วิธีที่คัมภีร์ไบเบิลตกทอดมาถึงเรา—ตอนสาม
พม่า ปี 1824—เจ้าหน้าที่ของกษัตริย์พม่าเข้าค้นบ้านมิชชันนารีของอะโดไนรามกับแอนน์ จัดสัน ขนเอาทุกสิ่งที่พวกเขาคิดว่ามีค่าไป. แต่พวกเจ้าหน้าที่กลับไม่ได้เอาสิ่งล้ำค่าที่สุดไปด้วย นั่นคือ ต้นฉบับคัมภีร์ไบเบิลที่แปลแล้วซึ่งแอนน์แอบฝังไว้ใต้ถุนบ้าน. ด้วยข้อหาทำจารกรรม อะโดไนรามผู้แปลถูกล่ามโซ่ในคุกที่เต็มไปด้วยยุง. ตอนนี้ความชื้นอาจทำลายต้นฉบับนั้น. จะรักษาไว้ได้อย่างไร? แอนน์เอาต้นฉบับทำไส้หมอนและส่งให้สามีเธอในคุก. หมอนถูกเก็บรักษาไว้และสิ่งที่มีอยู่ในหมอนนั้นได้กลายเป็นส่วนของคัมภีร์ไบเบิลภาษาพม่าเล่มแรก.
คัมภีร์ไบเบิลเผชิญภัยเช่นนั้นมากมายมาตลอดประวัติศาสตร์. ในฉบับก่อน เราพิจารณาการแปลและการจำหน่ายจ่ายแจกคัมภีร์ไบเบิลตั้งแต่ทำเสร็จสมบูรณ์จนถึงต้นศตวรรษที่ 17. คัมภีร์ไบเบิลดำรงต่อมาอย่างไรตั้งแต่เวลานั้นจนถึงปัจจุบัน? ทุกผู้คนจะมีคัมภีร์ไบเบิลได้ไหม? สมาคมว็อชเทาเวอร์มีบทบาทอะไร?
มิชชันนารี และสมาคมคัมภีร์ไบเบิล
ในหลายประเทศ ศตวรรษที่ 17 และ 18 เป็นที่โดดเด่นเนื่องด้วยการเพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราดในเรื่องการอ่านคัมภีร์ไบเบิล. โดยเฉพาะอังกฤษได้รับผลกระทบอย่างลึกซึ้งจากคัมภีร์ไบเบิลในช่วงเวลานั้น. ตามจริงแล้ว เรื่องราวและคำสอนต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลแทรกซึมเข้าไปในความคิดของเกือบทุกคนในประเทศนี้ ตั้งแต่กษัตริย์จนถึงเด็กถือคันไถ. แต่พลังชักจูงของคัมภีร์ไบเบิลแผ่ไปไกลกว่านั้น. ในเวลานั้นอังกฤษเป็นมหาอำนาจด้านการพาณิชย์ทางทะเลและด้านอาณานิคม และชาวอังกฤษบางคนได้นำคัมภีร์ไบเบิลไปด้วยในเวลาเดินทาง. สิ่งนี้ได้วางรากฐานไว้สำหรับงานรณรงค์อันใหญ่โตด้านคัมภีร์ไบเบิล.
ตอนใกล้สิ้นศตวรรษที่ 18 คัมภีร์ไบเบิลเร้าใจบางคนในอังกฤษให้คิดถึงความจำเป็นฝ่ายวิญญาณของผู้คนท้องถิ่นในดินแดนอันไพศาลของจักรภพอังกฤษ. แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ห่วงใยเช่นนี้. คริสต์ศาสนิกชนหลายคนเชื่อเรื่องชะตากรรมถูกกำหนดล่วงหน้า และดังนั้น พวกเขาจึงถือว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าหากบางคนไม่ได้รับการช่วยชีวิต. เมื่อวิลเลียม แครี ผู้ซึ่งตั้งใจจะเป็นมิชชันนารีได้กล่าวคำปราศรัยที่กระตือรือร้นเพื่อปลุกเร้าให้มีการสนับสนุนงานเผยแพร่ยังอินเดีย มีผู้หนึ่งร้องตำหนิขึ้นว่า “นั่งลงเถอะ เจ้าหนุ่ม ถ้าพระเจ้าประสงค์จะเปลี่ยนศาสนาพวกนอกรีตนั่นละก็ พระองค์จะทำโดยไม่ต้องให้เจ้าช่วย!” ถึงกระนั้น แครีก็โดยสารเรือไปอินเดียในปี 1793. ที่น่าทึ่งก็คือ ในที่สุดเขาก็แปลคัมภีร์ไบเบิลทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นภาษาที่ใช้ในอินเดียถึง 35 ภาษา.
