การเพ่งดูโลก
วัยรุ่นแคนาดากับศาสนา
“น่าประหลาดใจ วัยรุ่นแคนาดา 80 เปอร์เซ็นต์เชื่อในพระเจ้า” แม้ว่า “มีแค่ 15 เปอร์เซ็นต์เข้าร่วมประชุมในสถานศาสนาเป็นประจำ” หนังสือพิมพ์แวนคูเวอร์ ซัน กล่าว. ทำไมจึงต่างกันลิบลับอย่างนั้น? บางคนเลิกนับถือศาสนาเนื่องจาก “รู้สึกเบื่อเหลือเกินกับพิธีศาสนาที่มีมากมาย” และ “หลักคำสอนที่ตายตัวเป็นเหตุให้หนุ่มสาวเลิกสนใจ.” หนังสือพิมพ์นี้บอกอีกว่า “ไม่ต้องสงสัยว่าภาพลักษณ์ของศาสนาในรูปองค์การก็เสื่อมเสียอย่างหนักเนื่องจากหัวข่าวเรื่องการทำผิดทางเพศของนักเทศนักบวชที่เป็นคริสเตียน, การจลาจลของชาวสิกข์, ชาวยิวหัวรุนแรง และพวกนักรบฮินดู. การสำรวจความเห็นของประชาชนเผยให้เห็นว่า วัยรุ่นแคนาดาเพียง 39 เปอร์เซ็นต์มีความมั่นใจในพวกผู้นำศาสนา เมื่อเทียบกับ 62 เปอร์เซ็นต์ในปี 1984.” รายงานข่าวดังกล่าวลงท้ายด้วยข้อความว่า “การสื่อความอย่างจริงใจของนักเทศน์นักบวชเข้าไม่ถึงวัยรุ่น, หรือวัฒนธรรมของมวลชนก็ขัดแย้งเหลือเกินกับกิจปฏิบัติทางศาสนา หรือข่าวสารเรื่องศาสนาไม่ดึงดูดใจหนุ่มสาวส่วนใหญ่. หรือไม่ก็ทั้งหมดนั่นแหละ.”
เจ้าแมลงสาบที่ปราดเปรียว
ใครก็ตามที่เคยพยายามจับแมลงสาบย่อมทราบว่านั่นไม่ใช่งานง่ายเลย. อะไรคือเคล็ดลับของพวกมัน? อย่างหนึ่งก็คือ ขนเส้นเล็ก ๆ บนลำตัวช่วงล่างทั้งสองข้างซึ่งบอกการเคลื่อนไหวที่แผ่วเบาที่สุดของอากาศซึ่งศัตรูทำให้เกิดขึ้นและบอกทิศทางที่ศัตรูมา. นอกจากนั้น ระบบประสาทของมันดูทรงประสิทธิภาพเหลือเกิน เพราะแมลงสาบต้องการเวลาแค่หนึ่งในร้อยวินาทีเท่านั้นเพื่อตอบสนองและวิ่งหนีไป. หนังสือพิมพ์เบอร์ลีเนอร์ มอร์เกนโพสต์ รายงานว่า เดี๋ยวนี้เจฟฟรีย์ คัมฮี กับเพื่อนร่วมงานของเขาที่มหาวิทยาลัยฮีบรูแห่งเยรูซาเลมได้รู้มากขึ้นอีกโดยใช้กล้องถ่ายภาพความเร็วสูง. พวกเขาพบว่า แมลงสาบวิ่งได้เร็วถึงหนึ่งเมตรต่อวินาทีและด้วยอัตราความเร็วนี้มันสามารถเปลี่ยนทิศทางได้ถึง 25 ครั้งต่อวินาที. ตามคำกล่าวของคัมฮี ที่ยกมาลงในวารสารนิว ไซเยนติสต์ เขาบอกว่า “เราไม่รู้จักสัตว์ชนิดอื่นที่สามารถเคลื่อนไหวเปลี่ยนทิศทางได้เร็วขนาดนี้. ถ้าแมลงสาบไม่ใช่แขกเลว ๆ ละก็ ไม่ต้องสงสัยว่ามันคงได้รับการยกย่องที่มันสมควรได้รับอย่างยิ่งแน่ ๆ.”
แบคทีเรียขนาดใหญ่ที่สุดในโลกหรือ?
