บท 2
มีเหตุผลไหมที่จะเชื่อว่ามีพระเจ้า?
หนึ่งในคำถามสำคัญที่สุดที่คุณจะเผชิญคือ ‘พระเจ้ามีจริงหรือ?’ ข้อสรุปของคุณจะส่งผลกระทบทัศนะของคุณต่อครอบครัว การงาน เงิน ศีลธรรม กระทั่งชีวิตของคุณเสียด้วยซ้ำ.
2 ถ้ามีคนถามว่า ‘พระเจ้ามีจริงหรือ?’ หลายคนจะตอบกล่าวซ้ำสิ่งที่ตนได้อ่านหรือได้ยินจากคนอื่น. อย่างไรก็ดี คุณน่าจะใคร่ครวญคำถามนั้นเป็นส่วนตัว. ในหนังสือชื่อมนุษย์, พระเจ้า และเวทมนตร์ ดร. ไอวาร์ ลิซส์เนอร์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ความแตกต่างขั้นพื้นฐานระหว่างมนุษย์กับสัตว์เดียรัจฉาน” คือ “มนุษย์ไม่พอใจแค่การนอนหลับ การกิน และการรักษาร่างกายให้อบอุ่น.” มนุษย์มี “แรงกระตุ้นประจำตัวที่แปลก” ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่า “ความสนใจต่อสิ่งฝ่ายวิญญาณ.” ดร. ลิซส์เนอร์กล่าวเสริมว่า ‘อารยธรรมทั้งสิ้นของมนุษยชาติมีรกรากมาจากการสืบหาพระเจ้า.’ ดังนั้น การที่คุณคิดถึงคำถามที่ว่า ‘พระเจ้ามีจริงหรือ?’ ก็เป็นหลักฐานแสดงว่า คุณหาได้เพิกเฉยต่อคุณสมบัติสำคัญประการหนึ่งคือ—ความสนใจต่อสิ่งฝ่ายวิญญาณ.
3 คุณจะทำอย่างไรได้เพื่อจะรู้ว่า มี ‘ผู้สร้างและผู้ครอบครองเอกภพ ผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด’ ดังที่พจนานุกรมเล่มหนึ่งนิยามคำ “พระเจ้า”? เอาละ เหตุผลบ่งชี้ว่า ถ้ามี ‘ผู้สร้างเอกภพ’ ก็น่าจะมีข้อบ่งชี้การเริ่มต้นของเอกภพ รวมทั้งหลักฐานการออกแบบและการจัดระเบียบด้วย. ในการตรวจสอบดูว่ามีข้อบ่งชี้เช่นนั้นหรือไม่ เราอยากขอให้คุณพิจารณาสิ่งที่นักชีววิทยาได้ค้นพบเกี่ยวกับชีวิต และสิ่งที่เราได้เรียนรู้เรื่องเอกภพจากนักฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์ที่ใช้กล้องโทรทรรศน์และยานสำรวจอวกาศ.
ชีวิตของคุณ—เป็นมาโดยบังเอิญไหม?
4 ไฉนไม่เริ่มที่ตัวคุณก่อน? ชีวิตของคุณมาจากไหน? จริงอยู่ ชีวิตของคุณสืบทอดมาจากบิดามารดาของคุณ. แต่ชีวิตบนแผ่นดินโลกเริ่มขึ้นอย่างไร?
5 ด้วยความพยายามที่จะสร้างชีวิตขึ้นในห้องทดลอง และด้วยวิธีนี้จะอธิบายว่าชีวิตเริ่มต้นอย่างไร นักเคมีได้ส่งประกายไฟผ่านส่วนผสมของก๊าซพิเศษ. ผลอย่างหนึ่งคือได้กรดอะมิโนบางชนิด (โมเลกุลชนิดที่เป็น ‘หน่วยหลัก’ ของสิ่งมีชีวิต). กระนั้น กรดอะมิโนเหล่านั้นไม่มีชีวิต. ยิ่งกว่านั้น กรดอะมิโนเหล่านั้นก็มิใช่เกิดขึ้นจากเหตุบังเอิญ นักวิทยาศาสตร์ที่ชำนาญผลิตกรดเหล่านั้นขึ้นภายใต้สภาพการณ์ที่มีการควบคุมในห้องทดลองสมัยใหม่.
