คุณจะทำตัวให้พร้อมได้ไหม?
1 เกิดเหตุการณ์อันน่าทึ่งในปี 778 ก่อน ส.ศ. ในนิมิต ผู้พยากรณ์ยะซายาเห็น “องค์พระผู้เป็นเจ้า [“พระยะโฮวา,” ล.ม.] ประทับเหนือพระที่นั่งสูงเด่น.” จากนั้นยะซายาได้ยินพวกเซราฟชี้ให้สนใจสง่าราศีของพระยะโฮวา โดยกล่าวว่า “พระยะโฮวาแห่งพลโยธาทั้งหลาย, เป็นบริสุทธิ์, เป็นบริสุทธิ์, เป็นบริสุทธิ์.” น่าเกรงขามสักเพียงไร! ในตอนนั้น พระยะโฮวาตั้งคำถามเชิงท้าทายว่า “เราจะใช้ผู้ใดไป, และผู้ใดจะไปแทนเรา”? ไม่มีคำอธิบายว่างานนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไรหรือคนที่อาสาสมัครจะได้ผลประโยชน์อะไรบ้าง. กระนั้น ยะซายาตอบโดยไม่ลังเลว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่; ทรงใช้ข้าพเจ้าเถิด.”—ยซา. 6:1, 3, 8.
2 ความเต็มใจจะทำอะไรก็ตามที่พระยะโฮวาบอกนั้นเป็นลักษณะเด่นของไพร่พลพระองค์. (เพลง. 110:3) และตอนนี้มีคำเชิญพิเศษสำหรับคนที่สามารถทำให้ตัวเองอยู่พร้อม. คุณพร้อมจะตอบรับด้วยความเต็มใจเหมือนกับยะซายาไหม?
3 มีความต้องการพี่น้องชายเพื่อมารับใช้ที่เบเธลอยู่เสมอ. พี่น้องเหล่านั้นต้องมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้ผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักรมาเป็นอันดับแรกและเต็มใจทำอะไรก็ตามที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนงานประกาศทั่วโลก. (มัด. 6:33) ที่จริง การรับใช้ในฐานะสมาชิกครอบครัวเบเธลให้โอกาสพิเศษแก่คนเราที่จะรับใช้พระยะโฮวาอย่างสิ้นสุดจิตวิญญาณ. ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
4 งานที่กำลังดำเนินอยู่ที่เบเธล: ขอให้คิดถึงงานซึ่งทำเป็นประจำที่เบเธลกรุงเทพฯ. พี่น้อง 35 คนซึ่งเป็นสมาชิกครอบครัวเบเธลมีสิทธิพิเศษที่ได้มีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดในการสนับสนุนชนจำพวกทาสสัตย์ซื่อและสุขุมและคณะกรรมการปกครองของทาสนั้นในการแปลสรรพหนังสือที่อาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลักเพื่อใช้ในเขตงานและในการศึกษาส่วนตัว. (มัด. 24:45) จำต้องมีผู้อาสาสมัครที่เต็มใจทำงานขนส่งสรรพหนังสือ, ทำความสะอาด, บำรุงรักษา, เตรียมอาหาร, ซื้อของ, ดูแลสุขภาพ, รวมทั้งงานอื่น ๆ ในเบเธล.
5 ทั้งหมดนี้เป็นงานใหญ่แต่ก็ทำให้อิ่มใจพอใจทางฝ่ายวิญญาณ. การรู้ว่าเราได้ใช้กำลังและพลังงานทั้งหมดเพื่อสนับสนุนงานประกาศและงานสอนทำให้เกิดความยินดีมาก. การรับใช้ที่เบเธลช่วยให้เรารู้จักองค์การของพระยะโฮวาละเอียดยิ่งขึ้น. เราได้รับการเตือนให้ระลึกว่าผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญได้กระตุ้นชาวยิศราเอลให้ทำความรู้จักมากขึ้นกับศูนย์กลางการปกครองตามระบอบของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกในสมัยนั้น.—เพลง. 48:12, 13.