พวกมิชชันนารีได้มาตระหนักว่า เครื่องมือพื้นฐานสำคัญที่สุดของตนคือคัมภีร์ไบเบิลในภาษาท้องถิ่น. แต่ใครล่ะจะจัดให้มีคัมภีร์ไบเบิล? ที่น่าสนใจคือปฏิบัติการซึ่งจะแพร่คัมภีร์ไบเบิลไปทั่วโลกได้ถูกจุดประกายขึ้นโดยเมรี โจนส์ เด็กสาวชาวเวลส์อายุ 16 ปีโดยเธอไม่รู้ตัว. ในปี 1800 เมรีเดินเท้าเปล่าเป็นระยะทางถึง 40 กิโลเมตรเพื่อไปซื้อคัมภีร์ไบเบิลภาษาเวลส์จากนักเทศน์คนหนึ่ง. เธอเก็บหอมรอมริบเป็นเวลาหกปี และพอเมรีรู้ว่าคัมภีร์ไบเบิลถูกขายไปหมดแล้ว เธอสะอื้นไห้ด้วยความผิดหวัง. ด้วยความซาบซึ้งใจ นักเทศน์คนนั้นจึงเอาคัมภีร์ไบเบิลของเขาเองให้เมรี.
หลังจากนั้น นักเทศน์ผู้นั้นได้ใคร่ครวญเกี่ยวกับคนอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องการคัมภีร์ไบเบิล และเขาถกปัญหานี้กับเพื่อน ๆ ในลอนดอน. ผลก็คือการก่อตั้งสมาคมบริติช แอนด์ ฟอรีน ไบเบิลขึ้นในปี 1804. วัตถุประสงค์ของสมาคมนี้เรียบง่ายคือ จัดให้มีคัมภีร์ไบเบิลที่ผู้คนจะมีอ่านได้ในภาษาของตนเอง ซึ่งจัดพิมพ์ “โดยไม่มีข้อสังเกตหรือคำอธิบายริมหน้า.” ด้วยการลบคำอธิบายต่าง ๆ ออกจากริมหน้า ผู้ก่อตั้งสมาคมนี้หวังจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งด้านหลักคำสอน. แต่มีหลายครั้งที่สมาคมคัมภีร์ไบเบิลนี้คงขัดแย้งกันในเรื่องอธิกธรรม, การรับบัพติสมาโดยจุ่มตัวมิดในน้ำ, และหลักคำสอนเรื่องตรีเอกานุภาพ.
ความกระตือรือร้นในตอนเริ่มแรกแพร่ไปอย่างรวดเร็ว และพอถึงปี 1813 ก็มีการก่อตั้งสมาคมคัมภีร์ไบเบิลที่ทำงานเกี่ยวเนื่องกันขึ้นในเยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, เดนมาร์ก, และรัสเซีย. ต่อมา ก็มีการตั้งสมาคมคัมภีร์ไบเบิลเพิ่มขึ้นอีกในประเทศอื่น ๆ. เมื่อสมาคมคัมภีร์ไบเบิลยุคแรก ๆ กำหนดเป้าหมายของตนนั้น พวกเขาคิดว่าโลกส่วนใหญ่ใช้ภาษาหลัก ๆ ไม่กี่ภาษาเท่านั้น. พวกเขาไม่เคยนึกฝันว่าจะมีเป็นพัน ๆ ภาษา! มีผู้แปลค่อนข้างน้อยที่รู้ภาษาฮีบรูและภาษากรีกเพื่อจะแปลโดยตรงมาเป็นภาษาท้องถิ่น. ฉะนั้น เมื่อสมาคมบริติช แอนด์ ฟอรีน ไบเบิลให้การสนับสนุนการแปล พวกผู้แปลจึงมักทำงานของตนโดยอาศัยฉบับแปลคิง เจมส์ ในภาษาอังกฤษ.
