หลักฐานถึงความรัก, ความเชื่อ, และการเชื่อฟัง
เช้าวันที่ 16 พฤษภาคม 2005 ที่ว็อชเทาเวอร์ฟาร์มในวอลล์คิลล์ นิวยอร์ก ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศเย็นสบาย. ฝนที่เพิ่งตกเมื่อก่อนรุ่งสางทำให้สนามหญ้าที่ตัดแต่งเรียบร้อยและทุ่งดอกไม้ส่องประกายระยิบระยับ. แม่เป็ดกับลูกอีกแปดตัวว่ายน้ำอยู่เงียบ ๆ ใกล้กับขอบสระที่น้ำนิ่งสงบ. ผู้มาเยือนต่างอัศจรรย์ใจกับภาพที่สวยงามนี้. พวกเขาพูดคุยกันเบา ๆ ราวกับว่าไม่อยากทำลายความเงียบสงบของเช้าวันนั้น.
ผู้ที่มาเยือนคือพยานพระยะโฮวาจาก 48 ประเทศทั่วโลก. แต่พวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อชมทัศนียภาพ. พวกเขาสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในตึกใหญ่สีอิฐหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นอาคารหลังล่าสุดของชุดอาคารเบเธลสหรัฐที่วอลล์คิลล์. ภายในตัวอาคาร พวกเขาก็ต้องอัศจรรย์ใจอีกครั้งเมื่อเห็นบรรยากาศที่ไม่มีทั้งความเงียบและความสงบ.
จากชั้นลอย ผู้มาเยือนจ้องมองเครื่องจักรหลายตัวที่ตั้งเรียงอยู่. เครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ห้าตัวตั้งอยู่เต็มพื้นคอนกรีตขัดเงาที่กว้างกว่าสนามฟุตบอลขนาดใหญ่หกสนามรวมกัน. ที่นี่เองที่มีการพิมพ์คัมภีร์ไบเบิล, หนังสือ, และวารสารต่าง ๆ. กระดาษม้วนมหึมาหนัก 1,700 กิโลกรัม หมุนติ้วราวกับล้อรถบรรทุกที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง. กระดาษแต่ละม้วนซึ่งมีความยาว 23 กิโลเมตร ถูกดึงผ่านเข้าไปในเครื่องพิมพ์ภายในเวลาเพียง 25 นาที. ระหว่างนั้น เครื่องพิมพ์จะพิมพ์หมึกลงไปและทำให้แห้ง แล้วทำให้กระดาษเย็นลงเพื่อจะพับเป็นวารสารได้ จากนั้นวารสารจะเคลื่อนอย่างรวดเร็วบนสายพานเหนือศีรษะไปยังที่บรรจุลงกล่อง แล้วถูกส่งไปยังประชาคมต่าง ๆ. ในเวลาเดียวกัน เครื่องพิมพ์อื่น ๆ ก็พิมพ์ยกหน้าหนังสือซึ่งจะถูกเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วไปเก็บไว้บนชั้นซึ่งตั้งสูงจากพื้นจรดเพดานเพื่อรอการเข้าเล่ม. ทั้งหมดนี้ควบคุมด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งสั่งงานได้พร้อมกันและแม่นยำ.
ต่อจากห้องพิมพ์ ผู้มาเยือนได้เข้าไปชมแผนกเข้าเล่ม. ที่นี่เครื่องจักรจะผลิตหนังสือปกแข็งและคัมภีร์ไบเบิลฉบับเดอลุกซ์ด้วยอัตราความเร็ว 50,000 เล่มต่อวัน. ยกหน้าที่พิมพ์แล้วจะถูกจัดเรียง, เย็บเข้าด้วยกัน, และตัดขอบ. ขั้นตอนต่อมาคือการใส่ปก. จากนั้นหนังสือที่เข้าเล่มแล้วจะถูกจัดลงกล่อง. กล่องเหล่านี้จะถูกปิด, จ่าหน้า, และนำไปเรียงซ้อนกันบนแท่นไม้โดยอัตโนมัติ. นอกจากนั้น มีการเข้าเล่มหนังสือปกอ่อนและจัดใส่กล่องวันละ 100,000 เล่ม. งานพิมพ์ส่วนนี้ก็เช่นกัน มีการใช้อุปกรณ์หลายชิ้นไม่ว่าจะเป็น มอเตอร์, สายพาน, เฟือง, ล้อ, และสายรัดจำนวนนับไม่ถ้วน ทุกชิ้นส่วนเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่น่าทึ่งเพื่อผลิตสรรพหนังสือเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล.
