พฤศจิกายน
วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน
พระองค์ทำให้มีคำสรรเสริญออกจากปากของเด็กและทารก—มธ. 21:16
ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ ให้ช่วยลูกเตรียมตัวออกความเห็นแบบที่เหมาะกับวัยของเขา บางครั้งเนื้อหาในการประชุมอาจเป็นเรื่องยาก เช่น เรื่องปัญหาครอบครัวหรือเรื่องศีลธรรม แต่ก็จะมีสัก 1 หรือ 2 ข้อในบทความนั้นที่เด็ก ๆ จะออกความเห็นได้ นอกจากนั้น ให้ช่วยลูกเข้าใจว่าทำไมเขาอาจไม่ได้ถูกเรียกตอบทุกครั้งที่ยกมือ การอธิบายให้ลูกเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยไม่ให้ลูกผิดหวังตอนที่ผู้นำส่วนเรียกคนอื่นตอบแทนที่จะเรียกเขา (1 ทธ. 6:18) เราทุกคนสามารถเตรียมตัวออกความเห็นที่เป็นการสรรเสริญพระยะโฮวาและทำให้พี่น้องได้กำลังใจ (สภษ. 25:11) บางครั้งเราอาจเล่าประสบการณ์ส่วนตัวสั้น ๆ ได้ แต่เราไม่ควรทำให้คนอื่นสนใจที่ตัวเรามากเกินไป (สภษ. 27:2; 2 คร. 10:18) เราควรพยายามให้พี่น้องสนใจที่พระยะโฮวา คัมภีร์ไบเบิล และผู้รับใช้ของพระองค์—วว. 4:11 ห23.04 18:17-18
วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน
ขอให้เราอย่าหลับใหลเหมือนคนอื่น ๆ แต่ให้ตื่นตัวและมีสติเสมอ—1 ธส. 5:6
ความรักช่วยให้เราตื่นตัวและมีสติเสมอ (มธ. 22:37-39) การรักพระเจ้าจะช่วยให้เราอดทนและยังคงประกาศต่อ ๆ ไป แม้การทำอย่างนั้นอาจทำให้เราต้องเจอปัญหา (2 ทธ. 1:7, 8) และเนื่องจากเรารักคนอื่นที่ไม่ได้เป็นพยานฯ เราก็เลยประกาศและทำงานสอนต่อไป และถึงกับประกาศทางโทรศัพท์หรือเขียนจดหมายด้วย เรายังคงหวังว่าสักวันหนึ่งคนที่เราประกาศจะเปลี่ยนใจและเริ่มทำสิ่งที่ถูกต้อง (อสค. 18:27, 28) นอกจากนั้น เราต้องรักพี่น้องของเราด้วย เราแสดงความรักต่อพวกเขาได้โดย “ให้กำลังใจกันและเสริมสร้างกันให้เข้มแข็ง” (1 ธส. 5:11) เหมือนกับทหารที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน เราก็จะคอยให้กำลังใจกันเสมอ เราจะไม่ตั้งใจทำให้พี่น้องเจ็บ และถึงพี่น้องทำให้เราเจ็บ เราก็จะไม่เอาคืน (1 ธส. 5:13, 15) นอกจากนั้น เราจะแสดงความรักโดยนับถือพี่น้องที่นำหน้าในประชาคม—1 ธส. 5:12 ห23.06 26:6, 10-11
วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน
เมื่อ [พระยะโฮวา] พูดแล้วจะไม่ทำตามที่พูดหรือ?—กดว. 23:19
วิธีแรกที่เราจะมีความเชื่อเข้มแข็งขึ้นได้ก็คือการคิดใคร่ครวญเรื่องค่าไถ่ ค่าไถ่ทำให้เรามั่นใจว่าคำสัญญาทุกอย่างของพระเจ้าจะเป็นจริง เมื่อเราคิดใคร่ครวญว่าทำไมพระยะโฮวาถึงให้มีค่าไถ่ และพระองค์ต้องเสียสละอะไรบ้าง มันก็ทำให้เรามั่นใจในคำสัญญาเรื่องชีวิตตลอดไปในโลกที่ดีกว่าว่ามันจะต้องเกิดขึ้นจริงแน่นอน ทำไมเราถึงบอกแบบนั้น? ลองคิดดูว่าพระยะโฮวาต้องเสียสละอะไรบ้าง พระองค์ส่งลูกชายที่รักที่สุดของพระองค์ซึ่งเป็นผู้ที่พระองค์สนิทที่สุดลงมาเกิดบนโลกเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลก ท่านต้องเจอความยากลำบากหลายอย่าง และต่อมาท่านก็ต้องทนทุกข์และตายด้วยความเจ็บปวด พระยะโฮวายอมจ่ายด้วยราคาที่แพงมากจริง ๆ พระองค์จะไม่มีทางยอมให้ลูกชายของพระองค์ต้องมาเจ็บปวดทรมานและตายเพื่อให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นแค่ช่วงสั้น ๆ (ยน. 3:16; 1 ปต. 1:18, 19) ในเมื่อพระองค์ยอมจ่ายด้วยราคาที่แพงมหาศาลขนาดนี้ พระองค์ก็ต้องทำให้ชีวิตตลอดไปในโลกใหม่เป็นจริงแน่นอน ห23.04 19:8-9
วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน
ความตาย พิษสงที่มีหายไปไหนหมด?—ฮชย. 13:14
พระยะโฮวาอยากปลุกคนที่ตายไปแล้วให้ฟื้นขึ้นมาไหม? แน่นอน พระองค์ดลใจผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลหลายคนให้บันทึกคำสัญญาของพระองค์เรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย (อสย. 26:19; วว. 20:11-13) และไม่ว่าพระยะโฮวาสัญญาอะไร พระองค์จะทำให้มันเป็นจริงเสมอ (ยชว. 23:14) ที่จริง พระยะโฮวาอยากปลุกคนที่ตายไปแล้วให้ฟื้นขึ้นมามาก ให้เรามาดูคำพูดของโยบ โยบมั่นใจว่าถึงเขาจะตาย พระยะโฮวาก็จะอาลัยอาวรณ์และอยากให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง (โยบ 14:14, 15, เชิงอรรถ) พระยะโฮวาก็รู้สึกแบบนี้กับผู้รับใช้ทุกคนที่ตายไปแล้ว และพระองค์คิดถึงพวกเขามาก พระองค์อยากให้พวกเขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์และมีความสุข แล้วหลายพันล้านคนที่ตายไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีโอกาสรู้จักพระองค์ล่ะ? พระยะโฮวาก็อยากปลุกพวกเขาด้วย (กจ. 24:15) พระองค์อยากให้พวกเขามีโอกาสเป็นเพื่อนกับพระองค์และมีชีวิตตลอดไป—ยน. 3:16 ห23.04 16:5-6
วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน
เราจะได้กำลังจากพระเจ้า—สด. 108:13
คุณจะทำให้ความหวังของคุณชัดเจนขึ้นได้ยังไง? ถ้าคุณมีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปบนโลกที่เป็นอุทยาน ลองอ่านดูว่าคัมภีร์ไบเบิลพูดถึงอุทยานในโลกใหม่ยังไงบ้าง และคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องนั้น (อสย. 25:8; 32:16-18) ลองนึกภาพว่าชีวิตในโลกใหม่จะเป็นยังไงและให้นึกภาพตัวคุณตอนอยู่ในโลกใหม่ ถ้าเราคิดบ่อย ๆ เกี่ยวกับความหวังนี้ เราก็จะรู้สึกว่าปัญหาที่เราเจอในตอนนี้ “มีอยู่ช่วงสั้น ๆ และไม่หนัก” (2 คร. 4:17) ความหวังที่พระยะโฮวาให้คุณจะทำให้คุณเข้มแข็ง พระองค์เตรียมทุกอย่างให้เราพร้อมหมดแล้วเพื่อจะช่วยให้เราเข้มแข็ง ดังนั้น เมื่อไหร่ที่คุณต้องการความช่วยเหลือเพื่อจะทำงานมอบหมายให้สำเร็จ เพื่อจะอดทนกับความลำบาก หรือเพื่อจะมีความสุขอยู่เสมอ ให้คุณอธิษฐานถึงพระยะโฮวาและศึกษาส่วนตัว นี่จะช่วยให้คุณเห็นว่าพระยะโฮวากำลังช่วยคุณยังไง นอกจากนั้น ให้คุณยอมรับความช่วยเหลือที่มาจากพี่น้องด้วยและทำให้ความหวังของคุณชัดเจนอยู่เสมอ ถ้าคุณทำอย่างนั้นคุณก็จะได้รับ “กำลังจากฤทธิ์อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของ [พระเจ้า] เพื่อจะอดทนจนถึงที่สุดและอดกลั้นด้วยความยินดี”—คส. 1:11 ห23.10 43:19-20
วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง—1 ธส. 5:18
มีเหตุผลหลายอย่างที่เราอธิษฐานขอบคุณพระยะโฮวาได้ เราควรขอบคุณพระยะโฮวาสำหรับทุกสิ่งที่เรามีเพราะสิ่งดีทุกอย่างมาจากพระองค์ (ยก. 1:17) เช่น เราขอบคุณที่พระยะโฮวาสร้างโลกที่สวยงามและสิ่งต่าง ๆ ที่น่ามหัศจรรย์ เราขอบคุณที่พระองค์ให้เรามีชีวิต มีครอบครัว มีเพื่อน และมีความหวัง และเรายังอยากขอบคุณที่พระยะโฮวาให้เราได้เป็นเพื่อนกับพระองค์ด้วย เราอาจต้องพยายามมากหน่อยที่จะคิดถึงเหตุผลที่เราต้องขอบคุณพระยะโฮวา เราอยู่ในโลกที่คนเดี๋ยวนี้ไม่รู้จักขอบคุณ พวกเขาสนใจแต่ว่าจะทำยังไงเพื่อให้ตัวเองได้สิ่งที่ต้องการ ไม่ได้สนใจว่าจะแสดงความขอบคุณยังไงกับสิ่งที่ตัวเองมี ถ้าเราเริ่มคิดเหมือนพวกเขา คำอธิษฐานของเราก็จะมีแต่การขอเท่านั้น เพื่อจะไม่เป็นแบบนี้ เราต้องพยายามสร้างนิสัยที่จะเห็นคุณค่าและขอบคุณทุกอย่างที่พระยะโฮวาทำเพื่อเรา—ลก. 6:45 ห23.05 20:8-9
วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน
ขออยู่เรื่อย ๆ ด้วยความเชื่อ อย่าสงสัยเลย—ยก. 1:6
พระยะโฮวาเป็นพ่อที่รักของเรา พระองค์ไม่อยากเห็นเราต้องเจอกับความทุกข์และเจ็บปวด (อสย. 63:9) ถึงอย่างนั้น พระองค์ก็ไม่ได้ปกป้องเราไม่ให้เจอกับความทุกข์เลย คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า ความทุกข์เปรียบเหมือนกับแม่น้ำหรือเปลวไฟ (อสย. 43:2) แต่พระองค์สัญญาว่าจะช่วยเราให้ “ข้าม” ผ่านปัญหาเหล่านั้นไปได้ และพระองค์จะไม่ยอมให้เราเจอกับความทุกข์จนเรารับใช้ไม่ไหว พระยะโฮวาให้พลังบริสุทธิ์กับเราเพื่อช่วยให้เราอดทนได้ด้วย (ลก. 11:13; ฟป. 4:13) เราก็เลยมั่นใจได้ว่า พระองค์จะให้สิ่งจำเป็นที่เราต้องมีเพื่อจะอดทนและยังคงซื่อสัตย์ต่อพระองค์ได้ พระยะโฮวาอยากให้เราวางใจพระองค์ (ฮบ. 11:6) บางครั้งเราอาจเจอปัญหาหนักมากจนไม่คิดว่าจะผ่านมันไปได้ ตอนนั้นเราอาจเริ่มสงสัยว่า พระยะโฮวาจะช่วยเราจริงไหม แต่คัมภีร์ไบเบิลรับรองกับเราว่า พระองค์จะให้กำลังกับเราเพื่อที่เราจะ “กระโดดข้ามกำแพงได้” (สด. 18:29) ดังนั้น เราไม่ต้องสงสัยเลยว่าพระยะโฮวาจะช่วยจริงไหม ขอให้เราอธิษฐาน แล้วก็ไว้ใจว่าพระองค์จะตอบเราแน่นอน—ยก. 1:6, 7 ห23.11 49:8-9
วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน
ความรักร้อนแรงเหมือนไฟ เหมือนเปลวไฟของยาห์ สายน้ำหลายสายไม่อาจดับความรักได้ แม่น้ำกี่สายก็ไม่อาจพัดพาความรักไป—พซม. 8:6, 7
