สิงหาคม
วันพุธที่ 1 สิงหาคม
ให้อดทนจนถึงที่สุดเพราะนั่นจะเป็นการฝึกตัวคุณ เพื่อพวกคุณจะเป็นคนดีพร้อมไม่ขาดตกบกพร่องเลย—ยก. 1:4
ลองนึกภาพสงครามที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยระหว่างทหารอิสราเอลกับศัตรูของพวกเขา กิเดโอนนำทัพทหารอิสราเอลไล่ตามพวกมีเดียนและพรรคพวกตลอดทั้งคืนซึ่งมีระยะทางประมาณ 32 กิโลเมตร! ชาวอิสราเอลต้องสู้ให้ถึงที่สุด กิเดโอนกับคนของเขาจึงไล่ตามพวกศัตรูและในที่สุดก็เอาชนะได้ (วนฉ. 7:22; 8:4, 10, 28) พวกเราก็เหมือนกัน เราต้องต่อสู้ในสงครามที่เหน็ดเหนื่อย ศัตรูของพวกเราคือซาตาน โลกของมัน และความไม่สมบูรณ์ของตัวเรา บางคนได้ต่อสู้กับศัตรูเหล่านี้เป็นเวลานานหลายสิบปีและเอาชนะหลายต่อหลายครั้งด้วยความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา ถึงอย่างนั้น เราก็ยังไม่ชนะขั้นเด็ดขาด บางครั้งเราอาจเหนื่อยที่ต้องต่อสู้ หรือเราอาจเหนื่อยที่ต้องรอว่าเมื่อไรโลกชั่วนี้จะถึงจุดจบเสียที พระเยซูเตือนว่าเราต้องเจอกับการทดสอบที่รุนแรง และเจอกับการข่มเหงที่โหดร้ายในสมัยสุดท้ายนี้ แต่ท่านก็ยังบอกอีกว่า ถ้าเราอดทน เราจะชนะได้—ลก. 21:19 ห16.04 2:1, 2
วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม
พวกเขาตั้งใจเรียนสิ่งที่พวกอัครสาวกสอน มารวมกลุ่มกัน—กจ. 2:42
ที่การประชุม เราได้เรียนคัมภีร์ไบเบิลและให้พระยะโฮวาสอนว่าเราควรทำอะไรและควรใช้ชีวิตอย่างไร (อสย. 30:20, 21) แม้แต่บางคนที่ไม่ได้รับใช้พระยะโฮวา ถ้าพวกเขาได้ไปประชุม พวกเขาก็ยังรู้สึกได้ว่าพระเจ้ากำลังชี้นำพวกเราอยู่จริง ๆ (1 คร. 14:23-25) พระยะโฮวาชี้นำการประชุมโดยทางพลังบริสุทธิ์ของพระองค์ และสิ่งที่เราได้เรียนจากหอประชุมก็มาจากพระองค์ ดังนั้น เมื่อเราไปประชุม เราก็ได้ฟังสิ่งที่พระยะโฮวาสอน ได้รับรู้ว่าพระองค์รักเราแค่ไหน และเราก็จะใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น พระเยซูผู้นำของประชาคมบอกว่า “ถ้ามีสองหรือสามคนประชุมกันที่ไหนในนามของผม ผมจะอยู่กับพวกเขาที่นั่น” (มธ. 18:20) เนื่องจากเป็นผู้นำของประชาคม พระเยซู “เดินอยู่ท่ามกลาง” ประชาคมต่าง ๆ (วว. 1:20-2:1) เห็นได้ชัดว่า พระยะโฮวาและพระเยซูอยู่กับเราและให้กำลังกับเราที่การประชุม คุณคิดว่าพระยะโฮวาจะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้เห็นคุณพยายามทำสุดความสามารถเพื่อจะใกล้ชิดกับพระองค์และพระเยซู? ห16.04 3:13, 14
วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม
อย่าโกรธง่าย—ปญจ. 7:9