ไฮดี ชุลซ์ นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันแมกซ์ แพลงก์สำหรับสาขาจุลชีววิทยาทางทะเลได้ค้นพบแบคทีเรียขนาดใหญ่ในตะกอนก้นมหาสมุทรนอกชายฝั่งนามิเบีย แอฟริกา. สิ่งมีชีวิตนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางวัดได้ 0.75 มม. และใหญ่กว่าแบคทีเรียชนิดอื่นที่รู้จักกันถึง 100 เท่า. หนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ แห่งลอนดอนรายงานว่า “ถ้าแบคทีเรียทั่วไปมีขนาดเท่าลูกหนูที่เพิ่งเกิด แบคทีเรียชนิดใหม่นี้คงมีขนาดเท่ากับปลาวาฬสีน้ำเงินทีเดียว.” สิ่งมีชีวิตนี้ซึ่งถูกตั้งชื่อว่า ไทโอมาร์การิตา นามีบีเอนซิส อยู่เรียงกันเหมือนสายสร้อยไข่มุก. ตามที่เดอะ ไทมส์ กล่าว แบคทีเรียชนิดนี้ “เลี้ยงตัวเองด้วยสารประกอบพวกซัลไฟด์ซึ่งพวกมันให้ออกซิเจนโดยมีสารประกอบพวกไนเตรตซึ่งมีอยู่ในน้ำทะเลเป็นตัวช่วย.”
ศพมากเกินไปในคงคา
อิเล็กทรอนิกส์ เทเลกราฟ กล่าวว่า “หลายศตวรรษมาแล้วที่ชาวฮินดูโยนศพของพวกเขาลงในแม่น้ำคงคาด้วยความเชื่อว่าการทำเช่นนั้นรับประกันเรื่องโมกษะ คือการที่จิตวิญญาณหลุดพ้นจากสังสารวัฏ. ตลอดระยะเวลาที่แม่น้ำคงคาซึ่งยาว 2,500 กิโลเมตรนั้นมีความลึกมาก สายน้ำที่ไหลเชี่ยวได้พัดพาศพนับร้อยนับพันที่ทิ้งลงแม่น้ำนี้ไป. ทว่า ตลอดหลายปี แม่น้ำสายนี้ไหลช้าลงและตื้นขึ้นเนื่องจากของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมและขยะที่ถูกทิ้งลงไป.” ทั้งนี้ยังผลให้ศพ “ติดคาอยู่กับพวกวัชพืชและขยะนานเป็นสัปดาห์ ๆ.” เมื่อปลายทศวรรษ 1980 รัฐบาลพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการปล่อยเต่ากินเนื้อนับพัน ๆ ตัวลงในแม่น้ำคงคา. แต่โครงการนี้ถูกยกเลิกในปี 1994 เพราะมีศพมากเกินกว่าที่เต่าเหล่านั้นจะจัดการได้ และเต่าเองก็ถูกพวกที่บุกรุกเข้าไปล่าสัตว์จับไปอีกด้วย. ในการรณรงค์แบบใหม่ ประชาชนได้รับการชี้ชวนให้เผาศพญาติ ๆ ของตนหรือฝังศพเหล่านั้นใต้พื้นทรายริมแม่น้ำ.
ลิมโบไม่มีแล้วหรือ?