6 กรดอะมิโนตามธรรมชาติมีมากกว่า 200 ชนิด กระนั้นมีเพียง 20 ชนิดเท่านั้นอยู่ในโปรตีนของสิ่งมีชีวิต. ถึงแม้ว่าถ้า กรดอะมิโนบางอย่างจะเกิดขึ้นจากฟ้าแลบจริง แต่ใครล่ะเป็นผู้เลือกเอาเพียง 20 ชนิดซึ่งพบได้ในสิ่งมีชีวิต? และกรดนี้ถูกจัดเข้าสู่ลำดับที่ถูกต้องซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในโปรตีนได้อย่างไร? ดร. เจ. เอ็ฟ. คอพเพ็ดจ์ นักวิจัยได้คำนวณว่า ‘โอกาสที่จะได้โปรตีนเพียงหนึ่งโมเลกุลจากการผสมกรดอะมิโนต่าง ๆ โดยบังเอิญคือ 1 ใน 10287.’ (หมายถึงเลข 1 ที่มีศูนย์ตามหลัง 287 ตัว.) เขาชี้แจงเพิ่มเติมว่า ไม่ใช่โปรตีนเพียงโมเลกุลเดียว แต่ต้องมี ‘อย่างน้อย 239 โมเลกุลของโปรตีนสำหรับสิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุดที่อาจมีชีวิตอยู่ได้ตามทฤษฎี.’ คุณคิดว่าหลักฐานเช่นนั้นชี้ให้เห็นว่า ชีวิตเป็นผลมาจากเหตุบังเอิญโดยไม่มีการควบคุม หรือว่าชีวิตเป็นผลที่มาจากการออกแบบอย่างเฉลียวฉลาด?
7 จงพิจารณาการทดลองในห้องปฏิบัติการอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเคยลงเผยแพร่ในหน้าหนังสือพิมพ์เสมือนว่า “เป็นการสร้างชีวิต.” อาศัยอุปกรณ์ที่ละเอียดซับซ้อน นักวิทยาศาสตร์ได้นำเอาเชื้อไวรัสจากสิ่งมีชีวิตแล้วทำการแยกส่วน. ต่อมาเขาได้นำเอาส่วนต่าง ๆ เหล่านี้มารวมกันทำให้เป็นเชื้อไวรัสอีก. แต่ตามที่ เรเน ดูบอส์ นักชีววิทยาอธิบายไว้ในเอ็นไซโคลพีเดีย บริแทนนิกา ว่า เป็นการผิดถนัดที่จะเรียกการกระทำแบบนี้ว่า “เป็นการสร้างชีวิต.” ไม่ว่านักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นหรือนักวิทยาศาสตร์คนอื่นก็ไม่สามารถสร้างชีวิตใหม่ขึ้นได้จากวัตถุที่ไร้ชีวิต. แทนที่จะชวนให้คิดว่าชีวิตเกิดจากความบังเอิญ การทดลองนี้กลับแสดงให้เห็นว่า “กลไกทางชีววิทยาทั้งหมด” ที่จำเป็นสำหรับชีวิต “ต้องเป็นมาจากชีวิตที่มีอยู่ก่อนแล้ว.”
