ความเลื่อมใสในพระเจ้า—มีประโยชน์ทุกอย่าง
พยานพระยะโฮวารู้ว่า “ความเลื่อมใสในพระเจ้ามีประโยชน์ทุกอย่าง” และเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต่อการนมัสการแท้. (1 ติโมเธียว 4:8, ล.ม.) หากปราศจากสิ่งนี้ ศาสนาก็เป็นเพียงพิธีรีตองเท่านั้น. เพราะฉะนั้น “ความเลื่อมใสในพระเจ้า” จึงเป็นชื่อที่เหมาะสมสำหรับชุดการประชุมภาคของพวกเขาที่ได้เริ่มเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว.
ในเดือนสิงหาคม การประชุมภาคเช่นนั้นสามแห่งได้จัดขึ้นในประเทศโปแลนด์พร้อมกับฉากที่เต็มไปด้วยความยินดี. การประชุมเหล่านี้ได้มีขึ้นหลังจากที่พยานพระยะโฮวาได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม. (สำหรับรายละเอียดเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการประชุมภาคที่โปแลนด์ ดูตื่นเถิด ฉบับวันที่ 8 มกราคม 1990.) ตอนนี้ขอให้เราทบทวนระเบียบวาระการประชุมภาคที่ได้มีขึ้นในโปแลนด์.
Piątek w Poznaniu (วันศุกร์ในโปซนัน)
ด้วยความต้องการขนมปังและอิสรภาพ ผู้ประท้วง 50,000 คน ได้ก่อการจลาจลขึ้นในโปซนันในเดือนมิถุนายน 1956. สิ่งนี้ได้ส่งผลให้กว่า 50 คนเสียชีวิตและมีการก่อตั้งรัฐบาลใหม่ของโปแลนด์ขึ้น. มีความต่างกันอย่างมากมายในอีก 33 ปีต่อมา ในบรรยายกาศที่มีลักษณะพิเศษด้วยขนมปังฝ่ายวิญญาณอันอุดมและอิสรภาพแบบคริสเตียน คริสเตียนที่รักสันติได้พบกันที่นั่นเพื่อจะฟังคำบรรยายตามอรรถบทของการประชุมวันศุกร์ที่ชื่อว่า “การรับใช้พระเจ้าผู้เรียกร้องความเลื่อมใสโดยเฉพาะ.” ยอดของผู้เข้าร่วมประชุมที่นั่นในวันอาทิตย์มี 40,442 คน.
หลังจากคำปราศรัยต้อนรับของประธานการประชุม และการสัมภาษณ์บุคคลต่าง ๆ ที่ “ดำเนินชีวิตด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้าอย่างเต็มที่” แล้ว มีการเสนอคำแนะนำที่ใช้การได้ในคำบรรยายเรื่อง “จงหลีกเว้นการพูดที่ทำให้เจ็บใจ.” ช่างง่ายเพียงไรสำหรับคำพูดเรื่อยเปื่อยจะกลับกลายเป็นการซุบซิบที่ก่อความเจ็บปวด! และการซุบซิบที่ก่อความเสียหายอาจนำไปสู่การพูดหมิ่นประมาทอย่างร้ายกาจ. แต่ก่อนที่จะพูดคุยเกี่ยวกับคนอื่น ๆ คริสเตียนอาวุโสซึ่งปรารถนาจะรักษาสันติสุขและเอกภาพ ถามตัวเขาเองอย่างฉลาดสุขุมว่า ‘พระเยซูจะตรัสอย่างนี้ไหม? จำเป็นที่จะพูดถึงเรื่องนั้นไหม? การพูดนั้นจะเสริมสร้างขึ้นไหม? ฉันมีเหตุผลอะไรสำหรับการพูดเรื่องนั้น?’
ส่วนพิเศษเฉพาะของการประชุมภาคในโปแลนด์คือเวลาที่จัดเอาไว้แต่ละวันเพื่อฟังรายงานจากพยานฯที่มาจากดินแดนต่าง ๆ. ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ผู้แทนจาก 24 ประเทศได้เล่านั้น เน้นถึงความจริงที่ว่า ที่นี่เป็นครอบครัวนานาชาติที่เป็นเอกภาพกันอย่างแท้จริงในการยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่า “พระยะโฮวาทรงเรียกร้องความเลื่อมใสโดยเฉพาะ.” เนื่องจากพระเจ้าทรงคู่ควรกับความเลื่อมใสเช่นนั้น ผู้รับใช้ของพระองค์จึงต้องไม่มีการแบ่งแยกในความรักและการนมัสการ. ตัวอย่างของพระเยซูแสดงให้เห็นว่า ไม่สามารถทำที่เล่นที่จริงในการแสดงความเลื่อมใสโดยเฉพาะ.