6 พระพรแห่งการรับใช้ที่เบเธล: คนที่รับใช้ที่เบเธลรู้สึกอย่างไรกับสิทธิพิเศษในการรับใช้ของตน? โปรดสังเกตคำกล่าวต่อไปนี้จากสมาชิกครอบครัวเบเธลทั้งจากคนหนุ่มสาวและคนสูงอายุ. สมาชิกครอบครัวเบเธลคนหนึ่งซึ่งได้รับใช้มาสามปีกล่าวว่า “การอยู่เบเธลทำให้ความสัมพันธ์ของดิฉันกับพระยะโฮวาแน่นแฟ้นขึ้น. ยิ่งรับใช้ที่นี่นานขึ้นและรู้วิธีดำเนินงานของเบเธลมากขึ้น นั่นก็ยิ่งสอนดิฉันมากขึ้นในเรื่องบุคลิกภาพของพระยะโฮวา. การรับใช้ที่เบเธลยังทำให้ดิฉันเห็นว่าพระยะโฮวาทรงใช้ไพร่พลของพระองค์—ผู้คนทุกชนิด. และคุณไม่ต้องเป็นคนสมบูรณ์เพื่อจะเป็นที่ยอมรับสำหรับพระองค์ได้.”
7 พี่น้องหนุ่มคนหนึ่งเล่าว่า “ผมจำที่ผมคิดในใจได้ว่า ‘จะดีสักแค่ไหนถ้าได้เข้าโลกใหม่และเล่าให้พวกผู้ซื่อสัตย์ในสมัยโบราณฟังว่าผมเคยรับใช้ที่เบเธลหลายปี ไม่ใช่พยายามหาความร่ำรวยอยู่ข้างนอก.’”
8 พี่น้องหนุ่มคนหนึ่งคิดถึงการฝึกฝนที่เขาได้รับดังนี้: “การเรียนรู้จักตัวเองและสิ่งที่ผมต้องเอาใจใส่แล้วพัฒนาคุณลักษณะเหล่านั้นนับว่าเป็นพระพรใหญ่หลวง. ผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมสามารถรับใช้พระยะโฮวาได้ดีขึ้น. ผมพบว่าผมมีความอดทนมากขึ้นหน่อยหนึ่ง, มีการรู้จักบังคับตนมากขึ้นหน่อยหนึ่ง, และสามารถแสดงความรักได้มากขึ้น.”
9 พี่น้องหญิงคนหนึ่งคิดถึงพระพรที่ได้รับจนถึงขณะนี้: “การจัดเตรียมฝ่ายวิญญาณที่นี่ได้สอนดิฉันมากขึ้นเกี่ยวกับพระยะโฮวาและวิธีที่ดิฉันจะเลียนแบบพระองค์ได้มากขึ้นในด้านความคิด, ความรู้สึก, และการกระทำ. และเนื่องจากการฝึกอบรมดำเนินไปเรื่อย ๆ จึงเป็นพระพรที่มีมาเรื่อย ๆ.”
10 พี่น้องชายคนหนึ่งซึ่งได้อุทิศเวลาทั้งหมด 52 ปีในการรับใช้เต็มเวลา ซึ่งรวมถึงการรับใช้ที่เบเธล 30 กว่าปี กล่าวว่า “เบเธลไม่เหมือนวัดหรืออาราม ดังที่บางคนอาจคิดเช่นนั้น. เราทำงานลุล่วงไปได้มากเพราะเรามีกำหนดการในชีวิต. . . . ไม่เคยมีวันไหนที่ผมมาทำงานและไม่เพลิดเพลินกับงานที่ผมได้ทำ. ทำไม? เพราะเมื่อเราสละตัวเองสิ้นสุดจิตวิญญาณแด่พระยะโฮวา เราเกิดความอิ่มใจพอใจเพราะเรารู้อยู่ว่า ‘เราได้กระทำตามหน้าที่ซึ่งเราควรกระทำ.’”—ลูกา 17:10.
11 สมาชิกครอบครัวเบเธลเหล่านี้ได้กล่าวถึงพระพรเพียงไม่กี่อย่างจากพระพรมากมายที่คุณจะได้รับถ้าคุณทำตัวให้พร้อมสำหรับการรับใช้ที่เบเธล. แต่ดังที่เป็นจริงกับการรับสิทธิพิเศษใด ๆ ในการรับใช้ คุณต้องบรรลุคุณวุฒิก่อน. มีข้อเรียกร้องอะไรบ้างสำหรับการรับใช้ในฐานะสมาชิกครอบครัวเบเธล?
