ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ห95 1/12 น. 20-23
  • อายุร้อยปีและยังแข็งขัน

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • อายุร้อยปีและยังแข็งขัน
  • หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1995
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • เจตคติ​เปลี่ยน​ไป
  • เผชิญ​การ​ทดลอง
  • การ​มา​เยี่ยม​อย่าง​ไม่​คาด​ฝัน
  • รับมือ​กับ​การ​สูญ​เสีย
  • การรับใช้พระยะโฮวาเป็นความยินดีของผมเสมอ
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 2011
  • การต่อสู้อันยาวนานอย่างทรหดเพื่อพบความเชื่อแท้
    ตื่นเถิด! 1995
  • การเข้าใกล้พระเจ้าช่วยดิฉันให้รับมือได้
    ตื่นเถิด! 1993
หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1995
ห95 1/12 น. 20-23

อายุ​ร้อย​ปี​และ​ยัง​แข็งขัน

เล่า​โดย ราล์ฟ มิตเชลล์

คุณ​พ่อ​ของ​ผม ชาย​ร่าง​สันทัด เป็น​นัก​เทศน์​ใน​นิกาย​เมโทดิสต์. ท่าน​ถูก​ย้าย​จาก​โบสถ์​หนึ่ง​ไป​อีก​โบสถ์​หนึ่ง​ทุก​สอง​หรือ​สาม​ปี​ไป​ตาม​เมือง​เล็ก ๆ เป็น​ส่วน​ใหญ่ รวม​ทั้ง​เมือง​แอช​วิลล์ รัฐ​นอร์ท แคโรไลนา สหรัฐ ที่​ซึ่ง​ผม​เกิด​ใน​เดือน​กุมภาพันธ์ 1895. ดัง​นั้น ผม​จึง​เติบโต​ขึ้น​มา​โดย​ที่​คุ้น​เคย​กับ​คริสต์​ศาสนจักร​เป็น​อย่าง​ดี.

ผม​จำ​ได้​ว่า​ตอน​เป็น​เด็ก​หนุ่ม​ถูก​พา​ไป​ที่ “ม้า​นั่ง​สำหรับ​ผู้​สารภาพ​ผิด” ใน​การ​ประชุม​ปลุก​เร้า​ความ​เชื่อ เพื่อ​รับ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์—หรือ​เพื่อ “ให้​มี​ความ​เชื่อ​มั่น​ใน​ศาสนา” ตาม​ที่​พวก​เขา​เรียก​กัน. ผม​ถูก​เรียก​ให้​สารภาพ​บาป, รักษา​บัญญัติ​สิบ​ประการ, และ​เป็น​คน​ดี. โดย​วิธี​นี้ ผม​จะ​ได้​ไป​สวรรค์​เมื่อ​ผม​ตาย. ผม​บอก​กับ​ตน​เอง​ว่า ‘ผม​คิด​ว่า ผม​จะ​ตก​นรก​มาก​กว่า เพราะ​ผม​ไม่​อาจ​เป็น​คน​ดี​พอ​สำหรับ​สวรรค์’ ผม​คิด​ว่า​ผู้​ใหญ่​เท่า​นั้น—โดย​เฉพาะ​นัก​เทศน์—ที่​ดำเนิน​ชีวิต​ตาม​มาตรฐาน​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล.