พี่น้องหญิงคนหนึ่งทักทายพี่น้องชายสองคนที่งานเลี้ยง แต่วิธีที่เธอทักทายทำให้พี่น้องชายคนหนึ่งโกรธ ตอนที่พี่น้องชายสองคนคุยกันตามลำพัง พี่น้องที่โกรธเริ่มบ่นว่าพี่น้องหญิงคนนั้น แต่พี่น้องชายอีกคนหนึ่งเตือนเขาให้คิดว่าพี่น้องหญิงคนนั้นรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์มา 40 ปีแล้วทั้ง ๆ ที่เธอต้องเจอกับปัญหามากมาย เธอคงไม่ตั้งใจทำให้เขาโกรธแน่ ๆ พี่น้องชายที่โกรธรู้สึกอย่างไร? เขาบอกว่า “ถูกของคุณ” และเขาก็เลือกที่จะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปเลย ประสบการณ์นี้สอนอะไรพวกเรา? ถ้ามีคนมาทำให้เราโกรธหรือรู้สึกไม่ดี เราเลือกได้ว่าจะทำอย่างไร คนที่มีความรักจะให้อภัยเสมอ (สภษ. 10:12; 1 ปต. 4:8) การ “มองข้ามความผิด” เป็นสิ่งที่สวยงามในสายตาของพระเจ้า (สภษ. 19:11) ดังนั้น ถ้าคราวหน้าเกิดมีใครมาพูดหรือทำอะไรที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี ขอให้ถามตัวเองว่า ‘ฉันจะมองข้ามเรื่องนี้ได้ไหม? ฉันต้องเก็บเรื่องนี้ไปคิดจริง ๆ เหรอ?’ ห16.05 1:8, 9
วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม
พระเจ้าเป็นผู้ที่กระตุ้นพวกคุณให้มีทั้งความต้องการและกำลัง—ฟป. 2:13
ใครกำลังประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าในทุกวันนี้? มีแต่พยานพระยะโฮวาเท่านั้น เรารู้ได้อย่างไร? เพราะเราประกาศข่าวสารที่ถูกต้อง คือข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า เราไปหาผู้คนซึ่งเป็นวิธีที่ถูกต้อง เรามีแรงกระตุ้นที่ถูกต้องในการทำงานประกาศ คือความรักที่เรามีให้พระยะโฮวาและเพื่อนบ้าน งานประกาศของเรายังกว้างไกลที่สุดเพราะเราประกาศกับผู้คนจากทุกชาติทุกภาษา และเราจะทำงานนี้ต่อ ๆ ไปจนอวสานมาถึง เป็นเรื่องน่าทึ่งจริง ๆ ที่ได้เห็นประชาชนของพระยะโฮวาทำงานที่สุดยอดนี้ในสมัยสุดท้าย แต่เราจะทำงานทั้งหมดนี้ได้อย่างไร? อัครสาวกเปาโลตอบเราในข้อคัมภีร์วันนี้ ขอพระยะโฮวาให้กำลังที่จำเป็นกับพวกเราเพื่อเราจะประกาศข่าวดีต่อ ๆ ไปให้ดีที่สุด—2 ทธ. 4:5 ห16.05 2:17, 18
วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม
ให้เกลียดสิ่งที่ชั่ว และยึดมั่นกับสิ่งที่ดี—รม. 12:9
ถ้าเราเลือกเชื่อฟังและพยายามทำตามสิ่งที่พระยะโฮวาบอก ก็แสดงว่าเรารักและอยากให้พระองค์พอใจ ซาตานบอกว่าพระยะโฮวาไม่มีสิทธิ์ที่จะปกครอง แต่ถ้าเราเชื่อฟังพระเจ้า เราก็กำลังแสดงให้เห็นว่าเราต้องการให้พระองค์เป็นผู้ปกครองเรา และเรามั่นใจว่าพระเจ้าผู้เป็นพ่อในสวรรค์ของเราเห็นคุณค่าความพยายามทั้งหมดที่เราทำเพื่อจะเชื่อฟังพระองค์ (โยบ 2:3-5; สภษ. 27:11) ถ้าพระยะโฮวาทำให้การควบคุมนิสัยบางอย่างที่เป็นจุดอ่อนของเราเป็นเรื่องง่าย ๆ เราก็ไม่มีโอกาสพิสูจน์ว่าเรารักและซื่อสัตย์ภักดีต่อพระองค์จริง ๆ และไม่มีโอกาสพิสูจน์ว่าเราต้องการให้พระองค์ปกครองเรา พระยะโฮวาบอกว่าเราควร “พยายามอย่างจริงจัง” ที่จะเลียนแบบคุณลักษณะของพระองค์ (2 ปต. 1:5-7; คส. 3:12) และพระองค์คาดหมายให้เราพยายามควบคุมความคิดและความรู้สึก (รม. 8:5) ยิ่งเราพยายามมากที่จะเปลี่ยนแปลง แล้วเราทำได้สำเร็จ เราก็จะยิ่งมีความสุขมาก ห16.05 4:12, 13
วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม
พระยะโฮวา . . . เป็นช่างปั้นหม้อ—อสย. 64:8
ช่างปั้นหม้อที่ชำนาญรู้ว่าเขากำลังปั้นดินเหนียวชนิดไหนอยู่ พระยะโฮวาช่างปั้นหม้อองค์ยิ่งใหญ่ก็เป็นแบบนั้น พระองค์รู้จักพวกเราดี พระองค์รู้ว่าอะไรคือจุดอ่อนของเรา รู้ว่าเรามีขีดจำกัดแค่ไหน และรู้ว่าเราพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว ดังนั้น ตอนที่พระองค์นวดปั้นเรา พระองค์ก็คิดถึงเรื่องเหล่านี้อยู่เสมอ (สด. 103:10-14) เรารู้ได้ว่าพระยะโฮวามองเราอย่างไรโดยดูจากท่าทีที่พระเยซูมีต่อความไม่สมบูรณ์ของพวกอัครสาวก หลายครั้งพวกเขาเถียงกันว่าใครจะเป็นใหญ่ ลองคิดดูว่าถ้าคุณอยู่ที่นั่น คุณจะมองพวกอัครสาวกอย่างไร? คุณอาจคิดว่าพวกเขาไม่ได้เป็นเหมือนดินเหนียวที่อ่อนนุ่ม ถึงอย่างนั้น พระเยซูรู้ว่าถ้าพวกเขายอมฟังคำแนะนำที่ท่านให้ด้วยความรักและความอดทน และถ้าพวกเขาเลียนแบบความถ่อมตัวของท่าน พวกเขาก็สามารถเป็นดินเหนียวที่ถูกนวดปั้นได้ (มก. 9:33-37; 10:37, 41-45; ลก. 22:24-27) หลังจากพระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย พวกอัครสาวกก็ได้รับพลังของพระเจ้าและไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นใหญ่อีกต่อไป แทนที่จะคิดเรื่องนั้น พวกเขาเพ่งเล็งไปที่งานที่พระเยซูบอกให้ทำ—กจ. 5:42 ห16.06 1:10
วันอังคารที่ 7 สิงหาคม
พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าของเรา และพระยะโฮวามีเพียงองค์เดียวเท่านั้น—ฉธบ. 6:4
พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว ไม่มีพระเจ้าอื่นเหมือนพระองค์ (2 ซม. 7:22) ชาวอิสราเอลควรนมัสการพระยะโฮวาองค์เดียว พวกเขาไม่ควรเอาอย่างคนชาติอื่นที่นมัสการพระเท็จซึ่งมีอยู่มากมาย คนเหล่านั้นเชื่อว่า พระของเขาควบคุมธรรมชาติบางอย่างได้ เพื่อเป็นตัวอย่าง เทพเจ้าที่ชาวอียิปต์กราบไหว้ก็มีเทพเจ้าราซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ เทพีนัตเป็นเทพีแห่งท้องฟ้า เทพเกบเป็นเทพเจ้าแห่งผืนดิน เทพฮาพีเป็นเทพเจ้าแห่งแม่น้ำไนล์ ชาวอียิปต์ยังกราบไหว้สัตว์หลายอย่างด้วย พระยะโฮวาแสดงให้เห็นว่า พระองค์เหนือกว่าพระเท็จเหล่านี้ตอนที่พระองค์ทำให้ชาวอียิปต์ต้องเจอกับภัยพิบัติ 10 อย่าง ส่วนพระที่ชาวคานาอันนับถือเป็นหลักคือพระบาอัล เป็นพระเท็จที่ชาวคานาอันเชื่อว่าเป็นผู้ให้ชีวิต เป็นเทพเจ้าแห่งท้องฟ้า ฝน และพายุ และในหลายที่ ประชาชนขอการปกป้องคุ้มครองจากพระบาอัล (กดว. 25:3) ชาวอิสราเอลจึงต้องจำไว้เสมอว่า พระยะโฮวาพระเจ้าที่พวกเขานับถือเป็น “พระเจ้าเที่ยงแท้” เพียงหนึ่งเดียว “มีเพียงองค์เดียวเท่านั้น”—ฉธบ. 4:35, 39 ห16.06 3:4, 5
