ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ต92 8/2 น. 6-10
  • บ่อเกิดแห่งค่านิยมแท้

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • บ่อเกิดแห่งค่านิยมแท้
  • ตื่นเถิด! 1992
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • ทำไม​มนุษย์​จึง​แตก​ต่าง​มาก?
  • ค่านิยม​ที่​จะ​แก้ไข​ความ​เสื่อม​ศีลธรรม
  • ศาสนา​และ​ครอบครัว​ช่วย​ได้​ไหม?
  • ศักยภาพ​ทาง​ค่านิยม​บรรจุ​ไว้​ใน​พันธุกรรม​ของ​เรา
  • นัก​วิทยาศาสตร์​มอง​เห็น​ความ​ลี้ลับ​ซึ่งพระเจ้าเท่านั้นอธิบายได้
  • จงแสวง​หา​พระเจ้า​เป็นประโยชน์​แก่​ตัว​ท่าน​เอง​มีชีวิตอยู่ชั่ว​นิรันดร์
  • การฉ้อฉลในวิทยาศาสตร์การฉ้อฉลซึ่งร้ายกาจที่สุด
    ตื่นเถิด! 1990
  • ค่านิยมทางศีลธรรมที่นำมาซึ่งความสุข
    ตื่นเถิด! 1990
  • สอนลูกให้เป็นคนดีมีศีลธรรม
    ตื่นเถิด! 2019
  • ยึดมั่นกับค่านิยมที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 2007
ดูเพิ่มเติม
ตื่นเถิด! 1992
ต92 8/2 น. 6-10

บ่อ​เกิด​แห่ง​ค่า​นิยม​แท้

การ​นำ​ไป​ใช้​จะ​ยุติ​ความ​เสื่อม​ศีลธรรม

คน​เรา​เงย​หน้า​ขึ้น​ดู​ท้อง​ฟ้า​ยาม​ราตรี​ที่​เจิด​จรัส​ด้วย​ดวง​ดาว แล้ว​เกิด​ความ​เกรงขาม​และ​อัศจรรย์​ใจ. ขณะ​ที่​เขา​จ้อง​มอง​ท้อง​ฟ้า​ดารดาษ​ไป​ด้วย​ดวง​ดาว​เหนือ​ศีรษะ​ไกล​โพ้น ก็​รู้สึก​ว่า​ตัว​เขา​ช่าง​เล็ก​กระจิริด​และ​ด้อย​ค่า. ถ้อย​คำ​ของ​ผู้​ประพันธ์​บท​เพลง​สรรเสริญ​ซึ่ง​เอ่ย​ไว้​นาน​แล้ว​อาจ​จะ​ผุด​ขึ้น​ใน​ความ​คิด​ของ​เขา​ที่​ว่า “ครั้น​ข้าพเจ้า​พิจารณา​ท้องฟ้า​ที่​เป็น​พระ​หัตถกิจ​ของ​พระองค์ คือ​ดวง​จันทร์​กับ​ดวง​ดาว​ซึ่ง​พระองค์​ได้​ทรง​ประดิษฐาน​ไว้ มนุษย์​เป็น​ผู้​ใด​เล่า​ที่​พระองค์​ทรง​ระลึก​ถึง​เขา? หรือ​พงศ์​พันธุ์​ของ​มนุษย์​เป็น​ผู้​ใด​เล่า ที่​พระองค์​เสด็จ​มา​เยี่ยม​เขา?” (บทเพลง​สรรเสริญ 8:​3, 4) ผู้​ประพันธ์​บท​เพลง​สรรเสริญ​เห็น​ดาว​ไม่​กี่​พัน​ดวง​และ​รู้สึก​ว่า​ตัว​เอง​ด้อย​ลง บัด​นี้​มนุษย์​รู้​ว่า​มี​กาแล็กซี​หลาย​พัน​ล้าน​กาแล็กซี แต่​ละ​กาแล็กซี​มี​ดาว​หลาย​พัน​ล้าน​ดวง และ​เขา​ยิ่ง​รู้สึก​ด้อย​ลง​ไป​อีก. คำ​ถาม​ต่าง ๆ อาจ​ประดัง​เข้า​สู่​จิต​ใจ​ของ​เขา​ว่า ‘ฉัน​จะ​มี​ความ​หมาย​อะไร? ทำไม​ฉัน​มา​อยู่​ที่​นี่? จริง ๆ แล้ว ฉัน​คือ​ใคร?’

แต่​ไม่​มี​สัตว์​ชนิด​ใด​คิด​อย่าง​นี้.

มนุษย์​มอง​ไป​ยัง​ชีวิต​หลาก​หลาย​ชนิด​รอบ​ตัว​เขา​และ​สังเกต​การ​ออก​แบบ​อัน​น่า​พิศวง​เพื่อ​บรรลุ​จุด​หมาย​ที่​เป็น​ประโยชน์. เขา​เห็น​นก​อพยพ​ระยะ​ทาง​หลาย​พัน​กิโลเมตร สัตว์​เลี้ยง​ลูก​ด้วย​นม​จำ​ศีล​ตลอด​ช่วง​หนาว​เน็บ​แห่ง​ฤดู​หนาว และ​รูป​แบบ​ของ​ชีวิต​อื่น ๆ อีก​มาก​ซึ่ง​ใช้​โซนาร์, การ​ปรับ​อากาศ, ระบบ​ไอพ่น, ทำ​น้ำ​จืด​จาก​น้ำ​เค็ม, สาร​ต้าน​การ​เป็น​น้ำแข็ง, รูป​แบบ​การ​หายใจ​ใต้​น้ำ, เครื่อง​ฟัก​ไข่, เครื่อง​วัด​อุณหภูมิ, กระดาษ, แก้ว, นาฬิกา, เข็ม​ทิศ, ไฟฟ้า, เครื่อง​ยนต์​โรตารี, และ​สิ่ง​อัน​น่า​พิศวง​อื่น ๆ หลาย​อย่าง เป็น​เวลา​นาน​ก่อน​ที่​มนุษย์​แม้​แต่​จะ​นึก​ฝัน​ถึง​สิ่ง​เหล่า​นั้น. คน​ที่​มี​ความ​คิด​สงสัย​ว่า ‘การ​ออก​แบบ​ที่​น่า​พิศวง ประณีต เต็ม​ไป​ด้วย​จุด​หมาย​เหล่า​นี้​เกิด​มา​ได้​อย่าง​ไร? เชาวน์​ไหว​พริบ​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​อะไร​หรือ​อยู่​เบื้อง​หลัง​สิ่ง​เหล่า​นี้?’