แต่​แม้​กระทั่ง​ก่อน​เป็น​วัยรุ่น​ด้วย​ซ้ำ ผม​เริ่ม​พบ​ความ​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด​ใน​ศาสนา. ยก​ตัว​อย่าง คุณ​พ่อ​ของ​ผม​จะ​สละ​สิ่ง​จำเป็น​ฝ่าย​วัตถุ​สำหรับ​ครอบครัว​เพียง​เพื่อ​ให้​เงิน​ก้อน​ใหญ่​แก่​กองทุน​ของ​บิชอป ณ การ​ประชุม​สามัญ​ของ​พวก​นัก​เทศน์. ท่าน​หวัง​ว่า การ​ทำ​เช่น​นี้​จะ​ทำ​ให้​ท่าน​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​ไป​ประจำ​ใน​โบสถ์​ที่​ใหญ่​กว่า. ผม​จำ​นัก​เทศน์​คน​หนึ่ง​ใน​ท้องถิ่น​ได้ ซึ่ง​เป็น​ชาว​ไร่​ฝ้าย​ด้วย. เขา​อยาก​ได้​ตำแหน่ง​ที่​มี​หน้า​มี​ตา​เหลือ​เกิน ดัง​นั้น เขา​จึง​ขาย​ฝ้าย​ร้อย​มัด​ใหญ่​และ​ไป​ยัง​การ​ประชุม​นั้น พร้อม​ด้วย​เงิน​เต็ม​กระเป๋า. เมื่อ​ดู​เหมือน​ว่า พวก​เขา​ได้​ยอด​เงิน​มาก​เท่า​ที่​พวก​เขา​จะ​ได้​จาก​ผู้​เข้า​ร่วม​ประชุม​แล้ว—ซึ่ง​ประกอบ​ด้วย​นัก​เทศน์​เป็น​ส่วน​ใหญ่—นัก​เทศน์​ที่​เป็น​ชาว​ไร่​ฝ้าย​คน​นี้​ก็​ลุก​พรวด​ขึ้น​และ​ตะโกน​ว่า “พวก​คุณ​ให้​บิชอป​ของ​คุณ​แค่​นี้​นะ​หรือ? นัก​เทศน์​คน​ใด​ที่​ให้​ห้า​ดอลลาร์ ผม​จะ​ให้​สิบ ดอลลาร์!” มี​การ​รวบ​รวม​ได้​กว่า​หนึ่ง​พัน​ดอลลาร์​และ​บิชอป​แต่ง​ตั้ง​ชาย​คน​นี้​เป็น​ผู้​ปกครอง​ผู้​เป็น​ประธาน​ดู​แล​คุณ​พ่อ​ของ​ผม. ผม​ไม่​อาจ​เชื่อ​ได้​ว่า การ​แต่ง​ตั้ง​เช่น​นั้น​มา​จาก​พระเจ้า. ตั้ง​แต่​นั้น​มา ผม​สงสัย​ไม่​ว่า​อะไร​ก็​ตาม​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ศาสนา.

ผม​ถูก​เกณฑ์​ทหาร​เมื่อ​สหรัฐ​เข้า​ไป​พัวพัน​ใน​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​หนึ่ง. ผม​ยัง​จำ​ได้​ดี​ที่​นัก​เทศน์​ประจำ​กองทัพ​เทศน์​ให้​พวก​เรา​ที่​เป็น​ทหาร​ฟัง เกี่ยว​กับ​การ​ต่อ​สู้​อย่าง​ซื่อ​สัตย์​เพื่อ​ประเทศ​ของ​เรา และ​สิ่ง​นี้​มี​แต่​จะ​ทำ​ให้​ผม​ยิ่ง​ไม่​ชอบ​ศาสนา​เข้า​ไป​อีก. เป้า​ประสงค์​ของ​ผม​ก็​คือ​มี​ชีวิต​รอด, เรียน​ให้​จบ, และ​จาก​นั้น​ก็​แต่งงาน. ศาสนา​ไม่​มี​ส่วน​อยู่​ใน​แผนการ​ของ​ผม​สำหรับ​อนาคต.

เจตคติ​เปลี่ยน​ไป

ปี 1922 ผม​หลง​รัก​หญิง​สาว​คน​หนึ่ง​ชื่อ ลูอิส. ปรากฏ​ว่า เธอ​เป็น​คาทอลิก​ที่​เคร่ง และ​เมื่อ​เรา​ตก​ลง​ใจ​แต่งงาน​กัน เธอ​ต้องการ​ให้​มี​งาน​สมรส​แบบ​คาทอลิก. แต่​ผม​ไม่​ต้องการ​ให้​มี​พิธี​ทาง​ศาสนา​ไม่​ว่า​แบบ​ใด ดัง​นั้น เธอ​จึง​เห็น​พ้อง​ว่า​เรา​จะ​แต่งงาน​กัน ณ ที่ว่าการ​เทศบาล​ใน​นคร​นิวยอร์ก.

