ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • เลือด—จำเป็นอย่างยิ่งต่อชีวิต
    เลือดจะช่วยชีวิตคุณได้อย่างไร?
    • อย่าง​รวด​เร็ว. ดัง​นั้น คุณ​อาจ​สงสัย​ว่า ‘แล้ว​เรื่อง​นี้​เหมาะ​สม​หรือ​ไม่​เหมาะ​สม​ใน​ทาง​การ​แพทย์?’ มี​การ​เสนอ​หลักฐาน​ทาง​การ​แพทย์​สนับสนุน​การ​รักษา​ที่​ใช้​เลือด. ดัง​นั้น คุณ​ต้อง​ตรวจ​สอบ​ข้อ​เท็จ​จริง​เอง​เพื่อ​จะ​ตัดสิน​ใจ​ได้​อย่าง​มี​ข้อมูล​ครบ​ถ้วน​ใน​เรื่อง​เลือด.

  • การถ่ายเลือด—ปลอดภัยเพียงไร?
    เลือดจะช่วยชีวิตคุณได้อย่างไร?
    • การ​ถ่าย​เลือด—ปลอด​ภัย​เพียง​ไร?

      ก่อน​ที่​จะ​ยอม​ให้​มี​การ​รักษา​ด้วย​วิธี​ทาง​การ​แพทย์​อัน​ยุ่งยาก​ใด ๆ บุคคล​ที่​มี​เหตุ​ผล​จะ​พิจารณา​ถึง​ผล​ดี​และ​ผล​เสีย​อย่าง​ถี่ถ้วน​เสีย​ก่อน. จะ​ว่า​อย่าง​ไร​เรื่อง​การ​ถ่าย​เลือด? การ​ถ่าย​เลือด​ถือ​เป็น​วิธี​รักษา​ที่​ใช้​กัน​แพร่​หลาย​ใน​ปัจจุบัน. แพทย์​จำนวน​มาก​ซึ่ง​มี​ความ​ห่วงใย​อย่าง​แท้​จริง​จะ​ไม่​รอ​ช้า​ใน​เรื่อง​การ​ถ่าย​เลือด​ให้​แก่​คนไข้​ของ​เขา. การ​ถ่าย​เลือด​นี้​ได้​ถูก​เรียก​ว่า​เป็น​การ​ประสาท​ชีวิต.

      หลาย​ล้าน​คน​ได้​เคย​บริจาค​เลือด​หรือ​ไม่​ก็​เคย​รับ​การ​ถ่าย​เลือด. ระหว่าง​ปี 1986-1987 ประเทศ​แคนาดา​มี​ผู้​บริจาค​เลือด 1.3 ล้าน​คน​ท่ามกลาง​ประชากร​ทั้ง​หมด 25 ล้าน​คน. “ใน​ปี​ล่า​สุด​เท่า​ที่​มี​ตัว​เลข​ออก​มา มี​การ​ถ่าย​เลือด 12 ล้าน​ถึง 14 ล้าน​หน่วย​เฉพาะ​ใน​สหรัฐ​ฯ ประเทศ​เดียว.”—เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ 18 กุมภาพันธ์ 1990.

      ดร. หลุยส์ เจ. คีติง ตั้ง​ข้อ​สังเกต​ว่า “เลือด​เป็น​ที่​ยอม​รับ​กัน​ว่า​มี​คุณสมบัติ​ที่​เป็น ‘มนต์​ขลัง’ เสมอ​มา. ใน​ช่วง 46 ปี​แรก ทั้ง​แพทย์​และ​คน​ทั่ว​ไป​เชื่อ​ว่า​การ​ให้​เลือด​ปลอด​ภัย​กว่า​ที่​เป็น​จริง.” (Cleveland Clinic Journal of Medicine, พฤษภาคม 1989) สภาพการณ์​ตอน​นั้น​เป็น​อย่าง​ไร และ​ตอน​นี้​ล่ะ?

      แม้​แต่​เมื่อ 30 ปี​ที่​แล้ว พยาธิ​แพทย์​และ​เจ้าหน้าที่​ธนาคาร​เลือด​ได้​รับ​คำ​เตือน​ว่า “เลือด​เป็น​เหมือน​ระเบิด​ไดนาไมท์​ที​เดียว! เลือด​อาจ​มี​คุณ​อนันต์​หรือ​ไม่​ก็​อาจ​เป็น​โทษ​มหันต์. การ​ให้​เลือด​มี​อัตรา​เสีย​ชีวิต​เท่า​กับ​การ​วาง​ยา​สลบ​ด้วย​อีเทอร์ หรือ​การ​ผ่าตัด​ไส้​ติ่ง. นั่น​คือ​จะ​ตาย​หนึ่ง​คน​ใน​ทุก ๆ 1,000 ถึง 3,000 หรือ​อาจ 5,000 ราย​ของ​การ​ถ่าย​เลือด. ใน​บริเวณ​กรุง​ลอนดอน มี​รายงาน​การ​เสีย​ชีวิต​หนึ่ง​ราย​ต่อ​การ​ถ่าย​เลือด​ทุก ๆ 13,000 ขวด.”—New York State Journal of Medicine, 15 มกราคม 1960.

      ตั้ง​แต่​นั้น​มา​ได้​มี​การ​ขจัด​อันตราย​ต่าง ๆ เพื่อ​ทำ​ให้​การ​ถ่าย​เลือด​ใน​ปัจจุบัน​มี​ความ​ปลอด​ภัย​ไหม? ที่​จริง​แล้ว ใน​แต่​ละ​ปี​มี​ผู้​คน​นับ​แสน​ที่​ประสบ​กับ​ผล​ร้าย​ซึ่ง​เกิด​ขึ้น​จาก​การ​ถ่าย​เลือด และ​หลาย​คน​เสีย​ชีวิต. เมื่อ​คำนึง​ถึง​ข้อ​วิจารณ์​ที่​มี​ก่อน​หน้า​นี้ คุณ​อาจ​นึก​ถึง​โรค​ต่าง ๆ ที่​มา​กับ​เลือด. แต่​ก่อน​ที่​จะ​ตรวจ​สอบ​เรื่อง​นี้ ให้​เรา​มา​พิจารณา​ถึง​ผล​ร้าย​อื่น ๆ ซึ่ง​มัก​จะ​ไม่​ค่อย​ทราบ​กัน​มาก​นัก.

      เลือด​กับ​ภูมิ​คุ้ม​กัน​ของ​คุณ

      ใน​ตอน​ต้น​ศตวรรษ​ที่ 20 นัก​วิทยาศาสตร์​ได้​ทำ​ให้​เรา​เข้าใจ​มาก​ขึ้น​ถึง​ความ​ซับซ้อน​อัน​น่า​พิศวง​ของ​เลือด. พวก​เขา​ได้​ทราบ​ว่า​เลือด​มี​อยู่​หลาย​ชนิด. การ​จับ​คู่​เลือด​ของ​ผู้​ให้​และ​เลือด​ของ​ผู้​ป่วย​เป็น​เรื่อง​สำคัญ​อย่าง​ยิ่ง​ใน​การ​ถ่าย​เลือด. ถ้า​คน​ที่​มี​เลือด​ชนิด เอ ไป​รับ​เลือด​ชนิด บี เข้า เขา​อาจ​มี​ปฏิกิริยา​การ​แตก​ตัว​ของ​เลือด​อย่าง​รุนแรง​ได้. ปฏิกิริยา​นี้​อาจ​ทำลาย​เม็ด​เลือด​แดง​ของ​เขา​เป็น​จำนวน​มาก และ​อาจ​ทำ​ให้​เขา​ตาย​ได้​อย่าง​รวด​เร็ว. ขณะ​ที่​การ​ตรวจ​ชนิด​ของ​เลือด​และ​การ​จับ​คู่​ชนิด​ของ​เลือด​ได้​มี​การ​ทำ​กัน​เป็น​ประจำ ความ​ผิด​พลาด​ก็​ยัง​มี​อยู่. ทุก​ปี​ยัง​คง​มี​ผู้​เสีย​ชีวิต​เพราะ​ปฏิกิริยา​การ​แตก​ตัว​ของ​เลือด.

      ข้อ​เท็จ​จริง​แสดง​ว่า​ปัญหา​เรื่อง​ความ​ไม่​เข้า​กัน​ของ​เลือด​มี​ความ​ซับซ้อน​มาก​เกิน​กว่า​แค่​การ​จับ​คู่​ชนิด​ของ​เลือด​ที่​โรง​พยาบาล​ทำ​กัน​อยู่. เพราะ​เหตุ​ใด? เอา​ละ ใน​บทความ​ของ​เขา​เรื่อง “การ​ถ่าย​เลือด: การ​ใช้, การ​ใช้​อย่าง​ผิด ๆ, และ​อันตราย​ต่าง ๆ” ดร. ดักลาส เอช. โพซีย์ จูเนียร์ เขียน​ว่า “เกือบ 30 ปี​มา​แล้ว แซมป์สัน ได้​อธิบาย​ว่า การ​ถ่าย​เลือด​เป็น​วิธี​การ​ที่​ค่อนข้าง​อันตราย . . . [ตั้ง​แต่​นั้น​มา] มี​การ​พบ​และ​จำแนก​แอน​ติ​เจน​ของ​เม็ด​เลือด​แดง​เพิ่ม​เติม​ได้​อีก​มาก​กว่า 400 ชนิด. ไม่​ต้อง​สงสัย​ว่า​จำนวน​นี้​จะ​เพิ่ม​ขึ้น​เรื่อย ๆ เพราะ​เยื่อ​หุ้ม​เม็ด​เลือด​แดง​มี​ความ​ซับซ้อน​มหาศาล.”—Journal of the National Medical Association, กรกฎาคม 1989.

      ขณะ​นี้​นัก​วิทยาศาสตร์​กำลัง​ศึกษา​ผล​ของ​การ​ถ่าย​เลือด​ซึ่ง​มี​ต่อ​ระบบ​ป้องกัน​ภัย หรือ​ระบบ​ภูมิ​คุ้ม​กัน​ของ​ร่าง​กาย. นี่​จะ​หมาย​ถึง​อะไร​สำหรับ​คุณ​หรือ​ญาติ​ของ​คุณ​เมื่อ​ต้อง​รับ​การ​ผ่าตัด?

      เมื่อ​แพทย์​ทำ​การ​ปลูก​ถ่าย​หัวใจ ตับ หรือ​อ​วัย​วะ​อื่น ๆ ระบบ​ภูมิ​คุ้ม​กัน​ของ​ผู้​ป่วย​อาจ​มี​ปฏิกิริยา​ต่อ​เนื้อ​เยื่อ​ที่​ไม่​ใช่​ของ​ร่าง​กาย​และ​ปฏิเสธ​มัน. แต่​การ​ถ่าย​เลือด​ก็​เป็น​การ​ปลูก​ถ่าย​เนื้อ​เยื่อ​ชนิด​หนึ่ง. แม้​แต่​เลือด​ที่​ได้​รับ​การ​จับ​คู่​กัน​อย่าง “ถูก​ต้อง” แล้ว ก็​อาจ​ไป​กด​ระบบ​ภูมิ​คุ้ม​กัน​ได้. ใน​การ​ประชุม​ของ​พยาธิ​แพทย์ มี​การ​กล่าว​ถึง​เรื่อง​ที่​รายงาน​ทาง​การ​แพทย์​จำนวน​นับ​ร้อย ได้ “โยง​การ​ถ่าย​เลือด​เข้า​กับ​การ​ตอบ​สนอง​ทาง​ระบบ​ภูมิ​คุ้ม​กัน.”—“มี​ประสบการณ์​จาก​ผู้​ป่วย​หลาย​ราย​มาก​ขึ้น​ทุก​ที ที่​แสดง​ว่า​ไม่​ควร​ถ่าย​เลือด,” Medical World News, 11 ธันวาคม 1989.

      หน้า​ที่​หลัก​อย่าง​หนึ่ง​ของ​ระบบ​ภูมิ​คุ้ม​กัน​ก็​คือ​การ​ตรวจ​จับ​และ​ทำลาย​เซลล์​เนื้อ​ร้าย (มะเร็ง). ระบบ​ภูมิ​คุ้ม​กัน​ซึ่ง​ถูก​กด​ไว้​นี้​จะ​ทำ​ให้​เกิด​มะเร็ง​และ​เสีย​ชีวิต​ไหม? ลอง​พิจารณา​รายงาน​สอง​เรื่อง​นี้.

      วารสาร Cancer (โรค​มะเร็ง) (ฉบับ 15 กุมภาพันธ์ 1987) ได้​รายงาน​ผล​ของ​การ​ศึกษา​ที่​ทำ​ใน​ประเทศ​เนเธอร์แลนด์​ดัง​นี้ “ใน​ผู้​ป่วย​ที่​เป็น​มะเร็ง​ของ​ลำไส้​ใหญ่ พบ​ว่า​มี​ผล​เสีย​อย่าง​ชัดเจน​ของ​การ​ถ่าย​เลือด​ต่อ​ความ​อยู่​รอด​ใน​ระยะ​ยาว​ของ​ผู้​ป่วย. ใน​กลุ่ม​นี้​เมื่อ​คิด​ทั้ง​หมด​แล้ว พบ​ว่า​มี​อัตรา​การ​รอด​ชีวิต​ร้อย​ละ 48 หลัง​จาก 5 ปี ใน​กลุ่ม​ที่​มี​การ​ถ่าย​เลือด และ​ร้อย​ละ 74 ใน​กลุ่ม​ที่​ไม่​ได้​รับ​การ​ถ่าย​เลือด.” แพทย์​ที่​มหาวิทยาลัย​เซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย​ร์ ได้​ติด​ตาม​ผู้​ป่วย​หนึ่ง​ร้อย​คน​ซึ่ง​รับ​การ​ผ่าตัด​มะเร็ง. “อัตรา​การ​เกิด​ซ้ำ​ของ​มะเร็ง​กล่อง​เสียง​มี 14 เปอร์เซ็นต์ใน​พวก​ที่​ไม่​ได้​รับ​การ​ถ่าย​เลือด และ 65 เปอร์เซ็นต์​ใน​พวก​ที่​ถูก​ถ่าย​เลือด. สำหรับ​มะเร็ง​ใน​ช่อง​ปาก ช่อง​คอ และ​ช่อง​จมูก​หรือ​ไซนัส อัตรา​การ​เกิด​ซ้ำ​มี 31 เปอร์เซ็นต์​ใน​พวก​ที่​ไม่​ได้​รับ​การ​ถ่าย​เลือด​และ 71 เปอร์เซ็นต์​ใน​พวก​รับ​การ​ถ่าย​เลือด.”—Annals of Otology, Rhinology & Laryngology, มีนาคม 1989.

      รายงาน​เหล่า​นี้​แสดง​ให้​เห็น​อะไร​เกี่ยว​กับ​การ​ถ่าย​เลือด? ใน​บทความ “การ​ถ่าย​เลือด​และ​ศัลยกรรม​สำหรับ​มะเร็ง” ของ ดร. จอห์น เอส. สแปรตต์ เขา​สรุป​ว่า “ศัลยแพทย์​ทาง​มะเร็ง​อาจ​จำ​ต้อง​กลาย​เป็น​ศัลยแพทย์​ที่​ไม่​ใช้​เลือด.”—The American Journal of Surgery, กันยายน 1986.

      หน้า​ที่​หลัก​อีก​อย่าง​หนึ่ง​ของ​ระบบ​ภูมิ​คุ้ม​กัน​คือ การ​ต่อ​สู้​ป้องกัน​การ​ติด​เชื้อ. ดัง​นั้น เรา​จึง​เข้าใจ​ถึง​เหตุ​ผล​ที่​รายงาน​บาง​แห่ง​แสดง​ว่า​ผู้​ป่วย​ที่​รับ​การ​ถ่าย​เลือด​มัก​จะ​ติด​เชื้อ​ได้​ง่าย. ดร. พี. ไอ. ทา​ร์ต​เท​อร์ ได้​ทำ​การ​ศึกษา​การ​ผ่าตัด​ลำไส้​ใหญ่. ใน​ผู้​ป่วย​ที่​รับ​การ​ถ่าย​เลือด ร้อย​ละ 25 พบ​การ​ติด​เชื้อ เทียบ​กับ​เพียง​ร้อย​ละ 4 ใน​พวก​ที่​ไม่​ได้​รับ​การ​การ​ถ่าย​เลือด. เขา​รายงาน​ว่า “การ​ถ่าย​เลือด​เกี่ยว​พัน​กับ​โรค​แทรก​ซ้อน​จาก​การ​ติด​เชื้อ​ไม่​ว่า​จะ​ให้​ก่อน ระหว่าง หรือ​หลัง​ผ่าตัด . . . การ​ติด​เชื้อ​หลัง​ผ่าตัด​จะ​เพิ่ม​ขึ้น​ตาม​ลำดับ​สัมพันธ์​กับ​จำนวน​หน่วย​ของ​เลือด​ที่​ให้.” (The British Journal of Surgery, สิงหาคม 1988) ผู้​เข้า​ร่วม​ประชุม​ประจำ​ปี 1989 ของ​สมาคม​ธนาคาร​เลือด​แห่ง​อเมริกา​ได้​เรียน​รู้​ว่า ร้อย​ละ 23 ของ​ผู้​ป่วย​ซึ่ง​รับ​การ​ถ่าย​เลือด​ใน​ระหว่าง​การ​ผ่าตัด​เปลี่ยน​ข้อ​สะโพก​เกิด​การ​ติด​เชื้อ ใน​ขณะ​ที่​พวก​ซึ่ง​ไม่​ได้​ให้​เลือด​นั้น​ไม่​มี​การ​ติด​เชื้อ​เลย.

      ดร. จอห์น เอ. คอลลินส์ เขียน​เกี่ยว​กับ​ผล​ดัง​กล่าว​ของ​การ​ถ่าย​เลือด​ว่า “มัน​คง​เป็น​เรื่อง​น่า​เศร้า​อย่าง​ยิ่ง​ที่ ‘การ​รักษา’ ซึ่ง​มี​หลักฐาน​น้อย​มาก​ว่า​มี​ประโยชน์​อะไร ใน​ที่​สุด​กลับ​พบ​ว่า​ทำ​ให้​ปัญหา​หลัก​อย่าง​หนึ่ง​ซึ่ง​ผู้​ป่วย​กำลัง​เผชิญ​อยู่​ร้าย​แรง​ยิ่ง​ขึ้น.”—World Journal of Surgery, กุมภาพันธ์ 1987.

      ปลอด​โรค​หรือ​เต็ม​ไป​ด้วย​อันตราย?

      แพทย์​ที่​สำนึก​ถึง​ความ​รับผิดชอบ​และ​ผู้​ป่วย​หลาย​คน​มี​ความ​ห่วงใย​กับ​โรค​ที่​มา​กับ​เลือด. โรค​อะไร? ไม่​ใช่​มี​เฉพาะ​โรค​เดียว ที่​จริง​แล้ว​มี​หลาย​โรค​ที​เดียว.