ไม่​มี​สัตว์​ชนิด​ใด​คิด​ถึง​สิ่ง​เหล่า​นี้​อีก​นั่น​แหละ.

แต่​มนุษย์​คิด​ถึง​สิ่ง​เหล่า​นั้น. ทำไม​ใน​บรรดา​สรรพสัตว์​นับ​ล้าน​นับ​โกฏิ​บน​แผ่นดิน​โลก​มี​เฉพาะ​มนุษย์​เท่า​นั้น​อัศจรรย์​ใจ​ใน​ความ​น่า​เกรงขาม​และ​ความ​น่า​พิศวง​แห่ง​ท้องฟ้า​เบื้อง​บน​และ​ความ​ลึก​ลับ​ซับซ้อน​ของ​ชีวิต​เบื้อง​ล่าง​นี้? เพราะ​เหตุ​ใด? เพราะ​ว่า​มนุษย์​ต่าง​ออก​ไป.

ทำไม​มนุษย์​จึง​แตก​ต่าง​มาก?

เพราะ​ว่า​เฉพาะ​มนุษย์​เท่า​นั้น​ถูก​สร้าง​ขึ้น​ตาม​แบบ​ฉายา​ของ​พระเจ้า ดัง​นี้: “และ​พระเจ้า​ตรัส​ว่า ‘ให้​เรา​สร้าง​มนุษย์​ตาม​แบบ​ฉายา​ของ​เรา.’” (เยเนซิศ 1:​26) นี่​แหละ​เป็น​คำ​อธิบาย​สำหรับ​หุบ​เหว​ที่​กั้น​กลาง​ซึ่ง​ไม่​อาจ​ข้าม​ถึง​กัน​ได้​เลย​ระหว่าง​มนุษย์​กับ​สัตว์. นี่​คือ​คำ​อธิบาย​ว่า​ทำไม​สัตว์​ใด ๆ บน​แผ่นดิน​โลก​ไม่​ใกล้​เคียง​กับ​มนุษย์​เลย​แม้​แต่​น้อย. นี่​คือ​คำ​อธิบาย​ว่า​ทำไม​มนุษย์​เป็น​สิ่ง​ทรง​สร้าง​ที่​ช่าง​คิด ช่าง​ถาม​เกี่ยว​กับ​โลก​รอบ​ตัว​เขา และ​มี​ค่า​นิยม​ทาง​ศีลธรรม.

มนุษย์​ถูก​สร้าง​ขึ้น​ตาม​แบบ​ฉายา​ของ​พระเจ้า​ใน​แง่​ใด? โดย​ให้​เขา​มี​คุณลักษณะ​และ​คุณสมบัติ​บาง​ประการ​ของ​พระเจ้า เช่น​ความ​รัก, ความ​เมตตา​กรุณา, ความ​ยุติธรรม, สติ​ปัญญา, อำนาจ, ความ​กรุณา, ความ​ดี, ความ​อดทน, ความ​ซื่อ​สัตย์, ความ​สัตย์​จริง, ความ​จง​รัก​ภักดี, ความ​อุตสาหะ, และ​ความ​คิด​ประดิษฐ์. เหล่า​นี้​คือ​คุณลักษณะ​ที่​ดี​ซึ่ง​ได้​จัด​ใส่​ไว้​ใน​มนุษย์​ตั้ง​แต่​แรก แต่​ใน​เมื่อ​มนุษย์​คู่​แรก​ใช้​เสรีภาพ​ใน​การ​เลือก​แบบ​ที่​ผิด และ​นำ​ไป​สู่​การ​กบฏ คุณลักษณะ​เหล่า​นี้​จึง​ถูก​บิด​เบือน และ​ฉะนั้น​ได้​ถ่าย​ทอด​ต่อ​ไป​ถึง​ลูก​หลาน​อย่าง​ไม่​ครบ​สมบูรณ์. คุณลักษณะ​ดัง​กล่าว​ถูก​ทำ​ให้​ขาด​ดุลยภาพ และ​โดย​การ​ใช้​ผิด​วิธี บาง​ส่วน​จึง​หาย​ไป​จาก​จิต​สำนึก. อย่าง​ไร​ก็​ดี โกโลซาย 3:​9, 10 แสดง​ให้​เห็น​ว่า​โดย​การ​รับ​ความ​รู้​อัน​ถ่อง​แท้​ของ​พระเจ้า​และ​นำ​ไป​ใช้ เรา​ก็​สามารถสวม​บุคลิก​ลักษณะ​ใหม่​ได้​และ​เข้า​มา​ใกล้​เคียง​กับ ‘พระ​ฉายา​ของ​พระเจ้า’ อีก​ครั้ง​หนึ่ง.

เมื่อ​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ทรง​ประทาน​พระ​บัญญัติ​ผ่าน​ทาง​โมเซ​แก่​พวก​ยิศราเอล ซึ่ง​บรรจุ​ค่า​นิยม​อัน​แท้​จริง บัญญัติ​สิบ​ประการ​และ​คำ​แนะนำ​ให้ ‘รัก​เพื่อน​บ้าน​เหมือน​รัก​ตัว​เอง’ ก็​รวม​อยู่​ใน​นั้น​ด้วย. (เลวีติโก 19:​18; เอ็กโซโด 20:​3-17) ค่า​นิยม​เช่น​นั้น​คง​ต้อง​ส่ง​เป็น​มรดก​ยัง​คน​รุ่น​หลัง​ต่อ​ไป. โมเซ​ได้​บอก​พวก​ยิศราเอล​ให้​เชื่อ​ฟัง​พระ​บัญญัติ​นี้ และ​ท่าน​พูด​ต่อ​ไป​ว่า “เจ้า​ทั้ง​หลาย​จง​สั่ง​ให้​บุตร​หลาน​ของ​เจ้า​เชื่อ​ฟัง​ทำ​ตาม​บรรดา​ถ้อย​คำ​พระ​บัญญัติ​เหล่า​นี้ ด้วย​การ​นี้​หา​เป็น​การ​เปล่า​ของ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ไม่ แต่​เป็น​ชีวิต​ของ​เจ้า​ทั้ง​หลาย.” (พระบัญญัติ 32:​46, 47) หลาย​ศตวรรษ​ต่อ​มา สุภาษิต 8:​18 (ล.ม.) ได้​อ้าง​ถึง​สิ่ง​เหล่า​นี้​ว่า​เป็น ค่า​นิยม “ที่​ตก​ทอด​มา​ตั้ง​แต่​บรรพบุรุษ.”

