การเพ่งดูโลก
โรคเอดส์จากเลือดหรือ?
โอกาสที่จะติดโรคเอดส์จากการถ่ายเลือดหรือผลิตภัณฑ์เลือดเป็นอย่างไร? ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะ สตาร์ แห่งโจฮันเนสเบิร์ก 600,000 คนทั่วโลก—หรือ 15 เปอร์เซ็นต์ของทุกคนที่ติดเชื้อ—ได้รับไวรัสเอดส์จากเลือดหรือผลิตภัณฑ์เลือดตั้งแต่มีการรู้จักโรคเอดส์. ปัจจุบันการทดสอบเลือดเพื่อหา HIV ใช้เวลามากและเสียค่าใช้จ่ายสูง. บางคนลงความเห็นว่าควรมีการทดสอบเลือดอย่างน้อยเจ็ดรายการต่างกันไป. บ่อยครั้งประเทศกำลังพัฒนาไม่มีทุนหรือการฝึกให้ใช้วิธีทดสอบดังกล่าว. แม้แต่ในประเทศมั่งคั่งซึ่งใช้วิธีทดสอบนี้ก็มีการผิดพลาด. พอล ซเตร็งเกอร์ส ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ประจำหน่วยบริการถ่ายเลือดแห่งดัตช์ยอมรับว่า “เราไม่อาจกล่าวได้ว่าผลิตภัณฑ์เลือดใด ๆ ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์จากไวรัส HIV หรือตับอักเสบ”
มีควันที่ไหนมีไฟที่นั่น
ในอันตรายหลายอย่างจากการสูบบุหรี่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีนั้น มีอยู่อย่างหนึ่งซึ่งมักจะถูกมองข้ามไป นั่นคือไฟไหม้. สมาคมป้องกันไฟไหม้แห่งชาติสหรัฐกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ยาสูบที่มีไฟติดอยู่เป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ 187,000 รายที่สหรัฐ ในปี 1991 เพียงปีเดียว คร่าชีวิต 951 คน (ไม่รวมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง). ดังนั้น 25 เปอร์เซ็นต์ของการเสียชีวิตทั้งหมดโดยไฟไหม้บ้านพักอาศัยในปีนั้น สืบสาวได้ว่ามาจากการสูบบุหรี่—เป็นจำนวนผู้เสียชีวิตที่มากกว่าเมื่อเทียบกับผลจากไฟไหม้โดยสาเหตุอื่นใด. เพลิงไหม้ที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 3,381 ราย และสูญเสียทรัพย์สิน 13,800 ล้านบาทระหว่างปีเดียวกัน. วัสดุครัวเรือนที่เป็นชนวนติดไฟบ่อยที่สุดคือเฟอร์นิเจอร์บุ, ฟูก, และผ้าปูที่นอน.
วัดความรุนแรงทางทีวี
การศึกษาวิจัยใหม่ซึ่งก่อให้เกิดการโต้แย้งอ้างว่า ทั้ง ๆ ที่มีการเดือดดาลเพราะความรุนแรงในทีวีอเมริกัน—และทั้ง ๆ ที่เครือข่ายทีวีได้สัญญาหลายครั้งว่าจะมีการระงับ—ที่ไหนได้ความรุนแรงในทีวีกลับเพิ่มขึ้นระหว่างสองปีที่ผ่านมา. การศึกษาวิจัยนี้ดำเนินการโดยศูนย์เพื่อสื่อมวลชนและกิจการสาธารณะ และได้ข้อสรุปจากการเฝ้าดูรายการเพียงวันเดียวของสิบสถานีแล้วเทียบกับเนื้อหาของรายการวันเดียวกันเมื่อสองปีก่อน. การศึกษาวิจัยพบว่าฉากรุนแรง ที่นิยามว่าเป็นการจงใจใช้กำลังทางกายซึ่งยังผลเป็นความเสียหายทางร่างกายหรือทำลายทรัพย์สิน เพิ่มขึ้น 41 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสองปี. ส่วนฉากรุนแรงขนาดหนัก ที่นิยามว่าเป็นการคุกคามชีวิตหรืออาจทำให้บาดเจ็บฉกรรจ์ได้ จำนวนการแสดงเหล่านี้พุ่งขึ้นถึง 67 เปอร์เซ็นต์. “อัตราเฉลี่ยของฉากรุนแรงเพิ่มขึ้นจาก 10 ถึงเกือบ 15 ฉากต่อช่องต่อชั่วโมง” ทีวีไกด์ รายงาน.
ความสนใจในศาสนาลดลง
ชาวญี่ปุ่นเพิกเฉยต่อศาสนามากยิ่งขึ้น เป็นคำแถลงของการสำรวจโดยหนังสือพิมพ์ โยมิอูริ ชิมบุน. ตาม “การสำรวจความตื่นตัวของชาติต่อศาสนา” ของหนังสือพิมพ์นี้ซึ่งทำกันทุก ๆ ห้าปี ตั้งแต่ปี 1979 อัตราของผู้ซึ่งเชื่อในศาสนาใดศาสนาหนึ่งโดยเฉพาะเมื่อไม่นานมานี้ตกต่ำเป็นประวัติการณ์คือ 1 ใน 4. เหตุใดจึงสนใจศาสนาน้อยลง? น่าแปลก 47 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ได้รับการสำรวจ บ่นว่า ศาสนาต่าง ๆ “หมกมุ่นหาเงินมากเกินไป.” คนอื่นโทษศาสนาเรื่อง “การเผยแพร่แบบยัดเยียด,” “เกี่ยวพันกับการเมืองมากไป,” และ “ขาดหัวหน้าศาสนาที่ควรแก่การนับถือ.” อย่างไรก็ตาม “44 เปอร์เซ็นต์คิดว่า พระเจ้าหรือพระพุทธเจ้า ‘มีจริง.’”
กัญชาและความจำเสื่อม
“เป็นครั้งแรกในโลกที่นักวิจัยในซิดนีย์ได้พิสูจน์ให้เห็นสิ่งที่หลายคนเคยสงสัยกันมานาน นั่นคือ อาการความจำเสื่อมและขาดความจดจ่อ อันเป็นผลมาจากการสูบกัญชานั้น ยังคงมีต่อไปหลังจากผู้คนเลิกใช้ยาเสพย์ติดนี้” เดอะ ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ แห่งออสเตรเลียรายงาน. การวิจัยนี้ซึ่งทำกันที่มหาวิทยาลัยแม็กไกวรี ยืนยันว่า ความเสียหายที่กัญชาก่อขึ้นจะเป็นปฏิภาค (สัดส่วน) กับปริมาณที่สูบและระยะเวลาที่ใช้. ข่าวร้ายยิ่งขึ้นอีกคือ: “ความเสียหายอาจพลิกกลับไม่ได้.” การศึกษาวิจัยนี้แสดงว่าคนที่เคยใช้แล้วเลิก “รับรู้ถึงความเสียหาย” พอ ๆ กับผู้ยังสูบกัญชาอยู่. ไม่เพียงความทรงจำเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะบรรดาคนที่ใช้ยานี้มาห้าปีหรือกว่านั้น. มีการพบว่าบุคคลดังกล่าวเชื่องช้ากว่าในการวิเคราะห์ข้อมูล อีกทั้งมีความสามารถน้อยกว่าในการเพ่งความสนใจและหลีกเลี่ยงอาการวอกแวก. รายงานนั้นสรุปว่า ตามหลักฐานที่ประกอบเข้าด้วยกันนี้การสูบกัญชาเปลี่ยนสรีระของสมองจริง ๆ.”