ความลำบากของผู้แปลคนหนึ่ง
คัมภีร์ไบเบิลส่วนใหญ่ประกอบด้วยคำอธิบายและตัวอย่างประกอบที่อาศัยประสบการณ์ประจำวัน. ทั้งนี้จึงทำให้แปลง่ายกว่าที่คัมภีร์ไบเบิลถูกจารึกไว้ด้วยศัพท์ปรัชญานามธรรม. อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดหมายได้ว่าความพยายามในตอนแรก ๆ ของพวกมิชชันนารีนั้นบางครั้งก็ก่อความสับสน หรือไม่ก็ให้ความหมายที่น่าขบขัน. ตัวอย่างเช่น การแปลคำหนึ่งทำให้ผู้คนในส่วนหนึ่งของอินเดียมีแนวคิดว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้มีสีฟ้า. คำที่ใช้สำหรับ “ฟ้าสวรรค์” ในคำ “พระบิดาฝ่ายสวรรค์” นั้นให้ความหมายว่า “มีสีท้องฟ้า”—คือท้องฟ้าจริง ๆ!
ในปี 1819 อะโดไนราม จัดสัน เขียนถึงอุปสรรคต่าง ๆ ของผู้แปลดังนี้: ‘เมื่อเราเรียนภาษาที่ผู้คนในอีกซีกโลกหนึ่งพูดกัน ซึ่งแบบคำพูดของเขาเป็นสิ่งที่เราไม่คุ้นเคย รวมทั้งพยัญชนะและคำก็ไม่เหมือนกันเอาเสียเลยกับภาษาที่เราเคยพบเห็น; เมื่อเราไม่มีพจนานุกรมหรือล่ามและต้องเข้าใจภาษานั้นบ้างก่อนเราจะสามารถได้รับประโยชน์จากครูท้องถิ่น—จึงต้องพยายามอย่างหนัก!’ และงานของผู้แปลอย่างจัดสันได้ทำให้คัมภีร์ไบเบิลหาได้ง่ายขึ้นมากทีเดียว.—ดูแผนภูมิ หน้า 12.
แอนน์ จัดสันช่วยสามีทำงานแปลที่ยากเย็นนี้. แต่ทั้งสองเผชิญไม่เพียงแต่ปัญหาในด้านการแปลเท่านั้น. เมื่อเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์มาลากตัวอะโดไนรามไปเข้าคุก แอนน์กำลังตั้งครรภ์. ด้วยความกล้าหาญ เธอเฝ้าวิงวอนพวกเจ้าหน้าที่ที่เป็นปฏิปักษ์เป็นเวลาถึง 21 เดือนให้ปล่อยตัวสามีเธอ. ความลำบากครั้งนั้นรวมทั้งความเจ็บป่วยทำให้เธออาการหนัก. ไม่นานหลังจากอะโดไนรามได้รับการปล่อยตัว แอนน์ ภรรยาผู้กล้าหาญของเขากับลูกสาวน้อย ๆ ของทั้งสองก็ตายด้วยพิษไข้. อะโดไนรามหัวใจสลาย. กระนั้น เขาหมายพึ่งกำลังจากพระเจ้าและแปลต่อไป เขาแปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาพม่าเสร็จสมบูรณ์ในปี 1835. ระหว่างนั้น การแอบโจมตีคัมภีร์ไบเบิลแบบอื่น ๆ กำลังขยายตัว.
