‘มีชีวิตอยู่โดยคำนึงถึงวันของพระยะโฮวาเสมอ’
เล่าโดย ลิล รึช
ตั้งแต่ผมจำความได้ การดำเนินชีวิตครอบครัวของเรารวมจุดอยู่ที่ความเชื่อเข้มแข็งที่ว่า โลกใหม่ที่มีแต่ความชอบธรรมจะมีมา. คุณพ่อคุณแม่จะอ่านจากคัมภีร์ไบเบิลให้ลูก ๆ ฟังเกี่ยวกับเรื่อง ‘ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่’ รวมทั้งเรื่อง ‘นางโคกับหมีจะเป็นเพื่อนกัน สิงโตจะกินฟางเป็นอาหารเหมือนโคผู้ และเด็กเล็ก ๆ จะเป็นผู้เลี้ยงผู้นำ.’ ท่านทำให้เรื่องนี้ดูเป็นจริงเป็นจัง กระทั่งผมจินตนาการตัวเองเป็นเด็กเล็ก ๆ คนนั้น.—2 เปโตร 3:11-13; ยะซายา 11:6-9.
ในช่วงทศวรรษปี 1890 คุณปู่ของผม ท่านชื่อ ออกัสต์ รึช ได้เรียนความจริงขั้นพื้นฐานของคัมภีร์ไบเบิลโดยการโต้ตอบจดหมายกับชาร์ลส์ ที. รัสเซลล์. ท่านประกาศอย่างกว้างขวางทั้งในและรอบ ๆ ท้องถิ่นของท่านซึ่งเป็นเขตทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคนาดา ปัจจุบันคือเมืองยอร์กทัน มณฑลซาสแกตเชวัน. คุณพ่อแนะลูกชายซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า “ลูก คอยสังเกตดูปี 1914 ให้ดีนะ!” ความเชื่ออย่างมั่นคงว่าวันของพระยะโฮวาคืบใกล้เข้ามาเร้าใจคุณพ่อของผมให้ท่านมีจิตสำนึกถึงความเร่งด่วนซึ่งคงอยู่ตลอดชีวิตของท่าน และซึ่งได้เป็นแนวทางชีวิตสำหรับผม.
คุณพ่อกับคุณแม่เป็นแบบอย่างในเรื่องการมีน้ำใจต้อนรับแขก. กลุ่มการศึกษาพระคัมภีร์ของประชาคมซาสกาทูน ซาสแกตเชวันมีการประชุมประจำที่บ้านของเรา. ผู้ดูแลเดินทาง (เรียกว่าพิลกริม) พักที่บ้านของเราบ่อย ๆ. เวิร์นน้องชายและเวอราน้องสาวกับผมได้รับผลดีทางด้านวิญญาณ. เรามีความรู้สึกถึงความจริงเกี่ยวกับข่าวราชอาณาจักรอยู่เสมอและสำนึกถึงความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะบอกข่าวนั้นกับคนอื่น ๆ. (มัดธาย 24:14) ผมไม่ตระหนักว่าหลายปีข้างหน้าผมจะใช้ชีวิตส่วนมากเพื่อทำงานต่อจากบรรดาพิลกริมเหล่านี้โดยการรับใช้เป็นผู้ดูแลเดินทางของพยานพระยะโฮวา.
ในปี 1927 คุณพ่ออพยพครอบครัวไปอยู่ที่เบิร์คลีย์ แคลิฟอร์เนีย. ต่อมาในปี 1933 ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำที่สุด ผมจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย. ผมกับเวิร์นน้องชายรู้สึกว่าตนเองประสบโอกาสดีที่ได้งานทำที่โรงงานผลิตรถยนต์ฟอร์ดในเมืองริชมอนด์ แคลิฟอร์เนียร์. อย่างไรก็ดี วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิปี 1935 ผมตรึกตรองดูว่า ‘ถ้าผมจะต้องทำงานหนัก ผมน่าจะทำงานหนักในสิ่งที่คุ้มค่า.’ วันนั้นเองผมได้เขียนจดหมายลาออก และวันรุ่งขึ้นผมเขียนใบสมัครเพื่อทำงานรับใช้ที่เบเธลอันเป็นสำนักงานใหญ่ของพยานพระยะโฮวาอยู่ ณ บรุคลิน นิวยอร์ก. หลังจากที่เข้าร่วมการประชุมภาคที่น่าตื่นเต้นในวอชิงตัน ดี. ซี. เดือนมิถุนายน ปี 1935 ผมถูกรับเข้าทำงานที่เบเธล.