ตอน​แรก เรา​ไม่​มี​สิ่ง​ที่​ขัด​แย้ง​กัน​ทาง​ศาสนา. ผม​เพียง​แต่​ทำ​ให้​เป็น​ที่​แน่ชัด​แก่​เธอ​ว่า ผม​ไม่​มี​ความ​เชื่อ​มั่น​ใน​ศาสนา และ​เรา​จะ​ไป​กัน​ด้วย​ดี​ตราบ​ใด​ที่​ไม่​มี​การ​เอ่ย​ถึง​เรื่อง​ศาสนา. แล้ว​ระหว่าง​ปี 1924 ถึง 1937 ลูก ๆ ก็​เกิด​มา—คน​แล้ว​คน​เล่า จน​กระทั่ง​เรา​มี​ลูก​ชาย​ห้า​คน​และ​ลูก​สาว​ห้า​คน! ลูอิส​อยาก​ให้​ลูก ๆ ของ​เรา​เข้า​โรง​เรียน​คาทอลิก. ผม​ไม่​อยาก​ให้​ลูก​ได้​รับ​การ​อบรม​ทาง​ศาสนา​ไม่​ว่า​รูป​แบบ​ใด ดัง​นั้น เรา​จึง​โต้​เถียง​กัน​ใน​เรื่อง​นี้.

ต้น​ปี 1939 มี​อะไร​บาง​อย่าง​เกิด​ขึ้น​ซึ่ง​จะ​เปลี่ยน​ทัศนะ​ของ​ผม​ที่​มี​ต่อ​ศาสนา​อย่าง​สิ้นเชิง. เฮนรี เวบเบอร์ และ แฮร์รี ไพแอตต์ พยาน​พระ​ยะโฮวา​สอง​คน มา​ที่​บ้าน​ของ​ผม​ใน​เขต​โรเซลล์ รัฐ​นิวเจอร์ซี. ไม่​ช้า​ก็​เห็น​ได้​ชัด​ว่า เขา​ทั้ง​สอง​ต้องการ​พูด​คุย​หัวเรื่อง​หนึ่ง​ซึ่ง​ผม​ไม่​มี​ความ​สนใจ​จะ​ถก นั่น​คือ เรื่อง​ศาสนา. ผม​ยัง​เข็ด​ใน​เรื่อง​ความ​เชื่อ​อยู่​เนื่อง​จาก​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​ว่า พวก​นัก​เทศน์​ใน​กองทัพ​บอก​ว่า ‘จง​สู้​เพื่อ​ประเทศ​ของ​คุณ’ ขณะ​ที่​นัก​เทศน์​นัก​บวช​ที่​บ้าน​บอก​ว่า ‘เจ้า​ต้อง​ไม่​ฆ่า​คน.’ ช่าง​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด​จริง ๆ! ผม​คิด​ว่า ผม​จะ​ต้อง​ทำ​ให้​พยาน​ฯ​สอง​คน​นี้​เข้าใจ​ถูก​ต้อง​เสีย​ที. ผม​บอก​กับ​เขา​ว่า “ขอ​ให้​ผม​บอก​อะไร​คุณ​สัก​อย่าง. ถ้า​ศาสนา​ของ​คุณ​เป็น​ศาสนา​แท้ ศาสนา​อื่น ๆ ทั้ง​หมด​ก็​เป็น​ศาสนา​เท็จ. และ​ถ้า​ศาสนา​ใด​ศาสนา​หนึ่ง​ใน​ศาสนา​อื่น​เป็น​ศาสนา​แท้ ศาสนา​ที่​เหลือ​ทั้ง​หมด​รวม​ทั้ง​ของ​คุณ​ด้วย​ก็​เป็น​ศาสนา​เท็จ. มี​ศาสนา​แท้​ได้​เพียง​ศาสนา​เดียว​เท่า​นั้น.” สิ่ง​ที่​ยัง​ความ​ประหลาด​ใจ​ยิ่ง​แก่​ผม​ก็​คือ เขา​ทั้ง​สอง​เห็น​พ้อง​กับ​ผม!