นี่เป็นการพูดถึงความรักแท้ได้อย่างงดงามจริง ๆ สำหรับคนที่แต่งงานแล้ว ข้อความนี้ต้องทำให้คุณรู้สึกมั่นใจแน่ ๆ ว่าคุณก็มีความรักแท้ที่มั่นคงต่อกันตลอดไปได้ สามีภรรยาจะมีความรักที่มั่นคงต่อกันตลอดไปหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาทั้งสองคน ลองนึกถึงตัวอย่างนี้ ตอนที่เราก่อกองไฟ ถ้าเราคอยเติมฟืนเข้าไปเรื่อย ๆ ไฟก็จะลุกโชนอยู่ตลอด แต่ถ้าเราไม่ทำแบบนั้น ไฟก็จะมอดดับลงในที่สุด เหมือนกันสามีภรรยาจะมีความรักที่มั่นคงต่อกันตลอดไปถ้าพวกเขาคอยใส่ใจและแสดงความรักต่อกันเสมอ แต่บางครั้งสามีภรรยาก็อาจรู้สึกว่าความรักของพวกเขาจืดจางลงโดยเฉพาะถ้าพวกเขาเจอปัญหาหนัก ๆ เช่น ปัญหาเรื่องเงิน ปัญหาสุขภาพ หรือความเครียดจากการเลี้ยงลูก ดังนั้น เพื่อจะให้ “เปลวไฟของยาห์” ลุกโชนในชีวิตคู่อยู่เสมอ ทั้งสามีภรรยาจะต้องสนิทกับพระยะโฮวา ห23.05 23:1-3
วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน
ไม่ต้องกลัว—ดนล. 10:19
เราจะมีความกล้าหาญได้ยังไง? ถึงพ่อแม่จะอยากให้เราเป็นคนกล้าหาญและพ่อแม่เองก็เป็นคนกล้าหาญ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นคนกล้าหาญโดยอัตโนมัติ การพยายามเป็นคนกล้าหาญก็เหมือนกับการเรียนรู้ที่จะทำอะไรใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยทำ วิธีหนึ่งที่คุณจะทำสิ่งนั้นได้เก่งก็คือ การดูว่าครูทำยังไงและก็เลียนแบบเขา เหมือนกันเราเรียนรู้ที่จะเป็นคนกล้าหาญได้โดยสังเกตดูว่าคนอื่นกล้าหาญยังไงและเลียนแบบพวกเขา เหมือนดาเนียล เราต้องเก่งพระคัมภีร์และเข้าใจเป็นอย่างดี เราต้องสนิทกับพระยะโฮวาโดยอธิษฐานพูดคุยกับพระองค์บ่อย ๆ บอกพระองค์ว่าเรารู้สึกยังไง และเราต้องไว้วางใจพระยะโฮวาและมั่นใจว่าพระองค์คอยช่วยเราเสมอ แล้วเมื่อไหร่ที่เราถูกทดสอบความเชื่อ เราก็จะกล้าหาญได้เหมือนดาเนียล คนที่กล้าหาญมักได้รับความนับถือจากคนอื่น และอาจถึงกับทำให้บางคนอยากรู้จักพระยะโฮวามากขึ้น เราเห็นเลยว่ามีเหตุผลหลายอย่างที่เราอยากเป็นคนกล้าหาญ ห23.08 33:2, 8-9
วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน
ตรวจดูทุกสิ่งให้แน่ใจ—1 ธส. 5:21
คำภาษากรีกที่แปลว่า “ตรวจดู . . . ให้แน่ใจ” เป็นคำที่เกี่ยวกับวิธีเช็กให้แน่ใจว่าโลหะราคาแพง เช่น ทองคำหรือเงินเป็นของแท้หรือเปล่า ดังนั้น เราต้องเช็กให้แน่ใจว่าเรื่องที่เราได้ยินและเรื่องที่เราอ่านเป็นเรื่องจริงไหม นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเราในทุกวันนี้ที่ใกล้จะถึงช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่แล้ว แทนที่เราจะเชื่อทุกอย่างที่คนอื่นพูด ให้เราพยายามคิดและเปรียบเทียบเรื่องที่เราอ่านและได้ยินกับสิ่งที่เราได้เรียนจากคัมภีร์ไบเบิลและองค์การของพระยะโฮวา นี่จะทำให้เราไม่หลงเชื่อข้อมูลเท็จของพวกปีศาจไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม (สภษ. 14:15; 1 ทธ. 4:1) ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาจะผ่านความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่แน่ ๆ แต่สำหรับเราแต่ละคนเราไม่รู้จริง ๆ ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง (ยก. 4:14) ไม่ว่าเราจะผ่านความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่หรือจะต้องตายก่อน เราก็จะได้รางวัลคือชีวิตตลอดไปแน่นอนถ้าเราซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาเสมอ ให้เราทุกคนสนใจที่ความหวังที่ยอดเยี่ยมของเราและเตรียมพร้อมสำหรับวันของพระยะโฮวาเสมอ ห23.06 26:15-16
วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน
เราจะบอกความลับให้ผู้พยากรณ์ของเรารู้ก่อนเสมอ—อมส. 3:7
เราไม่รู้ว่าคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลบางข้อจะเกิดขึ้นจริงยังไง (ดนล. 12:8, 9) แต่ถึงเราจะไม่รู้ว่าคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลจะเกิดขึ้นจริงยังไง ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เป็นจริง เรามั่นใจได้เลยว่าพระยะโฮวาจะเปิดเผยเรื่องที่เราจำเป็นต้องรู้ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเหมือนกับที่พระองค์เคยทำในอดีต จะมีการประกาศว่า “สงบสุขและปลอดภัยแล้ว!” (1 ธส. 5:3) แล้วอำนาจทางการเมืองก็จะโจมตีศาสนาเท็จและทำลายมันให้สิ้นซาก (วว. 17:16, 17) จากนั้นอำนาจทางการเมืองจะโจมตีคนของพระเจ้า (อสค. 38:18, 19) แล้วสงครามอาร์มาเกดโดนก็จะเริ่มต้นขึ้น (วว. 16:14, 16) เรามั่นใจได้เลยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ระหว่างนี้ให้เราแสดงความขอบคุณต่อพระยะโฮวาพ่อที่รักของเราในสวรรค์โดยตั้งใจศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลและช่วยคนอื่นให้ทำเหมือนกัน ห23.08 34:19-20
วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน
ให้เรารักกันเรื่อยไป เพราะความรักมาจากพระเจ้า—1 ยน. 4:7
เมื่อเปาโลพูดถึงความเชื่อ ความหวัง และความรัก เขาบอกว่าใน 3 สิ่งนี้ “ความรักยิ่งใหญ่ที่สุด” (1 คร. 13:13) ทำไมเปาโลบอกแบบนี้? เพราะในอนาคต เราไม่จำเป็นต้องมีความเชื่อในคำสัญญาของพระเจ้าเรื่องโลกใหม่ หรือหวังว่าคำสัญญาเหล่านี้จะเกิดขึ้นจริง เพราะตอนนั้นสิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว แต่เราจะต้องมีความรักต่อพระเจ้าและคนอื่นต่อไป ที่จริง เราจะต้องรักพระยะโฮวาและพี่น้องตลอดไป นอกจากนี้ ความรักทำให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นคริสเตียนแท้ พระเยซูบอกอัครสาวกของท่านว่า “ทุกคนจะรู้ว่าพวกคุณเป็นสาวกของผม เมื่อพวกคุณรักกัน” (ยน. 13:35) นอกจากนั้น ความรักช่วยให้พวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน เปาโลบอกว่าความรัก “ผูกพันผู้คนให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างแท้จริง” (คส. 3:14) อัครสาวกยอห์นบอกว่า “คนที่รักพระเจ้าก็ต้องรักพี่น้องด้วย” (1 ยน. 4:21) ดังนั้น เมื่อเรารักกัน เราก็แสดงว่าเรารักพระเจ้า ห23.11 47:1, 3
วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน
ปลดของหนักทุกอย่างทิ้งไป—ฮบ. 12:1
คัมภีร์ไบเบิลเปรียบชีวิตคริสเตียนเหมือนการวิ่งแข่ง คนที่วิ่งถึงเส้นชัยจะได้รางวัลคือชีวิตตลอดไป (2 ทธ. 4:7, 8) เราต้องพยายามเต็มที่ที่จะวิ่งต่อ ๆ ไปเพราะตอนนี้เราใกล้จะถึงเส้นชัยมากแล้ว อัครสาวกเปาโลพูดถึงสิ่งที่ช่วยให้เราทำแบบเขาได้ เขาบอกว่า “ให้เราปลดของหนักทุกอย่างทิ้งไป . . . และให้เราวิ่งแข่งด้วยความมานะอดทนบนทางที่อยู่ตรงหน้าเรา” เปาโลหมายความว่าคริสเตียนไม่มีอะไรที่ต้องแบกเลยไหม? ไม่ใช่ แทนที่จะเป็นแบบนั้น เขาหมายความว่าเราต้องทิ้งของหนักทุกอย่างที่ไม่จำเป็น สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราวิ่งช้าลงและเหนื่อยมาก ดังนั้น เพื่อที่เราจะอดทนวิ่งแข่งเพื่อชีวิตได้ต่อ ๆ ไป เราต้องรีบดูว่ามีของหนักที่ไม่จำเป็นอะไรบ้างไหมที่ทำให้เราวิ่งช้าลง และเมื่อรู้แล้วเราก็ต้องรีบทิ้งไป แต่ในเวลาเดียวกันเราก็ไม่อยากทิ้งสิ่งที่เราจำเป็นต้องแบก ไม่อย่างนั้นเราจะไม่ได้อยู่บนทางที่นำไปถึงชีวิต—2 ทธ. 2:5 ห23.08 36:1-2
วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน
อย่าให้ความงามของคุณอยู่แค่ภายนอก—1 ปต. 3:3
ความมีเหตุผลจะช่วยให้เราเคารพความคิดเห็นและการตัดสินใจของคนอื่น ตัวอย่างเช่น พี่น้องหญิงบางคนชอบแต่งหน้า แต่บางคนก็ไม่ชอบ พี่น้องบางคนดื่มแอลกอฮอล์บ้าง ส่วนบางคนก็ตัดสินใจที่จะไม่ดื่มเลย นอกจากนั้น เราทุกคนอยากมีสุขภาพดี แต่เราก็เลือกวิธีดูแลสุขภาพของเราไม่เหมือนกัน ถ้าเราคิดว่าความคิดของเราดีที่สุดและพยายามทำให้คนอื่นในประชาคมทำตามแบบเรา เราก็อาจทำให้บางคนไม่สบายใจและทำให้ประชาคมแตกแยก (1 คร. 8:9; 10:23, 24) เช่น พระยะโฮวาไม่ได้ตั้งกฎที่เข้มงวดในเรื่องนี้แต่พระองค์ให้หลักการกับเรา เราต้องแต่งตัวแบบที่เหมาะกับการเป็นผู้รับใช้พระเจ้า การแต่งตัวของเราควรทำให้คนอื่นเห็นว่าเราเป็นคนมีเหตุผล เราต้องแต่งตัวแบบสุภาพเรียบร้อยและ “แบบคนที่มีสติดี” (1 ทธ. 2:9, 10) เราจะไม่แต่งตัวแบบที่ทำให้คนอื่นสนใจตัวเรามากเกินไป นอกจากนั้น หลักการในคัมภีร์ไบเบิลยังช่วยให้ผู้ดูแลไม่ตั้งกฎขึ้นมาเองว่าพี่น้องต้องแต่งตัวยังไงและมีทรงผมแบบไหน ห23.07 32:13-14
วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน
ขอให้ตั้งใจฟังเรา แล้วเจ้าจะได้กินอาหารดี ๆ และได้ชื่นชมยินดีกับอาหารที่มีคุณค่า—อสย. 55:2
พระยะโฮวาสอนเราว่าเราต้องทำอะไรเพื่อจะมีชีวิตที่ดีและมีอนาคตที่มีความสุข คนที่ทำตามคำชักชวนของ “ผู้หญิงโง่” อยากได้ความสุขจากการแอบทำผิดศีลธรรมซึ่งดูเหมือนมี “รสชาติดี” ผลก็คือพวกเขาจะต้องไป “อยู่ในหลุมศพ” (สภษ. 9:13, 17, 18) ส่วนคนที่ทำตามคำชักชวนของ “สติปัญญาแท้” จะเป็นยังไง? ผลที่พวกเขาได้รับต่างกันลิบลับเลยจริง ๆ ตอนนี้เรากำลังเรียนที่จะรักในสิ่งที่พระยะโฮวารัก และเกลียดในสิ่งที่พระองค์เกลียด (สด. 97:10) นอกจากนั้น เรายังมีความสุขที่ได้ชวนคนอื่นให้มาเรียนรู้เกี่ยวกับ “สติปัญญาแท้” ด้วย เราเป็นเหมือนกับสาวใช้ที่ “ร้องเรียกจากที่สูงในเมืองว่า ‘ใครที่ขาดประสบการณ์ให้เข้ามาที่นี่’” ทั้งเราเองและคนที่ฟังคำชักชวนนี้จะได้ประโยชน์มากมายไม่ใช่แค่ตอนนี้เท่านั้น แต่จะได้ประโยชน์ตลอดไป และถ้าเรา “เดินตรงไปบนทางแห่งความเข้าใจ” เราจะมี “ชีวิตอยู่” ตลอดไป—สภษ. 9:3, 4, 6 ห23.06 28:17-18
วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน
คนไม่โกรธง่ายก็ดีกว่าคนมีกำลังมากและคนที่ควบคุมอารมณ์ได้ก็ดีกว่าคนที่ตีเมืองได้—สภษ. 16:32
คุณรู้สึกยังไงตอนที่เพื่อนที่โรงเรียนหรือที่ทำงานมาถามเรื่องความเชื่อของคุณ? คุณรู้สึกกังวลไหม? พวกเราส่วนใหญ่รู้สึกอย่างนั้น แต่คำถามของพวกเขาอาจทำให้เห็นว่าพวกเขาคิดยังไงและเชื่ออะไร และนั่นจะเปิดโอกาสให้เราประกาศข่าวดีกับพวกเขา แต่บางครั้งพวกเขาอาจถามเราเพราะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เราเชื่อหรือแค่อยากเถียงกับเรา ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะพวกเขาอาจเคยได้ยินข่าวปลอมเกี่ยวกับความเชื่อของเรา (กจ. 28:22) และเราอยู่ใน “สมัยสุดท้าย” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนจะเป็นคน “ไม่ยอมใคร” และถึงกับ “ดุร้าย” ด้วยซ้ำ (2 ทธ. 3:1, 3) คุณอาจสงสัยว่า ‘แล้วถ้ามีคนมาเถียงกับฉันเรื่องความเชื่อ ฉันจะพูดแบบใจเย็น ๆ ได้ยังไง?’ สิ่งที่ช่วยคุณได้ก็คือความอ่อนโยน คนที่อ่อนโยนจะไม่อารมณ์เสียง่ายตอนที่มีคนมายั่วโมโหหรือเครียดเกินไปตอนที่ไม่แน่ใจว่าจะตอบยังไง ห23.09 39:1-2
วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน
ท่านจะแต่งตั้งพวกเขาให้เป็นเจ้านายอยู่ทั่วโลก—สด. 45:16
บางครั้งเราได้รับคำแนะนำที่ช่วยปกป้องเรา เช่น ไม่ให้เป็นคนรักเงิน หรือทำบางสิ่งที่จะทำให้เราทำผิดกฎหมายของพระเจ้า เราจะได้ประโยชน์จากคำแนะนำเหล่านี้ก็ต่อเมื่อเราทำตามจริง ๆ (อสย. 48:17, 18; 1 ทธ. 6:9, 10) เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะยังคงใช้มนุษย์ให้เป็นตัวแทนของพระองค์เพื่อชี้นำคนของพระองค์ในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ไปจนถึงช่วงสมัยพันปี ตอนนั้นเราจะทำตามการชี้นำอยู่ไหม? ถ้าเราฝึกตั้งแต่ตอนนี้ มันก็จะง่ายขึ้นที่เราจะทำตามการชี้นำของพระองค์ในอนาคต ดังนั้น ให้เราทำตามการชี้นำของพระยะโฮวาเสมอซึ่งรวมถึงการเชื่อฟังพี่น้องชายที่ได้รับการแต่งตั้งให้นำหน้าและดูแลเรา (อสย. 32:1, 2; ฮบ. 13:17) เรามั่นใจในพระยะโฮวาได้เต็มร้อย พระองค์เป็นไกด์นำทางที่ดีที่สุดของเราซึ่งจะช่วยเราให้พ้นจากอันตรายที่ทำลายสายสัมพันธ์ของเรากับพระองค์ และช่วยให้เราไปถึงจุดหมายปลายทางซึ่งก็คือโลกใหม่ที่เราจะมีชีวิตตลอดไป ห24.02 8:17-18
วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน
ที่พวกคุณได้รับการช่วยให้รอดก็เพราะความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า—อฟ. 2:5
อัครสาวกเปาโลรับใช้พระยะโฮวาอย่างมีความสุข แต่เขาก็เจอปัญหาหลายอย่างด้วย เปาโลต้องเดินทางไกลบ่อย ๆ และการเดินทางในสมัยนั้นก็ไม่ง่าย บางครั้งเขาเจอ “อันตรายในแม่น้ำ” และ “อันตรายจากโจรผู้ร้าย” และเขาก็เคยถูกพวกผู้ต่อต้านเฆี่ยนตีด้วย (2 คร. 11:23-27) นอกจากนั้น มีหลายครั้งที่พี่น้องคริสเตียนไม่เห็นค่าที่เปาโลพยายามช่วยพวกเขา (2 คร. 10:10; ฟป. 4:15) แล้วอะไรช่วยเปาโลให้ยังคงรับใช้พระยะโฮวาต่อ ๆ ไป? เปาโลรู้จักพระยะโฮวาดี เขารู้ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าแบบไหนทั้งจากพระคัมภีร์และจากการที่เขาเจอด้วยตัวเอง เขามั่นใจว่าพระยะโฮวารักเขามาก (รม. 8:38, 39; อฟ. 2:4, 5) และเขาก็รักพระองค์มากด้วย เปาโลแสดงความรักต่อพระองค์โดย “รับใช้พวกผู้บริสุทธิ์และยังคงรับใช้” ต่อ ๆ ไป—ฮบ. 6:10 ห23.07 30:5-6
วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน
เชื่อฟังคนที่มีอำนาจปกครอง—รม. 13:1
คัมภีร์ไบเบิลเรียกรัฐบาลว่า “คนที่มีอำนาจปกครอง” คนทั่วไปยอมรับว่าเป็นเรื่องดีที่จะมีรัฐบาล แต่พวกเขาก็ไม่ได้เชื่อฟังกฎหมายทุกข้อที่รัฐบาลตั้งขึ้น พวกเขามักจะรู้สึกว่าถ้ากฎหมายข้อไหนไม่ยุติธรรม พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟัง คัมภีร์ไบเบิลยอมรับว่ารัฐบาลของมนุษย์อยู่ภายใต้การควบคุมของซาตาน ทำให้ผู้คนยากลำบาก และอีกไม่นานจะต้องถูกทำลาย (สด. 110:5, 6; ปญจ. 8:9; ลก. 4:5, 6) แต่คัมภีร์ไบเบิลก็บอกด้วยว่า “คนที่ต่อต้านอำนาจปกครองก็ต่อต้านการจัดเตรียมของพระเจ้า” พระยะโฮวายอมให้รัฐบาลเหล่านั้นมีอำนาจปกครองในตอนนี้เพื่อจะทำให้สังคมมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย และพระองค์ก็คาดหมายให้เราเชื่อฟังกฎหมายบ้านเมือง ดังนั้น เราต้อง “ให้ทุกคนตามที่เขาควรได้รับ” ซึ่งรวมถึงการเสียภาษี การให้ความนับถือเจ้าหน้าที่รัฐ และการเชื่อฟังกฎหมาย (รม. 13:1-7) บางครั้งเราอาจรู้สึกว่ากฎหมายบางข้อทำให้เราลำบาก ไม่ได้รับความยุติธรรม หรือแม้แต่ทำให้เราต้องเสียเงินเยอะ แต่เราต้องเชื่อฟังพระยะโฮวา และพระยะโฮวาก็บอกให้เราเชื่อฟังกฎหมายเหล่านั้นถ้าไม่ขัดกับกฎหมายของพระองค์—กจ. 5:29 ห23.10 42:9-10
วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน
พระยะโฮวาก็ทำให้แซมสันมีพลัง—วนฉ. 15:14
ตอนที่แซมสันเกิด พวกฟีลิสเตียปกครองชาติอิสราเอลและกดขี่พวกเขา (วนฉ. 13:1) ชาวอิสราเอลมีชีวิตที่ลำบากมากเพราะพวกฟีลิสเตียโหดร้ายจริง ๆ พระยะโฮวาก็เลยเลือกแซมสันให้ “ช่วยชาวอิสราเอลให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของชาวฟีลิสเตีย” (วนฉ. 13:5) เพื่อที่แซมสันจะทำงานมอบหมายที่ยากนี้ได้สำเร็จ เขาต้องพึ่งพระยะโฮวา ครั้งหนึ่งกองทัพของพวกฟีลิสเตียมาจับตัวแซมสันตอนที่เขาอยู่ที่เมืองเลฮีซึ่งน่าจะอยู่ในยูดาห์ ชาวยูดาห์ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชาติของแซมสันกลัวมากก็เลยจะส่งตัวเขาให้ศัตรู พวกเขามัดแซมสันด้วยเชือกใหม่ 2 เส้นและพาเขาไปให้พวกฟีลิสเตีย (วนฉ. 15:9-13) แต่ “พลังของพระยะโฮวาก็ทำให้แซมสันมีพลัง” เขาเลยกระชากเชือกที่มัดอยู่จนขาดกระจุย แล้วเขาก็ “เหลือบไปเห็นกระดูกขากรรไกรลาตัวผู้อันหนึ่งที่ยังสด ๆ อยู่” เขาเลยใช้มันฆ่าชาวฟีลิสเตียตายไป 1,000 คน—วนฉ. 15:14-16 ห23.09 37:3-4
วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน
เรื่องนี้เป็นไปตามความประสงค์ตลอดกาลของพระเจ้า ซึ่งพระองค์จะทำให้เกิดขึ้นจริงโดยทางพระคริสต์เยซูผู้เป็นนายของเรา—อฟ. 3:11
พระยะโฮวาบอก “ความประสงค์ตลอดกาล” ของพระองค์ไว้ในคัมภีร์ไบเบิล และไม่ว่าพระยะโฮวาจะใช้วิธีไหน เป้าหมายและความประสงค์ของพระองค์จะเป็นจริงเสมอเพราะพระองค์ “ทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่พระองค์ต้องการ” (สภษ. 16:4) และผลจากสิ่งที่พระองค์ทำจะคงอยู่ตลอดไป แล้วความประสงค์ของพระยะโฮวาคืออะไร? และพระองค์ปรับเปลี่ยนอะไรบ้างเพื่อทำให้ความประสงค์ของพระองค์เป็นจริง? พระยะโฮวาบอกมนุษย์คู่แรกว่าความประสงค์ของพระองค์คืออะไร พระองค์บอกพวกเขาว่า “ให้เกิดลูกหลานมากมายและเพิ่มจำนวนให้เต็มโลก ให้มีอำนาจเหนือแผ่นดินและมีอำนาจเหนือ . . . สัตว์ทุกชนิดที่อยู่บนแผ่นดิน” (ปฐก. 1:28) แต่เพราะอาดัมกับเอวากบฏ มนุษย์ทุกคนบนโลกเลยกลายเป็นคนบาป ถึงจะเป็นอย่างนั้น ความประสงค์ของพระยะโฮวาก็ไม่ได้ล้มเหลว พระองค์ปรับเปลี่ยนเพื่อจะทำให้ความประสงค์ของพระองค์เป็นจริง ทันทีหลังจากที่มนุษย์คู่แรกกบฏ พระยะโฮวาก็ตั้งใจว่าจะให้มีรัฐบาลสวรรค์ซึ่งจะทำให้ความประสงค์ของพระองค์เกี่ยวกับมนุษย์และโลกเป็นจริงอย่างที่พระองค์ต้องการตั้งแต่แรก—มธ. 25:34 ห23.10 44:6-7
วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน
ถ้าพระยะโฮวาไม่ช่วยผมผมคงตายไปแล้ว—สด. 94:17
พระยะโฮวาจะช่วยให้เราไม่ยอมแพ้ ถึงจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสู้ต่อ ๆ ไปโดยเฉพาะถ้าเรามีจุดอ่อนที่อยากเลิกมานานแต่ก็ทำไม่ได้สักที หรือจุดอ่อนของเราอาจดูเหมือนว่าหนักกว่าของอัครสาวกเปโตรด้วยซ้ำ แต่พระยะโฮวาจะให้กำลังเพื่อที่เราจะสู้ต่อ ๆ ไปได้ (สด. 94:18, 19) ให้เรามาดูตัวอย่างของพี่น้องชายคนหนึ่งที่เคยเป็นคนรักร่วมเพศหลายปี พอมาเป็นพยานฯ เขาก็เลิกใช้ชีวิตแบบนั้น แต่บางครั้งเขาก็ยังมีความต้องการผิด ๆ อยู่ อะไรช่วยให้เขาไม่ยอมแพ้? เขาบอกว่า “พระยะโฮวาให้กำลังกับเราจริง ๆ . . . ผมได้เรียนว่าเป็นไปได้ที่เราจะใช้ชีวิตตามที่พระยะโฮวาบอก [ต่อ ๆ ไป] ถ้าเราให้พลังของพระองค์ช่วย . . . ผมรู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ ที่พระยะโฮวาใช้ผม และถึงผมจะไม่สมบูรณ์แบบแต่พระองค์ก็ยังช่วยผมและให้กำลังกับผม” ห23.09 40:12
วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน
รางวัลของความถ่อมตนและความเกรงกลัวพระยะโฮวา คือทรัพย์สมบัติ เกียรติยศ และชีวิต—สภษ. 22:4