วันพุธที่ 8 สิงหาคม
สอนพวกเขาให้ทำตามทุกสิ่งที่ผมสั่งคุณไว้ จำไว้ว่า ผมจะอยู่กับพวกคุณเสมอจนถึงสมัยสุดท้ายของโลกนี้—มธ. 28:20
ตัวอย่างของพระเยซูสอนให้เราภักดีต่อพระยะโฮวาและผู้รับใช้ของพระองค์ ซึ่งเรามีเหตุผลที่ควรทำอย่างนั้น เราเห็นได้ว่าพระยะโฮวากำลังชี้นำผู้รับใช้ของพระองค์ในช่วงอวสานนี้ พระองค์กำลังช่วยพวกเขาให้ประกาศความจริงไปทั่วโลก และพวกเขาเป็นคนกลุ่มเดียวที่ทำงานนี้อยู่ พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวและมีความสุขเพราะพระยะโฮวาสอนพวกเขา พระองค์พูดถึงสภาพแบบนี้ว่า “ดูสิ ผู้รับใช้ของเราจะโห่ร้องด้วยความยินดีเพราะพวกเขามีใจชื่นบาน” (อสย. 65:14) เรามีความสุขที่พระยะโฮวาชี้นำเราและช่วยเราให้ทำสิ่งดี ๆ แต่ผู้คนในโลกของซาตานไม่มีความสุขและไม่มีความหวังแท้สำหรับอนาคต เราต้องภักดีต่อพระยะโฮวาเสมอและทำตามคำชี้นำของพระองค์ ห16.06 4:10-12
วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม
ให้เฝ้าระวังอยู่เสมอ—มธ. 25:13
เราสามารถเรียนรู้จากคนยามที่เฝ้าเมืองในสมัยโบราณ เมืองหลายเมืองรวมทั้งกรุงเยรูซาเล็มจะมีกำแพงสูงล้อมรอบเพื่อไม่ให้ศัตรูบุกเข้ามาได้ คนเฝ้ายามจะยืนอยู่บนกำแพงทำให้เขาเห็นได้รอบเมือง คนเฝ้ายามบางคนก็ยืนที่ประตูเมือง พวกเขาต้องเฝ้าระวังทั้งวันทั้งคืน ถ้าเห็นศัตรูกำลังมาก็ต้องเตือนประชาชนที่อยู่ในเมือง (อสย. 62:6) พวกเขารู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญแค่ไหนที่จะต้องตื่นตัวเสมอและเฝ้าระวังว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถ้าพวกเขาไม่เฝ้าระวัง อาจทำให้ผู้คนมากมายต้องตาย (อสค. 33:6) โยเซฟุสนักประวัติศาสตร์ชาวยิวอธิบายว่าทหารโรมันเข้ามาในกรุงเยรูซาเล็มในปี ค.ศ. 70 ได้อย่างไร เขาบอกว่าคนยามที่เฝ้าจุดหนึ่งของเมืองเกิดหลับยาม ทหารโรมันจึงบุกเข้ามาในกรุงได้ แล้วก็ไปที่วิหารและจุดไฟเผา จากนั้นก็ทำลายส่วนอื่น ๆ ของกรุงเยรูซาเล็ม นั่นเป็นช่วงท้ายของความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับชาติยิว ห16.07 2:2, 7, 8
วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม
ก็ให้ระวังอย่าถูกชักนำให้หลงไปกับพวกเขาด้วยเรื่องเท็จของคนชั่วและกลายเป็นคนไม่มั่นคง—2 ปต. 3:17
เราได้รับสิ่งดีมากมายเนื่องจากความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวา ถึงอย่างนั้น เราไม่ควรฉวยประโยชน์จากความกรุณานั้นโดยใช้เป็นข้ออ้างที่จะทำผิด มีคริสเตียนรุ่นแรกบางคนพยายาม “พลิกแพลงความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเราเพื่อใช้เป็นข้อแก้ตัวสำหรับการประพฤติไร้ยางอาย” (ยด. 4) คริสเตียนที่ไม่ซื่อสัตย์เหล่านี้คิดว่าพวกเขาทำผิดได้เพราะพระยะโฮวาจะให้อภัยพวกเขาเสมอ พวกเขาถึงขั้นพยายามชักชวนพี่น้องคนอื่นให้ทำผิดเหมือนกับพวกเขา