ความเห็นของคุณในเรื่องจิตวิญญาณมีผลกระทบชีวิตของคุณ
“มนุษย์จึงเกิดเป็นจิตวิญญาณมีชีวิตอยู่.”—เยเนซิศ 2:7.
1, 2. ศาสนาส่วนใหญ่เชื่ออย่างไรเกี่ยวข้องกับมนุษย์และจิตวิญญาณ?
แทบทุกศาสนาสอนว่ามนุษย์มีจิตวิญญาณอมตะ. สารานุกรม นิว คาทอลิก เอ็นไซโคลพีเดีย ระบุว่า จิตวิญญาณ “ถูกพระเจ้าสร้างขึ้นแล้วใส่ไว้ในร่างกายตอนปฏิสนธิ.” ทั้งยังบอกด้วยว่าหลักคำสอนเรื่องจิตวิญญาณเป็นอมตะ “เป็นหนึ่งในหลักคำสอนพื้นฐาน” ของคริสต์จักรต่าง ๆ ในคริสต์ศาสนจักร. ในทำนองเดียวกัน สารานุกรม เดอะ นิว เอ็นไซโคลพีเดีย บริทันนิคา กล่าวดังนี้ “ความเข้าใจของมุสลิมนั้นถือว่า จิตวิญญาณนั้นเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันกับการเกิดของร่างกาย หลังจากนั้น จิตวิญญาณก็มีชีวิตเฉพาะของมันเอง. การที่จิตวิญญาณอยู่ร่วมกับร่างกายนั้นเป็นการชั่วคราว.”
2 ศาสนาต่าง ๆ เหล่านั้นเชื่อว่าจิตวิญญาณละจากร่างกายในขณะที่คนเราตาย แล้วจิตวิญญาณจะดำรงอยู่ต่อไปนิรันดร์กาล ปลายทางคือความสุขสำราญในสวรรค์ ชั่วระยะหนึ่งอยู่ในสถานที่ชำระบาป หรือไม่ก็การทรมานตลอดไปในไฟนรก. ผู้คนถือว่าความตายเป็นเหมือนทางผ่านเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ในแดนวิญญาณ. ดังที่นักเขียนผู้หนึ่งกล่าวไว้ในหนังสือภาษาอังกฤษชื่อเราเชื่อความเป็นอมตะ ว่า “ข้าพเจ้าถือว่าความตายเป็นการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่และโชติช่วง. ข้าพเจ้ามองดูความตายเป็นการเลื่อนฐานะโดยพระเจ้า.”
3. ความเชื่อของศาสนามากหลายทางตะวันออกเป็นอย่างไร?
3 ชาวฮินดู ชาวพุทธ และคนอื่นเชื่อเรื่องวิญญาณเวียนว่ายตายเกิด. ทั้งนี้รวมถึงความเชื่อที่ว่าเมื่อคนเราตาย จิตวิญญาณจะกลับชาติไปเกิดใหม่ อาจเกิดเป็นคนหรือเกิดเป็นสิ่งที่มีชีวิตอีกแบบหนึ่งก็ได้. ถ้าคนเราเคยทำดีไว้ ก็กล่าวกันว่าจิตวิญญาณของเขาจะได้ไปเกิดใหม่เป็นคนมีสถานภาพดีกว่าเดิม. แต่ถ้าผู้นั้นเป็นคนไม่ดี เขาก็จะเกิดใหม่เป็นคนต่ำต้อยกว่าเดิม หรือไปเกิดเป็นสัตว์หรือแมลงเสียด้วยซ้ำ.
4, 5. ทำไมการรู้ความจริงเกี่ยวกับจิตวิญญาณจึงเป็นสิ่งสำคัญ?
4 อย่างไรก็ตาม สมมุติว่า มนุษย์ไม่มีจิตวิญญาณอมตะล่ะ? สมมุติว่า ความตายไม่ใช่ “การเลื่อนฐานะโดยพระเจ้า” ไม่ใช่ทางผ่านเข้าสู่ชีวิตที่เป็นกายวิญญาณอยู่นิรันดร์ หรือไปเกิดใหม่ล่ะ? ถ้าเช่นนั้น ความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณอมตะก็คงจะนำคนที่เชื่อไปผิดทางละสิ. หนังสือคำสอนทางการของคาทอลิก (ภาษาอังกฤษ) บอกว่า คริสต์จักรยืนกรานยึดถือความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณอมตะ เพราะการไม่เชื่อเรื่องนี้ “คงจะทำให้การอธิษฐาน การประกอบพิธีฝังศพและกิจปฏิบัติทางศาสนาที่จัดขึ้นเพื่อคนตายของคริสต์จักรไร้ความหมายหรือไม่เป็นที่เข้าใจได้.” ดังนั้นวิถีชีวิต การบูชานมัสการ และอนาคตถาวรของเราจึงมีส่วนพัวพันกับเรื่องนี้.—สุภาษิต 14:12; มัดธาย 15:9.