8 แม้ว่าพวกนักวิทยาศาสตร์จะสามารถผลิตโปรตีนที่มีชีวิตจากสสารไร้ชีวิตได้จริง ก็จะเป็นเพียงการยืนยันว่า จำต้องมีชีวิตที่มีเชาวน์ไหวพริบซึ่งดำรงอยู่ก่อนแล้วในฐานะผู้ควบคุม. เห็นได้ชัดว่า มนุษย์ไม่ได้เป็นผู้เริ่มทำให้ชีวิตมีขึ้นมาบนแผ่นดินโลก. กระนั้น ชีวิตถูกสร้างขึ้นมา รวมทั้งชีวิตมนุษย์ด้วย. ใครเป็นต้นเหตุ? นานมาแล้ว ผู้เขียนพระคัมภีร์หลายคนต่างก็ลงความเห็นอันควรแก่การพิจารณาอย่างจริงจัง. ผู้เขียนคนหนึ่งกล่าวว่า “ลมหายใจแห่งท่านผู้ทรงฤทธิ์ทรงกระทำให้ข้าฯมีชีวิต.” อีกผู้หนึ่งเสริมว่า “[พระเจ้า] เป็นผู้ได้ทรงโปรดประทานชีวิตและลมหายใจและสิ่งสารพัตรแก่คนทั้งปวง.”a
9 การพินิจร่างกายของคุณอย่างใกล้ชิด จะช่วยคุณหาเหตุผลต่อไปในเรื่องนี้.
เซลล์ของคุณ—สมองของคุณ—ตัวคุณ
10 ชีวิตดำเนินอยู่ในร่างกายของคุณซึ่งประกอบด้วยเซลล์เล็ก ๆ ประมาณ 100,000,000,000,000 เซลล์. เซลล์เป็นส่วนประกอบขั้นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนแผ่นดินโลก. ยิ่งทำการศึกษาเรื่องเซลล์อย่างรอบคอบถี่ถ้วน ก็ยิ่งเห็นได้ว่าเซลล์มีความซับซ้อนมาก.
11 แต่ละเซลล์ในร่างกายของคุณอาจเปรียบได้กับเมืองเล็ก ๆ ซึ่งมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นที่มีกำแพง. เซลล์มีส่วนประกอบที่เป็นเหมือนโรงกำเนิดไฟฟ้า. “โรงงาน” ต่าง ๆ ในเซลล์สร้างโปรตีนและฮอร์โมนเพื่อส่งไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย. มีขุมข่ายที่ซับซ้อนของช่องทางต่าง ๆ เพื่อขนส่งสารเคมีเข้าและออกจากเซลล์. “ยาม” ยืนรักษาการณ์คอยควบคุมสิ่งที่ถูกนำเข้ามา และทำการต่อสู้ผู้บุกรุก. จุดสำคัญของสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดคือนิวเคลียสซึ่งเปรียบเหมือน “ศาลากลาง” ของเซลล์. ศูนย์กลางนี้บัญชางานกิจกรรมทุกอย่างของเซลล์และมีพิมพ์เขียวของหน่วยถ่ายพันธุ์. บางส่วนของเซลล์นั้นเล็กมากจนไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจน แม้จะส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็คตรอนที่มีกำลังขยาย 200,000 เท่าก็ตาม. (หากใช้กล้องแบบนี้ขยายมดตัวหนึ่ง มดจะมีความยาวถึง 800 เมตร) อะไรจะอธิบายความสลับซับซ้อนและระเบียบอันน่าพิศวงเช่นนั้นในเซลล์กระจ้อยร่อยแต่ละเซลล์ซึ่งมีมากถึง 100,000,000,000,000 เซลล์ในตัวของคุณ?
12 ครั้งหนึ่งตัวของคุณเป็นเซลล์ที่ถูกผสมแล้วเซลล์เดียวในครรภ์ของมารดา. เซลล์เดียวนั้นแบ่งเป็นสอง แล้วก็สี่และแบ่งต่อ ๆ ไป. ต่อมาบางเซลล์ได้กลายเป็นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ. เซลล์อื่น ๆ กลายมาเป็นดวงตา กระดูกและหัวใจของคุณ. เป็นไปอย่างไรที่เซลล์เหล่านั้นสร้างแต่ละส่วนแห่งร่างกายตรงเวลาและตรงตำแหน่งอย่างถูกต้อง? ตัวอย่างเช่น ทำไมเซลล์เจริญเป็นหูตามที่อันถูกต้อง และไม่ใช่บนหัวเข่าหรือบนแขนของคุณ?
