“เนื่องจากเรามีการรับใช้นี้ . . . เราจึงไม่เลิกเสีย”
เล่าโดย โรนัลด์ เทย์เลอร์
ในฤดูร้อนปี 1963 ผมได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด.ขณะที่ผมกำลังเดินลุยน้ำไปตามชายทะเล ผมเดินย่ำลงไปบนแอ่งทรายที่นิ่มแล้วทรงตัวไม่อยู่และในทันใดก็ถูกซัดลงไปในน้ำที่ลึกมาก. เนื่องจากว่ายน้ำไม่เป็น ผมจึงกำลังจะจมน้ำห่างจากฝั่งเพียงสองสามเมตร. ตอนที่เพื่อนคนหนึ่งเห็นเหตุการณ์ที่เกิดกับผม และดึงผมมาที่ชายหาดนั้น ผมได้จมลงไปแล้วสามครั้งและกลืนน้ำทะเลเข้าไปหลายอึก. เนื่องจากมีการผายปอดอย่างฉับไว ผมจึงรอดชีวิตมาได้.
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้มาหยั่งเห็นความสำคัญของการไม่เลิกรา—แม้ว่าสิ่งต่าง ๆ ดูจะสิ้นหวังก็ตาม. ตั้งแต่เล็ก ผมต้องต่อสู้เพื่อชีวิตทางฝ่ายวิญญาณ.
ผมได้มาสัมผัสกับความจริงฝ่ายคริสเตียนในช่วงเวลาที่มืดมนของสงครามโลกครั้งที่สอง. ผมเป็นเด็กคนหนึ่งในหลายพันคนซึ่งถูกอพยพจากลอนดอนเพื่อหนีอันตรายของการโจมตีทิ้งระเบิด. เนื่องจากผมมีอายุเพียง 12 ปี สงครามจึงไม่ได้มีความหมายกับผมมากเท่าไร เป็นเหมือนการผจญภัยมากกว่า.
คู่สมรสสูงอายุในเวสตันซูเปอร์แมร์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ เอาใจใส่ดูแลผม. ไม่นานหลังจากที่ผมได้มาถึงบ้านของเขา ผู้เผยแพร่ประเภทไพโอเนียร์บางคนเริ่มมาเยี่ยมเรา. นั่นคือครอบครัวฮาร์กรีฟส์ พวกเขาทั้งสี่คนคือ เรจ, แมบส์, พาเมลา, และวาเลรี เป็นไพโอเนียร์พิเศษ. บิดามารดาที่อุปการะผมได้ตอบรับความจริง และหลังจากศึกษาหนังสือพิณของพระเจ้า (ภาษาอังกฤษ) ผมก็เช่นกันได้ตัดสินใจที่จะรับใช้พระยะโฮวา. เพียงหกสัปดาห์ต่อมา ผมถูกเชิญให้ร่วมในงานเผยแพร่.
ผมยังคงจำได้ถึงวันแรกที่ออกไปประกาศ. โดยไม่มีการเตรียมตัวแต่อย่างใด มีคนให้หนังสือเล่มเล็กผมบางเล่มและบอกว่า “คุณทำไปตามฟากนั้นของถนนนะ.” และนั่นเป็นประสบการณ์ที่ผมมีในวันแรกของงานเผยแพร่. ในเวลานั้นเรามักจะประกาศโดยใช้เครื่องเล่นจานเสียงซึ่งบรรจุคำเทศน์ต่าง ๆ ที่ดึงดูดใจ. ช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดก็คือตอนที่ผมสามารถหิ้วเครื่องเล่นจานเสียงไปตามบ้านและเปิดคำบรรยายที่บันทึกไว้. ผมถือว่าเป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่ถูกใช้ในวิธีนั้น.
