พฤษภาคม
วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม
ชาวอิสราเอลจึงเอาชนะชาวอัมโมน—วนฉ. 11:33
เยฟธาห์รู้ว่าเขาต้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าเพื่อจะช่วยชาวอิสราเอลจากชาวอัมโมนได้ เขาสัญญากับพระยะโฮวาว่าถ้าพระองค์ช่วยเขาให้ชนะสงคราม เมื่อกลับถึงบ้าน เขาจะถวายคนแรกที่ออกมาต้อนรับเป็น “เครื่องบูชาเผา” ให้พระองค์ (วนฉ. 11:30, 31) นี่หมายความว่าอย่างไร? พระยะโฮวาเกลียดชังการเอาคนมาเผาเป็นเครื่องบูชายัญ ดังนั้น เรารู้ว่าเยฟธาห์คงไม่ได้ตั้งใจจะถวายเครื่องบูชาแบบนั้น (ฉธบ. 18:9, 10) ตามกฎหมายของโมเสส คนที่ถวายเครื่องบูชาเผาจะให้ของที่เขานำมาถวายทั้งหมดกับพระยะโฮวา ดังนั้น การที่เยฟธาห์ถวายคนเป็นเครื่องบูชาเผาก็หมายความว่าเขาจะให้คนนั้นรับใช้อยู่ที่เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าตลอดชีวิต จากบันทึกในคัมภีร์ไบเบิล พระยะโฮวาฟังเยฟธาห์และช่วยเขาให้ชนะสงคราม (วนฉ. 11:32) ดังนั้น ใครล่ะที่เยฟธาห์ต้องถวายให้พระยะโฮวา? ตอนเยฟธาห์กลับมาถึงบ้านจากสงคราม คนแรกที่ออกมาเจอเขาก็คือลูกสาวสุดที่รัก ลูกคนเดียวของเขา! เยฟธาห์จะรักษาสัญญาไหม? ห16.04 1:11-13
วันพุธที่ 2 พฤษภาคม
พวกเขาอธิบายความหมายอย่างชัดเจน ประชาชนจึงเข้าใจข้อความที่อ่าน—นหม. 8:8
ไม่กี่ปีที่แล้ว ประชาคมส่วนใหญ่ทั่วโลกเพิ่งได้ศึกษาหนังสือจงเข้าใกล้พระยะโฮวา ในการศึกษาพระคัมภีร์ประจำประชาคม คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ทบทวนเกี่ยวกับคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระยะโฮวา และเมื่อคุณได้ยินพี่น้องบอกความรู้สึกที่พวกเขามีต่อพระองค์? แน่นอน คุณรักพระยะโฮวามากขึ้น ในการประชุมเราสามารถเรียนคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้นโดยการตั้งใจฟังคำบรรยาย ดูการสาธิต และตั้งใจฟังการอ่านคัมภีร์ไบเบิล การประชุมต่าง ๆ สอนเราให้ใช้สิ่งที่ได้เรียนในชีวิต (1 ธส. 4:9, 10) ตัวอย่างเช่น การศึกษาหอสังเกตการณ์ ได้ช่วยคุณไหมให้อยากรับใช้พระยะโฮวามากขึ้น ช่วยคุณอธิษฐานได้ดีขึ้น หรือช่วยคุณฝึกให้อภัยพี่น้องคนอื่น ๆ? นอกจากนั้น การประชุมกลางสัปดาห์ช่วยสอนเราให้รู้วิธีประกาศข่าวดี และวิธีช่วยคนอื่น ๆ ให้เข้าใจความจริงจากคัมภีร์ไบเบิล—มธ. 28:19, 20 ห16.04 3:4, 5
วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม
ทุกสิ่งที่เขียนไว้นานมาแล้วในพระคัมภีร์ก็เขียนไว้เพื่อสอนเรา—รม. 15:4
คุณเคยคิดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับความขัดแย้งส่วนตัวที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิลไหม? แค่ในบทแรก ๆ ของหนังสือปฐมกาล เราได้เรียนรู้ว่าคาอินฆ่าอาเบล (ปฐก. 4:3-8) ลาเมคฆ่าผู้ชายคนหนึ่งที่มาทำร้ายเขา (ปฐก. 4:23) คนเลี้ยงสัตว์ของอับราฮัม (อับราม) ทะเลาะกับคนเลี้ยงสัตว์ของโลท (ปฐก. 13:5-7) ฮาการ์ดูถูกซาราห์ (ซาราย) จนทำให้ซาราห์โกรธอับราฮัม (ปฐก. 16:3-6) อิชมาเอลต่อสู้กับทุกคน และทุกคนก็ต่อสู้กับเขา (ปฐก. 16:12) ทำไมมีการบันทึกความขัดแย้งแบบนั้นในคัมภีร์ไบเบิล? ในบันทึกเหล่านั้น เราจะเห็นตัวอย่างของมนุษย์ไม่สมบูรณ์ที่มีปัญหา ดังนั้น ถ้าเรามีปัญหาคล้าย ๆ กับเขา เราก็จะเรียนจากตัวอย่างของเขาได้ว่าเขาแก้ปัญหาอย่างไร บันทึกทั้งหมดในคัมภีร์ไบเบิลช่วยเราให้รู้ว่าเราควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไรเพื่อจะอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างมีสันติสุข ห16.05 1:1, 2
วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม
ก่อนที่จุดจบจะมาถึง จะต้องมีการประกาศข่าวดีกับคนทุกชาติก่อน—มก. 13:10
พระเยซูและสาวกของท่านใช้วิธีไหนในการประกาศ? พวกเขาไปทุกที่ที่มีผู้คน ตัวอย่างเช่น พวกเขาประกาศตามถนนและตลาด พวกเขาไปหาผู้คนที่บ้าน (มธ. 10:11; ลก. 8:1; กจ. 5:42; 20:20) การประกาศตามบ้านเป็นวิธีที่จะเข้าถึงผู้คนทุกชนิดอย่างเป็นระบบระเบียบ พยานพระยะโฮวามีชื่อเสียงเช่นไร? พวกเขาเป็นกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ประกาศว่าพระเยซูขึ้นปกครองเป็นกษัตริย์แล้วตั้งแต่ปี 1914 พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งของพระเยซูและให้งานประกาศเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตของเขา หนังสือแนวศาสนาเปรียบเทียบเล่มหนึ่ง (Pillars of Faith—American Congregations and Their Partners) พูดถึงพยานพระยะโฮวาว่า พวกเขาไม่ลืมว่าเป้าหมายหลักคือการประกาศให้ผู้คนรู้ว่าโลกนี้กำลังจะถึงจุดจบ และสอนให้ผู้คนรู้เกี่ยวกับความหวังเรื่องความรอด พยานพระยะโฮวาประกาศข่าวสารนั้นต่อ ๆ ไปและพยายามเลียนแบบวิธีของพระเยซูและพวกสาวก ห16.05 2:10, 12
วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม
ลูก . . . จะพบความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า—สภษ. 2:5
เมื่อเราตัดสินใจในแบบที่พระยะโฮวาพอใจ เราจะสนิทกับพระองค์มากขึ้น (ยก. 4:8) พระเจ้าจะยอมรับและอวยพรเรา และเราจะมีความเชื่อมากขึ้น ดังนั้น ขอเราคิดใคร่ครวญในสิ่งที่เราได้อ่านในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อจะเข้าใจว่าพระยะโฮวาคิดอย่างไร แน่นอน ยังมีอีกหลายสิ่งที่เราจะเรียนรู้มากขึ้นได้เกี่ยวกับพระยะโฮวา แต่ถ้าเราพยายามเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์ตั้งแต่ตอนนี้ เราก็จะเป็นคนฉลาดและตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง (โยบ 26:14; สภษ. 2:1-5) ความคิดและแผนการของคนเปลี่ยนไปอยู่เรื่อย ๆ แต่ผู้เขียนหนังสือสดุดีบอกว่า “คำตัดสินของพระยะโฮวาจะคงอยู่ตลอดไป ความประสงค์ของพระองค์จะคงอยู่ทุกยุคทุกสมัย” (สด. 33:11) เห็นได้ชัดว่า พวกเราสามารถตัดสินใจได้อย่างดีที่สุดถ้าเราเรียนรู้ที่จะคิดในแบบที่พระยะโฮวาคิด และทำในสิ่งที่พระองค์พอใจ ห16.05 3:17
วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม
พระยะโฮวามองที่หัวใจ—1 ซม. 16:7
เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาสามารถเลือกและชักนำคนไม่ผิด นี่เองเป็นเหตุผลที่เราไม่ควรตัดสินผู้คนที่เราพบในเขตประกาศ หรือตัดสินพี่น้องในประชาคม (ยน. 6:44) ถ้าเรามองว่าพระยะโฮวาเป็นช่างปั้นหม้อองค์ยิ่งใหญ่ที่นวดปั้นเรา วิธีที่เรามองพี่น้องก็จะเปลี่ยนไป (อสย. 64:8) เราจะมองพวกเขาแต่ละคนว่าเป็นชิ้นงานที่พระองค์กำลังนวดปั้นอยู่ และพระยะโฮวาก็มองพวกเขาแบบนี้ พระองค์เห็นว่าพวกเขาเป็นอย่างไรจริง ๆ และยังรู้ว่าแต่ละคนจะถูกนวดปั้นให้เป็นคนแบบไหนได้บ้าง ดังนั้น ถึงพวกเขาจะยังมีข้อผิดพลาดในตอนนี้ พระองค์ก็รู้ว่ามันเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น (สด. 130:3) พวกเราสามารถเลียนแบบพระยะโฮวาโดยมองพี่น้องในแง่ดี ที่จริง เราสามารถทำงานกับช่างปั้นหม้อองค์ยิ่งใหญ่เพื่อช่วยให้พี่น้องเป็นคริสเตียนที่ดีขึ้น (1 ธส. 5:14, 15) ผู้ดูแลในประชาคมควรเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้—อฟ. 4:8, 11-13 ห16.06 1:4-6
วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม
คนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงอยู่แล้ว ระวังตัวให้ดี จะได้ไม่ล้มลง—1 คร. 10:12
เมื่อเราประกาศข่าวดี เราต้องแสดงลักษณะนิสัยหลายอย่าง เช่น ความถ่อมตัวและคุณลักษณะต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้า (กท. 5:22, 23) เมื่อเราเลียนแบบพระคริสต์ ผู้คนก็สนใจข่าวสารของเราและอาจเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อเรา ตัวอย่างเช่น พยานฯ สองคนในออสเตรเลียพยายามประกาศกับเจ้าของบ้านคนหนึ่ง เจ้าของบ้านคนนั้นโกรธมากแล้วก็พูดจาไม่สุภาพ แต่พยานฯ สองคนนี้ก็ฟังและไม่ได้ตอบโต้อะไร ต่อมา ผู้หญิงคนนี้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เธอทำไป จึงเขียนจดหมายไปที่สำนักงานสาขา ขอโทษที่เธอแสดงกิริยาไม่ดี เธอบอกว่า “ฉันโง่จริง ๆ ที่พยายามไล่คน 2 คนที่มาเผยแพร่ข่าวสารของพระเจ้า” จากประสบการณ์นี้ เราเห็นได้ว่าการเป็นคนสุภาพเมื่อเราประกาศก็มีประโยชน์ งานรับใช้ของเรานอกจากจะช่วยคนอื่นแล้ว ยังช่วยปรับปรุงนิสัยของเราเองให้ดีขึ้นด้วย ห16.06 2:12, 13
วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม
ให้รักคนอื่นเหมือนรักตัวเอง—มธ. 22:39
มนุษย์ที่เกิดมาจึงเป็นคนบาปและมีข้อผิดพลาดกันทุกคน (รม. 5:12, 19) บางครั้ง บางคนในประชาคมจึงอาจพูดหรือทำอะไรบางอย่างให้เราเจ็บใจหรือไม่สบายใจ เมื่อเป็นอย่างนี้ เราควรทำอย่างไร? เราจะยังคงรักพระยะโฮวาไหม? เราจะภักดีต่อพระองค์และต่อประชาชนของพระองค์ไหมเพื่อเป็นตัวอย่าง เอลีเป็นมหาปุโรหิตของอิสราเอล แต่ลูกชายทั้งสองของเขาไม่เชื่อฟังกฎหมายของพระยะโฮวา คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ลูกชายของเอลีเป็นคนชั่ว พวกเขาไม่นับถือพระยะโฮวา” (1 ซม. 2:12) เอลีรู้ว่าลูกชายทำสิ่งที่ชั่วร้ายมาก แต่เขากลับไม่ค่อยได้ว่ากล่าวแก้ไขลูก ในที่สุด พระยะโฮวาลงโทษเอลีกับลูกชายสองคน และในเวลาต่อมา พระองค์ก็ไม่ให้ลูกหลานของเอลีได้รับใช้เป็นมหาปุโรหิตอีกเลย (1 ซม. 3:10-14) ถ้าคุณมีชีวิตอยู่ในสมัยของเอลีและได้รู้ว่าเขาปล่อยให้ลูกชายทำสิ่งชั่วร้าย คุณจะผิดหวังในตัวเขาไหม? เรื่องนี้จะทำให้ความเชื่อที่คุณมีในพระยะโฮวาอ่อนลงจนเลิกรับใช้พระองค์ไหม? ห16.06 4:5, 6