ความเลื่อมใสในพระเจ้าเกี่ยวข้องกับทุก ๆ สิ่งที่เรากระทำ. เพราะฉะนั้น การพิจารณาสามส่วนได้เตือนคริสเตียนที่จะ “หลีกเลี่ยงการเดินเข้าสู่แนวทางที่ผิด” ในขอบเขตของอาหารและเครื่องดื่ม การแต่งกายและการประดับตัว และการบันเทิง. ความตะกละและการเมาเหล้าเป็นรูปแบบของความโลภที่ทำให้ความรู้สึกทางฝ่ายวิญญาณชงักงัน เป็นสาเหตุของปัญหาทางสุขภาพ ก่อให้เกิดการประพฤติที่ไม่ดี และนำไปสู่อุบัติเหตุต่าง ๆ. รูปแบบอันสุดโต่งเกี่ยวกับการแต่งกาย—ไม่สุภาพ แปลกประหลาด พิลึกพิลั่น หรือแม้แต่น่าอัปยศอดสูด้วยซ้ำไป—ต้องหลีกเลี่ยง. เสื้อผ้าที่รุ่มร่าม ลำลองเกินไป หรือรัดรูปไม่เหมาะสม. ประเด็นคือไม่ใช่ที่ว่า รูปแบบนั้นเป็นไปตามแฟชั่นหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่า เหมาะสมสำหรับผู้รับใช้ของพระเจ้าหรือไม่. และการบันเทิงที่เสื่อมทรามไปด้วยการกบฏขัดขืน ความรุนแรง ยาเสพย์ติด ลัทธิภูตผีปีศาจหรือการผิดศีลธรรมทางเพศไม่ใช่สำหรับคริสเตียน.—ฟิลิปปอย 1:27.
ระเบียบวาระวันศุกร์ภาคบ่ายได้เริ่มต้นด้วยคำบรรยายเรื่อง “บ่าวสัตย์ซื่อและคณะกรรมการปกครอง.” ด้วยความไว้วางใจเกี่ยวกับความภักดีของบุคคลที่สัตย์ซื่อของพระองค์ พระยะโฮวาจึงทรงมอบอำนาจหน้าที่ให้. พระบุตรของพระองค์ทรงกระทำเช่นเดียวกัน. จากท่ามกลางสาวกที่ถูกเจิมของพระองค์ “บ่าวสัตย์ซื่อและสุขุมรอบคอบ” พระองค์ทรงได้เลือกจำนวนเล็กน้อยที่จะรับใช้ฐานะเป็นคณะกรรมการปกครองที่แลเห็นได้. (มัดธาย 24:45) ในศตวรรษแรก คณะกรรมการปกครองนี้ได้ประกอบด้วยอัครสาวกและผู้เฒ่าผู้แก่อื่น ๆ อีกบางคนในกรุงยะรูซาเลม.
ในสมัยปัจจุบันเคยเข้าใจกันว่า คณะกรรมการปกครองเป็นอันเดียวกับคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายบรรณาธิการของสมาคมวอชเทาเวอร์และคณะกรรมการบริหารของสมาคม. แต่คณะกรรมการปกครองต่างไปจากนิติบุคคลตามกฎหมายนั้น ดังที่ผู้บรรยายได้ชี้แจงว่า “เนื่องจากการดำรงอยู่ของนิติบุคคลเป็นไปตามแบบแผนของกฎหมาย โดยมีที่ตั้งของสำนักงานที่ระบุไว้แน่นอน นิติบุคคลนั้นอาจจะถูกยกเลิกโดยซีซาร์ คือรัฐบาลได้.” ไม่เป็นเช่นนั้นกับคณะกรรมการปกครอง ซึ่งไม่ได้เป็นเครื่องมือตามกฎหมายฝ่ายโลกแต่สมาชิกของคณะนี้ “ได้รับการแต่งตั้งโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายใต้การชี้นำของพระยะโฮวาและพระคริสต์.” ฉะนั้น คณะกรรมการปกครองจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปและได้รับการสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไขจากพยานพระยะโฮวาทั่วโลก.
การประชุมภาคที่โปแลนด์มีสมาชิกห้าคนจากคณะกรรมการปกครองในปัจจุบัน 12 คนเข้าร่วมด้วย. คนหนึ่งในพวกเขาได้ให้คำปราศรัยสำคัญที่ชื่อ “เหตุผลที่เรียนรู้ถึงข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์แห่งความเลื่อมใสในพระเจ้า.” ในคำปราศรัยนั้นได้กล่าวว่า ความลึกลับเกี่ยวด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้าไม่ได้เป็นความลึกลับอีกต่อไปเนื่องจาก “ได้มาปรากฏเป็นรูปเป็นร่างในพระเยซู.” ผู้บรรยายได้พิจารณาหกด้านของข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้อ้างถึงที่ 1 ติโมเธียว 3:16 และได้กล่าวว่า “ความหยั่งรู้ค่าของเราต่อความลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับความเลื่อมใสในพระเจ้าควรชักนำเราเสมอให้ติดตามรอยพระบาทของพระเยซูอย่างใกล้ชิด.”
