บท 5
ให้หลักฐานที่พบในฟอสซิลชี้แจง
1. ฟอสซิลคืออะไร?
ฟอสซิลเป็นซากของชีวิตสมัยดึกดำบรรพ์ที่ยังคงมีให้เห็นได้ในเปลือกโลก. สิ่งเหล่านี้อาจเป็นโครงกระดูกหรือเป็นบางส่วนเช่น กระดูก ฟัน หรือเปลือกหอย. อนึ่ง ฟอสซิลอาจรวมถึงร่องรอยของความเป็นไปของสิ่งซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตอยู่ เช่น รอยซากหรือรอยเท้า. ฟอสซิลจำนวนมากไม่มีเนื้อเดิมเหลืออยู่เลย แต่มันได้เปลี่ยนสภาพเป็นแร่ธาตุที่แทรกซึมเข้าไปในฟอสซิลแล้วกลายเป็นรูปร่างนั้น.
2, 3. เหตุใดพวกฟอสซิลจึงมีความสำคัญต่อวิวัฒนาการ?
2 เหตุใดฟอสซิลจึงสำคัญต่อวิวัฒนาการ? จี. แอล. สเตบบินส์ นักพันธุศาสตร์ได้กล่าวถึงเหตุผลสำคัญว่า “ไม่มีนักชีววิทยาคนใดได้เห็นการเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตกลุ่มหลักโดยวิวัฒนาการเลย.”1 ดังนั้น เราไม่พบสิ่งมีชีวิตบนโลกในปัจจุบันที่วิวัฒนาการเป็นอย่างอื่นเลย. แต่สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีอวัยวะครบถ้วนและต่างกันจากชนิดอื่น ๆ. ที. โดบซานสกีตั้งข้อสังเกตว่า “โลกของสิ่งมีชีวิตมิใช่เป็นแบบระบบเดียวต่อเนื่องกัน . . . ที่เชื่อมกันอย่างไม่ขาดตอน.”2 และชาร์ลส์ ดาร์วินยอมรับว่า “ความแตกต่างกันของแต่ละรูปแบบเฉพาะของสิ่งมีชีวิตและการที่ไม่พบว่ามันมีความเกี่ยวข้องเป็นพวกเดียวกันโดยตัวเชื่อมโยงจำนวนมากนั้น เป็นเรื่องที่ยุ่งยากอย่างเห็นได้ชัด.”3
3 ดังนั้น ความแตกต่างกันของสิ่งมีชีวิตขณะนี้ไม่สนับสนุนทฤษฎีวิวัฒนาการเลย. ด้วยเหตุนี้หลักฐานที่พบในฟอสซิลจึงสำคัญอย่างยิ่ง. เชื่อกันว่าอย่างน้อยที่สุดฟอสซิลคงสนับสนุนทฤษฎีวิวัฒนาการ.
จะมองหาอะไร
4-6. ถ้าวิวัฒนาการเป็นความจริง หลักฐานฟอสซิลจะแสดงถึงสิ่งใด?
4 ถ้าวิวัฒนาการเป็นความจริง หลักฐานจากฟอสซิลก็น่าจะเปิดเผยให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากชีวิตแบบหนึ่งเป็นอีกแบบหนึ่ง. และจะต้องเป็นเช่นนั้นไม่ว่าจะมีการยอมรับทฤษฎีวิวัฒนาการแบบใดก็ตาม แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ผู้ซึ่งเชื่อในการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกว่าซึ่งเกี่ยวพันกับทฤษฎี “ความสมดุลแบบที่มีการขัดจังหวะ” ก็ยังยอมรับว่าคงเป็นเวลานานหลายพันปีทีเดียวสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่สมมุติว่าได้เกิดขึ้น. ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องมีฟอสซิลที่เชื่อมต่อกัน.
5 อนึ่ง ถ้าวิวัฒนาการมีรากฐานจากข้อเท็จจริงแล้ว ก็น่าจะคาดหมายได้ว่า หลักฐานที่พบในฟอสซิลคงได้เผยให้เห็นการเริ่มต้นของโครงสร้างใหม่ในสิ่งมีชีวิต. อย่างน้อยน่าจะมีฟอสซิลบางส่วนที่มีแขน ขา ปีก ลูกตา กระดูกและอวัยวะส่วนอื่น ๆ อยู่ในช่วงที่มีการพัฒนาขึ้นมา. ตัวอย่างเช่น น่าจะมีครีบปลากำลังเปลี่ยนเป็นขาของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ มีตีนพร้อมกับนิ้วและเหงือกซึ่งกำลังเปลี่ยนเป็นปอด. น่าจะมีสัตว์เลื้อยคลานซึ่งขาหน้ากำลังเปลี่ยนเป็นปีกนก ขาหลังกำลังเปลี่ยนเป็นขามีกรงเล็บ เกล็ดกำลังเปลี่ยนเป็นขนนก และปากกำลังเปลี่ยนเป็นจะงอยปากโค้งแข็ง.
6 เกี่ยวกับเรื่องนี้นิตยสารอังกฤษนิวไซเยนติสต์ กล่าวว่า “ทฤษฎีนี้ทำนายไว้ว่าหลักฐานครบถ้วนที่พบในฟอสซิลจะประกอบด้วยเชื้อสายของสิ่งมีชีวิตที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน.”4 ดาร์วินเองยืนยันว่า “จำนวนสิ่งมีชีวิตแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ซึ่งมีอยู่แต่ก่อนต้องมีมากมหาศาล.”5
7. หลักฐานฟอสซิลน่าจะแสดงให้เห็นอะไร ถ้าเรื่องการสร้างที่กล่าวในเยเนซิศเป็นความจริง?
7 ในทางกลับกัน ถ้าเรื่องการสร้างในเยเนซิศเป็นความจริง หลักฐานที่พบในฟอสซิลจะไม่ แสดงให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนจากชีวิตแบบหนึ่งไปเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่จะยืนยันคำกล่าวในเยเนซิศที่ว่าชนิดต่าง ๆ กันของสิ่งมีชีวิตมีการสืบพันธุ์ “ตามชนิดของมัน” เท่านั้น. (เยเนซิศ 1:11, 12, 21, 24, 25) นอกจากนั้น ถ้าสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นโดยการสร้าง จะไม่มีกระดูกหรืออวัยวะต่าง ๆ ที่เจริญไม่สมบูรณ์หรือมีเพียงบางส่วนในหลักฐานที่พบในฟอสซิล. ฟอสซิลทั้งหมดจะเป็นชนิดที่ซับซ้อนสมบูรณ์แบบ เหมือนสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน.
8. ถ้าสิ่งมีชีวิตถูกสร้างขึ้นมา หลักฐานฟอสซิลก็น่าจะชี้ให้เห็นอะไรอีกบ้าง?
8 ยิ่งกว่านั้น ถ้าสิ่งมีชีวิตได้ถูกสร้างขึ้น ก็เป็นที่คาดหมายได้ว่าจะเห็นสิ่งเหล่านี้ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันในหลักฐานฟอสซิล โดยไม่มีการเชื่อมโยงกับอะไรก่อนหน้านั้น. และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงจะว่าอย่างไร? ดาร์วินยอมรับว่า “ถ้าพันธุ์ต่าง ๆ จำนวนมหาศาล . . . มีชีวิตขึ้นอย่างกะทันหันจริงแล้วข้อนี้คงทำลายทฤษฎีวิวัฒนาการทีเดียว.”6
หลักฐานครบถ้วนขนาดไหน?