13 จงมองดูให้ลึกลงไปอีก. ในแต่ละเซลล์ คุณมีหน่วยถ่ายพันธุ์หลายหมื่นหน่วยและดีเอ็นเอที่สำคัญยิ่งซึ่งสั่งเซลล์ว่าควรจะปฏิบัติงานและสืบพันธุ์อย่างไร. กล่าวกันว่าดีเอ็นเอในแต่ละเซลล์บรรจุข้อมูลมากมายพอจะบรรจุลงในเอ็นไซโคลพีเดียที่ประกอบด้วย 1,000 เล่ม. ดีเอ็นเอกำหนดสีผมของคุณ คุณจะโตขึ้นเร็วแค่ไหน รอยยิ้มของคุณกว้างแค่ไหน พร้อมด้วยรายละเอียดอื่น ๆ นับไม่ถ้วนเกี่ยวกับตัวของคุณ. ทั้งหมดนี้ได้ ‘เขียนลง’ ในดีเอ็นเอของเซลล์เดียวในครรภ์มารดาของคุณ.
14 เมื่อคำนึงถึงเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ไม่กี่อย่างเกี่ยวกับเซลล์ เราจึงถามว่า เนื่องจากบิดามารดาของเราไม่ได้ตั้งใจเตรียมแบบพิมพ์เขียวของหน่วยถ่ายพันธุ์หรือเซลล์อันน่าพิศวงเช่นนั้น ใครล่ะจัดเตรียมไว้? เรื่องนี้จะชี้แจงอย่างมีเหตุผลได้ไหมหากไม่มีผู้ออกแบบซึ่งมีเชาวน์ปัญญา?
15 ในบรรดาอวัยวะทั้งหมดแห่งร่างกายของคุณ สิ่งที่น่าประหลาดที่สุดก็คืออวัยวะที่คุณจะไม่มีโอกาสเห็น—สมองของคุณ. สมองประกอบด้วยเซลล์ประสาทประมาณ 10,000,000,000 เซลล์ มากกว่าจำนวนประชากรของโลกถึงสองเท่า. เซลล์เหล่านี้แต่ละเซลล์อาจมีจุดเชื่อมต่อนับพัน ๆ จุดเข้ากับเซลล์ประสาทอื่น ๆ. จำนวนจุดเชื่อมต่อเมื่อรวมแล้วก็มากจนเกินที่จะนึกภาพได้!
16 คุณได้สะสมข้อเท็จจริงและภาพต่าง ๆ หลายร้อยล้านเรื่องไว้ในสมองของคุณ แต่สมองไม่ใช่เป็นเพียงแต่คลังเก็บข้อเท็จจริงเท่านั้น. คุณสามารถเรียนวิธีผูกปม พูดภาษาต่างประเทศ ทำขนมหรือเป่านกหวีด ก็โดยอาศัยสมองของคุณ. คุณสามารถสร้างจินตนาการนึกถึง—การพักผ่อนตากอากาศของคุณจะเป็นเช่นไร หรือนึกถึงรสชาติหวานฉ่ำของผลไม้. คุณสามารถวิเคราะห์และประดิษฐ์. คุณสามารถวางแผน หยั่งรู้ค่า รัก และคิดถึงเรื่องราวในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต. ปรากฏชัดว่าท่านผู้นั้นที่ออกแบบสมองย่อมมีสติปัญญาสุขุมยิ่งกว่าสติปัญญาของมนุษย์คนใดคนหนึ่งมากนัก เพราะพวกนักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่า:
“วิธีที่เครื่องจักรนี้ซึ่งสลับซับซ้อนอย่างยิ่ง เป็นระเบียบ และได้รับการออกแบบอย่างดีเยี่ยมทำสิ่งดังกล่าวนั้น ยังไม่เป็นที่เข้าใจเท่าไร. . . . มนุษย์อาจไม่มีวันจะแก้ปริศนาแต่ละอย่างได้ทั้งหมดเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ของสมอง.”—ไซเยนติฟิค อเมริกัน.
