คัมภีร์ไบเบิลเป็นของประทานจากพระเจ้าจริง ๆ หรือ?
“ข้าพเจ้าเชื่อว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นของประทานดีที่สุดที่พระเจ้าเคยประทานให้แก่มนุษย์.” อับราฮาม ลินคอล์น ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐได้กล่าวถ้อยแถลงนั้น.a ไม่ใช่เขาคนเดียวที่แสดงความหยั่งรู้ค่าต่อหนังสือเก่าแก่เล่มนี้.
วิลเลียม อี. แกลดสโตน รัฐบุรุษอังกฤษในศตวรรษที่ 19 ได้แถลงว่า “คัมภีร์ไบเบิลแสดงลักษณะพิเศษด้วยต้นกำเนิดที่มีคุณสมบัติจำเพาะ และระยะเวลาห่างไกลอันหาที่สุดมิได้นั้นแยกพระคัมภีร์ออกจากหนังสืออื่นใดทั้งมวล.” ด้วยความคิดคล้าย ๆ กัน แพทริก เฮนรี รัฐบุรุษชาวอเมริกันในศตวรรษที่ 18 ได้กล่าวว่า “คัมภีร์ไบเบิลมีคุณค่าเกินกว่าหนังสือทุกประเภทที่เคยพิมพ์ออกมาแล้ว.” เพราะประทับใจเนื่องจากพระคัมภีร์อย่างเห็นได้ชัด นะโปเลียน โบนาปาร์ต จักรพรรดิฝรั่งเศสได้ให้อรรถาธิบายไว้ว่า “คัมภีร์ไบเบิลมิใช่เป็นเพียงหนังสือเท่านั้น แต่ทว่าเป็นผลงานสร้างสรรค์อันมีชีวิตชีวา พร้อมด้วยพลังที่พิชิตทุกคนที่ต่อต้านพระคัมภีร์นั้น.”
สำหรับบางคนแล้ว คัมภีร์ไบเบิลเป็นแหล่งที่มาของความช่วยเหลือและการปลอบโยน. โรเบิร์ต อี. ลี ผู้นำสหพันธรัฐอเมริกัน ได้กล่าวว่า “ตลอดช่วงที่ผมรู้สึกมืดแปดด้านและซึมเศร้า คัมภีร์ไบเบิลไม่เคยพลาดในการให้แสงสว่างและกำลังแก่ผมเลย.” และเนื่องจากความหยั่งรู้ค่าต่อหนังสือเล่มนี้ จอห์น ควินซี แอดัมส์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้กล่าวว่า “ตลอดหลายปีผมทำเป็นนิสัยที่จะอ่านพระคัมภีร์ตั้งแต่ต้นจนจบปีละครั้งทุก ๆ ปี.”
หากพระผู้สูงสุดได้ประทานคัมภีร์ไบเบิลแก่มนุษยชาติแล้ว ก็น่าจะมีหลักฐานที่ว่าพระคัมภีร์ได้รับการดลบันดาลจากพระเจ้า. พระคัมภีร์น่าจะล้ำเลิศกว่าหนังสืออื่นใด. และเพื่อที่พระคัมภีร์จะเป็นแหล่งที่มาอันแท้จริงของกำลังและคำแนะนำแล้ว พระคัมภีร์คงต้องเป็นที่เชื่อถือได้อย่างพร้อมมูล. ดังนั้นแล้ว ยังมีคำถามอยู่ที่ว่า คัมภีร์ไบเบิลเป็นของประทานจากพระเจ้าจริง ๆ ไหม? ขอให้เราค้นหาคำตอบสำหรับคำถามนั้นต่อไป.
[เชิงอรรถ]
a แน่นอน มีของประทานที่ใหญ่ยิ่งกว่า คือพระเยซูคริสต์.—โยฮัน 3:16.
[รูปภาพหน้า 3]
วิลเลียม. อี. แกลดสโตน
[ที่มาของภาพ]
U.S. National Archives photo
อับราฮาม ลินคอล์น
[ที่มาของภาพ]
U.S. National Archives photo
แพทริก เฮนรี
[ที่มาของภาพ]
Harper’s U.S. History
นะโปเลียน โบนาปาร์ต
[ที่มาของภาพ]
Drawn by E. Ronjat
จอห์น ควินซี แอดัมส์
[ที่มาของภาพ]
Harper’s U.S. History
โรเบิร์ต อี. ลี
[ที่มาของภาพ]
U.S. National Archives photo