9. ดาร์วินได้พูดอย่างไรเกี่ยวกับหลักฐานในสมัยของเขา?
9 กระนั้น หลักฐานฟอสซิลนั้นครบถ้วนเพียงพอไหมที่จะให้ข้อพิสูจน์ว่ามีการสร้างหรือเป็นวิวัฒนาการ? กว่าหนึ่งศตวรรษมาแล้ว ดาร์วินคิดว่าหลักฐานมีไม่พอ. มีอะไร “ผิดพลาด” กับหลักฐานฟอสซิลในสมัยดาร์วิน? หลักฐานที่พบในฟอสซิลไม่มีตัวเชื่อมโยงที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนทฤษฎีของเขา. สภาพการณ์อย่างนั้นทำให้เขาพูดว่า “เหตุใดชั้นหินทุกหน่วยย่อยทางธรณีวิทยา ไม่พบตัวเชื่อมโยงซึ่งก็น่าจะมีอยู่มากมาย? ความจริงก็คือ ธรณีวิทยาไม่ได้เผยให้เห็นว่ามีการต่อเนื่องของสิ่งมีชีวิตอย่างค่อยเป็นค่อยไป และข้อนี้เองคงจะเป็นข้อคัดค้านที่หนักแน่น และเห็นได้ชัดที่สุดซึ่งนำขึ้นมาค้านทฤษฎีนี้ได้.”7
10. ดาร์วินได้กล่าวถึงข้อผิดหวังอะไรอีก?
10 หลักฐานฟอสซิลในสมัยดาร์วินทำให้เขาผิดหวังอีกทางหนึ่ง. เขาบอกว่า “ลักษณะการเกิดขึ้นฉับพลันของพันธุ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏทั้งกลุ่มอย่างกะทันหันในชั้นหินต่าง ๆ ได้รับการกล่าวขานโดยนักโบราณชีววิทยา . . . ว่าเป็นข้อหักล้างความเชื่อในเรื่องการแปลงจากพันธุ์หนึ่งเป็นอีกพันธุ์หนึ่ง.” เขาเพิ่มเติมว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องและซึ่งยุ่งยากมากขึ้น. ผมหมายถึงวิธีที่สัตว์ชนิดต่าง ๆ ที่ขึ้นกับแขนงหลักต่าง ๆ ในอาณาจักรสัตว์ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันในชั้นหินที่มีฟอสซิลชั้นลึกที่สุด. . . . ในปัจจุบันก็ยังคงเป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้ และที่จริงแล้วอาจใช้เป็นข้อโต้แย้งที่ให้เหตุผลหนักแน่นต่อความเห็น [แบบวิวัฒนาการ] ที่มีการกล่าวถึงในที่นี้.”8
11. ดาร์วินได้พยายามอธิบายข้อยุ่งยากเหล่านั้นอย่างไร?
11 ดาร์วินพยายามไขปัญหาใหญ่เหล่านี้โดยโจมตีหลักฐานฟอสซิล. เขากล่าวดังนี้ “ผมถือว่าหลักฐานทางธรณีวิทยาเป็นประวัติศาสตร์ของโลกซึ่งไม่ครบถ้วน.”9 ดาร์วินและคนอื่นคาดว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไป คงจะมีการค้นพบฟอสซิลอันเป็นตัวเชื่อมที่ขาดไป.
12. หลักฐานฟอสซิลในปัจจุบันมีมากมายถึงขนาดไหน?
12 บัดนี้ หลังจากได้ขุดค้นอย่างกว้างขวางนานกว่าหนึ่งศตวรรษแล้วจึงได้ฟอสซิลจำนวนมหาศาลขึ้นมา. หลักฐานยัง “ไม่ครบถ้วน” หรือ? หนังสือขบวนการของวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิต ให้ความเห็นว่า “เวลานี้หลักฐานแสดงแบบชีวิตในอดีตมีอย่างมากมาย และได้ความละเอียดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่นักโบราณชีววิทยาค้นพบ อธิบายและเปรียบเทียบฟอสซิลใหม่ ๆ.”10 และพี. เคียร์ นักวิทยาศาสตร์แห่งสถาบันสมิทโซเนียนเพิ่มเติมว่า “มีฟอสซิลนับร้อยล้านชิ้น ทุกชิ้นได้มีการตรวจสอบและแยกประเภทบันทึกไว้ในพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ทั่วโลก.”11 ดังนั้นคู่มือประวัติพิภพ แถลงว่า “โดยอาศัยฟอสซิล บัดนี้นักโบราณชีววิทยาสามารถอธิบายให้เรารู้ชัดเจนถึงชีวิตในอดีต.”12
13, 14. เหตุใดนักวิวัฒนาการรู้สึกผิดหวังกับหลักฐานฟอสซิลที่มีมากขึ้น?
13 ภายหลังการรวบรวมฟอสซิลนับล้าน ๆ ชิ้น หลักฐานที่มีอยู่แสดงอะไร? สตีเวน สแตนลีย์นักวิวัฒนาการกล่าวว่า ฟอสซิลเหล่านี้ “เปิดเผยสิ่งใหม่ ๆ และน่าประหลาดใจเกี่ยวกับต้นตอทางชีววิทยาของเรา.”13 หนังสือมองดูชีวิต ซึ่งเขียนโดยนักวิวัฒนาการสามคนเพิ่มเติมดังนี้ “หลักฐานฟอสซิลเต็มไปด้วยร่องรอยซึ่งนักโบราณชีววิทยาไม่อาจอธิบายได้.”14 สิ่งนั้นคืออะไรซึ่งนักวิทยาศาสตร์ทางวิวัฒนาการได้พบว่าน่า “ประหลาดใจ” และ “ไม่อาจอธิบายได้”?
14 สิ่งที่ก่อความฉงนแก่นักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นก็คือ ความจริงที่ว่า หลักฐานฟอสซิลจำนวนมหาศาลในเวลานี้เผยให้เห็นสิ่งเดียวกันกับที่ได้พบในสมัยดาร์วิน นั่นคือสิ่งมีชีวิตชนิดพื้นฐานได้ปรากฏขึ้นมากะทันหันและในเวลายาวนานก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไร. ไม่เคยพบตัวเชื่อมที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งมีชีวิตชนิดพื้นฐานพวกหนึ่งไปสู่อีกพวกหนึ่ง. ดังนั้นสิ่งที่หลักฐานฟอสซิลบอกเราเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่คาดหมายเลยทีเดียว.
15. นักพฤกษศาสตร์คนหนึ่งสรุปอย่างไรจากการศึกษาหลักฐานฟอสซิล?