วันพุธที่ 9 พฤษภาคม
พระองค์จะให้คุณมีสิ่งจำเป็นทั้งหมดนี้—มธ. 6:33
พระเยซูอธิบายว่าทำไมเราสามารถมั่นใจในคำสัญญานี้ได้ ท่านบอกว่า “พระเจ้าผู้เป็นพ่อของคุณในสวรรค์รู้อยู่แล้วว่าคุณต้องมีของทั้งหมดนี้” พระยะโฮวารู้ว่าเราจำเป็นต้องมีอะไรบ้าง พระองค์รู้ก่อนที่เราจะรู้ว่าเราต้องมีสิ่งเหล่านั้นด้วยซ้ำ (ฟป. 4:19) พระองค์รู้ว่าเสื้อตัวไหนของคุณที่จะเสียเป็นตัวถัดไป พระองค์ยังรู้ว่าคุณจำเป็นต้องกินอะไรเพื่อจะมีสุขภาพแข็งแรง และรู้ว่าต้องมีที่อยู่อาศัยใหญ่แค่ไหนที่จะพอสำหรับคุณกับครอบครัวทุกคน พระยะโฮวาจะให้คุณมีทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องมีจริง ๆ เรามั่นใจว่าถ้าเราทำสิ่งที่พระองค์อยากให้เราทำ และให้การปกครองของพระองค์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต พระองค์ก็จะให้เรามีสิ่งที่จำเป็นทุกอย่างและจะให้มากกว่าที่เราจำเป็นต้องมีด้วยซ้ำ เรายังรู้ว่าสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขจริง ๆ ก็คือการได้มาใกล้ชิดกับพระยะโฮวา ซึ่งสิ่งนี้เองทำให้เราอิ่มใจพอใจกับการ “มีอาหารกิน มีเสื้อผ้าใส่” ตามที่เราจำเป็นต้องมี—1 ทธ. 6:6-8 ห16.07 1:17, 18
วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม
ตอนที่เราเป็นศัตรูกับพระเจ้า การตายของลูกพระองค์ยังทำให้เราคืนดีกับพระองค์ได้—รม. 5:10
ค่าไถ่ทำให้เราคืนดีกับพระเจ้าได้ ซึ่งก็คือมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์และเป็นเพื่อนของพระองค์ได้ เปาโลเชื่อมโยงสิทธิพิเศษนี้กับความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เขาอธิบายกับคริสเตียนผู้ถูกเจิมว่า “เมื่อพระเจ้าถือว่าเราเป็นที่ยอมรับของพระองค์แล้วเพราะเรามีความเชื่อ ก็ให้เรารักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าไว้ซึ่งเราได้มาทางพระเยซูคริสต์ผู้เป็นนายของเรา และด้วยความเชื่อในพระเยซู เราจึงได้รับความกรุณาที่ยิ่งใหญ่อย่างที่เรารับอยู่ตอนนี้” (รม. 5:1, 2) เรารู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระยะโฮวา ผู้พยากรณ์ดาเนียลพูดถึงสมัยสุดท้ายว่า “คนที่มีความเข้าใจลึกซึ้ง” ซึ่งก็คือผู้ถูกเจิม พวกเขาจะ “ช่วยหลายคนให้ทำสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม” หรือเป็นที่ยอมรับของพระเจ้า (ดนล. 12:3) ผู้ถูกเจิมจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร? พวกเขาประกาศข่าวดีและสอน “แกะอื่น” เป็นล้าน ๆ คนให้รู้จักกฎหมายของพระยะโฮวา (ยน. 10:16) ผู้ถูกเจิมช่วยแกะอื่นให้ได้รับการยอมรับจากพระเจ้า เรื่องนี้เป็นไปได้ก็เพราะความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเท่านั้น—รม. 3:23, 24 ห16.07 3:10, 11
วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม
ลูก ๆ ของพระเจ้าเที่ยงแท้ . . . จึงเลือกเอามาเป็นภรรยาตามใจชอบ—ปฐก. 6:2
นี่เป็นเรื่องผิดธรรมชาติ ทูตสวรรค์เหล่านั้นกับพวกผู้หญิงมีลูกชายตัวใหญ่เหมือนยักษ์ ลูกชายเหล่านั้นถูกเรียกว่าเนฟิล พวกเขาชอบใช้ความรุนแรง ในสมัยนั้น “ความชั่วของมนุษย์มีมากมายบนโลก” (ปฐก. 6:1-5) พระยะโฮวาบอกว่าพระองค์จะให้มีน้ำท่วมโลกเพื่อทำลายคนชั่ว “โนอาห์ผู้ประกาศแนวทางที่ถูกต้อง” บอกผู้คนว่าน้ำจะท่วมโลกแล้ว (2 ปต. 2:5) แต่พวกเขาไม่ฟังโนอาห์ เพราะพวกเขามัวยุ่งอยู่กับสิ่งที่ทำในชีวิตประจำวันซึ่งรวมไปถึงการแต่งงานด้วย พระเยซูเปรียบเทียบสมัยโนอาห์กับสมัยของเรา (มธ. 24:37-39) ในทุกวันนี้ พวกเราประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าก่อนที่โลกชั่วจะถูกทำลาย แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่ฟัง เราได้เรียนอะไรจากสมัยน้ำท่วมโลก? เราต้องไม่ยอมให้อะไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว เช่น การแต่งงาน การมีลูก เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรามากจนลืมไปว่าวันของพระยะโฮวามาใกล้แล้ว ห16.08 1:8, 9
วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม
เวลาเหลือน้อยแล้ว ต่อไปนี้ ให้คนที่มีภรรยาเป็นเหมือนคนที่ไม่มี . . . ให้คนที่ใช้ประโยชน์จากโลกนี้เป็นเหมือนคนที่ไม่ใช้อย่างเต็มที่—1 คร. 7:29-31