5 เป็นสิ่งสำคัญที่จะรู้ความจริงถึงเรื่องความเชื่อศรัทธาเช่นนี้. พระเยซูได้ตรัสว่า “ผู้ที่นมัสการ [พระเจ้า] ต้องนมัสการด้วยวิญญาณและความจริง.” (โยฮัน 4:24, ล.ม.) ความจริงเรื่องจิตวิญญาณของมนุษย์พบได้ในคัมภีร์ไบเบิลอันเป็นพระวจนะของพระเจ้า. ในพระคัมภีร์ซึ่งเขียนโดยการดลบันดาลนั้นพระเจ้าได้เปิดเผยวัตถุประสงค์ของพระองค์ ฉะนั้น เราย่อมวางใจได้ว่าคัมภีร์ไบเบิลบอกความจริงแก่เรา. (1 เธซะโลนิเก 2:13; 2 ติโมเธียว 3:16, 17) ในคำอธิษฐานต่อพระเจ้าพระเยซูทรงกล่าวอย่างนี้: “คำของพระองค์เป็นความจริง.”—โยฮัน 17:17.
พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีจิตวิญญาณอมตะไหม?
6. บันทึกในพระธรรมเยเนซิศบอกอะไรแก่เราอย่างชัดเจนเกี่ยวด้วยการสร้างมนุษย์?
6 พระธรรมเยเนซิศ 2:7 แจ้งไว้ดังนี้ “พระยะโฮวาเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ด้วยผงคลีดิน และระบายลมแห่งชีวิตเข้าทางจมูกให้มีชีวิตหายใจเข้าออก มนุษย์จึงเกิดเป็นจิตวิญญาณมีชีวิตอยู่.” บันทึกตอนนี้ไม่ได้บอกว่าพระเจ้าใส่จิตวิญญาณอมตะไว้ในร่างมนุษย์ แต่บอกว่าเมื่อฤทธิ์เดชของพระเจ้าให้พลังงานแก่ร่างกายของอาดามแล้ว เขา “จึงเกิดเป็นจิตวิญญาณมีชีวิตอยู่.” ดังนั้น มนุษย์เป็น จิตวิญญาณ. เขาไม่มี จิตวิญญาณ.
7. ทำไมจึงให้มนุษย์อยู่บนแผ่นดินโลก?
7 พระเจ้าได้ทรงสร้างอาดามให้อยู่บนแผ่นดินโลก ไม่ใช่ในสวรรค์. แผ่นดินโลกหาใช่เป็นเพียงพื้นที่สำหรับอาดามจะพิสูจน์ตัวว่ามีคุณสมบัติเหมาะกับสวรรค์. พระเจ้าได้สร้างแผ่นดินโลก “ให้เป็นที่อยู่อาศัย” และอาดามเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้อาศัยอยู่ที่แผ่นดินโลก. (ยะซายา 45:18; 1 โกรินโธ 15:45) ต่อมา เมื่อพระเจ้าได้ทรงสร้างฮาวาให้เป็นภรรยาของอาดาม พระเจ้าทรงมุ่งหมายให้เขามีบุตรหลานอยู่เต็มแผ่นดินโลกและทำให้เป็นอุทยานประหนึ่งบ้านถาวรของมนุษย์.—เยเนซิศ 1:26-31; บทเพลงสรรเสริญ 37:29.
8. (ก) การดำรงชีวิตอยู่ของอาดามขึ้นอยู่กับเงื่อนไขอะไร? (ข) ถ้าอาดามไม่ทำบาปเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ ณ ที่ไหน?