ค่านิยม​ที่​จะ​แก้ไข​ความ​เสื่อม​ศีลธรรม

อย่าง​ไร​ก็​ดี หลาย​คน​คัด​ค้าน​ว่า​บัด​นี้​มี​สังคม​หลาย​รูป​แบบ​จน​ถึง​ขนาด​ที่​ค่า​นิยม​ชุด​เดียว​ไม่​อาจ​สนอง​ความ​ต้อง​การ​ของ​ทุก​คน. พวก​เขา​โต้​แย้ง​ว่า​ภูมิ​หลัง​และ​วัฒนธรรม​ที่​ต่าง​กัน​เรียก​ร้อง​ให้​มี​ค่า​นิยม​หลาก​หลาย. แต่​ปัญหา​ใน​ปัจจุบัน​นี้​อะไร​บ้าง​ที่​แก้​ไม่​ตก​โดย​การ​ปฏิบัติ​ตาม​พระ​บัญชา​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​ที่​ให้​รัก​เพื่อน​บ้าน​เหมือน​รัก​ตัว​เอง? หรือ​ที่​ว่า​กระทำ​ต่อ​ผู้​อื่น​อย่าง​ที่​ท่าน​อยาก​ให้​ผู้​อื่น​กระทำ​ต่อ​ท่าน? หรือ​ดำเนิน​ชีวิต​ตาม​หลัก​การ​ที่​มี​อยู่​ใน​พระ​บัญญัติ​สิบ​ประการ? หรือ​การ​มุ่ง​ให้​เกิด​ผล​พระ​วิญญาณ​ที่​ระบุ​ไว้​ใน​ฆะลาเตีย 5:​22, 23 ที่​ว่า “ผล​พระ​วิญญาณ​คือ ความ​รัก ความ​ยินดี สันติ​สุข ความ​อด​กลั้น​ไว้​นาน ความ​ปราณี ความ​ดี ความ​สัตย์​ซื่อ (ความ​เชื่อ, ล.ม.) ความ​อ่อน​สุภาพ การ​รู้​จัก​บังคับ​ตน. การ​เช่น​นั้น​ไม่​มี​พระ​บัญญัติ​ห้าม​เลย.” ที่​กล่าว​มา​นี้​ไม่​มี​สัก​ข้อ​ที่​เรียก​ร้อง​มาก​จน​ทำ​ไม่​ได้ ไม่​ว่า​ข้อ​ใด​ก็​ตาม​ก็​จะ​กำจัด​ภัย​พิบัติ​ส่วน​ใหญ่​ของ​สังคม​ใน​ปัจจุบัน​ให้​หมด​ไป​ได้.

‘แต่​ผู้​คน​จะ​ไม่​ดำเนิน​ชีวิต​อย่าง​นั้น!’ คุณ​แย้ง​ขึ้น​มา. อย่าง​ไร​ก็​ดี ถ้า​คุณ​คิด​ว่า​ข้อ​แก้​ปัญหา​เช่น​นั้น​ยาก​เกิน​ไป ก็​อย่า​คาด​หมาย​ว่า​ปัญหา​จะ​แก้​ได้​โดย​วิธี​ง่าย ๆ ที่​ใช้​แทน. พลัง​ของ​สังคม​อยู่​ใน​วิสัย​ที่​จะ​นำ​ข้อ​แก้​ปัญหา​เหล่า​นี้​ไป​ปฏิบัติ​ได้ แม้​ดู​เหมือน​ว่า​ไม่​มี​เจตจำนง​จะ​ทำ​เช่น​นั้น. คน​ใน​ยุค​สมัย​นี้​ไม่​ยอม​เหนี่ยว​รั้ง​ตน​ใน​การ​ใช้​เสรีภาพ รวม​ทั้ง​เสรีภาพ​ที่​จะ​กระทำ​ผิด​และ​รับ​ผล​พวง​ที่​ตาม​มา.

หนังสือ​พิมพ์ บอททอม ไลน์/เพอร์ซันนัล ถาม​ว่า “เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​การ​เหนี่ยว​รั้ง​ตัว​เอง?” หลัง​จาก​ให้​ความ​เห็น​ว่า “ผู้​คน​ส่วน​ใหญ่​รู้สึก​สยอง​ขวัญ​ต่อ​ผล​แห่ง​ยุค​การ​ทำ​ตาม​อำเภอ​ใจ​เรื่อง​เพศ” แล้ว​กล่าว​ต่อ “กระนั้น ผู้​คน​ยัง​คง​ถือ​เอา​การ​ปรนเปรอ​ตาม​ความ​ปรารถนา​ทาง​เพศ​จน​เต็ม​ที่​เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ซึ่ง​ไม่​อาจ​ล่วง​ละเมิด​ได้. . . . เป็น​ที่​คาด​หมาย ว่า​ผู้​คน​จะ​ต้อง​ควบ​คุม​อาหาร, ออก​กำลัง​กาย, เลิก​สูบ​บุหรี่, มี​วินัย​กับ​ตัว​เอง​ใน​เรื่อง​วิธี​ดำรง​ชีวิต​เพื่อ​เห็น​แก่​สุขภาพ​ของ​ตน. เฉพาะ​การ​สนอง​ความ​พอ​ใจ​ทาง​เพศ​เท่า​นั้น​ดู​เหมือน​ยอม​ให้​เป็น​สิ่ง​ที่​จะ​ละเมิด​มิ​ได้​เพื่อ​ปล่อย​ตัว​ต่อ​ไป​อย่าง​ไม่​มี​ขีด​จำกัด.” ไม่​ใช่​ว่า​พวก​เขา​ไม่​สามารถ​ใช้​ค่า​นิยม พวก​เขา​ไม่​ยอม​ใช้​ต่าง​หาก. ฉะนั้น​สังคม​จึง​เก็บ​เกี่ยว​ผล​ที่​ตน​หว่าน​ลง​ไป.

ปัจจุบัน​ค่า​นิยม​เหล่า​นี้​ได้​ตก​ต่ำ​สู่​ความ​เสื่อม​เสีย. หลาย​คน​ได้​เรียก​ความ​ชั่ว​เป็น​ความ​ดี​และ​ความ​ดี​เป็น​ความ​ชั่ว ดัง​ที่​มี​บอก​ไว้​ล่วง​หน้า​ว่า​พวก​เขา​จะ​ทำ​เช่น​นั้น ดัง​นี้: “วิบัติ​แก่​คน​ที่​เห็น​ชั่ว​เป็น​ดี และ​เห็น​ดี​เป็น​ชั่ว และ​ถือ​เอา​ว่า​มืด​เป็น​สว่าง และ​สว่าง​เป็น​มืด และ​ถือ​ว่า​ขม​เป็น​หวาน​และ​หวาน​เป็น​ขม. (ยะซายา 5:​20) อย่าง​ไร​ก็​ดี คน​อื่น ๆ มี​ความ​ห่วง​ใย​เพิ่ม​ขึ้น. พวก​เขา​เห็น​ผล​แห่ง​ความ​เน่า​เฟะ​ซึ่ง​เกิด​จาก​ปรัชญา​ทำ​ตาม​อำเภอ​ใจ และ​ต้อง​การ​จะ​เห็น​การ​แก้ไข​ความ​เสื่อม​ศีลธรรม​ใน​ปัจจุบัน.