คำบรรยายชุดสองชุดทำให้กระจ่างชัดว่า มีการเรียกร้องเอาความเลื่อมใสในพระเจ้าจากคนหนุ่มสาวและคนสูงอายุเช่นกัน. บิดามารดามีหน้าที่รับผิดชอบในการให้มรดกทางฝ่ายวิญญาณแก่ลูก ๆ ของเขาโดยสอนพวกเขาให้พัฒนาความสำนึกที่เหมาะสมเกี่ยวกับสิ่งที่ถูกและผิด. การศึกษาภายในครอบครัวที่มีความหมาย รวมทั้งการพิจารณาอย่างจริงจังเกี่ยวกับปัญหาของวัยเด็กเป็นสิ่งจำเป็น. โดยตื่นตัวอยู่เสมอต่อสัญญาณอันตรายต่าง ๆ บิดามารดาต้องป้องกันเด็ก ๆ เอาไว้จากการคบหาสมาคมที่ไม่ดี แม้แต่ภายในประชาคม.
อีกด้านหนึ่ง ถ้าคนหนุ่มสาวจะดำเนินชีวิตอย่างที่จะได้บำเหน็จ พวกเขาต้องมองไปที่พระคริสต์ ผู้ซึ่ง ‘ได้วางแบบอย่างแก่เขาเพื่อเขาจะติดตามรอยพระบาทของพระองค์อย่างใกล้ชิด.’ (1 เปโตร 2:21) เป็นการเหมาะสมที่พวกเขาได้ถูกถามว่า “ถ้าคุณได้รับการเลี้ยงดูมาในความจริง คุณรู้สิ่งซึ่งคุณเชื่อ แต่คุณรู้ถึงเหตุผลไหม?” พวกเขาได้รับการสนับสนุนให้ยึดมั่นความจริงเป็นของตนเองโดยการพิสูจน์ด้วยตัวเองว่า คัมภีร์ไบเบิลเป็นพระคำของพระเจ้าและที่ว่า พยานพระยะโฮวาแท้จริงแล้วมีความจริง.
ในหลาย ๆ ประเทศการพิจารณานี้ได้มาถึงจุดสุดยอดกับการออกหนังสือใหม่ 320 หน้า ชื่อปัญหาที่หนุ่มสาวถาม—คำตอบที่ใช้ได้ผล. (โปรดดูตารางสี่เหลี่ยมที่ลงไว้ “‘ของประทานจากพระยะโฮวา’ สำหรับคนหนุ่มสาว.”) หวังว่าสักวันหนึ่งคนหนุ่มสาวในโปแลนด์และประเทศอื่น ๆ ทางยุโรปตะวันออกจะสามารถได้รับประโยชน์จากคำแนะนำที่ดีในหนังสือนี้โดยการได้อ่านในภาษาของเขาเอง.
Sobota w Chorzowie (วันเสาร์ในชอร์โซว์)
ชอร์โซว์เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมในใจกลางของเขตเหมืองถ่านหินของโปแลนด์ตอนใต้. เหมืองถ่านหินของไซลีเซียหมายถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสำหรับเขตนั้น. แต่หัวเรื่องสำคัญสำหรับการสนทนาท่ามกลางผู้คน 65,710 คนที่สนามกีฬาสลาสกิเมื่อสิงหาคมปีที่แล้วเป็นผลประโยชน์ชนิดที่ยิ่งใหญ่กว่า.
อรรถบทสำหรับวันเสาร์ “ความเลื่อมใสในพระเจ้าหมายถึงผลกำไรมาก” ได้รับการอธิบายโดยผู้บรรยายคนแรกในระเบียบวาระภาคบ่าย. (1 ติโมเธียว 6:6) การยืนยันถึงความสัตย์จริงของคำพูดของผู้บรรยายคือการสัมภาษณ์ปัจเจกชนผู้ซึ่งประสบกับผลกำไรอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขาเองโดยการติดตามความเลื่อมใสในพระเจ้า.
ในระหว่างระเบียบวาระภาคเช้า ผลประโยชน์ของการติดตามความเลื่อมใสในพระเจ้าได้รับการเน้นในคำบรรยายชุดหนึ่ง. “โดยการอ่าน [พระคำของพระเจ้า] ด้วยการสังเกตเข้าใจเป็นประจำ” การสืบค้นลึกลงไปในความหมายของสิ่งซึ่งเราอ่าน และการพิจารณาใคร่ครวญถึงวิธีที่จะใช้สิ่งซึ่งเราเรียนพร้อมด้วยการอธิษฐาน เราฐานะคริสเตียนสามารถที่จะติดตามความเลื่อมใสในพระเจ้า “โดยการให้ความสว่างของคุณส่องออกไปอยู่เสมอ.” (ยะโฮซูอะ 1:8) มีการให้ข้อสังเกตว่า ถ้าหากพยานพระยะโฮวาแต่ละคนตลอดทั่วโลกจะใช้เวลา 15 นาทีในวันหนึ่งพูดคุยกับคนอื่น ๆ อย่างไม่เป็นทางการ ในปีหนึ่ง ๆ จะมีการใช้เวลาเพิ่มขึ้น 327 ล้านชั่วโมงในงานประกาศราชอาณาจักร.