ผมให้คำพยานมากทีเดียวที่โรงเรียน และผมจำได้ว่าได้จำหน่ายหนังสือเกี่ยวกับสาระสำคัญในคัมภีร์ไบเบิลชุดหนึ่งให้กับครูใหญ่. เมื่ออายุ 13 ปี ผมรับบัพติสมาในอ่างอาบน้ำ ณ การประชุมใหญ่ที่จัดขึ้นใกล้ ๆ. การประชุมใหญ่อีกคราวหนึ่งในสมัยสงครามที่ผมจะไม่มีวันลืมก็คือการประชุมที่จัดขึ้นในเมืองเลสเตอร์เมื่อปี 1941 ณ หอประชุม เดอ มงต์ฟอร์ต. ผมขึ้นไปบนเวทีเพื่อรับหนังสือบุตร (ภาษาอังกฤษ) หนึ่งเล่ม ซึ่งบรรจุสาสน์ส่วนตัวจากบราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ด ซึ่งในเวลานั้นเป็นนายกสมาคมของว็อช เทาเวอร์. คำบรรยายที่เร้าใจซึ่งให้กับเยาวชนทั้งหมด ณ ที่นั่นเสริมความปรารถนาของผมให้แรงกล้ายิ่งขึ้นที่จะรับใช้พระยะโฮวาตลอดไป.
ด้วยเหตุนี้ ผมใช้เวลาสองปีอย่างมีความสุขเติบโตขึ้นในความจริงกับบิดามารดาที่อุปการะผม. แต่เมื่ออายุ 14 ปี ผมต้องกลับไปที่ลอนดอนและเริ่มทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ. แม้ว่าผมได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวของผมอีก แต่ตอนนี้ผมต้องช่วยตัวเองทางฝ่ายวิญญาณ เนื่องจากไม่มีใครที่บ้านมีความเชื่อเหมือนผม. ไม่ช้าพระยะโฮวาทรงจัดเตรียมความช่วยเหลือที่ผมต้องการ. เพียงสามสัปดาห์หลังจากที่ผมได้มาถึงลอนดอน บราเดอร์คนหนึ่งมาหาผมที่บ้านเพื่อขออนุญาตคุณพ่อพาผมไปหอประชุมท้องถิ่น. เขาคือจอห์น บารร์ ซึ่งปัจจุบันเป็นสมาชิกคณะกรรมการปกครองของพยานพระยะโฮวา. เขาเป็น “บิดา” ฝ่ายวิญญาณคนหนึ่งของผมในช่วงวัยรุ่นที่วิกฤตินั้น.—มัดธาย 19:29.
ผมเริ่มเข้าร่วมกับประชาคมแพ็ดดิงตัน ซึ่งตั้งอยู่ที่เครเวน เทอร์เรซ อยู่ติดกับบ้านเบเธลลอนดอน. เนื่องจากผมเป็น “ลูกกำพร้า” ฝ่ายวิญญาณ “ปาปา” ฮัมฟรีส์ บราเดอร์สูงอายุที่ถูกเจิมคนหนึ่ง ได้รับมอบหมายให้เอาใจใส่ผมเป็นพิเศษ. เป็นพระพรอันใหญ่ยิ่งแน่นอนที่สามารถคบหากับพี่น้องชายและหญิงที่ถูกเจิมหลายคนซึ่งรับใช้ในประชาคมนั้น. คนเหล่านั้นในพวกเราซึ่งมีความหวังทางแผ่นดินโลก—ถูกเรียกว่า “โยนาดาบ”—มีจำนวนน้อย. ที่จริง ผมเป็น “โยนาดาบ” เพียงคนเดียวในกลุ่มการศึกษาหนังสือประจำประชาคมที่ผมเข้าร่วม. แม้ว่าผมไม่ได้คบหามากกับคนที่อยู่ในรุ่นเดียวกัน แต่มิตรภาพอันล้ำค่ากับพี่น้องที่อาวุโสนั้นได้สอนบทเรียนหลายอย่างที่มีประโยชน์ให้กับผม. บางทีบทเรียนสำคัญที่สุดก็คือบทเรียนเรื่องการไม่ละทิ้งการรับใช้พระยะโฮวา.