พวกเรามีชีวิตอยู่ในตอนท้าย ๆ ของ “สมัยสุดท้าย” ซึ่งเป็น “ช่วงเวลาวิกฤติที่มีแต่ความยุ่งยากลำบาก” (2 ทธ. 3:1-5) นี่เป็นเหตุผลที่เราต้องมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระยะโฮวาเพื่อจะได้รับการปกป้องจากอิทธิพลที่ไม่ดีของโลก ในข้อคัมภีร์วันนี้ เปาโลไม่ได้บอกให้ทอดทิ้งหรือไม่ใส่ใจคู่สมรส แต่เนื่องจากเรามีชีวิตอยู่ในสมัยสุดท้าย เราจึงต้องให้ความสำคัญกับการรับใช้พระยะโฮวาก่อน (มธ. 6:33) ในสมัยที่ยุ่งยากนี้ เราเห็นชีวิตคู่ของหลายคนล้มเหลว ดังนั้น เป็นไปได้จริง ๆ ไหมที่เราจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุขและประสบความสำเร็จ? ได้สิ ถ้าเราใกล้ชิดกับพระยะโฮวาและผู้รับใช้ของพระองค์เสมอ พยายามใช้หลักการในคัมภีร์ไบเบิล และทำตามการชี้นำของพลังบริสุทธิ์ของพระยะโฮวา เมื่อเราทำอย่างนี้เราก็จะให้เกียรติ “สิ่งที่พระเจ้าผูกไว้คู่กันแล้ว”—มก. 10:9 ห16.08 2:17, 18
วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม
ให้เอาใจใส่ฝูงแกะของพระเจ้า—1 ปต. 5:2
มีความจำเป็นที่ต้องฝึกพี่น้องชายให้เป็นผู้ดูแลที่บำรุงเลี้ยงพี่น้องในประชาคม เปาโลบอกทิโมธีว่า “สิ่งต่าง ๆ ที่คุณได้ยินจากผมซึ่งมีหลายคนเป็นพยานยืนยันนั้น ให้มอบไว้กับคนที่ซื่อสัตย์ซึ่งมีความสามารถพอที่จะสอนคนอื่นได้” (2 ทธ. 2:1, 2) ทิโมธีได้เรียนหลายอย่างจากเปาโลที่เป็นทั้งผู้ดูแลและอัครสาวก เขาได้เรียนวิธีประกาศให้ดีขึ้นและวิธีช่วยคนอื่นในประชาคม (2 ทธ. 3:10-12) เปาโลให้เวลากับทิโมธีเพราะเขาอยากฝึกทิโมธี (กจ. 16:1-5) ผู้ดูแลก็สามารถเลียนแบบเปาโลโดยพาผู้ช่วยงานรับใช้ที่มีคุณวุฒิไปเยี่ยมบำรุงเลี้ยงด้วยในบางครั้ง เมื่อทำอย่างนี้ ผู้ช่วยงานรับใช้จะได้เรียนจากผู้ดูแลเกี่ยวกับวิธีสอนคนอื่น วิธีแสดงความรักและความอดทน และวิธีที่จะพึ่งพระยะโฮวาตอนที่ดูแลฝูงแกะของพระองค์—ห16.08 4:16, 17
วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม
อย่าให้มือของคุณอ่อนไป—ศฟย. 3:16, ฉบับคิงเจมส์
คัมภีร์ไบเบิลภาษาเดิมยังมีสำนวนที่พูดถึงบางคนว่า “มืออ่อนแรง” ซึ่งหมายความว่าคนนั้นไม่มีกำลังใจ รู้สึกท้อแท้ หมดหวัง (2 พศ. 15:7, ฮบ. 12:12) คุณอาจอยากยอมแพ้ ถ้าเป็นอย่างนั้น เราทุกคนอยู่ในโลกชั่วที่ซาตานควบคุม เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เราถูกกดดันหลายอย่างเหลือเกินในชีวิต ความกังวลทำให้เรารู้สึกห่อเหี่ยวและหมดกำลังใจ ไม่อยากก้าวต่อไป เหมือนกับสมอเรือที่ยึดเรือไม่ให้แล่นไปข้างหน้า (สภษ. 12:25) มีอะไรบ้างที่อาจทำให้คุณรู้สึกกังวล? คุณอาจเสียใจเพราะคนในครอบครัวหรือเพื่อนที่คุณรักตายจากไป คุณอาจต้องทนกับปัญหาสุขภาพหรือการต่อต้าน หรือคุณอาจต้องทำงานปากกัดตีนถีบเพื่อจะหาเลี้ยงครอบครัวในสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ยิ่งเวลาผ่านไป ความเครียดก็อาจทำให้คุณหมดแรงและถึงขั้นที่ทำให้คุณไม่มีความสุข แต่ถึงอย่างนั้น คุณมั่นใจได้ว่าพระเจ้าพร้อมจะช่วยคุณ—อสย. 41:10, 13 ห16.09 1:2, 4
วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม
ผมจะเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์อย่างกระตือรือร้น—สด. 119:32
เพราะเราไม่สมบูรณ์แบบ เราอาจต้องสู้กับความต้องการผิด ๆ บางคนต้องสู้กับความคิดในแง่ลบเกี่ยวกับงานรับใช้ ส่วนบางคนก็สู้กับปัญหาสุขภาพหรือความเหงา และยังมีคนอื่นที่รู้สึกว่ายากที่จะยกโทษให้คนที่เคยทำเขาเจ็บ เขาก็ต้องสู้ด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าเราจะรับใช้มานานแค่ไหนแล้ว พวกเราก็ต้องสู้กับบางอย่างที่ทำให้ยากที่จะรับใช้พระยะโฮวาพระเจ้าที่ให้รางวัลทุกคนที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ ถ้าคุณเป็นอย่างนั้น ขอให้อธิษฐานขอพลังบริสุทธิ์จากพระยะโฮวา การอธิษฐานและพลังบริสุทธิ์สามารถช่วยคุณให้มีกำลังที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องและจะได้รับพรจากพระเจ้า ขอคุณตั้งใจจริง ๆ ที่จะใช้ชีวิตสอดคล้องกับการอธิษฐานของคุณ พยายามอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวันและจัดเวลาเป็นประจำเพื่อศึกษาส่วนตัวและนมัสการประจำครอบครัว—สด. 119:32 ห16.09 2:10, 11
วันพุธที่ 16 พฤษภาคม
ความเชื่อ . . . เป็นความแน่ใจเพราะมีหลักฐานชัดเจนว่าสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นมีจริง—ฮบ. 11:1