15 เฮริเบิร์ต นิลสัน นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน หลังจากทำการค้นคว้านานถึง 40 ปีได้อธิบายสภาพการณ์ไว้ดังนี้ “ฟอสซิลในปัจจุบันมีอยู่อย่างครบถ้วนถึงขนาด . . . การขาดชุดตัวเชื่อมต่อนั้นไม่อาจจะอธิบายได้ว่าเป็นผลสืบเนื่องจากตัวอย่างมีไม่เพียงพอ. การขาดตัวเชื่อมเป็นเรื่องจริง และจะหาไม่พบเลย.”15
ชีวิตปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน
16. (ก) นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งนำคนเราให้คาดหมายอะไรเกี่ยวกับหลักฐานฟอสซิลในยุคแรก ๆ? (ข) หลักฐานฟอสซิลเป็นไปตามความคาดหมายดังกล่าวไหม?
16 ให้เราพิจารณาหลักฐานเหล่านี้โดยละเอียด. ในหนังสือยักษ์แดงและแคระขาว โรเบิร์ต จัสโทรกล่าวว่า “เวลาหนึ่งในช่วงพันล้านปีแรก ชีวิตได้ปรากฏขึ้นบนผิวโลก. บันทึกฟอสซิลชี้ว่าสิ่งมีชีวิตพัฒนาอย่างช้า ๆ จากแบบเรียบง่ายเป็นแบบที่ซับซ้อน.” จากคำอธิบายนี้เราคงคาดหมายว่าหลักฐานฟอสซิลยืนยันวิวัฒนาการอย่างช้า ๆ จากรูปแบบชีวิต “เรียบง่าย” เป็นรูปแบบที่ซับซ้อน. แต่หนังสือเล่มเดียวกันนี้กล่าวว่า “ช่วงสำคัญหนึ่งพันล้านปีแรกซึ่งชีวิตเริ่มต้นขึ้นนั้นเป็นเสมือนหน้าว่างเปล่าในประวัติศาสตร์โลก.”16
17. รูปแบบชีวิตที่ปรากฏขึ้นเมื่อแรกเริ่มนั้นจะถือว่า “ไม่ซับซ้อน” ได้ไหม?
17 อนึ่ง สิ่งมีชีวิตแรกสุดนั้นเป็นแบบ “เรียบง่าย” จริงหรือ? หนังสือวิวัฒนาการจากอวกาศ กล่าวว่า “ย้อนกลับไปถึงยุคหินที่เก่าแก่ที่สุด เศษฟอสซิลของซากสิ่งมีชีวิตครั้งโบราณซึ่งค้นพบได้ในหิน ไม่ส่อหลักฐานถึงการเริ่มต้นแบบเรียบง่าย. ถึงแม้เรามักจะคิดกันว่าฟอสซิลของบัคเตรี สาหร่าย และราขนาดจุลชีพเป็นแบบไม่ซับซ้อนเมื่อเทียบกับสุนัขหรือม้า แต่โครงสร้างของชีวิตเหล่านี้ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ซับซ้อนพิลึก. ความสลับซับซ้อนของชีววิทยาเคมีในสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่มีอยู่แล้วในสมัยที่หินเก่าแก่ที่สุดของพื้นผิวโลกก่อตัวขึ้น.”17
18. มีหลักฐานฟอสซิลใด ๆ ไหมที่แสดงว่า สัตว์เซลล์เดียววิวัฒนาการขึ้นเป็นสัตว์หลายเซลล์?
18 จากการเริ่มต้นอย่างนี้ มีหลักฐานอะไรไหมที่จะยืนยันว่าสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวได้วิวัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์? จัสโทรกล่าวว่า “หลักฐานฟอสซิลไม่ปรากฏว่ามีร่องรอยของการเติบโตระยะแรกของสิ่งมีชีวิตที่มีหลายเซลล์.”18 แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เขากล่าวว่า “แทบจะไม่มีอะไรในหินต่าง ๆ นอกจากบัคเตรีและพืชเซลล์เดียวจนกระทั่งเมื่อหนึ่งพันล้านปีที่แล้ว หลังจากสามพันล้านปีซึ่งไม่ปรากฏว่ามีการเปลี่ยนแปลง ในที่สุดก็เกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่ขึ้น. สัตว์ที่มีเซลล์หลายเซลล์พวกแรกปรากฏขึ้นในโลก.”19
19. มีอะไรเกิดขึ้นในตอนเริ่มต้นของยุคที่เรียกว่าแคมเบรียน?
19 ดังนั้น เมื่อเริ่มยุคที่เรียกว่า แคมเบรียน หลักฐานฟอสซิลได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่อย่างที่อธิบายไม่ได้. เกิดมีสัตว์ทะเลมากมายหลายชนิดที่ซับซ้อนซึ่งพัฒนาเต็มที่ หลายชนิดมีเปลือกหุ้มแข็งได้ปรากฏอย่างกะทันหัน เหมือน “ระเบิด” ขึ้น. หนังสือมองดูชีวิต บอกว่า “เริ่มจากต้นยุคแคมเบรียนและต่อมาราว 10 ล้านปีทุกกลุ่มใหญ่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นโครงได้ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกมากชนิดอย่างน่าตื่นใจที่สุดเท่าที่เคยปรากฏบนพิภพของเรา.” หอย ตัวฟองน้ำ ปลาดาว สัตว์คล้ายกุ้งมังกรที่เรียกว่าไทรโลไบตส์และสัตว์ทะเลที่ซับซ้อนอีกหลายชนิดได้ปรากฏขึ้น. น่าสังเกตที่หนังสือเล่มเดียวกันตั้งข้อสังเกตว่า “ที่จริงแล้วไทรโลไบตส์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วบางชนิดมีตาที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพสูงกว่าตาของสัตว์ที่มีเท้าเป็นปล้อง ๆ ตัวใด ๆ ในปัจจุบัน.”20
20. มีฟอสซิลใด ๆ ไหมที่เชื่อมระหว่างยุคแคมเบรียนซึ่งชีวิตได้ปรากฏขึ้นมากมายกับยุคก่อนหน้านั้น?
20 มีฟอสซิลที่เชื่อมโยงกันระหว่างชีวิตที่ปรากฏขึ้นโดยกะทันหันกับชีวิตที่มีอยู่ก่อนนั้นไหม? ไม่มีในสมัยของดาร์วิน. เขายอมรับว่า “ถ้ามีใครถามว่าเหตุใดเราจึงไม่พบหลักฐานฟอสซิลมากมายจากยุคที่เชื่อว่าเป็นยุคแรกสุดก่อนยุคแคมเบรียน ผมไม่อาจให้คำตอบที่พอใจได้.”21 มาถึงปัจจุบันนี้ สภาพนี้ได้เปลี่ยนไปไหม? อัลเฟรด เอส. โรเมอร์ นักโบราณชีววิทยาได้สังเกตคำกล่าวของดาร์วินเกี่ยวกับ “ลักษณะการเกิดขึ้นอย่างฉับพลันซึ่งพันธุ์ต่าง ๆ หลายกลุ่ม ปรากฏขึ้นกะทันหัน” และเขียนไว้ว่า “ลึกลงไปกว่านี้ [ยุคแคมเบรียน] มีชั้นตะกอนหนามากซึ่งน่าจะพบรูปแบบที่เป็นต้นตอของพวกแคมเบรียน. แต่เราไม่พบรูปแบบเหล่านี้ ชั้นหินที่เก่าแก่กว่าเหล่านี้เกือบจะไม่พบหลักฐานแสดงถึงสิ่งมีชีวิตเลย และภาพที่เห็นทั่ว ๆ ไปเข้าได้กับความคิดเรื่องมีการสร้างเป็นพิเศษในตอนต้นของยุคแคมเบรียน. ดาร์วินกล่าวว่า ‘สำหรับคำถามที่ว่าเหตุใดเราจึงไม่พบฟอสซิลที่ทับถมกันอย่างมากมายซึ่งเป็นของยุคที่เชื่อกันว่าเป็นยุคแรกสุดก่อนมาถึงระบบแคมเบรียนนั้น ผมเองก็ไม่อาจให้คำตอบที่น่าพอใจได้.’” โรเมอร์กล่าวว่า “พวกเราทุกวันนี้ก็ไม่อาจให้คำตอบได้เช่นกัน.’”22
21. ข้อโต้แย้งอะไรบ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะเหตุใด?
