มิถุนายน
วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน
ผมจะถวายเขาเป็นเครื่องบูชาเผา—วนฉ. 11:31
เยฟธาห์ไม่มีผู้สืบสกุล และไม่มีลูกหลานที่จะรับที่ดินของเขาเป็นมรดก (วนฉ. 11:34) ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น เยฟธาห์ก็ตอบด้วยความเชื่อที่มั่นคงว่า “พ่อสัญญากับพระยะโฮวาไว้แล้ว พ่อจะกลับคำไม่ได้” (วนฉ. 11:35) พระยะโฮวายอมรับเครื่องบูชาที่มีค่าที่เยฟธาห์ถวายและอวยพรเขา คุณมีความเชื่อเหมือนเยฟธาห์ไหม? ตอนที่เราอุทิศชีวิตให้พระยะโฮวา เราปฏิญาณว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะทำทุกอย่างตามความต้องการของพระเจ้า เรารู้ว่าการทำตามคำปฏิญาณไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเสมอไป ดังนั้น เราทำอย่างไรเมื่อถูกขอให้ทำบางสิ่งที่เราไม่ชอบ? ถ้าเราเอาชนะความรู้สึกของตัวเองและเต็มใจเชื่อฟังพระเจ้า เราก็พิสูจน์ว่าเรามีความเชื่อ การเสียสละของเราอาจทำให้เกิดความเจ็บปวด แต่เมื่อเทียบกับการอวยพรที่มาจากพระยะโฮวาแล้ว ก็คุ้มค่ามากกว่าเสมอ—มลค. 3:10 ห16.04 1:11, 14, 15
วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน
คนที่มีหู ขอให้ฟังสิ่งที่พลังของพระเจ้าพูดกับประชาคมต่าง ๆ—วว. 2:7
พระเยซูใช้พลังบริสุทธิ์เพื่อชี้นำประชาคม พลังของพระเจ้าสามารถช่วยเราให้ต้านทานการล่อใจและประกาศอย่างกล้าหาญ พลังนี้ยังช่วยเราให้ตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ อย่างดี นี่เป็นเหตุผลที่เราควรทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อไปประชุมและได้รับพลังของพระเจ้า บ่อยครั้งที่การประชุม เราได้ทบทวนเกี่ยวกับคำพยากรณ์ต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลที่เกิดขึ้นจริง นี่ช่วยเราให้มั่นใจมากขึ้นว่าคำสัญญาต่าง ๆ ของพระยะโฮวาจะเกิดขึ้นจริงในอนาคตด้วย พี่น้องของเราให้กำลังใจเราไม่ใช่แค่ตอนที่เขาบรรยายเท่านั้น แต่ตอนที่พวกเขาออกความเห็น และร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาจากหัวใจไปพร้อม ๆ กับเรา (1 คร. 14:26) และพอเราได้คุยกับพี่น้องทั้งก่อนและหลังการประชุม เรารู้สึกสดชื่นเพราะเรามีเพื่อนหลายคนที่เป็นห่วงเราจริง ๆ—1 คร. 16:17, 18 ห16.04 3:6, 7
วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน
ให้พวกคุณไปสอนคนทุกชาติให้เป็นสาวก—มธ. 28:19
พระเยซูบอกว่าคนที่ติดตามท่านจะประกาศและสอนข่าวดี “ไปทั่วโลก” พวกเขาได้รับคำสั่งให้สอน “คนทุกชาติ” ให้เป็นสาวก (มธ. 24:14) นี่หมายความว่าต้องมีการประกาศข่าวดีไปทั่วโลก พยานพระยะโฮวาเท่านั้นที่ทำให้คำพยากรณ์ของพระเยซูเรื่องการประกาศข่าวดีไปทั่วโลกเกิดขึ้นจริง ทำไมเราถึงพูดได้แบบนั้น? ในสหรัฐอเมริกา มีนักเทศน์ของคริสตจักรประมาณ 600,000 คน แต่มีพยานพระยะโฮวาประมาณ 1,200,000 คนที่ประกาศข่าวดีอยู่ในประเทศนั้น และทั่วโลกมีบาทหลวงคาทอลิกประมาณ 400,000 คน แต่มีพยานพระยะโฮวามากกว่า 8 ล้านคนที่ประกาศข่าวดีใน 240 ดินแดน เห็นได้ชัดว่า พยานพระยะโฮวาประกาศข่าวดีไปทั่วโลก ซึ่งสิ่งนี้ทำให้พระยะโฮวาได้รับการสรรเสริญ—สด. 34:1; 51:15 ห16.05 2:13, 14
วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน
คนโกรธง่ายทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท และคนขี้โมโหทำผิดหลายครั้งหลายหน—สภษ. 29:22
ถ้าเราคิดถึงสภาพการณ์โลกในทุกวันนี้ เราจะเห็นว่าความคิดแบบนั้นทำให้มีแต่ปัญหา ผู้คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าเขามีสิทธิ์ตัดสินเองว่าอะไรถูกอะไรผิด พวกเขาหยิ่งจองหอง เห็นแก่ตัว ชอบแข่งขัน และไม่สนใจว่าการตัดสินใจของเขาจะมีผลกระทบกับคนอื่นอย่างไร (ปฐก. 3:1-5) ความคิดแบบนี้ทำให้คนเราขัดแย้งกัน ตอนที่พระเยซูบรรยายบนภูเขา ท่านสอนสาวกให้รักษาสันติสุขและพยายามไม่ให้มีปัญหากับคนอื่น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องเสียผลประโยชน์ก็ตาม ตัวอย่างเช่น ท่านบอกพวกสาวกให้เป็นคนอ่อนโยน มีสันติสุขกับคนอื่น ไม่เก็บความโกรธ รีบจัดการกับความขัดแย้ง และรักศัตรู—มธ. 5:5, 9, 22, 25, 44 ห16.05 1:4, 5
วันอังคารที่ 5 มิถุนายน
ผมอยากจะทำดี แต่ก็ทำไม่ได้สักที—รม. 7:18