การรับใช้ที่เบเธล
นาธาน นอร์ ผู้ดูแลโรงงาน จัดให้ผมทำงานอยู่ในแผนกบำรุงรักษาอาคาร. ผมเป็นเจ้าหน้าที่ประจำการเพียงคนเดียว. ในฐานะเป็นหนุ่มวัย 20 ปี ผมจึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญมาก. ผมไปไหนมาไหนทั่วโรงงานได้ และไม่มีใครมาถามว่าผมกำลังทำอะไรอยู่. บราเดอร์นอร์พอใจกับการทำงานของผม แต่ท่านสังเกตเห็นปัญหาด้านทัศนคติ. ท่านมุ่งมั่นแก้ไขผมอย่างไม่ลดละเพื่อให้ผมพัฒนาความถ่อมใจมากขึ้น.
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาหนึ่งผ่านไปก่อนที่ผมจะตระหนักว่าบราเดอร์นอร์พยายามจะช่วยผมจริง ๆ. ดังนั้น ผมจึงขอโทษสำหรับท่าทีของผมและแสดงความตั้งใจที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น. นั่นเป็นตอนเริ่มต้นแห่งมิตรภาพอันยาวนานและอบอุ่นกับบราเดอร์นอร์ ซึ่งได้เป็นนายกสมาคมคนที่สามของสมาคมวอชเทาเวอร์ ในเดือนมกราคมปี 1942.
นอกจากทำงานแผนกบำรุงรักษา ผมเรียนรู้วิธีควบคุมเครื่องจักรต่าง ๆ ส่วนมากในแผนกเย็บเล่มหรือช่วยทำงานกับเครื่องจักรเหล่านั้น. ในเวลาต่อมา ผมทำงานในสำนักงาน เขียนและส่งใบสั่งงานไปทั่วโรงงาน. ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนปี 1943 เป็นเวลาที่น่าตื่นเต้นและวุ่นวายเป็นพิเศษ. โลกอยู่ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง และพยานพระยะโฮวาต้องทนกับการก่อกวน การจับกุม และถูกจำคุกด้วยข้อกล่าวหานานาที่ไม่เป็นธรรม. ปี 1940 ศาลสูงสุดของสหรัฐชี้ขาดว่าโรงเรียนต่าง ๆ เรียกร้องให้นักเรียนเคารพธงชาติได้. นี้ก่อให้เกิดคลื่นแห่งความรุนแรงใน 44 รัฐ จากที่มีอยู่ 48 รัฐ. ลูก ๆ ของพยานฯ ถูกไล่ออกจากโรงเรียน บิดามารดาถูกจับ และฝูงชนขับไล่พยานฯ ออกจากเมือง. บางคนถูกยิง บางคนถูกทาด้วยน้ำมันดินและคลุกขนนก.
ขณะที่พยานพระยะโฮวาดำเนินการสู้คดีในศาล เอกสารแก้ต่าง รวมทั้งเอกสารต่าง ๆ ที่ทำขึ้นโดยแผนกกฎหมายของสมาคม ผ่านมายังแผนกของผมเพื่อทำการพิมพ์. พวกเราทุกคนทำงานล่วงเวลานานหลายชั่วโมงเพื่อทำให้เสร็จตามกำหนดเวลา. ผลจากการตัดสินของศาลสูงสุดในเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายนปี 1943—12 ใน 13 คดีพยานพระยะโฮวาเป็นฝ่ายชนะ—คดีเหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งแห่งบันทึกทางประวัติศาสตร์ด้านกฎหมาย. ผมรู้สึกขอบพระคุณพระยะโฮวาที่มีโอกาสได้เห็นด้วยตนเองถึงวิธีที่พระยะโฮวาทรงเปิดหนทางเพื่อปกป้องข่าวดีและก่อตั้งรากฐานของข่าวดีอย่างมั่นคงตามกฎหมาย.—ฟิลิปปอย 1:7.