      หลัง​จาก​ที่​กล่าว​ถึง​โรค​ต่าง ๆ ซึ่ง​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​ดี​แล้ว หนังสือ​เทคนิค​ของ​การ​ถ่าย​เลือด (1982) ได้​พูด​ถึง “โรค​อื่น ๆ ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​ถ่าย​เลือด” เช่น​โรค​ซิฟิลิส โรค​ติด​เชื้อ​ไซโตเม็กกาโล​ไวรัส และ​มาลาเรีย. จาก​นั้น​หนังสือ​นี้​กล่าว​ต่อ​ไป​ว่า “มี​รายงาน​ของ​โรค​อื่น​อีก​หลาย​โรค​ซึ่ง​แพร่​โดย​การ​ถ่าย​เลือด เช่น กลุ่ม​ของ​โรค​เริม, อินเฟ็คเชียส โมโนนิวคลีโอซิส (เอ็ปสไตน-บารร์ ไวรัส), ท็อกโซพลาสโมซิส, ท​ริ​ปา​โน​โซ​มิ​เอ​ซิ​ส [โรค​ง่วง​หลับ​แอฟริกัน และ​โรค​ชากาส], ลิชมาเนซิส, บรู​เซ​โล​ซิ​ส [อาการ​ไข้​เป็น​ระลอก], ไข้​รากสาด, โรค​เท้า​ช้าง, หัด, ซัลโมเน​ล​โล​ซิ​ส, และ​ไข้​โคโลราโด ทิค.”

      ที่​จริง ราย​ชื่อ​ของ​โรค​ดัง​กล่าว​กำลัง​เพิ่ม​ขึ้น​อยู่​เรื่อย ๆ. คุณ​อาจ​ได้​อ่าน​พาด​หัว​ข่าว​เช่น “ติด​โรค​ไลม์​จาก​การ​ถ่าย​เลือด​หรือ? ไม่​น่า​จะ​เป็น​ได้ แต่​ผู้​เชี่ยวชาญ​ต่าง​ก็​วิตก​กัน.” เลือด​จาก​คน​ที่​มี​ผล​ทดสอบ​บวก​ของ​โรค​ไลม์​ปลอด​ภัย​เพียง​ไร? มี​การ​ถาม​กลุ่ม​อภิปราย​ของ​เจ้าหน้าที่​ทาง​สาธารณสุข​ว่า​เขา​จะ​รับ​เลือด​นั้น​ไหม? “ทุก​คน​ตอบ​ว่า​ไม่​รับ ถึง​แม้​ไม่​มี​ใคร​สัก​คน​ที่​บอก​ให้​ทิ้ง​เลือด​ที่​ได้​จาก​คน​เหล่า​นั้น.” ผู้​คน​จะ​รู้สึก​อย่าง​ไร​ต่อ​เลือด​ใน​ธนาคาร​เลือด​ซึ่ง​ผู้​เชี่ยวชาญ​เอง​ไม่​ยอม​รับ?—เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์, 18 กรกฎาคม 1989.

      อีก​เหตุ​ผล​หนึ่ง​ที่​น่า​เป็น​ห่วง​ได้​แก่​การ​ที่​เลือด​ซึ่ง​รวบ​รวม​ได้​จาก​ดินแดน​หนึ่ง ซึ่ง​มี​โรค​บาง​ชนิด​แพร่​อยู่ อาจ​ถูก​นำ​ไป​ใช้​ใน​ที่​อื่น ที่​ซึ่ง​ประชาชน​หรือ​แพทย์​ยัง​ไม่​ทราบ​ถึง​อันตราย​ของ​โรค​นั้น. ปัจจุบัน​มี​การ​เดิน​ทาง​กัน​มาก รวม​ทั้ง​พวก​ผู้​ลี้​ภัย​และ​พวก​คน​ต่าง​ด้าว โอกาส​ที่​จะ​พบ​โรค​แปลก ๆ ใน​ผลิตผล​ของ​เลือด​ยิ่ง​มี​มาก​ขึ้น.

      นอก​จาก​นั้น ผู้​เชี่ยวชาญ​เกี่ยว​กับ​โรค​ติด​เชื้อ​ได้​เตือน​ว่า “เลือด​ที่​ได้​รับ​อาจ​ต้อง​มี​การ​ตรวจ​สอบ​เพื่อ​ป้องกัน​การ​แพร่​ของ​ความ​ผิด​ปกติ​หลาย​อย่าง ซึ่ง​แต่​เดิม​เรา​ไม่​ถือ​ว่า​เป็น​โรค​ติด​ต่อ รวม​ทั้ง​มะเร็ง​ใน​เม็ด​โลหิต​ขาว ลิมโฟมา และ​โรค​สมอง​เสื่อม [หรือ​โรค​แอลไซเมอร์].”—Transfusion Medicine Reviews, มกราคม 1989.

      อันตราย​เหล่า​นี้​ดู​น่า​กลัว แต่​มี​อย่าง​อื่น​อีก​ที่​ทำ​ให้​ความ​กลัว​ทวี​ขึ้น.

      การ​ระบาด​ใหญ่​ของ​โรค​เอดส์

      “โรค​เอดส์​ได้​เปลี่ยน​ความ​คิด​ที่​แพทย์​และ​ผู้​ป่วย​มี​ต่อ​เลือด​อย่าง​สิ้นเชิง. และ​บรรดา​แพทย์​ซึ่ง​ประชุม​ที่​สถาบัน​สุขภาพ​แห่ง​ชาติ​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​การ​ถ่าย​เลือด​ให้​ความ​เห็น​ว่า นั่น​เป็น​สิ่ง​ที่​ถูก​ต้อง​ที​เดียว.”—วอชิงตัน โพสต์, 5 กรกฎาคม 1988.

      การ​ระบาด​ใหญ่​ของ​โรค​เอดส์ (AIDS—acquired immunodeficiency syndrome) ซึ่ง​ร้าย​แรง​อย่าง​ยิ่ง ได้​ปลุก​ให้​ผู้​คน​ตระหนัก​ถึง​อันตราย​ที่​อาจ​ติด​โรค​ติด​ต่อ​จาก​เลือด​ได้. มี​หลาย​ล้าน​คน​ที่​ได้​รับ​เชื้อ​แล้ว. โรค​นี้​กำลัง​ระบาด​ไป​อย่าง​ควบคุม​ไม่​ได้. และ​อัตรา​ตาย​ของ​โรค​นี้​คือ​เกือบ​ร้อย​เปอร์เซ็นต์.

      โรค​นี้​เกิด​จาก​ไวรัส เอช​ไอ​วี (HIV—human immunodeficiency virus) ซึ่ง​แพร่​โดย​เลือด​ได้. เอดส์​ซึ่ง​เป็น​ภัย​ร้าย​แรง​ของ​ยุค​นี้ เริ่ม​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​ใน​ปี 1981. ใน​ปี​ต่อ​มา ผู้​เชี่ยวชาญ​ทาง​สาธารณสุข​พบ​ว่า ไวรัส​นี้​อาจ​แพร่​ได้​ทาง​ผล​ผลิต​จาก​เลือด. เป็น​ที่​ยอม​รับ​กัน​ว่า​องค์กร​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​เลือด​มี​การ​ตอบ​สนอง​ช้า​มาก​ต่อ​เรื่อง​นี้ แม้​หลัง​จาก​ที่​ได้​ค้น​พบ​วิธี​การ​ตรวจ​แยก​เลือด ซึ่ง​มี เอช​ไอ​วี แอน​ติ​บอ​ดี​แล้ว​ก็​ตาม. ใน​ที่​สุด​การ​ตรวจ​เลือด​บริจาค​ได้​เริ่ม​ใน​ปี 1985a แต่​กระนั้น​ก็​ยัง​ไม่​ได้​ทำ​การ​ตรวจ​เลือด​ที่​เก็บ​อยู่​แล้ว​ใน​ตอน​นั้น.

      หลัง​จาก​นั้น​ประชาชน​ได้​รับ​การ​ยืน​ยัน​ว่า ‘บัด​นี้ เลือด​ปลอด​ภัย​แล้ว.’ แต่​ต่อ​มามี​การ​เปิด​เผย​ว่า​มี “ช่วง​จุด​บอด” ที่​เป็น​อันตราย. หลัง​จาก​ที่​บุคคล​หนึ่ง​ได้​รับ​เชื้อ​โรค​เอดส์​แล้ว อาจ​กิน​เวลา​หลาย​เดือน กว่า​เขา​จะ​มี​แอน​ติ​บอ​ดี​ใน​ระดับ​ที่​ตรวจ​พบ​ได้. โดย​ไม่​ทราบ​ว่า​เขา​มี​ไวรัส​เอดส์​แล้ว เขา​อาจ​บริจาค​เลือด​ซึ่ง​ให้​ผล​ลบ​ใน​การ​ตรวจ. เรื่อง​นี้​ได้​เกิด​ขึ้น​มา​แล้ว. มี​ผู้​คน​ที่​เป็น​โรค​เอดส์​ขึ้น​มา หลัง​จาก​ได้​รับ​การ​ถ่าย​เลือด​เช่น​ว่า​นี้!

      สถานการณ์​ดู​น่า​กลัว​มาก​ขึ้น​อีก. วารสาร​เดอะ นิวอิงลันด์ เจอร์นัล อ็อฟ เมดิซีน (1 มิถุนายน 1989) ได้​รายงาน​เรื่อง “การ​ติด​เชื้อ เอช​ไอ​วี แบบ​ไม่​แสดง​อาการ.” มี​การ​พิสูจน์​ว่า คน​เรา​อาจ​มี​ไวรัส​เอดส์​ใน​ตัว​อยู่​ได้​หลาย​ปี โดย​ไม่​อาจ​ตรวจ​พบ​ได้​ด้วย​วิธี​การ​ตรวจ​ทาง​อ้อม​ที่​ใช้​กัน​อยู่​ใน​ปัจจุบัน. บาง​คน​พยายาม​ทำ​ให้​เรื่อง​นี้​ดู​ไม่​สำคัญ​โดย​กล่าว​ว่า​นี้​เป็น​เพียง​ส่วน​ที่​พบ​น้อย​มาก แต่​เรื่อง​นี้​พิสูจน์​ว่า “เรา​ยัง​ไม่​อาจ​ขจัด​อันตราย​ของ​การ​แพร่​โรค​เอดส์​ทาง​เลือด​และ​ส่วน​ประกอบ​ของ​เลือด​ได้​อย่าง​สิ้นเชิง.” (Patient Care, 30 พฤศจิกายน 1989) ข้อ​สรุป​ที่​น่า​ตกใจ​คือ: ผู้​ที่​ให้​ผล​ลบ​ใน​การ​ตรวจ​เลือด​ไม่​อาจ​ถือ​ได้​ว่า​ปลอด​เชื้อ. จะ​มี​อีก​สัก​กี่​คน​ที่​จะ​ติด​เชื้อ​เอดส์​จาก​เลือด?

      เสียง​รอง​เท้า​ตก​ข้าง​ที่​สอง? หรือ​อีก​หลาย​ข้าง?

      หลาย​คน​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​บ้าน​พัก​ที่​มี​หลาย​ห้อง​เคย​ได้​ยิน​เสียง​รอง​เท้า​ที่​ตก​ลง​บน​พื้น​ชั้น​บน พวก​เขา​อาจ​รู้สึก​เครียด​รอ​ฟัง​เสียง​ตก​ของ​รอง​เท้า​ข้าง​ที่​สอง. ใน​ปัญหา​เรื่อง​เลือด​นี้ ไม่​มี​ใคร​รู้​ว่า​จะ​มี​ไวรัส​ที่​ทำ​ให้​ถึง​ตาย​อีก​กี่​ชนิด.

      เชื้อ​ไวรัส​เอดส์​ถูก​เรียก​ว่า เอช​ไอ​วี แต่​ปัจจุบัน​ผู้​เชี่ยวชาญ​บาง​คน​เรียก​มัน​ว่า เอช​ไอ​วี-1. เพราะ​เหตุ​ใด? เพราะ​พวก​เขา​ได้​พบ​ไวรัส​เอดส์​อีก​ชนิด​หนึ่ง (เอช​ไอ​วี-2). เชื้อ​นี้​สามารถ​ทำ​ให้​เกิด​อาการ​ต่าง ๆ ของ​โรค​เอดส์ และ​แพร่​อยู่​ใน​บาง​พื้น​ที่. นอก​จาก​นั้น เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ (27 มิถุนายน 1989) รายงาน​ว่า​เชื้อ​นี้ “ไม่​อาจ​ตรวจ​พบ​ได้​อย่าง​เสมอ​ต้น​เสมอ​ปลาย​โดย​การ​ตรวจ​เอดส์​ที่​เรา​ใช้​กัน​อยู่​ที่​นี่. การ​ค้น​พบ​ใหม่​นี้ . . . ทำ​ให้​ธนาคาร​เลือด​มี​ความ​ยุ่งยาก​มาก​ขึ้น​อีก ที่​จะ​แน่​ใจ​ว่า​เลือด​ที่​บริจาค​นั้น​ปลอด​ภัย​หรือ​ไม่.”

      หรือ​จะ​ว่า​อย่าง​ไร​กับ​เชื้อ​ที่​เป็น​ญาติ​ห่าง ๆ กับ​ไวรัส​เอดส์? คณะ​กรรมาธิการ​ของ​ประธานาธิบดี (สหรัฐ) กล่าว​ว่า​ตัว​หนึ่ง​ใน​พวก​นั้น “เชื่อ​กัน​ว่า​เป็น​ตัว​ทำ​ให้​เกิด ที-เซลล์ ลิวคีเมีย/ลิมโฟมา และ​โรค​ทาง​ระบบ​ประสาท​ที่​ร้าย​แรง​ชนิด​หนึ่ง.” ไวรัส​ตัว​นี้​มี​ปรากฏ​อยู่​แล้ว​ใน​หมู่​ผู้​บริจาค​เลือด และ​อาจ​แพร่​ทาง​เลือด​ได้. ประชาชน​จึง​มี​สิทธิ​ที่​จะ​สงสัย​ว่า ‘การ​ตรวจ​แยก​เลือด​ของ​ธนาคาร​เลือด​ให้​ความ​ปลอด​ภัย​มาก​น้อย​เพียง​ใด​กับ​เชื้อ​ไวรัส​อื่น ๆ เหล่า​นี้?’

      ที่​จริง​แล้ว เวลา​เท่า​นั้น​ที่​จะ​บอก​เรา​ได้​ว่า มี​เชื้อ​ไวรัส​ซึ่ง​อาจ​แพร่​ทาง​เลือด​ได้ มาก​น้อย​เพียง​ไร​ใน​เลือด​ที่​ให้​กัน​อยู่. ดร. แฮโรลด์ ที. เม​รี​แมน เขียน​ว่า “ตัว​ที่​เรา​ยัง​ไม่​รู้​ยิ่ง​น่า​วิตก​มาก​กว่า​ตัว​ที่​รู้​จัก. เชื้อ​ไวรัส​ที่​ถ่ายทอด​ติด​ต่อ​กัน​ได้ ซึ่ง​มี​ระยะ​ฟัก​ตัว​นาน​หลาย ๆ ปี อาจ​ยาก​ที่​จะ​โยง​เข้า​กับ​การ​ถ่าย​เลือด และ​ยิ่ง​ยาก​กว่า​ที่​จะ​ตรวจ​สอบ​ได้. เห็น​ได้​ชัด​ว่า​กลุ่ม เอช​ที​แอล​วี เป็น​เพียง​พวก​แรก​ที่​โผล่​ออก​มา​ให้​เห็น.” (Transfusion Medicine Reviews, กรกฎาคม 1989) “เสมือน​กับ​ว่า​การ​ระบาด​ของ​เอดส์​ยัง​ไม่​แย่​พอ . . . มี​การ​ค้น​พบ​หรือ​ชี้​ให้​เห็น​ถึง​โรค​ที่​ติด​ต่อ​ทาง​การ​ถ่าย​เลือด​ได้​มาก​ขึ้น​เรื่อย ๆ ซึ่ง​เป็น​ที่​สนใจ​กัน​มาก​ใน​ช่วง​ทศวรรษ​ปี 1980. คง​ไม่​จำ​ต้อง​ใช้​จินตนาการ​มาก​เท่า​ไร​ที่​จะ​พยากรณ์​ได้​ว่า​ยัง​มี​โรค​ไวรัส​ร้าย​แรง​อื่น ๆ อยู่​อีก และ​ถ่าย​ทอด​ได้​ทาง​การ​ถ่าย​เลือด​ใน​กลุ่ม​เดียว​กัน.”—Limiting Homologous Exposure: Alternative Strategies, 1989.

      ดัง​นั้น เสียง​ตก​ของ “รอง​เท้า” ได้​ดัง​ขึ้น​หลาย​ครั้ง​แล้ว ทำ​ให้​ศูนย์​ควบคุม​โรค​ของ​สหรัฐ​แนะ​นำ​ให้​มี “ข้อ​ควร​ระวัง​ที่​ใช้​ทั่ว​โลก.” นั่น​คือ ‘บุค​ค​ลา​กร​ทาง​การ​แพทย์​จะ​ต้อง​คิด​ว่า​ผู้​ป่วย​ทุก​คน​อาจ​แพร่​เชื้อ เอช​ไอ​วี และ​เชื้อ​อื่น ๆ ที่​ติด​ต่อ​ทาง​เลือด​ได้.’ มี​เหตุ​ผล​ที​เดียว​ที่​ผู้​ทำ​งาน​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​ดู​แล​ผู้​ป่วย​และ​ประชาชน​ทั่ว​ไป ประเมิน​ทัศนะ​ของ​ตน​เสีย​ใหม่​ใน​เรื่อง​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​เลือด.

      [เชิงอรรถ]

      a เรา​ไม่​อาจ​พูด​ได้​ว่า​มี​การ​ตรวจ​เลือด​ทั้ง​หมด. ตัว​อย่าง​เช่น มี​รายงาน​ใน​ตอน​ต้น​ปี 1989 ว่า ร้อย​ละ 80 ของ​ธนาคาร​เลือด​ใน​บราซิล ไม่​ได้​อยู่​ภาย​ใต้​การ​ควบคุม​ของ​รัฐบาล และ​เขา​ไม่​ได้​ทำ​การ​ทดสอบ​สำหรับ​เอดส์.