ก่อนรับบัพติศมา พวกเราหลายคนต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่เพื่อจะใช้ชีวิตตามคำสอนในคัมภีร์ไบเบิล แต่ถึงตอนนี้ ก็ยังมีบางอย่างที่เราต้องเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย ๆ เพื่อจะเลียนแบบพระเจ้าและพระคริสต์ให้มากขึ้น (อฟ. 5:1, 2; 1 ปต. 2:21) ตัวอย่างเช่น เราอาจรู้สึกว่าเราเป็นคนขี้บ่น ชอบนินทาและพูดแต่ข้อเสียของคนอื่น หรือบางครั้งเราอาจกังวลเกินไปและกลัวว่าคนอื่นจะมองเราไม่ดี เราอาจพยายามเปลี่ยนมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังทำผิดแบบเดิม ๆ อยู่ ขอจำไว้ว่าเราเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ (คส. 3:9, 10) ดังนั้น ถึงเรารับบัพติศมานานหลายปีแล้ว เราก็ยังทำผิดพลาดอยู่เรื่อย ๆ เราอาจมีความคิดและความต้องการผิด ๆ หรือเราอาจรู้สึกว่ายากที่จะควบคุมนิสัยบางอย่างที่เป็นจุดอ่อนของตัวเราเอง ที่จริง เราอาจต้องสู้กับจุดอ่อนเดิม ๆ เป็นเวลานานหลายปี—ยก. 3:2 ห16.05 4:3-5
วันพุธที่ 6 มิถุนายน
พระยะโฮวารักใคร พระองค์ก็สั่งสอนคนนั้น ที่จริง ทุกคนที่พระองค์รับเป็นลูก พระองค์ก็อบรมสั่งสอนเขาด้วยไม้เรียว—ฮบ. 12:6
บางคนเคยพูดไว้ว่า ‘ฉันไม่เคยเห็นค่าสิ่งที่พ่อแม่อบรมสั่งสอนเลย จนฉันมีลูก’ ยิ่งเราอายุมากขึ้น เราจะเห็นค่าการอบรมสั่งสอนเพราะรู้ว่าสิ่งนี้มาจากความรัก (ฮบ. 12:5, 11) พระยะโฮวารักพวกเราเหมือนลูก พระองค์จึงนวดปั้นหรือสอนเราอย่างอดทน พระองค์อยากให้เราฉลาด มีความสุข และรักพระองค์เหมือนพ่อ (สภษ. 23:15) พระองค์ไม่อยากเห็นเราต้องทนทุกข์และตายอย่างคนบาปที่ไม่กลับใจ (อฟ. 2:2, 3) ก่อนที่เราจะรู้จักพระยะโฮวา เราอาจมีนิสัยที่ไม่ดีหลายอย่าง แต่พระองค์นวดปั้นเราและช่วยเราให้เปลี่ยนแปลงตัวเองจนเรามีนิสัยที่ดีขึ้น—อสย. 11:6-8; คส. 3:9, 10 ห16.06 1:7, 8
วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน
คนที่เป็นใหญ่ที่สุดในรัฐบาลสวรรค์ต้องถ่อมตัวเหมือนเด็กน้อยคนนี้—มธ. 18:4
ตามปกติแล้ว เด็ก ๆ จะถ่อมตัวและอยากเรียนรู้ (มธ. 18:1-3) พ่อแม่จึงน่าจะใช้ช่วงเวลานี้เพื่อช่วยลูกให้เรียนความจริงและรักความจริง (2 ทธ. 3:14, 15) และเพื่อจะทำได้ พ่อแม่เองต้องรักความจริงก่อน และเอาคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลมาใช้ในชีวิตพวกเขา เมื่อพ่อแม่ทำอย่างนี้ ก็ง่ายขึ้นที่ลูกจะรักความจริง และลูกจะเข้าใจว่า ที่พ่อแม่อบรมสั่งสอนก็เพราะพ่อแม่รักพวกเขา และพระยะโฮวาก็รักพวกเขาด้วย เมื่อเราถ่อมตัวและเชื่อฟังพระยะโฮวาเสมอ เราจะมีค่าในสายตาของพระองค์เหมือนดาเนียล (ดนล. 10:11, 19) พระยะโฮวาจะยังคงนวดปั้นเราโดยใช้คัมภีร์ไบเบิล พลังบริสุทธิ์ และองค์การของพระองค์ ห16.06 2:14, 17
วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน
เราพบว่าดาวิดลูกชายของเจสซีเป็นคนที่เราพอใจ—กจ. 13:22
ดาวิดมีคุณลักษณะที่ดีหลายอย่าง พระยะโฮวาจึงรักเขามาก (1 ซม. 13:13, 14) แต่ถึงอย่างนั้นดาวิดก็ทำสิ่งเลวร้ายมาก ตอนที่อุรีอาห์ออกไปสู้รบ ดาวิดมีเพศสัมพันธ์กับบัทเชบาภรรยาของอุรีอาห์ และทำให้เธอท้อง ดาวิดไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาทำอะไรลงไป เขาจึงสั่งให้อุรีอาห์มาหา และพยายามโน้มน้าวเขาให้กลับบ้านโดยหวังว่าอุรีอาห์จะมีเพศสัมพันธ์กับบัทเชบา ใคร ๆ จะได้คิดว่าอุรีอาห์เป็นพ่อของเด็กในท้อง แต่อุรีอาห์ไม่ยอมกลับบ้าน ดาวิดเลยต้องวางแผนให้อุรีอาห์ไปตายในสนามรบ ดาวิดกับราชวงศ์ของเขาต้องรับผลจากบาปร้ายแรงที่เขาก่อขึ้น (2 ซม. 12:9-12) แต่พระยะโฮวาเมตตาและให้อภัยเขา พระองค์รู้ว่าดาวิดอยากทำสิ่งที่ถูกต้อง (1 พก. 9:4) ถ้าคุณมีชีวิตในตอนนั้น คุณจะรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่ดาวิดทำไป? เรื่องนั้นจะทำให้คุณเลิกรับใช้พระยะโฮวาไหม? ห16.06 4:7
วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน
ให้คอยสังเกตและตื่นตัวอยู่เสมอ เพราะคุณไม่รู้ว่าเวลาที่พระเจ้ากำหนดไว้จะมาถึงเมื่อไหร่—มก. 13:33
พยานพระยะโฮวาใส่ใจคำเตือนที่พระเยซูบอก เรารู้ว่าเรากำลังอยู่ใน “สมัยสุดท้าย” และ “ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่” จะเริ่มขึ้นในอีกไม่นาน (ดนล. 12:4; มธ. 24:21) ประชาชนของพระยะโฮวากำลังประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าไปทั่วโลกอย่างที่พระเยซูได้บอกไว้ และในเวลาเดียวกันเราก็เห็นสงคราม โรคภัยไข้เจ็บ แผ่นดินไหว และความหิวโหยในหลายที่ นอกจากนี้ ยังมีความสับสนทางศาสนาและอาชญากรรมกับความรุนแรงมากกว่าแต่ก่อน (มธ. 24:7, 11, 12, 14; ลก. 21:11) ตอนนี้ เรากำลังรอคอยเวลาที่พระเยซูจะมาและจะทำให้ทุกสิ่งเป็นไปตามที่พ่อของท่านต้องการ (มก. 13:26, 27) เราไม่มีทางรู้เลยว่าความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่จะเริ่มขึ้นเมื่อไร ห16.07 2:2-4
วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน
ให้เราเข้าหาและกล้าพูดต่อหน้าบัลลังก์ของพระเจ้าผู้มีความกรุณาที่ยิ่งใหญ่—ฮบ. 4:16
ความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวาทำให้เราสามารถอธิษฐานถึงพระองค์ได้ โดยทางพระเยซู พวกเราสามารถอธิษฐานถึงพระยะโฮวาได้เสมอ นี่ถือเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ! เปาโลบอกว่า “ความเชื่อในพระคริสต์นี่แหละที่ทำให้เรากล้าพูดและอธิษฐานถึงพระเจ้าได้อย่างมั่นใจ” (อฟ. 3:12) เปาโลกระตุ้นเราให้อธิษฐานถึงพระยะโฮวาทุกครั้งที่เราเจอกับปัญหา “เพื่อเราจะได้รับความเมตตาและความกรุณานั้นจากพระองค์เมื่อเราต้องการความช่วยเหลือ” (ฮบ. 4:16ข) เมื่อไรก็ตามที่เราเจอกับปัญหาและความยากลำบากในชีวิต เราสามารถขอให้พระยะโฮวาช่วยเราได้ พระองค์จะตอบคำอธิษฐานของเราทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วพระองค์ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น พระองค์มักใช้พี่น้องชายหญิงเพื่อช่วยเรา พระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของเรา “เราจึงมีความกล้าและพูดได้ว่า ‘พระยะโฮวาเป็นผู้ช่วยเหลือผม ผมจะไม่กลัวอะไร มนุษย์จะทำอะไรผมได้?’”—ฮบ. 13:6 ห16.07 3:12, 13
วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน
ซาราห์เชื่อฟังอับราฮัมและเรียกเขาว่านาย . . . พวกคุณก็เป็นลูก ๆ ของเธอ—1 ปต. 3:6
โนอาห์และลูกชายทั้ง 3 คนมีภรรยาคนเดียว ถึงอย่างนั้น หลังจากน้ำท่วมโลกผู้คนจำนวนมากมีภรรยาหลายคน ในหลายวัฒนธรรมการทำผิดศีลธรรมทางเพศเป็นเรื่องธรรมดา และถึงกับเป็นส่วนหนึ่งของธรรมเนียมทางศาสนาด้วยซ้ำ ตอนที่อับราฮัมกับซาราห์ย้ายไปที่คานาอัน ผู้คนที่อยู่รอบตัวเขาเป็นคนที่ไม่มีศีลธรรม ไม่มองว่าการสมรสเป็นสิ่งสำคัญและไม่ให้เกียรติคู่ของตัวเอง พระยะโฮวาจึงทำลายเมืองโสโดมและโกโมราห์เพราะผู้คนที่นั่นทำผิดศีลธรรมกันอย่างหน้าด้าน ๆ แต่อับราฮัมไม่เหมือนกับพวกเขา อับราฮัมเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี และซาราห์ก็เป็นตัวอย่างที่ดีของภรรยาที่ยอมอยู่ใต้อำนาจ (1 ปต. 3:3-5) อับราฮัมทำทุกอย่างเพื่อจะแน่ใจว่าอิสอัคลูกชายของเขาจะได้แต่งงานกับผู้หญิงที่นมัสการพระยะโฮวา และอิสอัคก็ทำอย่างนี้กับยาโคบลูกชายของเขาเหมือนกัน ในที่สุดลูกชายของยาโคบก็กลายมาเป็นต้นตระกูลของชาติอิสราเอล 12 ตระกูล ห16.08 1:10
วันอังคารที่ 12 มิถุนายน
คนจำนวนน้อยจะเพิ่มเป็นจำนวนพัน คนตัวเล็กจะกลายเป็นชาติใหญ่—อสย. 60:22
ข้อคัมภีร์นี้เกิดขึ้นจริงในสมัยสุดท้ายนี้ ในปี 2015 มีผู้รับใช้ของพระยะโฮวา 8,220,105 คนประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าทั่วโลก พระเจ้าพูดถึงการที่ประชาชนของพระองค์มีจำนวนเพิ่มขึ้นว่า “เรายะโฮวาจะเร่งให้สิ่งนี้เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม” เมื่อเวลาผ่านไปเราก็ยิ่งมีงานที่ต้องทำมากขึ้น เรากำลังทำทุกอย่างที่ทำได้ในงานประกาศและสอนผู้คนเกี่ยวกับข่าวดีไหม? พี่น้องหลายคนกำลังรับใช้เป็นไพโอเนียร์ประจำหรือไพโอเนียร์สมทบ บางคนก็ย้ายไปช่วยประกาศที่อื่น ส่วนอีกหลายคนก็ช่วยในงานสร้างหอประชุม เห็นได้ชัดว่ามี ‘งานของผู้เป็นนายให้ทำมากมาย’ และไม่ใช่สำหรับพี่น้องชายเท่านั้น แต่สำหรับพี่น้องหญิงด้วย—1 คร. 15:58 ห16.08 3:1, 2
วันพุธที่ 13 มิถุนายน
มือของพระยะโฮวาไม่ได้สั้นจนยื่นมาช่วยพวกคุณไม่ได้—อสย. 59:1
ไม่นานหลังจากที่ชาวอิสราเอลถูกปล่อยจากการเป็นทาสของอียิปต์ พวกอามาเลขก็โจมตีพวกอิสราเอล โมเสสบอกโยชูวาผู้ชายที่กล้าหาญให้นำหน้าชาวอิสราเอลในการออกรบ แล้วโมเสสก็พาอาโรนกับเฮอร์ขึ้นไปบนยอดเขาที่อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งจากที่นั่นพวกเขามองเห็นสมรภูมิรบได้อย่างชัดเจน โมเสสทำตามสิ่งที่พระยะโฮวาบอกเพื่อช่วยชาวอิสราเอลให้ชนะสงคราม เขาใช้มือทั้งสองข้างยกไม้เท้าของพระเจ้าเที่ยงแท้ขึ้นฟ้า พอโมเสสยกค้างไว้ พระยะโฮวาก็ให้กำลังกับชาวอิสราเอลและพวกเขาก็ชนะพวกอามาเลข แต่พอโมเสสเมื่อย มือของเขาเริ่มอ่อนแรง เขาจึงเอามือลง พวกอามาเลขก็กลับมาเป็นฝ่ายชนะ อาโรนกับเฮอร์จึงต้องรีบทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยโมเสส พวกเขาทำอะไร? “อาโรนกับเฮอร์ก็เอาหินมาให้เขานั่ง แล้วก็ช่วยยกแขนทั้งสองของโมเสสขึ้นคนละข้าง มือทั้งสองข้างของโมเสสก็ยกอยู่อย่างนั้นจนดวงอาทิตย์ตก” พระยะโฮวาใช้มือที่มีพลังหรือใช้อำนาจของพระองค์ช่วยชาวอิสราเอลให้ชนะสงคราม—อพย. 17:8-13 ห16.09 1:5-7
วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน
เมื่อผมอยากทำสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งชั่วก็อยู่ในตัวผม—รม. 7:21
เปาโลมั่นใจว่าจะชนะการต่อสู้ถ้าเขาอธิษฐานถึงพระยะโฮวา พึ่งความช่วยเหลือที่มาจากพระองค์ และแสดงความเชื่อในเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู แล้วพวกเราล่ะ? เราจะเอาชนะจุดอ่อนของเราได้ไหม? ได้แน่ ๆ ถ้าเราเลียนแบบเปาโลและพึ่งพระยะโฮวาอย่างเต็มที่ ไม่ใช่พึ่งกำลังของตัวเอง และเราต้องมีความเชื่อในค่าไถ่ บางครั้ง พระเจ้ายอมให้สิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับเราเพื่อให้เรามีโอกาสแสดงว่าเราจะจัดการกับเรื่องนั้นอย่างไรและไว้ใจพระองค์แค่ไหน ตัวอย่างเช่น ถ้าเราหรือคนในครอบครัวต้องเจ็บป่วยร้ายแรงหรือเจอกับความไม่ยุติธรรมบางอย่าง เราจะทำอย่างไร? ถ้าเราวางใจพระยะโฮวาเต็มร้อย เราจะขอพลังจากพระองค์ให้ช่วยเรารักษาความซื่อสัตย์ ช่วยเรารักษาความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระองค์ และช่วยเราให้มีความสุขได้ (ฟป. 4:13) ตัวอย่างมากมายของพี่น้องคริสเตียนทั้งในอดีตและในทุกวันนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าการอธิษฐานสามารถให้กำลังและความกล้าที่เราต้องมีเพื่อจะอดทน ห16.09 2:14, 15
วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน
สาวกที่พูดภาษากรีกบ่นต่อว่าสาวกที่พูดภาษาฮีบรู—กจ. 6:1
มีบางอย่างเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษแรก คนยิวที่พูดภาษากรีกเริ่มบ่น พวกเขาบอกว่าพวกแม่ม่ายที่พูดภาษากรีกไม่ได้รับการเอาใจใส่อย่างดีเหมือนแม่ม่ายที่พูดภาษาอื่น เพื่อจะแก้ปัญหานี้ พวกอัครสาวกได้เลือกผู้ชาย 7 คนเพื่อไปดูแลทุกคนให้ได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม พวกอัครสาวกเลือกผู้ชายที่มีชื่อในภาษากรีกซึ่งอาจทำให้แม่ม่ายเหล่านั้นรู้สึกสบายใจกว่า (กจ. 6:2-6) ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ เราทุกคนก็ได้รับผลกระทบอย่างมากจากพื้นเพทางวัฒนธรรมของเรา (รม. 12:2) นอกจากนั้น เราอาจได้ยินเพื่อนบ้าน เพื่อนที่ทำงาน หรือเพื่อนที่โรงเรียนพูดบางอย่างที่ไม่ดีเกี่ยวกับคนที่มีภูมิหลัง เชื้อชาติ หรือสีผิวที่แตกต่างกับเรา ความคิดในแง่ลบแบบนั้นมีผลกับเรามากขนาดไหน? เรามีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อมีคนมาล้อเลียนเชื้อชาติหรือวัฒนธรรมของเรา? ห16.10 1:7, 8
วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน
ถึงแม้พระเจ้าเป็นผู้ที่มนุษย์มองไม่เห็น แต่ . . . ก็จะเห็นคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์อย่างชัดเจน—รม. 1:20
เมื่อเรามองดูธรรมชาติและคิดอย่างละเอียด เราจะเห็นว่าทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ และทั้ง ๆ ที่เรามองไม่เห็นพระเจ้า แต่ “เพราะความเชื่อ เราจึงเข้าใจว่า” มีพระเจ้าผู้สร้างตัวเรา เรารู้ว่าพระองค์มีคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมและมีสติปัญญาที่สูงส่งจริง ๆ (ฮบ. 11:3, 27) เราสามารถเรียนเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่พระเจ้าสร้างโดยการอ่านเกี่ยวกับการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ เราหาข้อมูลเหล่านั้นได้ในเครื่องมือค้นคว้าขององค์การ เช่น ดีวีดีสิ่งทรงสร้างที่น่าพิศวงเผยให้เห็นความล้ำเลิศของพระเจ้า จุลสารมีใครสร้างสิ่งมีชีวิตไหม? จุลสารต้นกำเนิดชีวิต—ห้าคำถามที่น่าคิด และหนังสือพระผู้สร้างผู้ใฝ่พระทัยในตัวคุณมีไหม? นอกจากนั้น ในวารสารตื่นเถิด! ก็มีบทความที่สัมภาษณ์นักวิทยาศาสตร์และคนอื่น ๆ ถึงเหตุผลที่พวกเขาเชื่อว่ามีพระเจ้า และยังมีบทความชุดที่ชื่อว่า “มีผู้ออกแบบไหม?” บทความชุดนี้รวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับสัตว์ เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ และตัวอย่างการประดิษฐ์คิดค้นของพวกนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามเลียนแบบสิ่งมีชีวิต ห16.09 4:4, 5
วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน
พระเจ้าพอใจพวกเขาเพราะมีความเชื่อ—ฮบ. 11:39
ชายหญิงที่ซื่อสัตย์ที่มีชื่อในหนังสือฮีบรูบท 11 รอคอย “ลูกหลาน” ที่พระยะโฮวาสัญญา พวกเขารู้ว่า “ลูกหลาน” คนนี้จะทำลายศัตรูทั้งหมดของพระเจ้าและทำให้โลกเป็นสวนอุทยานอีกครั้ง นอกจากนั้น ผู้รับใช้พระเจ้าเหล่านั้นเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าพระยะโฮวาจะปลุกพวกเขาให้ฟื้นขึ้นจากตาย พวกเขาไม่ได้รอคอยความหวังที่จะฟื้นขึ้นมาอยู่บนสวรรค์ เพราะในตอนนั้นพระเยซูยังไม่ได้ทำให้ความหวังนั้นเกิดขึ้น (กท. 3:16) แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พวกเขารอคอยความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปในโลกที่เป็นสวนอุทยานที่สวยงาม (สด. 37:11; อสย. 26:19; ฮชย. 13:14) บอกเกี่ยวกับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาว่า “คนทั้งหมดนี้ตายไปตอนที่มีความเชื่อ ถึงแม้ยังไม่ได้รับสิ่งที่พระเจ้าสัญญา แต่พวกเขาก็มองเห็นแต่ไกลและรอคอยด้วยความยินดี” พวกเขารอคอยโลกใหม่และคิดจินตนาการว่าตัวเขาเองอยู่ที่นั่น ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้ก็คืออับราฮัม พระเยซูบอกว่าอับราฮัม “ดีใจมากที่รู้ว่าจะได้เห็น . . . วันนั้น” (ยน. 8:56) นอกจากนั้น ก็ยังมีซาราห์ อิสอัค ยาโคบ และผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์อีกหลายคนที่รอคอยเวลาที่รัฐบาลจะปกครองทั่วทั้งโลก ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ “พระเจ้าเป็นผู้ออกแบบและผู้สร้าง”—ฮบ. 11:8-11 ห16.10 3:4, 5
วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน
ให้อธิษฐานต่อ ๆ ไปในทุกโอกาส—อฟ. 6:18
พระยะโฮวาใช้พลังบริสุทธิ์ของพระองค์ช่วยเราให้เข้าใจความจริงเกี่ยวกับพระองค์และลูกของพระองค์ และช่วยเราให้มีความเชื่อในพระองค์ทั้งสองมากขึ้น (ลก. 10:21) เราจะแสดงอย่างไรว่าเราเห็นค่าสิ่งที่พระยะโฮวาทำเพื่อเรา? เราต้องขอบคุณพระองค์เสมอสำหรับการที่พระองค์ยอมให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์โดยทางพระเยซูผู้ซึ่งเป็น “ผู้นำคนสำคัญที่ทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์ครบถ้วน” (ฮบ. 12:2) และเราต้องทำให้ความเชื่อของเราเข้มแข็งอยู่เสมอโดยการอธิษฐานถึงพระยะโฮวาและศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำ (1 ปต. 2:2) เราต้องทำสิ่งต่าง ๆ ที่แสดงให้คนอื่นเห็นว่าเรามีความเชื่อเข้มแข็งในคำสัญญาของพระยะโฮวา ตัวอย่างเช่น เราจะออกไปประกาศเป็นประจำ บอกผู้คนเกี่ยวกับรัฐบาลของพระเจ้าและช่วยพวกเขาให้เป็นสาวกของพระเยซู นอกจากนั้น เราจะ “ทำดีกับทุกคน” เสมอ “โดยเฉพาะกับพี่น้องร่วมความเชื่อของเรา” (กท. 6:10) ไม่ใช่แค่นั้น เราจะพยายาม “ทิ้งลักษณะนิสัยเก่ากับสิ่งต่าง ๆ ที่เคยทำ”—คส. 3:5, 8-10 ห16.10 4:11, 12
วันอังคารที่ 19 มิถุนายน
[พระยะโฮวา] สร้างฟ้าสวรรค์ด้วยสติปัญญา—สด. 136:5
พระยะโฮวาจัดระเบียบเอกภพอย่างน่าทึ่งจริง ๆ นี่ทำให้เรามั่นใจว่าพระองค์อยากให้ผู้รับใช้ของพระองค์นมัสการพระองค์อย่างมีระเบียบ พระยะโฮวาให้คัมภีร์ไบเบิลเพื่อสอนเราเกี่ยวกับวิธีนมัสการพระองค์ การทำตามการชี้นำที่พระเจ้าให้เราทางคัมภีร์ไบเบิลและองค์การของพระองค์เป็นวิธีเดียวที่เราจะมีชีวิตที่มีความสุขความยินดี ชาวอิสราเอลทำตามกฎหมายที่พระเจ้าให้พวกเขา ซึ่งทำให้พวกเขาถูกจัดให้เป็นระเบียบอย่างดี ตัวอย่างเช่น มี “ผู้หญิงที่ได้รับมอบหมายให้รับใช้ตรงทางเข้าเต็นท์เข้าเฝ้า” (อพย. 38:8) หลังจากนั้น กษัตริย์ดาวิดก็จัดระเบียบปุโรหิตและคนเลวีให้ทำงานแต่ละอย่างในวิหาร (1 พศ. 23:1-6; 24:1-3) ประชาคมต่าง ๆ ในศตวรรษแรกก็ถูกจัดระเบียบด้วย ตอนนั้น มีคณะกรรมการปกครองซึ่งเป็นกลุ่มพี่น้องชายที่คอยให้การชี้นำประชาคม ในตอนแรก คนเหล่านี้คือกลุ่มอัครสาวก (กจ. 6:1-6) คณะกรรมการปกครองและคนอื่น ๆ ที่ทำงานใกล้ชิดกับพวกเขาได้รับการชี้นำจากพระยะโฮวาให้เขียนจดหมายแนะนำประชาคมต่าง ๆ—1 ทธ. 3:1-13; ทต. 1:5-9 ห16.11 2:3, 6, 8, 9
วันพุธที่ 20 มิถุนายน
บางคนจะถูกจับไปเป็นเชลย—ยรม. 15:2