ความขัดแย้งในเรื่องคัมภีร์ไบเบิล
ในศตวรรษ 19 เกิดความขัดแย้งมากมายด้านสังคมและการเมือง ซึ่งในบางครั้งคัมภีร์ไบเบิลก็มีบทบาทสำคัญยิ่ง. ตัวอย่างเช่น แม้ว่าสมาคมรัสเชียน ไบเบิลเริ่มต้นขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจากซาร์กับคริสตจักรรัสเชียน ออร์โทด็อกซ์ ต่อมาผู้สนับสนุนทั้งสองก็แตกแยกกันและได้ยุบสมาคมนี้. (คัมภีร์ไบเบิลนับพัน ๆ เล่มถูกเผาไปแล้วราวหนึ่งปีก่อนนั้นโดยพวกผู้ต่อต้านสมาคมนี้.) ถึงตอนนี้นักเทศน์นักบวชของพวกออร์โทด็อกซ์พยายามด้วยใจเร่าร้อนเพื่อจะทำให้สิ่งที่คริสเตียนรุ่นแรกได้เริ่มต้นไว้ด้วยความกระตือรือร้นยิ่งนั้นยุติลง ก็คือการจำหน่ายจ่ายแจกคัมภีร์ไบเบิลอย่างทั่วถึง. พวกผู้นำของออร์โทด็อกซ์ในศตวรรษที่ 19 ยืนกรานว่า คัมภีร์ไบเบิลคุกคามอำนาจทั้งของคริสตจักรและรัฐ. ช่างน่าขัน ขบวนการปฏิวัติทางการเมืองที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันถือว่าคัมภีร์ไบเบิลไม่ใช่เป็นสิ่งคุกคามอำนาจ แต่เป็นอาวุธของคริสตจักรและรัฐสำหรับการทำให้มวลชนอยู่ใต้อำนาจต่อไป. คัมภีร์ไบเบิลจึงตกเป็นเป้าโจมตีจากทั้งสองฝ่าย!
นอกจากนั้น ในปีต่อ ๆ มาคัมภีร์ไบเบิลก็ประสบการโจมตีที่ทวีขึ้นเรื่อย ๆ จากพวก “ปัญญาชน” ด้วย. ในปี 1831 ชาลส์ ดาร์วินออกเรือเดินทางสำรวจซึ่งนำไปสู่การตั้งทฤษฎีวิวัฒนาการของเขา. ในปี 1848 มากซ์กับเองเกลส์ได้ออกแถลงการณ์คอมมิวนิสต์ แมนิเฟสโต ซึ่งให้ภาพศาสนาคริสเตียนว่าเป็นเครื่องมือกดขี่. นอกจากนั้น ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ พวกนักวิจารณ์คัมภีร์ไบเบิลต่างตั้งข้อสงสัยความเชื่อถือได้ของพระคัมภีร์และความมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ของบุคคลในคัมภีร์ไบเบิล—แม้แต่พระเยซูเอง! แต่ผู้ที่มีเหตุผลบางคนยอมรับความผิดพลาดของทฤษฎีต่าง ๆ ที่ปฏิเสธพระเจ้าและคัมภีร์ไบเบิล และพวกเขาค้นหาวิธีต่าง ๆ ทางวิชาการเพื่อยืนยันความไว้วางใจได้ของคัมภีร์ไบเบิล. คนหนึ่งก็คือ คอนสแตนติน ฟอน ทิเชินดอร์ฟ นักภาษาศาสตร์ผู้มีพรสวรรค์.
การค้นพบต่าง ๆ ช่วยยืนยันเนื้อเรื่องในคัมภีร์ไบเบิล
ทิเชินดอร์ฟเดินทางไปทั่วตะวันออกกลางเพื่อคนหาต้นฉบับคัมภีร์ไบเบิลโบราณ ด้วยหวังจะยืนยันความจริงแท้แน่นอนของเนื้อความดั้งเดิมในคัมภีร์ไบเบิล. ในปี 1859 ปีเดียวกับที่ดาร์วินตีพิมพ์หนังสือต้นกำเนิดสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ (ภาษาอังกฤษ) ทิเชินดอร์ฟได้พบสำเนาพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกฉบับสมบูรณ์ซึ่งรู้จักกันว่าเก่าที่สุดในเวลานั้นในอารามแห่งหนึ่งที่เชิงเขาไซนาย. ฉบับสำเนานี้เรียกกันว่าโคเดกซ์ ไซนายติกุส และคงถูกทำขึ้นราว 50 ปีก่อนที่เจโรมจะทำฉบับลาติน วัลเกต เสร็จสมบูรณ์. แม้ว่าความถูกต้องของการที่เขาเคลื่อนย้ายโคเดกซ์นี้จากอารามนั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ก็ตาม ทิเชินดอร์ฟก็ได้จัดพิมพ์โคเดกซ์นี้ขึ้นมา ดังนั้น จึงทำให้พวกผู้คงแก่เรียนหาอ่านโคเดกซ์นี้ได้.a