      [กรอบ​หน้า 8]

      “การ​ถ่าย​เลือด​ประมาณ 1 ใน 100 ราย​จะ​ร่วม​ด้วย​การ​มี​อาการ​ไข้ หนาว​สั่น หรือ​ผื่น​ตาม​ผิวหนัง. . . . การ​ให้​เม็ด​เลือด​แดง​ประมาณ 1 ใน 6,000 ราย​จะ​เกิด​ปฏิกิริยา​แตก​ตัว​ของ​เม็ด​เลือด​แดง​เนื่อง​จาก​การ​ถ่าย​เลือด​ขึ้น. ปฏิกิริยา​ทาง​ระบบ​ภูมิ​คุ้ม​กัน​ที่​รุนแรง​นี้​อาจ​เกิด​ขึ้น​ทันที​หรือ​เกิด​ล่า​ช้า​ออก​ไป​หลาย​วัน​หลัง​การ​ถ่าย​เลือด​ก็​ได้ ซึ่ง​อาจ​มี​ผล​ทำ​ให้​เกิด​ไต​วาย​อย่าง​เฉียบ​พลัน ช็อค มี​การ​แข็งตัว​ใน​หลอด​เลือด และ​อาจ​เสีย​ชีวิต​ได้.”—การ​ประชุม​ของ​แนชันนัล อินสติติวต์ อ็อฟ เฮลท์ (NIH), 1988.

      [กรอบ​หน้า 9]

      เนล​ส์ เจอร์น นัก​วิทยาศาสตร์​ชาว​เดนมาร์ก เป็น​ผู้​ร่วม​รับ​รางวัล​โนเบล​สาขา​การ​แพทย์​ใน​ปี 1984. เมื่อ​ถูก​ถาม​ว่า เหตุ​ใด​เขา​จึง​ปฏิเสธ​การ​ถ่าย​เลือด เขา​ตอบ​ว่า “เลือด​ของ​คน ๆ หนึ่ง​ก็​เหมือน​กับ​ลาย​นิ้ว​มือ​ของ​เขา—ไม่​มี​เลือด​ของ​สอง​คน​ที่​เหมือน​กัน​จริง ๆ.”

      [กรอบ​หน้า 10]

      เลือด ตับ​ที่​เสียหาย และ . . .

      เดอะ วอชิงตัน โพสต์ รายงาน​ว่า “ตรง​ข้าม​กับ​ที่​เรา​คาด​ไว้ โรค​เอดส์​ซึ่ง​ติด​ต่อ​ทาง​เลือด . . . ยัง​ไม่​เคย​เป็น​อันตราย​ร้าย​เท่า​โรค​อื่น ๆ—เช่น ตับ​อักเสบ​เป็น​ต้น”

      ถูก​แล้ว มี​คน​จำนวน​มาก​ต้อง​เจ็บ​ป่วย​อย่าง​หนัก​และ​เสีย​ชีวิต​เนื่อง​จาก​ตับ​อักเสบ​ดัง​กล่าว ซึ่ง​ยัง​ไม่​มี​การ​รักษา​เฉพาะ​ที่​ได้​ผล​ดี. ยู.เอส. นิวส์ แอนด์ เวิลด์ รีพอร์ต (1 พฤษภาคม 1989) รายงาน​ว่า ใน​สหรัฐ​ฯ​ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์​ของ​ผู้​ที่​ได้​รับ​เลือด​จะ​ติด​โรค​ตับ​อักเสบ—175,000 คน​ต่อ​ปี. ประมาณ​ครึ่ง​หนึ่ง​กลาย​เป็น​พาหะ​นำ​เชื้อ​เรื้อรัง และ​อย่าง​น้อย 1 ใน 5 จะ​เป็น​ตับแข็ง​หรือ​มะเร็ง​ตับ​ต่อ​มา. ประมาณ​ว่า​จะ​มี 4,000 คน​เสีย​ชีวิต. ลอง​นึก​ภาพ​ถึง​พาด​หัว​ข่าว​หนังสือ​พิมพ์​เมื่อ​มี​เครื่องบิน​จัมโบ​เจ็ต​ตก ผู้​โดยสาร​เสีย​ชีวิต​หมด. ดัง​นั้น 4,000 คน​ที่​เสีย​ชีวิต​จะ​เท่า​กับ​ว่า​มี​เครื่องบิน​จัมโบ​เจ็ต​ซึ่ง​มี​ผู้​โดยสาร​เต็ม​ลำ​ตก​ทุก​เดือน!

      แพทย์​ได้​ทราบ​นาน​มา​แล้ว​ว่า​ตับ​อักเสบ​ชนิด​รุนแรง​น้อย​กว่า (ชนิด เอ) แพร่​ได้​ทาง​อาหาร​และ​น้ำ​ที่​ไม่​สะอาด. ต่อ​มา​พวก​เขา​พบ​ว่า​ชนิด​ที่​รุนแรง​กว่า​จะ​แพร่​ได้​ทาง​เลือด และ​เขา​ไม่​มี​ทาง​ตรวจ​สอบ​เลือด​เพื่อ​รู้​ได้. ใน​ที่​สุด พวก​นัก​วิทยาศาสตร์​ที่​เก่ง​กาจ​ก็​พบ​วิธี​ที่​จะ​ตรวจ​พบ “ร่องรอย” ของ​เจ้า​ไวรัส​ตัว​นี้ (ชนิด บี) ได้. ล่วง​มา​ถึง​ต้น​ทศวรรษ​ของ​ปี 1970 ได้​เริ่ม​มี​การ​ตรวจ​แยก​เลือด​ใน​บาง ประเทศ. เลือด​ที่​ใช้​ดู​เหมือน​ปลอด​ภัย และ​อนาคต​ของ​การ​ใช้​เลือด​ดู​แจ่ม​ใส​ดี. เป็น​จริง​อย่าง​นั้น​ไหม?

      ต่อ​มา​ไม่​นาน​นัก​ก็​ปรากฏ​ชัด​ว่า​มี​หลาย​พัน​คน​ซึ่ง​ได้​รับ​เลือด​ที่​มี​การ​ตรวจ​แยก​แล้ว​ยัง​คง​เป็น​โรค​ตับ​อักเสบ​ขึ้น. หลาย​คน หลัง​จาก​ที่​เจ็บ​ป่วย​จน​ร่าง​กาย​ทรุดโทรม พบ​ว่า​ตับ​ของ​เขา​เสียหาย​แล้ว. แต่​เหตุ​ใด​จึง​เป็น​อย่าง​นั้น ทั้ง ๆ ที่​เลือด​เหล่า​นั้น​ได้​รับ​การ​ตรวจ​สอบ​แล้ว? ใน​เลือด​มี​อีก​แบบ​หนึ่ง ซึ่ง​เรียก​ว่า ตับ​อักเสบ​แบบ ไม่​ใช่ เอ ไม่​ใช่ บี (non–A, non–B —NANB). เป็น​เวลา​หนึ่ง​ทศวรรษ​ที​เดียว​ที่​เชื้อ​นี้​ได้​แพร่​ทาง​การ​ถ่าย​เลือด—ระหว่าง 8 ถึง 17 เปอร์เซ็นต์​ของ​ผู้​ที่​รับ​การ​ถ่าย​เลือด​ใน​ประเทศ​อิสราเอล อิตาลี ญี่ปุ่น สเปน สวีเดน และ​สหรัฐ​อเมริกา​ติด​เชื้อ​นี้.

      และ​แล้ว​ก็​มี​พาด​หัว​ข่าว​ต่าง ๆ เช่น “ใน​ที่​สุด​ก็​แยก​เชื้อ​ตับ​อักเสบ ไม่​ใช่ เอ ไม่​ใช่ บี ตัว​ลึกลับ​ได้​แล้ว” “สามารถ​ทำลาย​ไข้​จาก​เลือด​ได้​แล้ว.” เหมือน​เดิม ข่าวสาร​ที่​เรา​ได้​คือ ‘พบ​ตัวการ​ที่​เคย​หา​ไม่​พบ​แล้ว!’ ต่อ​มา​ใน​เดือน​เมษายน 1989 มี​การ​ประกาศ​ว่า​ได้​พบ​วิธี​ที่​จะ​ตรวจ​สอบ NANB ซึ่ง​ปัจจุบัน​เรียก​ว่า​ตับ​อักเสบ ซี.

      คุณ​อาจ​สงสัย​ว่า​เรา​จะ​ชื่นชม​ยินดี​กัน​เร็ว​เกิน​ไป​ไหม? ที่​จริง นัก​วิจัย​ชาว​อิตาลี​ได้​รายงาน​ถึง​ไวรัส​ตับ​อักเสบ​อีก​ตัว​หนึ่ง เป็น​ตัว​กลาย​พันธุ์ ซึ่ง​อาจ​เป็น​ต้น​เหตุ​ของ​โรค​นี้​ถึง​หนึ่ง​ใน​สาม​ของ​ทั้ง​หมด. ใบ​แจ้ง​ข่าว​เรื่อง​สุขภาพ​โดย​มหาวิทยาลัย​ฮาร์เวิร์ด (พฤศจิกายน 1989) ตั้ง​ข้อ​สังเกต​ว่า “ผู้​เชี่ยวชาญ​บาง​คน​เป็น​ห่วง​ว่า เอ, บี, ซี, และ​ดี ยัง​ไม่​ใช่​ลำดับ​ตัว​อักษร​ทั้ง​หมด​ของ​ไวรัส​ตับ​อักเสบ ยัง​อาจ​มี​ตัว​อื่น​ตาม​มา​อีก.” เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ (13 กุมภาพันธุ์ 1990) กล่าว​ว่า “ผู้​เชี่ยวชาญ​สงสัย​อย่าง​ยิ่ง​ว่า​มี​ไวรัส​อื่น ๆ อีก​ที่​ทำ​ให้​เกิด​ตับ​อักเสบ​ได้ ซึ่ง​ถ้า​ค้น​พบ จะ​ถูก​เรียก​ว่า ตับ​อักเสบ อี และ​ต่อ ๆ ไป.”

      บรรดา​ธนาคาร​เลือด​ก้าว​ทัน​กับ​การ​ค้น​หา​วิธี​ทดสอบ​เลือด​ซึ่ง​มี​รายการ​ยาว​มาก​ขึ้น​ทุก​ที เพื่อ​ทำ​ให้​เลือด​ปลอด​ภัย​ไหม? โดย​อ้าง​ถึง​ปัญหา​เรื่อง​ค่า​ใช้​จ่าย ผู้​อำนวย​การ​คน​หนึ่ง​ของ​กาชาด​อเมริกัน​ให้​ความ​เห็น​ที่​น่า​เป็น​ห่วง​ดัง​นี้ “เรา​ไม่​อาจ​เพิ่ม​การ​ทดสอบ​อัน​แล้ว​อัน​เล่า สำหรับ​เชื้อ​แต่​ละ​อย่าง​ซึ่ง​อาจ​แพร่​ขึ้น​มา.”—Medical World News, 8 พฤษภาคม 1989.

      แม้​แต่​การ​ทดสอบ​สำหรับ​ตับ​อักเสบ บี ก็​ยัง​พลาด​ได้ หลาย​คน​ยัง​ติด​เชื้อ​นี้​จาก​เลือด. ยิ่ง​กว่า​นั้น ผู้​คน​จะ​พอ​ใจ​กับ​วิธี​ทดสอบ​ตับ​อักเสบ ซี ซึ่ง​พบ​ใหม่​ไหม? วารสาร​ของ​แพทยสมาคม​แห่ง​อเมริกา (5 มกราคม 1990) แสดง​ว่า อาจ​จะ​กิน​เวลา​กว่า​หนึ่ง​ปี​ที​เดียว ก่อน​ที่​แอน​ติ​บอ​ดี​ต่อ​โรค​นี้​จะ​ตรวจ​พบ​โดย​วิธี​ทดสอบ​นี้​ได้. ใน​ระหว่าง​นี้ ผู้​คน​ที่​ได้​รับ​เลือด​ของ​คน​นั้น อาจ​ประสบ​กับ​การ​ที่​ตับ​เสียหาย​และ—ตาย.

      [กรอบ/ภาพ​หน้า 11]

      โรค​ชากาส​แสดง​ให้​เห็น​วิธี​ที่​เลือด​นำ​โรค​ไป​สู่​คน​ใน​ที่​ห่าง​ไกล. “เดอะ เมดิคัล โพสต์” (ฉบับ​วัน​ที่ 16 มกราคม 1990) รายงาน​ว่า ‘มี​คน​ใน​ละติน​อเมริกา 10-12 ล้าน​คน​ติด​โรค​นี้​อย่าง​เรื้อรัง.’ โรค​นี้​ถูก​เรียก​ว่า​เป็น “หนึ่ง​ใน​อันตราย​ที่​สำคัญ​ที่​สุด​ของ​การ​ถ่าย​เลือด​ใน​อเมริกา​ใต้.” ตัว “แมลง​นัก​ลอบ​สังหาร” จะ​กัด​เหยื่อ​ที่​หน้า​ขณะ​หลับ ดูด​เลือด และ​ถ่าย​มูล​ไว้​ใน​แผล. เหยื่อ​อาจ​เป็น​ตัว​นำ​โรค​ชากาส​ไป​หลาย​ปี (ระหว่าง​นั้น​อาจ​บริจาค​เลือด) ก่อน​ที่​จะ​เกิด​โรค​แทรก​ซ้อน​ของ​หัวใจ​จน​เสีย​ชีวิต.

      ผู้​คน​ใน​ทวีป​ที่​ห่าง​ไกล​ออก​ไป​ต้อง​เป็น​ห่วง​เรื่อง​นี้​ทำไม? ใน “เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์” (23 พฤษภาคม 1989) ดร. แอล. เค. อัลต์มัน ได้​รายงาน​เกี่ยว​กับ​ผู้​ป่วย​ที่​เป็น​โรค​ชากาส​หลัง​การ​ถ่าย​เลือด​หลาย​ราย เสีย​ชีวิต​หนึ่ง​ราย. อัลต์มัน​เขียน​ว่า “ยัง​มี​อีก​หลาย​ราย​ที่​เรา​ไม่​ทราบ​กัน เพราะ [แพทย์​ที่​นี่] ไม่​คุ้น​กับ​โรค​ชากาส หรือ​ไม่​ทราบ​ว่า​โรค​นี้​แพร่​โดย​การ​ถ่าย​เลือด​ได้.” ถูก​แล้ว เลือด​เป็น​เส้น​ทาง​หนึ่ง​ที่​โรค​ต่าง ๆ แพร่​ไป​อย่าง​กว้างขวาง.

      [กรอบ​หน้า 12]

      ดร. คนุด ลุนด์-โอ​เล​เซน เขียน​ไว้​ว่า “เนื่อง​จาก . . . บาง​คน​ใน​กลุ่ม​ที่​มี​ความ​เสี่ยง​สูง​อาสา​สมัคร​มา​บริจาค​เลือด​เพราะ​พวก​เขา​จะ​ได้​รับ​การ​ตรวจ​เอดส์​โดย​อัตโนมัติ ทำ​ให้​ผม​คิด​ว่า​เรา​มี​เหตุ​ผล​ที่​จะ​ปฏิเสธ​การ​ถ่าย​เลือด. พวก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ปฏิเสธ​การ​ถ่าย​เลือด​มา​เป็น​เวลา​หลาย​ปี​แล้ว. พวก​เขา​มอง​เห็น​อนาคต​หรือ?”—“Ugeskrift for Læger” (ราย​สัปดาห์​สำหรับ​แพทย์) 26 กันยายน 1988.

      [กรอบ​หน้า 9]

      สันตะปาปา​รอด​ตาย​จาก​การ​ถูก​ยิง. หลัง​จาก​ออก​จาก​โรง​พยาบาล​แล้ว ท่าน​ถูก​รับ​กลับ​เข้า​ไป​อีก​สอง​เดือน “เจ็บ​ป่วย​อย่าง​หนัก.” เพราะ​อะไร? เพราะ​โรค​ติด​เชื้อ​ไซโตเม็กกาโล​ไวรัส​ที่​อันตราย​ถึง​ตาย จาก​เลือด​ที่​ได้​รับ​เข้า​ไป

      [ที่​มา​ของ​ภาพ]

      UPI/Bettmann Newsphotos

      [รูป​ภาพ​หน้า 12]

      ไวรัส​เอดส์

      [ที่​มา​ของ​ภาพ]

      CDC. Atlanta, Ga.

  • ทางเลือกอื่น ๆ ที่มีคุณภาพแทนการถ่ายเลือด
    เลือดจะช่วยชีวิตคุณได้อย่างไร?
    • ทาง​เลือก​อื่น ๆ ที่​มี​คุณภาพ​แทน​การ​ถ่าย​เลือด

      คุณ​อาจ​รู้สึก​ว่า ‘การ​ถ่าย​เลือด​มี​อันตราย​อยู่​มาก แต่​มี​ทาง​เลือก​อื่น​ที่​มี​คุณภาพ​ไหม?’ เป็น​คำ​ถาม​ที่​ดี และ​โปรด​สังเกต​คำ “คุณภาพ.”

      ทุก​คน รวม​ทั้ง​พยาน​พระ​ยะโฮวา ปรารถนา​การ​รักษา​ทาง​การ​แพทย์​ที่​ได้​ผล มี​คุณภาพ​สูง. ดร.แกรนท์ อี. สเต็ฟเฟ็น​ชี้​ถึง​ส่วน​ประกอบ​สำคัญ​สอง​ประการ: “การ​รักษา​ทาง​การ​แพทย์​ที่​มี​คุณภาพ​หมาย​ถึง​ความ​สามารถ​ของ​ส่วน​ประกอบ​ต่าง ๆ ใน​การ​รักษา​ที่​จะ​บรรลุ​เป้าหมาย​ทาง​การ​แพทย์​และ​ที่​ไม่​ใช่​ทาง​การ​แพทย์​อัน​ชอบ​ด้วย​เหตุ​ผล.” (The Journal of the American Medical Association, 1 กรกฎาคม 1988) “เป้าหมาย​ที่​ไม่​ใช่​ทาง​การ​แพทย์” ย่อม​รวม​ทั้ง​การ​ไม่​ละเมิด​จรรยา​หรือ​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์​ของ​ผู้​ป่วย​ด้วย.—กิจการ 15:28, 29.

      มี​วิธี​การ​ใด ๆ ไหม​ที่​มี​เหตุ​ผล​และ​ได้​ผล​ดี​ใน​การ​จัด​การ​กับ​ปัญหา​ที่​ร้าย​แรง​ทาง​การ​แพทย์ โดย​ไม่​ต้อง​ใช้​เลือด? น่า​ดีใจ​ที่​คำ​ตอบ​คือ มี.