พี่น้องชายวัยรุ่น จำไว้ว่าการเป็นคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาโดยอัตโนมัติ คุณต้องเลียนแบบตัวอย่างที่ดี พัฒนาความสุขุมรอบคอบ เป็นคนไว้ใจได้ ฝึกทักษะที่เป็นประโยชน์ และเตรียมพร้อมสำหรับหน้าที่รับผิดชอบในอนาคต บางครั้งคุณอาจรู้สึกว่าตัวเองยังต้องพัฒนาอะไรอีกหลายอย่าง แต่ขอให้มั่นใจว่าคุณทำได้ พระยะโฮวาอยากช่วยคุณจริง ๆ (อสย. 41:10, 13) และพี่น้องในประชาคมก็จะช่วยคุณด้วย เมื่อคุณก้าวหน้าเป็นคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ชีวิตของคุณจะมีความสุขและมีความหมาย พี่น้องชายวัยรุ่น เรารักคุณมากจริง ๆ ขอให้พระยะโฮวาอวยพรคุณในขณะที่คุณพยายามก้าวหน้าต่อไปเพื่อจะเป็นคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ห23.12 53:19-20
วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน
มองข้ามความผิด—สภษ. 19:11
สมมุติว่าคุณไปกินข้าวกับพี่น้อง ตอนนั้นทุกคนมีความสุขมากและ คุณก็ถ่ายรูปด้วยกัน ปกติคุณคงไม่ถ่ายแค่รูปเดียว แต่อาจจะถ่ายไว้สัก 2-3 รูปเผื่อรูปแรกเสีย สมมุติว่าคุณถ่ายรูปไว้ทั้งหมด 3 รูป แต่ปรากฏว่ามีรูปหนึ่งที่พี่น้องคนหนึ่งไม่ได้ยิ้ม คุณคงจะลบรูปนั้นเพราะมีอีก 2 รูปที่พี่น้องทุกคนยิ้มอย่างสดชื่น รูปถ่ายในตัวอย่างนี้เป็นเหมือนกับความทรงจำดี ๆ ที่เราอยากจะเก็บไว้ ปกติแล้วเวลาที่เราอยู่กับพี่น้อง เรามักจะมีช่วงเวลาที่ดีและมีความสุข แต่บางครั้งพี่น้องอาจพูดหรือทำบางอย่างที่เราไม่ชอบ ถ้าเป็นแบบนั้นเราจะทำยังไง? ทำไมไม่ลองลบความทรงจำนั้นออกไปเหมือนที่เราลบรูปที่เราไม่ชอบ? (อฟ. 4:32) เราควรเลือกที่จะไม่จำข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพี่น้อง แต่เลือกที่จะจำสิ่งดี ๆ ที่พวกเขาทำ ความทรงจำแบบนี้แหละที่เราอยากจะเก็บไว้เสมอ ห23.11 47:16-17
วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน
ผู้หญิงก็ควรแต่งตัวให้เหมาะสม . . . ให้เหมาะกับผู้หญิงที่บอกว่าตัวเองนับถือพระเจ้า—1 ทธ. 2:9, 10
คำกรีกที่เปาโลใช้สำหรับคำว่าสุภาพเรียบร้อยและมีสติดีทำให้เห็นว่าพี่น้องหญิงต้องแต่งตัวในแบบที่น่านับถือและคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น เราอยากชมเชยพี่น้องหญิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่ทุกคนที่แต่งตัวสุภาพเรียบร้อย การมีวิจารณญาณที่ดีเป็นคุณลักษณะอีกอย่างหนึ่งที่พี่น้องหญิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่ทุกคนต้องมี การมีวิจารณญาณที่ดีคืออะไร? ก็คือความสามารถในการแยกออกว่าอะไรถูกอะไรผิดและเลือกจะทำสิ่งที่ถูกต้อง ให้เรามาดูตัวอย่างของอาบีกายิลด้วยกัน สามีของเธอตัดสินใจได้แย่มากจนทำให้ทั้งครอบครัวเกือบเจอหายนะ แต่เพราะอาบีกายิลมีวิจารณญาณที่ดีเลยช่วยให้ทั้งครอบครัวปลอดภัย (1 ซม. 25:14-23, 32-35) การมีวิจารณญาณที่ดีช่วยให้เรารู้ว่าเวลาไหนควรพูดและเวลาไหนควรเงียบ และยังช่วยให้เรามีความสมดุลตอนที่เราแสดงความสนใจในตัวพี่น้อง—1 ธส. 4:11 ห23.12 52:8-9
วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน
ให้เรามีความสุขที่มีความหวังว่าพระเจ้าจะแต่งตั้งเราให้มีตำแหน่งที่สูงส่ง—รม. 5:2
อัครสาวกเปาโลเขียนข้อความนี้ถึงคริสเตียนที่อยู่ในกรุงโรม พวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาและพระเยซู ได้แสดงความเชื่อและได้มาเป็นคริสเตียน พวกเขาก็เลย “เป็นที่ยอมรับของพระองค์แล้วเพราะ [พวกเขา] มีความเชื่อ” และพระยะโฮวาได้เจิมคริสเตียนเหล่านี้ด้วยพลังบริสุทธิ์ (รม. 5:1) นี่เลยทำให้พวกเขามีความหวังที่ยอดเยี่ยมและมั่นใจว่าความหวังนี้จะเป็นจริง ต่อมา เปาโลได้เขียนถึงคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่อยู่ในเมืองเอเฟซัสเกี่ยวกับความหวังที่พระเจ้าให้พวกเขา ความหวังนี้รวมถึงสิ่งดี ๆ มากมายที่พระเจ้าจะ “ให้พวกผู้บริสุทธิ์เป็นมรดก” (อฟ. 1:18) และเปาโลก็เขียนถึงคริสเตียนที่อยู่ในเมืองโคโลสีด้วย เขาบอกว่า “พวกคุณหวังจะได้สิ่งที่เตรียมไว้ให้พวกคุณในสวรรค์” (คส. 1:4, 5) ดังนั้น ความหวังของผู้ถูกเจิมก็คือเมื่อพวกเขาตาย พวกเขาจะถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายและไปปกครองร่วมกับพระเยซูในสวรรค์—1 ธส. 4:13-17; วว. 20:6 ห23.12 51:4-5
วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน
สันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจทุกอย่างจะปกป้องหัวใจและความคิดของพวกคุณ—ฟป. 4:7