โรงเรียนการรับใช้ตามระบอบการของพระเจ้า
ในยุคนั้นเราไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างที่ควรในบางด้านเพื่อทำให้สำเร็จตามคำพยากรณ์ในมัดธาย 24:14 ซึ่งพูดถึงการงานอันใหญ่โตที่ว่า ‘ประกาศข่าวดีแห่งราชอาณาจักรนี้ทั่วแผ่นดินโลก ก่อนจุดอวสานจะมาถึง.’ บราเดอร์นอร์ นายกสมาคม มองเห็นความจำเป็นที่จะจัดโครงการการศึกษาอบรมขึ้น. ผมพร้อมกับสมาชิกครอบครัวเบเธลผู้ชายบางคนได้รับเชิญให้เข้าเรียนใน “หลักสูตรเพิ่มเติมสำหรับการรับใช้ตามระบอบการของพระเจ้า.” ในที่สุด หลักสูตรนี้ได้พัฒนาเป็นโรงเรียนตามระบอบการของพระเจ้าซึ่งได้นำมาปฏิบัติในประชาคมต่าง ๆ แห่งพยานพระยะโฮวานับตั้งแต่ปี 1943.
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 1942 พวกเราพบกันที่ห้องประชุมของครอบครัวเบเธลในคืนวันจันทร์ และบราเดอร์นอร์เป็นผู้ให้คำบรรยายแนะนำครั้งแรก. หัวเรื่องที่เขาบรรยายคือ “ต้นฉบับของคัมภีร์ไบเบิล.” บราเดอร์ ที. เจ. ซัลลิแวนเป็นผู้ดูแลโรงเรียนและเขาให้คำแนะนำเพื่อช่วยเราในการปรับปรุงความสามารถ. ในเวลาต่อมา ผมได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลโรงเรียนของเบเธล ซึ่งผมถือว่านี้เป็นสิทธิพิเศษอย่างใหญ่หลวง. แต่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมต้องได้รับการตีสอน.
ในการให้คำแนะนำแก่พี่น้องชายที่สูงอายุ ผมวิจารณ์มากเกินไปและติอย่างไม่ไว้หน้า ดังนั้น บราเดอร์นอร์จึงพูดกับผมตรง ๆ เลยว่า “คงไม่มีใครชอบหากคุณใช้อำนาจด้วยกิริยาที่ไม่น่าดู.” พอท่านอธิบายเรื่องราวอย่างชัดเจนและผมรู้สึกอายจนหน้าแดง ตาสีน้ำตาลกลมโตของบราเดอร์นอร์ดูอ่อนโยน. ด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล ท่านอ่านที่บทเพลงสรรเสริญ 141:5 “ขอให้คนชอบธรรมเฆี่ยนตีข้าพเจ้า จะเป็นคุณ และให้เขาตักเตือนข้าพเจ้า จะเป็นเหมือนน้ำมันชโลมศีรษะของข้าพเจ้า อย่าให้ศีรษะของข้าพเจ้าขัดขืนเลย.” ผมใช้ข้อคัมภีร์นี้หลายครั้งเมื่อถึงคราวที่ผมรับผิดชอบในการให้คำแนะนำแก้ไขแก่คนอื่น ๆ.
ก่อนหน้าที่จะเริ่มมีรายการโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบการของพระเจ้า ในพวกเรามีไม่กี่คนที่มีโอกาสพูดในที่สาธารณะบ่อย ๆ. เมื่อบราเดอร์รัทเธอฟอร์ดเสียชีวิต บราเดอร์นอร์ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อจะพัฒนาความสามารถของท่านในการบรรยาย. ห้องของผมที่เบเธลอยู่ชั้นล่างตรงกับห้องของท่าน ดังนั้น ผมจึงได้ยินท่านฝึกการกล่าวคำปราศรัย. ท่านอ่านออกเสียงดังเป็นสิบ ๆ เที่ยวสำหรับคำบรรยายสาธารณะเรื่อง “สันติภาพ—จะยืนนานไหม?” ก่อนท่านบรรยายที่การประชุมภาคในคลีฟแลนด์ในปี 1942.
ช่วงเวลาที่เดินทาง
หลังจากที่รับใช้ในเบเธลเป็นเวลา 13 ปี บราเดอร์นอร์มอบหมายให้ผมออกไปรับใช้ในเขตทำงานฐานะเป็นผู้ดูแลภาค. บราเดอร์นอร์ให้ข้อแนะสั้น ๆ สำหรับการมอบหมายใหม่ว่า “ลิล ตอนนี้จะได้เห็นวิธีที่พระยะโฮวาทรงปฏิบัติต่อไพร่พลของพระองค์ด้วยตัวคุณเอง.” ผมจำคำพูดนี้ไว้ในใจขณะที่สองมือก็หิ้วกระเป๋าเดินทาง ผมเริ่มงานฐานะผู้ดูแลเดินทางในวันที่ 15 พฤษภาคมปี 1948. ก่อนจะเริ่มงานเป็นผู้ดูแลภาค ผมรับใช้ในฐานะผู้ดูแลหมวดเป็นเวลาสองสามเดือน.