      ถึง​แม้​ว่า​ศัลยแพทย์​ส่วน​ใหญ่​ได้​บอก​ว่า​พวก​เขา​ให้​เลือด​เฉพาะ​เมื่อ​จำเป็น​จริง ๆ เท่า​นั้น แต่​หลัง​จาก​ที่​มี​การ​แพร่​ของ​เอดส์​ขึ้น การ​ใช้​เลือด​ของ​พวก​เขา​ก็​ลด​ลง​อย่าง​รวด​เร็ว. บท​บรรณาธิการ​ใน​วารสาร เมโย คลินิค โพรซีดิงส์ (กันยายน 1988) กล่าว​ว่า “ประโยชน์​ข้อ​หนึ่ง​ของ​การ​ระบาด​นี้” คือ​การ​ที่​มัน “ทำ​ให้​ทั้ง​ผู้​ป่วย​และ​แพทย์​หา​วิธี​ต่าง ๆ เพื่อ​หลีก​เลี่ยง​การ​ถ่าย​เลือด.” เจ้าหน้าที่​ของ​ธนาคาร​เลือด​อธิบาย​ว่า “สิ่ง​ที่​ได้ เปลี่ยน​ไป​คือ ความ​แรง​กล้า​ของ​ข่าวสาร​นี้ การ​ตอบรับ​ของ​แพทย์​ต่อ​ข่าวสาร​นี้ (เพราะ​มี​ความ​เข้าใจ​เพิ่ม​มาก​ขึ้น​ใน​อันตราย​ที่​อาจ​เกิด​ขึ้น) และ​เสียง​เรียก​ร้อง​ให้​พิจารณา​หา​วิธี​อื่น​แทน.”—Transfusion Medicine Reviews, ตุลาคม 1989.

      โปรด​สังเกต​ว่า​มี​วิธี​อื่น! เรา​จะ​เข้าใจ​เรื่อง​นี้​เมื่อ​เรา​พิจารณา​ถึง​เหตุ​ที่​มี​การ​ถ่าย​เลือด.

      ฮีโมโกลบิน​ใน​เม็ด​เลือด​แดง​นำ​ออกซิเจน​ซึ่ง​จำเป็น​ต่อ​ชีวิต​และ​สุขภาพ​ดี. ดัง​นั้น ถ้า​คน​หนึ่ง​เสีย​เลือด​ไป​จำนวน​มาก อาจ​ดู​เหมือน​สม​เหตุ​ผล​ที่​จะ​เพียง​ทดแทน​เลือด​เข้า​ไป. ปกติ​คุณ​จะ​มี​ฮีโมโกลบิน​ประมาณ 14 หรือ 15 กรัม​ต่อ​เลือด 100 ลูก​บาศก์​เซ็น​ติ​เมตร. (การ​วัด​ค่า​ความ​เข้มข้น​อีก​วิธี​หนึ่ง​คือ ฮี​มา​โต​ค​ริ​ต ซึ่ง​ค่า​ปกติ​ประมาณ 45 เปอร์เซ็นต์) “กฎ” ที่​ใช้​กัน​ทั่ว​ไป​คือ จะ​ถ่าย​เลือด​ให้​กับ​ผู้​ป่วย​ก่อน​ผ่าตัด​ถ้า​เขา​มี​ฮีโมโกลบิน​ต่ำ​กว่า 10 (หรือ​ค่า​ฮี​มา​โต​ค​ริ​ต 30 เปอร์เซ็นต์). โวกซ์ ซันกูอินิส์ (มีนาคม 1987) วารสาร​สวิส​รายงาน​ว่า “[วิสัญญีแพทย์] 65 เปอร์เซ็นต์​กำหนด​ให้​ผู้​ป่วย​มี​ระดับ​ฮีโมโกลบิน​อยู่​ใน​ระดับ 10 ก./ดล. ก่อน​ผ่าตัด​สำหรับ​ราย​ที่​ไม่​ใช่​การ​ผ่าตัด​ฉุกเฉิน.”

      แต่​ที่​การ​ประชุม​เกี่ยว​กับ​การ​ถ่าย​เลือด​ใน​ปี 1988 ศาสตราจารย์​โฮ​เวิร์ด แอล. เซา​เดอ​ร์​ถาม​ว่า “เรา​ได้ ‘เลข​มหัศจรรย์’ นี้​มา​จาก​ไหน?” เขา​กล่าว​อย่าง​ชัดเจน​ว่า “ต้นตอ​ของ​ข้อ​เรียก​ร้อง​ให้​ผู้​ป่วย​ต้อง​มี​ฮีโมโกลบิน (Hgb) 10 กรัม​ก่อน​ที่​จะ​ให้​ยา​สลบ​นั้น​จม​อยู่​กับ​ประเพณี​คลุม​ด้วย​ความ​ไม่​ชัด​แจ้ง และ​ไม่​ได้​รับ​การ​สนับสนุน​โดย​หลักฐาน​ทาง​คลินิค​หรือ​การ​ทดลอง.” คิด​ดู​ซิ​ว่า ผู้​ป่วย​นับ​พัน ๆ คน​ที่​ได้​รับ​การ​ถ่าย​เลือด​ซึ่ง​อาศัย​ข้อ​บ่ง​ชี้​ที่ ‘ไม่​ชัด​แจ้ง ไม่​มี​ข้อ​สนับสนุน’!

      บาง​คน​อาจ​สงสัย​ว่า ‘เหตุ​ใด​ฮีโมโกลบิน​ระดับ 14 จึง​เป็น​ระดับ​ปกติ​ใน​เมื่อ​คุณ​ก็​ยัง​สามารถ​ดำรง​อยู่​ได้​ใน​ระดับ​ที่​ต่ำ​กว่า​นั้น​มาก?’ นั่น​ก็​เพื่อ​จะ​ให้​คุณ​มี​กำลัง​สำรอง​ของ​การ​นำ​ออกซิเจน​เผื่อ​ไว้​มาก​พอ​พร้อม​สำหรับ​การ​ออก​กำลัง​กาย​หรือ​การ​ทำ​งาน​หนัก. การ​ค้นคว้า​ใน​ผู้​ป่วย​โลหิต​จาง​ยัง​เปิด​เผย​ว่า “เป็น​การ​ยาก​ที่​จะ​ตรวจ​พบ​ความ​บกพร่อง​ของ​ประสิทธิภาพ​ใน​การทำ​งาน ใน​ระดับ​ฮีโมโกลบิน​ที่​ต่ำ​จน​ถึง 7 ก./ดล. คน​อื่น​ได้​พบ​หลักฐาน​ของ​ความ​บกพร่อง​ใน​ระดับ​ปานกลาง​เท่า​นั้น.”—Contemporary Transfusion Practice, 1987.

      ขณะ​ที่​ผู้​ใหญ่​ทน​ต่อ​ระดับ​ฮีโมโกลบิน​ที่​ต่ำ​ได้ จะ​เป็น​อย่าง​ไร​กับ​เด็ก? ดร.เจมส์ เอ. สตอกมัน ที่​สาม กล่าว​ว่า “ใน​กรณี​ส่วน​ใหญ่ ทารก​ที่​คลอด​ก่อน​กำหนด​จะ​มี​ฮีโมโกลบิน​ลด​ลง​ใน​ช่วง​หนึ่ง​ถึง​สาม​เดือน​แรก . . . ข้อ​บ่ง​ชี้​ของ​การ​ถ่าย​เลือด​ใน​หน่วย​บริบาล​เด็ก​อ่อน​ยัง​ไม่​มี​ขอบ​เขต​ที่​ชัดเจน. ที่​จริง​แล้ว ทารก​หลาย​ราย​สามารถ​ทน​ต่อ​ระดับ​ของ​ฮีโมโกลบิน​ที่​ต่ำ​มาก โดย​ไม่​มี​ความ​ผิด​ปกติ​ทาง​การ​รักษา​ที่​เห็น​ได้​ชัด.”—Pediatric Clinic of North America, 1986.

      ความ​รู้​เช่น​นี้​มิ​ได้​หมายความ​ว่า เรา​ไม่​ต้อง​ทำ​อะไร​เมื่อ​มี​การ​เสีย​เลือด​ไป​มาก​เพราะ​อุบัติเหตุ หรือ​ขณะ​ผ่าตัด. ถ้า​มี​การ​เสีย​เลือด​อย่าง​รวด​เร็ว​และ​เป็น​จำนวน​มาก ความ​ดัน​โลหิต​ของ​คน​นั้น​จะ​ลด​ลง​และ​เขา​อาจ​เข้า​สู่​ภาวะ​ช็อค​ได้. สิ่ง​จำเป็น​ประการ​แรก​คือ ต้อง​หยุด​การ​เสีย​เลือด​นั้น และ​ชดเชย​ปริมาตร ที่​เสีย​ไป. การ​ทำ​อย่าง​นั้น​จะ​ป้องกัน​การ​ช็อค และ​ช่วย​รักษา​เม็ด​เลือด​แดง​ที่​เหลือ​กับ​ส่วน​ประกอบ​ต่าง ๆ ใน​ระบบ​ไหล​เวียน​ให้​ดำเนิน​ต่อ​ไป.

      การ​ทดแทน​ปริมาตร​อาจ​ทำ​ได้​โดย​ไม่​ต้อง​ใช้​เลือด​หรือ​พลาสมา.a มี​ของ​เหลว​ที่​ไม่​ใช่​เลือด​หลาย​อย่าง​ซึ่ง​ใช้​เป็น​ตัว​ขยาย​ปริมาตร​ที่​ได้​ผล​ดี. ของ​เหลว​ที่​ง่าย​ที่​สุด​คือ​น้ำ​เกลือ ซึ่ง​ทั้ง​ถูก​และ​เข้า​กับ​เลือด​เรา​ได้​ดี. นอก​จาก​นั้น ยัง​มี​ของ​เหลว​ที่​มี​คุณสมบัติ​พิเศษ​ต่าง ๆ เช่น​เด็ก​ซ์แทรน ฮีแม็คเซล และ​สาร​ละลาย​แล็คเทต ริงเกอร์. เฮตาสตาร์ช (เอช​อี​เอส) เป็น​สาร​ขยาย​ปริมาตร​ตัว​ใหม่​กว่า และ “สามารถ​ใช้​ได้​อย่าง​ปลอด​ภัย​กับ​ผู้​ป่วย [แผล​ไฟ​ไหม้] ซึ่ง​ปฏิเสธ​การ​ใช้​ผลิตผล​จาก​เลือด.” (Journal of Burn Care & Rehabilitation, มกราคม/กุมภาพันธ์ 1989) ของ​เหลว​เหล่า​นี้​มี​ข้อ​ดี​มาก​มาย. “สาร​ละลาย​คริสตัลลอยด์​ต่าง ๆ [เช่น​น้ำ​เกลือ​และ​สาร​ละลาย​แล็คเทต ริงเกอร์] เด็ก​ซ์แทรน​และ​เอช​อี​เอส เป็น​ตัว​ที่​ค่อนข้าง​มี​พิษ​น้อย​และ​ราคา​ถูก หา​ได้​ง่าย สามารถ​เก็บ​ไว้​ใน​อุณหภูมิ​ห้อง​ได้ ไม่​ต้อง​ทำ​การ​ทดสอบ​ความ​เข้า​กัน​ได้ และ​ปลอด​จาก​อันตราย​ของ​โรค​ที่​ติด​ได้​จาก​การ​ถ่าย​เลือด.”—Blood Transfusion Therapy—A Physician’s Handbook, 1989.

      กระนั้น​คุณ​อาจ​ถาม​ว่า ‘เหตุ​ใด​ของ​เหลว​ทดแทน​ที่​ไม่​ใช่​เลือด​ได้​ผล​ดี ใน​เมื่อ​ฉัน​ต้องการ​เม็ด​เลือด​แดง​เพื่อ​นำ​ออกซิเจน​ไป​ทั่ว​ร่าง​กาย?’ ดัง​ที่​ได้​กล่าว​มา​แล้ว คุณ​มี​กำลัง​สำรอง​ของ​การ​นำ​ออกซิเจน. ถ้า​คุณ​สูญ​เสีย​เลือด กลไก​ทดแทน​อัน​วิเศษ​สุด​จะ​เริ่ม​ทำ​งาน​ทันที. หัวใจ​ของ​คุณ​จะ​สูบ​ฉีด​เลือด​มาก​ขึ้น​ใน​การ​เต้น​แต่​ละ​ครั้ง. เนื่อง​จาก​เลือด​ที่​เสีย​ไป​ถูก​ทดแทน​ด้วย​ของ​เหลว​ที่​เหมาะ​สม เลือด​ซึ่ง​ตอน​นี้​ได้​รับ​การ​เจือ​จาง​แล้ว​จะ​ไหล​ได้​สะดวก​ขึ้น แม้​แต่​ใน​เส้น​เลือด​เล็ก ๆ. ผล​จาก​การ​เปลี่ยน​แปลง​ทาง​เคมี จะ​มี​การ​ปล่อย​ออกซิเจน​ให้​กับ​เนื้อ​เยื่อ​มาก​ขึ้น. การ​ปรับ​ตัว​เหล่า​นี้​มี​ประสิทธิภาพ​มาก แม้​จะ​มี​เม็ด​เลือด​แดง​เหลือ​อยู่​เพียง​ครึ่ง​เดียว การ​ขน​ส่ง​ออกซิเจน​ยัง​มี​ได้​ถึง​ร้อย​ละ 75 ของ​ปกติ. คน​ป่วย​ที่​นอน​พัก​อยู่ จะ​ใช้​ออกซิเจน​ที่​มี​พร้อม​ใน​เลือด​ของ​เขา​เพียง​ร้อย​ละ 25 เท่า​นั้น. และ​การ​ให้​ยา​สลบ​ส่วน​ใหญ่​มัก​จะ​ทำ​ให้​ความ​ต้องการ​ออกซิเจน​ของ​ร่าง​กาย​ลด​ลง.

      แพทย์​จะ​ช่วย​ได้​อย่าง​ไร?

      แพทย์​ที่​ชำนาญ​สามารถ​ช่วย​ผู้​ที่​เสีย​เลือด​และ​จึง​มี​เม็ด​เลือด​แดง​น้อย​ลง. เมื่อ​มี​การ​ทดแทน​ปริมาตร​เรียบร้อย​แล้ว แพทย์​สามารถ​ให้​ออกซิเจน​ที่​มี​ความ​เข้มข้น​สูง. วิธี​นี้​ทำ​ให้​มี​ออกซิเจน​มาก​ขึ้น​สำหรับ​ร่าง​กาย และ​มัก​จะ​ได้​ผล​ดี​อย่าง​น่า​ทึ่ง. แพทย์​ที่​อังกฤษ​ได้​ใช้​วิธี​นี้​กับ​หญิง​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​ได้​เสีย​เลือด​ไป​มาก “จน​ฮีโมโกลบิน​ของ​เธอ​ลด​ลง​เหลือ 1.8 ก./ดล. เธอ​ได้รับ​การ​รักษา​อย่าง​ได้​ผล​ดี . . . ด้วย​การ​ให้​ออกซิเจน​ความ​เข้มข้น​สูง และ​การ​ให้​สาร​ละลาย​เจ​ลาติน [ฮีแม็คเซล] จำนวน​มาก​เข้า​ทาง​เส้น​เลือด.” (Anaesthesia, มกราคม 1987) รายงาน​นี้​ยัง​กล่าว​ด้วย​ว่า อีก​หลาย​คน​ที่​มี​การ​เสีย​เลือด​อย่าง​ฉับพลัน ได้​รับ​การ​รักษา​อย่าง​ได้​ผล​ใน​ตู้​ที่​มี​ออกซิเจน​ความ​ดัน​สูง.

      นอก​จาก​นั้น​แพทย์​ยัง​สามารถ​ช่วย​ให้​ผู้​ป่วย​สร้าง​เม็ด​เลือด​แดง​มาก​ขึ้น​ได้​ด้วย. ทำ​อย่าง​ไร? โดย​การ​ฉีด​สาร​ประกอบ​ที่​มี​ธาตุ​เหล็ก​ให้ (เข้า​กล้าม​เนื้อ​หรือ​เข้า​ทาง​เส้น​เลือด​ดำ) ซึ่ง​จะ​ช่วย​ให้​ร่าง​กาย​สร้าง​เม็ด​เลือด​แดง​ได้​เร็ว​กว่า​ปกติ​สาม​หรือ​สี่​เท่า. เมื่อ​ไม่​นาน​มา​นี้​มี​อีก​วิธี​หนึ่ง​ที่​ช่วย​ได้. ไต​ของ​คุณ​สร้าง​ฮอร์โมน​ตัว​หนึ่ง​ที่​เรียก​ว่า อิ​ริ​โท​ร​พอ​ย​เอ​ติ​น (อี​พี​โอ) ซึ่ง​กระตุ้น​ไขกระดูก​ให้​สร้าง​เม็ด​เลือด​แดง. บัด​นี้ มี​อี​พี​โอ​สังเคราะห์. แพทย์​อาจ​ให้​ฮอร์โมน​นี้​กับ​ผู้​ป่วย​ที่​ซีด ดัง​นั้น ร่าง​กาย​เขา​จะ​สร้าง​เม็ด​เลือด​แดง​ชดเชย​ได้​อย่าง​รวด​เร็ว.

      แม้​กระทั่ง​ใน​ระหว่าง​ผ่าตัด ศัลยแพทย์​และ​วิสัญญีแพทย์​ที่​ชำนาญ​และ​สำนึก​ถึง​ความ​รับผิดชอบ​อาจ​ช่วย​ได้​โดย​การ​ใช้​วิธี​การ​อัน​ทัน​สมัย​เพื่อ​ให้​เลือด​ออก​น้อย​ที่​สุด. เทคนิค​การ​ผ่าตัด​ที่​ประณีต เช่น​การ​ใช้​เครื่อง​จี้​ไฟฟ้า​เพื่อ​ลด​การ​เสีย​เลือด​ไม่​อาจ​มอง​ข้าม​ไป​ได้. บาง​ครั้ง​เลือด​ที่​ออก​จาก​แผล​อาจ​ถูก​ดูด​ไว้ กรอง และ​ส่ง​กลับ​เข้า​ใน​ระบบ​ไหล​เวียน​อีก.b

      ผู้​ป่วย​ที่​ถูก​ต่อ​เข้า​กับ​เครื่อง​ปอด–หัวใจ​เทียม ซึ่ง​หล่อ​ด้วย​ของ​เหลว​ที่​ไม่​ใช่​เลือด อาจ​ได้​ประโยชน์​จาก​การ​ที่​เลือด​ถูก​ทำ​ให้​เจือ​จาง​ลง ทำ​ให้​การ​สูญ​เสีย​เม็ด​เลือด​แดง​น้อย​ลง.