ในทุกวันนี้ก็มีคนแบบนี้เหมือนกัน คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพวกเขา “ดูหมิ่นพลังของพระเจ้าที่แสดงความกรุณาที่ยิ่งใหญ่” (ฮบ. 10:29) ซาตานหลอกให้คริสเตียนบางคนในทุกวันนี้คิดว่าเมื่อพวกเขาทำผิด พระยะโฮวาก็จะให้อภัยโดยอัตโนมัติ เป็นเรื่องจริงที่พระยะโฮวาพร้อมจะให้อภัยคนทำผิดที่กลับใจ ถึงอย่างนั้น พระองค์ก็คาดหมายให้เราต่อสู้กับความต้องการที่ผิด ห16.07 3:16, 17
วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม
คนที่หย่ากับภรรยาแล้วไปแต่งงานใหม่ก็ถือว่าเขามีชู้ นอกจากเขาหย่าเพราะภรรยาทำผิดศีลธรรมทางเพศ—มธ. 19:9
ถ้ามีการหย่าโดยที่ไม่มีใครทำผิดศีลธรรมทางเพศ พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปแต่งงานใหม่ บางคนอาจเลือกที่จะให้อภัยคู่ของตัวเองที่ทำผิดศีลธรรมและกลับใจ นี่เป็นเหมือนกับผู้พยากรณ์โฮเชยาที่ให้อภัยโกเมอร์ภรรยาที่ผิดศีลธรรมของเขา และเหมือนกับพระยะโฮวาที่ให้อภัยชาวอิสราเอลที่กลับใจ (ฮชย. 3:1-5) นอกจากนั้น ถ้าคนหนึ่งรู้ว่าคู่ของเขาทำผิดศีลธรรมแต่ก็ยังมีเพศสัมพันธ์ด้วย ก็หมายความว่า เขาได้ให้อภัยคู่ของเขาแล้ว ในกรณีนี้ไม่มีเหตุผลตามหลักพระคัมภีร์ที่เขาจะหย่า หลังจากพูดข้อคัมภีร์วันนี้ พระเยซูก็พูดถึง ‘คนที่ได้รับพรจากพระเจ้า’ ที่จะเป็นโสด ท่านบอกว่า “ถ้าใครจัดชีวิตอย่างนั้นได้ ก็ให้เขาทำเถอะ” (มธ. 19:10-12) หลายคนเลือกที่จะเป็นโสดเพราะพวกเขาตั้งใจจะรับใช้พระยะโฮวาโดยที่ไม่ต้องห่วงอะไร และพวกเขาควรจะได้รับคำชมเชยที่ตัดสินใจอย่างนั้น ห16.08 1:15, 16
วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม
ลองชิมดู แล้วจะรู้ว่าพระยะโฮวาดีขนาดไหน . . . เพราะคนที่เกรงกลัวพระองค์จะไม่ขาดอะไรเลย—สด. 34:8, 9
พี่น้องวัยรุ่นทำอะไรได้อีกมากเพื่อรับใช้พระเจ้าเพราะพวกเขายังแข็งแรงอยู่ (สภษ. 20:29) พี่น้องชายหญิงบางคนในเบเธลช่วยทำงานพิมพ์และเย็บหนังสือต่าง ๆ รวมทั้งคัมภีร์ไบเบิลด้วย และยังมีพี่น้องชายหญิงอีกหลายคนช่วยงานก่อสร้างหรือช่วยซ่อมแซมหอประชุม บางคนก็อาสาสมัครช่วยงานบรรเทาทุกข์เมื่อเกิดภัยธรรมชาติในที่ต่าง ๆ ส่วนไพโอเนียร์วัยรุ่นอีกหลายคนก็เรียนอีกภาษาหนึ่งหรือย้ายไปประกาศข่าวดีที่อื่น ผู้เขียนหนังสือสดุดีบอกว่า “ลองชิมดู แล้วจะรู้ว่าพระยะโฮวาดีขนาดไหน” เขาบอกอีกว่า “คนที่มาหาพระยะโฮวาจะไม่ขาดสิ่งดี” (สด. 34:10) เมื่อเราได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพระยะโฮวา เราจะมีความสุขจริง ๆ เพราะรู้ว่าเรากำลังทำให้พระองค์พอใจ และพระองค์ก็จะดูแลเราตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ ห16.08 3:5, 8
วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม
เจ้าจะกลายเป็นชาติที่ได้รับพร ดังนั้น อย่ากลัวเลย กล้าหาญเข้าไว้—ศคย. 8:13