21 บางคนแย้งว่าหินก่อนยุคแคมเบรียนเปลี่ยนไปมากเนื่องจากความร้อนและความดันจนฟอสซิลตัวเชื่อมไม่อาจคงสภาพ หรือไม่มีหินนอนก้นอยู่ในทะเลตื้นพอที่ฟอสซิลจะตกค้างอยู่. นักวิวัฒนาการ เอส. อี. ลูเรีย, เอส. เจ. กูลด์และแซม ซิงเกอร์กล่าวว่า “ข้อโต้แย้งทั้งสองประการใช้ไม่ได้เลย.” เขาเพิ่มเติมว่า “นักธรณีวิทยาได้ค้นพบชั้นหินของยุคก่อนแคมเบรียนหลายชั้นที่ไม่ได้เปลี่ยนไป และชั้นหินเหล่านั้นไม่พบว่ามีฟอสซิลแสดงสิ่งมีชีวิตอันซับซ้อนอยู่เลย.”23
22. เมื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ นักชีวเคมีผู้หนึ่งให้ความเห็นอย่างไร?
22 ข้อเท็จจริงเหล่านี้กระตุ้นให้ ดี. บี. กาวเวอร์นักชีวเคมีวิจารณ์ในหนังสือไทมส์ ที่ออกในมณฑลเคนท์ประเทศอังกฤษว่า “เรื่องการสร้างในพระธรรมเยเนซิศกับทฤษฎีวิวัฒนาการไม่อาจจะทำให้ลงรอยกันได้. เมื่อเรื่องหนึ่งถูก อีกเรื่องต้องผิด. เรื่องของฟอสซิลลงรอยกับเรื่องที่บันทึกในเยเนซิศ. ในชั้นหินที่เก่าแก่ที่สุด เราไม่พบลำดับชั้นฟอสซิลซึ่งว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากสัตว์ชั้นต้น ๆ ที่สุดจนถึงพวกที่พัฒนาแล้ว แต่กลับตรงกันข้าม คือพบว่าพันธุ์ต่าง ๆ ที่เจริญเต็มที่แล้วปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันบนชั้นหินที่เก่าแก่ที่สุด. ในพันธุ์ทุกประเภทก็ไม่พบฟอสซิลแบบกึ่งกลางเลย.”24
23. นักสัตวศาสตร์คนหนึ่งสรุปอย่างไร?
23 เอช. คอฟฟินนักสัตววิทยาสรุปว่า “ถ้าวิวัฒนาการเป็นลำดับจากแบบง่ายเป็นแบบซับซ้อนถูกต้อง ก็น่าจะได้ค้นพบเทือกเถาของสัตว์ที่เจริญเต็มที่ในยุคแคมเบรียน แต่ปรากฏว่าไม่เคยพบเลย และนักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่าอาจไม่พบเลยก็ได้. จากพื้นฐานของข้อเท็จจริง จากสิ่งที่ขุดค้นพบจริง ๆ ทฤษฎีว่าด้วยการสร้างชีวิตสัตว์จำพวกหลัก ๆ ขึ้นกะทันหันนั้นน่าเชื่อมากที่สุด.”25
การปรากฏอย่างกะทันหันและต่อเนื่อง ไม่ค่อยเปลี่ยนอะไร
24. ข้อยืนยันจากหลักฐานฟอสซิลเป็นแบบเดียวกันไหม ในชั้นหินต่าง ๆ ที่อยู่เหนือชั้นหินของยุคแคมเบรียน?
24 ในชั้นต่าง ๆ ที่อยู่เหนือยุคแคมเบรียนซึ่งชีวิตปรากฏอย่างมากมายนั้น หลักฐานฟอสซิลก็ยังคงซ้ำเรื่องเดียวกันที่ว่า สัตว์ชนิดใหม่และพืชชนิดใหม่ ปรากฏอย่างกะทันหัน โดยไม่มีความเกี่ยวข้องแต่อย่างใดกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น. ครั้นปรากฏขึ้นแล้วก็คงรูปนั้นต่อไปแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง. หนังสือตารางเวลาใหม่สำหรับวิวัฒนาการ กล่าวไว้ว่า “หลักฐานที่มีอยู่ปัจจุบันนี้แสดงว่า พันธุ์ต่าง ๆ คงอยู่อย่างนั้นมานับแสนชั่วอายุหรือกระทั่งนานเป็นล้าน หรืออาจนานกว่านั้นอีกโดยไม่มีวิวัฒนาการมากนัก. . . . หลังจากกำเนิดขึ้นมาแล้วพันธุ์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะวิวัฒนาการเลย ก่อนที่มันสูญพันธุ์ไป.”26
25. พวกแมลงได้แสดงให้เห็นความคงตัวที่น่าทึ่งอย่างไร?
25 ตัวอย่างเช่น แมลงต่าง ๆ ปรากฏในหลักฐานฟอสซิลอย่างกะทันหันและมีจำนวนมากมหาศาล โดยไม่มีบรรพบุรุษทางวิวัฒนาการใด ๆ. และแมลงเหล่านี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากกระทั่งทุกวันนี้. เกี่ยวกับการค้นพบฟอสซิลแมลงวันซึ่งติดป้ายว่า “มีอายุสี่สิบล้านปี” ดร. จอร์ช พอยนาร์ จูเนียร์กล่าวว่า “กายวิภาคภายในของสัตว์เหล่านี้มีความคล้ายคลึงกันอย่างมากกับสิ่งที่เราพบในแมลงวันทุกวันนี้. ปีก ขา และหัว และแม้แต่เซลล์ข้างในดูแล้วทันสมัยเหลือเกิน.”27 และรายงานหนึ่งในวารสาร เดอะ โกล้บ แอนด์ เมล ของเมืองโตรอนโตกล่าวว่า “ในช่วงเวลา 40 ล้านปีของความพยายามไต่บันไดวิวัฒนาการ แมลงเหล่านี้เกือบจะไม่ก้าวหน้าขึ้นเลย.”28
26. พืชและสัตว์ต่าง ๆ แสดงความคงตัวแบบเดียวกันอย่างไร?