“โดยการต้านทานการล่อใจ” ก็เป็นการติดตามความเลื่อมใสในพระเจ้าด้วย. สิ่งต่าง ๆ เช่นอาหาร เครื่องดื่ม ความสัมพันธ์ทางเพศ หรือเงิน ถึงแม้ว่าในตัวมันเองไม่ใช่สิ่งเลว แต่ก็เป็นสิ่งชั่วร้ายได้ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม. วิธีป้องกันตัวคือหลีกเลี่ยงการทำให้ตัวเองเกี่ยวข้องอย่างไม่จำเป็นกับลัทธิวัตถุนิยมของโลก สื่อลามก ยาเสพย์ติด และการเมาเหล้าเช่นเดียวกับการที่จะจดจ่ออยู่กับความเพลิดเพลินของโลก เช่น ดนตรี กีฬา และกิจกรรมทางสังคม. การอธิษฐานเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง. คริสเตียนต้องเรียนที่จะเกลียดสิ่งชั่ว. นี่นับว่าเหมาะสม เนื่องจากผู้บรรยายคนถัดไปชี้ว่า พวกเขาควรจะ “ไม่ดำเนินชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อความประสงค์ของมนุษย์แต่เพื่อพระเจ้า.”
ประชาชนจำนวนมากยิ่งขึ้นทุกทีกำลังตัดสินใจที่จะทำอย่างนั้น. สิ่งนี้เห็นได้ชัดเมื่อพยานฯใหม่ 2,663 คนได้ประกาศอย่างเปิดเผยถึงการตัดสินใจของเขาที่จะ “ติดตามความเลื่อมใสในพระเจ้าฐานะคริสเตียนที่ได้อุทิศตัวรับบัพติสมา.” (การประชุมในโปแลนด์ทั้งสามแห่งมีจำนวนยอดผู้รับบัพติสมา 6,093 คน.) ที่จะรักษาความยินดีในการรับใช้พระยะโฮวา คนเหล่านั้นที่กำลังจะรับบัพติสมาได้รับการสนับสนุนที่จะไตร่ตรองถึงเหตุผลหลายอย่างที่จะยินดี: มิตรภาพกับพระยะโฮวา ภราดรภาพทั่วโลก และความหวังเกี่ยวกับชีวิตในอุทยาน.
การยินยอมอ่อนน้อมของคริสเตียนได้นำขึ้นมาพิจารณาในคำบรรยายเรื่อง “การสำแดงการกระทำด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้า—ฐานะเป็นผู้ชายภายใต้พระคริสต์ผู้เป็นประมุข.” ผู้ชายที่ดำเนินด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้าจะเอาใจใส่ต่อหน้าที่ภายในครอบครัว ด้วยแนวทางแห่งความรักใคร่แบบคริสเตียน. “ฐานะเป็นผู้หญิงที่แสดงการยินยอมอ่อนน้อมอย่างเหมาะสม” คริสเตียนพี่น้องหญิงของเราจะเป็นคนคอยสนับสนุน ไม่ชักชวนประมุขของครอบครัวในทางที่ผิด หรือปล่อยให้อารมณ์ชักพาพวกเขาเข้าสู่การทำการตัดสินใจที่ไม่ฉลาด. “ฐานะเป็นลูกผู้ซึ่งเชื่อฟังบิดามารดา” บรรดาเยาวชนจะเรียนรู้ที่จะเชื่อฟัง ออกความคิดเห็น ณ การประชุมและเข้าส่วนในงานรับใช้ของคริสเตียน.
ช่างเป็นคำแนะนำที่ดีอะไรอย่างนี้! กระนั้น ศาสนาเท็จได้พลาดอย่างน่าสังเวชเพียงไรที่ไม่ได้เสนอการชี้นำที่ถูกต้องเช่นนั้น! สำหรับสิ่งนี้ ศาสนาเท็จสมควรได้รับการตำหนิอย่างรุนแรง ซึ่งปรากฏต่อมาในคำบรรยาย “การเปิดโปง ‘คนนอกกฎหมาย’” คนลึกลับนี้ได้รับการระบุฐานะ “‘คน’ ที่ได้ประกอบขึ้นจากนักเทศน์นักบวชทางศาสนาทั้งสิ้นแห่งคริสต์ศาสนจักรที่ออกหาก.” เป็นที่ฉาวโฉ่ในการกดขี่ข่มเหงผู้รับใช้ของพระเจ้า นักเทศน์นักบวชปัจจุบันนี้มีผู้เข้ามาสมทบด้วยคือ “พวกออกหากสมัยปัจจุบัน ผู้ซึ่งเมื่อก่อนได้อ้างว่าเป็นพยานฯ แต่เป็นผู้ที่ได้กลับไปหาหลักคำสอนของคริสต์ศาสนจักรซึ่งเป็นสิ่งที่ได้สำรอกออกมาและได้คบคิดกันกับคนมัวเมาทางฝ่ายวิญญาณของบาบูโลนใหญ่ในการทุบตีและโจมตีชนชั้นบ่าวสัตย์ซื่อและสุขุมรอบคอบของพระยะโฮวา.” มีการปรบมือที่แสดงถึงการเห็นด้วยขณะที่ผู้บรรยายได้ประกาศว่า “เราจะดำเนินต่อไปที่จะเปิดโปงบาบูโลนใหญ่และ ‘คนนอกกฎหมาย’ ของมัน.”