หมู่คณะหรือประชาคมแห่งแรกที่ผมรับใช้เป็นเขตชนบทเล็กในเมืองวาเซกา รัฐมินเนโซตา. ผมเขียนจดหมายล่วงหน้าถึงดิค เคน ผู้รับใช้หมู่คณะ (ดังที่ผู้ดูแลผู้เป็นประธานถูกเรียกในเวลานั้น) ให้มารับผมที่สถานีรถไฟ. เขาเป็นไพโอเนียร์พิเศษ และเพื่อลดค่าใช้จ่าย เขาพึ่งย้ายออกจากห้องที่เช่าอยู่เมื่อไม่นานมานี้เอง ซึ่งเป็นที่อาศัยของเขาตอนฤดูหนาว มาอยู่ที่พักฤดูร้อนของเขาซึ่งเป็นเต็นท์. อย่างไรก็ตาม ที่มินเนโซตาในเดือนพฤษภาคมไม่ใช่ฤดูร้อนอย่างแน่นอน! ในคืนนั้น ผมนอนหนาวสั่นอยู่ในเต็นท์ และนึกสงสัยว่าตัวผมจะเหมาะกับวิถีชีวิตแบบนี้ไหม. ผมเป็นหวัดอย่างหนักอยู่หลายสัปดาห์ แต่ก็รอดมาได้.
ระหว่างปีแรก ๆ ที่ผมเยี่ยมประชาคมและหมวดต่าง ๆ ผมพักที่บ้านของพี่น้อง และมีชีวิตอยู่ได้ด้วยกระเป๋าเดินทางใบเดียว. ผมมีประสบการณ์กับที่พักทุกรูปแบบ รวมถึงการนอนที่พื้นห้องครัว บนเก้าอี้โซฟา และในห้องใต้หลังคาที่ร้อนและไม่มีการระบายอากาศ. บางครั้งผมพักในบ้านที่สมาชิกของครอบครัวคนหนึ่งต่อต้านความเชื่อของเรา. ในรัฐวิสคอนซิน สามีที่ไม่มีความเชื่อคนหนึ่งจ้องมองผมอยู่ตลอดสัปดาห์นับตั้งแต่ผมมาถึงจนผมจากไป. คืนหนึ่งเมื่อเขากลับมาขณะที่เมาเหล้าอยู่ และผมบังเอิญได้ยินคำพูดเป็นเชิงขู่ของเขาว่า “จะยิงคนนั้น . . . ” ผมจึงตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องไปจากที่นี่. แต่เมื่อเทียบดูแล้ว ประสบการณ์ที่ไม่ดีมีไม่มากนักและเพียงแต่เป็นการเพิ่มรสชาติให้กับงานมอบหมายของผม. สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าขบขันในเวลาต่อมา.
ผมพบเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข
ผมจำเรื่องนี้ได้ดี. ในคราวการประชุมหมวดที่ทิฟฟิน รัฐโอไฮโอ ผมพบกับสุภาพสตรีสาวสวย ตาสีน้ำตาล คือเลโอนา เออร์มัน จากฟอร์ท เวน รัฐอินเดียนา. เธอก็เช่นกัน ได้รับการเลี้ยงดูให้มีความเชื่อแบบคริสเตียน และเป็นไพโอเนียร์ที่ซื่อสัตย์เป็นเวลาหลายปี. การเดินทางอยู่เสมอไม่เปิดโอกาสให้ติดต่อฝากรักได้สะดวก แต่เราติดต่อกันโดยการโต้ตอบจดหมาย. ต่อมา ในปี 1952 ผมถามเธอว่า “คุณจะตกลงไหม?” และเธอก็กล่าวว่า “ค่ะ ฉันตกลง!” และดังนั้นเราจึงแต่งงานกัน. บ่อยครั้งที่มีคนถามเราว่าทำไมเราไม่ตั้งหลักฐานด้วยการมีบ้านและมีครอบครัว แต่เราตอบว่าเรามีครอบครัวอยู่แล้ว—เป็นพี่น้องชายหญิง บิดา และมารดามากมายใน 44 รัฐซึ่งเราได้รับใช้อยู่.—มาระโก 10:29, 30.