12 ข้อเรียกร้องสำหรับการรับใช้ที่เบเธล: ข้อเรียกร้องพื้นฐานสำหรับคนที่สมัครจะรับใช้ที่เบเธลมีแสดงไว้ในกรอบของบทความนี้. นอกจากนั้น นับว่าสำคัญที่พวกเขาจะเต็มใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ไม่เป็น “คนรักการสนุกสนาน.” (2 ติโม. 3:4; 1 โก. 13:11) สมาชิกครอบครัวเบเธลทั้งชายและหญิงควรเป็นมนุษย์ฝ่ายวิญญาณซึ่งได้สร้างนิสัยที่ดีในการศึกษาส่วนตัวและได้ฝึกฝนความสามารถในการสังเกตเข้าใจเพื่อ “แยกออกว่าอะไรถูกอะไรผิด.” (เฮ็บ. 5:14, ล.ม.) เขาควรแสดงความอาวุโสแบบคริสเตียนให้เห็นในทุกแง่มุมของชีวิตอยู่แล้ว รวมทั้งเรื่องเสื้อผ้า, การแต่งกาย, และการเลือกในเรื่องดนตรีและความบันเทิง. สมาชิกครอบครัวเบเธลที่เต็มใจจะยินดีรับใช้ไม่ว่าที่ใด ๆ ที่อาจมีความจำเป็น. สมาชิกครอบครัวที่ยังเป็นหนุ่มสาวมักได้รับงานมอบหมายที่ต้องใช้กำลัง ซึ่งรวมถึงการส่งสรรพหนังสือ, การบำรุงรักษา, งานบ้าน, ทำความสะอาด, ซักรีด, และเตรียมอาหาร. (สุภา. 20:29) แต่ไม่เหมือนกับงานฝ่ายโลก งานมอบหมายแต่ละอย่างทำให้มีความอิ่มใจพอใจเพราะเป็นการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งนำสง่าราศีมาสู่พระยะโฮวา.—โกโล. 3:23.
13 คนที่ได้รับเชิญมาที่เบเธลต้องรับใช้อย่างน้อยหนึ่งปี. นี่จะทำให้พวกเขาได้รับการฝึกฝนเพื่อเป็นคนงานที่มีประสิทธิภาพ. มีการหวังว่าพวกเขาจะสามารถทำให้เบเธลเป็นบ้านของตน. ความรักต่อพระยะโฮวากระตุ้นสมาชิกครอบครัวเบเธลให้ถือเอาผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักรมาก่อนผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่พระยะโฮวาพอพระทัย. (มัด. 16:24) ถ้าคุณยื่นใบสมัครแล้วและไม่ได้รับเชิญมาที่เบเธล อย่าหมดกำลังใจ. คุณอาจพิจารณาเรื่องการส่งใบสมัครใหม่ปีละครั้ง.
14 การรับใช้พระยะโฮวาอย่างใกล้ชิดกับพี่น้องของพระคริสต์เป็นสิทธิพิเศษอันหาที่เปรียบมิได้สำหรับผู้ที่ทำงานในเบเธล. คณะกรรมการปกครองหยั่งรู้ค่าน้ำใจเสียสละของทุกคนที่ทำให้ตัวเองพร้อมที่จะรับใช้เพื่อความจำเป็นของสังคมพี่น้องทั่วโลก.—ฟิลิป. 2:20-22; 2 ติโม. 4:11.
15 เยาวชนทั้งหลาย—จงเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่บัดนี้เพื่องานรับใช้ที่เบเธล: การเตรียมตัวเพื่อทำงานรับใช้ที่เบเธลเริ่มขึ้นนานก่อนจะถึงอายุ 19 ปีซึ่งเป็นอายุขั้นต่ำ. เยาวชนจะทำอะไรได้บ้างเพื่อเตรียมตัวสำหรับการรับใช้ที่เบเธล? พระเยซูตรัสว่า “ในพวกท่านมีผู้ใดเมื่อปรารถนาจะสร้างป้อม, แล้วจะไม่นั่งลงคิดราคาดูเสียก่อนว่าจะมีพอสร้างให้สำเร็จได้หรือไม่?” (ลูกา 14:28) เนื่องจากการเตรียมตัวและการวางแผนเป็นสิ่งสำคัญเพื่อจะประสบความสำเร็จในโครงการก่อสร้างใด ๆ ก็ตาม นับว่าสำคัญสักเพียงไรที่เยาวชนจะเอาใจใส่อย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับการสร้างอนาคตของตนในงานรับใช้พระยะโฮวา! ต้องมีการวางรากฐานอันมั่นคงตั้งแต่เยาว์วัยเพื่อพวกเขาจะสามารถบรรลุเป้าหมายฝ่ายวิญญาณได้. พวกคุณที่เป็นเยาวชนกำลังวางรากฐานของคุณไว้ดีเพียงไร? ถ้าคุณต้องการจะรับใช้ที่เบเธล คุณจะได้รับประโยชน์จากการพิจารณาจุดต่าง ๆ ต่อไปนี้อย่างถี่ถ้วน.