สิ่งนี้เรียกร้องความกล้าหาญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเมื่อ เอ็ม. จี. เฮนเชล สมาชิกคนหนึ่งแห่งคณะกรรมการปกครอง กล่าวว่า คนส่วนใหญ่ “หันหลังให้กับพระเจ้าและคัมภีร์ไบเบิล พระคำของพระองค์.” ถึงแม้ว่า “ความนับถือต่อคัมภีร์ไบเบิลทุกวันนี้ลดน้อยลง” คัมภีร์ไบเบิลได้ยืนหยัดผ่านการทดสอบแม้เวลาจะผ่านไป. ผู้บรรยายได้ชักเหตุผลว่า “ไม่มีหนังสือเล่มใดที่ได้ผลิตขึ้นโดยมนุษย์จะมีการสังเกตเข้าใจลึกซึ้งเช่นนี้ และถูกต้องมาตลอดเช่นนี้.” เขาได้ประกาศว่า “พยานพระยะโฮวายอมให้พระคำของพระเจ้าสำแดงพลังในชีวิตของเขา [และ] ผลที่ตามมาคือภราดรภาพนานาชาติอันประกอบกันขึ้นจากคริสเตียนแท้เป็นหลักฐานอันมีพลังว่า คัมภีร์ไบเบิลเป็นคำที่ได้รับการดลบันดาลจากพระเจ้า.” วันนั้นได้มาบรรลุถึงจุดสุดยอดอันเบิกบานกับคำประกาศเกี่ยวกับหนังสือใหม่ชื่อคัมภีร์ไบเบิล—คำของพระเจ้าหรือของมนุษย์? ได้ออกมาในหลาย ๆ ภาษา.
Niedziela w Warszawie (วันอาทิตย์ในวอร์ซอ)
โดยทั่วไปผู้มาเยี่ยมชมวอร์ซอมักจะไปดูอนุสรณ์สถานในเขตอื้อฉาวซึ่งเป็นที่อยู่ของชาวยิวในวอร์ซอ ที่ซึ่งพวกนาซีได้ต้อนชาวยิวนับแสนคนที่ถูกกำหนดไว้เพื่อการกวาดล้างในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2. อย่างไรก็ดี ห่างออกไปเพียงไม่กี่นาทีโดยทางรถยนต์ ผู้คน 60,366 คนเต็มล้นสนามกีฬาเอกซ์-ลิเซียในวันที่ 13 สิงหาคม เพื่อที่จะฟังข้อคิดในเรื่อง “ละทิ้งการอธรรมและดำเนินชีวิตด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้า” ซึ่งเป็นอรรถบทสำหรับวันอาทิตย์.—ติโต 2:12.
ประจักษ์ชัดว่า การดำเนินชีวิตด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้าไม่เปิดช่องที่จะแสดงน้ำใจเอกเทศแบบโลก. ละครจากชีวิตจริง “จงยอมตัวอยู่ใต้อำนาจพระยะโฮวา” ซึ่งได้รับการเสนอด้วยความกระตือรือร้นตามลักษณะแบบชาวโปแลนด์ ได้เน้นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญยิ่งซึ่งคริสเตียนต้องทำเพื่อที่จะได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า.
สมาชิกแห่งคณะกรรมการปกครองคนหนึ่งได้อ้างถึง 1 โกรินโธ 8:6 ซึ่งกล่าวว่า “สำหรับพวกเรานั้นมีพระเจ้าองค์เดียวคือพระบิดา.” ท่านได้แสดงชัดว่า หลักคำสอนสำคัญของคริสเตียนไม่ใช่ตรีเอกานุภาพ ดังที่หลายคนได้อ้าง แต่คือการเชิดชูพระยะโฮวาโดยราชอาณาจักรของพระองค์ภายใต้พระคริสต์ต่างหาก. ท่านได้อธิบายว่า “คำสอนเรื่องตรีเอกานุภาพเป็นการหันเหไปจากความจริง การออกหากไปจากความจริง.” ด้วยเหตุนี้ ประชาชนผู้ซึ่งเรียกมาเรียว่ามารดาของพระเจ้าและผู้กลางระหว่างพระเจ้าและมนุษย์ไม่ได้ “รู้จักพระเจ้าด้วยความรู้ถ่องแท้.” (โรม 1:28, ล.ม.) ดังนั้น “ที่จะนมัสการพระเจ้าอย่างเหมาะสมหมายถึงการปฏิเสธเรื่องตรีเอกานุภาพ.” เสียงปรบมือได้แสดงความยินดีต่อการออกจุลสารเล่มใหม่ 32 หน้า ชื่อ Czy wierzyć w Trójcę? (คุณควรเชื่อในตรีเอกานุภาพไหม? ) ช่างเป็นเครื่องมือที่ดีอะไรอย่างนี้สำหรับการเปิดโปงความเท็จเกี่ยวกับคำสอนเรื่องนี้ที่หลู่เกียรติยศของพระเจ้า!