8 ไม่มีกล่าวในคัมภีร์ไบเบิลเลยว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของอาดามเป็นอมตะ. ตรงกันข้าม มีการกล่าวถึงเงื่อนไขการดำรงอยู่ของเขาว่าขึ้นอยู่กับการเชื่อฟังกฎหมายของพระเจ้า. ถ้าเขาละเมิดกฎนั้นจะเกิดอะไรขึ้น? ชีวิตชั่วนิรันดร์ในแดนวิญญาณหรือ? ไม่ใช่อย่างนั้น. แต่เขาจะ “ตายเป็นแน่.” (เยเนซิศ 2:17) เขาต้องกลับคืนเข้าสู่สภาพเดิมอันเป็นที่ซึ่งเขาเกิดมาคือ “เจ้าเป็นแต่ผงคลีดินและจะต้องกลับเป็นผงคลีดินอีก.” (เยเนซิศ 2:7; 3:19) อาดามไม่เคยเป็นอยู่ในสภาพใด ๆ ก่อนเขาถูกสร้างขึ้นมา และเขาจะไม่เป็นอยู่ในสภาพใด ๆ เลยภายหลังเขาตาย. ดังนั้น เขาจึงมีทางเลือกสองอย่างคือ (1) เชื่อฟังแล้วได้ชีวิต หรือ (2) ฝ่าฝืนแล้วตาย. ถ้าอาดามไม่ทำบาป เขาก็จะมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลกตลอดไป. เขาคงไม่มีวันจะได้ไปสวรรค์.
9. คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้อย่างถูกต้องว่า ความตายคืออะไร และเพราะเหตุใด?
9 อาดามได้ฝ่าฝืน แล้วเขาก็ตาย. (เยเนซิศ 5:5) โทษของเขาคือความตาย. ความตายหาใช่ทางผ่านเข้าสู่ “การผจญภัยที่โชติช่วง” ไม่ แต่เป็นทางผ่านไปสู่การดับสูญ. ดังนั้น ความตายหาใช่เพื่อนไม่ แต่เป็นอย่างที่พระคัมภีร์เรียกว่า “ศัตรู.” (1 โกรินโธ 15:26) ถ้าอาดามมีจิตวิญญาณอมตะซึ่งจะไปสวรรค์ถ้าเขาเชื่อฟัง ความตายก็คงจะเป็นพระพร. แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่. ความตายเป็นการแช่งสาป. พร้อมกับบาปที่อาดามก่อไว้ ความแช่งสาปแห่งความตายจึงลามไปถึงมวลมนุษย์ทั่วหน้า เพราะมนุษย์ทุกคนสืบเชื้อสายมาจากอาดาม.—โรม 5:12.
10. การเชื่อว่าอาดามมีจิตวิญญาณอมตะ ทำให้เกิดปัญหาสำคัญอะไรขึ้น?
10 ยิ่งกว่านั้น ถ้าอาดามถูกสร้างให้มีจิตวิญญาณอมตะซึ่งจะถูกทรมานชั่วกัปชั่วกัลป์ในไฟนรกหากเขาทำบาป ทำไมเขาไม่ได้รับคำเตือนเกี่ยวด้วยเรื่องนี้? ทำไมพระเจ้าเพียงแต่ตรัสว่าเขาจะตายและจะกลับเป็นผงคลีดินอีก? คงเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมเสียจริง ๆ ที่จะปรับโทษอาดามให้รับการทรมานชั่วนิจนิรันดร์สำหรับการฝ่าฝืนกฎหมาย กระนั้นไม่เตือนให้เขารู้ตัวเสียก่อน! อย่างไรก็ดี สำหรับพระเจ้านั้น “ไม่มีความอสัตย์อธรรม.” (พระบัญญัติ 32:4) ไม่มีความจำเป็นจะต้องเตือนอาดามถึงเรื่องไฟนรกมีไว้สำหรับจิตวิญญาณอมตะของคนชั่ว. นรกดังกล่าวไม่มี และจิตวิญญาณอมตะก็ไม่มี. (ยิระมะยา 19:5; 32:35) ในผงธุลีไม่มีการทรมานตลอดไป.
การใช้คำ “จิตวิญญาณ” ในคัมภีร์ไบเบิล
11. (ก) ในพระคัมภีร์คำ “จิตวิญญาณ” แปลมาจากคำอะไรในภาษาฮีบรูและกรีก? (ข) คัมภีร์ภาษาไทยแปลคำภาษาฮีบรูและกรีกเหล่านั้นอย่างไร?
11 ในคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู คำภาษาไทย “จิตวิญญาณ” ถูกใช้มาแปลคำฮีบรูเนʹเฟ็ช ซึ่งมีมากกว่า 750 ครั้ง. คำนี้ตรงกับพซีเคʹ ในพระคัมภีร์ภาคภาษากรีก ซึ่งมีมากกว่า 100 ครั้ง. คัมภีร์ฉบับนิวเวิลด์ แทรนสเลชัน (ล.ม.) ได้ให้ความหมายแทนคำนี้อย่างเสมอต้นเสมอปลายว่า “soul” [“จิตวิญญาณ”]. คัมภีร์ฉบับแปลอื่น ๆ อาจใช้หลายคำแตกต่างกันสำหรับคำนี้. บางครั้ง พระคัมภีร์ภาษาไทยแปลคำเนʹเฟ็ช เป็น: กินเติบ, สัตว์, ศพ, ลมหายใจ, สรรพสัตว์, ศพคนตาย, ซากศพที่ตาย, ปรารถนา, ใจ, ชีวิต, คน, คำดำริ, ผู้คน, ตัวคน, จิตวิญญาณ, และแปลคำพซีเคʹ เป็น: มีน้ำใจ, ชีวิต, ใจ, จิตวิญญาณ.