      ยัง​มี​วิธี​อื่น​อีก​ที่​ช่วย​ได้. การ​ทำ​ให้​อุณหภูมิ​ผู้​ป่วย​ลด​ลง เพื่อ​ลด​การ​ใช้​ออกซิเจน​ใน​ระหว่าง​ผ่าตัด. การ​วาง​ยา​สลบ​ที่​ความ​ดัน​โลหิต​ระดับ​ต่ำ. การ​ให้​ยา​เพื่อ​ช่วย​เพิ่ม​การ​แข็งตัว​ของ​เลือด. การ​ให้​เดสโมเพรสซิน (ดี​ดี​เอ​วี​พี) เพื่อ​ทำ​ให้​เวลา​เลือด​ออก​สั้น​เข้า. “มีด​ผ่าตัด” เลเซอร์. คุณ​จะ​พบ​ว่า​รายการ​เหล่า​นี้​ยาว​ขึ้น​เรื่อย ๆ ขณะ​ที่​ศัลยแพทย์​และ​ผู้​ป่วย​ที่​เป็น​ห่วง​พยายาม​หา​วิธี​ที่​จะ​หลีก​จาก​การ​ถ่าย​เลือด. เรา​หวัง​ว่า​คุณ​คง​จะ​ไม่​เสีย​เลือด​เป็น​จำนวน​มาก. แต่​ถ้า​คุณ​เสีย​เลือด​อย่าง​นั้น เป็น​ไป​ได้​มาก​ที​เดียว​ว่า​แพทย์​ที่​ชำนาญ​จะ​สามารถ​จัด​การ​รักษา​คุณ​ได้​โดย​ที่​ไม่​ต้อง​ถ่าย​เลือด​ให้​คุณ ซึ่ง​มี​อันตราย​มาก​มาย.

      ผ่าตัด​ได้—แต่​ต้อง​ไม่​ใช้​เลือด

      หลาย​คน​ใน​ปัจจุบัน​นี้​ไม่​ยอม​รับ​เลือด. เนื่อง​ด้วย​เหตุ​ผล​ทาง​ด้าน​สุขภาพ พวก​เขา​กำลัง​เรียก​ร้อง​ใน​สิ่ง​ที่​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เรียก​ร้อง​เพราะ​เหตุ​ผล​อันดับ​แรก​ทาง​ด้าน​ศาสนา นั่น​คือ การ​รักษา​ทาง​การ​แพทย์​อย่าง​ดี​โดย​เลือก​วิธี​บำบัด​อื่น ๆ ที่​ไม่​ใช้​เลือด. อย่าง​ที่​เรา​ได้​กล่าว​มา​แล้ว การ​ผ่าตัด​ใหญ่​ทำ​ได้​โดย​ไม่​ใช้​เลือด. ถ้า​คุณ​ยัง​มี​ข้อ​สงสัย หลักฐาน​เพิ่ม​เติม​จาก​วารสาร​ทาง​การ​แพทย์​อาจ​ขจัด​ข้อ​สงสัย​นั้น​ได้.

      บทความ​ชื่อ “การ​ผ่าตัด​เปลี่ยน​ข้อ​กระดูก​ที่​สำคัญ​สี่​แห่ง​ใน​สมาชิก​พยาน​พระ​ยะโฮวา” (Orthopaedic Review, สิงหาคม 1986) บอก​ถึง​ผู้​ป่วย​ที่​ซีด​ซึ่ง​มี “ความ​เสื่อม​สลาย​อย่าง​มาก​ของ​ทั้ง​ข้อ​เข่า​และ​ข้อ​สะโพก.” มี​การ​ให้​เด็กซ์แทรน​ที่​ผสม​ธาตุ​เหล็ก ทั้ง​ก่อน​และ​หลัง​การ​ผ่าตัด​ซึ่ง​ทำ​เป็น​ขั้น ๆ ซึ่ง​ได้​ประสบ​ผล​สำเร็จ​อย่าง​ดี. วารสาร บริติช เจอร์นัล อ็อฟ อะนิสธีเซีย (1982) รายงาน​ผู้​ป่วย​พยาน​พระ​ยะโฮวา​อายุ 52 ปี​ซึ่ง​มี​ระดับ​ฮีโมโกลบิน​ต่ำ​กว่า​สิบ. โดย​วิธี​การ​ดม​ยา​สลบ​ที่​ความ​ดัน​ต่ำ​เพื่อ​ให้​เสีย​เลือด​น้อย เธอ​ได้​รับ​การ​ผ่าตัด​เปลี่ยน​ข้อ​สะโพก​และ​ข้อ​หัว​ไหล่. คณะ​ผ่าตัด​ที่​มหาวิทยาลัย​อาร์​คัน​ซอ (สหรัฐ​ฯ) ได้​ใช้​วิธี​นี้​ใน​การ​เปลี่ยน​ข้อ​สะโพก​หนึ่ง​ร้อย​ราย​แก่​พยาน​ฯ​และ​ผู้​ป่วย​ทั้ง​หมด​ฟื้น​ตัว​เป็น​ปกติ. ศาสตราจารย์​หัวหน้า​แผนก​นั้น​กล่าว​ว่า “สิ่ง​ที่​เรา​ได้​เรียน​รู้​จาก​ผู้​ป่วย (พยาน​ฯ) เหล่า​นั้น บัด​นี้​เรา​นำ​มา​ใช้​กับ​ผู้​ป่วย​ทั้ง​หมด​ที่​เรา​ทำ​การ​เปลี่ยน​ข้อ​สะโพก.”

      สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ของ​พยาน​ฯ​บาง​คน ยินยอม​ให้​เขา​รับ​การ​ผ่าตัด​เปลี่ยน​อวัยวะ​ถ้า​ทำ​โดย​ไม่​ใช้​เลือด. รายงาน​ของ​การ​ผ่าตัด​เปลี่ยน​ไต 13 ราย​สรุป​ว่า “ผล​รวม​ทั้ง​หมด​แสดง​ให้​เห็น​ว่า การ​ผ่าตัด​เปลี่ยน​ไต​อาจ​ทำ​ได้​อย่าง​ปลอด​ภัย​และ​ได้​ผล​ดี​ใน​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ส่วน​ใหญ่.” (Transplantation, มิถุนายน 1988) เช่น​เดียว​กัน การ​ปฏิเสธ​ที่​จะ​ใช้​เลือด​ก็​ไม่​ได้​เป็น​อุปสรรค​แม้​ใน​ราย​ผ่าตัด​เปลี่ยน​หัวใจ​ที่​บรรลุ​ผล​สำเร็จ.

      คุณ​อาจ​สงสัย​ว่า ‘แล้ว​เป็น​อย่าง​ไร​เกี่ยว​กับ​การ​ผ่าตัด​แบบ​อื่น ๆ ซึ่ง​ไม่​ใช้​เลือด?’ วารสาร เมดิคัล ฮอทไลน์ (เมษายน/พฤษภาคม 1983) กล่าว​ถึง​การ​ผ่าตัด “พยาน​พระ​ยะโฮวา​หลาย​คน​ซึ่ง​ได้​รับ​การ​ผ่าตัด​ใหญ่​ทาง​สูติ–นรี​เวช (ที่​มหาวิทยาลัย​แห่ง​รัฐ​เวนน์ สหรัฐ​ฯ) โดย​ไม่​ได้​มี​การ​ถ่าย​เลือด.” ใบ​แจ้ง​ข่าว​นี้​รายงาน​ว่า “ไม่​มี​การ​ตาย​หรือ​มี​โรค​แทรก​ซ้อน​มาก​กว่า​ใน​ผู้​หญิง​ที่​รับ​การ​ผ่าตัด​แบบ​เดียว​กัน​ซึ่ง​ยอม​รับ​การ​ถ่าย​เลือด.” ใบ​แจ้ง​ข่าว​นี้​จึง​ให้​ความ​เห็น​ว่า “ผล​ของ​การ​ศึกษา​นี้​อาจ​เป็น​เหตุ​ให้​เรา​ต้อง​ทำ​การ​ทบทวน​ใหม่​ถึง​การ​ใช้​เลือด​ใน​ผู้​หญิง​ทุก​คน​ซึ่ง​รับ​การ​ผ่าตัด​ทาง​สูติ–นรี​เวช.”

      ที่​โรง​พยาบาล​มหาวิทยาลัย​เกอตติงเกน (เยอรมนี) มี​การ​ผ่าตัด​ผู้​ป่วย 30 คน​ที่​ปฏิเสธ​การ​รับ​เลือด. “ไม่​พบ​การ​แทรก​ซ้อน​ใด ๆ ที่​นอก​เหนือ​ไป​จาก​ที่​เกิด​ขึ้น​กับ​ผู้​ป่วย​ที่​รับ​เลือด​เลย . . . . การ​ไม่​ยอม​รับ​การ​ถ่าย​เลือด​ไม่​ควร​จะ​ถือ​ว่า​เป็น​เรื่อง​สำคัญ​จน​เกิน​ไป​นัก และ​ดัง​นั้น จึง​ไม่​ควร​นำ​ไป​สู่​การ​ที่​แพทย์​จะ​ไม่​ยอม​ทำ​ผ่าตัด​ที่​จำเป็น​และ​ทำ​สำเร็จ​ได้.”—Risiko in der Chirurgie, 1987.

      แม้​แต่​การ​ผ่าตัด​สมอง​โดย​ไม่​ใช้​เลือด​ก็​เคย​ทำ​ใน​ผู้​ใหญ่​และ​เด็ก​หลาย​คน เช่น​ที่​ศูนย์​การ​แพทย์​มหาวิทยาลัย​นิวยอร์ก. ใน​ปี 1989 ดร.โจเซฟ รันโซฮอฟฟ์ หัวหน้า​แผนก​ศัลยกรรม​ประสาท เขียน​ไว้​ว่า “เห็น​ได้​ชัด​ว่า​ใน​ราย​ส่วน​ใหญ่ การ​หลีก​เลี่ยง​จาก​การ​ใช้​ผลิตผล​ของ​เลือด​สามารถ​ทำ​ได้​ด้วย​ความ​เสี่ยง​เพียง​เล็ก​น้อย​ใน​ผู้​ป่วย​ที่​ความ​เชื่อ​ทาง​ศาสนา​ปฏิเสธ​การ​ใช้​ผลิตผล​เหล่า​นั้น โดย​เฉพาะ​ถ้า​การ​ผ่าตัด​นั้น​สามารถ​ทำ​ได้​อย่าง​รวด​เร็ว และ​ใช้​เวลา​ผ่าตัด​ค่อนข้าง​สั้น. ที่​น่า​สนใจ​คือ ผม​มัก​จะ​ลืม​ไป​ว่า​ผู้​ป่วย​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา จน​กระทั่ง​ตอน​เขา​จะ​กลับ​บ้าน เมื่อ​เขา​มา​ขอบคุณ​ที่​ผม​ได้​เคารพ​ต่อ​ความ​เชื่อ​ทาง​ศาสนา​ของ​เขา.”

      สุด​ท้าย​คือ การ​ผ่าตัด​หัวใจ​และ​หลอด​เลือด​ที่​ซับซ้อน​ยิ่ง​โดย​ไม่​ใช้​เลือด จะ​ทำ​ได้​สำเร็จ​ใน​ผู้​ใหญ่​และ​เด็ก​ไหม? ดร. เด็นตัน เอ. คูลีย์ เป็น​ผู้​บุกเบิก​ใน​กรณี​นี้. ดัง​ที่​คุณ​จะ​อ่าน​พบ​ใน​บทความ​ทาง​การ​แพทย์​ที่​นำ​มา​ลง​ไว้​ใน​ภาค​ผนวก​ที่​หน้า 27-29 อาศัย​การ​วิเคราะห์​ก่อน​หน้า​นั้น ดร. คูลีย์ สรุป​ว่า “ความ​เสี่ยง​ของ​การ​ผ่าตัด​ใน​กลุ่ม​ผู้​ป่วย​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ไม่​ได้​มี​มาก​ไป​กว่า​กลุ่ม​อื่น.” บัด​นี้ หลัง​จาก​การ​ผ่าตัด​ราย​เหล่า​นี้​มา 1,106 ราย​แล้ว เขา​รายงาน​ว่า “ใน​ทุก​กรณี ผม​รักษา​สัญญา​หรือ​ข้อ​ตก​ลง​ที่​ผม​มี​กับ​คนไข้​ของ​ผม” กล่าว​คือ​จะ​ไม่​มี​การ​ใช้​เลือด.

      ศัลยแพทย์​ต่าง​ก็​ได้​สังเกต​ว่า​ทัศนะ​ที่​ดี​เป็น​อีก​ปัจจัย​หนึ่ง​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ดร. คูลีย์​เขียน​ไว้​เมื่อ​เดือน​ตุลาคม 1989 ว่า “ทัศนะ​ของ​คนไข้​เหล่า​นี้​ดี​เยี่ยม​เป็น​ตัว​อย่าง. พวก​เขา​ไม่​มี​ความ​กลัว​ของ​การ​แทรก​ซ้อน​หรือ​ความ​ตาย​ซึ่ง​คนไข้​ส่วน​ใหญ่​มี. พวก​เขา​มี​ความ​เชื่อ​ลึกซึ้ง​และ​มั่นคง​ใน​หลักการ​ที่​เขา​ยึด​ถือ​อยู่​และ​ใน​พระเจ้า​ของ​เขา.”

      นี่​ไม่​ได้​หมายความ​ว่า​เขา​เลือก​สิทธิ​ที่​จะ​ตาย. พวก​เขา​พยายาม​แสวง​หา​การ​รักษา​ที่​ดี เพราะ​เขา​ต้องการ​จะ​หาย​ป่วย. พวก​เขา​มั่น​ใจ​ว่า​การ​เชื่อ​ฟัง​พระเจ้า​ใน​เรื่อง​เลือด​เป็น​การ​ฉลาด ซึ่ง​ทัศนะ​นี้​มี​ผล​กระทบ​ที่​ดี​ต่อ​การ​ผ่าตัด​โดย​ไม่​ใช้​เลือด.

      ศาสตราจารย์ ดร. วี. ชลอสเซอร์ แห่ง​โรง​พยาบาล​ศัลยกรรม​มหาวิทยาลัย​ไฟรบูร์ก (เยอรมนี) ตั้ง​ข้อ​สังเกต​ว่า “อุบัติ​การ​ของ​การ​เกิด​เลือด​ออก​ใน​ระหว่าง​ผ่าตัด ใน​กลุ่ม​ผู้​ป่วย​เหล่า​นี้​ไม่​ได้​สูง​กว่า​กลุ่ม​อื่น สำหรับ​การ​เกิด​โรค​แทรก ถ้า​มี​ก็​น้อย​กว่า​กลุ่ม​อื่น. ทัศนะ​พิเศษ​ที่​พวก​เขา​มี​ต่อ​ความ​เจ็บ​ป่วย ซึ่ง​เป็น​ลักษณะ​เฉพาะ​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา มี​ผล​กระทบ​ใน​ทาง​ที่​ดี​ใน​ขณะ​ผ่าตัด.”—Herz Kreislauf, สิงหาคม 1987.

      [เชิงอรรถ]

      a พยาน​พระ​ยะโฮวา​ไม่​รับ​การ​ถ่าย​เลือด เม็ด​เลือด​แดง เม็ด​เลือด​ขาว เกล็ด​เลือด หรือ​พลาสมา. สำหรับ​ส่วน​ประกอบ​ย่อย​อื่น ๆ เช่น​อิมมูน กลอบูลิน โปรด​ดู หอสังเกตการณ์ 1 มิถุนายน 1990 หน้า 31-32.

      b วารสาร​วอชเทาเวอร์ ฉบับ 1 มีนาคม 1989 หน้า 30-31 พิจารณา​หลัก​พระ​คัมภีร์​ที่​เกี่ยว​กับ​วิธี​ต่าง ๆ ใน​การ​สงวน​เลือด​ไว้ และ​อุปกรณ์​ของ​ระบบ​ไหล​เวียน (นอก​ร่าง​กาย).

      [กรอบ​หน้า 13]

      “เรา​ต้อง​สรุป​ว่า​ใน​ปัจจุบัน​มี​ผู้​ป่วย​จำนวน​มาก​ได้​รับ​ส่วน​ประกอบ​ต่าง ๆ ของ​เลือด ผู้​ซึ่ง​ไม่​มี​โอกาส​ได้​ประโยชน์​จาก​การ​ถ่าย​เลือด​นั้น​เลย (ไม่​จำเป็น​ต้อง​ได้​รับ​เลือด) และ​กระนั้น เขา​เสี่ยง​อย่าง​มาก​ต่อ​ผล​ร้าย​ที่​ตาม​มา. ไม่​มี​แพทย์​คน​ใด​จะ​ตั้งใจ​ให้​คนไข้​ต้อง​รับ​การ​รักษา​ซึ่ง​นอก​จาก​จะ​ไม่​ได้​ประโยชน์​แล้ว​ยัง​อาจ​เป็น​อันตราย​ต่อ​เขา​ด้วย แต่​นั่น​คือ​สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น​จริง ๆ เมื่อ​มี​การ​ถ่าย​เลือด​ให้​โดย​ที่​ไม่​จำเป็น.”—“Transfusion–Transmitted Viral Diseases,” 1987.

      [กรอบ​หน้า 14]

      “ผู้​เขียน​บาง​คน​ได้​กล่าว​ว่า​ค่า​ฮีโมโกลบิน​ที่​ต่ำ​ถึง 2 ถึง 2.5 ก./100 มล. อาจ​เป็น​ที่​ยอม​รับ​ได้. . . . คน​ที่​มี​สุขภาพ​ดี​อาจ​ทน​ต่อ​การ​เสีย​เม็ด​เลือด​แดง​ได้​ถึง​ร้อย​ละ 50 และ​เกือบ​จะ​ไม่​มี​อาการ​อะไร​เลย​ถ้า​การ​เสีย​เลือด​นั้น​เกิด​ขึ้น​ใน​ช่วง​ระยะ​เวลา​หนึ่ง.”—“Techniques of Blood Transfusion,” 1982.

      [กรอบ​หน้า 15]

      “ความ​เชื่อ​เก่า​เกี่ยว​กับ​การ​ขน​ส่ง​ออกซิเจน​ไป​ยัง​เนื้อ​เยื่อ การ​หาย​ของ​แผล และ ‘คุณค่า​ทาง​การ​บำรุง​เลี้ยง’ ของ​เลือด กำลัง​จะ​ถูก​ทิ้ง​ไป​หมด​แล้ว. ประสบการณ์​ที่​มี​กับ​ผู้​ป่วย​ซึ่ง​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​ผู้​ป่วย​ทน​ต่อ​ภาวะ​ซีด​อย่าง​รุนแรง​ได้​ดี.”—“The Annals of Thoracic Surgery,” มีนาคม 1989.

      [กรอบ​หน้า 16]

      เด็ก​เล็ก ๆ ด้วย​หรือ? “มี​การ​ทำ​ผ่าตัด​หัวใจ​เปิด​ใน​เด็ก​เล็ก​จำนวน​สี่​สิบ​เก้า​ราย​อาศัย​เทคนิค​ที่​ไม่​ใช้​เลือด ไม่​ว่า​การ​ผ่าตัด​นั้น​จะ​ซับซ้อน​ยุ่งยาก​สัก​เพียง​ไร​ก็​ตาม.” เด็ก​ที่​เล็ก​ที่​สุด​หนัก​เพียง 4.7 กิโลกรัม. “เนื่อง​จาก​ผล​สำเร็จ​ที่​มี​เสมอ​ต้น​เสมอ​ปลาย​ใน​ผู้​ป่วย​พยาน​พระ​ยะโฮวา รวม​ทั้ง​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​การ​ถ่าย​เลือด​มี​ความ​เสี่ยง​ต่อ​โรค​แทรก​ร้าย​แรง​มาก​มาย ปัจจุบัน​นี้​เรา​จึง​ทำ​การ​ผ่าตัด​หัวใจ​ใน​เด็ก​เล็ก​ส่วน​ใหญ่​โดย​ไม่​มี​การ​ถ่าย​เลือด.”—“Circulation,” กันยายน 1984.

