มีคุณวุฒิและเตรียมพร้อมเพื่อสอนคนอื่น ๆ
1 เมื่อโมเซได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนของพระยะโฮวา ท่านไม่คิดว่ามีคุณวุฒิจะประกาศพระคำของพระเจ้าแก่ฟาโรห์. (เอ็ก. 4:10; 6:12) ยิระมะยาเผยให้เห็นถึงการที่ท่านขาดความมั่นใจในความสามารถจะรับใช้เป็นผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวา ท่านทูลต่อพระเจ้าว่าท่านไม่รู้จะพูดอย่างไร. (ยิระ. 1:6) ถึงแม้ขาดความมั่นใจในตอนแรก ก็ปรากฏว่าผู้พยากรณ์ทั้งสองท่านเป็นพยานที่กล้าหาญสำหรับพระยะโฮวา. พระเจ้าทำให้ท่านทั้งสองมีคุณวุฒิอย่างเพียงพอ.
2 ปัจจุบัน เนื่องด้วยพระยะโฮวา เราจึงมีสิ่งที่เราจำเป็นต้องมีเพื่อทำให้งานรับใช้ของเราสำเร็จด้วยความมั่นใจ. (2 โก. 3:4, 5; 2 ติโม. 3:17) เหมือนช่างเครื่องที่ทรงประสิทธิภาพพร้อมกับเครื่องมือครบชุด เราได้รับการเตรียมไว้พร้อมอย่างเหมาะสมเพื่อทำให้งานมอบหมายของเราสำเร็จผลด้วยความชำนิชำนาญ. ในเดือนมกราคมเราจะเสนอหนังสือปกแข็งขนาดเล็กเล่มใดก็ได้ที่พิมพ์ก่อนปี 1990 และที่ประชาคมอาจมีอยู่ในคลัง. แม้ว่าเครื่องมือฝ่ายวิญญาณเหล่านี้ไม่ใช่ของใหม่ แต่สาระสำคัญด้านพระคัมภีร์ยังทันสมัยและหนังสือเหล่านี้จะช่วยผู้คนให้เรียนรู้ความจริง. การเสนอที่แนะให้ต่อไปนี้อาจปรับให้เข้ากับหนังสือปกแข็งใด ๆ ก็ได้ที่เสนอ.
3 อาจใช้เรื่องเกี่ยวกับการศึกษาเพื่อสร้างความสนใจในพระคำของพระเจ้า. คุณอาจเริ่มการสนทนาด้วยการพูดอย่างนี้:
▪ “ทุกวันนี้เน้นกันมากในเรื่องความจำเป็นต้องมีการศึกษาที่มีคุณภาพ. ตามความเห็นของคุณ การศึกษาชนิดใดที่คนเราน่าจะมุ่งแสวงหาเพื่อทำให้แน่ใจในเรื่องความสุขและความสำเร็จยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต? [ให้เขาตอบ.] ผู้ที่รับเอาความรู้เกี่ยวกับพระผู้สร้างสามารถจะได้มาซึ่งผลประโยชน์ยั่งยืน. [อ่านสุภาษิต 9:10, 11.] คู่มือเล่มนี้ [บอกชื่อหนังสือที่คุณเสนอ] อาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลัก. หนังสือนี้ชี้ถึงแหล่งความรู้เพียงแหล่งเดียวที่สามารถนำไปสู่ชีวิตนิรันดร์.” ให้เขาดูตัวอย่างโดยเฉพาะในหนังสือนั้น. เสนอหนังสือแล้วปูทางไว้สำหรับการกลับเยี่ยมเยียน.
4 เมื่อกลับเยี่ยมเจ้าของบ้านที่คุณได้พูดคุยเรื่องความสำคัญของการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล คุณอาจพูดว่า:
▪ “ตอนที่ผมมาหาคราวก่อน เราคุยกันถึงคัมภีร์ไบเบิลว่าเป็นแหล่งความรู้ซึ่งสามารถรับประกันอนาคตถาวรของเรา. แน่นอน คงต้องใช้ความพยายามเพื่อจะเรียนรู้สิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้จากพระคัมภีร์. [อ่านสุภาษิต 2:1-5.] หลายคนพบว่ายากจะเข้าใจบางตอนในคัมภีร์ไบเบิล. ผมอยากจะแสดงให้เห็นสั้น ๆ ถึงวิธีที่เราใช้กันอย่างกว้างขวางเพื่อช่วยผู้คนให้เรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับคำสอนพื้นฐานในคัมภีร์ไบเบิล.” โดยใช้หนังสือที่เขารับไว้ เปิดไปยังหน้าที่เหมาะสมและสาธิตการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล. ถ้าเจ้าของบ้านปรารถนาจะศึกษาเป็นประจำก็ชี้แจงว่าคุณจะกลับไปหาพร้อมกับคู่มือศึกษาของเราคือหนังสือความรู้ซึ่งนำไปสู่ชีวิตนิรันดร์.
