​สูง คือ​อยู่​ใน​แผนก​บัญชี.

เย็น​วัน​หนึ่ง มาริโอ ถาม​ผม​ว่า​มี​อะไร​ให้​เขา​อ่าน​บ้าง และ​ผม​ให้​หนังสือ​ความ​จริง​ซึ่ง​นำ​ไป​สู่​ชีวิต​ถาวร​แก่​เขา.a เขา​เห็น​ทันที​ถึง​ความ​สำคัญ​ของ​เรื่อง​ราว​ที่​เขา​อ่าน และ​เรา​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ด้วย​กัน. มาริโอ​เลิก​นิสัย​สูบ​บุหรี่​วัน​ละ​สาม​ซอง. นอก​จาก​นี้ เขา​ตระหนัก​ด้วย​ว่า เขา​ต้อง​ประพฤติ​ตน​อย่าง​ซื่อ​สัตย์​แม้​แต่​ใน​งาน​บัญชี​ที่​ทำ​ใน​เรือน​จำ. เขา​เริ่ม​บอก​เล่า​เรื่อง​ที่​เขา​ได้​เรียน​รู้​กับ​คู่​หมั้น​ของ​เขา และ​เธอ​ก็​เช่น​กัน​ตอบรับ​คำ​สอน​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล. ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น เขา​ทั้ง​สอง​ก็​แต่งงาน​กัน​ใน​เรือน​จำ​นั้น​เอง. ภรรยา​ของ​มาริโอ​ได้​รับ​บัพติสมา ณ การ​ประชุม​ภาค​ที่​เมือง​เนเปิลส์​ใน​ปี 1975. เธอ​รู้สึก​ยินดี​อย่าง​ยิ่ง​เมื่อ​เธอ​ทราบ​ว่า​สามี​ของ​เธอ​ก็​ได้​รับ​บัพติสมา​ใน​เรือน​จำ​วัน​เดียว​กัน​นั้น​เอง!

ผม​ได้​รับ​อนุญาต​สัปดาห์​ละ​ครั้ง​ที่​จะ​สนทนา​กับ​พยาน​ฯ ที่​มา​เยี่ยม​ผม​ที่​โปรชีดา. ผม​ได้​รับ​อนุญาต​ด้วย​ที่​จะ​ปรุง​อาหาร​เพื่อ​ร่วม​รับประทาน​กับ​พวก​เขา​ใน​ห้อง​โถง​ที่​ใช้​ต้อนรับ​ผู้​มา​เยี่ยม. จะ​มี​ผู้​มา​เยี่ยม​ได้​ครั้ง​ละ​ไม่​เกิน​สิบ​คน. ใน​เวลา​ที่​พวก​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​มา​เยี่ยม ผม​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​ฉาย​ภาพ​นิ่ง​ของ​พวก​เขา. มี​อยู่​ครั้ง​หนึ่ง ผม​รู้สึก​ยินดี​ที่​ได้​นำ​การ​ศึกษา​วารสาร​หอสังเกตการณ์​ใน​ระหว่าง​การ​มา​เยี่ยม​ของ​พยาน​ฯ 14 คน. พวก​เจ้าหน้าที่​ดู​เหมือน​ว่า​ไว้​ใจ​ผม​อย่าง​เต็ม​ที่. ใน​ตอน​หัวค่ำ​ตาม​วัน​ที่​มี​กำหนด​ไว้​ให้ ผม​จะ​ไป​ประกาศ​ตาม​ห้อง​ขัง.

ใน​ปี 1974 หลัง​จาก​อยู่​ใน​คุก​ต่าง ๆ 24 ปี ผู้​พิพากษา​คน​หนึ่ง​มา​เยี่ยม​และ​สนับสนุน​ผม​ให้​ยื่น​คำ​ร้อง​ขอ​การ​อภัยโทษ. ผม​คิด​ว่า​ไม่​เหมาะ​ที่​จะ​ทำ​เช่น​นั้น​เพราะ​เท่า​กับ​ยอม​รับ​ว่า​มี​ส่วน​ร่วม​ใน​การ​สังหาร​แห่ง​ปอร์เตลลา เดลลา จีเนสตรา ซึ่ง​ผม​ไม่​ได้​เข้า​ส่วน​ใน​เหตุ​การณ์​นั้น.

วาระ​แห่ง​ความ​ยินดี​ยิ่ง

ใน​ปี 1975 กฎหมาย​ใหม่​อนุญาต​ให้​นัก​โทษ​ออก​จาก​เรือน​จำ​ได้​ระยะ​เวลา​หนึ่ง. โดย​วิธี​นี้ ผม​มี​โอกาส​ได้​เข้า​ร่วม​เป็น​ครั้ง​แรก ใน​การ​ประชุม​ภาค​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​เมือง​เนเปิลส์. ผม​เพลิดเพลิน​ตลอด​ห้า​วัน​ที่​ไม่​มี​ทาง​จะ​ลืม​เลือน​ได้ ผม​พบ​กับ​พี่​น้อง​คริสเตียน​ชาย​หญิง​อีก​หลาย​คน​ที่​ผม​ไม่​เคย​ได้​พบ​มา​ก่อน.