16 ‘ทำตัวให้พร้อม’ สำหรับสิทธิพิเศษแห่งการรับใช้นี้: ดังบันทึกไว้ที่มัดธาย 19:12 (ล.ม.) พระเยซูทรงสนับสนุนสาวกของพระองค์ให้ ‘ทำตัวให้พร้อม’ สำหรับแนวทางชีวิตแห่งการเป็นโสด. ทำไม? ไม่ใช่เนื่องจากเหตุผลส่วนตัว แต่ “เพราะเห็นแก่ราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์.” เปาโลสนับสนุนแนวทางชีวิตนั้นเช่นกันเพื่อจะ “ปฏิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยปราศจากความกระวนกระวาย.” (1 โก. 7:32-35) น่าเศร้า หลายคนพลาดสิทธิพิเศษแห่งการรับใช้ในฐานะชายโสดที่เบเธลเพราะรีบแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย. เราอยากจะสนับสนุนพี่น้องหนุ่ม ๆ ของเราให้ใช้พลังของตนมุ่งทำงานรับใช้เต็มเวลาขณะที่ยังไม่มีภาระเรื่องครอบครัว. จากนั้น ถ้าเวลาผ่านไประยะหนึ่งแล้วพวกเขาตัดสินใจจะแต่งงาน พวกเขาก็จะเป็นสามีที่ดีกว่ามากเพราะมีประสบการณ์มากขึ้นในชีวิตและในงานรับใช้ของคริสเตียน. หลังจากรับใช้หลายปีที่เบเธล บางคนได้แต่งงานและสามารถรับใช้ที่นั่นต่อไปในฐานะสามีภรรยา. ถ้าพวกเขาได้รับสิทธิพิเศษอื่น ๆ ในเวลาต่อมา เช่น งานเดินทางหรือการเป็นไพโอเนียร์พิเศษ พวกเขาจะไม่เสียใจอย่างแน่นอนที่ได้ทำตัวให้พร้อมเพื่อรับใช้ที่เบเธล.
17 อย่าไขว้เขวไปกับการมุ่งติดตามสิ่งฝ่ายวัตถุ: เยาวชนแต่ละคนควรถามตัวเองว่า ‘หลังจากจบชั้นมัธยมแล้วผมมีเป้าหมายจะทำงานอาชีพเต็มเวลาหรือจะรับใช้พระยะโฮวาเต็มเวลา?’ จริงอยู่ การรับใช้พระยะโฮวาเต็มเวลาต้องมีการเสียสละ. แต่การทำงานอาชีพก็ต้องเสียสละเช่นกัน! ในที่สุดแล้ว แนวทางไหนจะมีประโยชน์มากกว่าและมีผลที่ยั่งยืนกว่า? พระเยซูทรงให้คำตอบที่ชัดเจน. พระองค์ตรัสดังที่บันทึกไว้ในมัดธาย 6:19-21 ว่า “อย่าสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก, ที่ตัวหนอนและสนิมอาจทำลายเสียได้, และที่ขโมยอาจขุดช่องล้วงลักเอาไปได้. แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์, ที่หนอนหรือสนิมทำลายเสียไม่ได้, และที่ไม่มีขโมยขุดช่องล้วงลักเอาไปได้. เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน, ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย.” ขออย่าให้หัวใจนำเราไปสู่การมุ่งติดตามงานอาชีพหรือทรัพย์สมบัติแทนที่จะรับใช้พระยะโฮวาด้วยสิ้นสุดจิตวิญญาณ. เราทุกคนต้องยอมรับว่าสิ่งล้ำค่าเพียงอย่างเดียวที่ควรแสวงหาคือการมีสัมพันธภาพอันดีกับพระยะโฮวา เพื่อเราจะทำให้พระทัยของพระองค์ยินดี. (สุภา. 27:11) โดยการให้พระยะโฮวามาเป็นอันดับแรกในชีวิตของเราขณะที่เรายังหนุ่มแน่น เราแสดงว่าค่านิยมของเราอยู่ที่ไหน และราชอาณาจักรเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเราเพียงไร. จงจำไว้ว่า “พระพรของพระยะโฮวากระทำให้เกิดความมั่งคั่ง; และพระองค์จะไม่เพิ่มความทุกข์ยากให้เลย.” (สุภา. 10:22) เยาวชนมีโอกาสอันยอดเยี่ยมเพื่อจะแสดงว่าหัวใจของตนอยู่ที่ไหนโดยถวายสิ่งที่มีค่าคืนแด่พระยะโฮวาเป็นการตอบแทนสิ่งดีทุกสิ่งที่พระองค์ทรงประทานให้พวกเขา. การรับใช้ที่เบเธลให้โอกาสอันยอดเยี่ยมสำหรับคนที่บรรลุคุณวุฒิ.