เครื่องพิมพ์ความเร็วสูงที่มีมาตรฐานระดับแนวหน้าของโรงพิมพ์แห่งนี้นับเป็นสิ่งน่าทึ่งของเทคโนโลยีสมัยใหม่ เนื่องจากทำงานด้วยความแม่นยำราวกับนาฬิกาคุณภาพเยี่ยม. ดังที่เราจะได้เห็น โรงพิมพ์นี้ยังเป็นพยานหลักฐานถึงความรัก, ความเชื่อ, และการเชื่อฟังของประชาชนของพระเจ้า. แต่ทำไมจึงมีการย้ายงานพิมพ์จากบรุกลิน นิวยอร์ก ไปยังวอลล์คิลล์?
เหตุผลสำคัญประการหนึ่งคือ เพื่อทำให้การพิมพ์และการจัดส่งง่ายขึ้นเพราะจัดการควบคุมจากที่แห่งเดียว. เป็นเวลาหลายสิบปี หนังสือต่าง ๆ ได้รับการพิมพ์และจัดส่งจากบรุกลิน ส่วนวารสารได้รับการพิมพ์และจัดส่งจากวอลล์คิลล์. การรวมงานทั้งสองเข้าด้วยกันจะช่วยลดจำนวนบุคลากรและใช้เงินบริจาคได้อย่างคุ้มค่ายิ่งขึ้น. นอกจากนี้ เนื่องจากเครื่องพิมพ์ที่บรุกลินเริ่มเก่าแล้ว จึงมีการสั่งเครื่องพิมพ์แบบเอ็มเอเอ็น โรแลนด์ ลิโทแมนมาจากเยอรมนีสองเครื่อง. เครื่องพิมพ์ใหม่นี้มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะเข้าในโรงพิมพ์ที่บรุกลินได้.
พระยะโฮวาทรงหนุนหลังงานนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา วัตถุประสงค์ของการพิมพ์คือ เพื่อส่งเสริมข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า. เห็นได้ชัดว่างานนี้ได้รับพระพรจากพระยะโฮวาตั้งแต่แรกเริ่มทีเดียว. ตั้งแต่ปี 1879 ถึงปี 1922 มีการจ้างโรงพิมพ์ให้พิมพ์หนังสือของพวกเรา. ในปี 1922 มีการเช่าอาคารสูงหกชั้นเลขที่ 18 ถนนคอนคอร์ดในบรุกลิน และซื้อเครื่องมือสำหรับพิมพ์หนังสือ. ในเวลานั้น บางคนสงสัยว่าพี่น้องจะทำงานนี้กันได้อย่างไร?
คนหนึ่งที่คิดเช่นนั้นคือ ประธานบริษัทที่เคยพิมพ์หนังสือส่วนใหญ่ของเรา. เมื่อเขามาเยี่ยมอาคารที่ถนนคอนคอร์ด เขาพูดว่า “ที่นี่พวกคุณมีโรงพิมพ์ชั้นหนึ่งกันแล้ว แต่ไม่มีใครสักคนที่รู้ว่าควรจะทำยังไงกับมัน. ภายในหกเดือนทุกอย่างจะกลายเป็นเศษเหล็ก แล้วพวกคุณจะรู้ว่าคนที่จะพิมพ์หนังสือให้พวกคุณนั้นควรเป็นคนที่ทำงานด้านนี้อยู่แล้ว และเป็นมืออาชีพ.”
ผู้ดูแลโรงพิมพ์ในเวลานั้นคือ โรเบิร์ต เจ. มาร์ติน บอกว่า “คำพูดนั้นฟังดูมีเหตุผล แต่เป็นการมองข้ามองค์พระผู้เป็นเจ้าไป และพระองค์ทรงอยู่กับเราเสมอมา. . . . ต่อมาไม่นาน เราก็พิมพ์หนังสือกัน.” ระหว่าง 80 ปีหลังจากนั้น พยานพระยะโฮวาได้พิมพ์หนังสือหลายพันล้านเล่มด้วยเครื่องพิมพ์ของพวกเขาเอง.