สิ่ง​ที่​นำ​ความ​ยินดี​เป็น​พิเศษ​ให้​กับ​ผม​คือ​ใน​ที่​สุด หลัง​จาก​ที่​ผ่าน​ไป​ปี​แล้ว​ปี​เล่า ก็​สามารถ​ได้​อยู่​ร่วม​กับ​ครอบครัว​ของ​ผม​อีก​ครั้ง​หนึ่ง. วีตา ภรรยา​ของ​ผม ยัง​คง​ซื่อ​สัตย์​ต่อ​ผม และ​ลูก​ชาย​ของ​ผม​ใน​เวลา​นี้​เป็น​หนุ่ม​ใน​วัย 20 และ 30 กว่า​แล้ว.

ปี​ถัด​มา—ซึ่ง​ผม​ชื่นชม​กับ​ช่วง​เวลา​ที่​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​อยู่​นอก​เรือน​จำเป็น​ครั้ง​คราว—ก็​มี​การ​เสนอ​แนะ​ให้​ผม​ยื่น​คำ​ขอ​เพื่อ​รับ​การ​ปล่อย​ตัว​จาก​เรือน​จำ. ใน​รายงาน​เกี่ยว​กับ​ตัว​ผม​ของ​ผู้​พิพากษา​ศาล​แขวง​คุม​ประพฤติ เขา​เสนอ​ให้​รับ​พิจารณา​คำ​ร้อง​ของ​ผม. เขา​เขียน​ว่า “อาจ​กล่าว​ได้​โดย​ไม่​ต้อง​กลัว​การ​คัดค้าน​ว่า มันนี​โน​ใน​วัน​นี้ เมื่อ​เปรียบ​เทียบ​กับ​ตอน​เป็น​หนุ่ม​ที่​กระหาย​เลือด​ผู้​ลง​มือ​ตาม​คำ​สั่ง​ของ​จูลีอาโน​แล้ว เป็น​คน​ละ​คน​เลย​ที​เดียว. เขา​เปลี่ยน​ไป​อย่าง​สิ้นเชิง​จน​จำ​เค้า​เดิม​ไม่​ได้.”

ต่อ​มา เจ้าหน้าที่​เรือน​จำ​แห่ง​โปรชีดา​ยื่น​คำ​ร้อง​ขอ​อภัยโทษ​ให้​ผม. ใน​ที่​สุด คำ​ร้อง​ขอ​อภัยโทษ​นั้น​ก็​ได้​รับ​อนุมัติ และ​ใน​วัน​ที่ 28 ธันวาคม 1978 ผม​ได้​รับ​การ​ปล่อย​ตัว​จาก​เรือน​จำ. ช่าง​น่า​ยินดี​สัก​เพียง​ไร​ที่​หลัง​จาก​ต้อง​ถูก​จำ​ขัง​อยู่​กว่า 28 ปี แล้ว​ก็​ได้​เป็น​อิสระ!

ความ​หวัง​อย่าง​เดียว​สำหรับ​ความ​ยุติธรรม

ใน​ฐานะ​ผู้​ลัก​พา​ตัว​ตาม​คำ​สั่ง​ของ​จูลีอาโน ผม​ได้​ต่อ​สู้​เพื่อ​สิ่ง​ที่​ผม​เชื่อ​ว่า​จะ​นำ​เสรีภาพ​แท้​มา​สู่​ครอบครัว​ของ​ผม​และ​เพื่อน​ร่วม​ชาติ​ของ​ผม. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ผม​ได้​มา​เรียน​รู้​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ว่า ถึง​มนุษย์​เรา​จะ​จริง​ใจ​ขนาด​ไหน พวก​เขา​ไม่​มี​วัน​สามารถ​นำ​มา​ซึ่ง​ความ​ยุติธรรม​ที่​ผม​ปรารถนา​อย่าง​จริงจัง​ตอน​ที่​เป็น​คน​หนุ่ม. น่า​ยินดี ความ​รู้​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ช่วย​ให้​ผม​เข้าใจ​ว่า เฉพาะ​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​โดย​การ​ปกครอง​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​พระ​บุตร​ของ​พระองค์​เท่า​นั้น ที่​สามารถ​ขจัด​ความ​อยุติธรรม ซึ่ง​เป็น​สิ่ง​จำเป็น​อย่าง​ยิ่ง​ที่​จะ​ต้อง​เกิด​ขึ้น.—ยะซายา 9:6,7; ดานิเอล 2:44; มัดธาย 6:9,10; วิวรณ์ 21:3,4.