การช่วยเหลือให้รอดไม่เคยมาสำหรับเหยื่อที่อยู่ในเขตของชาวยิวในวอร์ซอ. แต่คำสัญญาของพระเจ้า ดังที่ได้อธิบายไว้ในคำบรรยายสาธารณะ นั่นคือ “การช่วยให้รอดมาใกล้แล้วสำหรับบรรดาชนผู้เลื่อมใสในพระเจ้า!” (2 เปโตร 2:9) เป็นเช่นนี้แน่ ทั้ง ๆ ที่คริสเตียนเป็นเหยื่อของความรุนแรงถึงสองเท่า—ชนิดที่เกิดขึ้นในแต่ละวันและที่มุ่งตรงมายังพวกเขาในรูปของการกดขี่ข่มเหง. เพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบตัวเอง ผู้บรรยายเน้นว่า “ความรอดมีเฉพาะสำหรับคนเหล่านั้นผู้ซึ่งเป็นประชาชนที่เลื่อมใสในพระเจ้าเท่านั้น ผู้ซึ่งเลื่อมใสอย่างแท้จริง คนเหล่านั้นผู้ซึ่งการเชื่อฟังของเขาเป็นการแสดงออกถึงความภักดี.”
หลังจากการเตือนใจสุดท้ายที่จะ “รุ่งโรจน์ด้วยพระวิญญาณ” การประชุมภาคได้จบลงด้วยการเสนออันกระตุ้นใจในอรรถบท “การฝึกฝนตัวต่อ ๆ ไปด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้าเป็นประโยชน์.” จากนั้นผู้เข้าร่วมการประชุมภาคได้เปิดหนังสือเพลงใหม่ของเขาที่เป็นภาษาโปแลนด์ ซึ่งเพิ่งจะออกมาจากแท่นพิมพ์ไม่กี่สัปดาห์ก่อน และได้ถวาย “คำอธิษฐานขอบพระคุณ” ด้วยเพลงบท 45.
คำอธิษฐานปิดด้วยความรู้สึกอันแรงกล้าได้ตามมา และจากนั้นเสียงปรบมืออันกึกก้องได้ดังขึ้น ที่วอร์ซอ โปซนันและชอร์โซว์. ในวอร์ซอการปรบมืออันแข็งขันของมือนับแสนดังออกมาเป็นระลอกแล้วระลอกเล่าราว ๆ 11 นาที. ไม่มีใครต้องการที่จะออกไป และการปรบมือ—การแสดงถึงความยินดีปรีดายิ่งของหมู่พยานฯจำนวนมหาศาล ซึ่งหลายพันคนเข้าร่วมการประชุมภาคสามวันเป็นครั้งแรก—เป็นการแสดงออกอย่างเด่นชัดถึงการขอบพระคุณของพวกเขาต่อพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์. สิ่งนี้ราวกับว่าเป็นการตอบรับต่อบทเพลงสรรเสริญ 47:1, 2 ที่ว่า “ดูกรชนประเทศทั้งปวง จงตบมือกัน. จงโห่ร้องเปล่งเสียสำแดงชัยชนะถวายพระเจ้า. เพราะว่าพระยะโฮวาผู้ใหญ่ยิ่งเป็นที่พึงกลัว พระองค์เป็นพระบรมมหากษัตริย์ทั่วแผ่นดินโลก.” ขณะที่หนึ่งในเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบันของพยานพระยะโฮวาได้ใกล้ที่จะปิดฉากลง พี่น้องที่กระตือรือร้นเหล่านี้ได้เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับบ้าน หัวใจของพวกเขาเอ่อล้นไปด้วยความสุขและความแน่วแน่ที่จะเพิ่มการให้คำพยานอันยิ่งใหญ่เรื่องราชอาณาจักรสอดคล้องกับตัวอย่างอันล้ำค่าของพระเยซูในการแสดงความเลื่อมใสในพระเจ้า.
[กรอบหน้า 28]
หนังสือออกใหม่ปลุกเร้าใจที่จะ‘กระทำด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้า’
หนังสือใหม่คัมภีร์ไบเบิล—คำของพระเจ้าหรือของมนุษย์? และจุลสารคุณควรเชื่อตรีเอกานุภาพไหม? ทั้งสองเล่มได้ก่อให้เกิดการแสดงความหยั่งรู้ค่าอย่างมากมาย. พี่น้องหญิงคนหนึ่งเขียนเกี่ยวกับจุลสารตรีเอกานุภาพ ว่า “ดิฉันประหลาดใจ ตื่นเต้น และยินดีกับจุลสารนั้น. ขอบคุณสำหรับเวลา พลังงาน และการงานมากมายที่ใช้ไปในการพิมพ์หนังสือที่ดีนี้.”