ศาสนา​และ​ครอบครัว​ช่วย​ได้​ไหม?

มี​การ​เสนอ​โครง​การ​หลาย​อย่าง​เพื่อ​ฟื้น​ฟู​ค่า​นิยม. อย่าง​หนึ่ง​ได้​แก่​ศาสนา. ถือ​กัน​ว่า​เสนอ​ความ​เข้มแข็ง​ทาง​ด้าน​จิต​ใจ. แต่​ความ​เข้มแข็ง​นั้น​หา​ไม่​พบ​ใน​ศาสนา​ที่​สืบ​ทอด​กัน​มา​แห่ง​คริสต์​ศาสนจักร. บาง​นิกาย​ได้​ถอย​กลับ​ไป​สู่​ลัทธิ​นอกรีต ฟื้น​การ​หมิ่น​ประมาท​ต่าง ๆ เป็น​ต้น​ว่า​ตรีเอกานุภาพ การ​ทรมาน​ตลอด​กาล และ​จิตวิญญาณ​อมตะ. นิกาย​อื่น ๆ ได้​ปฏิเสธ​ค่า​ไถ่​และ​การ​ทรง​สร้าง หัน​ไป​ยก​ย่อง​ศาสนา​ทาง​วิทยาศาสตร์​เรื่อง​การ​วิวัฒนาการ. พวก​เขา​เห็น​ดี​เห็น​ชอบ​กับ​การ​วิพากษ์​วิจารณ์​ซึ่ง​ทำ​ให้​ความ​สัตย์​จริง​แห่ง​พระ​วจนะ​ของ​พระเจ้า คือ​คัมภีร์​ไบเบิล เป็น​เรื่อง​น่า​สงสัย. พวก​เขา​เสนอ “ศาสนา​คริสเตียน” ที่​เจือ​จาง​ไร้​สาระ​และ​เป็น​มลพิษ​จน​สิ่ง​ที่​มี​คุณค่า​ไม่​เหลือ​อยู่​เลย และ​คน​รุ่น​หลัง​เห็น​แต่​ความ​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด และ​ความ​จอม​ปลอม​ที่​ไม่​มี​แก่น​สาร. ไม่​ใช่​ศาสนา​ที่​ป่วย​โทรม​เช่น​นั้น​หรอก ที่​เรา​ควร​หมาย​พึ่ง​เพื่อ​ความ​เข้มแข็ง​ฝ่าย​วิญญาณ แต่​เฉพาะ​การ​นมัสการ​แท้​ที่​อาศัย​คัมภีร์ไบเบิล​เท่า​นั้น​ซึ่ง​ประกาศ​ให้​ทราบ​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระ​ยะโฮวา​ว่า​เป็น​ความ​หวัง​เดียว​สำหรับ​โลก​นี้.

อย่าง​ไร​ก็​ดี ยัง​มี​อีก​แหล่ง​หนึ่ง​ที่​ให้​ความ​ช่วย​เหลือ​สำหรับ​ผู้​ห่วง​กังวล และ​นั่น​คือ​ครอบครัว สถานะ​ซึ่ง​บิดา​มารดา​สามารถ​ปลูก​ฝัง​ค่า​นิยม​ไว้​ใน​ตัว​บุตร​ของ​ตน. ความ​ผูก​พัน​ซึ่ง​เริ่ม​ตั้ง​แต่​คลอด​ต้อง​ดำเนิน​ต่อ​ไป. เด็ก ๆ ซึ่ง​รัก​และ​วาง​ใจ​ใน​บิดา​มารดา​ต้อง​การ​จะ​เป็น​เหมือน​บิดา​มารดา​นั้น เลียน​แบบ​ลักษณะ​การ​พูด​จา​และ​การ​กระทำ​ของ​เขา เลียน​แบบ​พฤติกรรม และ​ซึมซับ​หลัก​ศีลธรรม​ของ​เขา และ​ต่อ​มา​ค่า​นิยม​ของ​บิดา​มารดา​ก็​ถูก​ผนวก​เข้า​ไว้​ใน​ระบบ​ค่า​นิยม​ของ​บุตร. คำ​อธิบาย​ง่าย ๆ ไม่​ใช่​การ​เทศน์​เสีย​ยืด​ยาว การ​สื่อ​ความ​ทั้ง​สอง​ฝ่าย​มิ​ใช่​คำ​กล่าว​แบบ​ถือ​ทิฐิ​ใน​ความ​เห็น​ของ​ตัว​เป็น​หลัก คือ​วิธี​การ​ที่​บังเกิด​ผล.

บิดา​มารดา​ซึ่ง​ไม่​เพียง​แต่​สอน​แต่​ปฏิบัติ​ตาม​ค่า​นิยม​อัน​แท้​จริง​เช่น​เดียว​กัน​จะ​ทำ​ให้​บุตร​บรรจุ​ค่า​นิยม​เหล่า​นั้น​ไว้​ใน​ตัว. เด็ก​เช่น​นั้น​จะ​ไม่​ได้​รับ​อันตราย​จาก​บทบาท​ที่​เป็น​แบบ​อย่าง​ใน​ทาง​ลบ​ของ​คน​รุ่น​เดียว​กัน​ที่​โรง​เรียน​และ​ที่​อื่น ๆ. ดัง​ที่​สุภาษิต 22:​6 บอก​ว่า “จง​ฝึก​สอน​เด็ก​ให้​ประพฤติ​ตาม​ทาง​ที่​ควร​จะ​ประพฤติ​นั้น และ​เมื่อ​แก่​ชรา​แล้ว เขา​จะ​ไม่​เดิน​ห่าง​จาก​ทาง​นั้น.” จง​ฝึก​อบรม​ด้วย​คำ​แนะนำ​อัน​มี​คุณค่า. สำคัญ​ยิ่ง​กว่า​นั้น จง​ฝึก​อบรม​ด้วย​ตัว​อย่าง​อัน​มี​คุณค่า.