หนังสือ​พิมพ์​หลาย​ฉบับ​ลง​เรื่อง​ชีวิต​จริง​ที่​เกี่ยว​กับ​การ​เปลี่ยน​แปลง​บุคลิก​ลักษณะ​ของ​ผม ซึ่ง​ความ​รู้​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ทำ​ให้​เกิด​ขึ้น. ตัว​อย่าง​เช่น ปาเอเซ เซรา​อ้าง​ถึง​คำ​กล่าว​ของ​ผู้​คุม​เรือน​จำ​แห่ง​โปรชีดา​ที่​ว่า “ถ้า​นัก​โทษ​ทั้ง​หมด​เป็น​เหมือน​ฟรังก์ คง​ต้อง​ยุบ​เรือน​จำ​ไป​แล้ว. ความ​ประพฤติ​ของ​เขา​ดี​จน​ไม่​มี​ที่​ติ เขา​ไม่​เคย​ทะเลาะ​กับ​ใคร และ​เขา​ไม่​เคย​ถูก​ภาค​ทัณฑ์​แม้​แต่​น้อย.” หนังสือ​พิมพ์​อีก​ฉบับ​คือ​อัฟเวนีเร​เขียน​ดัง​นี้: “เขา​เป็น​นัก​โทษ​ตัว​อย่าง ไม่​เหมือน​ใคร. การ​ดัด​เปลี่ยน​นิสัย​ของ​เขา​นั้น​เป็น​เรื่อง​ที่​เหนือ​ความ​คาด​หมาย​ใด ๆ. เขา​แสดง​ความ​นับถือ​ต่อ​สถาบัน​ต่าง ๆ และ​นับถือ​เจ้าหน้าที่​เรือน​จำ​และ​มี​สภาพ​ฝ่าย​วิญญาณ​ที่​น่า​ทึ่ง.”

ชีวิต​ที่​เปี่ยม​ด้วย​บำเหน็จ

นับ​แต่​ปี 1984 เป็น​ต้น​มา ผม​ได้​รับใช้​ใน​ประชาคม​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​แห่ง​หนึ่ง​ฐานะ​ผู้​ปกครอง และ​ฐานะ​ไพโอเนียร์ ซึ่ง​เป็น​ชื่อ​ที่​เรียก​ผู้​รับใช้​เผยแพร่​เต็ม​เวลา. ใน​ปี 1990 ผู้​คุม​นัก​โทษ​คน​หนึ่ง​ผู้​ซึ่ง​ผม​เคย​บอก​เล่า​ความ​รู้​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​เขา​ฟัง​เมื่อ 15 ปี​มา​แล้ว โทรศัพท์​มา​และ​บอก​ผม​ว่า เขา​และ​ทุก​คน​ใน​ครอบครัว​ได้​เข้า​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

แต่​ประสบการณ์​ที่​ทำ​ให้​ผม​มี​ความ​สุข​มาก​ที่​สุด​เกิด​ขึ้น​เมื่อ​เดือน​กรกฎาคม ปี 1995. ใน​ปี​นั้น​ผม​ยินดี​อย่าง​เหลือ​ล้น​ที่​ได้​อยู่ ณ การ​รับ​บัพติสมา​ของ​วี​ตา ภรรยา​สุด​ที่​รัก​ของ​ผม. หลัง​จาก​เวลา​ผ่าน​ไป​นาน​หลาย​ปี เธอ​ได้​ทำ​ให้​คำ​สอน​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​ของ​เธอ​เอง. บาง​ที​ลูก​ชาย​ทั้ง​สาม​คน​ของ​ผม​ซึ่ง​ตอน​นี้​ยัง​ไม่​ร่วม​ใน​ความ​เชื่อ​กับ​ผม สัก​วัน​หนึ่ง​อาจ​จะ​ยอม​รับ​สิ่ง​ที่​ผม​ได้​เรียน​รู้​จาก​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า.

ประสบการณ์​ของ​ผม​ที่​ได้​ช่วย​คน​อื่น ๆ ให้​เรียน​รู้​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ทำ​ให้​ผม​ยินดี​อย่าง​หา​ที่​เปรียบ​ไม่​ได้. ช่าง​เป็น​บำเหน็จ​สัก​เพียง​ไร​ที่​ได้​ยึด​เอา​ความ​รู้​ซึ่ง​นำ​ไป​สู่​ชีวิต​นิรันดร์ และ​สามารถ​แบ่ง​ปัน​ความ​รู้​นี้​ให้​กับ​คน​ผู้​มี​หัวใจ​สุจริต!—โยฮัน 17:3.—เล่า​โดย​ฟรังก์ มันนีโน.

[เชิงอรรถ]

a จัด​พิมพ์​โดย​สมาคม​ว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ แห่ง​นิวยอร์ก

[รูป​ภาพ​หน้า 18]

ช่อง​เขา​ที่​เกาะ​ซิซิลี​ซึ่ง​เป็น สถาน​ที่​เกิด​การ​สังหาร​โหด​ขึ้น

[รูป​ภาพ​หน้า 19]

เมื่อ​เรา​แต่งงาน ใน​ปี 1942

[รูป​ภาพ​หน้า 21]

ผม​มัก​แบ่ง​ปัน​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​กับ​ผู้​คุม​นัก​โทษ

[รูป​ภาพ​หน้า 23]

กับ​ภรรยา​ของ​ผม

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์