18 ผู้รับใช้ที่เบเธลต้องสะอาดทางศีลธรรม: ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญถามว่า “คนหนุ่มทำไฉนจึงจะได้ชำระทางประพฤติของตนให้บริสุทธิ์?” ท่านตอบว่า “ให้ระวังในทางประพฤติตามพระดำรัสของ [พระยะโฮวา].” (เพลง. 119:9) นั่นรวมไปถึงการหลีกเลี่ยงอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมทรามทางศีลธรรมในระบบของซาตาน. สื่อลามกทางอินเทอร์เน็ต, ความประพฤติที่ไม่เหมาะสมกับเพศตรงข้าม, ดนตรีและความบันเทิงที่เสื่อมทราม, และการดื่มแอลกอฮอล์เมื่ออายุยังไม่ถึงเกณฑ์เป็นเพียงบ่วงแร้วบางอย่างที่ซาตานใช้เพื่อไม่ให้เยาวชนของเราบรรลุเป้าหมายฝ่ายวิญญาณ. จำต้องมีความตั้งใจแน่วแน่เพื่อต้านทานกลอุบายเหล่านี้. ถ้าคุณที่เป็นเยาวชนพบว่าตัวเองกำลังเข้าไปพัวพันกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่กล่าวมา จงคุยกับผู้ปกครองในประชาคมของคุณและแก้ไขเรื่องนั้นก่อนที่คุณจะสมัครมารับใช้ที่เบเธล. การมีสติรู้สึกผิดชอบที่สะอาดเป็นสิ่งสำคัญที่จะรับใช้พระยะโฮวาได้อย่างเต็มที่.—1 ติโม. 1:5.
19 เรียนรู้จะเข้ากับคนอื่น: ข้อเรียกร้องสำคัญข้อหนึ่งเพื่อจะทำงานรับใช้ที่เบเธลอย่างประสบความสำเร็จคือการเรียนรู้ที่จะเข้ากับคนอื่น. ครอบครัวเบเธลประกอบด้วยพี่น้องชายหญิงจากทุกฐานะในสังคม. ขณะที่บุคลิกภาพที่หลากหลายเพิ่มความงดงามทางฝ่ายวิญญาณแก่เบเธล แต่บางครั้งก็เป็นข้อท้าทายด้วย. ถ้าคุณกำลังพิจารณาการรับใช้ที่เบเธล คุณควรถามตัวเองว่า ‘ผมอารมณ์เสียง่ายไหมเมื่อคนอื่นไม่เห็นด้วยกับผม? คนอื่นคิดว่าผมเป็นคนที่คบได้ง่ายไหม?’ ถ้าคุณต้องปรับปรุงตัวเองในเรื่องนี้ จงเริ่มตั้งแต่บัดนี้. การทำเช่นนั้นจะช่วยคุณให้ปรับตัวเข้ากับการอยู่และการทำงานร่วมกับสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวเบเธลได้ง่ายขึ้น.