17 ขณะที่ไตร่ตรองดูว่ามีพระผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่หรือไม่นั้น อย่ามองข้ามอวัยวะส่วนอื่นแห่งร่างกายของคุณ. ตาของคุณ—ทำงานอย่างแม่นยำทั้งปรับได้ดียิ่งกว่ากล้องถ่ายรูปใด ๆ. หูของคุณ—สามารถรับเสียงต่าง ๆ หลายอย่าง และทำให้คุณรู้สึกถึงทิศทางและดุลยภาพ. หัวใจของคุณ—เครื่องสูบที่ดีวิเศษพร้อมด้วยสมรรถนะซึ่งวิศวกรผู้เชี่ยวชาญยังไม่สามารถเลียนแบบได้. ยังมีอย่างอื่นอีกเช่น ลิ้น ระบบการย่อยอาหาร และมือของคุณ. วิศวกรคนหนึ่งซึ่งได้รับงานออกแบบและสร้างคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ให้เหตุผลดังนี้:
“หากเครื่องคอมพิวเตอร์ของผมต้องมีผู้ออกแบบ จะยิ่งกว่านั้นสักเพียงใดที่เครื่องจักรซึ่งประกอบด้วยกลไกทางชีวะและเคมีฟิสิกส์อันได้แก่ร่างกายของผม—ซึ่งเป็นแต่เพียงส่วนเล็กเหลือเกินในเอกภพอันเกือบไม่มีที่สิ้นสุด ย่อมต้องมีผู้ออกแบบเช่นกัน?”
“ต้นเหตุ” ของเอกภพ
18 ประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว บุรุษผู้หนึ่งในตะวันออกกลางชื่ออะลีฮูได้กล่าวว่า “จงเงยหน้าดูท้องฟ้า แล้วพิจารณาดูซิ.”b
19 คุณเคยทำเช่นนั้นไหมในยามค่ำคืนอันมืดมิดและท้องฟ้าแจ่มใส? ทุกคนน่าจะทำ. คุณจะเห็นดวงดาวได้ด้วยตาเปล่าประมาณ 5,000 ดวงเท่านั้น. อย่างไรก็ดี กาแล็กซีทางช้างเผือกของเรามีดาวมากกว่า 100,000,000,000 ดวง. และมีกาแล็กซีสักกี่กลุ่ม? นักดาราศาสตร์กล่าวว่ามีหลายพันล้าน—ไม่ใช่ดาวแต่เป็นกาแล็กซีและแต่ละกาแล็กซีประกอบด้วยดาวหลายพันล้านดวง! มนุษย์ดูกระจ้อยร่อยเพียงไรเมื่อเทียบกับกลุ่มดาวมหาศาลเหล่านั้น! ดวงดาวมากมายเช่นนั้นมาจากที่ไหน?
20 นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า กาแล็กซีต่าง ๆ ดูเหมือนเคลื่อนย้ายออกไปจากจุดศูนย์กลาง. นักดาราศาสตร์หลายคนตั้งทฤษฎีขึ้นมาว่า หลายพันล้านปีมาแล้ว เกิดการระเบิดใหญ่ ทำให้เกิดพลังงานและสสารกระจายแผ่กว้างจนเกิดเป็นเอกภพอย่างที่เรารู้จักนั้น. ทฤษฎีของเขามิได้อธิบายว่าอะไรเป็นสาเหตุของการระเบิดนั้น. แต่มีสิ่งเกี่ยวข้องที่น่าสนใจ กล่าวคือมีจุดเริ่มต้น มีชั่วขณะหนึ่ง เมื่อเอกภพกำเนิด.
“ทุกวันนี้ คนเราสังเกตได้ว่า โลกวิทยาศาสตร์สั่นสะเทือนต่อหลักฐานที่เพิ่มพูนมากขึ้นในเรื่องการเริ่มต้นแบบ “ระเบิดใหญ่” แห่งเอกภพ. จึงเกิดมีปัญหาที่ว่า อะไรมีอยู่ก่อนหน้านั้น และความเชื่อมูลฐานของพวกนักวิทยาศาสตร์สั่นคลอนเนื่องจากเขาไม่สามารถตอบคำถามขั้นพื้นฐานได้.”—เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล.