      [รูป​ภาพ​หน้า 15]

      เครื่อง​ปอด–หัวใจ​เทียม​ช่วย​ได้​มาก​ใน​การ​ผ่าตัด​หัวใจ​ของ​ผู้​ป่วย​ที่​ไม่​ต้องการ​เลือด.

  • คุณมีสิทธิ์ที่จะเลือก
    เลือดจะช่วยชีวิตคุณได้อย่างไร?
    • คุณ​มี​สิทธิ์​ที่​จะ​เลือก

      วิธี​ทาง​การ​แพทย์​สมัย​ใหม่ (ที่​เรียก​ว่า การ​วิเคราะห์​ความ​เสี่ยง/ผล​ดี​ที่​จะ​ได้​รับ) ทำ​ให้​ง่าย​ขึ้น​สำหรับ​แพทย์​และ​ผู้​ป่วย​ใน​การ​ร่วม​มือ​กัน​เพื่อ​หลีก​จาก​การ​รักษา​ด้วย​เลือด. แพทย์​จะ​ชั่ง​ดู​ปัจจัย​ต่าง ๆ เช่น ความ​เสี่ยง​ของ​ยา​บาง​อย่าง​หรือ​การ​ผ่าตัด กับ​ผล​ดี​ต่าง ๆ ที่​จะ​ได้​รับ. ผู้​ป่วย​จะ​มี​ส่วน​ด้วย​ใน​การ​วิเคราะห์​นี้.

      ให้​เรา​ใช้​ตัว​อย่าง​ที่​ผู้​คน​หลาย​แห่ง​เข้าใจ​ได้​ง่าย—โรค​ต่อม​ทอนซิล​อักเสบ​เรื้อรัง. ถ้า​คุณ​ประสบ​กับ​ปัญหา​นี้ คุณ​คง​ไป​ปรึกษา​แพทย์. ที่​จริง คุณ​อาจ​ปรึกษา​แพทย์​สอง​คน​ก็​ได้ เนื่อง​จาก​ผู้​เชี่ยวชาญ​ด้าน​สุขภาพ​มัก​จะ​แนะ​นำ​ให้​ฟัง​ความ​เห็น​จาก​อีก​คน​หนึ่ง. แพทย์​คน​หนึ่ง​อาจ​แนะ​นำ​ให้​ทำ​การ​ผ่าตัด. เขา​อธิบาย​ให้​ฟัง​คร่าว ๆ ว่า​นั่น​หมาย​ถึง​อะไร: ระยะ​เวลา​ที่​ต้อง​อยู่​ใน​โรง​พยาบาล ความ​เจ็บ​ปวด​มาก​น้อย​อย่าง​ไร และ​ค่า​ใช้​จ่าย. สำหรับ​เรื่อง​ความ​เสี่ยง​นั้น เขา​บอก​ว่า​มี​น้อย​ราย​ที่​จะ​มี​เลือด​ออก​มาก และ​โอกาส​ที่​จะ​เสีย​ชีวิต​จาก​การ​ผ่าตัด​นี้​มี​น้อย​มาก. แต่​แพทย์​อีก​คน​หนึ่ง​ที่​คุณ​ไป​ปรึกษา​ด้วย​แนะ​ให้​คุณ​ลอง​ใช้​การ​รักษา​ด้วย​ยา​ปฏิชีวนะ. เขา​อธิบาย​ถึง​ชนิด​ของ​ยา​ที่​จะ​ใช้ โอกาส​ที่​จะ​ได้​ผล และ​ค่า​ใช้​จ่าย. ใน​เรื่อง​ความ​เสี่ยง​นั้น เขา​บอก​ว่า​มี​ผู้​ป่วย​น้อย​คน​ที่​จะ​มี​ปฏิกิริยา​อัน​อาจ​อันตราย​ถึง​แก่​ชีวิต​เนื่อง​จาก​ยา​นั้น.

      แพทย์​ที่​มี​ความ​สามารถ​ทุก​คน​คง​จะ​ได้​พิจารณา​ถึง​ข้อ​ดี​และ​ข้อ​เสีย​ต่าง ๆ แต่​บัด​นี้​คุณ​เอง ต้อง​ชั่ง​ดู​ความ​เสี่ยง​และ​ผล​ดี​ที่​อาจได้​รับ รวม​ทั้ง​ปัจจัย​อื่น ๆ ซึ่ง​คุณ​จะ​รู้​ดี​ที่​สุด. (คุณ​อยู่​ใน​ฐานะ​ที่​จะ​พิจารณา​ได้​ดี​ที่​สุด​ใน​ด้าน​ต่าง ๆ เช่น ความ​เข้มแข็ง​ของ​คุณ​ทาง​อารมณ์​หรือ​ทาง​ฝ่าย​วิญญาน ฐานะ​ทาง​การ​เงิน​ของ​ครอบครัว ผล​กระทบ​ที่​มี​ต่อ​ครอบครัว และ​จริยธรรม​ส่วน​ตัว.) หลัง​จาก​นั้น​คุณ​จึง​ตัดสิน​ใจ. คุณ​อาจ​ยินยอม​โดย​ได้​รับ​การ​ชี้​แจง​ครบ​ถ้วน​ให้​ทำ​การ​รักษา​แบบ​หนึ่ง แต่​ปฏิเสธ​การ​รักษา​อีก​แบบ​หนึ่ง.

      คง​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น​เช่น​กัน​เมื่อ​ลูก​ของ​คุณ​เป็น​ทอนซิล​อักเสบ​เรื้อรัง. คง​จะ​มี​การ​อธิบาย​ให้​คุณ ผู้​เป็น​บิดา​มารดา​ผู้​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก ผู้​ซึ่ง​จะ​ต้อง​ได้​รับ​ผล​กระทบ​มาก​ที่​สุด และ​จะ​ต้อง​เป็น​ผู้​รับมือ​กับ​ผล​ที่​เกิด​ต่อ​มา ให้​ทราบ​ถึง​ความ​เสี่ยง ประโยชน์​ที่​ได้ และ​วิธี​รักษา​ต่าง ๆ. หลัง​จาก​พิจารณา​ทุก​แง่​แล้ว คุณ​จะ​เลือก​ตัดสิน​ใจ​ได้​อย่าง​ที่​มี​ข้อมูล​ครบ​ถ้วน​ใน​เรื่อง​ของ​สุขภาพ​ของ​บุตร​ของ​คุณ และ​แม้​แต่​เรื่อง​ความ​เป็น​ความ​ตาย​ของ​เขา. บาง​ที​คุณ​อาจ​ยอม​ให้​ทำ​การ​ผ่าตัด โดย​เข้าใจ​ดี​ถึง​ความ​เสี่ยง​ที่​เกี่ยว​ข้อง. บิดา​มารดา​คน​อื่น​อาจ​เลือก​ที่​จะ​ใช้​การ​รักษา​ด้วย​ยา​ปฏิชีวนะ พร้อม​กับ​ความ​เสี่ยง​ของ​มัน. เช่น​เดียว​กับ​ที่​แพทย์​อาจ​มี​คำ​แนะ​นำ​ที่​แตกต่าง​กัน ผู้​ป่วย​หรือ​บิดา​มารดา​ก็​อาจ​มี​ความ​เห็น​ต่าง ๆ กัน​ใน​เรื่อง​ที่​เขา​เห็น​ว่า​ดี​ที่​สุด. นี่​คือ​หลักการ​ทั่ว ๆ ไป​ของ​การ​ตัดสิน​ใจ​เลือก (ความ​เสี่ยง/ผล​ดี​ที่​จะ​ได้​รับ) อย่าง​ที่​มี​ข้อมูล​ครบ​ถ้วน.

      จะ​ว่า​อย่าง​ไร​เกี่ยว​กับ​การ​ใช้​เลือด? ไม่​มี​ใคร​ที่​ได้​ตรวจ​สอบ​ข้อ​เท็จ​จริง​อย่าง​ไม่​ลำเอียง​แล้ว​จะ​ปฏิเสธ​ได้​ว่า การ​ถ่าย​เลือด​มี​อันตราย​มาก. ดร. ชารล์ส ฮักกินส์ ซึ่ง​เป็น​ผู้​อำนวย​การ​หน่วย​บริการ​ถ่าย​เลือด​ของ​โรง​พยาบาล​แมสซาชูเซ็ตส์​อัน​ใหญ่​โต ได้​ทำ​ให้​เรื่อง​นี้​ชัดเจน. เขา​กล่าว​ว่า “เลือด​ไม่​เคย​ปลอด​ภัย​กว่า​นี้​มา​ก่อน. แต่​ยัง​ต้อง​ถือ​ว่า​เลือด​ยัง​เป็น​สิ่ง​ที่​ไม่​ปลอด​ภัย​อย่าง​หลีก​เลี่ยง​ไม่​ได้. เลือด​เป็น​สาร​ที่​อันตราย​ที่​สุด​ที่​เรา​ใช้​ใน​ทาง​การ​แพทย์.”—The Boston Globe Magazine, 4 กุมภาพันธ์ 1990.

      ด้วย​เหตุ​ผล​ที่​ดี บุคลากร​ทาง​การ​แพทย์​จึง​ได้​รับ​คำ​แนะ​นำ​ว่า “เรา​จำเป็น​ที่​จะ​ต้อง​ทำ​การ​ประเมิน​กัน​ใหม่​ใน​ส่วน​ของ​ความ​เสี่ยง ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ความ​เสี่ยง/ผล​ดี​ที่​ได้​รับ​ของ​การ​ถ่าย​เลือด และ​ค้น​หา​วิธี​ทดแทน​อื่น ๆ.”—Perioperative Red Cell Transfusion, การ​ประชุม​สถาบัน​ทาง​การ​สาธารณสุข​แห่ง​ชาติ, 27-29 มิถุนายน 1988.

      แพทย์​อาจ​ไม่​เห็น​พ้อง​ร่วม​กัน​ใน​เรื่อง​ประโยชน์​และ​โทษ​ของ​การ​ใช้​เลือด. คน​หนึ่ง​อาจ​ให้​เลือด​หลาย​ครั้ง​และ​เชื่อ​ว่า​นั้น​คุ้ม​กับ​การ​เสี่ยง. อีก​คน​หนึ่ง​อาจ​เห็น​ว่า​นั่น​เป็น​การ​เสี่ยง​ที่​ไม่​มี​เหตุ​ผล เพราะ​เขา​เคย​รักษา​ได้​ผล​ดี​โดย​ไม่​ใช้​เลือด. อย่าง​ไร​ก็​ดี ใน​ที่​สุด​คุณ​เอง ซึ่ง​เป็น​ผู้​ป่วย​หรือ​เป็น​บิดา​มารดา ต้อง​เป็น​ผู้​ทำ​การ​ตัดสิน​ใจ. เหตุ​ใด​จึง​ต้อง​เป็น​คุณ? เพราะ​เรื่อง​นี้​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ร่าง​กาย ชีวิต จริยธรรม และ​สัมพันธภาพ​ที่​มี​กับ​พระเจ้า​อัน​สำคัญ​ยิ่ง ของ​คุณ (หรือ​ลูก​ของ​คุณ).

      สิทธิ์​ของ​คุณ​เป็น​ที่​ยอม​รับ

      ปัจจุบัน​นี้​ใน​หลาย​ประเทศ ผู้​ป่วย​มี​สิทธิ์​อัน​ไม่​อาจ​ละเมิด​ได้ ที่​จะ​ตัดสิน​ว่า​เขา​จะ​ยอม​รับ​การ​รักษา​แบบ​ใด. “กฎหมาย​ของ​การ​ยินยอม​โดย​ที่​ได้​รับ​การ​ชี้​แจง​ครบ​ถ้วน​อาศัย​รากฐาน​สอง​ประการ: ประการ​แรก​คือ ผู้​ป่วย​มี​สิทธิ​ที่​จะ​ได้​รับ​ข้อมูล​อย่าง​เพียง​พอ​เพื่อ​ที่​จะ​ทำ​การ​ตัดสิน​ใจ​เลือก​อย่าง​ที่​มี​ข้อมูล​ครบ​ถ้วน​ใน​การ​รักษา​ตาม​ที่​แพทย์​แนะ​นำ และ​ประการ​ที่​สอง​คือ ผู้​ป่วย​อาจ​เลือก​ที่​จะ​รับ​หรือ​ปฏิเสธ​สิ่ง​ที่​แพทย์​แนะ​นำ​ได้. . . . นอก​จาก​จะ​มี​การ​ยอม​รับ​ว่า ผู้​ป่วย​มี​สิทธิ์​ที่​จะ​ตอบรับ หรือ​ปฏิเสธ หรือ​แม้​แต่​ตอบรับ​โดย​มี​เงื่อนไข​ต่าง ๆ มิ​ฉะนั้น หลักการ​พื้น​ฐาน​ของ​การ​ให้​ความ​ยินยอม​โดย​ที่​มี​ข้อมูล​ครบ​ถ้วน ก็​ไม่​มี​ความหมาย​อะไร.”—Informed Consent—Legal Theory and Clinical Practice, 1987.a

      ผู้​ป่วย​บาง​คน​ได้​ประสบ​การ​ต่อ​ต้าน​เมื่อ​เขา​พยายาม​จะ​ใช้​สิทธิ์​ของ​เขา. อาจ​เป็น​จาก​เพื่อน​ซึ่ง​มี​ความ​คิด​เห็น​อย่าง​แรง​กล้า​เกี่ยว​กับ​การ​ผ่าตัด​ต่อม​ทอนซิล หรือ​ไม่​ก็​เกี่ยว​กับ​ยา​ปฏิชีวนะ. หรือ​อาจ​เป็น​จาก​แพทย์​ผู้​ซึ่ง​เชื่อ​ว่า​คำ​แนะ​นำ​ของ​เขา​ดี​ที่สุด. หรือ​เจ้าหน้าที่​โรง​พยาบาล​อาจ​ไม่​เห็น​ด้วย เนื่อง​จาก​แง่​มุม​ใน​ด้าน​กฎหมาย​หรือ​ใน​ด้าน​การ​เงิน.

      ดร.คาร์ล แอล. เนล​สัน กล่าว​ว่า “ศัลยแพทย์​กระดูก​หลาย​คน​เลือก​ที่​จะ​ไม่​ทำ​การ​ผ่าตัด​ผู้​ป่วย (ซึ่ง​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา). สำหรับ​พวก​เรา เรา​เชื่อ​ว่า​ผู้​ป่วย​มี​สิทธิ์​ที่​จะ​ปฏิเสธ​การ​รักษา​ทาง​การ​แพทย์​แบบ​ใด​ก็​ได้. ถ้า​มี​วิธี​ที่​เป็น​ไป​ได้​ที่​จะ​ทำ​การ​ผ่าตัด​อย่าง​ปลอด​ภัย ขณะ​เดียว​กับ​ที่​ตัด​การ​รักษา​บาง​อย่าง​ออก​ไป เช่น​การ​ให้​เลือด ก็​ควร​ถือ​ว่า​นั่น​เป็น​ทาง​เลือก​อีก​แบบ​หนึ่ง.”—The Journal of Bone and Joint Surgery, มีนาคม 1986.

      ผู้​ป่วย​ที่​เห็น​อก​เห็น​ใจ​จะ​ไม่​พยายาม​บีบ​บังคับ​ให้​แพทย์​ใช้​วิธี​การ​รักษา​ซึ่ง​เขา​ไม่​ชำนาญ. กระนั้น อย่าง​ที่ ดร. เนล​สัน​ได้​กล่าว​ไว้ แพทย์​ผู้​เสีย​สละ​หลาย​คน​สามารถ​ปรับ​เปลี่ยน​ตาม​ความ​เชื่อ​ของ​ผู้​ป่วย​ได้. เจ้าหน้าที่​ชาว​เยอรมัน​ผู้​หนึ่ง​แนะ​นำ​ว่า “แพทย์​ไม่​อาจ​ปฏิเสธ​ที่​จะ​ให้​ความ​ช่วยเหลือ . . . ด้วย​การ​ชัก​เหตุ​ผล​ที่​ว่า​เขา​ไม่​อาจ​ใช้​การ​รักษา​ทุก​วิธี​ที่​เขา​มี​ใน​การ​รักษา​พยาน​พระ​ยะโฮวา. เขา​ยัง​คง​มี​หน้า​ที่​ที่​จะ​ต้อง​ให้​ความ​ช่วยเหลือ​แม้​หน​ทาง​จะ​ถูก​จำกัด​ลง​ก็​ตาม.” (Der Frauenarzt, พฤษภาคม–มิถุนายน 1983) ใน​ทำนอง​เดียว​กัน โรง​พยาบาล​มี​ขึ้น​มิ​ใช่​เพื่อ​ทำ​เงิน​เพียง​อย่าง​เดียว แต่​เพื่อ​บริการ​ผู้​คน​โดย​ไม่​เลือก​หน้า. ริชาร์ด เจ. เด​ไวน์ นัก​เทววิทยา​คาทอลิก​แถลง​ว่า “ถึง​แม้​ว่า​โรง​พยาบาล​จะ​ต้อง​ใช้​ความ​พยายาม​ทาง​การ​แพทย์​ทุก​วิธี​ที่​จะ​รักษา​สุขภาพ​และ​ชีวิต​ของ​คนไข้​ก็​ตาม แต่​จะ​ต้อง​แน่​ใจ​ว่า การ​รักษา​นั้น​ไม่​ละเมิด​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ (ของ​ผู้​ป่วย). นอก​จาก​นั้น จะ​ต้อง​หลีก​เลี่ยง​จาก​การ​ขู่เข็ญ​ทุก​อย่าง จาก​การ​หลอกล่อ​ผู้​ป่วย​เพื่อ​หา​คำ​สั่ง​ศาล​มา​บังคับ​ให้​รับ​การ​ถ่าย​เลือด.”—Health Progress, มิถุนายน 1989.

