การถ่ายเลือดและความกดดันจากเพื่อนร่วมอาชีพ
ผู้คนมากมายในทุกวันนี้ รวมทั้งแพทย์บางคนกำลังปฏิเสธการถ่ายเลือด. อะไรคือเหตุผล? ไม่ใช่เหตุผลทางด้านศาสนาเช่นพวกพยานพระยะโฮวาถือปฏิบัติ. แต่ด้วยเหตุผลทางการแพทย์. ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? เนื่องจากเสี่ยงอันตราย (เช่น โรคตับอักเสบ, เอดส์, และระบบภูมิคุ้มกันชะงัก) ซึ่งเป็นผลจากเลือดของผู้อื่นเสมอ. กระนั้น ในกรณีส่วนใหญ่ที่มีการแนะนำให้ใช้เลือด เพื่อนฝูงและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมีแนวโน้มที่จะกดดันคนไข้เพื่อจะยอมรับการถ่ายเลือด. แต่บ่อยครั้งมีความกดดันอีกแบบหนึ่งที่เกิดผล—ความกดดันจากเพื่อนร่วมอาชีพที่มีต่อแพทย์ผู้ให้การรักษา.
เดอะ เจอร์นัล ออฟ ดิ อเมริกัน เมดิคัล แอสโซซิเอชัน รายงานไว้ในฉบับวันที่ 25 กรกฎาคม 1990 ว่า “หลักฐานแสดงว่าบ่อยครั้งที่ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเลือดถูกนำมาใช้อย่างไม่เหมาะสม . . . เราทำการสำรวจศัลยแพทย์ทั่วไป ศัลยแพทย์กระดูก และวิสัญญีแพทย์ จำนวน 122 คนจากโรงพยาบาลสามแห่งเพื่อประเมินอิทธิพลของปัจจัยหลายประการทั้งทางการแพทย์ และไม่ใช่ทางการแพทย์เกี่ยวกับการตัดสินใจให้ถ่ายเลือด. เราพบว่าแพทย์จำนวนมากขาดความรู้เรื่องความเสี่ยงอันเกิดจากการถ่ายเลือด และข้อบ่งชี้ให้ถ่ายเลือด.”
“ปัจจัยที่ไม่ใช่ทางการแพทย์” หมายถึงอะไร? คำตอบส่วนหนึ่งในรายงานนั้นมีว่า “การตัดสินใจของแพทย์ได้รับอิทธิพลจากเพื่อนร่วมงานผ่านทางข่ายงานผู้เชี่ยวชาญและทางสังคม. อิทธิพลของความกดดันจากเพื่อนร่วมอาชีพนี้รุนแรงมากที่สุดเมื่อแพทย์หลายคนทำงานร่วมกัน . . . ภายใต้สิ่งแวดล้อมเหล่านี้ บางครั้งการลงมือปฏิบัติอาจถูกกระตุ้นโดยความคาดหมายของผู้ร่วมอาชีพในระดับที่สูงกว่า หรือที่มีอิทธิพล ความปรารถนาที่จะทำตามมาตรฐานของกลุ่ม หรือเพื่อหลีกเลี่ยงการวิจารณ์.”
บทความนั้นอธิบายอีกว่า “อย่างไรก็ตาม เพียงร้อยละ 10 รับว่าพวกเขาให้การถ่ายเลือดกับคนไข้ทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็นเดือนละครั้งหรือมากกว่าเพียงเพื่อยอมตามความต้องการของแพทย์ผู้ร่วมงาน. . . . ร้อยละ 61 ของแพทย์ประจำ ชี้ว่าพวกเขาได้ถ่ายเลือดซึ่งพวกเขาคิดว่าไม่จำเป็น อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพียงเพราะแพทย์อาวุโสกว่าแนะนำให้เขาทำเช่นนั้น.” นอกเหนือจากความกดดันแบบนี้จากผู้เชี่ยวชาญในอาชีพเดียวกัน ปัจจัยอื่นอะไรอีกอาจชักนำแพทย์สั่งให้ทำการถ่ายเลือด?
“แพทย์บางคนอาจมีแนวโน้มให้การรักษาเนื่องจากเขาพอใจในความผิดพลาดอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ มากกว่าความผิดพลาดฐานะละเลยหน้าที่.” ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ผู้หนึ่ง “เสนอแนะว่าคำสั่งตามธรรมเนียมที่ว่า Primum non nocere (‘ก่อนอื่น อย่าทำเสียหาย’) บ่อยครั้งอาจถูกแทนที่ด้วยกฎที่นิยมกันว่า ‘ก่อนอื่น ต้องทำอะไรสักอย่าง.’ ความโน้มเอียงให้ลงมือกระทำเช่นนั้นอาจเป็นปัจจัยหนึ่งในการอธิบายถึงการถ่ายเลือดแบบไม่เหมาะสม.”
คนไข้สำนึกถึงความเสี่ยงต่าง ๆ อันเกิดจากการถ่ายเลือดไหม? “โดยเฉลี่ยแล้ว แพทย์ระบุว่าคนไข้จำนวนครึ่งหนึ่งที่เขาสั่งให้ทำการถ่ายเซลล์เม็ดเลือดแดง บอกว่ากังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงเนื่องจากการถ่ายเลือด.”
แน่นอน เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ในเรื่องที่เกี่ยวกับการถ่ายเลือด แพทย์และคนไข้ที่ได้รับการศึกษาอยู่ในฐานะดีกว่า ที่จะเลี่ยงจากการเสี่ยงโดยไม่จำเป็น. คริสเตียนผู้ได้รับการศึกษามีสิ่งคุ้มกันที่ดีกว่านั้นอีก—พระบัญชาของพระยะโฮวาที่ห้ามการใช้เลือดในทางที่ผิด.—เยเนซิศ 9:3, 4; เลวีติโก 17:13-16; กิจการ 15:19, 20,28, 29.