21 ถูกแล้ว สำหรับคนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า มีคำถามหลายข้อซึ่งทำให้เขาลำบากใจเช่น: อะไรหรือผู้ใดทำให้สสารเกิดขึ้นในเอกภพ? เอกภพถูกสร้างจากความว่างเปล่าหรือ? เนื่องจากสสารถูกนับเป็นรูปหนึ่งของพลังงาน อะไรเป็นบ่อเกิดของพลังงานนั้น?
22 ดร. โรเบิร์ต จัสโทร ผู้อำนวยการสถาบันกอดดาร์ดขององค์การนาซาเพื่อการศึกษาด้านอวกาศได้ให้ข้อสังเกตว่า: “เมื่อมีหลักฐานเช่นนั้น ความคิดที่ว่า มีพระเจ้าผู้สร้างเอกภพนั้น ก็มีเหตุมีผลทางวิทยาศาสตร์พอ ๆ กับทฤษฎีอื่น ๆ หลายประการ.”
23 บุคคลทุกยุคทุกสมัยที่เป็นคนรอบรู้ได้ลงความเห็นว่า จะต้องมีต้นเหตุซึ่งประกอบด้วยเชาวน์ไหวพริบ พระผู้สร้างซึ่งเป็นองค์ยิ่งใหญ่สูงสุด. พระคัมภีร์แสดงถึงความรู้สึกของพวกเขา เมื่อกล่าวว่า “ฟ้าสวรรค์ประกาศพระรัศมีของพระเจ้า และท้องฟ้าบอกถึงพระหัตถกิจของพระองค์.”c
24 ไม่ว่าคุณจะมีความเห็นอย่างไรก็ตามว่ามีพระเจ้าหรือไม่ สิ่งที่เราได้พิจารณาเรื่องชีวิต เรื่องเกี่ยวกับตัวเราเอง และเรื่องเอกภพน่าจะช่วยให้เข้าใจเหตุผลว่า ทำไมคนที่รู้จักคิดหลายคนเชื่อมั่นว่ามีพระเจ้า. ทั้งนี้จึงนำเราเข้าสู่เรื่องที่เกี่ยวข้องกันคือ: ถ้าพระผู้สร้างทรงเป็นอยู่จริง คงจะมีเหตุผลมิใช่หรือที่พระองค์จะติดต่อกับมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา และตอบคำถามของเราที่ว่า “เหตุใดเราจึงเกิดมาในโลกนี้? ทำไมจึงมีความชั่วมากมาย? อนาคตจะให้อะไรแก่เรา? เราจะหาความสุขได้อย่างไร?
[เชิงอรรถ]
a พระธรรมโยบ 33:4; กิจการ 17:25.
[คำถามศึกษา]]
เหตุใดเราควรพิจารณาเรื่อง ‘พระเจ้ามีจริงหรือ?’ (1-3)
ชีวิตบนแผ่นดินโลกชี้ให้เห็นอะไร? (4-9)
เราสามารถเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายของเรา ซึ่งช่วยเราเมื่อพิจารณาคำถามที่ว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่? (10-14)
สมองของมนุษย์ให้หลักฐานเกี่ยวด้วยการออกแบบอย่างไร? (15-17)
อะไรทำให้หลายคนลงความเห็นว่า เอกภพถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า? (18-24)
[กรอบหน้า 13]
“ทุกวันนี้อย่างน้อยมีนักวิทยาศาสตร์ร้อยละ 80 ผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีววิทยา คงยอมรับว่าชีววิทยาและชีวิตถูกควบคุมโดยอำนาจที่สูงส่ง.
“ระเบียบและกฎข้อบังคับอันดีเลิศในชีวิตชนิดต่าง ๆ และในขบวนการขั้นพื้นฐานในระดับของเซลล์และโมเลกุลเป็นแรงจูงใจที่มีอิทธิพลต่อความเชื่อที่ว่าอำนาจสูงส่งนั้นมีจริง.”—“เจอร์นัล อ็อฟ ดิ อเมริกัน เมดิคัล แอสโซซิเอชัน.”
[กรอบหน้า 19]
ระเบียบมาจากที่ไหน?