      แทน​ที่​จะ​พึ่ง​ศาล

      หลาย​คน​เห็น​พ้อง​กัน​ว่า เรื่อง​ส่วน​ตัว​ทาง​การ​แพทย์​ไม่​ใช่​ธุระ​ที่​ต้อง​ขึ้น​โรง​ขึ้น​ศาล. คุณ​จะ​รู้สึก​อย่าง​ไร​ถ้า​คุณ​เลือก​ที่​จะ​รักษา​ด้วย​ยา​ปฏิชีวนะ แต่​มี​ใคร​บาง​คน​ไป​ฟ้อง​ศาล เพื่อ​บังคับ​ให้​คุณ​ผ่าตัด​ต่อม​ทอนซิล​ออก? แพทย์​อาจ​อยาก​ให้​การ​รักษา​อย่าง​ที่​เขา​คิด​ว่า​ดี​ที่​สุด แต่​แพทย์​ไม่​มี​หน้า​ที่​ที่​จะ​ใช้​กฎหมาย​เป็น​เครื่อง​มือ เพื่อ​เหยียบ​ย่ำ​สิทธิ​อัน​ชอบธรรม​ของ​คุณ. และ​เนื่อง​จาก​พระ​คัมภีร์​ไบเบิล​ถือ​ว่า​การ​ละ​เว้น​จาก​เลือด​มี​ความ​สำคัญ​ทาง​ด้าน​ศีลธรรม​เช่น​เดียว​กับ​การ​หลีก​เว้น​จาก​การ​ล่วง​ประเวณี ดัง​นั้น การ​บังคับ​ให้​คริสเตียน​รับ​เลือด​ก็​เท่า​กับ​การ​บังคับ​ให้​ร่วม​เพศ—คือ​การ​ข่มขืน​นั่น​เอง.—กิจการ 15:28, 29.

      กระนั้น วารสาร อินฟอร์มด์ คอนเซ็นต์ ฟอร์ บลัด ทรานสฟิวชัน [การ​ยินยอม​โดย​ที่​ได้​รับ​การ​ชี้​แจง​ครบ​ถ้วน​เรื่อง​การ​ถ่าย​เลือด] (1989) รายงาน​ว่า ศาล​บาง​แห่ง​ร้อน​ใจ​มาก​เมื่อ​ผู้​ป่วย​เต็ม​ใจ​ที่​จะ​รับ​ความ​เสี่ยง​บาง​ประการ​เนื่อง​จาก​ความ​เชื่อ​ทาง​ศาสนา​ของ​ตน “จน​ทำ​ให้​พวก​เขา​อ้าง​ข้อ​ยก​เว้น​ทาง​กฎหมาย​บาง​อย่าง—อาจ​เรียก​ว่า​เป็น​เรื่อง​แต่ง​ขึ้น​เอง​ทาง​กฎหมาย​ก็​ว่า​ได้—เพื่อ​จะ​อนุญาต​ให้​มี​การ​ถ่าย​เลือด.” พวก​เขา​อาจ​พยายาม​ยก​ข้อ​อ้าง​ว่า​คนไข้​ตั้ง​ครรภ์​อยู่ หรือ​ว่า​คนไข้​มี​บุตร​ที่​จะ​ต้อง​เลี้ยง​ดู. หนังสือ​เล่ม​นี้​กล่าว​ว่า “สิ่ง​เหล่า​นั้น​คือ​นวนิยาย​ทาง​กฎหมาย. ผู้​ใหญ่​ที่​มี​สติ​สัมปชัญญะ​ครบ​ถ้วน​มี​สิทธิ์​ที่​จะ​ปฏิเสธ​การ​รักษา​ได้.”

      บาง​คน​ที่​ยืน​ยัน​จะ​ต้อง​ให้​มี​การ​ถ่าย​เลือด​ให้​ได้ มอง​ข้าม​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​ว่า​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ไม่​ได้​ปฏิเสธ​การ​รักษา​ทุก​อย่าง. พวก​เขา​ปฏิเสธ​การ​รักษา​เพียง​อย่าง​เดียว เท่า​นั้น เป็น​การ​รักษา​ที่​แม้​แต่​ผู้​เชี่ยวชาญ​ก็​กล่าว​ว่า​เต็ม​ไป​ด้วย​อันตราย. ปกติ​แล้ว​ปัญหา​ทาง​การ​แพทย์​มี​วิธี​แก้ไข​ได้​หลาย​วิธี. วิธี​หนึ่ง​อาจ​มี​ความ​เสี่ยง​ใน​ด้าน​หนึ่ง อีก​วิธี​หนึ่ง​เสี่ยง​ใน​อีก​แง่​หนึ่ง. ศาล​เอง​หรือ​แพทย์​จะ​ทำ​ตัว​เหมือน​เป็น​พ่อ​เป็น​แม่​ใน​การ​ตัดสิน​ได้​ไหม​ว่า การ​เสี่ยง​อัน​ใด “เป็น​ประโยชน์​มาก​ที่​สุด​สำหรับ​คุณ”? คุณ​เอง​จะ​ต้อง​เป็น​ผู้​ตัดสิน​เรื่อง​นั้น. พยาน​พระ​ยะโฮวา​ยืน​มั่น​ว่า​เขา​ไม่​ต้องการ​ให้​ใคร​อื่น​มา​ตัดสิน​แทน​ตน เรื่อง​นี้​เป็น​ความ​รับผิดชอบ​ส่วน​ตัว​ของ​เขา​ต่อ​พระ​พักตร์​พระเจ้า.

      ถ้า​ศาล​บังคับ​การ​รักษา​ที่​คุณ​เกลียด​กลัว นั่น​จะ​มี​ผล​กระทบ​อย่าง​ไร​ต่อ​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ และ​ปัจจัย​สำคัญ​อัน​ได้​แก่​ความ​ปรารถนา​ของ​คุณ​ที่​จะ​มี​ชีวิต​อยู่? ดร. คอน​ราด เด​ร​บิ​ง​เก​อร์​เขียน​ไว้​ว่า “คง​จะ​ต้อง​เป็น​ความ​ทะเยอทะยาน​ทาง​การ​แพทย์​ที่​ไม่​ถูก​ต้อง​อย่าง​แน่นอน​ที​เดียว ที่​ชัก​นำ​คน​เรา​ให้​บังคับ​ผู้​ป่วย​ให้​รับ​การ​รักษา​ใด ๆ ที่​ขัด​ต่อ​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ของ​เขา เพียง​เพื่อ​จะ​เยียว​ยา​ร่าง​กาย​ของ​เขา แต่​กลับ​ทำลาย​จิตใจ​ของ​เขา.”—Der Praktische Arzt, กรกฎาคม 1978.

      การ​ดู​แล​ลูก ๆ ด้วย​ความ​รัก

      คดี​ต่าง ๆ ที่​ฟ้องร้อง​ใน​เรื่อง​เลือด​มัก​จะ​เกี่ยว​ข้อง​กับ​เด็ก. บาง​ครั้ง​เมื่อ​บิดา​มารดา​ที่​รัก​ลูก​ได้​แสดง​ความ​จำนง​อย่าง​สุภาพ​ให้​ทำ​การ​รักษา​โดย​ไม่​ใช้​เลือด บุคลากร​ทาง​การ​แพทย์​บาง​คน​ได้​ขอ​อำนาจ​ศาล​เพื่อ​ทำ​การ​ให้​เลือด. แน่นอน คริสเตียน​เห็น​ด้วย​กับ​กฎหมาย​และ​การ​ปฏิบัติ​ของ​ศาล​เพื่อ​ป้องกัน​ไม่​ให้​เด็ก​ถูก​ทำ​ทารุณ​หรือ​ถูก​ทอดทิ้ง. บาง​ที​คุณ​เคย​อ่าน​เรื่อง​บิดา​มารดา​บาง​คน​ที่​ทำ​ร้าย​เด็ก​อย่าง​ทารุณ​หรือ​ทอดทิ้ง​เด็ก​โดย​ไม่​ให้​การ​รักษา​เลย. ช่าง​เป็น​เรื่อง​น่า​เศร้า​ใจ​จริง ๆ! เห็น​ได้​ชัด​ว่า รัฐ​มี​หน้า​ที่​และ​ควร​เข้า​ไป​ปก​ป้อง​เด็ก ๆ ที่​ถูก​ละเลย. แต่​คุณ​คง​เห็น​ได้​ชัด​ว่า เป็น​กรณี​ต่าง​กัน​ที​เดียว​เมื่อ​บิดา​มารดา​ที่​เต็ม​ไป​ด้วย​ความ​ห่วงใย​เรียก​ร้อง​ให้​ทำ​การ​รักษา​ทาง​การ​แพทย์​ที่​มี​ประสิทธิภาพ​โดย​ไม่​ใช้​เลือด.

      คดี​เหล่า​นี้​มัก​จะ​เกิด​ขึ้น​เมื่อ​เด็ก​อยู่​ใน​โรง​พยาบาล. เด็ก​เหล่า​นี้​เข้า​ไป​อยู่​ใน​โรง​พยาบาล​อย่าง​ไร และ​เพื่อ​จุด​ประสงค์​อะไร? ส่วน​ใหญ่​แล้ว​ก็​เพราะ​บิดา​มารดา​ที่​เป็น​ห่วง​นำ​ลูก​ของ​เขา​ไป​เพื่อ​ให้​รับ​การ​รักษา​ที่​ดี. ดัง​ที่​พระ​เยซู​ทรง​สน​พระทัย​ใน​พวก​เด็ก ๆ บิดา​มารดา​ที่​เป็น​คริสเตียน​สนใจ​และ​เอา​ใจ​ใส่​ลูก ๆ ของ​ตน​เช่น​กัน. พระ​คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ถึง ‘มารดา​ผู้​เลี้ยง​ดู​เอา​ใจ​ใส่​ลูก ๆ ของ​เธอ.’ พยาน​พระ​ยะโฮวา​มี​ความ​รัก​อัน​ลึกซึ้ง​เช่น​นั้น​ต่อ​บุตร​ของ​ตน.—1 เธซะโลนิเก 2:7; มัดธาย 7:11; 19:13-15.

      โดย​ปกติ​แล้ว บิดา​มารดา​ทุก​คน​เป็น​ผู้​ตัดสิน​ใจ​ใน​เรื่อง​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ชีวิต​และ​ความ​ปลอด​ภัย​ของ​ลูก ๆ: ครอบครัว​จะ​ใช้​แก๊ส​หรือ​ใช้​ถ่าน​ใน​ครัว? จะ​พา​เด็ก ๆ ไป​ด้วย​เมื่อ​ขับ​รถ​ทาง​ไกล​ไหม? จะ​ให้​เขา​ไป​ว่าย​น้ำ​ไหม? เรื่อง​เหล่า​นี้​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ความ​เสี่ยง​ต่าง ๆ บาง​ครั้ง​หมาย​ถึง​ความ​เป็น​ความ​ตาย​ที​เดียว. แต่​สังคม​ยอม​รับ​ว่า​บิดา​มารดา​มี​สิทธิ​ใน​การ​ตัดสิน​ใจ ดัง​นั้น บิดา​มารดา​จึง​รับ​หน้า​ที่​หลัก​เป็น​ผู้​ตัดสิน​ใจ​เกือบ​ทุก​เรื่อง​ซึ่ง​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ลูก​ของ​เขา.

      ใน​ปี​สากล​ศักราช 1979 ศาล​สูง​สุด​ของ​สหรัฐ​ฯ​กล่าว​อย่าง​ชัดเจน​ว่า “หลักการ​ของ​กฎหมาย​เกี่ยว​กับ​ครอบครัว​อาศัย​การ​อนุมาน​ที่​ว่า บิดา​มารดา​มี​สิ่ง​ที่​เด็ก ๆ ขาด​ใน​แง่​ของ​ความ​คิด​อ่าน ประสบการณ์ และ​ความ​สามารถ​ที่​จำเป็น​เพื่อ​ตัดสิน​ใจ​เรื่อง​ยาก​ลำบาก​ของ​ชีวิต. . . . เพียง​เพราะ​การ​ตัดสิน​ใจ​ของ​บิดา​มารดา [ใน​เรื่อง​ที่​เกี่ยว​กับ​การ​แพทย์] ซึ่ง​ดู​เสี่ยง​ภัย ไม่​หมายความ​ว่า​อำนาจ​ของ​การ​ตัดสิน​ใจ​ของ​เขา​จะ​ต้อง​ถูก​ยก​ให้​กับ​องค์กร​หรือ​เจ้าหน้าที่​ของ​รัฐ​โดย​อัตโนมัติ.”—Parham v. J.R.

      ใน​ปี​เดียว​กัน​นั้น ศาล​อุทธรณ์​แห่ง​นิวยอร์ก​ตัดสิน​ว่า “ปัจจัย​ที่​สำคัญ​ที่​สุด​ที่​จะ​ตัดสิน​ว่า​เด็ก​คน​ใด​กำลัง​ถูก​กีด​กัน​จาก​การ​รับ​การ​รักษา​พยาบาล​ทาง​การ​แพทย์​หรือ​ไม่​นั้น . . . ขึ้น​อยู่​กับ​ว่า​บิดา​มารดา​ได้​ให้​บุตร​ของ​ตน​รับ​การ​รักษา​ทาง​การ​แพทย์​อัน​เป็น​ที่​ยอม​รับ​กัน​หรือ​ไม่​ตาม​สภาพ​แวด​ล้อม​ที่​มี​อยู่​ทั้ง​หมด. การ​ไต่สวน​นี้​ไม่​อาจ​ชี้​ว่า​การ​ตัดสิน​ใจ​ของ​บิดา​มารดา​นั้น​จะ “ถูก” หรือ “ผิด” เพราะ​วิธี​ปฏิบัติการ​ทาง​การ​แพทย์​ใน​ปัจจุบัน แม้​จะ​มี​ความ​ก้าว​หน้า​อย่าง​ยิ่ง​ก็​ตาม น้อย​ครั้ง​นัก​ที่​จะ​สามารถ​ตัดสิน​ได้​อย่าง​แน่นอน​ใน​เรื่อง​นั้น. ทั้ง​ศาล​ก็​ไม่​อาจ​ทำ​หน้า​ที่​แทน​บิดา​มารดา​ได้.”—In re Hofbauer.

      ย้อน​กลับ​ไป​ถึง​ตัว​อย่าง​ของ​บิดา​มารดา​ที่​ต้อง​เลือก​ระหว่าง​การ​ผ่าตัด​หรือ​การ​ใช้​ยา​ปฏิชีวนะ. การ​รักษา​แต่​ละ​วิธี​ก็​มี​ความ​เสี่ยง​ของ​มัน​เอง. บิดา​มารดา​ที่​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก มี​ความ​รับผิดชอบ​ที่​จะ​ชั่ง​ดู​ความ​เสี่ยง ผล​ดี​ที่​อาจ​ได้​รับ รวม​ทั้ง​ปัจจัย​อื่น ๆ แล้ว​จึง​ตัดสิน​ใจ. เกี่ยว​กับ​เรื่อง​นี้ ดร. จอห์น แซม​มวล​ส์ (Anesthesiology News, ตุลาคม 1989) แนะ​นำ​ให้​อ่าน​หนังสือ คำ​แนะ​นำ​สำหรับ​ผู้​พิพากษา​เรื่อง​คำ​สั่ง​เกี่ยว​กับ​เด็ก [Guides to the Judge in Medical Orders Affecting Children] ซึ่ง​มี​จุด​ยืน​ดัง​นี้:

      “ความ​รู้​ทาง​การ​แพทย์​ยัง​ไม่​ก้าว​หน้า​เพียง​พอ​ที่​จะ​ให้​แพทย์​คาด​การณ์​อย่าง​มี​เหตุ​ผล​ได้​แน่นอน​ว่า ผู้​ป่วย​จะ​รอด​หรือ​เสีย​ชีวิต . . . ถ้า​มี​โอกาส​เลือก วิธี​การ​รักษา—เช่น​แพทย์​อาจ​แนะ​นำ​วิธี​หนึ่ง​ซึ่ง​มี​โอกาส​สำเร็จ 80 เปอร์​เซนต์ แต่​บิดา​มารดา​ไม่​เห็น​ด้วย และ​บิดา​มารดา​ไม่​คัดค้าน​วิธี​การ​หนึ่ง​ซึ่ง​มี​โอกาส​สำเร็จ​เพียง 40 เปอร์​เซนต์—แพทย์​จะ​ต้อง​ใช้​วิธี​ที่​เสี่ยง​กว่า​ใน​ทาง​การ​แพทย์ แต่​บิดา​มารดา​ไม่​คัดค้าน.”

      ขณะ​ที่​มี​การ​พบ​อันตราย​ร้าย​แรง​ถึง​ชีวิต​หลาย​อย่าง​ของ​การ​ใช้​เลือด​ใน​ทาง​การ​แพทย์ และ​เพราะ​มี​วิธี​เลือก​อื่น​แทน​ซึ่ง​ได้​ผล​ดี​ใน​การ​รักษา เป็น​ไป​ได้​ไหม​ที่​การ​หลีก​เลี่ยง​จาก​เลือด​เป็น​วิธี​ที่​มี​อันตราย​น้อย​กว่า?

      เป็น​ธรรมดา​ที่​คริสเตียน​จะ​ชั่ง​ดู​ปัจจัย​หลาย​อย่าง​ถ้า​ลูก​จะ​ต้อง​รับ​การ​ผ่าตัด. การ​ผ่าตัด​ทุก​อย่าง​ไม่​ว่า​จะ​ใช้​เลือด​หรือ​ไม่​ก็​มี​ความ​เสี่ยง. ศัลยแพทย์​คน​ใด​จะ​ให้​การ​รับรอง? บิดา​มารดา​อาจ​ทราบ​ว่า​ได้​เคย​มี​แพทย์​ที่​ชำนาญ​ทำ​การ​ผ่าตัด​ให้​ลูก​ของ​พยาน​ฯ​ได้​ผล​อย่าง​ดี​โดย​ไม่​ใช้​เลือด. ดัง​นั้น แม้​แพทย์​หรือ​เจ้าหน้าที่​ของ​โรง​พยาบาล​จะ​มี​ความ​เห็น​อีก​แบบ​หนึ่ง แทน​ที่​จะ​มา​ต่อ​สู้​กัน​ใน​ศาล​ซึ่ง​ทั้ง​เสีย​เวลา​และ​เครียด จะ​ไม่​มี​เหตุ​ผล​กว่า​หรือ​ที่​พวก​เขา​จะ​ร่วม​มือ​กับ​บิดา​มารดา​ที่​รัก​ลูก​เหล่า​นั้น? หรือ​บิดา​มารดา​อาจ​ย้าย​บุตร​ไป​ยัง​โรง​พยาบาล​อื่น ที่​ซึ่ง​เจ้าหน้าที่​มี​ประสบการณ์​และ​เต็ม​ใจ​ใน​การ​รักษา​ราย​เหล่า​นั้น. ที่​จริง​แล้ว การ​รักษา​โดย​ไม่​ใช้​เลือด​น่า​จะ​เป็น​วิธี​ที่​มี​คุณภาพ เนื่อง​จาก​วิธี​นี้​สามารถ​ช่วย​ให้​ครอบครัว “บรรลุ​ถึง​เป้าหมาย​ทาง​การ​แพทย์​และ​ที่​ไม่​ใช่​ทาง​การ​แพทย์​อัน​ชอบ​ด้วย​เหตุ​ผล” อย่าง​ที่​เรา​ได้​กล่าว​ไว้​ใน​ตอน​ต้น.