บางคนอาจมาบอกคุณว่า “ฉันเชื่อเรื่องวิวัฒนาการเพราะพวกนักวิทยาศาสตร์บอกว่าเป็นเรื่องจริง เธอเชื่อเรื่องพระเจ้าไปได้ยังไงทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้า?” หลายคนคิดอย่างนี้ ก็จริงที่ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าหรือเห็นตอนที่สิ่งต่าง ๆ ถูกสร้างขึ้น (ยน. 1:18) แล้วคนที่เชื่อเรื่องวิวัฒนาการล่ะ? พวกเขาก็เชื่อในสิ่งที่พวกเขาเองก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน ไม่มีนักวิทยาศาสตร์หรือมนุษย์คนไหนเคยเห็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งวิวัฒนาการไปเป็นอีกชนิดหนึ่ง ตัวอย่างเช่น เราเคยเห็นสัตว์เลื้อยคลานวิวัฒนาการไปเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไหม? หรือเคยเห็นงูกลายเป็นช้างไหม? (โยบ 38:1, 4) ดังนั้น พวกเราทุกคนต้องดูที่ข้อเท็จจริง ต้องคิดอย่างละเอียด และคิดว่าสิ่งเหล่านั้นช่วยเราให้ได้ข้อสรุปอะไร เปาโลบอกว่า “ถึงแม้พระเจ้าเป็นผู้ที่มนุษย์มองไม่เห็น แต่เมื่อมนุษย์สังเกตสิ่งที่พระองค์สร้างไว้ ก็จะเห็นคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์อย่างชัดเจนตั้งแต่การสร้างโลกเป็นต้นมา ทั้งความเป็นพระเจ้าและฤทธิ์อำนาจถาวรของพระองค์ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีข้อแก้ตัว”—รม. 1:20 ห16.09 4:4
วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม
อย่าลืมแสดงน้ำใจต้อนรับแขก—ฮบ. 13:2
พระยะโฮวาดูแลเอาใจใส่คนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอิสราเอล ตัวอย่างเช่น พระองค์ให้มีกฎหมายที่อนุญาตให้พวกเขาเก็บข้าวตกหรือเก็บผลไม้ที่เหลือค้างอยู่บนต้นได้ (ลนต. 19:9, 10) แทนที่พระยะโฮวาจะแค่สั่งให้ชาวอิสราเอลให้เกียรติคนต่างชาติ พระองค์เตือนพวกเขาให้คิดถึงความรู้สึกตอนที่เขาเคยเป็นคนต่างชาติ (อพย. 23:9) ตั้งแต่ตอนที่ชาวอิสราเอลย้ายไปอยู่ที่อียิปต์ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นพวกเขายังไม่ได้ตกเป็นทาส แต่ชาวอียิปต์ก็ไม่ชอบชาวอิสราเอลเพราะพวกเขาทำตัวไม่เหมือนกับชาวอียิปต์ (ปฐก. 43:32; 46:34; อพย. 1:11-14) ชาวอิสราเอลต้องมีชีวิตที่ยากลำบากตอนที่พวกเขาเป็นคนต่างชาติในประเทศอื่น พระยะโฮวาอยากให้พวกเขาคิดถึงความรู้สึกนั้นเพื่อที่พวกเขาจะทำดีกับคนต่างชาติที่อยู่ด้วยกันกับเขา (ลนต. 19:33, 34) พระยะโฮวาไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้น ถ้ามีคนต่างชาติหรือคนต่างด้าวมาที่ประชาคมของเรา เราก็ไม่ลืมว่าพระยะโฮวายังอยากให้เราต้อนรับพวกเขาอย่างดี (ฉธบ. 10:17-19; มลค. 3:5, 6) ลองคิดดูว่าคนต่างชาติหรือคนต่างด้าวต้องเจอกับปัญหาอะไรบ้าง เช่น พวกเขาอาจไม่เข้าใจภาษาและอาจถูกเอารัดเอาเปรียบ ดังนั้น ขอเราพยายามช่วยพวกเขาและทำดีกับพวกเขา—1 ปต. 3:8 ห16.10 1:3-5
วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม
ร่างกายที่ไม่มีลมหายใจก็ตายแล้ว ความเชื่อที่ไม่มีการกระทำก็ตายแล้วเหมือนกัน—ยก. 2:26
หนังสือยากอบเขียนว่า “คุณจะแสดงความเชื่อให้ฉันเห็นได้อย่างไร ถ้าคุณไม่มีการกระทำที่ดี? แต่ฉันจะแสดงความเชื่อให้คุณเห็นโดยการกระทำที่ดีของฉัน” (ยก. 2:18) ยากอบอธิบายว่าเพื่อเราจะมีความเชื่อแท้ เราต้องไม่ใช่แค่เชื่อ พวกปีศาจก็เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง แต่พวกมันไม่ได้เชื่อในพระยะโฮวา แต่กลับต่อต้านพระองค์ด้วยซ้ำ (ยก. 2:19, 20) ดังนั้น ถ้าใครคนหนึ่งบอกว่ามีความเชื่อ เขาจะต้องทำให้พระเจ้าพอใจโดยการทำสิ่งที่ดี อับราฮัมเองก็ทำอย่างนั้น ยากอบเขียนว่า “พระเจ้าถือว่าอับราฮัมพ่อของเราเป็นที่ยอมรับของพระองค์ก็เพราะการกระทำของเขาไม่ใช่หรือ คือตอนที่เขาถวายอิสอัคลูกชายบนแท่นบูชา? เห็นไหมว่าอับราฮัมแสดงความเชื่อโดยการกระทำ และการกระทำนั้นทำให้ความเชื่อของเขาสมบูรณ์ครบถ้วน” (ยก. 2:21-23) ยากอบเน้นว่าความเชื่อที่ไม่มีการกระทำก็ไม่มีประโยชน์ดังที่เห็นในข้อคัมภีร์วันนี้ ห16.10 4:8
วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม
พระองค์ใส่ความคิดเรื่องการมีชีวิตตลอดไปไว้ในใจมนุษย์—ปญจ. 3:11
นักวิทยาศาสตร์หลายคนใช้สิ่งต่าง ๆ ที่พวกเขาได้เรียนเกี่ยวกับเอกภพและโลกเพื่อทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่สามารถตอบคำถามที่สำคัญหลายข้อ เช่น นักดาราศาสตร์ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเอกภพเกิดขึ้นมาได้อย่างไร หรือทำไมจึงมีมนุษย์ พืช และสัตว์ต่าง ๆ มากมายบนโลก นอกจากนั้น ผู้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถอธิบายว่าทำไมมนุษย์จึงไม่อยากตายแต่อยากมีชีวิตอยู่ตลอดไป เหตุผลหนึ่งที่ผู้คนไม่รู้คำตอบของคำถามเหล่านี้ก็คือ พวกนักวิทยาศาสตร์และคนอื่น ๆ บอกว่าไม่มีพระเจ้า พวกเขาสนับสนุนเรื่องวิวัฒนาการ แต่จริง ๆ แล้วพระเจ้าให้คำตอบในคัมภีร์ไบเบิลหนังสือของพระองค์ พระยะโฮวาตั้งกฎต่าง ๆ ในธรรมชาติ กฎเหล่านั้นไม่เปลี่ยนแปลง คนที่เป็นช่างไฟฟ้า ช่างประปา วิศวกร นักบิน หมอผ่าตัด และคนอื่น ๆ ก็พึ่งกฎเหล่านั้นตอนที่พวกเขาทำงาน ห16.11 2:4, 5
วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม
ที่เรามีชีวิตอยู่และเคลื่อนไหวไปมาได้ก็เพราะ [พระเจ้า]—กจ. 17:28