เพราะไซนายติกุสเป็นหนึ่งในสำเนาต้นฉบับในภาษาเดิมที่เก่าที่สุด โคเดกซ์นี้ไม่เพียงเผยให้เห็นว่าพระคัมภีร์ภาคภาษากรีกคงไว้ซึ่งสาระสำคัญที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น แต่ยังได้ช่วยพวกผู้คงแก่เรียนให้พบข้อผิดพลาดต่าง ๆ ซึ่งค่อย ๆ เข้ามาในสำเนาฉบับต่อ ๆ มาอีกด้วย. ตัวอย่างเช่น การพาดพิงถึงพระเยซูที่ 1 ติโมเธียว 3:16 ในฉบับไซนายติกุส อ่านว่า “พระองค์ ถูกทำให้ปรากฏเป็นเนื้อหนัง.” ที่คำ “พระองค์” สำเนาส่วนใหญ่ที่รู้จักกันในเวลานั้นใส่อักษรย่อสำหรับคำ “พระเจ้า” โดยการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตรงคำภาษากรีกสำหรับคำ “พระองค์.” แต่ฉบับไซนายติกุสมีอยู่หลายปีก่อนฉบับสำเนาภาษากรีกใด ๆ ที่อ่านว่า “พระเจ้า.” ด้วยวิธีนี้ ฉบับสำเนานี้จึงเผยให้เห็นว่า ในเวลาต่อมาได้เกิดการฉ้อฉลเกี่ยวกับข้อความนี้ เห็นได้ชัดว่าได้มีการนำเข้ามาเพื่อสนับสนุนหลักคำสอนเรื่องตรีเอกานุภาพ.
ตั้งแต่สมัยของทิเชินดอร์ฟ ได้มีการค้นพบฉบับสำเนาเพิ่มมากขึ้น. ทุกวันนี้ ฉบับสำเนาทั้งหมดของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่รู้จักกันมีประมาณ 6,000 ฉบับ และของพระคัมภีร์ภาคภาษากรีกมีมากกว่า 13,000 ฉบับ. การศึกษาเชิงเปรียบเทียบในฉบับเหล่านี้ยังผลให้มีข้อความในภาษาดั้งเดิมที่เชื่อถือได้อย่างมั่นใจ. ดังที่ผู้คงแก่เรียน เอฟ.เอฟ. บรูซ กล่าวว่า “ข้อความที่แตกต่างกัน . . . ไม่ได้ส่งผลให้เกิดข้อสงสัยในเนื้อเรื่องอันเกี่ยวกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์หรือเกี่ยวกับความเชื่อและกิจปฏิบัติแบบคริสเตียนเลย.” ขณะที่การแปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาอื่น ๆ อีกมากมายดำเนินต่อไป ความรู้ที่ทวีขึ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้อย่างไร?
สมาคมว็อชเทาเวอร์และคัมภีร์ไบเบิล
ในปี 1881 ผู้สอนและนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกลุ่มเล็ก ๆ แต่เอาจริงเอาจังกลุ่มหนึ่งได้ก่อตั้งสิ่งที่ต่อมากลายเป็นสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์. ในตอนเริ่มแรก พวกเขาจำหน่ายจ่ายแจกคัมภีร์ไบเบิลที่ผลิตโดยสมาคมคัมภีร์ไบเบิลอื่น ๆ ซึ่งรวมทั้งพระคัมภีร์ภาคภาษากรีกของทิเชินดอร์ฟด้วย. แต่พอถึงปี 1890 พวกเขาก็เริ่มพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลเอง โดยออกเงินพิมพ์ฉบับแรกของคัมภีร์ไบเบิลหลายฉบับ. ในปี 1926 สมาคมได้เริ่มพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลด้วยโรงพิมพ์ของตนเอง. แต่ความจำเป็นต้องมีฉบับแปลคัมภีร์ไบเบิลที่ทันสมัยยิ่งเห็นได้ชัดมากขึ้น. ความรู้ที่ได้รับโดยการค้นพบต่าง ๆ และวิชาการของศตวรรษก่อนจะรวมเข้าไว้ด้วยได้ไหมในคัมภีร์ไบเบิลฉบับที่เข้าใจได้ง่ายและหาได้ง่าย? ด้วยวัตถุประสงค์นี้ ผู้ร่วมงานของสมาคมนี้จึงเริ่มต้นผลิตพระคัมภีร์ฉบับแปลใหม่ขึ้นในปี 1946.