บางคนถามว่า ‘คุณไม่เคยรู้สึกเบื่อหรืออยากเลิกงานนี้หรือ?’ เคย ผมรู้สึกอย่างนั้นหลายครั้ง. แต่ในระหว่างเราสองคน หากคนหนึ่งรู้สึกท้อแท้ อีกคนหนึ่งก็จะพยุงขึ้น. ครั้งหนึ่งผมถึงกับเขียนจดหมายถึงเวิร์นน้องชายเพื่อถามว่าเป็นไปได้ไหมที่ผมจะทำงานกับเขาซึ่งเป็นธุรกิจรับทาสี. เขาตอบว่าบ่อยครั้งที่เขารอคอยผมในเรื่องนั้นเพราะเราใกล้ชิดกันมากเมื่อเติบโตมาด้วยกัน. อย่างไรก็ดี เขาแนะให้ผมชั่งดูการตัดสินใจของผมให้ถี่ถ้วนก่อน. แล้วผมก็นึกถึงคำพูดที่บราเดอร์นอร์มักจะพูดกับสมาชิกครอบครัวเบเธลเสมอ ๆ ที่ว่า “ไม่ต้องใช้ความพยายามมากเท่าไรที่จะออกจากงานนี้ แต่ต้องอาศัยความกล้าหาญและความซื่อสัตย์มั่นคงเพื่อจะยึดอยู่กับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย.” คำแนะนำนั้นยังคงใช้การได้อยู่.
ไม่มีผู้ดูแลเดินทางที่สมรสแล้วคนไหนจะยึดมั่นอยู่กับงานที่เขาได้รับมอบหมายเป็นเวลายาวนานได้หากภรรยาไม่ภักดีและคอยเกื้อหนุน อย่างที่เลโอนาได้ทำเช่นนั้นต่อผม. บุคลิกที่อบอุ่นและเปี่ยมด้วยความรักของเธอรวมทั้งอากัปกิริยาที่ร่าเริงอยู่เสมอท่ามกลางประชาคม ทำให้เธอเป็นที่รักของคนนับพัน. ผมไม่เคยเบื่อที่จะบอกเธอว่าผมรักเธอมากสักเพียงไร. และผมก็มั่นใจว่า สิ่งนี้ได้ช่วยเธอให้ยึดมั่นอยู่กับงานรับใช้เช่นกัน.
ได้เห็นพระพรที่มาจากพระยะโฮวา
งานหลักของผู้ดูแลภาครวมจุดอยู่ที่การจัดการประชุมหมวด ซึ่งในแต่ละสัปดาห์เขาจะต้องทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ผู้บรรยายสาธารณะ และผู้ดูแลในโรงเรียน. พระพรที่มาจากพระยะโฮวาเหนือการจัดเตรียมเหล่านี้เห็นได้ชัดจากข้อเท็จจริงที่ว่าในบรรดาการจัดการประชุมหมวดนับร้อย ๆ ครั้งนี้ซึ่งผมเป็นผู้ดูแลนั้น ไม่เคยล้มเลิกแม้แต่ครั้งเดียว. จริง ที่การประชุมบางครั้งก็ได้รับการรบกวน แต่ไม่เคยมีการยกเลิกการประชุมเลย.
ในเมืองวูสเตอร์ รัฐโอไฮโอ ในฤดูใบไม้ผลิปี 1950 ขณะที่ผมประกาศชื่อเพลงปิดการประชุมภาคเย็นของคืนวันเสาร์ ฝูงชนผู้ต่อต้านมากกว่าหนึ่งพันคนรวมตัวกันที่ด้านนอกของโรงภาพยนตร์ซึ่งใช้จัดการประชุมหมวด. พวกเขานำไข่เน่ามาหลายลังเพื่อปาใส่เราเมื่อออกจากที่ประชุม. ดังนั้น เมื่อเราประเมินสถานการณ์แล้วจึงดำเนินการประชุมต่อด้วยการร้องเพลง เล่าประสบการณ์ และจัดคำบรรยายแบบกลอนสดขึ้น. พยานฯ 800 คนอยู่ในความสงบและอดทนต่อไป.