ในสมัยนั้นเราใช้วันสุดสัปดาห์ทั้งหมดทำงานประกาศ. ผมได้รับมอบหมายให้เอาใจใส่ “รถกระจายเสียง” ซึ่งที่จริงแล้วก็เป็นรถจักรยานสามล้อที่ถูกดัดแปลงให้ติดอุปกรณ์เครื่องเสียงและแบตเตอรี่รถยนต์. ทุกวันเสาร์ผมเดินทางโดยรถสามล้อและไปที่หัวมุมถนนหลายแห่ง ที่ซึ่งเราจะเปิดเพลงจากเครื่องเล่นจานเสียงก่อนและแล้วก็เปิดคำบรรยายสักเรื่องหนึ่งของบราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ด. ทุกวันเสาร์เช่นกันมีการจัดการประกาศตามถนนด้วยถุงผ้าใส่วารสารของเรา. ทุกวันอาทิตย์เราทุ่มเทให้กับงานประกาศตามบ้าน เสนอหนังสือเล่มเล็กและหนังสือปกแข็ง.
การคบหากับพี่น้องสูงวัยกว่าที่กระตือรือร้นได้จุดประกายความปรารถนาของผมในการเป็นไพโอเนียร์. ความปรารถนานี้แรงกล้ายิ่งขึ้นเมื่อผมได้ฟังคำบรรยายเกี่ยวกับการเป็นไพโอเนียร์ ณ การประชุมภาค. การประชุมภาคคราวหนึ่งที่มีผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตของผมก็คือการประชุมที่จัดขึ้นที่เอิร์ลส คอร์ต ลอนดอน ในปี 1947. สองเดือนต่อมา ผมสมัครเป็นไพโอเนียร์ และผมพากเพียรรักษาน้ำใจไพโอเนียร์ไว้ตั้งแต่นั้นมา. ความชื่นชมยินดีที่ผมได้รับจากการนำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่ก้าวหน้าหลายรายเป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง.
เจ้าสาวชาวสเปนและงานมอบหมายในสเปน
ในปี 1957 ขณะที่ยังรับใช้เป็นไพโอเนียร์ร่วมกับประชาคมแพ็ดดิงตัน ผมได้พบซิสเตอร์ชาวสเปนที่น่ารักชื่อราฟาเอลา. หลังจากนั้นไม่กี่เดือน เราแต่งงานกัน. เป้าหมายของเราคือเป็นไพโอเนียร์ด้วยกัน แต่ก่อนอื่นเราไปที่มาดริดเพื่อเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ของราฟาเอลา. เป็นการไปเยือนที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของผม. ขณะที่เราอยู่ในมาดริด บราเดอร์เรย์ ดูซินเบอร์รี ผู้ดูแลสาขาของสเปน ถามผมว่าเราคิดจะรับใช้ในสเปนบ้างไหม ซึ่งมีความต้องการพี่น้องชายที่มีประสบการณ์เป็นอย่างยิ่ง.
เราจะปฏิเสธการเชื้อเชิญเช่นนั้นได้อย่างไร? ด้วยเหตุนี้ ในปี 1958 เราได้เริ่มงานรับใช้เต็มเวลาด้วยกันในสเปน. เวลานั้นประเทศสเปนอยู่ภายใต้การปกครองของนายพลฟรังโก และกิจกรรมของเราไม่เป็นที่ยอมรับตามกฎหมาย ซึ่งทำให้งานเผยแพร่ทำด้วยความยากลำบากมาก. ยิ่งกว่านั้น ผมต้องเพียรพยายามอย่างหนักที่จะเรียนรู้ภาษาสเปนช่วงสองสามปีแรก. อีกครั้งหนึ่ง นั่นเป็นสภาพการณ์ของการไม่เลิกรา แม้ว่าผมได้ร้องไห้มากกว่าหนึ่งครั้งเนื่องจากความคับข้องใจอันเหลือที่จะทนที่ไม่สามารถสื่อความกับพี่น้องในประชาคมได้.