12. พระคัมภีร์ใช้คำฮีบรูและกรีกที่ได้รับการแปลว่า “จิตวิญญาณ” อย่างไร?
12 พระคัมภีร์เรียกสัตว์ทะเลว่าเนʹเฟ็ช เช่น: “บรรดาสัตว์ที่ไหวกายมีชีวิต [เนʹเฟ็ช] อยู่ในน้ำนั้น.” (เลวีติโก 11:10) คำนี้อาจใช้กับสัตว์บกได้: “ให้ฝูงสัตว์มีชีวิต [เนʹเฟ็ช] บังเกิดขึ้นที่แผ่นดินตามชนิดของมัน คือสัตว์ใช้ สัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ป่าทั้งปวง.” (เยเนซิศ 1:24) หลายร้อยครั้งคำเนʹเฟ็ช ใช้หมายถึงผู้คน. “คน [เนʹเฟ็ช] ทั้งปวงที่สืบสายโลหิตของยาโคบรวมเจ็ดสิบคน [เนʹเฟ็ช] ด้วยกัน.” (เอ็กโซโด 1:5) ตัวอย่างของคำพซีเคʹ ถูกนำมาใช้แบบนี้ที่ 1 เปโตร 3:20. ข้อนี้กล่าวถึงเรื่องเกี่ยวกับโนฮาว่า “ในนาวานั้นได้รอดจากน้ำน้อยคนคือแปดคน [พซีเคʹ].”
13. พระคัมภีร์ใช้คำ “จิตวิญญาณ” ในแง่ใดบ้าง?
13 คัมภีร์ไบเบิลใช้คำ “จิตวิญญาณ” ในหลาย ๆ ทาง. เยเนซิศ 9:5 บอกว่า “โลหิตอันเป็นชีวิต [เนʹเฟ็ช] ของเจ้านั้น เราจะทวงเอา.” ณ ที่นี้ในภาษาฮีบรูเดิมกล่าวว่าเนʹเฟ็ช มีเลือด. เอ็กโซโด 12:16 บอกว่า “อย่าให้ผู้หนึ่งผู้ใด [จิตวิญญาณ] ทำงานเลยเว้นไว้แต่การจัดเตรียมอาหารสำหรับรับประทานนั้นทำได้.” ในข้อนี้บอกว่าจิตวิญญาณกินอาหาร. พระบัญญัติ 24:7 พูดถึงคนหนึ่งคนใด “ลักคน [จิตวิญญาณ] ซึ่งเป็นพี่น้อง.” แน่นอน สิ่งที่ถูกลักพาตัวไปคงไม่ใช่จิตวิญญาณอมตะ. บทเพลงสรรเสริญ 119:28, (ล.ม.) พูดถึง “จิตวิญญาณของข้าพเจ้านอนไม่หลับเพราะความเศร้าโศก.” ดังนั้น จิตวิญญาณอาจนอนไม่หลับเสียด้วยซ้ำ. นอกจากนั้น พระคัมภีร์ยังแสดงให้เห็นว่าจิตวิญญาณไม่ใช่อมตะ. จิตวิญญาณตายได้. “ผู้นั้น [จิตวิญญาณ, เนʹเฟ็ช] จะต้องตัดออกเสียจากพรรคพวกของตน.” (เลวีติโก 7:20) “วันทั้งหลายที่เขาจะอยู่ต่างหากสำหรับพระยะโฮวานั้นอย่าให้ถูกซากศพ [จิตวิญญาณ (เนʹเฟ็ช) ที่ตายแล้ว]. (อาฤธโม 6:6) “ชีวิต [จิตวิญญาณ] ของพวกข้าพเจ้าจะแทนชีวิต [จิตวิญญาณ] ของเจ้า.” (ยะโฮซูอะ 2:14) “ผู้หนึ่งผู้ใด [พซีเคʹ, จิตวิญญาณใด ๆ] ไม่เชื่อฟังศาสดาพยากรณ์ผู้นั้น เขาจะต้องถูกตัดขาดให้พินาศไปจากพลเมือง.” (กิจการ 3:23) “บรรดาสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ [พซีเคʹ, จิตวิญญาณ] ในทะเลก็ตายหมด.”—วิวรณ์ 16:3.