ในภาษาเดิม คำว่า “ปกป้อง” เป็นคำทางทหารที่พูดถึงกองทหารที่ปกป้องเมืองไม่ให้ข้าศึกมาโจมตี เมื่อมีทหารเฝ้าประตูเมือง คนในเมืองก็นอนหลับได้อย่างสงบสุข คล้ายกัน เมื่อสันติสุขของพระเจ้าปกป้องหัวใจและความคิดของเรา เราก็สงบใจได้เพราะรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย (สด. 4:8) เหมือนกับฮันนาห์ แม้ปัญหาของเราอาจยังไม่จบ แต่เราก็สงบใจได้ (1 ซม. 1:16-18) และพอเรารู้สึกสงบใจ เราก็มักจะคิดและตัดสินใจได้ดีขึ้น แล้วเราต้องทำอะไร? เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกเศร้ามาก ๆ ให้อธิษฐานขอสันติสุขของพระเจ้า และอธิษฐานไปเรื่อย ๆ จนกว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้น (ลก. 11:9; 1 ธส. 5:17) ถ้าคุณเจอปัญหาหนักที่แทบจะรับมือไม่ไหว ให้อธิษฐานบ่อย ๆ แล้วพระยะโฮวาจะให้คุณมีสันติสุขที่จะปกป้องหัวใจและความคิดของคุณ—รม. 12:12 ห24.01 3:5-6
วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน
พระเจ้า พ่อของพวกเราในสวรรค์ ขอให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ—มธ. 6:9
พระเยซูยอมทนกับการทดสอบทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการถูกทรมาน ถูกด่าว่า และถูกใส่ร้าย เพื่อจะทำให้ชื่อของพระยะโฮวาเป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ พระเยซูทำได้สำเร็จจริง ๆ และท่านก็รู้ว่าการที่ท่านเชื่อฟังอย่างครบถ้วนทำให้ท่านไม่มีอะไรต้องอาย (ฮบ. 12:2) ท่านรู้ด้วยว่าซาตานพยายามเล่นงานท่านตอนที่ท่านอยู่ในช่วงที่ยากลำบากที่สุด (ลก. 22:2-4; 23:33, 34) ซาตานอยากจะทำให้พระเยซูเลิกซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา แต่มันก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะพระเยซูได้พิสูจน์แล้วว่าซาตานโกหกและพิสูจน์ว่าพระยะโฮวาก็มีผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่พร้อมจะภักดีต่อพระองค์เสมอแม้จะต้องเจอกับการทดสอบที่ยากที่สุดในชีวิต คุณอยากทำให้พระเยซูกษัตริย์ของคุณดีใจไหม? คุณทำได้โดยสรรเสริญชื่อของพระยะโฮวาต่อ ๆ ไปและช่วยคนอื่นให้มารู้ว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าแบบไหนจริง ๆ ถ้าคุณทำอย่างนั้น คุณก็กำลังเลียนแบบพระเยซู (1 ปต. 2:21) คุณทำให้พระยะโฮวาดีใจและพิสูจน์ว่าซาตานศัตรูของพระองค์เป็นจอมโกหกที่ไร้ยางอาย ห24.02 6:11-13
วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน
ผมจะทำอะไรเพื่อตอบแทนพระยะโฮวา สำหรับสิ่งดีทุกอย่างที่พระองค์ทำให้ผม?—สด. 116:12
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีมากกว่า 1 ล้านคนที่รับบัพติศมาและเข้ามาเป็นพยานพระยะโฮวา เมื่อคุณอุทิศตัวให้กับพระยะโฮวาก็หมายความว่า คุณเลือกที่จะเป็นสาวกของพระเยซูและให้ความต้องการของพระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิต การอุทิศตัวของคริสเตียนหมายรวมถึงอะไร? พระเยซูบอกว่า “ถ้าใครอยากติดตามผม ก็ให้คนนั้นเลิกใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง” (มธ. 16:24) คำภาษากรีกที่บอกว่า “เลิกใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง” ยังหมายความได้ว่า “ให้เขาบอกว่าไม่กับความต้องการของตัวเอง” เมื่อคุณอุทิศตัวให้กับพระยะโฮวา คุณต้องบอกว่าไม่กับทุกสิ่งที่ขัดกับความต้องการของพระยะโฮวา (2 คร. 5:14, 15) นี่รวมถึงการไม่ยุ่งเกี่ยวกับ “การกระทำที่เกิดจากความต้องการของร่างกายที่มีบาป” เช่น การทำผิดศีลธรรมทางเพศ (กท. 5:19-21; 1 คร. 6:18) การทำตามคำสั่งของพระยะโฮวาทำให้ชีวิตของคุณยุ่งยากขึ้นไหม? ไม่เลย ถ้าคุณรักพระยะโฮวาและมั่นใจว่ากฎหมายของพระองค์จะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเอง—สด. 119:97; อสย. 48:17, 18 ห24.03 9:1, 4
วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน
พ่อพอใจในตัวลูกมาก—ลก. 3:22
พระยะโฮวาให้พลังบริสุทธิ์กับคนที่พระองค์พอใจ (มธ. 12:18) เราอาจถามตัวเองว่า ‘ฉันได้แสดงคุณลักษณะบางอย่างที่เกิดจากพลังของพระเจ้าในชีวิตไหม?’ คุณสังเกตไหมว่าคุณอดทนกับคนอื่นได้มากกว่าตอนที่คุณยังไม่รู้จักพระยะโฮวา? ที่จริง ยิ่งคุณแสดงผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้ามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาพอใจในตัวคุณ พระยะโฮวาใช้คุณค่าของค่าไถ่กับคนที่พระองค์พอใจ (1 ทธ. 2:5, 6) แต่ถ้าใจเรายังไม่เชื่อว่าพระองค์พอใจเราล่ะทั้ง ๆ ที่เรามีความเชื่อในค่าไถ่และรับบัพติศมาแล้ว? จำไว้ว่าเราไว้ใจความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ แต่เราไว้ใจพระยะโฮวาได้ สำหรับพระองค์แล้วคนที่มีความเชื่อในค่าไถ่เป็นคนดีและพระองค์สัญญาว่าจะอวยพรพวกเขา—สด. 5:12; รม. 3:26 ห24.03 13:15, 17