26 เรื่องพืชก็เป็นอย่างเดียวกัน. มีการพบฟอสซิลใบไม้จากไม้ยืนต้นและไม้พุ่มมากมายในหินซึ่งแทบไม่ต่างไปจากใบของพืชชนิดนั้นในปัจจุบันเช่น ต้นโอ๊ค วอลนัต ฮิคกอรี องุ่น แมกโนเลีย ต้นปาล์ม และพืชอื่น ๆ อีกหลายชนิด. พวกสัตว์ก็เป็นอย่างเดียวกัน. บรรพบุรุษของสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้ปรากฏขึ้นในฟอสซิลอย่างกะทันหันและรูปแบบก็เหมือนกับสัตว์ประเภทเดียวกันที่มีชีวิตเวลานี้. มีลักษณะแตกต่างกันมากมาย แต่ก็ยังเป็น “ชนิด” เดียวกัน. วารสาร ดิสคัพเวอร์ ชี้ถึงตัวอย่างหนึ่งว่า “แมงดาทะเล . . . ปรากฏอยู่ในโลกโดยแทบไม่เปลี่ยนรูปแบบนานถึง 200 ล้านปีแล้ว.”29 ประเภทที่สูญพันธุ์ไปแล้วก็เป็นแบบเดียวกัน. ตัวอย่างเช่น ไดโนเสาร์ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันในหลักฐานฟอสซิล โดยไม่มีตัวเชื่อมต่อเนื่องกับสัตว์ใด ๆ ที่อยู่ก่อน. มันแพร่พันธุ์มากมาย แล้วก็สูญพันธุ์ไป.
27. สิ่งพิมพ์ทางวิทยาศาสตร์ฉบับหนึ่งกล่าวอย่างไรเกี่ยวกับ “การปรับตัวดีขึ้น” โดยวิวัฒนาการ?
27 เกี่ยวข้องกับจุดนี้ บุลเลติน ของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งนครชิคาโกกล่าวว่า “พันธุ์ต่าง ๆ ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่เปลี่ยนเลยในช่วงที่ปรากฏอยู่ ครั้นแล้วสูญหายไปอย่างกะทันหัน. และเรื่องสัตว์ที่สืบพันธุ์กันต่อมาจะมีการปรับตัวได้ดีกว่าต้นสกุลของมันนั้น เกือบจะไม่เห็นเลย. พูดอีกอย่างหนึ่งคือการปรับตัวดีขึ้นของชีวิตพบได้ยาก.”30
ไม่ส่อลักษณะการแปลงเปลี่ยน
28. ได้มีการพบรูปแบบกระดูกและอวัยวะที่แปลงเปลี่ยนครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไหม?
28 เรื่องยุ่งยากอีกเรื่องหนึ่งของวิวัฒนาการก็คือข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่มีกระดูกหรืออวัยวะที่ก่อตัวขึ้นเพียงบางส่วนที่อาจแสดงถึงการเริ่มต้นของรูปแบบใหม่ ๆ ในหลักฐานฟอสซิล. ตัวอย่างเช่น มีฟอสซิลของนก ค้างคาว เทอโรแดคติลที่สูญพันธุ์ไปแล้ว. ตามทฤษฎีวิวัฒนาการสัตว์เหล่านี้ต้องวิวัฒนาการมาจากสกุลดั้งเดิมของมันที่แปลงเปลี่ยน. แต่ไม่พบพวกที่แปลงเปลี่ยนเลย. ไม่มีร่องรอยที่ชี้ว่าเคยมีพวกเหล่านั้น. เคยมีฟอสซิลของยีราฟที่มีคอยาวเพียงสองในสาม หรือสามในสี่ของยีราฟในปัจจุบันไหม? มีฟอสซิลของนกที่จะงอยปากของมันวิวัฒนาการมาจากกรามของสัตว์เลื้อยคลานไหม? มีฟอสซิลใดไหมที่แสดงหลักฐานว่าปลาพัฒนาให้เกิดกระดูกเชิงกราน หรือครีบปลากลายเป็นขา เป็นเท้าพร้อมทั้งนิ้วเท้าของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ? ข้อเท็จจริงก็คือ การพยายามหาการแปลงเปลี่ยนรูปดังกล่าวในหลักฐานฟอสซิลนั้นเป็นการค้นพบที่ไร้ผลจริง ๆ.
29. เวลานี้นักวิวัฒนาการยอมรับเรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเชื่อมที่คาดว่าจะมี?
29 นิวไซเยนติสต์ บอกว่าวิวัฒนาการ “คาดหมายว่าหลักฐานฟอสซิลครบถ้วนจะต้องประกอบด้วยสายพันธุ์เชื้อสายจากสกุลของสิ่งมีชีวิตที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปติดต่อกันเป็นเวลานาน.” แต่ก็ต้องยอมรับว่า “น่าเสียดายที่หลักฐานฟอสซิลไม่เป็นไปดังที่คาดหมาย เพราะฟอสซิลแต่ละพันธุ์ไม่ค่อยจะสัมพันธ์กันโดยตัวเชื่อม. . . . ความจริงแล้ว ฟอสซิลของพันธุ์ต่าง ๆ ที่รู้จักกันนั้น ไม่ได้ วิวัฒนาการแม้ในระยะหลายล้านปี.”31 และสเตบบินส์นักพันธุศาสตร์เขียนว่า “เราไม่พบตัวเชื่อมโยงระหว่างไฟลัมใหญ่ ๆ ของทั้งสัตว์และพืช.” เขาพูดถึง “ช่องว่างใหญ่ระหว่างสิ่งมีชีวิตประเภทหลักหลายชนิด.”32 หนังสือตารางเวลาใหม่สำหรับวิวัฒนาการ ยอมรับว่า “ที่จริงแล้ว พวกฟอสซิลไม่ให้หลักฐานแน่นอนแสดงการเปลี่ยนแปลง จากพันธุ์หนึ่งไปสู่อีกพันธุ์หนึ่งแม้แต่รายเดียว.”33
30. การศึกษาอย่างละเอียด ยืนยันเรื่องอะไร?
30 เรื่องนี้ตรงกับการค้นคว้าของสมาคมธรณีวิทยาแห่งกรุงลอนดอนและสมาคมบรรพชีวินวิทยาแห่งประเทศอังกฤษ. เจ. เอ็น. มัวร์ ศาสตราจารย์วิชาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติรายงานผลการค้นคว้าดังนี้ “นักวิทยาศาสตร์ประมาณ 120 คน ทุกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญ จัดเตรียมรายงาน 30 บทบรรจุเนื้อเรื่องกว่า 800 หน้า เสนอหลักฐานฟอสซิลของพืชและสัตว์ซึ่งแบ่งเป็น 2,500 กลุ่มย่อย. . . . มีการแสดงให้เห็นว่าชนิดหลักของพืชและสัตว์มีประวัติต่างหากเฉพาะตัวแยกจากชนิดอื่น ๆ! กลุ่มต่าง ๆ ของทั้งพืชและสัตว์ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ในหลักฐานฟอสซิล. . . . ปลาวาฬ ค้างคาว ม้า สัตว์สกุลลิง ช้าง กระต่าย กระรอก ฯลฯ ทุกอย่างมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวนับตั้งแต่แรกปรากฏขึ้นเหมือนกับที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้. ไม่มีร่องรอยร่วมหรือความเกี่ยวพันใด ๆ กับสัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งสมมุติไว้ว่าเป็นต้นตอ.” มัวร์เพิ่มเติมว่า “การที่ไม่พบตัวเชื่อมในฟอสซิล คงเนื่องจากไม่เคยมีตัวเชื่อมเลย. คงไม่เคยมีการแปลงเปลี่ยนระหว่างสัตว์และ/หรือพืชต่างชนิดเลย.”34
31. หลักฐานฟอสซิลในปัจจุบัน บอกอะไรบางอย่างต่างไปจากที่เคยบอกในสมัยดาร์วินไหม?