20 จงพยายามอย่างหนักในการเป็นมนุษย์ฝ่ายวิญญาณโดยปลูกฝังสัมพันธภาพอันใกล้ชิดกับพระยะโฮวา. จงจัดตารางเวลาให้ดีสำหรับการศึกษาส่วนตัว ซึ่งรวมเอาการอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวัน. จงกระตือรือร้นในการแบ่งปันข่าวดีกับคนอื่น. โดยการทำอย่างนั้น คุณจะทำให้ความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณของคุณปรากฏแจ้ง. (1 ติโม. 4:15) คนที่เตรียมตัวตั้งแต่บัดนี้เพื่อทำให้งานรับใช้เต็มเวลาเป็นงานประจำชีพมีโอกาสอันยอดเยี่ยมอะไรเช่นนั้น!
21 บิดามารดาทั้งหลาย จงฝึกฝนบุตรของคุณ: บิดามารดาจะทำอะไรได้เพื่อสนับสนุนเยาวชนให้มุ่งในงานรับใช้เต็มเวลา? พระเยซูตรัสว่า “ศิษย์ทุกคนที่ได้รับการฝึกสอนดีแล้วก็จะเสมอกับครูของตน.” (ลูกา 6:40) ศิษย์ที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดีย่อมจะแสดงคุณสมบัติอันดีของครูที่อุทิศตน. หลักการนี้น่าคิดสำหรับบิดามารดาคริสเตียน ขณะที่พวกเขาพยายามอย่างหนักในการฝึกฝนบุตรของตน “พร้อมด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้าเป็นเป้าหมาย.” (1 ติโม. 4:7, ล.ม.) เนื่องจากเด็ก ๆ มีแนวโน้มจะแสดงเจตคติของบิดามารดาเกี่ยวกับเรื่องทางสิ่งฝ่ายวิญญาณ บิดามารดาจึงควรถามตัวเองว่า ‘เราเองถือว่างานที่ทำในเบเธลเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์แห่งการนมัสการแท้ที่ถวายแด่พระยะโฮวานั้นมีค่าสูงไหม? เราตระหนักถึงพระพรจากพระยะโฮวาต่อการจัดเตรียมเรื่องเบเธลไหม? เราเชื่อไหมว่าการใช้ชีวิตรับใช้พระยะโฮวาเป็นงานประจำชีพที่ดีที่สุดที่บุตรของเราจะเลือกได้?’ การที่เรามีความหยั่งรู้ค่าจากหัวใจต่องานรับใช้ที่เบเธลจะช่วยเราให้ปลูกฝังความหยั่งรู้ค่าคล้าย ๆ กันในตัวบุตรของเรา.
22 เอ็ลคานากับฮันนามีความหยั่งรู้ค่าต่อการนมัสการแท้. พวกเขาวางตัวอย่างที่โดดเด่นสำหรับบิดามารดาคริสเตียนในทุกวันนี้. ในยิศราเอลโบราณ มีข้อเรียกร้องเฉพาะชายชาวยิศราเอลให้ “เฝ้าพระยะโฮวาปีละสามครั้ง” ที่พลับพลา. อย่างไรก็ตาม เอ็ลคานาเดินทางประมาณ 30 กิโลเมตร คงจะเป็นการเดินเท้า พร้อมกับทั้งครอบครัวของเขา “ทุก ๆ ปี” เพื่อถวายเครื่องบูชาที่ศูนย์กลางการนมัสการพระยะโฮวา. (เอ็ก. 23:17; 1 ซามู. 1:3, 4, 9, 19; 2:19) เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าครอบครัวผู้นี้ต้องการให้ทุกคนในครอบครัวของเขาสนใจสิ่งฝ่ายวิญญาณเหมือนเขา.
23 นางฮันนามีความสนใจการนมัสการแท้เหมือนกับสามี. นางรู้สึกจริง ๆ ว่ามีพันธะต้องช่วยสนับสนุนการนมัสการแท้ที่พลับพลา. ฮันนาปฏิญาณว่าถ้าพระยะโฮวาประทานบุตรชายให้ นางจะให้เขารับใช้ที่พลับพลา. (1 ซามู. 1:11) พระบัญญัติของโมเซให้สิทธิ์แก่สามีที่จะยกเลิกคำปฏิญาณที่ไม่เหมาะสมของภรรยา. (อาฤ. 30:6-8) อย่างไรก็ตาม เอ็ลคานาดูเหมือนยอมตามคำปฏิญาณของฮันนา แสดงว่าเขาสนับสนุนสิ่งที่นางทำเพื่อส่งเสริมการนมัสการแท้นั้นเช่นกัน!—1 ซามู. 1:22, 23.