ในปี 607 ก่อนคริสต์ศักราช กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่ 2 และกองทัพใหญ่ของบาบิโลนเข้ามาโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม คัมภีร์ไบเบิลบอกว่ากษัตริย์องค์นี้ได้ฆ่าชายหนุ่มด้วยดาบ “เขาไม่สงสารคนหนุ่มหรือหญิงสาว คนแก่หรือคนอ่อนแอ” และในที่สุดเขา “เผาวิหารของพระเจ้าเที่ยงแท้ พังกำแพงกรุงเยรูซาเล็ม เอาไฟเผาป้อมปราการทั้งหมด และทำลายทุกสิ่งที่มีค่า” (2 พศ. 36:17, 19) ชาวยิวไม่น่าจะตกอกตกใจกับการทำลายล้างกรุงเยรูซาเล็มในครั้งนั้น เพราะพระเจ้าได้ส่งพวกผู้พยากรณ์ให้เตือนประชาชนของพระองค์เป็นเวลานานหลายปีแล้วว่า ถ้าพวกเขายังไม่เชื่อฟังพระองค์ พวกเขาก็จะถูกกองทัพบาบิโลนโจมตี หลายคนจะถูกฆ่าด้วยดาบ ส่วนคนอื่น ๆ ที่รอดชีวิตก็จะต้องเป็นเชลยที่บาบิโลน ห16.11 4:1, 2
วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน
บาปเข้ามาในโลกเพราะคนคนเดียว—รม. 5:12
เนื่องจากอาดัมทำบาป มนุษย์ทุกคนจึงไม่สมบูรณ์ มีบาปและต้องตาย นี่ทำให้คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ความตายมีอำนาจเหมือนกษัตริย์เพราะการทำผิดของคนคนเดียว” แต่พระยะโฮวาแสดงความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ พระองค์เตรียมวิธีช่วยมนุษย์ทุกคนให้รอดโดยใช้ “คนคนเดียว คือพระเยซูคริสต์” (รม. 5:12, 15, 17) ‘การเชื่อฟังของคนคนเดียวทำให้คนมากมายเป็นที่ยอมรับของพระเจ้า’ ความกรุณาที่ยิ่งใหญ่จากพระเจ้าสามารถทำให้มนุษย์ “ได้ชีวิตตลอดไปโดยทางพระเยซูคริสต์” (รม. 5:19, 21) ลองคิดดูสิ พระยะโฮวาไม่จำเป็นต้องให้พระเยซูลูกชายของพระองค์เป็นค่าไถ่ก็ได้ แต่พระองค์แสดงความกรุณาที่ยิ่งใหญ่โดยเตรียมวิธีช่วยพวกเราจากบาปและความตาย ในพวกเราไม่มีใครสักคนคู่ควรจะได้รับสิ่งที่พระเจ้าและพระเยซูทำ เรารู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่พระองค์ทั้งสองช่วยให้เราได้รับการอภัยและมีชีวิตตลอดไปได้ ขอให้เราแสดงให้พระเจ้าเห็นว่าเราขอบคุณมากขนาดไหนโดยวิธีที่เราใช้ชีวิตในแต่ละวัน ห16.12 1:1, 6, 7
วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน
การสนใจแต่ความต้องการของร่างกายทำให้คนเราเป็นศัตรูกับพระเจ้า เพราะสิ่งนั้นทำให้คนเราไม่เชื่อฟังกฎหมายของพระเจ้า—รม. 8:7
เปาโลเตือนว่า “การสนใจแต่ความต้องการของร่างกายจะจบลงด้วยความตาย” (รม. 8:6) นี่หมายถึงอะไร? เมื่อเราสนใจและใช้ชีวิตตาม “ความต้องการของร่างกาย” เราก็จะห่างเหินกับพระยะโฮวาและอาจถึงขั้นเสียโอกาสที่จะได้ชีวิตในอนาคต แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้น เพราะคนเราเปลี่ยนกันได้ ลองคิดถึงคริสเตียนคนนั้นในเมืองโครินธ์ที่ทำผิดศีลธรรมทางเพศดูสิ เขาถูกตัดสัมพันธ์ แต่หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยน เขาเลิกใช้ชีวิตตามความต้องการของตัวเอง เลิกทำผิดศีลธรรม และกลับมารับใช้พระยะโฮวาโดยทำสิ่งที่ถูกต้องอีกครั้ง (2 คร. 2:6-8) แม้แต่คนที่ใช้ชีวิตตาม “ความต้องการของร่างกาย” ถึงขนาดนี้ก็ยังสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ ดังนั้น ถ้ามีใครในทุกวันนี้เริ่มปล่อยให้ความต้องการของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการทำตามมาตรฐานของพระยะโฮวา เขาก็สามารถเปลี่ยนได้เหมือนกัน การคิดถึงคำเตือนของเปาโลจะช่วยกระตุ้นเราให้ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเปลี่ยนตัวเอง ห16.12 2:5, 12, 13
วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน
มอบภาระของคุณไว้กับพระยะโฮวาเถอะ แล้วพระองค์จะช่วยคุณ—สด. 55:22
เราได้กำลังใจที่รู้ว่าพระยะโฮวาจะดูแลเราถ้าเรามอบภาระไว้กับพระองค์ เราสามารถเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าพระเจ้า “ทำทุกสิ่งได้มากกว่าที่เราจะขอหรือนึกออกได้” (อฟ. 3:20) พระยะโฮวาไม่ใช่แค่ช่วยตามที่เราขอ แต่ “มากกว่าที่เราจะขอหรือนึกออกได้” เราต้องมีความเชื่อเต็มร้อยในพระยะโฮวาและเชื่อฟังคำแนะนำต่าง ๆ ของพระองค์เพื่อจะได้รับรางวัล โมเสสบอกชาติอิสราเอลว่า “ในแผ่นดินที่พระยะโฮวาพระเจ้าจะยกให้คุณครอบครองเป็นมรดกนั้น พระยะโฮวาจะอวยพรคุณแน่ ๆ ถ้าคุณเชื่อฟังพระยะโฮวาพระเจ้าอย่างเคร่งครัด และตั้งใจทำตามข้อบัญญัติทั้งหมดที่ผมกำลังชี้แจงให้ทราบในวันนี้ เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าจะอวยพรคุณตามที่พระองค์สัญญาไว้” (ฉธบ. 15:4-6) คุณเชื่อมั่นเต็มร้อยไหมว่าพระยะโฮวาจะอวยพรถ้าคุณรับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์ภักดีต่อ ๆ ไป? แน่นอน คุณมีเหตุผลที่จะเชื่อมั่นอย่างนั้นได้ ห16.12 4:8, 9
วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน
พระยะโฮวา . . . เลือกคุณให้เป็นประชาชนของพระองค์ เป็นชนชาติพิเศษของพระองค์—ฉธบ. 7:6
พระองค์มีเหตุผลที่เลือกอย่างนั้น พระยะโฮวาอยากรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับอับราฮัมเพื่อนของพระองค์ (ปฐก. 22:15-18) นอกจากนั้น พระยะโฮวาใช้อิสระในการตัดสินใจของพระองค์ด้วยความรักและยุติธรรมเสมอ เราเห็นเรื่องนี้ได้จากวิธีที่พระองค์อบรมสั่งสอนชาวอิสราเอลตอนที่พวกเขาไม่เชื่อฟัง พอชาวอิสราเอลเสียใจจริง ๆ กับสิ่งที่พวกเขาทำ พระยะโฮวาก็เลือกที่จะแสดงความรักความเมตตา พระองค์บอกว่า “เราจะเยียวยารักษาเขาไม่ให้กลับไปเป็นคนไม่ซื่อสัตย์อีก เราจะรักเขาจากใจ” (ฮชย. 14:4) พระยะโฮวาวางตัวอย่างที่ดีให้กับเรา พระองค์เลือกใช้อิสระในการตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์ของคนอื่น พระยะโฮวาเลือกที่จะสร้างทูตสวรรค์และมนุษย์โดยให้พวกเขามีอิสระที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง พระเยซูเป็นผู้แรกที่พระยะโฮวาสร้าง พระยะโฮวาสร้างท่านตามแบบพระองค์และให้ท่านมีอิสระที่จะตัดสินใจ (คส. 1:15) พระเยซูใช้อิสระนั้นอย่างไร? ก่อนมาบนโลก พระเยซูเลือกที่จะรักษาความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระเจ้าและไม่เข้าร่วมกับซาตานและทูตสวรรค์ที่กบฏ ห17.01 2:3, 4
วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน
พระเจ้าไม่ทำสิ่งที่ชั่ว พระองค์จึงไม่มีวันลืมงานที่พวกคุณทำและความรักที่พวกคุณมีต่อชื่อของพระองค์—ฮบ. 6:10
หน้าที่รับผิดชอบของเราอาจเปลี่ยนไปเพราะสภาพการณ์ในชีวิตของเราเปลี่ยนไป เราอาจทำได้มากขึ้นหรือทำได้น้อยลง แต่ไม่ว่าเราจะอายุมากหรือน้อย สุขภาพดีหรือไม่ดี พระยะโฮวารู้ว่าเราแต่ละคนจะรับใช้พระองค์แบบไหนถึงจะดีที่สุด พระเจ้าไม่คาดหมายมากกว่าสิ่งที่เราทำได้ และพระองค์เห็นค่าทุกสิ่งที่เราทำเพื่อพระองค์ พระเยซูมีความสุขกับงานมอบหมายทุกอย่างที่พระยะโฮวาให้ท่านทำ เราเองก็น่าจะรู้สึกแบบนั้นด้วย (สภษ. 8:30, 31) คนที่เจียมตัวจะพอใจกับงานมอบหมายหรือหน้าที่รับผิดชอบที่เขาได้รับในประชาคม เขาจะไม่มัวแต่สนใจว่าคนอื่นได้งานมอบหมายอะไร แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เขาพอใจกับบทบาทของตัวเองในองค์การของพระเจ้า เขามองว่าหน้าที่มอบหมายที่เขาได้รับนั้นมาจากพระยะโฮวา และเขารู้ว่าพระองค์ก็ให้คนอื่นมีบทบาทบางอย่างด้วยเหมือนกัน ดังนั้น เขานับถือบทบาทของคนอื่นและมีความสุขที่ได้สนับสนุนคนอื่นให้ทำหน้าที่อย่างดี—รม. 12:10 ห17.01 3:13, 14
วันอังคารที่ 26 มิถุนายน
เขาเป็นเหมือนลูกผม เขารับใช้ร่วมกับผมในการประกาศข่าวดี—ฟป. 2:22
บางครั้งพี่น้องชายที่อายุน้อยกว่าก็ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าพี่น้องชายที่มีอายุและประสบการณ์มากกว่า เป็นเรื่องฉลาดที่คนที่อายุน้อยจะเรียนจากคนที่อายุมาก ทิโมธีอายุน้อยกว่าอัครสาวกเปาโลมากแต่พวกเขาก็ทำงานด้วยกันหลายปี เปาโลบอกพี่น้องในเมืองโครินธ์ว่า “ผมส่งทิโมธีไปหาพวกคุณ เขาเป็นเหมือนลูกรักของผมและซื่อสัตย์ในการรับใช้ผู้เป็นนาย เขาจะช่วยเตือนพวกคุณว่าผมรับใช้พระคริสต์เยซูอย่างไร” (1 คร. 4:17) จากข้อนี้ เราเห็นได้ชัดว่าเปาโลกับทิโมธีร่วมงานกันและสนับสนุนกันเป็นอย่างดี เปาโลให้เวลากับทิโมธี เขาสอนทิโมธี ส่วนทิโมธีก็พยายามเรียนจากเปาโล เปาโลรักทิโมธีมากและมั่นใจว่าเขาจะดูแลพี่น้องในเมืองโครินธ์ได้เป็นอย่างดี ผู้ดูแลสามารถเลียนแบบอัครสาวกเปาโลเมื่อฝึกพี่น้องชายคนอื่นให้นำหน้าในประชาคม ห17.01 5:13, 14
วันพุธที่ 27 มิถุนายน
ความหวังของผมก็คือทั้งคนดีและคนชั่วจะฟื้นขึ้นจากตาย—กจ. 24:15