พอถึงตอนตีสอง อากาศหนาวมาก. เจ้าหน้าที่ต้อนรับแขกได้นำสายดับเพลิงออกมาและเริ่มทำความสะอาดทางเดินด้านหน้าที่เต็มไปด้วยไข่เน่าเสมือนว่าเพื่อเตรียมทางออก. ฝูงชนก่อตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยออกมาจากท่าจอดรถเมล์ที่อบอุ่นซึ่งอยู่ใกล้ ๆ. แต่การกระทำของเจ้าหน้าที่ต้อนรับแขกเป็นการเบนความสนใจของพวกเขา และเราให้ผู้ฟังออกจากที่ประชุมอย่างเงียบ ๆ ตรงทางออกด้านหลัง. ทุกคนไปยังรถของตนอย่างปลอดภัย. มีการก่อกวนจากฝูงชนอีก ณ การประชุมหมวดแห่งอื่น ๆ ในรัฐโอไฮโอ ในเมืองแคนตัน เมืองดิไฟอันซ์ และเมืองชิลีกอท. แต่ความรุนแรงจากฝูงชนค่อย ๆ ลดลง เนื่องจากคำตัดสินของศาลสูงสุดแห่งสหรัฐที่เห็นด้วยกับเราเริ่มมีผลต่อผู้ทำผิดกฎหมายเหล่านั้น.
ต่อมาเนื่องจากปัญหาสุขภาพจึงจำต้องมีการเปลี่ยนแปลง. ด้วยเหตุนั้น ตอนกลางปี 1970 ด้วยความกรุณา สมาคมมอบหมายให้เรารับใช้ฐานะผู้ดูแลหมวดในบริเวณตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งประชาคมต่าง ๆ ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันและมีศูนย์การรักษาพยาบาลอยู่พร้อม. ขณะที่หน้าที่ของผู้ดูแลภาคเกี่ยวข้องกับการเดินทางมากกว่า รวมทั้งต้องดูแลและเอาใจใส่หลายหมวด ส่วนหน้าที่ของผู้ดูแลหมวดนั้นเกี่ยวเนื่องกับการจัดการประชุมและการมอบหมายและฝึกซ้อมส่วนต่าง ๆ ของระเบียบวาระ. นอกจากนั้น ต้องจัดเตรียมและรับใช้ในโรงเรียนการรับใช้ประเภทไพโอเนียร์ด้วย. ฉะนั้น งานรับใช้เป็นผู้ดูแลเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลภาคหรือผู้ดูแลหมวด เป็นงานเต็มเวลา และเป็นแนวทางชีวิตที่มีบำเหน็จ.
ยังคงคาดหมายวันของพระยะโฮวาเสมอ
เป็นเวลากว่า 70 ปีมาแล้วนับตั้งแต่ผมเล็ก ๆ เท่าที่จำความได้ ผมตระหนักถึงความเร่งด่วนอยู่ตลอดเวลา. อาร์มาเก็ดดอนอาจเกิดขึ้น ในความคิดของผม ถ้าไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนนี้. (วิวรณ์ 16:14, 16) เช่นเดียวกับคุณพ่อและคุณปู่ของผม ผมใช้ชีวิตตามที่อัครสาวกได้สนับสนุนไว้ที่ว่า “คอยท่าและคำนึงถึงวันของยะโฮวาเสมอ.” ผมรู้สึกอยู่เสมอว่าคำสัญญาเรื่องโลกใหม่ ‘เป็นจริง ถึงแม้ไม่ได้เห็นสิ่งนั้นก็ตาม.’—2 เปโตร 3:11, 12; เฮ็บราย 11:1, ล.ม.
การคาดหมายซึ่งผมได้รับการพร่ำสอนนับตั้งแต่เป็นเด็กมาจะเป็นจริงในไม่ช้า. “นางโคกับหมีจะเป็นเพื่อนกัน” “สิงโตจะกินฟางเป็นอาหารเหมือนโคผู้” และ “เด็กเล็ก ๆ จะเป็นผู้เลี้ยงผู้นำ.” (ยะซายา 11:6-9) คำสัญญาที่อบอุ่นหัวใจนี้ได้รับการรับรองโดยคำตรัสของพระเยซูที่มีต่อโยฮันในพระธรรมวิวรณ์ 21:5 ดังนี้: “พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้นจึงตรัสว่า ‘จงดูเถิด เรากำลังสร้างสิ่งสารพัดขึ้นใหม่.’ และพระองค์ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า ‘จงจารึกไว้เถิด เพราะว่าถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำสุจริตและสัตย์จริง.’
[รูปภาพของ ลิลและเลโอนา รึช หน้า 23]