14. พระคัมภีร์แสดงอย่างชัดแจ้งว่าจิตวิญญาณคืออะไร?
14 เห็นได้ชัดว่าวิธีที่พระคัมภีร์ใช้คำเนʹเฟ็ช และพซีเคʹ แสดงให้เห็นว่าจิตวิญญาณเป็นบุคคลหรือในกรณีของสัตว์ก็หมายถึงสัตว์โลก. จิตวิญญาณไม่ใช่ส่วนหนึ่งส่วนใดที่เป็นอมตะในตัวบุคคล. อันที่จริง คำเนʹเฟ็ช ถูกนำมาใช้กับพระเจ้าด้วยซ้ำไป ที่ว่า “พระทัย [เนʹเฟ็ช, จิตวิญญาณ] ของพระองค์ทรงเกลียดชังคนชั่วที่นิยมในการร้าย.”—บทเพลงสรรเสริญ 11:5.
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นพ้องกัน
15. ผลงานค้นคว้าหลายเล่มแสดงให้เห็นอย่างไรเกี่ยวกับคำสอนเรื่องจิตวิญญาณอมตะ?
15 ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นพ้องกันว่าคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้กล่าวถึงเรื่องจิตวิญญาณอมตะ. เดอะ คอนไซส จูวิช เอ็นไซโคลพีเดีย ชี้แจงดังนี้: “พระคัมภีร์ไม่ระบุหลักคำสอนเรื่องจิตวิญญาณอมตะเลย และเห็นชัดว่าคำสอนนี้ไม่มีปรากฏอยู่ในตำราของนักสอนศาสนายิวสมัยแรกเช่นกัน.” เดอะ จูวิช เอ็นไซโคลพีเดีย ชี้แจงว่า “ความเชื่อที่ว่าจิตวิญญาณยังดำรงอยู่ภายหลังร่างกายสลายไปแล้วเป็นเรื่องของความคาดคะเนเชิงปรัชญาหรือทางเทววิทยามากกว่าเป็นความเชื่อพื้นฐานและการสอนเรื่องนี้ก็หาได้มีกล่าวไว้ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ไม่.” ดิ อินเทอร์พริเตอร์ ดิกชันนารี อ็อฟ เดอะ ไบเบิล ให้ข้อสังเกตดังนี้ “เนʹเฟ็ช . . . ไม่ดำรงอยู่ต่างหากจากร่างกาย แต่ตายไปพร้อมกับร่างกาย . . . ไม่มีคัมภีร์ข้อใดจะสนับสนุนคำกล่าวที่ว่า “จิตวิญญาณ” ถูกแยกให้ออกจากร่างกายขณะที่ร่างนั้นสิ้นชีวิต.”
16. นักแต่งหนังสือบางคนกล่าวอย่างไรเรื่องจิตวิญญาณอมตะ?
16 อนึ่ง มีกล่าวใน เอ็กโพซิทอรี ดิกชันนารี อ็อฟ ไบเบิล เวิร์ดส ดังนี้: “‘จิตวิญญาณ’ ในคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมนั้นไม่ได้หมายถึงบางส่วนแห่งร่างกายของมนุษย์ซึ่งไม่อาจจับต้องได้ที่ยังมีชีวิตอยู่ภายหลังจากตาย. ความหมายแท้ ๆ ของ [เนʹเฟ็ช] คือชีวิตดังที่ทุกคนต่างก็ประสบมาแล้วด้วยตนเอง. . . . มีการกำหนดความหมายขั้นพื้นฐานของ [พซีเคʹ] โดยคำที่ตรงกันในคัมภีร์พันธสัญญาเดิมแทนที่จะให้ความหมายตามวัฒนธรรมกรีก.” และดิ เอิร์ดมันส์ ไบเบิล ดิกชันนารี แถลงว่าในคัมภีร์ไบเบิล คำจิตวิญญาณ “ไม่ได้บ่งความเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์แต่เป็นบุคคลนั้น ๆ ทีเดียว. . . . ในแง่นี้มนุษย์จึงไม่มีจิตวิญญาณ—มนุษย์เป็นจิตวิญญาณ.”
17. สารานุกรมคาทอลิกสองฉบับยอมรับอะไรเรื่อง “จิตวิญญาณ”?