พระยะโฮวาเป็นผู้ให้ชีวิต ตอนที่พระองค์ปลุกคนตายให้ฟื้น พระองค์ก็เป็นเหมือนพ่อของพวกเขา (สด. 36:9) ในตัวอย่างการอธิษฐาน พระเยซูเรียกพระยะโฮวาว่าเป็น “พ่อของพวกเราในสวรรค์” (มธ. 6:9) พระยะโฮวาให้พระเยซูทำหน้าที่ปลุกคนตายให้ฟื้นซึ่งเป็นงานที่สำคัญมาก พระเยซูบอกว่า “ผมคือคนที่ปลุกคนตายให้ฟื้นและให้เขามีชีวิต” (ยน. 6:40, 44; 11:25) พระเยซูยังบอกด้วยว่า “ทุกคนที่ทำสิ่งที่พระเจ้าอยากให้ทำ ก็เป็นพี่น้องและเป็นแม่ของผม” (มก. 3:35) พระเจ้าอยากให้คนจากทุกชาติทุกภาษาเข้ามานมัสการพระองค์ พวกเขาเป็น “ชนฝูงใหญ่ที่ไม่มีใครนับจำนวนได้” พวกเขามีความเชื่อในค่าไถ่และต้องการเชื่อฟังพระเจ้า และพวกเขาสรรเสริญพระองค์ว่า “ความรอดมาจากพระเจ้าของเราผู้นั่งบนบัลลังก์ และมาจากลูกแกะของพระองค์”—วว. 7:9, 10 ห17.02 2:10, 11
วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน
ให้คิดถึงคนที่นำหน้าในหมู่พวกคุณ—ฮบ. 13:7
เพื่อจะช่วยคนอื่น ๆ รวมทั้งคนที่พูดภาษาอื่นให้นมัสการพระเจ้าในแบบที่ตรงกับที่คัมภีร์ไบเบิลบอก ดังนั้น จึงมีการตั้งสมาคมไซโอนส์ว็อชเทาเวอร์แทร็กต์อย่างถูกต้องตามกฎหมายในปี 1884 และชาลส์ เทซ รัสเซลล์ทำหน้าที่เป็นนายกสมาคม พี่น้องรัสเซลล์ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอย่างละเอียด เขาไม่กลัวที่จะบอกคนอื่นว่าคำสอนต่าง ๆ ของโบสถ์ไม่ได้ตรงตามคัมภีร์ไบเบิล เช่นคำสอนเกี่ยวกับตรีเอกานุภาพและจิตวิญญาณอมตะ เขาเข้าใจด้วยว่าการประทับของพระเยซูจะเป็นแบบมองไม่เห็น และ “ช่วงเวลาของคนต่างชาติ” จะจบลงในปี 1914 (ลก. 21:24) พี่น้องรัสเซลล์สละเวลา กำลัง และทรัพย์สินเงินทองเพื่อสอนความจริงกับคนอื่น เห็นได้ชัดว่าพระยะโฮวาและพระเยซูใช้พี่น้องรัสเซลล์ให้นำหน้าในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ในประวัติศาสตร์ พี่น้องรัสเซลล์ไม่อยากให้ใครมาสนใจที่ตัวเขามากเกินไป ในปี 1896 เขาเขียนว่าทั้งตัวเขาและพี่น้องคนอื่นที่นำหน้าไม่ต้องการให้ใครมายกย่อง พวกเขาไม่อยากมีตำแหน่งพิเศษ ไม่อยากให้คนกลุ่มไหนตั้งชื่อตามพวกเขา เขาพูดอีกว่า “นี่ไม่ใช่งานของมนุษย์” ห17.02 4:8, 9
วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน
สติปัญญาทำให้คนฉลาดเข้าใจทางที่เขาเดิน—สภษ. 14:8
เราทุกคนต้องเลือกและตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ในชีวิต การตัดสินใจบางเรื่องสำคัญมาก บางเรื่องก็ไม่ค่อยสำคัญ ถึงอย่างนั้น การตัดสินใจหลายอย่างมีผลอย่างมากกับชีวิตของเรา ถ้าเราตัดสินใจถูก ชีวิตก็จะราบรื่นและไม่ค่อยเจอปัญหา แต่ถ้าเราตัดสินใจผิด ชีวิตก็จะมีแต่ปัญหาและความผิดหวัง อะไรจะช่วยเราให้ตัดสินใจอย่างถูกต้องและฉลาด? เราต้องมีความเชื่อในพระเจ้า ต้องวางใจว่าพระองค์อยากช่วยเรา และพระองค์จะให้สติปัญญาที่จำเป็นเพื่อเราจะตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง นอกจากนั้น เรายังต้องมีความเชื่อในคัมภีร์ไบเบิล วางใจในคำแนะนำของพระเจ้า (ยก. 1:5-8) ยิ่งเราใกล้ชิดกับพระยะโฮวาและรักคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้น เราก็จะเชื่อมั่นว่าพระเจ้ารู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับเรา และเราจะค้นคว้าข้อมูลในคัมภีร์ไบเบิลก่อนที่จะตัดสินใจ ห17.03 2:2, 3
วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน
พวกเรา . . . ได้แต่รอให้พระองค์ช่วย—2 พศ. 20:12
เยโฮชาฟัทเป็นเหมือนกับอาสาพ่อของเขา เขาพึ่งพระยะโฮวาตอนที่มีกองทัพใหญ่บุกเข้ามาโจมตียูดาห์ (2 พศ. 20:2-4) ถึงเยโฮชาฟัทจะกลัวแต่เขาก็ขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา ในคำอธิษฐานเขายอมรับว่าไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้ เขายังบอกด้วยว่าเขาและประชาชนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี แต่เยโฮชาฟัทมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยเขา เขาอธิษฐานดังข้อคัมภีร์วันนี้ เหมือนกับเยโฮชาฟัท บางครั้งเราอาจไม่รู้ว่าจะรับมือกับปัญหาที่เราเจออย่างไรดี และเราอาจกลัวด้วยซ้ำ (2 คร. 4:8, 9) แต่คุณจำได้ไหมว่าเยโฮชาฟัททำอะไร? เขาอธิษฐานต่อหน้าประชาชนและบอกพระยะโฮวาว่าตัวเขาและประชาชนรู้สึกอ่อนแอมากขนาดไหน (2 พศ. 20:5) พี่น้องที่เป็นหัวหน้าครอบครัวสามารถเลียนแบบเยโฮชาฟัท เมื่อมีปัญหาคุณน่าจะอธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยคุณกับครอบครัวให้รู้ว่าควรทำอะไร และขอให้มีกำลังพอที่จะรับมือกับปัญหาได้ อย่าอายที่จะอธิษฐานให้ครอบครัวคุณได้ยินว่าคุณพูดอะไรบ้าง พวกเขาจะได้รู้ว่าคุณวางใจพระยะโฮวามากแค่ไหน จำไว้ว่าพระเจ้าได้ช่วยเยโฮชาฟัท และพระองค์ก็จะช่วยคุณเหมือนกัน ห17.03 3:12, 13