ความต้องการสำหรับผู้ดูแลมีมากจนถึงขนาดที่ว่า แม้ผมแทบจะพูดภาษาสเปนไม่ได้เลย แต่ภายในเดือนเดียว ผมต้องเอาใจใส่กลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง. เนื่องจากลักษณะงานของเราเป็นแบบลับ ๆ พวกเราจึงถูกจัดออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ หลายกลุ่มประกอบด้วยผู้ประกาศตั้งแต่ 15 ถึง 20 คน ซึ่งก็ปฏิบัติงานเหมือนประชาคมเล็ก ๆ. แรก ๆ ที่นำการประชุม ผมเป็นทุกข์กังวลมาก เนื่องจากไม่สามารถเข้าใจคำตอบจากผู้ฟังได้ตลอด. อย่างไรก็ตาม ภรรยาผมนั่งที่ด้านหลัง และถ้าเธอสังเกตเห็นผมสับสน เธอจะพยักหน้าอย่างมีปฏิภาณเพื่อรับรองว่าคำตอบนั้นถูกต้องแล้ว.
ผมไม่มีพรสวรรค์ในด้านภาษา และหลายครั้งผมคิดอยากจะกลับไปอังกฤษ ที่ซึ่งผมสามารถทำทุกสิ่งได้ง่ายกว่านี้มาก. กระนั้น ตั้งแต่แรก ความรักและมิตรภาพของพี่น้องชายและหญิงชาวสเปนที่รักของเราได้ชดเชยความคับข้องใจของผมในด้านภาษา. และพระยะโฮวาอวยพระพรให้ผมมีสิทธิพิเศษที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนคุ้มค่า. ในปี 1958 ผมถูกเชิญให้เข้าร่วมการประชุมนานาชาติในนิวยอร์กฐานะเป็นตัวแทนจากสเปน. ครั้นแล้วในปี 1962 ผมเข้ารับการอบรมที่ประมาณค่าไม่ได้ในโรงเรียนพระราชกิจที่จัดขึ้นสำหรับเราในเมืองแทนเจียร์ โมร็อกโก.
ปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่ผมเผชิญ นอกจากด้านภาษาแล้ว ก็คือความกังวลอยู่เรื่อยว่าจะถูกตำรวจจับ. ในฐานะคนต่างชาติ ผมทราบว่าการถูกจับจะหมายถึงการถูกขับออกนอกประเทศโดยปริยาย. เพื่อเสี่ยงให้น้อยที่สุด เราจึงทำงานเป็นคู่. ขณะที่คนหนึ่งกำลังให้คำพยาน อีกคนหนึ่งจะคอยฟังว่ามีสัญญาณอันตรายใด ๆ ไหม. หลังจากเยี่ยมหนึ่งหรือสองบ้านแล้ว ซึ่งมักจะเป็นชั้นบนสุดของตึกอพาร์ตเมนต์ เราจะไปสองหรือสามร้อยเมตรถัดไปและเยี่ยมอีกสองหรือสามบ้าน. เราใช้คัมภีร์ไบเบิลเป็นส่วนใหญ่ และเราเอาหนังสือเล่มเล็กไปเพียงไม่กี่เล่มซุกไว้ในเสื้อคลุมของเราเพื่อเสนอแก่ผู้สนใจ.