มีเหตุผลมากมายที่เราควรขอบคุณพระยะโฮวา เหตุผลหนึ่งก็คือ “ที่เรามีชีวิตอยู่และเคลื่อนไหวไปมาได้ก็เพราะพระองค์” นอกจากนั้น พระองค์ยังให้คัมภีร์ไบเบิลหนังสือของพระองค์กับเรา เรารู้สึกเหมือนกับคริสเตียนในเมืองเธสะโลนิกา เรารักของขวัญนี้เพราะมันเป็นคำสอนที่มาจากพระองค์ (1 ธส. 2:13) คัมภีร์ไบเบิลได้ช่วยพวกเราให้เข้าไปใกล้ชิดกับพระเจ้า และให้พระองค์เข้ามาใกล้ชิดกับเรา (ยก. 4:8) เรารู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่พระเจ้าผู้เป็นพ่อได้เชิญพวกเราให้มาเป็นส่วนหนึ่งขององค์การของพระองค์ เรารู้สึกเหมือนกับผู้เขียนหนังสือสดุดีที่บอกว่า “ขอให้ขอบคุณพระยะโฮวา เพราะพระองค์ดีจริง ๆ พระองค์มีความรักที่มั่นคงตลอดไป” (สด. 136:1) จริง ๆ แล้ว ถ้าเราอ่านหนังสือสดุดีบท 136 เราจะเห็นประโยคที่บอกว่า “พระองค์มีความรักที่มั่นคงตลอดไป” อยู่ในทุกข้อของบทนี้ ถ้าเราซื่อสัตย์ภักดีต่อพระยะโฮวาและทำตามการชี้นำที่พระองค์ให้ผ่านทางองค์การของพระองค์ พระองค์จะให้เรามีชีวิตตลอดไป และจะซื่อสัตย์ภักดีต่อเราตลอดไป ห16.11 3:18, 19
วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม
บาปเข้ามาในโลกเพราะคนคนเดียว และความตายเกิดขึ้นเพราะบาปนั้น ความตายจึงลามไปถึงทุกคนเพราะทุกคนเป็นคนบาป—รม. 5:12
มีการใช้ข้อคัมภีร์นี้หลายครั้งในหนังสือคัมภีร์ไบเบิลสอนอะไรจริงๆ? และเรียนคัมภีร์ไบเบิลแล้วได้อะไร? ตอนที่เราศึกษาบท 3, 5 และ 6 กับลูก ๆ และคนอื่น ๆ เราก็มักจะอ่านโรม 5:12 เพื่อช่วยพวกเขาให้เข้าใจว่าทำไมตอนนี้โลกไม่ได้เป็นสวนอุทยาน ทำไมเราต้องมีค่าไถ่ และทำไมเราต้องตาย แต่คุณเคยคิดไหมว่าโรม 5:12 ยังมีประโยชน์อย่างอื่นด้วย? ข้อนี้ช่วยเราทุกคนให้เห็นคุณค่าความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระยะโฮวามากขึ้น ช่วยเราให้ตั้งใจมากขึ้นที่จะทำให้พระองค์พอใจ และช่วยเราให้จดจ่ออยู่กับคำสัญญาของพระเจ้า น่าเศร้าที่พวกเราทุกคนเป็นคนบาป เราทำผิดพลาดกันทุกวัน แต่พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่เมตตา พระองค์รู้ว่าเราไม่สมบูรณ์และเต็มใจให้อภัยเรา (สด. 103:13, 14) พระเยซูเคยบอกไว้ว่า เราต้องขอให้พระเจ้า “ยกโทษให้พวกเราที่ทำบาป” (ลก. 11:2-4) ถ้าพระยะโฮวาให้อภัยความผิดที่เราเคยทำในอดีตแล้ว เราก็ไม่ต้องคิดเรื่องนั้นอีก แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ได้รับประโยชน์เมื่อคิดว่าพระยะโฮวาให้อภัยเราอย่างไร ห16.12 1:1-3
วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม
คนที่ใช้ชีวิตตามความต้องการของร่างกายก็มัวแต่คิดถึงสิ่งที่สนองความต้องการของร่างกาย—รม. 8:5
คริสเตียนในโรมต้องตรวจสอบตัวเองว่าพวกเขาสนใจเรื่องอะไร พวกเขาสนใจแต่ “สิ่งที่สนองความต้องการของร่างกาย” ไหม? ในทุกวันนี้ เราก็ต้องคิดว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต เราชอบคุยเรื่องอะไร? ชอบทำอะไร? พอได้ตรวจสอบตัวเองแล้ว บางคนเพิ่งรู้ว่าตัวเองสนใจแต่จะชิมไวน์ยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ จะแต่งบ้านให้สวย ๆ จะซื้อเสื้อผ้าใหม่ วัน ๆ ก็คิดแต่ว่าจะเอาเงินไปลงทุนอย่างไรดี หรือจะไปกินอะไรดี เที่ยวที่ไหนดี สิ่งเหล่านี้ไม่ผิดอะไรและอาจเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิต พระเยซูเองก็เปลี่ยนน้ำเป็นไวน์ในงานแต่งงาน และเปาโลก็แนะนำทิโมธีให้ดื่มไวน์บ้างเพื่อสุขภาพ (ยน. 2:3-11; 1 ทธ. 5:23) แต่ไวน์ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของพระเยซูกับเปาโล แล้วเราล่ะ? เราสนใจแต่เรื่องอะไร? ห16.12 2:5, 10, 11
วันพุธที่ 23 พฤษภาคม
เราจะไม่มีวันทิ้งเจ้า เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้าเลย—ฮบ. 13:5
คำสัญญาในข้อนี้ของพระยะโฮวาช่วยให้เรามั่นใจมากขึ้นในคำพูดของพระเยซูที่มัทธิว 6:33 ครั้งหนึ่ง อัครสาวกเปโตรเคยถามพระเยซูว่า “พวกผมยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและตามท่านมา แล้วพวกผมจะได้อะไรบ้างครับ?” (มธ. 19:27) พระเยซูไม่ได้ต่อว่าเปโตรที่ถามแบบนี้ แต่ท่านบอกพวกสาวกว่าถ้าพวกเขาเสียสละ พวกเขาก็จะได้รับรางวัล ในอนาคตอัครสาวกและผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์คนอื่น ๆ จะปกครองร่วมกับพระเยซูในสวรรค์ นอกจากนั้น มีรางวัลที่ผู้รับใช้ของพระเจ้าได้รับในตอนนี้ด้วย พระเยซูบอกว่า “ทุกคนที่ยอมสละบ้าน หรือพี่น้อง หรือพ่อแม่ หรือลูก ๆ หรือไร่นาเพื่อติดตามผม เขาจะได้คืน 100 เท่าและจะได้ชีวิตตลอดไปเป็นรางวัลด้วย” (มธ. 19:29) ในทุกวันนี้ คนที่ติดตามพระเยซูทุกคนสามารถมีพ่อแม่ พี่น้อง และลูก ๆ ในประชาคม สิ่งนี้มีค่ามากกว่าอะไรก็ตามที่เราได้เสียสละเพื่อรัฐบาลของพระเจ้า ห16.12 4:4, 5
วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม
ความเชื่อคือความมั่นใจเพราะมีเหตุผลหนักแน่นว่าสิ่งที่หวังไว้จะเกิดขึ้น—ฮบ. 11:1
พระยะโฮวาให้ความหวังดี ๆ กับเรามากมาย พระองค์สัญญาว่าจะทำให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถือ และทำให้ทุกอย่างบนโลกและบนสวรรค์เป็นอย่างที่พระองค์อยากให้เป็น (มธ. 6:9, 10) สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เรารอคอย และพระยะโฮวายังสัญญากับเราด้วยว่าเราจะมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปไม่ว่าจะเป็นชีวิตบนสวรรค์หรือบนโลก นี่เป็นความหวังที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ! (ยน. 10:16; 2 ปต. 3:13) นอกจากนั้น ในสมัยสุดท้าย เรารอคอยที่จะเห็นวิธีที่พระยะโฮวาชี้นำและช่วยเหลือประชาชนของพระองค์ต่อ ๆ ไป คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ความเชื่อคือความมั่นใจเพราะมีเหตุผลหนักแน่นว่าสิ่งที่หวังไว้จะเกิดขึ้น” นี่หมายความว่าคนที่มีความเชื่อมั่นใจอย่างเต็มที่ว่าสิ่งที่พระยะโฮวาสัญญาไว้จะเกิดขึ้นจริง ห16.10 3:1, 2
วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม
ให้ใช้ความสามารถตามขนาดที่ได้รับมาเพื่อรับใช้กัน—1 ปต. 4:10
พระยะโฮวาให้เราแต่ละคนมีพรสวรรค์ ความสามารถ ความชำนาญที่ไม่เหมือนกัน และพระองค์ให้เราเลือกเองว่าจะใช้สิ่งเหล่านี้อย่างไร ถ้าเราเจียมตัว เราก็จะใช้ความสามารถที่พระยะโฮวาให้ในแบบที่พระองค์ต้องการ (รม. 12:4-8) เรารู้ว่าพระยะโฮวาอยากให้เราใช้สิ่งต่าง ๆ นี้เพื่อสรรเสริญพระองค์และช่วยคนอื่น เมื่อเวลาผ่านไป งานมอบหมายหรือหน้าที่รับผิดชอบของเราอาจเปลี่ยนไป ตัวอย่างเช่น ลองคิดถึงงานมอบหมายของพระเยซู ท่านต้องเปลี่ยนงานหลายครั้ง ตอนแรกมีแค่พระเยซูกับพระยะโฮวาเท่านั้น (สภษ. 8:22) ต่อมาพระยะโฮวาให้พระเยซูช่วยสร้างทูตสวรรค์ สร้างเอกภพ และสร้างมนุษย์ (คส. 1:16) จากนั้น พระเยซูก็ถูกส่งมาที่โลก ท่านมาเกิดเป็นทารกและโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ (ฟป. 2:7) หลังจากพระเยซูตาย ท่านกลับไปสวรรค์ พอถึงปี 1914 ท่านก็เป็นกษัตริย์ปกครองในรัฐบาลของพระเจ้า (ฮบ. 2:9) และในอนาคต หลังจากที่พระเยซูปกครองเป็นกษัตริย์ได้ 1,000 ปี ท่านก็จะคืนการปกครองนั้นให้กับพระยะโฮวาเพื่อที่ “พระเจ้าจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับทุกคน”—1 คร. 15:28 ห17.01 3:11, 12
วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม
ขอให้เลือกในวันนี้ว่าจะนมัสการใคร—ยชว. 24:15
เมื่อต้องตัดสินใจเรื่องส่วนตัว ผู้หญิงคนหนึ่งบอกเพื่อนของเธอว่า “เธอไม่ต้องให้ฉันคิดเองได้ไหม บอกมาเลยว่าจะให้ทำอะไร แบบนี้ง่ายกว่าเยอะ” อิสระในการเลือกและตัดสินใจเป็นของขวัญที่มีค่าจากผู้สร้าง แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่เห็นคุณค่าของขวัญนี้ เธออยากให้คนอื่นบอกไปเลยว่าควรทำอะไร แล้วคุณล่ะ? คุณชอบตัดสินใจด้วยตัวเองหรือชอบให้คนอื่นมาตัดสินใจแทนคุณ? คุณมองอิสระในการตัดสินใจนี้อย่างไร? ผู้คนมีความคิดแตกต่างกันเกี่ยวกับอิสระในการตัดสินใจ บางคนบอกว่าเราไม่ได้มีอิสระจริง ๆ เพราะพระเจ้ากำหนดชีวิตของเราไว้หมดแล้ว คนอื่น ๆ อาจบอกว่าเราจะมีอิสระที่แท้จริงก็ต่อเมื่ออิสระนั้นไม่มีขีดจำกัดและไม่มีกรอบหรือไม่มีอะไรมาควบคุม แต่เพื่อจะรู้จริง ๆ ว่าอิสระในการตัดสินใจคืออะไร เราต้องหาคำตอบจากคัมภีร์ไบเบิล คัมภีร์ไบเบิลสอนว่าเราถูกสร้างให้มีทั้งความสามารถและอิสระที่จะตัดสินใจเลือกอย่างฉลาด ห17.01 2:1, 2
วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม
โซโลมอนลูกชายของเราอายุยังน้อยและไม่มีประสบการณ์ . . . ดังนั้น เราจะเตรียมการไว้ให้ลูกของเรา—1 พศ. 22:5
ดาวิดอาจรู้สึกว่าโซโลมอนยังไม่พร้อมที่จะดูแลโครงการที่สำคัญนี้ซึ่งต้องสร้างวิหารของพระเจ้า วิหารนี้ต้อง “ยิ่งใหญ่และสง่างาม” และโซโลมอน “อายุยังน้อยและไม่มีประสบการณ์” แต่ดาวิดรู้ว่าพระยะโฮวาจะช่วยโซโลมอนแน่นอน ดาวิดจึงทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยโซโลมอนเตรียมงานสำหรับโครงการที่ยิ่งใหญ่นี้ เช่นเดียวกัน พี่น้องชายที่อายุมากในทุกวันนี้ไม่ควรหมดกำลังใจถ้าเขาต้องเอางานของเขาไปให้คนที่อายุน้อยกว่าทำแทน เราทุกคนรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คืองานของพระยะโฮวา ดังนั้น การฝึกพี่น้องชายที่อายุน้อยกว่าให้มีหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้นจะช่วยให้งานนี้สำเร็จ ห17.01 5:8, 9
วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม
เราจะให้เจ้ากับผู้หญิงเป็นศัตรูกัน และให้ลูกหลานของเจ้ากับลูกหลานของเธอเป็นศัตรูกัน เขาจะบดขยี้หัวเจ้า—ปฐก. 3:15
ในฐานะกษัตริย์ของรัฐบาลพระเจ้า พระเยซูจะทำลายซาตานและกำจัดปัญหาทั้งหมดที่มันทำให้เกิดขึ้น พระเยซูช่วยสาวกให้เข้าใจว่ารัฐบาลของพระเจ้านั้นสำคัญขนาดไหน ท่านทำอะไร? ทันทีหลังจากที่พระเยซูรับบัพติศมา ท่านก็ “ประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า” ในทุกที่ที่ท่านไป (ลก. 4:43) พระเยซูยังบอกสาวกให้เป็นพยานของท่าน “จนถึงสุดขอบโลก” (กจ. 1:6-8) ในทุกวันนี้ การประกาศเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าทำให้ผู้คนมีโอกาสได้เรียนเรื่องค่าไถ่และมาอยู่ใต้การปกครองของรัฐบาลของพระเจ้า การที่เราช่วยผู้ถูกเจิมประกาศข่าวดีไปทั่วโลกเป็นการแสดงว่าเราซื่อสัตย์ภักดีต่อรัฐบาลของพระเจ้า—มธ. 24:14; 25:40 ห17.02 2:7, 8
วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม
ของขวัญที่พระคริสต์มอบให้มีทั้งอัครสาวก—อฟ. 4:11
ถึงแม้ว่าคณะกรรมการปกครองมีอำนาจในประชาคมคริสเตียน แต่สมาชิกแต่ละคนของคณะกรรมการปกครองรู้ว่าคนที่เป็นผู้นำจริง ๆ แล้วก็คือพระเยซูคริสต์ เรารู้ได้อย่างไร? อัครสาวกเปาโลบอกว่าพระเยซูเป็น “ผู้นำ” ของประชาคม (อฟ. 4:15) คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “สาวกได้ชื่อว่าคริสเตียน . . . ตามการชี้นำจากพระเจ้า” พวกเขาไม่ได้ตั้งชื่อกลุ่มของพวกเขาตามชื่ออัครสาวก แต่ตั้งชื่อตามพระเยซูคริสต์ (กจ. 11:26) เปาโลรู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำตามคำสอนของพวกอัครสาวกและผู้ชายคนอื่น ๆ ที่นำหน้า พวกเขาสอนโดยอาศัยคัมภีร์ไบเบิล แต่เปาโลก็บอกว่า “ผมอยากให้พวกคุณรู้ว่า พระคริสต์เป็นผู้นำของผู้ชายทุกคน” คำว่าผู้ชายทุกคนรวมถึงสมาชิกทุกคนของคณะกรรมการปกครองด้วย จากนั้น เปาโลก็บอกอีกว่า “พระเจ้าเป็นผู้นำของพระคริสต์” (1 คร. 11:2, 3) เห็นได้ชัดว่า พระยะโฮวาแต่งตั้งพระเยซูคริสต์ลูกชายของพระองค์ให้นำหน้าประชาคมคริสเตียน ห17.02 4:7
วันพุธที่ 30 พฤษภาคม
ให้ถือว่าผู้ดูแลที่นำหน้าอย่างดีควรได้รับความนับถือมากเป็นพิเศษ—1 ทธ. 5:17
การให้เกียรติคนอื่นช่วยให้เราไม่เป็นคนเห็นแก่ตัว และช่วยให้เรารักษาความถ่อมตัวเมื่อมีคนให้ความสำคัญกับเรามากเป็นพิเศษ การให้เกียรติคนอื่นอย่างเหมาะสมช่วยป้องกันเราไม่ให้ออกไปจากองค์การถ้าคนที่เรานับถือทำให้เราผิดหวัง ผลดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราจะคิดและทำในแนวเดียวกับสิ่งที่องค์การบอก องค์การนี้ไม่ได้ให้เกียรติกับใครคนใดคนหนึ่งมากเกินไป ไม่ว่าเขาจะเป็นคนที่มีความเชื่อหรือไม่มีความเชื่อ ผลดีที่ยอดเยี่ยมที่สุดถ้าเราให้เกียรติคนอื่นก็คือ เรากำลังทำให้พระยะโฮวาพอใจและทำให้พระองค์สามารถให้คำตอบกับซาตานได้ ซาตานบอกว่าไม่มีใครจะซื่อสัตย์ต่อพระองค์จริง ๆ แต่ถ้าเราให้เกียรติคนอื่นอย่างเหมาะสมก็แสดงว่าเราซื่อสัตย์ต่อพระองค์เพราะเป็นการทำสิ่งที่พระองค์อยากให้เราทำ (สภษ. 27:11) ผู้คนส่วนใหญ่ในโลกไม่เข้าใจวิธีให้เกียรติคนอื่นอย่างเหมาะสม ดังนั้น เราขอบคุณพระยะโฮวาที่ช่วยให้เรารู้วิธีให้เกียรติคนอื่นในแบบที่พระองค์พอใจ ห17.03 1:13, 20, 21
วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม
[เยโฮชาฟัท] ทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าถูกต้อง—2 พศ. 20:32
เยโฮชาฟัทเหมือนกับพ่อของเขา เยโฮชาฟัทกระตุ้นประชาชนให้นมัสการพระยะโฮวาต่อไป เขาส่งพวกผู้ชายไปเมืองต่าง ๆ ในยูดาห์เพื่อสอนประชาชนจาก “หนังสือกฎหมายของพระยะโฮวา” (2 พศ. 17:7-10) เยโฮชาฟัทถึงกับไปหาประชาชนในเขตเทือกเขาของเอฟราอิมซึ่งเป็นเขตของอาณาจักรอิสราเอลทางเหนือ “เพื่อช่วยประชาชนให้กลับมาหาพระยะโฮวาพระเจ้า” (2 พศ. 19:4) ในทุกวันนี้ พระยะโฮวาอยากให้ผู้คนจากทั่วโลกได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์ และเราทุกคนสามารถช่วยกันทำงานนี้ได้ คุณตั้งเป้าที่จะสอนเรื่องพระยะโฮวากับคนอื่นทุกเดือนไหม? คุณอยากจะมีนักศึกษาเพื่อคุณจะได้ช่วยเขาให้มารับใช้พระยะโฮวาเหมือนกับคุณไหม? คุณอธิษฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม? ถ้าคุณออกความพยายาม พระยะโฮวาจะช่วยคุณให้เริ่มการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับใครสักคนได้ คุณเต็มใจเสียสละเวลาพักผ่อนส่วนตัวเพื่อจะมีเวลาสอนคัมภีร์ไบเบิลไหม? เหมือนกับเยโฮชาฟัทที่พยายามช่วยคนอื่นให้กลับมารับใช้พระยะโฮวาอีกครั้ง เราทุกคนก็น่าจะพยายามช่วยคนที่เลิกประกาศ ห17.03 3:10, 11