พี่น้องหญิงอีกคนหนึ่งได้เขียนเกี่ยวกับหนังสือคัมภีร์ไบเบิล—คำของพระเจ้าหรือของมนุษย์? ว่า “ดิฉันต้องการที่จะขอบคุณจากส่วนลึกแห่งหัวใจของดิฉันสำหรับหนังสือใหม่ที่ดีเล่มนี้. ดิฉันแปลกใจ คุณตระหนักไหมว่า หนังสือนี้เป็นศิลปกรรมเพียงไร? ดิฉันมักขีดเส้นใต้คำที่สำคัญ. แต่คุณได้ทำให้ดิฉันฉงนเพราะทุก ๆ คำสำคัญ. ดิฉันเพิ่งจะอ่านจบบทที่ 5 แต่ก็ต้องการที่จะกล่าวขอบคุณ.”
[กรอบหน้า 31]
‘ของประทานจากพระยะโฮวา’ สำหรับคนหนุ่มสาว
ลักษณะเด่นอย่างหนึ่ง ณ การประชุมภาคในสหรัฐและดินแดนอื่น ๆ หลาย ๆ แห่งคือระเบียบวาระการประชุมวันศุกร์ภาคบ่าย เมื่อเยาวชนอายุระหว่าง 10 ถึง 19 ปีได้ถูกเชิญให้นั่งอยู่ในส่วนที่ได้สงวนเอาไว้. ภายหลังจากชุดของคำบรรยายพิเศษ แต่ละคนได้รับหนังสือเล่มใหม่ฟรีหนึ่งเล่มที่ชื่อ ปัญหาที่คนหนุ่มสาวถาม—คำตอบที่ใช้ได้ผล. ทั่วโลกได้มีการออกหนังสือใหม่นี้ 8,840,000 เล่มใน 21 ภาษา และได้มีจดหมายหลายร้อยฉบับส่งมาแสดงการหยั่งรู้ค่า!
เด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งเขียนว่า “การประชุมใหญ่ที่ผ่านมา มีคำบรรยายที่ได้ให้แก่เยาวชน แต่ผลจากการที่เราทุกคนนั่งอยู่ด้วยกันนั้น ไม่น่าเชื่อ.” วัยรุ่นอีกคนหนึ่งเขียนว่า “ผมได้นั่งอยู่ในส่วนสำหรับเยาวชน. ผมได้รับการหนุนใจอย่างมากโดยสิ่งนี้ นับตั้งแต่นั้น ผมจึงเริ่มจดบันทึก ณ การประชุมต่าง ๆ ศึกษามากขึ้น และออกความคิดเห็น. ผมคิดจะรับบัพติสมาในฤดูร้อนปีหน้า.”
สำหรับหนุ่มสาวจำนวนมาก ประสบการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์สำคัญ. เด็กสาวคนหนึ่งหวนระลึกว่า “เมื่อผู้บรรยายได้ประกาศว่า เราจะนั่งในที่พิเศษ ดิฉันรู้ว่า บางสิ่งที่ยอดเยี่ยมกำลังจะเกิดขึ้น. เมื่อเขาได้ประกาศการออกหนังสือใหม่ ดิฉันรู้สึกเป็นสุขมากจนดิฉันอยากร้องไห้. ดิฉันรู้อยู่เสมอว่า คุณห่วงใยพวกเราคนหนุ่มสาว แต่สิ่งนี้ตราตรึงเข้าไปในหัวใจของดิฉัน. หนังสือนี้แหละเป็นสิ่งซึ่งพวกเราต้องการจริง!”
เยาวชนคนหนึ่งชื่อเลอากล่าวว่า “เป็นหนังสือที่เขียนได้ดีมาก และรูปภาพก็ใกล้เคียงความจริงและทำให้คุณได้คิดจริง ๆ.” หนังสือเล่มที่ออก ณ การประชุมภาคได้บรรจุสารสั้น ๆ จากคณะกรรมการปกครองถึง “หนุ่มสาวพยานพระยะโฮวาทุก ๆ คน.” เด็กสาวแอนเดรียกล่าวว่า “ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากจากบันทึกพิเศษนั้น. ดิฉันรู้สึกเหมือนกับว่า มีใครคนหนึ่งผู้ซึ่งพระยะโฮวาได้ทรงเลือกไว้ที่จะอยู่กับพระองค์ในสวรรค์กำลังพูดกับดิฉันจริง ๆ!”
หลายคนได้หยั่งรู้ค่าที่มีการแจกหนังสือนี้เป็นของประทาน. มารดาคนหนึ่งระลึกว่า “สิ่งนี้ทำให้ดิฉันหลั่งน้ำตา. พี่น้องที่รัก ในหมู่เยาวชนเหล่านั้นมีห้าคนเป็นลูกของดิฉัน พวกเขาอายุ 11 ถึง 16 ปี. ดิฉันสามารถเสียค่าบำรุงหนังสือได้เพียงแค่สองเล่มเท่านั้น.” เด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อมาร์คเขียนมาว่า “ผมเริ่มคำนวณดูว่ามันจะเป็นเงินเท่าไรที่จะให้แก่เยาวชนคนละเล่ม แต่แล้วผมก็ได้สำนึกว่า คำชี้นำที่อยู่ข้างในเป็นสิ่งที่ประมาณค่ามิได้. ถ้าหนังสือเล่มนี้ช่วยคนหนุ่มที่ดื้อดึงสักเพียงคนเดียวให้กลับมาอยู่บนเส้นทางสู่ชีวิต หรือดีกว่านั้นอีก ช่วยพวกเราจำนวนมากที่จะคงอยู่ บนเส้นทางนั้น นั่นคุ้มกับค่าหนังสือเหล่านั้นทั้งหมดทีเดียว.”