หลังจากหนึ่งปีในมาดริด เราถูกมอบหมายไปที่วิโก เมืองใหญ่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน ซึ่งไม่มีพยานฯเลย. เดือนแรก สมาคมฯแนะนำว่าให้ภรรยาผมเป็นฝ่ายให้คำพยานเสียส่วนใหญ่—เพื่อทำให้ตายใจว่าเราเยี่ยมในฐานะนักท่องเที่ยว. ทั้งที่วิธีการเข้าหาประชาชนเป็นแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ แต่งานเผยแพร่ของเราก็ยังเป็นที่ดึงดูดความสนใจ. ภายในเดือนเดียวบาทหลวงคาทอลิกเริ่มกล่าวหาเราทางวิทยุ. พวกเขาเตือนสมาชิกของเขาว่า สามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังไปตามบ้านพูดเรื่องคัมภีร์ไบเบิลซึ่งเกือบจะเป็นหนังสือต้องห้ามในเวลานั้น. “คู่สมรสที่ตำรวจต้องการตัว” นั้นเป็นชาวต่างชาติกับภรรยาชาวสเปนซึ่งเธอเป็นฝ่ายพูดเสียเกือบทั้งหมด!
บาทหลวงประกาศว่าเพียงแค่พูดกับสองคนที่อันตรายนี้ก็เป็นบาปซึ่งจะได้รับการให้อภัยก็ต่อเมื่อได้สารภาพบาปทันทีกับบาทหลวงเท่านั้น. และแน่นอนทีเดียว ณ ตอนสิ้นสุดของการสนทนาอันน่าพอใจที่เรามีกับสุภาพสตรีคนหนึ่ง เธอบอกเราเป็นเชิงขอโทษว่า เธอจะต้องไปสารภาพบาป. เมื่อเราออกจากบ้านของเธอ เราเห็นเธอรีบมุ่งตรงไปที่โบสถ์.
การขับออกนอกประเทศ
เพียงสองเดือนหลังจากที่มาถึงเมืองวิโก เราก็ถูกตำรวจรวบตัว. ตำรวจที่จับเรามีความเห็นอกเห็นใจและจึงไม่ได้ใส่กุญแจมือเราระหว่างทางไปสถานีตำรวจ. ที่สถานีตำรวจเราเห็นคนหนึ่งหน้าคุ้น ๆ เป็นพนักงานพิมพ์ดีดซึ่งเราเคยให้คำพยานเมื่อเร็ว ๆ นี้. เห็นชัดว่า เธอรู้สึกอึดอัดใจที่เห็นเราได้รับการปฏิบัติเยี่ยงอาชญากรและรีบยืนยันกับเราว่าเธอไม่ได้ฟ้องตำรวจ. ถึงกระนั้น เราถูกกล่าวหาว่าเป็นภัยต่อ “เอกภาพฝ่ายวิญญาณของสเปน” และหกสัปดาห์หลังจากนั้นเราถูกขับออกนอกประเทศ.
นี่เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่ง แต่เราตั้งใจจะไม่เลิกรา. ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำบนคาบสมุทรไอบีเรีย. หลังจากสามเดือนในแทนเจียร์ เราถูกมอบหมายให้ไปที่ยิบรอลตาร์—อีกเขตหนึ่งซึ่งไม่เคยมีการเผยแพร่มาก่อน. ดังที่อัครสาวกเปาโลกล่าวไว้ ถ้าเราเห็นคุณค่างานรับใช้ของเรา เราจะทำงานต่อ ๆ ไปและจะได้รับบำเหน็จ. (2 โกรินโธ 4:1, 7, 8) เรื่องนี้ปรากฏว่าเป็นจริงในสภาพการณ์ของเรา. ณ บ้านแรกเลยทีเดียวที่เราเยี่ยมในยิบรอลตาร์ เราเริ่มการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับครอบครัวหนึ่งทั้งครอบครัว. ไม่ช้า เรานำการศึกษาคนละ 17 ราย. หลายคนที่เราศึกษาด้วยได้มาเป็นพยานฯ และในเวลาสองปีมีประชาคมที่มีผู้ประกาศ 25 คน.