ฉบับแปลเดียวในหลายภาษา
ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการการแปลแห่งคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่ทรงคุณวุฒิขึ้นเพื่อผลิตพระคัมภีร์บริสุทธิ์ฉบับแปลโลกใหม่ ในภาษาอังกฤษ. ฉบับแปลนี้ถูกพิมพ์เป็นหกเล่ม ออกมาตั้งแต่ปี 1950 ถึง 1960 โดยเริ่มต้นด้วยพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก. ตั้งแต่ปี 1963 ได้มีการแปลฉบับแปลโลกใหม่เป็นภาษาต่าง ๆ เพิ่มอีก 27 ภาษา และกำลังแปลเพิ่มอีก. เป้าหมายสำหรับภาษาอื่น ๆ เป็นเช่นเดียวกับภาษาอังกฤษ. ประการแรก การแปลควรแม่นยำ ใกล้เคียงกับแนวคิดเดิมให้มากเท่าที่เป็นไปได้. ความหมายต้องไม่เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งเพื่อให้เข้ากับความเข้าใจตามหลักคำสอนอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ. ประการที่สอง ต้องคงไว้ซึ่งความเสมอต้นเสมอปลาย การแปลจะยึดอยู่กับการถอดความหมายอย่างเดียวสำหรับคำสำคัญแต่ละคำเท่าที่บริบทยอมให้ตามเหตุผล. จุดมุ่งหมายเช่นนี้ช่วยผู้อ่านให้มองเห็นว่าผู้จารึกคัมภีร์ไบเบิลใช้คำศัพท์เฉพาะอย่างไร. ประการที่สาม การแปลควรเป็นไปตามตัวอักษรเท่าที่เป็นไปได้โดยไม่ทำให้ความหมายคลุมเครือ. การแปลตามตัวอักษรทำให้ผู้อ่านเข้าถึงอรรถรสของภาษาเดิมและกระบวนการคิดที่รวมอยู่ด้วยได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น. และประการที่สี่ การแปลต้องง่ายที่สามัญชนจะอ่านและเข้าใจได้.
การแปลในแบบที่ค่อนข้างเป็นไปตามตัวอักษรของฉบับแปลโลกใหม่ ช่วยให้การแปลเป็นภาษาอื่น ๆ ง่ายขึ้น. เพื่อจุดประสงค์นี้ ในปัจจุบันทีมแปลของสมาคมจึงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์อันทันสมัยเพื่อเร่งงานให้เร็วขึ้นและเพื่อทำให้งานแปลถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น. ระบบนี้ช่วยพวกผู้แปลให้รวมรวมคำภาษาท้องถิ่นที่มีความหมายเหมือนกันสำหรับคำสำคัญ ๆ แต่ละคำเอาไว้. ระบบนี้ยังช่วยพวกเขาให้เรียนความหมายในภาษาอังกฤษของคำภาษาฮีบรูและภาษากรีกในคัมภีร์ไบเบิลอีกด้วย.
การแปลจากภาษาอังกฤษแทนที่จะแปลโดยตรงจากภาษาฮีบรูและกรีกทำให้มีข้อดีต่าง ๆ ที่สำคัญ. นอกจากย่นเวลาแปลแล้ว ยังทำให้เป็นไปได้ที่จะมีเอกภาพมากขึ้นในการถ่ายทอดความคิดออกมาในทุกภาษา? เพราะเหตุใด? ก็เพราะการแปลโดยตรงจากภาษาสมัยใหม่ภาษาเดียวไปเป็นอีกภาษาหนึ่งย่อมง่ายกว่ามากเมื่อเทียบกับการแปลจากภาษาโบราณไปเป็นภาษาสมัยใหม่หลาย ๆ ภาษา. ว่ากันตามจริงแล้ว ผู้แปลจะหารือกับผู้ที่พูดภาษาท้องถิ่นเกี่ยวกับภาษาสมัยใหม่ได้ แต่หารือกับผู้แปลภาษาโบราณที่พูดกันเป็นพัน ๆ ปีมาแล้วไม่ได้.