จาก​นั้น เขา​ทั้ง​สอง​ขอ​ให้​ผม​หยิบ​คัมภีร์​ไบเบิล​ของ​ผม​และ​เปิด​ไป​ที่ 1 โกรินโธ 1:10. ที่​นั่น​ผม​อ่าน​ว่า “พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย โดย​พระ​นาม​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา ข้าพเจ้า​ขอร้อง​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ให้​พวก​ท่าน​ทุก​คน​พูด​จา​ปรองดอง​กัน และ​ไม่​ให้​แบ่ง​แยก​กัน​ใน​ท่ามกลาง​ท่าน แต่​ให้​ท่าน​เป็น​หนึ่ง​เดียว​โดย​มี​จิตใจ​และ​แนว​ความ​คิด​เดียว​กัน.” (ฉบับ​แปล​คิงเจมส์) ข้อ​คัมภีร์​นี้​จุด​ความ​สนใจ​ของ​ผม. ใน​เวลา​เดียว​กัน ผม​ก็​กลัว​ว่า ชาย​สอง​คน​นี้​จะ​พยายาม​ทำ​ให้​ผม​เข้า​ไป​พัวพัน​กับ​ศาสนา​จอม​ปลอม​บาง​รูป​แบบ. กระนั้น ผม​ได้​เรียน​รู้​อะไร​บาง​อย่าง—นั่น​คือ ไม่​ควร​มี​การ​แบ่ง​แยก​ท่ามกลาง​คริสเตียน. ผม​มี​คำ​ถาม​อื่น ๆ อีก​มาก​มาย​อยู่​ใน​ใจ. ยก​ตัว​อย่าง เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​จิตวิญญาณ​เมื่อ​ตาย? ผม​อยาก​ถก​คำ​ถาม​นี้​กับ​พวก​เขา​เหลือ​เกิน! แต่ ผม​คิด นั่น​อาจ​ก่อ​ให้​เกิด​ความ​ขัด​แย้ง​ทาง​ศาสนา​มาก​เกิน​ไป​ใน​บ้าน.

แล้ว​ชาย​หนึ่ง​ใน​สอง​คน​นั้น​ก็​บอก​ว่า “เรา​อยาก​จะ​กลับ​มา​คุย​กับ​คุณ​อีก​สัปดาห์​หน้า.” ผม​พยายาม​บอก​ปัด​พวก​เขา​อย่าง​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา แต่​ภรรยา​ของ​ผม​พูด​ขึ้น​มา​ดัง ๆ ว่า “ราล์ฟ พวก​เขา​อยาก​รู้​ว่า พวก​เขา​จะ​กลับ​มา​อีก​ได้​เมื่อ​ไร.” สิ่ง​นี้​ทำ​ให้​ผม​ประหลาด​ใจ เนื่อง​จาก​เธอ​เป็น​คาทอลิก​ที่​มี​ความ​เชื่อ​แรง​กล้า! กระนั้น ผม​คิด​ว่า ‘ใน​ที่​สุด เรา​อาจ​พบ​บาง​จุด​ที่​เห็น​พ้อง​กัน​ใน​เรื่อง​ศาสนา​ก็​ได้.’ ดัง​นั้น ผม​จึง​ตก​ลง​ที่​จะ​ให้​เฮนรี เวบเบอร์ และ แฮร์รี ไพแอตต์ กลับ​มา​อีก​วัน​ศุกร์​หน้า.

โดย​วิธี​นี้​ผม​จึง​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น ผม​ได้​รับ​เชิญ​ให้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่​ที่​เมดิสัน สแควร์ การ์เดน ใน​นคร​นิวยอร์ก. ผม​จำ​คำ​บรรยาย​เรื่อง “การ​ปกครอง​และ​สันติภาพ” ของ​โจเซฟ เอฟ. รัทเทอร์ฟอร์ด เมื่อ​วัน​ที่ 25 มิถุนายน 1939 ได้​อย่าง​แจ่ม​ชัด. ผม​เป็น​หนึ่ง​ใน 18,000 คน​ที่​เข้า​ฟัง. ที่​จริง มี 75,000 คน​ที่​ฟัง​คำ​บรรยาย​นั้น เมื่อ​รวม​คน​ที่​รับ​ฟัง​ทาง​สถานี​วิทยุ​กระจาย​เสียง​นานา​ชาติ​ซึ่ง​เชื่อม​ต่อ​ด้วย​สาย​วิทยุ-โทรศัพท์.