ลิมโบ—ตามคำสอนสืบปากของคาทอลิก เป็นสถานที่ที่จิตวิญญาณของทารกซึ่งตายโดยไม่ได้รับบัพติสมาจะไป—ได้หายไปจากหลักเทววิทยาของคาทอลิก. แม้เรื่องนี้ไม่เคยเป็นหลักคำสอนเลย แต่ลิมโบก็เป็น “ผลจากการคาดคะเนของนักเทววิทยาในศตวรรษที่ 12” ซึ่งต้องการมีสถานที่ “ในชีวิตหลังความตาย” สำหรับผู้ที่ไม่มีจุดหมายปลายทางที่สวรรค์หรือนรก. คนเหล่านี้รวมถึง “เด็กเกิดใหม่ที่ไร้ความผิดซึ่งเสียชีวิตโดยยังมาไม่ถึงอ่างน้ำมนต์สำหรับพิธีบัพติสมา” และ “คนที่ไม่เชื่อซึ่งดำเนินชีวิตชอบธรรม.” มาร์โก โปลีตี ผู้ให้อรรถาธิบายแห่งวาติกันเขียนลงในหนังสือพิมพ์ลา เรพุบบลีกา ว่า “เมื่อเรื่องลิมโบถูกแต่งขึ้น ลิมโบได้มีบทบาทสำคัญในหลักคำสอนที่คริสตจักรสอนกัน.” แต่ในคู่มือสอนแบบถามตอบเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งรวมทั้งคู่มือสอนแบบถามตอบทั่วไปซึ่งได้มีการประกาศใช้ในปี 1992 นั้นไม่มีกล่าวถึงลิมโบเลย. โปลีตีอธิบายว่า “ตามจริงแล้ว แนวคิดทั้งสิ้นเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายถูกเปลี่ยนแปลงไปแล้วในสองสามทศวรรษหลังนี้.” เดี๋ยวนี้นักเทววิทยาหลายคนบอกว่า ทารกที่ตายโดยไม่ได้รับบัพติสมานั้นไปสวรรค์เลย. ปีโน สกาบีนี นักเทววิทยาชาวอิตาลีบอกว่า “ทุกวันนี้ มีแนวโน้มที่จะพิจารณาส่วนประกอบสำคัญของสิ่งที่ได้รับการเปิดเผย คือชีวิตนิรันดร์ซึ่งพระเยซูตรัสถึง และการกลับเป็นขึ้นจากตาย.”
ธุรกิจลักพาตัว
ยู. เอส. นิวส์ แอนด์ เวิลด์ รีพอร์ต กล่าวว่า “การลักพาตัวเป็น . . . ธุรกิจที่ขยายตัวเร็วมากในที่ต่าง ๆ อย่างเม็กซิโก, โคลัมเบีย, ฮ่องกง, และรัสเซีย. ทั่วโลก ในสามปีหลังนี้สถิติการลักพาตัวเรียกค่าไถ่สูงขึ้นทุกปี.” ที่ที่มีมากที่สุดคือในลาตินอเมริกา ซึ่งมีการลักพาตัวถึง 6,755 รายในช่วงปี 1995 ถึง 1998. ตามด้วยเอเชียและตะวันออกไกล (617), ยุโรป (271), แอฟริกา (211), ตะวันออกกลาง (118), และอเมริกาเหนือ (80). ขณะที่ผู้ถูกลักพาตัวส่วนใหญ่เป็นพวกพ่อค้าและเจ้าของที่ดินในท้องถิ่น แต่ใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือจากต่างประเทศ, นักธุรกิจที่เดินทาง, หรือนักท่องเที่ยว ก็ล้วนแต่เสี่ยงต่อการถูกลักพาตัว. เดี๋ยวนี้พวกบริษัทนานาชาติทำประกันการลักพาตัวและการเรียกค่าไถ่เพื่อจะได้รับความคุ้มครองด้านค่าไถ่รวมทั้งค่าใช้จ่ายสำหรับนักเจรจาต่อรองและที่ปรึกษาด้านจิตวิทยา. พวกนักลักพาตัวรวมกันเป็นองค์การ, มีการสำรวจตลาด, และประเมินความเสี่ยงเกี่ยวกับผู้ที่เขาหมายหัว. พวกเขามักปฏิบัติอย่างดีกับผู้ที่เขากักตัวไว้ โดยตระหนักว่าการทำเช่นนั้นจะยังผลให้มีการพยายามหนีน้อยลงและทำให้พวกเขามีโอกาสได้รับค่าไถ่มากกว่า. วารสารนี้กล่าวว่า “การลักพาตัวเพียง 1 ใน 10 รายที่ลงเอยด้วยการตายของผู้ถูกลักพาตัว” แต่ก็ให้คำเตือนด้วยว่า “ระวังพวกตำรวจท้องถิ่น. พวกเขามักเป็นหุ้นส่วนกับพวกนักลักพาตัว.”