ดร. พอล เดวีส์ อาจารย์บรรยายวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ ณ วิทยาลัย คิงส์ ลอนดอน เขียนไว้ใน “นิว ไซเยนติสต์” ว่า:
“ทุกหนทุกแห่งที่เรามองดูในเอกภพ นับจากกลุ่มกาแล็กซีซึ่งกว้างใหญ่ไพศาลกระทั่งถึงส่วนที่ลึกที่สุดของอะตอม เราเห็นระเบียบ. . . . หากข้อมูลและระเบียบมีแนวโน้มตามธรรมชาติที่จะสูญไป ข้อมูลทั้งหมดซึ่งทำให้โลกเป็นสถานที่พิเศษดังกล่าวนั้นเริ่มแรกมาจากที่ไหน?”
เซอร์ เบอร์นาร์ด โลเว็ลล์แห่งหอดูดาวโจเดรล แบงค์ที่มีชื่อของประเทศอังกฤษ เขียนว่าความรู้สึกของเขาเป็นเหมือนกับความรู้สึกของอัลเบิร์ต ไอนสไตน์คือ:
“ความรู้สึกประหลาดใจอันน่าตื่นเต้นในความกลมกลืนของกฎธรรมชาติซึ่งเปิดเผยให้เห็นถึงเชาวน์ฉลาดไหวพริบอันยิ่งใหญ่ที่ เมื่อนำมาเทียบกันแล้ว แนวความคิดและการกระทำที่มีระบบทุกอย่างของมนุษย์ก็เป็นแต่การสะท้อนเพียงเสี้ยวเล็กน้อยเท่านั้น.”—“เซ็นเตอร์ อ็อฟ อิมเม็นซิทิส์.”
[รูปภาพหน้า 13]
ไมโตคอนเดรีย ผลิตสารเคมีเพื่อให้เกิด พลังงาน
นิวเคลียส ควบคุมกิจกรรมทุกอย่างของเซลล์
ขุมข่ายของช่องทาง ส่งสารเคมีเข้า และออกจากเซลล์
ไรโบโซม สร้างโปรตีนและ ฮอร์โมนเพื่อส่งไปยัง ส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกาย
เยื่อหุ้มและโปรตีน ควบคุมสิ่งที่ถูกนำเข้าและ ต่อสู้ตัวที่บุกรุก
[รูปภาพหน้า 15]
สมองของเธอ
ทำให้เธอสามารถ—
ขี่จักรยานโดยไม่ล้ม
ได้ยินเสียงรถแล่นใกล้เข้ามา
ได้กลิ่นดอกไม้
สัมผัสสายลมอ่อน ๆ
เฝ้าดูสุนัข
จำทางกลับบ้านได้
[รูปภาพหน้า 17]
ใครออกแบบร่างกายมนุษย์?
สมอง: วิเศษยิ่งกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ สมองมีความสามารถโดยประมาณแล้วมากกว่าที่มนุษย์ใช้ในชั่วชีวิตในปัจจุบันพันล้านเท่าทีเดียว.
ตา: เป็นกล้องถ่ายภาพยนตร์สีแบบอัตโนมัติที่ปรับจุดรวมแสงได้เอง ได้ภาพชัดเสมอ.
หัวใจ: เครื่องสูบฉีดที่มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเครื่องจักร ใด ๆ ที่มนุษย์ได้ประดิษฐ์. สูบฉีดโลหิตวันละ 5,700 ลิตร หรือมากกว่านั้น.
ตับ: โรงงานทางเคมี ปฏิบัติงานมากกว่า 500 หน้าที่. สร้างเอ็นไซม์ 1,000 กว่าชนิด.
กระดูก: โครงสร้างหนักเพียง 9 ก.ก. กระนั้นก็แข็งแรงราวกับคานเหล็ก.
ระบบประสาท: สายใยการติดต่อที่รับและ/หรือปฏิบัติเกี่ยวกับการสัมผัสต่าง ๆ วินาทีละ 100,000,000 ครั้ง.
[รูปภาพหน้า 20]
เอกภพพร้อมด้วยกาแล็กซีนับเป็นหลายพันล้านกลุ่มเกิดขึ้นมาอย่างไร?