5 หลายคนไม่สบายใจเนื่องด้วยความทุกข์ยากของเด็กหลายล้านคนในโลก. คุณอาจช่วยเจ้าของบ้านให้มองเห็นได้ว่า พระเจ้าทรงมองดูสภาพการณ์นั้นอย่างไรโดยพูดว่า:
▪ “ผมแน่ใจว่าคุณคงได้เห็นรายงานข่าวเกี่ยวกับเด็ก ๆ ทั่วโลกที่หิวโหย, เจ็บป่วย, และถูกทอดทิ้ง. ทำไมองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องถึงไม่เคยสามารถแก้ไขสภาพการณ์นั้นได้สักที? [ให้เขาออกความเห็น.] พระผู้สร้างทรงประสงค์สิ่งดีที่สุดสำหรับมนุษย์. ขอให้สังเกตนะครับว่าพระองค์ทรงสัญญาอะไรสำหรับทั้งเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ ตามที่มีบันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล. [อ่านวิวรณ์ 21:4.] หนังสือนี้ [บอกชื่อ] ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกที่พระองค์ทรงสร้างซึ่งความทุกข์ยากจะหมดไป.” ถ้าเป็นได้ ให้เปิดไปยังภาพประกอบที่แสดงถึงอุทยานและพิจารณาภาพนั้น. เสนอหนังสือและนัดหมายสำหรับการกลับเยี่ยมอีก.
6 ถ้าในครั้งแรกคุณพูดเกี่ยวกับความทุกข์ยากของเด็ก ๆ ในการเยี่ยมครั้งต่อไปคุณอาจพูดเรื่องนั้นต่อโดยพูดอย่างนี้:
▪ “ตอนที่ผมมาหาเมื่อเร็ว ๆ นี้ คุณแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับสภาพการณ์ของเด็ก ๆ ที่ทนทุกข์เนื่องจากสภาพบ้านแตก, การขาดแคลนอาหาร, ความเจ็บป่วย, และความรุนแรง. คงจะทำให้สบายใจขึ้นถ้าจะอ่านในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับโลกที่ทั้งเด็ก ๆ และผู้ใหญ่จะไม่ต้องป่วย, เจ็บปวด, หรือตาย. คำพยากรณ์ในพระธรรมยะซายาพรรณนาถึงชีวิตที่ดีกว่าซึ่งจะมีขึ้นบนแผ่นดินโลก.” อ่านและพิจารณายะซายา 65:20-25. ดำเนินเรื่องไปจนถึงการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลด้วยหนังสือความรู้ ในที่สุด.
7 เนื่องจากการอธิษฐานเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผู้คนที่เคร่งศาสนา คุณอาจเริ่มการสนทนาด้วยหัวข้อนี้โดยพูดว่า:
▪ “เป็นครั้งคราวในชีวิตที่เราส่วนใหญ่ประสบปัญหาที่กระตุ้นใจเราให้ทูลอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า. และถึงกระนั้น หลายคนรู้สึกว่าคำอธิษฐานของเขาไม่ได้รับคำตอบ. ดูเหมือนว่าแม้แต่พวกผู้นำศาสนาที่อธิษฐานอย่างเปิดเผยเพื่อสันติภาพก็ไม่ได้รับการสดับ. เราพูดอย่างนี้ก็เพราะสงครามและความรุนแรงยังคงทำให้มนุษยชาติเป็นทุกข์เดือดร้อนอยู่. พระเจ้าทรงสดับคำอธิษฐานจริง ๆ ไหม? ถ้าพระองค์ทรงสดับ ทำไมคำอธิษฐานมากมายดูเหมือนไม่ได้รับคำตอบ? [ให้เขาออกความเห็น.] บทเพลงสรรเสริญ 145:18 อธิบายว่ามีการเรียกร้องอะไรบ้างหากคำอธิษฐานของเราจะได้รับคำตอบ. [อ่านข้อพระคัมภีร์.] ประการหนึ่งคือ คำอธิษฐานถึงพระเจ้าต้องมาจากใจจริงและประสานกับความจริงที่มีอยู่ในพระคำของพระองค์ คือคัมภีร์ไบเบิล.” ให้เขาดูหนังสือที่คุณเสนอ และชี้ให้เห็นว่าหนังสือนี้บอกอย่างไรเกี่ยวกับคุณค่าของการอธิษฐาน.
8 เมื่อติดตามการพิจารณาคราวก่อนเกี่ยวกับการอธิษฐาน คุณอาจลองใช้วิธีพูดนี้:
▪ “ผมชอบที่เราสนทนากันเรื่องการอธิษฐานมาก. แน่ใจได้ว่าคุณจะพบว่าแนวคิดของพระเยซูเกี่ยวกับสิ่งที่จะอธิษฐานขอจะเป็นข้อชี้แนะที่ช่วยได้มากทีเดียว.” อ่านมัดธาย 6:9, 10 ชี้ให้เห็นสิ่งที่พระเยซูทรงห่วงใยเป็นอันดับแรกในคำอธิษฐานอันเป็นแบบอย่างของพระองค์. ให้ดูหนังสือความรู้ บท 16 “วิธีที่คุณจะเข้าใกล้พระเจ้าได้” และถามว่าคุณจะสาธิตวิธีศึกษาเรื่องนี้ให้เขาดูได้ไหม.
9 เมื่อพิจารณาเรื่องการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าแก่คนอื่น ๆ เราอาจถามว่า “ใครเล่าจะมีความสามารถเหมาะกับกิจเหล่านี้?” พระคัมภีร์ตอบว่า “เราเองนั่นแหละ.”—2 โก. 2:16, 17.