ศักยภาพ​ทาง​ค่านิยม​บรรจุ​ไว้​ใน​พันธุกรรม​ของ​เรา

พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “ความ​สุข​มี​แก่​ผู้​ที่​รู้​สำนึก​ถึง​ความ​จำเป็น​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​ตน.” (มัดธาย 5:3, ล.ม.) สิ่ง​นี้​เป็น​ความ​จำ​เป็น​ตาม​สัญชาตญาณ​ซึ่ง​ใส่​ไว้​ใน​ตัว​เรา ดัง​ที่​นัก​จิตศาสตร์​บาง​คน​กล่าว. ยัง​เป็น​ความ​จริง​เช่น​กัน​ว่า​เฉพาะ​แต่​ความ​เข้มแข็ง​ทาง​ฝ่าย​วิญญาณ​เท่า​นั้น​ที่​เรา​จะ​สามารถ​ต่อ​ต้าน​ค่า​นิยม​เท็จ​ซึ่ง​ได้​รับ​การ​สนับสนุน​กัน​อยู่​ใน​ปัจจุบัน.

ประสาน​กับ​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​ว่า​เรา​ถูก​สร้าง​ขึ้น​ตาม​แบบ​ฉายา​ของ​พระเจ้า พร้อม​ด้วย​ศักยภาพ​แห่ง​ค่า​นิยม​ที่​ติด​ตัว​มา​แต่​กำเนิด โทมัส ลิคโคนา ศาสตราจารย์​ทาง​การ​ศึกษา บอก​ว่า “ผม​คิด​ว่า​ขีด​ความ​สามารถ​ใน​การ​ทำ​ดี​มี​อยู่​แล้ว​ตั้ง​แต่​เริ่ม​แรก.” แต่​เขา​เสริม​ว่า “บิดา​มารดา​ต้อง​เพาะ​เลี้ยง​สัญชาตญาณ​เหล่า​นี้ ดัง​เช่น​ที่​เขา​ช่วย​บุตร​ให้​กลาย​เป็น​นัก​อ่าน นัก​กีฬา หรือ​นัก​ดนตรี​ที่​ดี​อย่าง​ไร​อย่าง​นั้น.”

นอร์แมน แลร์ ผู้​ผลิต​ราย​การ​โทรทัศน์​เคย​เป็น​ผู้​บรรยาย​รับ​เชิญ​มา​ยัง​การ​ประชุม​ใหญ่​ระดับ​ชาติ​ของ​สมาคม​การ​ศึกษา​แห่ง​ชาติ. หลัง​จาก​ยอม​รับ “ปัญหา​เกี่ยว​กับ​ผู้​ที่​เจน​จัด​กว่า มี​การ​ศึกษา​สูง​กว่า ใน​กลุ่ม​พวก​เรา—ผู้​ที่​ได้​ละทิ้ง​การ​แสวง​หา​จุด​มุ่ง​หมาย​อัน​สูง​ส่ง​โดย​มอง​ว่า​เป็น​เรื่อง​ไร้​แก่น​สาร​หรือ​นอก​ประเด็น​นั้น” เขา​กล่าว​ว่า “ผม​ลง​ความ​เห็น​ได้​ไม่​ยาก​จาก​ประวัติศาสตร์​ของ​มนุษย์​ว่า ปฏิกิริยา​ต่อ​ชีวิต, ต่อ​การ​ดำรง​อยู่, แรง​กระตุ้น​ให้​เชื่อ​ใน​บาง​สิ่ง​ที่​สำคัญ​กว่า​ตน​เอง​นั้น​มี​พลัง​มาก​และ​ไม่​อาจ​ต้าน​ทาน​ได้​จน​เป็น​ลักษณะ​นิสัย​ที่​แยก​ไม่​ออก​จาก​ระหัส​ถ่าย​ทอด​ทาง​พันธุกรรม​ของ​เรา.”

แลร์​กล่าว​หา​ธุรกิจ​ใหญ่​และ​เวลา​สี่สิบ​ปี​แห่ง​วงการ​โทรทัศน์​ซึ่ง​ได้​ส่ง​ผ่าน “ระบบ​ค่า​นิยม​ใหม่” ที่​มี​อิทธิพล​มาก​ต่อ​หลัก​ศีลธรรม​ของ​สาธารณชน​และ​ค่า​นิยม​ส่วน​บุคคล​จน​ก่อ​ผล​เป็น​ปัญหา​สังคม​เช่น โรง​เรียน​และ​วิทยาลัย​ที่​ผลิต​ผู้​คน​ซึ่ง​ไม่​สามารถ​เขียน​ได้, การ​ใช้​ยา​เสพย์ติด​เพิ่ม​ขึ้น, หญิง​วัย​รุ่น​ที่​ไม่​ได้​สมรส​มี​ลูก, และ​ครอบครัว​ที่​ไม่​มี​เงิน​เก็บ​มี​หนี้​สิน​ท่วม​ตัว. แล้ว​แลร์​เสริม​ว่า “เมื่อ​เรา​พูด​ถึง​ปัญหา​สังคม​สัก​ร้อย​ปัญหา—ผม​คิด​ว่า​เรา​อาจ​จะ​พูด​ถึง​ระบบ​ค่า​นิยม​แบบ​ค่อย ๆ ตก​ต่ำ ซึ่ง​อาศัย​โทรทัศน์​เป็น​ตัว​ช่วย ได้​มา​บ่อน​ทำลาย​วัฒนธรรม​ทั้ง​มวล.” และ​อีก​ครั้ง​เขา​กล่าว​ว่า​เขา “เชื่อ​ว่า​สิ่ง​ที่​บรรจุ​ไว้​ใน​หน่วย​ถ่าย​พันธุ์​ของ​เรา​คือ​ความ​เชื่อ​ที่​ว่า​มี​พลัง​ที่​ใหญ่​กว่า​และ​ความ​ลี้ลับ​ที่​นวด​ปั้น​ชีวิต​ของ​เรา ซึ่ง​ต้อง​ให้​ความ​สน​ใจ​ต่อ​สิ่ง​นั้น.”