แต่เช่นเดียวกับที่วิโก บาทหลวงเริ่มรณรงค์ต่อต้านเรา. บิชอปนิกายแองกลิกันแห่งยิบรอลตาร์เตือนสารวัตรใหญ่ว่า เราเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” และในที่สุดการวิ่งเต้นของเขาก็ได้ผล. ในเดือนมกราคม 1962 เราถูกขับออกจากยิบรอลตาร์. เราจะไปที่ไหนต่อ? ความต้องการยังคงมีมากในสเปน เราจึงกลับไปที่สเปน โดยหวังว่า ตอนนี้ประวัติบันทึกของเราในครั้งก่อนจะไม่ได้อยู่ในความสนใจของตำรวจอีกต่อไป.
เซวิลล์ เมืองที่มีดินฟ้าอากาศที่แจ่มใสเสมอ เป็นที่อยู่ใหม่ของเรา. ที่นี่เรามีความชื่นชมยินดีในการทำงานอย่างใกล้ชิดกับคู่สมรสไพโอเนียร์อีกคู่หนึ่งคือเรย์และแพต เคอร์คัป. แม้ว่าเซวิลล์เป็นเมืองที่มีประชากรห้าแสนคน แต่เราก็มีผู้ประกาศเพียง 21 คน ดังนั้น มีงานมากมายที่จะต้องทำ. ปัจจุบันมี 15 ประชาคมและผู้ประกาศ 1,500 คน. หนึ่งปีถัดมา เรามีความประหลาดใจที่น่ายินดี เราถูกเชิญให้ไปรับใช้ในงานเดินทางที่บาร์เซโลนา.
งานเยี่ยมหมวดในประเทศที่งานของเราไม่ได้รับการรับรองทางกฎหมายนั้นค่อนข้างจะต่างออกไป. แต่ละสัปดาห์เราเยี่ยมกลุ่มเล็ก ๆ หลายกลุ่ม ส่วนใหญ่กลุ่มเหล่านั้นมีบราเดอร์ที่มีความสามารถจำนวนน้อยมาก. บราเดอร์ที่ทำงานหนักเหล่านี้จำต้องได้รับการฝึกอบรมและการสนับสนุนทั้งสิ้นที่เราสามารถให้เขาได้. เราชอบงานมอบหมายนี้! หลังจากที่ได้ใช้เวลาหลายปีในเขตซึ่งถ้าจะมีพยานฯก็ไม่กี่คน เรามีความยินดีที่ได้เยี่ยมพี่น้องชายและหญิงมากมาย. ยิ่งกว่านั้น งานเผยแพร่ในบาร์เซโลนาทำง่ายกว่า และหลายคนต้องการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล.
การต่อสู้กับความซึมเศร้า
อย่างไรก็ตาม เพียงหกเดือนถัดมา ชีวิตของผมได้เปลี่ยนอย่างกะทันหัน. วันพักร้อนครั้งแรกของเราที่ชายทะเลเกือบจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมเมื่อผมได้รับอุบัติเหตุซึ่งพรรณนาไว้ตอนต้น. ทางร่างกาย ผมฟื้นตัวค่อนข้างเร็วจากความตระหนกตกใจที่เกือบจมน้ำตาย กระนั้น เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ก่อให้เกิดร่องรอยที่ลบไม่ออกในระบบประสาทของผม.
ผมแข็งใจทำงานหมวดต่อไปอีกสองสามเดือน แต่ในที่สุดผมต้องกลับไปอังกฤษเพื่อรักษาตัว. หลังจากนั้นสองปีผมก็หายพอที่เราจะกลับไปเริ่มงานหมวดที่สเปนได้อีกครั้งหนึ่ง. ถึงกระนั้น ก็เป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ. พ่อตาแม่ยายผมเริ่มป่วยหนัก และเราจึงออกจากงานรับใช้เต็มเวลาเพื่อดูแลท่าน.