กระนั้น สิ่ง​ต่าง ๆ ไม่​ได้​ดำเนิน​ไป​อย่าง​ราบรื่น. ศิษย์​ของ​บาทหลวง​คาทอลิก ชาร์ลส์ คากลิน ได้​ขู่​ว่า​จะ​ทำ​ให้​การ​ประชุม​นั้น​ยุติ​ลง และ​จริง​อย่าง​ว่า คำ​บรรยาย​ของ​บราเดอร์​รัทเทอร์ฟอร์ด​ดำเนิน​ไป​ได้​ราว​ครึ่ง​หนึ่ง ผู้​คน​ที่​โกรธ​แค้น​นับ​ร้อย​ก็​เริ่ม​โห่​และ​ส่ง​เสียง​ร้อง​คำ​ขวัญ​ต่าง ๆ เช่น “ไฮล์ ฮิตเลอร์!” และ “วีวา ฟรังโก!” มี​ความ​ชุลมุน​มาก​จน​สามารถ​ได้​ยิน​เสียง​การ​จลาจล​นั้น​ผ่าน​ทาง​สาย​โทรศัพท์! ใช้​เวลา​ประมาณ 15 นาที เจ้าหน้าที่​ที่​ประตู​จึง​ทำ​ให้​ฝูง​ชน​วุ่นวาย​นี้​สงบ​ลง​ได้. ตลอด​เวลา​นั้น บราเดอร์​รัทเทอร์ฟอร์ด ไม่​สะทก​สะท้าน ยัง​คง​บรรยาย​ต่อ​ไป เนื่อง​จาก​ได้​รับ​การ​สนับสนุน​จาก​ผู้​ฟัง​ด้วย​เสียง​ปรบ​มือ​ไม่​ขาด​สาย.

ตอน​นี้ ผม​อยาก​รู้​ขึ้น​มา​จริง ๆ. เหตุ​ใด​บาทหลวง​คาทอลิก​จึง​ปลุกปั่น​ให้​เกลียด​ชัง​พยาน​พระ​ยะโฮวา​มาก​มาย​เช่น​นั้น? ผม​คิด​ว่า​คง​ต้อง​มี​อะไร​สัก​อย่าง​ใน​สิ่ง​ที่​รัทเทอร์ฟอร์ด​เทศน์—อะไร​สัก​อย่าง​ที่​พวก​นัก​เทศน์​นัก​บวช​ไม่​อยาก​ให้​ประชาชน​อย่าง​ผม​ได้​ยิน. ดัง​นั้น ผม​จึง​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ต่อ​ไป​และ​ทำ​ความ​ก้าว​หน้า. ใน​ที่​สุด เดือน​ตุลาคม 1939 ผม​แสดง​สัญลักษณ์​การ​อุทิศ​ตัว​ของ​ผม​แด่​พระ​ยะโฮวา​โดย​การ​รับ​บัพติสมา​ใน​น้ำ. ลูก ๆ ของ​ผม​บาง​คน​รับ​บัพติสมา​ใน​ปี​ถัด​ไป และ​ลูอิส​ภรรยา​ของ​ผม​รับ​บัพติสมา​ปี 1941.

เผชิญ​การ​ทดลอง

ไม่​นาน​หลัง​จาก​ที่​ผม​รับ​เอา​ความ​จริง คุณ​แม่​ของ​ผม​เสีย​ชีวิต และ​ผม​ต้อง​กลับ​นอร์ท แคโรไลนา​เพื่อ​ไป​งาน​ศพ​ของ​ท่าน. ผม​รู้สึก​ว่า ผม​ไม่​อาจ​มี​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ที่​ดี​ได้​ใน​การ​เข้า​ร่วม​พิธี​ศพ​ซึ่ง​จะ​ดำเนิน​ภาย​ใน​โบสถ์​เมโทดิสต์. ด้วย​เหตุ​นี้ ผม​จึง​โทรศัพท์​ถึง​คุณ​พ่อ​ก่อน​ที่​จะ​เดิน​ทาง และ​ขอ​ให้​ท่าน​เก็บ​โลง​ศพ​ที่​สถาน​เก็บ​ศพ. ท่าน​ตอบ​ตก​ลง แต่​เมื่อ​ผม​ไป​ถึง​ที่​นั่น พวก​เขา​กำลัง​เดิน​ทาง​ไป​โบสถ์ ที่​ซึ่ง​พวก​เขา​คิด​ว่า​ผม​จะ​ต้อง​ไป​ร่วม​ด้วย​อย่าง​แน่นอน.