ซี.จี. จุง จิตแพทย์​ผู้​มี​ชื่อ​เสียง​เด่น​บอก​ว่า​ศาสนา “เป็น​เจตคติ​ทาง​สัญชาตญาณ ที่​มี​เฉพาะ​ใน​มนุษย์ และ​การ​สำแดง​ผล​ของ​สิ่ง​นั้น​สามารถ​ติด​ตาม​ดู​ได้​ตลอด​ประวัติศาสตร์​ของ​มนุษย์.” สิ่ง​ที่​มี​ตั้ง​แต่​กำเนิด​เช่น​กัน​คือ​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ซึ่ง​สำนึก​ถูก​และ​ผิด: “เพราะ​ว่า​เมื่อ​พวก​ต่าง​ประเทศ​ซึ่ง​ไม่​มี​พระ​บัญญัติ​ก็​ได้​ประพฤติ​ตาม​พระ​บัญญัติ​โดย​ธรรมดา คน​เหล่า​นั้น​แม้​ไม่​มี​พระ​บัญญัติ​ตัว​ของ​ตัว​ก็​เป็น​บัญญัติ​แก่​ตัว​เอง. คือ​เขา​สำแดง​การ​ของ​กฎหมาย​นั้น​ที่​จารึก​ไว้​ใน​ใจ​ของ​เขา ใจ​ซึ่ง​สังเกต​ผิด​และ​ชอบ​ก็​เป็น​พยาน​บอก​เขา และ​โดย​ความ​คิด​ทั้ง​หลาย​ของ​เขา​เอง​เขา​ก็​จะ​ปรับ​โทษ​ตัว​เขา​หรือ​แก้​ตัว​เขา.” (โรม 2:​14, 15) “สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ” คือ “ความ​รู้​ภาย​ใน​ตัว​เรา” เหมือน​กับ​ศาล​ยุติธรรม​ภาย​ใน​ประชุม​กัน​ภาย​ใน​ตัว​เรา​เพื่อ​ให้​คำ​ตัดสิน​เรื่อง​ความ​ประพฤติ​ของ​เรา ปรับ​โทษ​หรือ​แก้​ตัว​เรา. อย่าง​ไร​ก็​ดี ถ้า​เรา​แสดง “การ​ดูหมิ่น​ศาล” แห่ง​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ของ​เรา ความ​ไว​ของ​มัน​จะ​กลาย​เป็น​ด้าน​และ​หยุด​ทำ​งาน.

นัก​วิทยาศาสตร์​มอง​เห็น​ความ​ลี้ลับ​ซึ่งพระเจ้าเท่านั้นอธิบายได้

ที่​น่า​สน​ใจ​มาก​คือ​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​ว่า​ขณะ​นัก​วิทยาศาสตร์​เรียน​รู้​มาก​ขึ้น​เกี่ยว​กับ​แผ่นดิน​โลก​และ​เอกภพ ก็​มี​นัก​วิทยาศาสตร์​บาง​คน​เอน​เอียง​ไป​ทาง​ความ​เชื่อ​ที่​ว่า​ผู้​มี​เชาวน์​ไหว​พริบ​องค์​สูง​สุด​ต้อง​อยู่​เบื้อง​หลัง​สิ่ง​เหล่า​นั้น​ทั้ง​หมด. อย่าง​ไร​ก็​ดี พวก​เขา​ชะงัก​ต่อ​การ​ยอม​รับ​พระเจ้า​แห่ง​คัมภีร์​ไบเบิล.

ใน​หนังสือ​เดอะ ซิมไบโอติก ยูนิเวอร์ส ของ​จอร์ช กรีนสไตน์ นัก​ดาราศาสตร์​ทาง​กายภาพ เขา​ได้​ลง​มือ “จัด​ราย​ละเอียด​ของ​สิ่ง​ที่​อาจ​มอง​ว่า​เป็น​เหตุการณ์​บังเอิญ​ซึ่ง​เกิด​ต่อ​เนื่อง​กัน​อย่าง​น่า​มหัศจรรย์​และ​อย่าง​ไม่​น่า​จะ​เป็น​ไป​ได้​ซึ่ง​กรุย​ทาง​ไป​จน​เกิด​ชีวิต​ขึ้น. มี​ราย​การ​ของ​การ​เกิด​ขึ้น​โดย​ความ​ประจวบ​เหมาะ​ยาว​เหยียด ล้วน​จำ​เป็น​ต่อ​การ​ดำรง​อยู่​ของ​เรา​ทั้ง​สิ้น.” กรีนสไตน์​บอก​ว่า​ราย​การ​เหล่า​นั้น​ยิ่ง​ยาว​ขึ้น ๆ ความ​ประจวบ​เหมาะ​เหล่า​นั้น​ไม่​อาจ​เกิด​ขึ้น​ได้​โดย​บังเอิญ จึง​เกิด​ความ​คิด​ขึ้น​ว่า สิ่ง​ที่​อยู่​เหนือ​ธรรมชาติ​อะไร​บาง​อย่าง​ดำเนิน​งาน​อยู่. เขา​คิด​ว่า “เป็น​ไป​ได้​ไหม​ว่า​โดย​ไม่​รู้​ตัว โดย​ไม่​ตั้ง​ใจ​เรา​ไป​สะดุด​กึก​อยู่​กับ​ข้อ​พิสูจน์​ทาง​วิทยาศาสตร์​ว่า​ด้วย​ผู้​ใหญ่​ยิ่ง​สูง​สุด​มี​จริง? เป็น​พระเจ้า​ใช่​ไหม​ที่​เข้า​มา​สรรค์​สร้าง​จักรวาล​เพื่อ​ประโยชน์​แก่​เรา?” แล้ว​เขา​เกิด “ความ​รู้สึก​สะอิดสะเอียน​อย่าง​แรง” ต่อ​ความ​คิด​เช่น​นั้น​และ​เอ่ย​ออก​มา​ตาม​อำเภอ​ใจ​ว่า “ใช้​พระเจ้า​อธิบาย​เรื่อง​นี้​ไม่​ได้.” กระนั้น ราย​การ​ของ “ความ​ประจวบ​เหมาะ” ที่​ยาว​ขึ้น ๆ บีบ​บังคับ​ให้​เขา​ต้อง​ตั้ง​คำ​ถาม​ดัง​กล่าว.