ในปี 1968 ชีวิตเริ่มยากลำบากขึ้นเมื่อผมทนทุกข์กับการล้มทรุดลงทางจิตใจและประสาท. มีบางครั้งที่ทั้งราฟาเอลาและผมคิดว่าผมจะไม่มีวันหาย. ราวกับว่าผมจมน้ำอีกครั้งหนึ่ง แต่ในวิธีที่ต่างกัน! นอกเหนือจากที่ทำให้ผมต้องจมอยู่กับความรู้สึกในแง่ลบแล้ว ความซึมเศร้าได้ทำให้ผมหมดกำลัง. ผมทนทุกข์จากความอ่อนเพลียสุดขีดเป็นระยะ ๆ ซึ่งทำให้ผมต้องพักเกือบตลอดเวลา. ในตอนนั้นไม่ใช่พี่น้องทุกคนเข้าใจปัญหาประเภทนี้ แต่แน่นอน ผมทราบว่าพระยะโฮวาทรงเข้าใจ. เป็นสิ่งที่สร้างความพึงพอใจให้ผมเป็นอย่างยิ่งที่อ่านบทความต่าง ๆ อันเยี่ยมยอดในวารสารหอสังเกตการณ์ และตื่นเถิด! ที่ให้ความเข้าใจและเป็นประโยชน์มากสำหรับคนเหล่านั้นที่ซึมเศร้า.
ตลอดเวลาที่ยากลำบากนี้ ภรรยาผมเป็นแหล่งแห่งการหนุนกำลังใจเสมอ. การรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ด้วยกันเสริมความผูกพันในสายสมรสให้แน่นแฟ้นขึ้นอย่างแท้จริง. คุณพ่อคุณแม่ของราฟาเอลาได้เสียชีวิต และหลังจาก 12 ปี สุขภาพของผมดีขึ้นถึงขนาดที่เราคิดว่าเราสามารถกลับไปสู่งานรับใช้ประเภทเต็มเวลาอีกได้. ในปี 1981 ด้วยความประหลาดใจและความยินดี เราถูกเชิญให้รับใช้ในงานหมวดอีกครั้งหนึ่ง.
การเปลี่ยนแปลงมากมายตามระบอบของพระเจ้าได้เกิดขึ้นในสเปนตั้งแต่ประสบการณ์คราวที่แล้วของเราในการเดินทางเผยแพร่. ตอนนี้งานเผยแพร่ได้รับอิสระ ดังนั้น ผมต้องทำตัวให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่. ถึงกระนั้น การรับใช้ในฐานะผู้ดูแลหมวดอีกครั้งหนึ่งนับว่าเป็นสิทธิพิเศษอันใหญ่หลวง. ที่เราเคยเป็นไพโอเนียร์ทั้ง ๆ ที่สภาพแวดล้อมยากลำบากทำให้เราสามารถหนุนกำลังใจไพโอเนียร์ที่กำลังมีปัญหา. และบ่อยครั้งเราสามารถช่วยคนอื่น ๆ ให้เข้าร่วมในงานไพโอเนียร์.
หลังจากทำงานเดินทางเยี่ยม 11 ปีในมาดริดและบาร์เซโลนา อีกครั้งหนึ่งสุขภาพที่ทรุดโทรมของเราทำให้จำเป็นต้องเปลี่ยนงานมอบหมาย. เราได้รับมอบหมายเป็นไพโอเนียร์พิเศษไปที่เมืองซาลามังกา ที่นั่นผมสามารถรับใช้เป็นผู้ปกครอง. พี่น้องในซาลามังกาไม่รอช้าในการทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่บ้านเราเอง. หนึ่งปีต่อมามีอีกวิกฤตการณ์หนึ่งซึ่งความอดทนของเราได้รับการทดสอบ.