24 ซามูเอล บุตรชายของทั้งสองได้รับผลกระทบในทางดีจากความหยั่งรู้ค่าและน้ำใจที่ดีที่บิดามารดาของท่านแสดงออกไหม? ถูกแล้ว. เมื่อเป็นเด็ก ซามูเอลเต็มใจเอาใจใส่งานมอบหมายอย่างซื่อสัตย์และได้รับการฝึกฝนเพื่อสิทธิพิเศษอันล้ำค่ามากขึ้นในงานรับใช้พระเจ้า. การที่เอ็ลคานากับฮันนาสนใจในการรับใช้ของซามูเอลที่พลับพลาไม่ได้สิ้นสุดลงหลังจากเขารับหน้าที่ที่นั่น. พวกเขายังไปเยี่ยมซามูเอลเป็นประจำเพื่อหนุนกำลังใจและให้การสนับสนุนขณะที่ซามูเอลมุ่งติดตามการรับใช้เต็มเวลา.—1 ซามู. 2:18, 19.
25 เอ็ลคานากับฮันนาช่างเป็นตัวอย่างอันโดดเด่นอะไรเช่นนี้สำหรับบิดามารดาที่เป็นคริสเตียนในปัจจุบัน! เมื่อบุตรของเราได้ยินคำพูดที่เปี่ยมด้วยความหยั่งรู้ค่าจากหัวใจต่อสิทธิพิเศษในการรับใช้ที่เบเธลและเห็นน้ำใจแห่งการเสียสละซึ่งเราแสดงในการส่งเสริมผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักร เขาก็จะพัฒนาหัวใจที่มีแนวโน้มจะรับใช้ผู้อื่นเช่นกัน. บิดามารดาหลายคนปลูกฝังแนวโน้มที่ดีในตัวบุตรของตนอย่างประสบความสำเร็จ. เด็กอายุเจ็ดขวบคนหนึ่งเขียนว่า “เมื่อหนูโตขึ้น หนูอยากอยู่ที่เบเธล และหนูอยากจะทำงานสองสามอย่างที่นั่น. (1) พิมพ์บทความในวารสารหอสังเกตการณ์ และตื่นเถิด! (2) ทำงานในแผนกศิลป์ (3) พับผ้า. งานไหนก็ได้ หนูทำได้ทั้งนั้น.” น่าชื่นใจสักเพียงไรที่เห็นน้ำใจซึ่งแสดงถึงความเต็มใจเช่นนั้นพัฒนาขึ้นในหัวใจบุตรของเรา!
26 เยาวชนทั้งหลาย จงจำไว้ว่า “โลกนี้กับความใคร่ของโลกกำลังผ่านพ้นไป แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าคงจะตั้งอยู่เป็นนิตย์.” (1 โย. 2:17) จงมุ่งติดตามเป้าหมายฝ่ายวิญญาณต่อ ๆ ไป รวมทั้งสิทธิพิเศษในการรับใช้ที่เบเธล. บิดามารดาทั้งหลาย จงเลียนแบบอย่างของผู้ซื่อสัตย์ในสมัยโบราณซึ่งได้กระตุ้นบุตรของตนให้ปลูกฝังความเลื่อมใสในพระเจ้า. (2 เป. 3:11) และขอให้เราทุกคนทำส่วนของเราในการช่วยเหลือพี่น้องหนุ่มสาวให้รับใช้พระผู้สร้างผู้ยิ่งใหญ่อย่างเต็มที่เท่าที่เป็นไปได้ เพราะนี่ “มีคำสัญญาสำหรับชีวิตปัจจุบันนี้และชีวิตในอนาคต.”—1 ติโม. 4:8; ผู้ป. 12:1.
[กรอบหน้า 4]
ข้อเรียกร้องพื้นฐานสำหรับการรับใช้ที่เบเธล
• รับบัพติสมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งปี
• เป็นมนุษย์ฝ่ายวิญญาณและมีความรักต่อพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์อย่างลึกซึ้ง
• มีสุขภาพดีทางฝ่ายวิญญาณ, ทางจิตใจ, ทางอารมณ์, และทางร่างกาย
• สัญชาติไทย
• สามารถอ่าน, เขียน, และพูดภาษาไทยได้ดี
• อายุ 19-35 ปี