ต่อมา ในวันที่ 5 ตุลาคม ปี 2002 ณ การประชุมประจำปีของสมาคมว็อชเทาเวอร์ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ แห่งเพนซิลเวเนีย มีการประกาศว่าคณะกรรมการปกครองได้อนุมัติให้มีการย้ายงานพิมพ์ของสาขาสหรัฐไปยังวอลล์คิลล์. เครื่องพิมพ์ใหม่สองเครื่องที่สั่งไปแล้วจะมาถึงในเดือนกุมภาพันธ์ 2004. พี่น้องจะต้องออกแบบและขยายโรงพิมพ์ที่วอลล์คิลล์และเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับเครื่องพิมพ์ใหม่ภายในเวลา 15 เดือน. หลังจากนั้น จะต้องมีการติดตั้งระบบเข้าเล่มและจัดส่งใหม่ภายในระยะเวลาเก้าเดือน. บางคนอาจสงสัยเมื่อได้ยินถึงตารางเวลาดังกล่าว—งานนี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้. แต่พวกพี่น้องทราบว่าด้วยพระพรจากพระยะโฮวา ทุกอย่างจะเรียบร้อย.
“เต็มใจให้ความร่วมมือ”
เพราะรู้ว่าประชาชนของพระยะโฮวาจะเสนอตัวช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ พวกพี่น้องจึงเริ่มงาน. (บทเพลงสรรเสริญ 110:3) งานที่ใหญ่โตนี้ต้องการคนทำงานมากกว่าที่มีอยู่ในแผนกก่อสร้างของเบเธล. พี่น้องชายหญิงกว่า 1,000 คน จากสหรัฐและแคนาดาที่มีความสามารถด้านการก่อสร้างได้อาสาสมัครมาช่วยตั้งแต่หนึ่งสัปดาห์ถึงสามเดือนในโครงการอาสาสมัครชั่วคราว. คนอื่น ๆ ซึ่งเป็นผู้รับใช้และอาสาสมัครนานาชาติได้รับเชิญมาร่วมในโครงการนี้ด้วย. คณะกรรมการก่อสร้างภูมิภาคก็มีส่วนช่วยอย่างมากเช่นกัน.
สำหรับหลายคน การอาสาสมัครมาช่วยในโครงการที่วอลล์คิลล์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไม่น้อยและต้องลาพักจากงานอาชีพ. ถึงกระนั้น พวกเขาก็เสียสละด้วยความยินดี. การจัดหาที่พักและอาหารให้กับอาสาสมัครจำนวนมากที่เพิ่มเข้ามาเปิดโอกาสให้ครอบครัวเบเธลได้มีส่วนสนับสนุนโครงการดังกล่าว. นอกเหนือจากงานประจำในวันธรรมดา สมาชิกครอบครัวเบเธลมากกว่า 535 คนจากบรุกลิน, แพตเทอร์สัน, และวอลล์คิลล์อาสาสมัครมาช่วยงานในวันเสาร์. การช่วยเหลือมากมายที่มาจากประชาชนของพระเจ้าเพื่อสนับสนุนงานสำคัญแห่งประวัติศาสตร์นี้ เป็นไปได้ก็เพราะพระยะโฮวาหนุนหลังเท่านั้น.
คนอื่น ๆ ก็ช่วยสนับสนุนด้านการเงิน. ตัวอย่างเช่น พี่น้องได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากแอบบี ซึ่งอายุเก้าขวบ. เธอเขียนว่า “หนูรู้สึกขอบคุณสำหรับงานทุกอย่างที่พวกคุณทำกัน ที่พวกคุณได้ทำหนังสือดี ๆ ออกมา. อีกไม่นานหนูอาจจะได้ไปเยี่ยมพวกคุณ. คุณพ่อบอกว่าเราจะไปที่นั่นปีหน้า! หนูจะติดป้ายชื่อไว้ด้วยเพื่อพวกคุณจะรู้ว่าหนูเป็นใคร. นี่คือเงิน 20 ดอลลาร์ สำหรับเครื่องพิมพ์ใหม่ค่ะ! มันเป็นเงินค่าขนมของหนู แต่หนูอยากให้พวกคุณ.”