เฟร็ด ฮอยล์ นัก​ดาราศาสตร์​ทาง​กาย​ภาพ​ผู้​ได้​รับ​รางวัล​โนเบล​ได้​พิจารณา​ความ​ประจวบ​เหมาะ​อัน​ลึก​ลับ​เช่น​เดียว​กัน​นี้​ซึ่ง​สร้าง​ความ​วุ่น​วาย​ใจ​ให้​กับ​กรีนสไตน์​โดย​กล่าว​ไว้​ใน​หนังสือ​ของ​เขา เดอะ อินเทลลิเจนท์ ยูนิเวอร์ส ดัง​นี้ “คุณสมบัติ​เช่น​นั้น​ดู​เหมือน​จะ​มี​อยู่​ทั่ว​ทั้ง​โครง​สร้าง​ของ​ธรรมชาติ​ประดุจ​เส้น​ใย​แห่ง​เหตุ​บังเอิญ​ที่​น่า​ยินดี. แต่​ความ​ประจวบ​เหมาะ​ที่​ผิด​ธรรมดา​เหล่า​นี้​ซึ่ง​จำ​เป็น​ต่อ​ชีวิต​มี​มาก​เสีย​จน​ดู​เหมือน​ต้อง​หา​คำ​อธิบาย​ว่า​สิ่ง​เหล่า​นี้​เป็น​ไป​ได้​อย่าง​ไร.” ฮอยล์​ยัง​เห็น​พ้อง​กับ​กรีนสไตน์​ที่​ว่า​จะ​เกิด​ขึ้น​เอง​โดย​บังเอิญ​ไม่​ได้. เพราะ​ฉะนั้น ฮอยล์​บอก​ว่า ‘ต้น​กำเนิด​ของ​เอกภพ​ต้อง​อาศัย​เชาวน์​ปัญญา’ ‘เชาวน์​ปัญญา​ใน​ระดับ​สูง’ ‘เชาวน์​ปัญญา​ซึ่ง​มา​ก่อน​เรา​และ​นำ​ไป​สู่​การ​กระทำ​อัน​จง​ใจ​แห่ง​การ​สร้าง​สรรพ​สิ่ง​ที่​เหมาะ​กับ​ชีวิต.’

ไอน์สไตน์​พูด​ถึง​พระเจ้า แต่​มิ​ใช่​ใน​แง่​ของ​ศาสนา​ตาม​ประเพณี​นิยม. แนว​ความ​คิด​เรื่อง​พระเจ้า​ของ​เขา​เกี่ยว​โยง​กับ “องค์​วิญญาณ​สูง​สุด​หา​ที่​เปรียบ​ไม่​ได้” ที่​เขา​เห็น​เปิด​เผย​ใน​ธรรมชาติ. ติโมธี เฟอร์รีส ใน​บทความ​ของ​เขา​ชื่อ​ว่า “ไอน์สไตน์​อีก​คน​หนึ่ง” ได้​อ้าง​ถึง​คำ​พูด​ของ​ไอน์สไตน์​ดัง​นี้ “สิ่ง​ที่​ข้าพเจ้า​เห็น​ใน​ธรรมชาติ​คือ​โครง​สร้าง​อัน​สง่า​งาม ซึ่ง​เรา​เข้า​ใจ​ได้​เพียง​กระท่อน​กระแท่น และ​ถึง​กับ​ทำ​ให้​คน​ช่าง​คิด​เต็ม​ไป​ด้วย​ความ​รู้สึก ‘ต่ำ​ต้อย.’ นี่แหละ​คือ​ความ​รู้สึก​ทาง​ศาสนา​อย่าง​แท้​จริง ซึ่ง​ไม่​เกี่ยว​อะไร​กับ​ลัทธิ​ลึก​ลับ. . . . ความ​เลื่อม​ใส​ทาง​ศาสนา​ของ​ข้าพเจ้า​ประกอบ​ด้วย​ความ​นิยม​ชม​ชอบ​อย่าง​ถ่อม​ใจ​ต่อ​วิญญาณ​องค์​สูง​สุด​หา​ที่​เปรียบ​ไม่​ได้ ซึ่ง​เปิด​เผย​พระองค์​เอง​ใน​สิ่ง​เล็ก ๆ น้อย​ที่​เรา พร้อม​ด้วย​ความ​เข้า​ใจ​อัน​อ่อน​เปราะ​และ​คง​อยู่​ชั่ว​ประเดี๋ยว สามารถ​เข้า​ใจ​ได้​เกี่ยว​กับ​ความ​เป็น​จริง. . . . ข้าพเจ้า​อยาก​จะ​รู้​ว่า​พระเจ้า​ทรง​สร้าง​โลก​นี้​อย่าง​ไร. ข้าพเจ้า​อยาก​จะ​รู้​ความ​คิด​ของ​พระองค์ แล้ว​ที่​เหลือ​นอก​นั้น​จะ​เป็น​สิ่ง​ประกอบ.”

ไกย์ เมอร์ซี หลัง​จาก​พิจารณา​ข้อ​ลึก​ลับ​ซึ่ง​ไม่​มี​ผู้​ใด​เข้า​ใจ​แห่ง​เอกภพ ให้ความ​เห็น​ไว้​ใน​หนังสือ​ของ​เขา​ชื่อ เดอะ เซเวน มิสเตอร์รีส์ ออฟ ไลฟ์ ดัง​นี้ “ไม่​ยาก​ที่​จะ​เห็น​ว่า​ทำไม​นัก​ฟิสิกส์​สมัย​ปัจจุบัน ซึ่ง​ได้​ขยาย​ขอบ​เขต​ของ​ความ​รู้​กว้าง​ออก​ไป​สู่​สิ่ง​ที่​ไม่​รู้ บาง​ที​อาจ​ทำ​ได้​ลึก​ซึ้ง​กว่า​นัก​วิทยาศาสตร์​คน​ใด ๆ ใน​ศตวรรษ​หลัง ๆ ที่​เพิ่ง​ผ่าน​ไป​นี้ ล้ำ​หน้า​ไป​ไกล​กว่า​เพื่อน​ร่วม​งาน​ส่วน​ใหญ่​ใน​การ​ยอม​รับ​สิ่ง​ที่​รวม​ความ​ลึก​ลับ​ทั้ง​มวล​แห่ง​เอกภพ​นั้น​ซึ่ง​โดย​ทั่ว​ไป​เรียก​กัน​ว่า​พระเจ้า.”

จงแสวง​หา​พระเจ้า​เป็นประโยชน์​แก่​ตัว​ท่าน​เอง​มีชีวิตอยู่ชั่ว​นิรันดร์

มนุษย์​กำลัง​คลำ​หา. สิ่ง​ที่​เขา​คลำ​หา​คือ พระเจ้า. บาง​คน​ทำ​เช่น​นั้น​ใน​สมัย​ของ​เปาโล. ท่าน​บอก​ไว้​ดัง​นี้: “เพื่อ​เขา​จะ​ได้​แสวง​หา​พระเจ้า และ​หาก​เขา​จะ​คลำ​หา​ก็​จะ​ได้​พบ​พระองค์ ด้วย​พระองค์​มิ​ทรง​อยู่​ห่าง​ไกล​จาก​เรา​ทุก​คน​เลย.” (กิจการ 17:​27) ไม่​มี​สัตว์​ตัว​ใด​คลำ​หา​พระเจ้า. ไม่​มี​แม้​แต่​ตัว​เดียว​มี​ความ​คิด​ใด ๆ เรื่อง​พระเจ้า. มนุษย์​มี มนุษย์​ถูก​สร้าง​ขึ้น​ใน​แบบ​ฉายา​ของ​พระเจ้า พร้อม​ด้วย​เหว​ใหญ่​ซึ่ง​ข้าม​ไม่​ได้ แยก​คน​จาก​สัตว์​แม้​แต่​สัตว์​ที่​ฉลาด​ที่​สุด. และ​ดัง​ที่​บท​จารึก​นั้น​บอก​เรา​ว่า พระเจ้า “ไม่​ทรง​อยู่​ห่าง​ไกล​จาก​เรา​ทุก​คน​เลย.”