      [เชิงอรรถ]

      a โปรด​ดู​บทความ​ทาง​การ​แพทย์​ที่​มี​ชื่อ “เลือด: เป็น​การ​เลือก​ของ​ใคร และ​ตาม​สติ​รู้สึก​ผิด​และ​ชอบ​ของ​ผู้​ใด?” ใน​บาง​ส่วน​ของ​ภาค​ผนวก​ที่​หน้า 30-31.

      [กรอบ​หน้า 18]

      การ​ปลด​เปลื้อง​ความ​รับผิดชอบ​ทาง​กฎหมาย

      คุณ​อาจ​สงสัย​ว่า ‘เหตุ​ใด​แพทย์​บาง​คน​หรือ​โรง​พยาบาล​บาง​แห่ง​จึง​ด่วน​ที่​จะ​ร้อง​ต่อ​ศาล​เพื่อ​สั่ง​ให้​มี​การ​ถ่าย​เลือด?’ ใน​บาง​ประเทศ​เหตุ​ผล​ทั่ว​ไป​คือ​กลัว​จะ​ถูก​ฟ้อง​เรียก​ค่า​เสียหาย.

      ไม่​ใช่​เรื่อง​ที่​จะ​ต้อง​เป็น​ห่วง​ใน​กรณี​นี้​เมื่อ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เลือก​การ​รักษา​โดย​ไม่​ใช้​เลือด. แพทย์​ผู้​หนึ่ง​ที่​วิทยาลัย​การ​แพทย์ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (สหรัฐ​ฯ) รายงาน​ดัง​นี้ “ส่วน​ใหญ่ [พวก​พยาน​ฯ] พร้อม​ที่​จะ​ลง​นาม​ใน​แบบ​ฟอร์ม​ของ​แพทยสมาคม​แห่ง​อเมริกา ปลด​เปลื้อง​แพทย์​และ​โรง​พยาบาล​จาก​ความ​รับผิดชอบ​ใน​ความ​เสียหาย และ​หลาย​คน​พก​บัตร “เอกสาร​ทาง​การ​แพทย์”. แบบ​ฟอร์ม ‘การ​ปฏิเสธ​ที่​จะ​รับ​ผลิตผล​จาก​เลือด’ ซึ่ง​มี​การ​ลง​นาม​และ​วัน​ที่​อย่าง​ถูก​ต้อง เป็น​ข้อ​ตก​ลง​ที่​เป็น​สัญญา​และ​มี​ผล​ผูก​พัน​ตาม​กฎหมาย.”—Anesthesiology News, ตุลาคม 1989.

      ถูก​แล้ว พยาน​พระ​ยะโฮวา​ร่วม​มือ​ให้​ความ​มั่น​ใจ​ทาง​กฎหมาย​แก่​แพทย์​หรือ​โรง​พยาบาล​ว่า จะ​ไม่​ถูก​เรียก​ร้อง​ค่า​เสียหาย​ใด ๆ ใน​การ​จัด​รักษา​ตาม​ที่​ถูก​ร้อง​ขอ​โดย​ไม่​ใช้​เลือด. ตาม​คำ​แนะ​นำ​ของ​ผู้​เชี่ยวชาญ​ทาง​การ​แพทย์ พยาน​พระ​ยะโฮวา​แต่​ละ​คน​จะ​พก​บัตร​เอกสาร​ทาง​การ​แพทย์​ไว้. บัตร​นี้​จะ​เปลี่ยน​ใหม่​ทุก​ปี และ​จะ​ลง​นาม​โดย​เจ้า​ของ​บัตร​และ​พยาน​ซึ่ง​มัก​จะ​เป็น​ญาติ​ใกล้​ชิด.

      ใน​ปี 1990 ศาล​สูง​สุด​แห่ง​ประเทศ​แคนาดา​ได้​ตัดสิน​ยืน​ตาม​คำ​พิพากษา​เดิม​ที่​กล่าว​ไว้​อย่าง​เห็น​พ้อง​ด้วย​กับ​บัตร​ดัง​กล่าว: “บัตร​นี้​เป็น​แถลง​การ​อัน​เป็น​ลายลักษณ์​อักษร​เกี่ยว​กับ​ฐานะ ซึ่ง​ผู้​ถือ​บัตร​อาจ​ยึด​ถือ​ได้​อย่าง​ชอบ​ด้วย​กฎหมาย​เพื่อ​วาง​ข้อ​จำกัด​เป็น​ลายลักษณ์​อักษร​เกี่ยว​กับ​คำ​สัญญา​กับ​แพทย์.” ใน​หนังสือ Medicinsk Etik (1985) ศาสตราจารย์​แดเนียล แอน​เดอ​ร์​เซน เขียน​ไว้​ว่า “ถ้า​มี​เอกสาร​ที่​เขียน​ไว้​อย่าง​ชัดเจน​จาก​ผู้​ป่วย​แจ้ง​ว่า​เขา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา และ​เขา​ไม่​ต้องการ​เลือด​ไม่​ว่า​ใน​กรณี​ใด ๆ แล้ว ด้วย​ความ​นับถือ​ต่อ​ความ​เป็น​อิสระ​ของ​ผู้​ป่วย เรา​ต้อง​ทำ​ตาม​ความ​ประสงค์​นี้​เสมือน​กับ​ว่า​เขา​ได้​กล่าว​จาก​ปาก​ของ​เขา​เอง.”

      พยาน​ฯ​จะ​ลง​นาม​ใน​ใบ​ยินยอม​ของ​โรง​พยาบาล​ด้วย. แบบ​หนึ่ง​ซึ่ง​ใช้​อยู่​ที่​โรง​พยาบาล​ใน​ไฟรบูร์ก เยอรมนี มี​ช่อง​ว่าง​ซึ่ง​แพทย์​ใช้​เขียน​ข้อมูล​เกี่ยว​กับ​การ​รักษา​ที่​เขา​ได้​อธิบาย​ให้​ผู้​ป่วย. และ​เหนือ​ลายเซ็นต์​ของ​แพทย์​และ​ผู้​ป่วย แบบ​ฟอร์ม​นี้​มี​ข้อ​ความ​เพิ่ม​เติม​ว่า “ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​สมาชิก​ของ​คณะ​ศาสนา​แห่ง​พยาน​พระ​ยะโฮวา ข้าพเจ้า​ขอ​ปฏิเสธ​อย่าง​เด็ดขาด​ที่​จะ​ใช้​เลือด​หรือ​ส่วน​ประกอบ​ของ​เลือด​จาก​ภาย​นอก​ระหว่าง​การ​ผ่าตัด​ของ​ข้าพเจ้า. ข้าพเจ้า​ทราบ​ดี​ว่า​วิธี​การ​ที่​จำเป็น​และ​ที่​ได้​กำหนด​ไว้​จะ​มี​ความ​เสี่ยง​มาก​ขึ้น​เนื่อง​จาก​ปัญหา​เลือด​ออก. หลัง​จาก​ที่​ได้​รับ​คำ​อธิบาย​อย่าง​แจ่ม​แจ้ง​โดย​เฉพาะ​ใน​เรื่อง​นี้​แล้ว ข้าพเจ้า​เรียก​ร้อง​ให้​ทำ​การ​ผ่าตัด​ที่​จำเป็น​โดย​ไม่​ต้อง​ใช้​เลือด​หรือ​ส่วน​ประกอบ​ของ​เลือด​จาก​ภาย​นอก.”—Herz Kreislauf, สิงหาคม 1987.

      ที่​จริง​แล้ว การ​รักษา​โดย​ไม่​ใช้​เลือด​อาจ​มี​ความ​เสี่ยง​น้อย​กว่า. แต่​จุด​สำคัญ ณ ที่​นี้​คือ​ผู้​ป่วย​พยาน​ฯ​ยินดี​ที่​จะ​ขจัด​ความ​กังวล​ที่​ไม่​จำเป็น​ทุก​อย่าง​เพื่อ​ที่​บุคลากร​ทาง​การ​แพทย์​จะ​ได้​จดจ่อ​กับ​สิ่ง​ที่​เขา​ตั้งใจ​จะ​ทำ นั่น​คือ​การ​ช่วย​ให้​ผู้​ป่วย​หาย​เป็น​ปกติ. ความ​ร่วม​มือ​อย่าง​นี้​เป็น​ประโยชน์​กับ​ทุก​ฝ่าย ดัง​ที่ ดร. แอน​เจ​โล​ส เอ. แคม​บู​ริ​ส รายงาน​ไว้​ใน “การ​ผ่าตัด​ใหญ่​ของ​ช่อง​ท้อง​ใน​พยาน​พระ​ยะโฮวา” ดัง​นี้:

      “ศัลยแพทย์​ควร​ถือ​ว่า​ข้อ​ตก​ลง​ก่อน​การ​ผ่าตัด เป็น​ข้อ​ผูก​มัด​และ​ต้อง​ถือ​มั่น​ตลอด​ไป ไม่​ว่า​จะ​มี​เหตุ​การณ์​อะไร​เกิด​ขึ้น​ก็​ตาม ใน​ระหว่าง​การ​ผ่าตัด​หรือ​หลัง​จาก​นั้น. เรื่อง​นี้​ช่วย​ให้​ผู้​ป่วย​มี​ทัศนะ​ที่​ดี​ต่อ​การ​ผ่าตัด และ​ดึง​ความ​สนใจ​ของ​ศัลยแพทย์​จาก​เรื่อง​ทาง​กฎหมาย​และ​ปรัชญา ให้​จดจ่อ​ใน​เรื่อง​ของ​การ​ผ่าตัด​และ​เทคนิค ทั้ง​นี้​จะ​ช่วย​ให้​เขา​ทำ​ผ่าตัด​ได้​อย่าง​ดี​ที่​สุด และ​เป็น​ประโยชน์​ต่อ​ผู้​ป่วย​มาก​ที่​สุด.”—The American Surgoen, มิถุนายน 1987.

      [กรอบ​หน้า 19]

      การ​ใช้​เทคโนโลยี​ทาง​การ​แพทย์​อย่าง​ไม่​จำเป็น​คือ​สาเหตุ​ใหญ่​ของ​การ​เพิ่ม​ขึ้น​ใน​ค่า​ใช้​จ่าย​สำหรับ​การ​รักษา​สุขภาพ​ใน​ปัจจุบัน. . . . การ​ถ่าย​เลือด​มี​ความ​สำคัญ​เป็น​พิเศษ​เพราะ​ค่า​ใช้​จ่าย​ที่​สูง​และ​มี​อันตราย​มาก. ดัง​นั้น คณะ​กรรมาธิการ​ร่วม​ของ​การ​กำหนด​มาตรฐาน​สำหรับ​โรง​พยาบาล​แห่ง​อเมริกา​จึง​จัด​ให้​การ​ถ่าย​เลือด​อยู่​ใน​พวก​ที่ ‘มี​ปริมาณ​มาก มี​ความ​เสี่ยง​สูง และ​ผิด​พลาด​ได้​มาก.’”—“Transfusion,” กรกฎาคม–สิงหาคม 1989.

      [กรอบ​หน้า 20]

      สหรัฐ​ฯ: รากฐาน​ของ​ความ​จำเป็น​ใน​การ​ได้​รับ​ความ​ยินยอม​จาก​ผู้​ป่วย​คือ​หลัก​จรรยา​ของ​ความ​เป็น​อิสระ​ใน​ตัว​ของ​ตัว​เอง นั่น​คือ​การ​ตัดสิน​ใน​เรื่อง​ชะตากรรม​ควร​จะ​เป็น​สิทธิ์​ของ​บุคคล​คน​นั้น. พื้น​ฐาน​ทาง​ด้าน​กฎหมาย​ของ​การ​ต้อง​ขอ​ความ​ยินยอม​เสีย​ก่อน ก็​เพราะ​การ​ดำเนิน​การ​ทาง​การ​แพทย์​ใด ๆ โดย​ไม่​ได้​รับ​ความ​ยินยอม​จาก​ผู้​ป่วย​ถือ​เป็น​การ​ทำ​ร้าย​ร่าง​กาย.”—“การ​ยินยอม​รับ​การ​ถ่าย​เลือด​โดย​ได้​รับ​การ​ชี้​แจง​ครบ​ถ้วน”, 1989.

      เยอรมนี: สิทธิ์​ของ​ผู้​ป่วย​ใน​การ​ตัดสิน​ด้วย​ตน​เอง​อยู่​เหนือ​กว่า​หลักการ​ของ​การ​ให้​ความ​ช่วยเหลือ​และ​การ​รักษา​ไว้​ซึ่ง​ชีวิต. ผล​ก็​คือ: ไม่​มี​การ​ถ่าย​เลือด​ให้​ผู้​ป่วย​โดย​ไม่​ได้​รับ​ความ​ยินยอม.”—“Herz Kreislauf,” สิงหาคม 1987.

      ญี่ปุ่น: “ไม่​มี​สิ่ง​ที่ ‘เด็ดขาด แน่นอน ไม่​ผิด​พลาด’ ใน​ทาง​การ​แพทย์. แพทย์​เชื่อ​ว่า​วิธี​การ​แพทย์​ใน​สมัย​ปัจจุบัน​เป็น​สิ่ง​ที่​ดี​ที่​สุด​และ​ดำเนิน​ตาม​นั้น แต่​พวก​เขา​ไม่​ควร​บังคับ​ผู้​ป่วย​ให้​ยอม​รับ​ทุก​อย่าง​ว่า​เป็น​สิ่ง ‘เด็ดขาด แน่นอน ไม่​ผิด​พลาด.’ ผู้​ป่วย​จะ​ต้อง​มี​อิสระ​ใน​การ​เลือก​ด้วย.”—“มินามิ นิฮอน ชิมบุน” มิถุนายน 1985.

      [กรอบ​หน้า 21]

      “ผม​ได้​พบ​ว่า​ครอบครัว [ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา] เป็น​ครอบครัว​ที่​ใกล้​ชิด​กัน​และ​รัก​กัน​มาก.” ดร. ลอเรนซ์ เอส. แฟรงเคิล กล่าว. “พวก​เด็ก ๆ มี​การ​ศึกษา​ดี มี​น้ำ​ใจ และ​มี​มารยาท​ดี. . . . ดู​เหมือน​ว่า​เขา​เต็ม​ใจ​ปฏิบัติ​ตาม​คำ​สั่ง​ของ​แพทย์​มาก​กว่า​คน​ทั่ว​ไป ซึ่ง​อาจ​มา​ใน​รูป​ของ​ความ​พยายาม​ที่​จะ​ให้​รับ​วิธี​ทาง​การ​แพทย์​ใด ๆ ตราบ​ใด​ที่​ความ​เชื่อ​ของ​พวก​เขา​ยอม​ให้.”—แผนก​กุมารเวชศาสตร์, โรง​พยาบาล​และ​สถาบัน​มะเร็ง เอ็ม. ดี. แอนเดอร์สัน, ฮิว​ส​ตัน, สหรัฐ​ฯ, 1985.

      [กรอบ​หน้า 22]

      “ดร. เจมส์ แอล. เฟล็ตเชอร์ จูเนียร์ กล่าว​ว่า “ผม​คิด​ว่า​มี​ไม่​น้อย​ที​เดียว ที่​ความ​เย่อหยิ่ง​ทาง​อาชีพ​อาจ​เข้า​มา​แทน​การ​ตัดสิน​ใจ​ที่​ดี​ทาง​การ​แพทย์. วิธี​การ​รักษา​ที่​คิด​กัน​ว่า ‘ดี​ที่​สุด​ใน​ทุก​วัน​นี้’ อาจ​มี​การ​ดัด​แปลง​หรือ​อาจ​เลิก​ใช้​ไป​ใน​วัน​ข้าง​หน้า​ก็​ได้. อะไร​เป็น​สิ่ง​ที่​อันตราย​กว่า​กัน​แน่ ‘บิดา​มารดา​ที่​เคร่ง​ศาสนา’ หรือ​แพทย์​ที่​หยิ่ง​ยโส​ผู้​ซึ่ง​ถือ​ว่า​การ​รักษา​แบบ​ของ​เขา​หรือ​ของ​เธอ เป็น​สิ่ง​ที่​จำเป็น​อย่าง​ไม่​มี​ข้อ​โต้​แย้ง​ได้?”—“Pediatrics,” ตุลาคม 1988.

  • เลือดที่ช่วยชีวิตได้จริง ๆ
    เลือดจะช่วยชีวิตคุณได้อย่างไร?
    • เลือด​ที่​ช่วย​ชีวิต​ได้​จริง ๆ

      เรา​ได้​เห็น​หลาย​จุด​ชัดเจน​จาก​ราย​ละเอียด​ก่อน​หน้า​นี้. ถึง​แม้​ว่า​หลาย​คน​จะ​ถือ​ว่า​การ​ถ่าย​เลือด​เป็น​การ​ช่วย​ชีวิต แต่​ก็​เต็ม​ไป​ด้วย​อันตราย​มาก​มาย. ใน​แต่​ละ​ปี​หลาย​พัน​คน​เสีย​ชีวิต​เนื่อง​จาก​การ​ถ่าย​เลือด ผู้​คน​อีก​มาก​มาย​ที่​เจ็บ​ป่วย​อย่าง​หนัก​และ​รับ​ผล​เสีย​ต่าง ๆ ใน​ระยะ​ยาว. ดัง​นั้น แม้​จะ​มอง​ใน​แง่​สุขภาพ​ทาง​กาย​แล้ว ต้อง​ถือ​ว่า​เป็น​การ​สุขุม​รอบคอบ​ใน​ขณะ​นี้​ที​เดียว​ที่​จะ​เชื่อ​ฟัง​คำ​สั่ง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​ให้ ‘ละ​เว้น​จาก​เลือด.’—กิจการ 15:28, 29.

      ผู้​ป่วย​ได้​รับ​การ​ป้องกัน​จาก​อันตราย​หลาย​อย่าง​ถ้า​เขา​ขอ​ให้​รักษา​ด้วย​วิธี​ที่​ไม่​ใช้​เลือด. แพทย์​ที่​เชี่ยวชาญ​ซึ่ง​ยอม​รับ​ข้อ​ท้าทาย​ใน​การ​ใช้​วิธี​นี้​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ได้​พัฒนา​มาตรฐาน​การ​ปฏิบัติ​ที่​ได้​ผล​และ​ปลอด​ภัย ดัง​ที่​รายงาน​ทาง​การ​แพทย์​มาก​มาย​แสดง​ให้​เห็น. แพทย์​ที่​ให้​การ​รักษา​อย่าง​ที่​มี​คุณภาพ​โดย​ไม่​ใช้​เลือด​ไม่​ได้​ละเลย​หลักการ​ทาง​การ​แพทย์​ที่​มี

หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
ออกจากระบบ
เข้าสู่ระบบ
  • ไทย
  • แชร์
  • การตั้งค่า
  • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
  • เงื่อนไขการใช้งาน
  • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
  • JW.ORG
  • เข้าสู่ระบบ
แชร์