พระยะโฮวาสามารถช่วยเราได้ และพระองค์อยากทำอย่างนั้น พระองค์ให้พลังบริสุทธิ์เพื่อช่วยเราให้มีกำลัง (1 พศ. 29:12) เราจำเป็นต้องขอพลังจากพระเจ้าเพื่อจะต่อสู้กับซาตานและโลกชั่วของมันได้ (สด. 18:39; 1 คร. 10:13) เรารู้สึกขอบคุณพระเจ้ามากเหลือเกินที่พระองค์ให้คัมภีร์ไบเบิล ลองคิดถึงสิ่งที่เราได้รับทุก ๆ เดือนสิ ทั้งหนังสือและสิ่งต่าง ๆ มากมายในเว็บไซต์ของเรา ในคัมภีร์ไบเบิลมีคำพูดที่ให้กำลังใจชาวยิวตอนที่พวกเขาสร้างวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม (ศคย. 8:9, 13) คำพูดนี้ก็ให้กำลังใจเราทุกคนในตอนนี้ด้วยพระยะโฮวายังให้กำลังเราโดยทางคำแนะนำต่าง ๆ จากการประชุมประชาคม การประชุมหมวด และการประชุมภูมิภาค นอกจากนั้น เรายังได้ประโยชน์จากโรงเรียนต่าง ๆ ที่ทางองค์การจัดขึ้นด้วย คำแนะนำเหล่านี้ช่วยเราให้รับใช้พระยะโฮวาด้วยแรงกระตุ้นที่ถูกต้อง ช่วยเราให้ตั้งเป้าหมาย และเป็นคริสเตียนที่เอาใจใส่หน้าที่รับผิดชอบอย่างดี (สด. 119:32) คุณกระตือรือร้นที่จะได้รับประโยชน์จากคำแนะนำของพระยะโฮวาซึ่งช่วยคุณให้มีกำลังขึ้นไหม? ห16.09 1:10, 11
วันอังคารที่ 14 สิงหาคม
ตรวจดูจนแน่ใจว่าอะไรคือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราทำซึ่งเป็นสิ่งที่ดี สมบูรณ์ และทำให้พระองค์พอใจ—รม. 12:2
ในกฎหมายของโมเสสมีข้อกำหนดที่ช่วยปกป้องชาวอิสราเอลจากแนวทางชีวิตที่ผิดศีลธรรมมากมายของชาติที่อยู่รอบ ๆ ในกฎหมายนั้นบอกว่าพระยะโฮวาเกลียดการแต่งตัวที่ดูไม่ออกว่าคนนั้นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ทุกวันนี้หลายคนก็แต่งตัวแบบนั้นด้วย (ฉธบ. 22:5) จากกฎหมายนี้ เราเรียนรู้ว่าพระยะโฮวาไม่ชอบเสื้อผ้าที่ทำให้ผู้ชายดูเหมือนผู้หญิงและทำให้ผู้หญิงดูเหมือนผู้ชาย หรือเสื้อผ้าที่ดูไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่หลักการในคัมภีร์ไบเบิลช่วยให้เราตัดสินใจได้ถูกต้องว่าจะเลือกเสื้อผ้าแบบไหน หลักการต่าง ๆ นี้ใช้ได้กับทุกประเทศ ทุกสภาพอากาศ และทุกวัฒนธรรมด้วย เราไม่ต้องมีรายการยาวเหยียดว่าเสื้อผ้าแบบไหนใส่ได้และแบบไหนใส่ไม่ได้ ที่จริง เราเลือกใส่อะไรก็ได้ที่เราชอบ แต่ก็ต้องคิดถึงหลักการในคัมภีร์ไบเบิลด้วย ห16.09 3:3, 4
วันพุธที่ 15 สิงหาคม
สาวกทุกคนก็ทิ้งพระเยซูและหนีไป—มก. 14:50
ขอให้คิดเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาของผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิล พวกเขาเขียนเรื่องจริงเสมอและไม่กลัวที่จะทำอย่างนั้น คนเขียนทั่วไปมักเขียนแต่เรื่องดี ๆ ของชาติและผู้นำของตัวเอง แต่ผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาไม่ได้เขียนแค่เรื่องดี ๆ เท่านั้น พวกเขาเขียนเรื่องไม่ดีที่คนในอิสราเอลและกษัตริย์ของพวกเขาทำด้วย (2 พศ. 16:9, 10; 24:18-22) พวกเขาถึงกับเขียนเกี่ยวกับความผิดของตัวเองและของผู้รับใช้พระยะโฮวาคนอื่น ๆ (2 ซม. 12:1-14) ถ้าคนเราเอาคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลมาใช้ในชีวิต เขาก็จะเห็นว่าชีวิตเขาดีขึ้นจริง ๆ และจะมั่นใจมากขึ้นว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือที่มาจากพระเจ้า (สด. 19:7-11) คัมภีร์ไบเบิลยังช่วยหลายคนให้รู้ว่าบางอย่างที่พวกเขาเชื่อถืออยู่นั้นเป็นเรื่องไม่จริง (สด. 115:3-8) คัมภีร์ไบเบิลช่วยผู้คนให้พึ่งพระยะโฮวาพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด ส่วนคนที่เชื่อวิวัฒนาการและบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติก็ยกย่องธรรมชาติให้เป็นเหมือนพระเจ้า คัมภีร์ไบเบิลยังมีคำสัญญาสำหรับอนาคตที่ดีด้วย ส่วนคนอื่นบอกว่ามนุษย์สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้นได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าเราดูว่ามนุษย์ทำอะไรไปแล้วบ้าง เราก็จะเห็นว่าพวกเขาไม่สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ในโลกได้เลย—สด. 146:3, 4 ห16.09 4:10, 11
วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม
ให้เธอเก็บ . . . อย่าไปห้ามเธอ—นรธ. 2:15
โบอาสทำสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นห่วงรูธเพราะเธอตกอยู่ในสภาพที่ยากลำบากเนื่องจากเป็นคนต่างชาติ โบอาสบอกให้รูธมาอยู่กับกลุ่มคนงานผู้หญิงของเขาเพื่อที่พวกคนงานผู้ชายจะไม่มายุ่มย่ามกับเธอ โบอาสให้รูธมีอาหารและน้ำกินอย่างเพียงพอเหมือนกับคนงานคนอื่น ๆ เราเห็นชัดว่าโบอาสให้เกียรติและให้กำลังใจรูธทั้ง ๆ ที่เธอเป็นผู้หญิงต่างชาติที่มีชีวิตที่ยากลำบาก (นรธ. 2:8-10, 13, 14) โบอาสทำดีกับรูธไม่ใช่แค่เพราะเธอรักและซื่อสัตย์กับนาโอมีแม่สามี แต่เพราะรูธเริ่มรับใช้พระยะโฮวาและ “มาอยู่ใต้การปกป้องดูแลของพระองค์” เมื่อโบอาสทำดีกับรูธ เขาก็กำลังเลียนแบบความรักที่มั่นคงของพระยะโฮวา (นรธ. 2:12, 20; สภษ. 19:17) ในทุกวันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเราทำดีและมีน้ำใจกับคนอื่น เราอาจช่วย “คนทุกชนิด” ให้เรียนความจริงและช่วยพวกเขาให้เห็นว่าพระยะโฮวารักพวกเขามาก—1 ทธ. 2:3, 4 ห16.10 1:10-12
วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม
เมื่อผมถามพระยะโฮวา พระองค์ก็ตอบ พระองค์ช่วยผมไม่ให้กลัวอะไรอีกแล้ว—สด. 34:4