พี่น้องหญิงคนหนึ่งเขียนมาว่า “โปรดรับหมวกโครเชต์ที่ดิฉันถักด้วยมือของดิฉันเองเป็นของขวัญด้วยนะคะ. ดิฉันอยากมอบหมวกพวกนี้ให้กับคนที่ทำงานในโครงการวอลล์คิลล์. ปฏิทินประจำปีเล่มหนึ่งบอกว่า ฤดูหนาวที่จะถึงนี้อากาศจะหนาวมาก. ดิฉันไม่ทราบว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่. แต่ดิฉันรู้ว่างานที่วอลล์คิลล์ส่วนใหญ่เป็นงานที่ต้องทำนอกอาคาร และดิฉันอยากทำให้แน่ใจว่าพี่น้องชายหญิงของดิฉันมีหมวกใส่เพื่อให้ศีรษะอบอุ่น. ดิฉันไม่มีความสามารถในงานที่พวกคุณต้องการ แต่ดิฉันถักโครเชต์ได้ ดิฉันจึงคิดว่าจะใช้ความสามารถนี้ทำในสิ่งที่ดิฉันทำได้.” จดหมายนี้ส่งมาพร้อมกับหมวกโครเชต์ 106 ใบ!
โรงพิมพ์เสร็จตามกำหนดเวลา. จอห์น ลาร์สัน ผู้ดูแลโรงพิมพ์กล่าวว่า “พวกพี่น้องเต็มใจให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี. ใครจะสงสัยได้ว่าพระยะโฮวาไม่ได้อวยพรงานนี้? งานดำเนินไปอย่างรวดเร็ว. ผมจำได้ว่าเมื่อเดือนพฤษภาคม 2003 ผมยืนแช่โคลนมองดูพวกพี่น้องวางฐานรากอาคาร. หลังจากนั้นไม่ถึงปี ผมยืนอยู่ที่จุดเดียวกันมองดูเครื่องพิมพ์กำลังทำงานอยู่.”
ระเบียบวาระการอุทิศ
การประชุมเพื่ออุทิศโรงพิมพ์ใหม่พร้อมกับอาคารพักอาศัยสามหลังจัดขึ้นที่วอลล์คิลล์ในวันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2005. มีการต่อวิดีโอไปยังสำนักงานเบเธลที่แพตเทอร์สันและบรุกลิน รวมถึงที่แคนาดาด้วย. พี่น้องทั้งหมด 6,049 คนได้ร่วมในการประชุมนี้. ทีโอดอร์ จารัซ สมาชิกคณะกรรมการปกครองแห่งพยานพระยะโฮวา ทำหน้าที่เป็นประธานและเล่าประวัติด้านการพิมพ์โดยสังเขป. สมาชิกคณะกรรมการสาขาสองคนคือ จอห์น ลาร์สัน และจอห์น คีคอต ได้สัมภาษณ์พี่น้องและฉายวีดิทัศน์เพื่อทบทวนความเป็นมาของโครงการก่อสร้างและงานพิมพ์ในสหรัฐ. จอห์น บารร์ สมาชิกคณะกรรมการปกครองบรรยายเป็นคนสุดท้ายเพื่ออุทิศโรงพิมพ์แห่งใหม่นี้กับอาคารที่พักอาศัยสามหลังแด่พระยะโฮวาพระเจ้า.
ระหว่างสัปดาห์ถัดมา สมาชิกครอบครัวเบเธลทั้งจากแพตเทอร์สันและบรุกลินได้มีโอกาสเยี่ยมชมอาคารใหม่เหล่านี้. มีทั้งหมด 5,920 คน มาเยี่ยมในโอกาสนั้น.
เรามองดูโรงพิมพ์ใหม่นี้อย่างไร?
ในคำบรรยายอุทิศ บราเดอร์บารร์เตือนผู้ฟังให้ระลึกว่า ถึงแม้โรงพิมพ์แห่งนี้จะทันสมัยน่าประทับใจ แต่สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่เครื่องจักร. สิ่งที่สำคัญคือคน. หนังสือที่เราพิมพ์มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อชีวิตของผู้คน.
เครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องสามารถพิมพ์แผ่นพับได้หนึ่งล้านแผ่นภายในเวลาชั่วโมงเดียว! กระนั้น แผ่นพับแค่แผ่นเดียวอาจมีผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตของคนคนหนึ่ง. ตัวอย่างเช่น เมื่อปี 1921 พนักงานซ่อมบำรุงทางรถไฟกลุ่มหนึ่งในแอฟริกาใต้กำลังทำงานอยู่ที่รางรถไฟ. คนหนึ่งในกลุ่มนั้นคือชายที่ชื่อว่า คริสติอัน ได้สังเกตเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งซุกอยู่ใต้รางรถไฟ. มันคือแผ่นพับใบหนึ่งของเรา. คริสติอันอ่านแผ่นพับนั้นด้วยความสนใจอย่างยิ่ง. เขาวิ่งไปหาลูกเขยแล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “วันนี้พ่อได้พบความจริงแล้ว!” ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองคนก็เขียนมาขอข้อมูลเพิ่มเติม. สาขาแอฟริกาใต้ได้ส่งหนังสืออธิบายคัมภีร์ไบเบิลไปให้พวกเขา. ชายทั้งสองคนได้ศึกษา, รับบัพติสมา, และแบ่งปันความจริงแก่คนอื่น ๆ. ผลก็คือ มีหลายคนตอบรับความจริง. ที่จริง เมื่อถึงต้นทศวรรษ 1990 ลูกหลานของสองคนนี้มากกว่าหนึ่งร้อยคนได้เข้ามาเป็นพยานพระยะโฮวา ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเนื่องจากชายคนหนึ่งที่พบแผ่นพับแค่แผ่นเดียวบนทางรถไฟ!
บราเดอร์บารร์กล่าวว่า สรรพหนังสือที่เราพิมพ์นำผู้คนเข้ามาในความจริง, ช่วยให้พวกเขายังอยู่ในความจริง, กระตุ้นพวกเขาให้กระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น, และทำให้พี่น้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน. และที่สำคัญที่สุดคือ สิ่งพิมพ์ทั้งหมดที่เรากำลังร่วมกันแจกจ่ายออกไปนั้นถวายเกียรติแด่พระยะโฮวา พระเจ้าของเรา!
พระยะโฮวาทรงมองดูโรงพิมพ์นี้อย่างไร?
บราเดอร์บารร์ได้ขอให้ผู้ฟังคิดดูด้วยว่าพระยะโฮวาทรงมองดูโรงพิมพ์นี้อย่างไร. แน่นอนว่าพระองค์ไม่จำเป็นต้องพึ่งโรงพิมพ์นี้. พระองค์สามารถทำให้ก้อนหินประกาศข่าวดีได้! (ลูกา 19:40) นอกจากนี้ พระองค์ไม่ทรงรู้สึกประทับใจกับความสลับซับซ้อน, ขนาด, ความเร็ว, หรือความสามารถของเครื่องจักร. พระองค์ทรงเป็นถึงผู้สร้างเอกภพ! (บทเพลงสรรเสริญ 147:10, 11) พระยะโฮวาทรงทราบวิธีผลิตสรรพหนังสือที่ก้าวหน้ากว่านี้มาก ซึ่งเป็นวิธีที่มนุษย์ไม่เคยคิดขึ้นหรือแม้แต่จะนึกออก. ถ้าอย่างนั้น พระยะโฮวาทรงมองเห็นอะไรซึ่งทรงถือว่ามีค่าจริง ๆ? แน่นอนว่าสิ่งที่พระองค์ทรงมองเห็นในโรงพิมพ์แห่งนี้คือคุณสมบัติที่มีค่าในตัวประชาชนของพระองค์ ซึ่งได้แก่ความรัก, ความเชื่อ, และการเชื่อฟัง.
มีการยกตัวอย่างเพื่ออธิบายว่าความรักเกี่ยวข้องอย่างไร. เด็กหญิงคนหนึ่งทำขนมเค้กสำหรับพ่อแม่. ผู้เป็นพ่อแม่ย่อมจะรู้สึกประทับใจ. ใช่แล้ว ไม่ว่าเค้กก้อนนั้นจะออกมาดีหรือไม่ สิ่งที่ทำให้พ่อแม่ประทับใจคือความรักที่ลูกมีต่อพวกเขา ซึ่งเธอได้แสดงออกโดยการกระทำที่มีน้ำใจ. ในทำนองเดียวกัน เมื่อพระยะโฮวาทรงมองดูโรงพิมพ์ใหม่แห่งนี้ พระองค์ทรงมองดูมากกว่าที่ตัวอาคารและเครื่องจักร. ประการสำคัญคือ พระองค์ทรงมองว่าโรงพิมพ์แห่งนี้เป็นการแสดงออกถึงความรักต่อพระนามของพระองค์.—เฮ็บราย 6:10.