ข่าวดีสำหรับทุกชาติ
ยังมีอีกมากมายที่อาจเขียนได้เกี่ยวกับชายหญิงที่เด็ดเดี่ยวซึ่งได้ช่วยทำให้คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือที่หาอ่านได้กว้างขวางที่สุดบนแผ่นดินโลก. ตลอดหลายศตวรรษ ได้มีการพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลทั้งเล่มหรือบางส่วนออกมาอย่างน้อยสี่พันล้าน เล่มในสองพันกว่า ภาษาซึ่งพูดกันโดยประชากรโลกมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์!
คัมภีร์ไบเบิลพยากรณ์ถึงการประกาศเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าไปทั่วโลกในสมัยของเรา. เพื่อวัตถุประสงค์นี้ เห็นได้ชัดว่าพระยะโฮวาพระเจ้าเองได้ทรงนำในการทำให้คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือที่หาได้เกือบทั่วทุกหนแห่งในสมัยนี้. (มัดธาย 13:47, 48; 24:14) ผู้แปลและผู้พิมพ์คัมภีร์ไบเบิลที่กล้าหาญทั้งหลายได้เอาทุกสิ่งเข้าเสี่ยงเพื่อให้เรามีพระคำของพระเจ้า—แหล่งแห่งความสว่างฝ่ายวิญญาณเพียงแหล่งเดียวเท่านั้นในโลกที่มืดมนทางศีลธรรม. ขอให้ตัวอย่างของเขาเหล่านั้นกระตุ้นคุณให้อ่าน, ดำเนินชีวิตตาม, และบอกกล่าวพระคำนั้นด้วยความมั่นใจอย่างเดียวกับที่พวกเขาให้สำแดง. ใช่แล้ว ทุก ๆ วัน จงรับประโยชน์อย่างเต็มที่จากคัมภีร์ไบเบิลที่ไว้วางใจได้ซึ่งคุณมีอยู่ในมือ!—ยะซายา 40:6-8.
[เชิงอรรถ]
a ดู “การช่วยโคเดกซ์ไซนายติกุสให้พ้นจากการถูกทำลาย” ในหอสังเกตการณ์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 15 ตุลาคม 1988.
[แผนภูมิหน้า 12]
ความเจริญก้าวหน้าในการแปลคัมภีร์ไบเบิล
(รายละเอียดดูจากวารสาร)
จำนวน
ภาษา
1 ชาวยิวเริ่มแปลพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเป็นภาษากรีก
ประมาณปี 280 ก.ส.ศ.
12 เจโรมแปลฉบับลาตินวัลเกต เสร็จสิ้นในราวปี ส.ศ. 400
35 กูเทนเบิร์กพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลเล่มแรกเสร็จในราวปี 1455
81 สมาคมบริติช แอนด์ ฟอรีน ไบเบิล ถูกก่อตั้งในปี 1804
จำนวนโดยประมาณของภาษาต่าง ๆ ตามลำดับปี
522
1900
600
700
800
900
1,049
1950
1,100
1,200
1,300
1,471
1970
2,123
1996
2,200
2,300
2,400
[ที่มาของภาพ]
Sources: Christianity Today, United Bible Society
[ที่มาของภาพหน้า 9]
Mountain High Maps® Copyright © 1995 Digital Wisdom, Inc.
[รูปภาพหน้า 8]
จัดสันถูกมัดและลากตัวไป
[ที่มาของภาพ]
From the book Judson the Hero of Burma, by Jesse Page
[รูปภาพหน้า 10]
ทิเชินดอร์ฟช่วยให้ฉบับสำเนาทรงคุณค่าที่อารามเชิงเขาไซนายให้พ้นจากการถูกทำลาย
[ที่มาของภาพ]
Pictorial Archive (Near Eastern History) Est.