แต่​ผม​ไม่​ได้​ไป และ​การ​ทำ​เช่น​นี้​ก่อ​ให้​เกิด​ความ​ไม่​พอ​ใจ​อย่าง​ยิ่ง​ใน​ครอบครัว​ของ​ผม. แม้​ว่า​น้อง​สาว​ของ​ผม เอด​นา กับ​ผม​สนิท​กัน​มา​ตลอด แต่​หลัง​จาก​งาน​ศพ​ของ​คุณ​แม่ เธอ​ไม่​ยอม​พูด​กับ​ผม. ผม​เขียน​จดหมาย​หลาย​ฉบับ แต่​เธอ​ไม่​ยอม​ตอบ. ทุก​ฤดู​ร้อน​เมื่อ เอดนา มา​ที่​นิวยอร์ก​เพื่อ​เข้า​เรียน​วิชา​ครู​ที่​วิทยาลัย​ซิตี ผม​พยายาม​ไป​หา​เธอ. แต่​เธอ​ไม่​ยอม​พบ​ผม โดย​บอก​ว่า​เธอ​มี​งาน​ยุ่ง. ใน​ที่​สุด ผม​ก็​เลิก เพราะ​ดู​เหมือน​ว่า​ผม​มี​แต่​ก่อ​ความ​รำคาญ​ให้​กับ​เธอ. กระทั่ง​หลาย​ปี​ผ่าน​ไป​ผม​ถึง​ได้​ข่าว​คราว​จาก​เธอ​อีก.

เนื่อง​จาก​ไม่​ยอม​คำนับ​ธง ลูก ๆ ของ​ผม​หก​คน​ถูก​ไล่​ออก​จาก​โรง​เรียน​ปี 1941 เช่น​เดียว​กับ​เด็ก​อื่น ๆ จำนวน​มาก​ใน​สหรัฐ​และ​แคนาดา. เพื่อ​บรรลุ​ข้อ​เรียก​ร้อง​ทาง​การ​ศึกษา​ตาม​กฎหมาย พยาน​ฯ​จัด​โรง​เรียน​ของ​ตน​เอง​ขึ้น เรียก​ว่า​โรง​เรียน​ราชอาณาจักร. สถาน​ที่​ซึ่ง​เดิม​เป็น​โรงแรม​ใน​ชุมชน​เลกวูด รัฐ​นิวเจอร์ซี เป็น​ที่​ตั้ง​ของ​โรง​เรียน​ที่​ลูก ๆ ของ​ผม​เข้า​เรียน. หอ​ประชุม​อยู่​ที่​ชั้น​หนึ่ง พร้อม​ด้วย​ห้อง​เรียน, ครัว, และ​บริเวณ​รับประทาน​อาหาร. ห้อง​นอน​ของ​พวก​เด็ก​ผู้​หญิง​อยู่​ที่​ชั้น​สอง และ​ห้อง​นอน​ของ​พวก​เด็ก​ผู้​ชาย​อยู่​ที่​ชั้น​สาม. นี่​เป็น​โรง​เรียน​ที่​ดี. เด็ก ๆ ส่วน​ใหญ่​ซึ่ง​อยู่​ประจำ​ที่​นั่น​กลับ​บ้าน​วัน​สุด​สัปดาห์​เท่า​นั้น. คน​ที่​อยู่​ไกล​ออก​ไป​กลับ​บ้าน​ทุก​สอง​สัปดาห์.

ตั้ง​แต่​ที่​ผม​อยู่​ใน​ความ​จริง​ใหม่ ๆ ผม​มี​ความ​ปรารถนา​อัน​แรง​กล้า​ที่​จะ​ได้​เป็น​ไพโอเนียร์ ซึ่ง​เป็น​ชื่อ​ที่​เรียก​ผู้​เผยแพร่​เต็ม​เวลา​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ณ การ​ประชุม​ใหญ่​ปี 1941 ใน​เมือง​เซนต์​ลุยส์ รัฐ​มิสซูรี พี่​น้อง​ชาย​คน​หนึ่ง​ใน​ระเบียบ​วาระ​เล่า​ว่า​เขา​เป็น​ไพโอเนียร์​ได้​อย่าง​ไร​ขณะ​ที่​ต้อง​เลี้ยง​ดู​ลูก 12 คน. ผม​จึง​คิด​ว่า ‘ถ้า​เขา​เป็น​ไพโอเนียร์​ได้​ทั้ง ๆ ที่​มี​ลูก 12 คน ผม​ก็​เป็น​ไพโอเนียร์​ได้​ทั้ง ๆ ที่​มี​ลูก 10 คน.’ อย่าง​ไร​ก็​ตาม สภาพการณ์​ไม่​อำนวย​ให้​ผม​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​ได้​จน​กระทั่ง 19 ปี​ต่อ​มา. ใน​ที่​สุด วัน​ที่ 1 ตุลาคม 1960 ผม​สามารถ​เริ่ม​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ใน​ฐานะ​ไพโอเนียร์​ประจำ.