17 แม้แต่ นิว คาทอลิก เอ็นไซโคลพีเดีย ก็ยอมรับว่า “คำที่ใช้กับจิตวิญญาณในคัมภีร์ไบเบิลปกติแล้วหมายถึงตัวบุคคล” และกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ไม่มีการแบ่งแยกร่างกายกับจิตวิญญาณในภาคพันธสัญญาเดิม. . . . คำ [เนʹเฟ็ช] แม้จะแปลเป็นจิตวิญญาณตามที่เราใช้อยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความถึงจิตวิญญาณที่อยู่ต่างหากจากร่างกายหรือจากตัวบุคคล. . . . คำ (พซีเคʹ) เป็นคำที่ใช้ในคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ที่มีความหมายตรงกับคำ[เนʹเฟ็ช]. . . . ความคิดที่ว่าจิตวิญญาณยังมีอยู่หลังจากตายแล้วนั้นไม่ใช่สิ่งซึ่งจะเห็นได้ง่าย ๆ ในพระคัมภีร์.” และจอร์จ เอาโซชาวฝรั่งเศสนับถือคาทอลิก ศาสตราจารย์ในสาขาบทจารึกศักดิ์สิทธิ์ได้แต่งหนังสือชื่อ “วาทะของพระเจ้า” (ภาษาฝรั่งเศส): “แนวความคิดเกี่ยวด้วย ‘จิตวิญญาณ’ อันหมายถึงสิ่งที่เป็นวิญญาณล้วน ๆ สภาพที่เป็นอรูป แยกอยู่ต่างหากจาก ‘ร่างกาย’ . . . ไม่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลเลย.”
18. (ก) สารานุกรมฉบับหนึ่งกล่าวอย่างไรเกี่ยวกับวิธีที่พระคัมภีร์ใช้คำ “จิตวิญญาณ”? (ข) นักเทววิทยาได้ความคิดจากที่ไหนว่าด้วยการมีชีวิตอยู่หลังจากร่างกายได้ตายไป?
18 ด้วยเหตุนี้ ดิ เอ็นไซโคลพีเดีย อเมริกานา ให้ข้อสังเกตว่า “แนวความคิดเกี่ยวด้วยมนุษย์ตามพันธสัญญาเดิมนั้นเป็นเรื่องของเอกภาพ ไม่ใช่การรวมของจิตวิญญาณและร่างกาย. ถึงแม้คำฮีบรู [เนʹเฟ็ช] มักจะถูกนำมาแปลเป็น ‘จิตวิญญาณ’ แต่คงไม่ถูกต้องที่จะให้มีความหมายตามปรัชญากรีก. . . . [เนʹเฟ็ช] เป็นคำที่ไม่เคยใช้หมายถึงสิ่งที่อยู่นอกร่างกาย. ในคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่พซีเคʹ ภาษากรีกมักจะได้รับการแปลเป็น ‘จิตวิญญาณ’ แต่ก็อีกน่ะแหละ ไม่ควรรวบรัดว่าคำนี้จะมีความหมายอย่างที่พวกนักปรัชญาชาวกรีกเข้าใจ. . . . พระคัมภีร์ไม่ได้เตรียมคำพรรณนาให้กระจ่างว่าคนเราจะมีชีวิตอยู่อย่างไรหลังจากตายไปแล้ว.” มีการชี้แจงเพิ่มเติมว่า “นักเทววิทยาได้สืบค้นหาข้อถกเถียงของนักปรัชญาเพื่อจะได้แนวทางมาใช้สำหรับพรรณนาการมีชีวิตภายหลังการตายของแต่ละคน.”
ไม่ใช่คำสอนของพระคัมภีร์แต่เป็นปรัชญา
19. ปรัชญากรีกได้เข้ามาเกี่ยวข้องกันอย่างไรกับความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณอมตะ?
19 เป็นความจริงที่ว่า นักเทววิทยารับเอาความคิดเห็นของนักปรัชญานอกรีตเพื่อร่างหลักคำสอนเรื่องจิตวิญญาณอมตะ. หนังสือเอ็นไซโคลพีดิก ดิกชันนารี อ็อฟ เดอะ ไบเบิล (ภาษาฝรั่งเศส) ว่าดังนี้ “แนวความคิดเรื่องความเป็นอมตะเป็นผลที่ได้จากการคิดในแนวปรัชญากรีก.” เดอะ จูวิช เอ็นไซโคลพีเดีย ยืนยันว่า “ความเชื่อเรื่องความเป็นอมตะของจิตวิญญาณสืบทอดมาถึงคนยิวด้วยการติดต่อรับเอาแนวคิดแบบกรีกและส่วนใหญ่สืบเนื่องมาจากปรัชญาของพลาโต ตัวการ “ที่สนับสนุนเรื่องนี้ในสมัยศตวรรษที่สี่ก่อนพระคริสต์. พลาโตเชื่อว่า “จิตวิญญาณเป็นอมตะและไม่อาจจะทำลายให้สูญไปได้ และจิตวิญญาณของเราจะดำรงอยู่จริง ๆ อีกโลกหนึ่ง!”—บทสนทนาของพลาโต (ภาษาอังกฤษ).