เว็บไซต์ชี้แนะการอธิษฐาน
เมื่อไม่นานมานี้ คริสตจักรแห่งอังกฤษได้เปิดเว็บไซต์ของตนในอินเทอร์เนต. ในเว็บไซต์นั้นมีข้อชี้แนะเรื่องวิธีอธิษฐาน. โดยยืนยันว่าพระเจ้าทรงสดับคำอธิษฐานทุกอย่าง คริสตจักรดังกล่าวกระตุ้นผู้คนให้รู้จักคิดสร้างสรรค์เมื่ออธิษฐาน. “ใช้ดนตรี, ก้อนหิน, ขนนก, ดอกไม้, หรือเทียนไขช่วยคุณให้มีสมาธิ” และ “ใช้มือคุณ. อาจใช้นิ้วมือคุณช่วยให้ระลึกถึงสิ่งต่าง ๆ ที่จะอธิษฐานขอ.” ตัวอย่างเช่น ข้อชี้แนะนั้นบอกว่า นิ้วหัวแม่มือซึ่งเป็นนิ้วที่แข็งแรงที่สุดอาจชวนให้อธิษฐานเพื่อสิ่งที่มั่นคงแข็งแรงในชีวิตคุณ เช่น บ้านและครอบครัว. นิ้วกลางอาจเตือนคุณให้อธิษฐานเพื่อ “ผู้ที่มีอำนาจในโลก” และนิ้วก้อยอาจเตือนคุณให้อธิษฐานเพื่อตัวเอง.” เมื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อแนะใหม่เหล่านี้ เดอะ ไทมส์ กล่าวว่า “เนื้อหาของเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่บ่งว่า คริสตจักรรู้สึกว่าประเทศนี้มุ่งในทางโลกสักเพียงไร. เว็บไซต์ของคริสตจักรนี้เทียบกฎเกณฑ์การอธิษฐานกับการควบคุมอาหารหรือการกำจัดวัชพืชในสวนโดยบอกว่า ‘สั้น ๆ และบ่อย ๆ ดีที่สุด แต่อย่าเลิก.’”
กรดกับฟันผุ
ไมก์ เอดการ์ หนึ่งในผู้เขียนเรื่องสุขภาพช่องปาก: อาหารและปัจจัยอื่น ๆ (ภาษาอังกฤษ) กล่าวว่า “คนเราควรเลิกคิดได้แล้วว่าน้ำตาลอย่างเดียวทำให้ฟันผุ และให้มุ่งสนใจอาหารที่ทำให้เกิดกรดในปาก.” รายงานดังกล่าวแนะนำว่า คนที่ดื่มน้ำส้มเป็นอาหารเช้าหรือรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดกรดไม่ควรแปรงฟันหลังจากนั้นอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง. ทำไม? ก็เพราะเมื่อระดับความเป็นกรดในปากสูงเกินกว่าจุดหนึ่ง เคลือบฟันจะอ่อนและการแปรงฟันจะเริ่มขัดผิวฟันชั้นนอกออก. มีข้อเสนอแนะให้คนเราลดระดับความเป็นกรดในปากด้วยการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนยแข็งหรือถั่ว แต่ไม่เกิน 20 นาทีหลังจากรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดกรด เดอะ ไทมส์ แห่งลอนดอนกล่าว.
แก้ปัญหาด้วยตุ๊กตาญี่ปุ่นหรือ?
สำหรับปู่ย่าตายายที่อยู่ห่างไกลจากหลาน ๆ และไม่ค่อยได้เห็นหน้าพวกเขา บริษัทหนึ่งในโตเกียวมีทางแก้คือ: ส่งภาพทารกนั้นไปให้บริษัท และภายในหกสัปดาห์คุณจะได้รับตุ๊กตาตัวหนึ่งที่ดูแล้วเหมือนหลานคุณ. วารสารนิว ไซเยนติสต์ รายงานว่า “แต่ยังไม่หมดเท่านั้น. เครื่องบันทึกเสียงระบบดิจิทัลด้วยไมโครชิปที่อยู่ในตุ๊กตาจะบันทึกเสียงอ้อ ๆ แอ้ ๆ ของทารก ตุ๊กตานั้นจึงส่งเสียงเหมือนหลานตัวน้อยของคุณ. แค่จับมือตุ๊กตา เครื่องนั้นก็จะเล่นซ้ำเสียงทารก—หรือเสียงอะไรก็ตามที่คุณบันทึก. ตามที่หนังสือพิมพ์เดอะ นิกเกอิ วีกลี กล่าว ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่สั่งทำตุ๊กตาราคาราว 15,000 บาทนี้เป็นพวกปู่ยาตายายที่ไม่ค่อยได้เห็นหน้าหลาน ๆ.”