การ​มา​เยี่ยม​อย่าง​ไม่​คาด​ฝัน

ปี 1975 ผม​ได้​รับ​โทรศัพท์​จาก เอดนา น้อง​สาว​ของ​ผม. ตอน​นั้น ผม​อายุ 80 ปี​แล้ว และ​ผม​ไม่​ได้​พบ​เธอ​หรือ​ได้​ยิน​เสียง​ของ​เธอ​เป็น​เวลา​ประมาณ 20 ปี. เธอ​โทรศัพท์​มา​จาก​สนามบิน และ​ขอ​ให้​ผม​ไป​รับ​เธอ​และ​สามี. นับ​ว่า​ดี​ที่​ได้​พบ เอดนา อีก แต่​ยัง​มี​เรื่อง​ที่​ทำ​ให้​ประหลาด​ใจ​เป็น​อย่าง​ยิ่ง. ระหว่าง​ทาง​กลับ​บ้าน สามี​ของ​เธอ​บอก​ว่า “คุณ​พี่​มี​คน​ที่​เปลี่ยน​ศาสนา​มา​ด้วย.” ผม​ไม่​ทราบ​ว่า​เขา​หมาย​ถึง​อะไร. เมื่อ​เรา​ไป​ถึง​บ้าน อีก​ครั้ง​หนึ่ง เขา​บอก​ว่า “คุณ​พี่​มี​คน​ที่​เปลี่ยน​ศาสนา​อยู่​ด้วย​ที่​นี่.” ภรรยา​ผม​เข้าใจ​ทันที. แล้ว​หัน​ไป​หา​น้อง​สาว​ของ​ผม เธอ​ถาม​ว่า “เอดนา เธอ​เป็น​พยาน​ฯ​หรือ?” “ใช่​แล้ว​ค่ะ” เอดนา ตอบ.

เอดนา ได้​มา​รับ​เอา​ความ​จริง​อย่าง​ไร? ปี 1972 ด้วย​ความ​พยายาม​จะ​ฟื้น​สัมพันธภาพ​ของ​เรา​ซึ่ง​เหินห่าง​ไป ผม​จึง​บอกรับ​หอสังเกตการณ์ ส่ง​ให้​เธอ​เป็น​ของ​ขวัญ. ประมาณ​หนึ่ง​ปี​ต่อ​มา เอดนา เกิด​ป่วย​ขึ้น​มา​และ​ต้อง​อยู่​กับ​บ้าน. วารสาร​ยัง​คง​ห่อ​อยู่​ใน​กระดาษ ตั้ง​อยู่​บน​โต๊ะ. ด้วย​ความ​อยาก​รู้​อยาก​เห็น เอดนา ฉีก​เล่ม​หนึ่ง​ออก​และ​เริ่ม​อ่าน. เมื่อ​อ่าน​วารสาร​เล่ม​นั้น​จบ เธอ​รำพึง​กับ​ตน​เอง​ว่า ‘นี่​เป็น​ความ​จริง!’ ก่อน​พยาน​พระ​ยะโฮวา​มา​ที่​บ้าน​ของ​เธอ เธอ​ได้​อ่าน​วารสาร​หอสังเกตการณ์ ไป​แล้ว​ทั้ง​ตั้ง. เธอ​ตก​ลง​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล และ​ใน​เวลา​อัน​ควร เธอ​ได้​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

รับมือ​กับ​การ​สูญ​เสีย

ใน​ที่​สุด ภรรยา​ของ​ผม ลูอิส เป็น​โรค​เบา​หวาน และ​อาการ​ของ​เธอ​ทรุด​ลง​จน​กระทั่ง​เธอ​เสีย​ชีวิต​ใน​ปี 1979 ตอน​อายุ 82 ปี. เมื่อ​ลูอิส​ตาย ส่วน​หนึ่ง​ของ​ผม​ก็​ตาย​ด้วย. โลก​ทั้ง​โลก​ของ​ผม​หยุด​หมุน. ผม​ไม่​รู้​ว่า​จะ​ทำ​อย่าง​ไร. ผม​ไม่​มี​แผนการ​สำหรับ​อนาคต และ​ผม​จำ​ต้อง​ได้​รับ​การ​หนุน​กำลังใจ​อย่าง​ยิ่ง. ริชาร์ด สมิท ผู้​ดู​แล​หมวด สนับสนุน​ผม​ให้​อยู่​ใน​งาน​ไพโอเนียร์​ต่อ​ไป. ผม​พบ​ว่า การ​ปลอบ​ประโลม​ที่​ดี​ที่​สุด​สำหรับ​ผม​มา​จาก​การ​ปลอบ​ประโลม​ผู้​อื่น ซึ่ง​ได้​สูญ​เสีย​ผู้​เป็น​ที่​รัก​เนื่อง​จาก​ความ​ตาย.