20. ปรัชญาแบบนอกรีตได้แทรกซึมเข้ามาในศาสนาคริสเตียนเมื่อไรและอย่างไร?
20 ปรัชญาของคนนอกรีตแทรกซึมเข้ามาในศาสนาคริสเตียนเมื่อไร? เดอะ นิว เอ็นไซโคลพีเดีย บริทันนิคา ชี้แจงว่า “ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 2 คริสเตียนที่ร่ำเรียนปรัชญาของกรีกเริ่มคิดถึงความจำเป็นที่จะแสดงออกซึ่งความเชื่อของตนตามสำนวนปรัชญากรีก เพื่อให้เป็นที่พอใจของพวกเขาเองในฐานะปัญญาชน และเพื่อจะเปลี่ยนพวกนอกรีตผู้มีการศึกษาให้เข้ามาเชื่อศาสนา. หลักปรัชญาที่พวกเขาเห็นว่าเหมาะที่สุดคือลัทธิของพลาโต.” ฉะนั้น ดังที่กล่าวในสารานุกรมบริทันนิคา ว่า “นักปรัชญาคริสเตียนสมัยแรกรับรองแนวความคิดของชาวกรีกเกี่ยวด้วยความเป็นอมตะของจิตวิญญาณ.” แม้กระทั่งสันตะปาปา จอห์น พอลที่สองก็ยอมรับว่า หลักคำสอนเรื่องจิตวิญญาณอมตะบรรจุ “ทฤษฎีต่าง ๆ ตามปรัชญากรีก.” แต่การรับรองเอาทฤษฎีต่าง ๆ ตามปรัชญากรีกย่อมหมายความว่าคริสต์ศาสนจักรได้ละทิ้งความจริงง่าย ๆ ดังกล่าวในเยเนซิศ 2:7 ที่ว่า “มนุษย์จึงเกิดเป็นจิตวิญญาณมีชีวิตอยู่.”
21. ความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณอมตะย้อนหลังไปถึงสมัยไหน?
21 อย่างไรก็ดี คำสอนเรื่อง จิตวิญญาณอมตะมีมานานก่อนสมัยพลาโตเสียอีก. เราอ่านในหนังสือ ศาสนาของบาบูโลนและอัสซีเรีย (ภาษาอังกฤษ) แต่งโดยมอริส จัสโตร ว่าดังนี้: “ประเด็นว่าด้วยความเป็นอมตะ . . . เป็นเรื่องที่นักเทววิทยาแห่งบาบูโลนให้ความสนใจอย่างจริงจัง. . . . เขาถือว่าความตายเป็นเส้นทางเข้าสู่ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง.” นอกจากนั้น หนังสือ ศาสนาของชาวอียิปต์ (ภาษาอังกฤษ) แต่งโดย ซิกฟริด มอเรนซ์ บอกว่า “ชาวอียิปต์สมัยต้นถือว่าชีวิตภายหลังตายนั้นเป็นการสืบชีวิตอยู่ในโลกต่อไปเรื่อย ๆ.” เดอะ จูวิช เอ็นไซโคลพีเดีย ชี้ถึงความเกี่ยวข้องระหว่างศาสนาเก่าแก่เหล่านี้กับพลาโต เมื่อพูดว่าพลาโตเกิดความคิดเรื่องจิตวิญญาณอมตะ “โดยลัทธิอันลึกลับของกรีกและความลึกลับแห่งอิเลอุสซิเนียนซึ่งเป็นการประสมประสานความคิดของชาวบาบูโลนและอียิปต์อย่างไม่น่าเชื่อ.”
22. ทำไมจึงอาจกล่าวได้ว่าการเพาะคำสอนเรื่องจิตวิญญาณอมตะมีมาตั้งแต่เริ่มประวัติศาสตร์มนุษย์แล้ว?