ไม่เพียงเท่านั้น เช่นเดียวกับที่พระยะโฮวาทรงมองดูนาวาว่าเป็นการแสดงออกถึงความเชื่อของโนฮา พระองค์ก็ทรงมองดูโรงพิมพ์นี้ว่าเป็นพยานหลักฐานที่มองเห็นได้ถึงความเชื่อของเรา. ความเชื่อในเรื่องอะไร? โนฮามีความเชื่อว่าสิ่งที่พระยะโฮวาตรัสไว้จะเกิดขึ้นจริง. เรามีความเชื่อว่าเรากำลังอยู่ในสมัยสุดท้าย, เชื่อว่าข่าวดีเป็นข่าวสารสำคัญที่สุดที่มีการประกาศบนโลกนี้, และเชื่อว่าประชาชนจำเป็นต้องได้ยินข่าวสารนี้. เรารู้ว่าข่าวสารจากคัมภีร์ไบเบิลสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้.—โรม 10:13, 14.
ไม่ต้องสงสัยว่า พระยะโฮวาทรงมองเห็นการแสดงออกถึงการเชื่อฟังในโรงพิมพ์แห่งนี้ด้วย. ดังที่เราทราบ พระองค์ทรงประสงค์ให้ข่าวดีได้รับการประกาศไปทั่วโลกก่อนที่อวสานจะมาถึง. (มัดธาย 24:14) โรงพิมพ์แห่งนี้ รวมทั้งแห่งอื่น ๆ ที่มีอยู่ทั่วโลก จะมีบทบาทในการทำให้งานนี้บรรลุผลสำเร็จ.
ใช่แล้ว ความรัก, ความเชื่อ, และการเชื่อฟังซึ่งแสดงออกโดยการสนับสนุนด้านการเงิน, การก่อสร้าง, และการใช้อาคารเหล่านี้มีให้เห็นในกิจกรรมที่ประชาชนของพระยะโฮวาทำอยู่ด้วยใจแรงกล้าในทุกหนแห่ง ขณะที่พวกเขาประกาศความจริงแก่ทุกคนที่เต็มใจฟังต่อ ๆ ไป.
[กรอบ/ภาพหน้า 11]
การขยายงานพิมพ์ในสหรัฐ
ปี 1920: มีการพิมพ์วารสารด้วยเครื่องพิมพ์โรตารีเครื่องแรก ณ อาคารเลขที่ 35 ถนนเมอร์เทิล บรุกลิน.
ปี 1922: ย้ายโรงพิมพ์ไปที่อาคารหกชั้น เลขที่ 18 ถนนคอนคอร์ด. เริ่มพิมพ์หนังสือปกแข็ง.
ปี 1927: ย้ายโรงพิมพ์ไปยังอาคารที่สร้างใหม่เลขที่ 117 ถนนแอดัมส์.
ปี 1949: มีการสร้างอาคารเก้าชั้นอีกหลังหนึ่ง ทำให้โรงพิมพ์มีขนาดใหญ่ขึ้นเท่าตัว.
ปี 1956: โรงพิมพ์ที่ถนนแอดัมส์ใหญ่ขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อมีการสร้างอาคารใหม่เลขที่ 77 ที่ถนนแซนส์.
ปี 1967: มีการสร้างอาคารสิบชั้นอีกหลังหนึ่ง ทำให้อาคารโรงพิมพ์ทั้งหมดซึ่งเชื่อมต่อกันมีขนาดใหญ่กว่าเมื่อสร้างครั้งแรกสิบเท่า.
ปี 1973: มีการสร้างโรงพิมพ์ที่เล็กกว่าที่วอลล์คิลล์ สำหรับการพิมพ์วารสารโดยเฉพาะ.
ปี 2004: งานพิมพ์, เข้าเล่ม, และการจัดส่งทั้งหมดที่ทำในสหรัฐได้ย้ายไปอยู่ที่วอลล์คิลล์.