หนุ่มสาวหลายคนเริ่มได้รับประโยชน์จากหนังสือนั้นทันที. เด็กสาวคนหนึ่งพูดว่า “ดิฉันได้เข้าร่วมการประชุมภาคของเราระหว่างวันที่ 7-9 กรกฎาคม และในวันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม ดิฉันได้อ่านหนังสือนั้นจบแล้ว!” อีกคนหนึ่งได้พูดว่า “สองบทสุดท้ายได้เร้าใจดิฉันอย่างแท้จริงที่จะเริ่มต้นเอาจริงเอาจังกับชีวิตมากยิ่งขึ้น. ครั้งหนึ่งดิฉันจะรับบัพติสมาแต่ได้เปลี่ยนใจ. เดี๋ยวนี้เมื่อดิฉันได้รับหนังสือที่ดีเยี่ยมเช่นนี้ ดิฉันได้สำนึกว่า ‘โลกกำลังจะผ่านพ้นไป’ และดังนั้นดิฉันจำต้องลงมือเสียแต่เดี๋ยวนี้.”
เด็กสาวคนหนึ่งได้เขียนว่า “เพราะเวลาได้เปลี่ยนไป ดิฉันคิดเสมอว่าคนสูงอายุไม่รู้หรอกว่าเรารู้สึกอย่างไร. คุณไม่รู้หรอกว่า ดิฉันดีใจเพียงไรที่พบว่าดิฉันเข้าใจผิด. ความสนใจของคุณต่อคนหนุ่มสาวอย่างพวกเราทำให้ดิฉันรู้สึกเหมือนดิฉันมีค่า.” กลุ่มหนึ่งของหนุ่มสาวจากสวีเดนได้เขียนว่า “เรารู้สึกว่า คุณเข้าใจพวกเราที่เป็นหนุ่มสาว และเรารู้สึกใกล้ชิด กับพวกคุณมากยิ่งขึ้น ด้วย.
เยาวชนคนหนึ่งสรุปถึงหนังสือนี้ได้ดีเมื่อเขาพูดว่า “พี่ชายน้องหญิงกับผมชอบหนังสือเล่มนี้. เรารู้สึกว่าเป็นของประทานที่มาจากพระยะโฮวาโดยตรง.” เป็นคำอธิษฐานของเราที่ขอให้ของประทานนี้จะบังเกิดผลต่อ ๆ ไปเพื่อเป็นพระพรสำหรับคนหนุ่มสาวที่กลัวเกรงพระเจ้า!
[แผนภูมิหน้า 30]
ความเลื่อมใสในพระเจ้าทวีขึ้นในยุโรป!
ยอดผู้เข้าร่วมการประชุมภาค จำนวนผู้รับบัพติสมาที่การประชุมภาค
1979 1984 1989 1979 1984 1989
ออสเตรีย 17,847 20,908 25,153 236 257 307
เบลเยียม 23,185 28,456 30,622 234 248 429
อังกฤษ 113,910 137,008 160,704 605 937 1,344
เดนมาร์ก 21,057 23,267 24,645 122 147 249
ฟินแลนด์ 20,293 23,501 25,679 215 302 329
ฝรั่งเศส 89,073 110,745 156,751 1,361 1,856 3,201
เยอรมนี 129,342 140,681 159,819 1,154 1,009 1,694
อิตาลี 117,163 169,328 240,041 2,515 3,769 6,295
ลักเซมเบิร์ก 1,141 1,327 3,131 8 12 61
เนเธอร์แลนด์ 36,768 42,060 44,185 126 143 271
นอร์เวย์ 10,327 11,352 13,829 107 159 294
โปแลนด์ — 94,134a 166,518 — 3,140b 6,093
โปรตุเกส 35,108 47,843 59,797 862 1,068 1,546
สเปน 62,201 84,706 115,981 1,278 1,521 2,935
สวีเดน 21,286 25,204 30,943 279 323 410
สวิตเซอร์แลนด์ 14,455 17,457 23,867 130 225 349
รวมยอด 713,156 977,977 1,281,665 9,232 15,116 25,807
[เชิงอรรถ]
a ตัวเลขปี 1985
b ตัวเลขปี 1985
[รูปภาพหน้า 27]
การออกจุลสาร “ตรีเอกานุภาพ” เป็นเหตุแห่งความยินดีในวอร์ซอ
[รูปภาพหน้า 32]
พยานฯที่เพิ่งอุทิศตัวในชอร์โซว์ติดตามความเลื่อมใสในพระเจ้าโดยการรับบัพติสมา