31 ดังนั้น อะไรที่เป็นจริงในสมัยของดาร์วินก็ยังคงเป็นจริงอย่างนั้นในปัจจุบันนี้. หลักฐานเกี่ยวกับฟอสซิลก็ยังคงเป็นดังที่ดาร์ซี ทอมป์ซันนักสัตวศาสตร์กล่าวไว้เมื่อหลายปีมาแล้วในหนังสือรูปแบบและการเติบโต ว่า “วิวัฒนาการแบบดาร์วินไม่ได้สอนว่าโดยวิธีใดนกเกิดมาจากสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเกิดจากสัตว์สี่เท้าที่มีอยู่ก่อน สัตว์สี่เท้าเกิดจากปลา หรือสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังเกิดจากสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง. . . . ความพยายามในการหาตัวเชื่อมต่อเหล่านี้เป็นความพยายามที่เปล่าประโยชน์ตลอดกาล.”35
เป็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องม้า
32. มักจะมีการนำอะไรมาใช้เป็นตัวอย่างเด่นสำหรับวิวัฒนาการ?
32 อย่างไรก็ดี มีการพูดกันบ่อยครั้งว่าอย่างน้อยม้าเป็นตัวอย่างเด่นของวิวัฒนาการที่พบในหลักฐานฟอสซิล. ดังที่ เดอะ เวิลด์บุค เอนไซโคลพีเดีย กล่าวว่า “ม้าอยู่ในจำพวกที่จัดว่าเป็นตัวอย่างที่มีหลักฐานที่ดีที่สุดของการเจริญเติบโตแบบวิวัฒนาการ.”36 ภาพประกอบเรื่องนี้เริ่มต้นด้วยสัตว์ที่เล็กมากและจบลงด้วยม้าตัวโตอย่างที่เห็นในปัจจุบัน. แต่หลักฐานฟอสซิลสนับสนุนเรื่องนี้จริงหรือ?
33. หลักฐานฟอสซิลสนับสนุนวิวัฒนาการของม้าจริง ๆ หรือ?
33 เอนไซโคลพีเดีย บริแทนนิกา วิจารณ์ว่า “วิวัฒนาการของม้าไม่เคยเป็นเส้นตรงเลย.”37 หลักฐานฟอสซิลเองก็ไม่ปรากฏว่ามีการเจริญเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากสัตว์เล็ก ๆ จนเป็นม้าตัวใหญ่. นักวิวัฒนาการฮิทชิงบอกว่า “ครั้งหนึ่งคิดกันว่าเป็นเรื่องง่ายและตรง ๆ แต่ปัจจุบันเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ถึงขนาดที่การยอมรับคำอธิบายอย่างหนึ่งแทนอีกอย่างหนึ่งเป็นเรื่องของความศรัทธายิ่งเสียกว่าการใช้เหตุผล. อิโอฮิปปุส ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นม้าสมัยดึกดำบรรพ์และซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า สูญพันธุ์ไปนานแล้ว และเราเห็นในฟอสซิลเท่านั้น ที่จริงแล้วมันอาจมีชีวิตสบายดี และไม่ใช่ม้าด้วยซ้ำ แต่เป็นสัตว์ที่ไม่กล้าเข้าคน ตัวขนาดสุนัขจิ้งจอกที่เรียกว่าดามานซึ่งเผ่นแผล็วอยู่ในป่าแถบแอฟริกา.”38
34, 35. (ก) เหตุใดในปัจจุบันบางคนจึงข้องใจเรื่อง ความสำคัญของอิโอฮิปปุส? (ข) มีการพบต้นกำเนิดตามหลักวิวัฒนาการอะไรบ้างไหมเกี่ยวกับฟอสซิลของม้าสายพันธุ์ต่าง ๆ กัน?
34 การถือว่าอิโอฮิปปุส ตัวเล็ก ๆ เป็นต้นกำเนิดของม้าเป็นจินตนาการแบบเลยเถิด โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงสิ่งที่หนังสือตารางเวลาใหม่สำหรับวิวัฒนาการ กล่าวไว้: “เคยสันนิษฐานกันอย่างกว้างขวางว่า [อิโอฮิปปุส] เปลี่ยนช้า ๆ อย่างสม่ำเสมอเป็นสัตว์ที่เป็นม้ามากขึ้น.” แต่ข้อเท็จจริงต่าง ๆ สนับสนุนข้อสันนิษฐานนี้ไหม? หนังสือนี้ให้คำตอบว่า “ฟอสซิลของพวก [อิโอฮิปปุส] ไม่ค่อยแสดงหลักฐานของการเปลี่ยนแปลงทางวิวัฒนาการ” และยอมรับเกี่ยวกับหลักฐานฟอสซิลว่า “ไม่แสดงประวัติครบถ้วนของตระกูลม้า.”39
35 ดังนั้น ปัจจุบันนี้นักวิทยาศาสตร์บางคนกล่าวว่าอิโอฮิปปุส สัตว์เล็ก ๆ นั้นไม่เป็นต้นกำเนิดของม้า. และฟอสซิลแต่ละชนิดที่เขาอ้างว่าเป็นสายพันธุ์ม้า ไม่มีตัวเชื่อมต่อระหว่างกัน. และเราไม่น่าประหลาดใจที่ฟอสซิลของม้ามีขนาดและรูปร่างต่างกัน. แม้แต่ในปัจจุบันนี้ม้าก็ยังต่างกัน ตั้งแต่ม้าแกลบจนถึงม้าขนาดใหญ่สำหรับใช้ไถนา. ความหลากหลายเหล่านี้ล้วนอยู่ในตระกูลม้าทั้งสิ้น.
ข้อเท็จจริงที่หลักฐานฟอสซิลเปิดเผย
36. หลักฐานฟอสซิลแสดงให้เห็นข้อเท็จจริงอะไร?
36 หลักฐานฟอสซิลไม่ได้สนับสนุนวิวัฒนาการแต่สนับสนุนการสร้าง. หลักฐานฟอสซิลแสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน. ขณะที่แต่ละชนิดมีรูปแบบต่างกันมากมาย ชนิดต่าง ๆ เหล่านี้ไม่มีการเชื่อมต่อเข้ากับสายพันธุ์ที่อยู่ก่อนเลย และก็ไม่มีตัวเชื่อมใด ๆ ทางวิวัฒนาการต่อเข้ากับสิ่งมีชีวิตที่มีมาภายหลัง. สิ่งมีชีวิตหลายชนิดอยู่มาได้โดยแทบจะไม่เปลี่ยนเลยเป็นเวลานานก่อนที่บางชนิดสูญพันธุ์ไป ขณะที่ชนิดอื่น ๆ อยู่รอดมาจนทุกวันนี้.
37. นักวิวัฒนาการคนหนึ่งยอมรับเรื่องนี้อย่างไร?