ราฟาเอลาโลหิตจางมากโดยไม่รู้สาเหตุ และผลการตรวจเผยให้เห็นว่าเธอเป็นมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่. ตอนนี้ผมต้องเป็นฝ่ายเข้มแข็งและให้การสนับสนุนทั้งสิ้นแก่ภรรยาเท่าที่ผมสามารถให้ได้. ปฏิกิริยาแรกของเราคือไม่เชื่อ ต่อมาก็ความกลัว. ราฟาเอลาจะรอดชีวิตจากโรคนี้ไหม? ช่วงเวลาเช่นนี้ ความไว้วางใจอย่างเต็มที่ในพระยะโฮวาเป็นสิ่งที่ช่วยเราให้อดทนต่อไป. ผมยินดีที่จะบอกว่าการผ่าตัดราฟาเอลาประสบความสำเร็จ และเราอธิษฐานขออย่าให้เป็นมะเร็งอีก.
แม้ว่าเราเคยมีทั้งทุกข์และสุขระหว่าง 36 ปีที่เราอยู่ในสเปน แต่ก็อบอุ่นหัวใจที่มีชีวิตอยู่ตลอดช่วงแห่งการเติบโตทางฝ่ายวิญญาณนี้. เราได้เห็นกลุ่มเล็ก ๆ มีผู้ประกาศประมาณ 800 คนในปี 1958 เติบโตขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่มีผู้ประกาศ 100,000 กว่าคนในปัจจุบัน. ความยากลำบากของเราถูกบดบังด้วยความชื่นชมยินดีมากมายที่เราได้รับจากการช่วยคนอื่น ๆ ให้ตอบรับความจริงและอาวุโสขึ้นทางฝ่ายวิญญาณ, จากการทำงานร่วมกันฐานะสามีภรรยา, และจากการรู้สึกว่า เราได้ใช้ชีวิตของเราในวิถีทางดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้.
เปาโลกล่าวในจดหมายของท่านถึงชาวโกรินโธว่า “เนื่องจากเรามีการรับใช้นี้ตามความเมตตาที่ได้แสดงต่อเรา เราจึงไม่เลิกเสีย.” (2 โกรินโธ 4:1, ล.ม.) เมื่อมองย้อนหลัง ผมเชื่อว่า มีปัจจัยหลายอย่างในชีวิตของผมที่ป้องกันผมไว้มิให้เลิกงานรับใช้. ตัวอย่างของพี่น้องผู้ถูกเจิมที่ซื่อสัตย์ซึ่งดูแลเอาใจใส่ผมช่วงที่ผมกำลังเติบโตได้วางพื้นฐานที่ดีไว้ให้. การมีคู่สมรสที่ร่วมเป้าหมายฝ่ายวิญญาณอย่างเดียวกันเป็นสิ่งช่วยอันเยี่ยมยอด เมื่อผมรู้สึกหดหู่ ราฟาเอลาจะหนุนกำลังใจผม และผมก็ปฏิบัติกับเธออย่างเดียวกัน. การมีอารมณ์ขันก็เป็นประโยชน์มากด้วย. การที่สามารถหัวเราะกับพี่น้อง—หัวเราะให้กับตัวเราเอง—ไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่ง ทำให้ปัญหาดูเหมือนไม่มากจนเกินไป.
แต่ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ความอดทนในการเผชิญกับการทดลองต่าง ๆ ต้องพึ่งกำลังจากพระยะโฮวา. ผมนึกถึงคำพูดของเปาโลเสมอที่ว่า “ข้าพเจ้ามีกำลังสำหรับทุกสิ่งโดยพระองค์ผู้ทรงประทานพลังให้ข้าพเจ้า.” ด้วยการสนับสนุนจากพระยะโฮวา เราไม่จำเป็นต้องเลิกราเลย.—ฟิลิปปอย 4:13, ล.ม.
[รูปภาพหน้า 23]
โรนัลด์และราฟาเอลา เทย์เลอร์ในปี 1958
[รูปภาพหน้า 24, 25]
การประชุมภายใต้การสั่งห้ามในสเปน (ปี 1969)