สมาคม​ว็อชเทาเวอร์​จัด​นำ​เที่ยว​ประเทศ​อิสราเอล​ใน​ปี 1979 ดัง​นั้น ผม​จึง​ลง​ชื่อ. การ​เดิน​ทาง​ครั้ง​นี้​เป็น​แรง​กระตุ้น​อย่าง​ดี​สำหรับ​ผม และ​เมื่อ​ผม​กลับ​ถึง​บ้าน ผม​กลับ​ไป​ทำ​งาน​รับใช้​ใน​งาน​ไพโอเนียร์​ทันที. ทุก​ปี​นับ​แต่​นั้น​มา ผม​ถือ​เป็น​ภาระ​หน้า​ที่​ของ​ผม​ที่​จะ​ช่วย​ใน​เขต​ที่​ไม่​ได้​รับ​มอบหมาย​หรือ​ทำ​ไม่​บ่อย​นัก​ใน​อีก​ส่วน​หนึ่ง​ของ​ประเทศ. ทั้ง ๆ ที่​อายุ​มาก​แล้ว ผม​ยัง​สามารถ​ทำ​ตัว​ให้​อยู่​พร้อม​สำหรับ​สิทธิ​พิเศษ​นี้.

ผม​กะ​ประมาณ​ว่า​ใน​ช่วง​ปี​เหล่า​นี้ ผม​มี​ความ​ยินดี​ที่​ได้​ช่วย​ผู้​คน​ประมาณ 50 คน​ให้​อยู่​บน​เส้น​ทาง​สู่​ชีวิต. ลูก ๆ ของ​ผม​ส่วน​ใหญ่​อยู่​ใน​ความ​จริง. ลูก​สาว​ของ​ผม​สอง​คน​รับใช้​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ. ลูก​สาว​อีก​คน​หนึ่ง ลูอิส แบ​ลน​ตัน รับใช้​ที่​สำนักงาน​กลาง​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​บรุกลิน นิวยอร์ก พร้อม​กับ​จอร์จ​สามี​ของ​เธอ และ​ลูก​ชาย​คน​หนึ่ง​ของ​ผม​รับใช้​เป็น​ผู้​ปกครอง​มา​หลาย​ปี.

แน่นอน เนื่อง​จาก​ความ​ไม่​สมบูรณ์​ซึ่ง​ได้​รับ​จาก​บิดา​มารดา​คู่​แรก​ของ​เรา เรา​ทุก​คน​มี​แนว​โน้ม​จะ​เจ็บ​ป่วย​และ​ตาย. (โรม 5:12) แน่​ละ ชีวิต​ของ​ผม​ไม่​ได้​ปลอด​จาก​ความ​เจ็บ​ปวด. เวลา​นี้ ผม​เป็น​โรค​ข้อ​อักเสบ​ที่​ขา​ข้าง​ซ้าย. บาง​ครั้ง โรค​นี้​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​ลำบาก​มาก แต่​ก็​ไม่​ได้​ทำ​ให้​ผม​หยุด​จาก​การ​ขันแข็ง. และ​ผม​อธิษฐาน​ขอ​อย่า​ให้​เป็น​เช่น​นั้น. ผม​อยาก​จะ​ทำ​งาน​ไป​เรื่อย ๆ. ความ​ปรารถนา​ยิ่ง​ของ​ผม​ก็​คือ​อยู่​ใน​งาน​รับใช้​ไพโอเนียร์​ต่อ​ไป​จน​ถึง​อวสาน​ที​เดียว ทำ​ทุก​สิ่ง​ที่​ผม​ทำ​ได้​เพื่อ​ให้​พระ​นาม​ของ​พระ​ยะโฮวา​และ​พระ​ประสงค์​ของ​พระองค์​เป็น​ที่​รู้​จัก.

[รูปภาพ​หน้า 23]

กับริตา ลูก​สาว​ของ​ผม

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์