37 อี. ซามูเอล นักวิวัฒนาการสรุปในหนังสือของเขาความเป็นระเบียบของชีวิต ว่า “ความคิดแบบวิวัฒนาการไม่อาจถือได้ว่าเป็นการอธิบายทางวิทยาศาสตร์อย่างจริงจังเรื่องการปรากฏรูปแบบชีวิตหลากหลายต่างกัน.” เพราะเหตุใด? เขาเพิ่มเติมว่า “การวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วนเกี่ยวกับการกระจายชีวิตทางภูมิศาสตร์หรือหลักฐานฟอสซิลไม่สนับสนุนวิวัฒนาการ.”40
38. ผู้อยากรู้ที่ไม่ลำเอียงจะลงความเห็นอย่างไร?
38 เห็นชัดว่า ผู้อยากรู้ที่ไม่ลำเอียงคงสรุปว่า ฟอสซิลไม่สนับสนุนทฤษฎีวิวัฒนาการ. แต่หลักฐานฟอสซิลสนับสนุนอย่างหนักแน่นต่อเรื่องการสร้าง. เป็นอย่างที่คอฟฟินนักสัตววิทยากล่าวไว้ “สำหรับนักวิทยาศาสตร์แล้ว ฟอสซิลซึ่งแสดงชีวิตในอดีต เป็นเหมือนการขึ้นศาลฎีกา เพราะหลักฐานฟอสซิลเป็นประวัติว่าด้วยชีวิตอย่างเดียวเท่าที่วิทยาศาสตร์จะหาได้. ถ้าฟอสซิลไม่ลงรอยกับทฤษฎีวิวัฒนาการ—และเราก็พบแล้วว่าไม่ลงรอยกันจริง—เมื่อเป็นเช่นนั้นฟอสซิลสอนอะไร? ประวัติของฟอสซิลบอกเราว่ารูปแบบพื้นฐานของพืชและสัตว์ถูกสร้างขึ้น. ข้อเท็จจริงสนับสนุนการสร้าง ไม่สนับสนุนวิวัฒนาการ.”41 คาร์ล เซกันนักดาราศาสตร์ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาในหนังสือของเขาชื่อคอสมอส ว่า “หลักฐานฟอสซิลลงรอยกับความคิดเรื่องผู้ออกแบบองค์ยิ่งใหญ่.”42
[คำโปรยหน้า 54]
“ไม่มีนักชีววิทยาคนใดได้เห็นการเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตกลุ่มหลักโดยวิวัฒนาการเลย”
[คำโปรยหน้า 57]
ดาร์วินยอมรับว่า “ถ้าพันธุ์ต่าง ๆ จำนวนมหาศาล . . . มีชีวิตขึ้นอย่างกะทันหันจริงแล้ว ข้อนี้คงทำลายทฤษฎีวิวัฒนาการทีเดียว”
[คำโปรยหน้า 59]
หลักฐานฟอสซิลบอกเรื่องตรงกันข้ามกับที่ทฤษฎีวิวัฒนาการได้คาดหมายไว้
[คำโปรยหน้า 60]
“เศษฟอสซิลของซากสิ่งมีชีวิตครั้งโบราณซึ่งค้นพบได้ในหินไม่ส่อหลักฐานถึงการเริ่มต้นแบบเรียบง่าย”
[คำโปรยหน้า 61]
ดาร์วินกล่าวว่า “กลุ่มพันธุ์ต่าง ๆ หลายกลุ่มปรากฏขึ้นกะทันหัน”
[คำโปรยหน้า 62]
“ภาพที่เห็นทั่ว ๆ ไปเข้าได้กับความคิดเรื่องมีการสร้างเป็นพิเศษ”
[คำโปรยหน้า 62]
“ไม่พบฟอสซิลแบบกึ่งกลางเลย”
[คำโปรยหน้า 66]
“วิวัฒนาการของม้าไม่เคยเป็นเส้นตรงเลย”
[คำโปรยหน้า 67]
“กลุ่มอิคิวอัส ซึ่งรวมม้าทุกแบบในปัจจุบัน . . . ปรากฏขึ้นกะทันหันในบันทึกฟอสซิล . . . ไม่มีหลักฐานฟอสซิลชนิดใด ๆ ที่มีอยู่แสดงให้เห็นถึงต้นกำเนิดของพวกมัน.”b
[คำโปรยหน้า 70]
“ความคิดแบบวิวัฒนาการไม่อาจถือได้ว่า เป็นการอธิบายทางวิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง เรื่องการปรากฏรูปแบบชีวิตหลากหลายต่างกัน”
[กรอบหน้า 55]
ทฤษฎีวิวัฒนาการดั้งเดิมคาดหมาย รูปแบบของการสร้างขึ้นคาดหมาย
ว่า หลักฐานฟอสซิลจะ ว่า หลักฐานฟอสซิลจะ
ประกอบด้วย: ประกอบด้วย:
1. รูปแบบชีวิตแบบเรียบง่ายค่อย ๆ 1. รูปแบบชีวิตที่ซับซ้อนปรากฏขึ้นอย่าง
ปรากฏขึ้น กะทันหัน
2. รูปแบบเรียบง่ายค่อย ๆ เปลี่ยนเป็น 2. รูปแบบชีวิตที่ซับซ้อนสืบพันธุ์ ‘ตาม
แบบซับซ้อน ชนิดของมัน’ ถึงแม้จะมีหลากหลาย
3. มี “ตัวเชื่อม” หลายตัวระหว่าง 3. ไม่มี “ตัวเชื่อม” ระหว่างตระกูล
ชนิดที่ต่างกัน ทางชีววิทยาที่ต่างกัน
4. การเริ่มต้นของส่วนใหม่ของร่างกาย 4. ร่างกายครบทุกส่วน ไม่มีส่วนที่
เช่นแขนขา กระดูก อวัยวะต่าง ๆ ไม่ครบ
[กรอบ/ภาพหน้า 56]
หนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับวิวัฒนาการมีรูปวาดอย่างนี้พร้อมกับคำอธิบายภาพ: “จากปลาสู่คน.” มีการอธิบายว่าภาพนี้ “แสดงถึงการที่กระดูกต่าง ๆ ในครีบปลาวิวัฒนาการเป็นกระดูกแขนและมือของมนุษย์.” นอกจากนั้นยังแถลงว่า “ฟอสซิลต่าง ๆ แสดงหลักฐานของขั้นตอนต่าง ๆ ของการเปลี่ยนแปลงนี้.” แต่ข้อเท็จจริงต่าง ๆ เป็นอย่างนั้นหรือ?”a
[แผนภาพ]
(รายละเอียดดูจากหนังสือ)
ข้อมือ
แขน
ข้อศอก
ต้นแขน
ไหล่
[กรอบ/ภาพหน้า 68, 69]
หลักฐานฟอสซิลบอกอะไร . . . เกี่ยวกับต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิต
เกี่ยวกับการเริ่มต้นของชีวิต:
“มีอย่างน้อยสามในสี่ของหนังสือเกี่ยวกับยุคสมัยที่จารึกอยู่ในเปลือกโลกเป็นหน้าว่างเปล่า.”—หนังสือโลกที่เราอาศัยอยู่ c
“ขั้นตอนแรก ๆ . . . ไม่มีใครทราบ . . . ไม่มีร่องรอยเหล่านั้นหลงเหลืออยู่.”—หนังสือยักษ์แดงและแคระขาว d
เกี่ยวกับชีวิตที่มีหลายเซลล์:
“สัตว์หลายเซลล์เริ่มต้นขึ้นอย่างไร และขั้นตอนนี้เกิดขึ้นครั้งเดียวหรือหลายครั้ง และเป็นแบบวิธีเดียวหรือมีหลายวิธีนั้นยังคงเป็นคำถามที่ยากและถกเถียงกันตลอดมาซึ่ง . . . ‘จากการวิเคราะห์จนถึงที่สุดแล้วคงหาคำตอบไม่ได้.’”—หนังสือวิทยาศาสตร์ e
“หลักฐานฟอสซิลไม่มีร่องรอยของขั้นตอนต้น ๆ ในเรื่องการพัฒนาของสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์.”—หนังสือยักษ์แดงและแคระขาว f
เกี่ยวกับพืช:
“นักพฤกษศาสตร์ส่วนมากถือหลักฐานฟอสซิลเป็นแหล่งแห่งความรู้. แต่ . . . ไม่เคยมีการค้นพบอะไรที่จะให้ความรู้ได้เลย . . . ไม่มีหลักฐานของพวกต้นตอใด ๆ.”—หนังสือประวัติธรรมชาติของต้นปาล์ม g
เกี่ยวกับแมลง:
“หลักฐานฟอสซิลไม่ได้ให้ข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับต้นกำเนิดของแมลงเลย.”—เอ็นไซโคลพีเดีย บริแทนนิกา h
“ไม่มีฟอสซิลที่แสดงให้เห็นว่าต้นตอดั้งเดิมของแมลงมีหน้าตาอย่างไร.”—หนังสือแมลง i
เกี่ยวกับสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง:
“ฟอสซิลต่าง ๆ ไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเริ่มต้นของสัตว์มีกระดูกสันหลัง.”—เอ็นไซโคลพีเดีย บริแทนนิกา j
เกี่ยวกับปลา:
“เท่าที่เรารู้กัน ไม่มี ‘ตัวเชื่อม’ สัตว์ชนิดนี้กับรูปแบบชีวิตใด ๆ ที่มีมาก่อน. ปลาปรากฏมีขึ้นอย่างกะทันหัน.”—หนังสือความลึกลับและอัศจรรย์ของโลกแห่งสัตว์ของเรา k
เกี่ยวกับปลากลายเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ:
“เราคงจะไม่มีทางรู้ว่าพวกนั้นทำอย่างนี้ได้อย่างไรและเพราะเหตุใด.”—หนังสือพวกปลา l
เกี่ยวกับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำกลายเป็นสัตว์เลื้อยคลาน:
“สิ่งหนึ่งที่น่าข้องขัดใจที่สุดของหลักฐานฟอสซิลเกี่ยวกับประวัติของสัตว์มีกระดูกสันหลังก็คือว่ามันเกือบจะไม่ได้บอกอะไรในเรื่องวิวัฒนาการของสัตว์เลื้อยคลานในช่วงต้นที่สุด เมื่อไข่ที่มีเปลือกกำลังจะก่อตัวขึ้น.”—หนังสือพวกสัตว์เลื้อยคลาน m
เกี่ยวกับสัตว์เลื้อยคลานกลายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม:
“ไม่มีตัวเชื่อมซึ่งเชื่อมโยงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกับสัตว์เลื้อยคลาน.”—หนังสือพวกสัตว์เลื้อยคลาน n
“น่าเสียดายที่ฟอสซิลบอกเราน้อยมากเกี่ยวกับสัตว์ที่เราเชื่อกันว่าเป็นตัวแรกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่แท้จริง.”—หนังสือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม o
เกี่ยวกับสัตว์เลื้อยคลานกลายเป็นนก:
“การเปลี่ยนแปลงจากสัตว์เลื้อยคลานไปเป็นนกยิ่งมีหลักฐานน้อยมาก.”—หนังสือขบวนการวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิต p
“ยังไม่เคยมีการพบฟอสซิลของพวกสัตว์เลื้อยคลานคล้ายนกใด ๆ เลย.”—เดอะ เวิลด์ บุค เอ็นไซโคลพีเดีย q
เกี่ยวกับพวกลิง:
“น่าเศร้าที่บันทึกฟอสซิลซึ่งอาจทำให้เราสามารถติดตามการปรากฏขึ้นของพวกลิงยังคงเป็นเรื่องที่ไม่ครบเหมือนเดิม.”—หนังสือสัตว์สกุลลิง r
“พวกลิงในยุคปัจจุบัน ดูเหมือนว่าโผล่ขึ้นมาเฉย ๆ. ไม่มีประวัติมาก่อน ไม่มีประวัติในฟอสซิล.”—หนังสือไซเยนซ์ ไดเจสท์ s
จากลิงเป็นคน:
“ไม่มีฟอสซิลหรือหลักฐานทางร่างกายใด ๆ ที่เชื่อมโยงโดยตรงระหว่างคนกับลิง.”—หนังสือไซเยนซ์ ไดเจสท์ t
“ครอบครัวมนุษย์ไม่ได้เป็นการสืบทอดเป็นสายเดียวจากลักษณะคล้ายลิงมาเป็นพวกเรา.”—หนังสือตารางเวลาใหม่ของวิวัฒนาการ u
[ภาพหน้า 58]
มีการพบฟอสซิลจำนวนหลายล้านตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์และห้องทดลองต่าง ๆ ทั่วโลก
[ภาพหน้า 61]
ในช่วงต้นของยุคที่เรียกว่าแคมเบรียน ฟอสซิลของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังกลุ่มหลัก ๆ ปรากฏขึ้นโดยไม่มีการเชื่อมโยงกับต้นตอใด ๆ ทางวิวัฒนาการ
ฟองน้ำ
ไทรโลไบต
แมงกะพรุน
[ภาพหน้า 63]
ชีวิตรูปแบบต่าง ๆ ที่ซับซ้อนอย่างยิ่งปรากฏขึ้นกะทันหันและพัฒนามาเต็มที่แล้ว
ม้า
กระรอก
ผีเสื้อ
ต้นเฟิร์น
ดอกกุหลาบ
ปลา
[ภาพหน้า 64]
ทฤษฎีวิวัฒนาการยืนยันว่า สัตว์บินได้วิวัฒนาการมาจากสกุลดั้งเดิมที่แปลงเปลี่ยน แต่ไม่พบพวกที่แปลงเปลี่ยนเลย
นกนางนวลแกลบ
นกฮัมมิงเบิร์ด
นกอินทรี
[ภาพหน้า 65]
ไม่มีการพบฟอสซิลของยีราฟที่มีคอยาวสองในสาม หรือสามในสี่ของยีราฟปัจจุบัน
[ภาพหน้า 67]
สัตว์คล้ายหนูนี้กล่าวกันว่ามีความคล้ายคลึงกับอิโอฮิปปุส ซึ่งถือกันว่าเป็นต้นกำเนิดของม้า. แต่ไม่มีหลักฐานว่าอิโอฮิปปุส ได้วิวัฒนาการไปเป็นอะไรที่มีลักษณะเหมือนม้ามากขึ้น