เรา​เห็น​หลัก​ฐาน​เกี่ยว​กับ​พระองค์​ทุก​แห่ง​หน​รอบ​ตัว​เรา สะท้อน​ให้​เห็น​ใน​สิ่ง​ทรง​สร้าง​ของ​พระองค์ ดัง​ที่​โรม 1:20 บอก​ว่า “อาการ​ของ​พระเจ้า​ซึ่ง​เห็น​ไม่​ได้​นั้น​คือ​ฤทธานุภาพ​อัน​ถาวร​และ​สัมภาวะ​ของ​พระองค์ ก็​ทรง​ปรากฏ​ชัด​ใน​สรรพสิ่ง​ที่​พระองค์​ได้​ทรง​สร้าง​นั้น​ตั้ง​แต่​แรก​สร้าง​โลก เขา​ทั้ง​หลาย​จึง​ไม่​มี​ข้อ​ที่​จะ​แก้​ตัว​ได้.” เมื่อ​นัก​วิทยาศาสตร์​มอง​เห็น​ความ​ประจวบ​เหมาะ และ​ความ​ซับซ้อน​ที่​อธิบาย​ไม่​ได้​มาก​ขึ้น​ทุก​ที และ​ใคร่​ครวญ​ความ​มหัศจรรย์​ที่​น่า​เกรงขาม​ใน​จักรวาล บาง​ที​พวก​เขา​จำนวน​มาก​ขึ้น ๆ จะ​สังเกต​เข้า​ใจ​ถึง​องค์​ที่​มี​เชาวน์​ปัญญา​ยิ่ง​ใหญ่​ซึ่ง​ปฏิบัติ​งาน​อยู่​เบื้อง​หลัง​สิ่ง​เหล่า​นี้​และ​มา​รู้​จัก​พระ​ผู้​สร้าง​ของ​พวก​เขา​คือ พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า.

แผ่นดิน​โลก​และ​สรรพสิ่ง​บริบูรณ์​ใน​นั้น​เป็น​ของ​พระ​ยะโฮวา. พระองค์​วาง​มาตรฐาน​แก่​ผู้​ที่​จะ​ดำรง​ชีวิต​บน​โลก. พระองค์​ได้​ประทาน​ค่า​นิยม​อัน​แท้​จริง​เป็น​เครื่อง​นำ​ทาง​ไป​สู่​ความ​สุข​และ​ชีวิต. นอก​จาก​นั้น พระองค์​ได้​ให้​เสรีภาพ​ใน​การ​เลือก​แก่​ประชาชน. พวก​เขา​ไม่​จำ​เป็น​ต้อง​เชื่อ​ฟัง​พระองค์. เขา​อาจ​หว่าน​อะไร​ก็​ได้​ตาม​ใจ​ปรารถนา แต่​เขา​ต้อง​เก็บ​เกี่ยว​สิ่ง​ที่​หว่าน​ไม่​ช้า​ก็​เร็ว. ใคร​จะ​หลอก​พระเจ้า​เล่น​ไม่​ได้. พระองค์​ได้​ประทาน​ค่า​นิยม​อัน​แท้​จริง มิ​ใช่​เพื่อ​เห็น​แก่​พระองค์​เอง แต่​เพื่อ​ประโยชน์​แห่ง​ราษฎร​ของ​พระองค์​บน​แผ่นดิน​โลก. ดัง​ที่​ยะซายา 48:​17, 18 กล่าว​ว่า “เรา​คือ​ยะโฮวา พระเจ้า​ของ​เจ้า​ผู้​สั่ง​สอน​เจ้า เพื่อ​ประโยชน์​แก่​ตัว​ของ​เจ้า​เอง และ​ผู้​นำ​เจ้า​ดำเนิน​ใน​ทาง​ที่​เจ้า​ควร​ดำเนิน. โอ้​ถ้า​เจ้า​ได้​เชื่อ​ฟัง​คำ​สั่ง​ของ​เรา​แล้ว ความ​เจริญ​ของ​เจ้า ก็​จะ​เป็น​ดัง​แม่น้ำ​ไหล และ​ความ​ชอบธรรม​ของ​เจ้า​ก็​จะ​มี​บริบูรณ์​ดัง​คลื่น​ใน​มหาสมุทร.”

เมื่อ​เอา​ใจ​ใส่​ต่อ​คำ​วิง​วอน​อย่าง​จริง​จัง​ของ​พระ​ยะโฮวา​ก็​จะ​ยัง​ผล​ให้​ประชาชน​ทุก​คน​เดิน​ใน​หน​ทาง​ซึ่ง​พวก​เขา​ควร​เดิน​และ​จะ​คำ​นึง​ถึง​พระ​บัญญัติ​ของ​พระ​ผู้​สร้าง. ทุก​คน​จะ​ได้​ประโยชน์​จาก​สันติภาพ​ดุจ​แม่น้ำ​ไหล​และ​จาก​ความ​ชอบธรรม​ดุจ​คลื่น​ใน​มหาสมุทร. ทุก​คน​จะ​ใช้​ค่า​นิยม​ซึ่ง​สืบ​ทอด​แต่​บรรพบุรุษ และ​จะ​ไม่​ประสบ​ความ​เสื่อม​ศีลธรรม​อีก​เลย. และ​จะ​เป็น​เช่น​นี้​เมื่อ​ไร? ใน​ไม่​ช้า​นี้​เมื่อ​คำ​อธิษฐาน​จะ​ได้​รับ​คำ​ตอบ​ที่​ว่า “ขอ​ให้​ราชอาณาจักร​ของ​พระองค์​มา​เถิด. พระ​ทัย​ประสงค์​ของ​พระองค์​สำเร็จ​แล้ว​ใน​สวรรค์​อย่าง​ไร ก็​ขอ​ให้​สำเร็จ​บน​แผ่นดิน​โลก​อย่าง​นั้น.”—มัดธาย 6:​10, ล.ม.

[รูปภาพ​หน้า 7]

ระบบ​ไอพ่น

ทำน้ำจืดจากน้ำเค็ม

ทำกระดาษ

โซนาร์

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์