22 ด้วยเหตุนี้ ความคิดเห็นเรื่องจิตวิญญาณอมตะมีมานานแล้ว. อันที่จริง ต้นตอของเรื่องนี้นับถอยหลังไปจนถึงยุคเริ่มประวัติศาสตร์มนุษย์เลยทีเดียว! หลังจากอาดามรับทราบว่าตนจะตายหากไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่ก็ได้มีการบอกทัศนะที่ตรงกันข้ามแก่ฮาวาภรรยาของอาดาม. นางได้รับฟังว่า “เจ้าจะไม่ตายจริงดอก.” การเพาะหลักคำสอนว่าด้วยจิตวิญญาณอมตะเริ่มขึ้นแล้วในครั้งกระโน้น. แล้วจากนั้นเรื่อยมาวัฒนธรรมสมัยต่าง ๆ ก็ได้รับเอาทัศนะแบบนอกรีตที่เชื่อว่า ‘ท่านจะไม่ตายจริง ๆ แต่จะมีชีวิตอยู่เรื่อยไป.’ ทั้งนี้รวมเอาคริสต์ศาสนจักรซึ่งได้นำศาสนิกชนให้กลายเป็นคนออกหากและขัดขวางพระทัยประสงค์และจุดมุ่งหมายของพระเจ้า.—เยเนซิศ 3:1-5; มัดธาย 7:15-23; 13:36-43; กิจการ 20:29, 30; 2 เธซะโลนิเก 2:3, 7.
23. ใครได้ปลูกฝังคำสอนเรื่องจิตวิญญาณอมตะ และทำไม?
23 ใครเป็นผู้ชักจูงมนุษย์ให้เชื่อคำมุสานั้น? พระเยซูได้ชี้ตัวผู้นั้นเมื่อตรัสแก่ผู้นำศาสนาสมัยของพระองค์ว่า “ท่านทั้งหลายมาจากมารซึ่งเป็นพ่อของท่าน. และท่านใคร่จะทำตามความปรารถนาของพ่อของท่าน. . . . เมื่อมันพูดมุสา มันก็พูดแต่ตัวมันเอง ด้วยว่ามันเป็นช่างมุสาและเป็นพ่อของการมุสานั้น.” (โยฮัน 8:44) ใช่แล้ว ซาตานนั้นเองได้เพาะความคิดเรื่องจิตวิญญาณอมตะเพื่อชักพาผู้คนให้ละจากการนมัสการแท้. ฉะนั้น แนวคิดของคนเราและความหวังสำหรับอนาคตจึงถูกนำไปในทางผิด โดยการเชื่อคำสอนสืบมาจากการมุสาครั้งแรกที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล แม้ว่าครั้งนั้นฮาวาเข้าใจคำพูดของงูเพียงแต่ว่าตัวเธอคงจะไม่ตายในเนื้อหนัง.
24. อาจมีคำถามอะไรที่เหมาะสมเกี่ยวด้วยชีวิตนิรันดร์และความเป็นอมตะ?
24 คัมภีร์ไบเบิลไม่สอนเรื่องมนุษย์มีจิตวิญญาณอมตะ. เช่นนั้นแล้วไฉนจึงพูดถึงความหวังจะได้ชีวิตนิรันดร์? ยิ่งกว่านั้น พระธรรม 1 โกรินโธ 15:53 กล่าวไว้มิใช่หรือว่า “ซึ่งจะเปื่อยเน่านี้ต้องสวมซึ่งจะเปื่อยเน่าไม่ได้”? และพระเยซูไม่ได้เสด็จสู่สวรรค์ภายหลังการฟื้นคืนพระชนม์หรอกหรือ และพระองค์ไม่ทรงสอนหรือว่าจะมีคนอื่นไปสวรรค์เช่นกัน? คำถามเหล่านี้และอื่น ๆ อีกจะได้นำขึ้นมาพิจารณาในบทความถัดไป.
คำถามสำหรับทบทวน
▫ ศาสนาส่วนใหญ่เชื่ออย่างไรเรื่องจิตวิญญาณ?
▫ พระคัมภีร์แสดงให้เห็นอย่างไรว่ามนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างให้มีจิตวิญญาณอมตะ?
▫ จากวิธีใช้คำฮีบรูและกรีกที่ได้รับการแปลเป็น “จิตวิญญาณ” ทำให้อะไรแจ่มชัดขึ้น?
▫ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้พูดอย่างไรเกี่ยวกับแง่คิดในคัมภีร์ไบเบิลเรื่องจิตวิญญาณ?
▫ คำสอนเรื่องจิตวิญญาณอมตะย้อนหลังไปนานแค่ไหนในประวัติศาสตร์?
[รูปภาพหน้า 20]
ทั้งหมดนี้เป็นจิตวิญญาณ