ถ้าเราเห็นว่าพระยะโฮวาฟังคำอธิษฐานของเราและช่วยเราตอนที่เราจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือพอดี ความเชื่อที่เรามีในพระองค์ก็เข้มแข็งขึ้นด้วย (1 ยน. 5:14, 15) ความเชื่อเป็นผลของพลังบริสุทธิ์ ดังนั้น พวกเราต้อง “ขอต่อไปเรื่อย ๆ” แล้วพระยะโฮวาจะให้พลังบริสุทธิ์กับเรา แล้วเราก็จะมีความเชื่อมากขึ้น (ลก. 11:9, 13) ตอนที่เราอธิษฐานถึงพระยะโฮวา เราไม่ควรแค่ขอสิ่งที่เราต้องการ แต่เราควรขอบคุณพระองค์และสรรเสริญพระองค์ทุกวันเพราะพระองค์ทำสิ่งดีมากมายให้กับเรา (สด. 40:5) นอกจากนั้น เราควรอธิษฐานเพื่อพี่น้องทั่วโลกด้วย ตัวอย่างเช่น เราควร “คิดถึงคนที่ถูกกักขังอยู่” และอธิษฐานเพื่อ “คนที่นำหน้า” ด้วย เมื่อเราเห็นว่าพระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของเรา ความเชื่อของเราก็จะเข้มแข็งขึ้น และเราก็จะสนิทกับพระองค์มากขึ้นด้วย—ฮบ. 13:3, 7 ห16.10 3:8, 9
วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม
พวกคุณได้รับความรอดเพราะพวกคุณมีความเชื่อ ความรอดนี้ไม่ได้มาจากความพยายามของคุณเอง แต่เป็นของขวัญจากพระเจ้า—อฟ. 2:8
ในทุกวันนี้ ประชาชนของพระยะโฮวารักกัน พวกเขามีความเชื่อในรัฐบาลของพระเจ้าและสนับสนุนรัฐบาลนี้ สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เพราะพวกเขายอมให้พลังของพระเจ้าชี้นำชีวิต (กท. 5:22, 23) ผลเป็นอย่างไร? พี่น้องมากกว่า 8 ล้านคนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและเป็นหนึ่งเดียวในประชาคมต่าง ๆ ทั่วโลก เห็นได้ชัดว่า ความเชื่อและความรักเป็นคุณลักษณะที่สำคัญจริง ๆ ความเป็นหนึ่งเดียวกันแบบนี้เกิดขึ้นได้เพราะพระเจ้าช่วยเรา เราจึงควรสรรเสริญพระองค์ (อสย. 55:13) พระยะโฮวาจะช่วยเราต่อ ๆ ไปเพื่อให้เราช่วยคนมากขึ้นให้มีความเชื่อในพระองค์ ในที่สุด โลกทั้งโลกก็จะมีแต่คนดี คนที่สมบูรณ์แบบ และคนที่มีความสุข พวกเขาจะสรรเสริญพระยะโฮวาตลอดไป! ห16.10 4:18, 19
วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม
พวกคุณบางคนทำตัวนอกลู่นอกทาง—2 ธส. 3:11
พวกผู้ดูแลให้คำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิล เราต้องร่วมมือกับพวกเขา ในศตวรรษแรก พี่น้องบางคน “ทำตัวนอกลู่นอกทาง” พวกเขาเที่ยวไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่น พวกผู้ดูแลพยายามว่ากล่าวแก้ไขพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่ยอมเปลี่ยน เปาโลบอกพี่น้องในประชาคมเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาควรปฏิบัติกับคนแบบนั้นว่า “ให้หมายเขาไว้และเลิกคบกับเขา” พี่น้องต้องไม่คบหาใกล้ชิดกับคนนั้น แต่อย่าถึงกับมองว่าเขาเป็นศัตรู (2 ธส. 3:11-15) พวกผู้ดูแลในทุกวันนี้ก็พยายามช่วยพี่น้องที่ไม่ทำตามมาตรฐานของพระเจ้า เช่น พี่น้องที่เป็นแฟนกับคนที่ไม่ใช่พยานฯ (1 คร. 7:39) ถ้าพี่น้องคนนั้นไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผู้ดูแลอาจตัดสินใจให้มีคำบรรยายในประชาคมเพื่ออธิบายว่าการกระทำแบบนี้อาจทำให้คนอื่นพูดไม่ดีเกี่ยวกับประชาคมอย่างไร ถ้าผู้ดูแลจัดให้มีคำบรรยายแบบนี้ในประชาคมของคุณ และคุณรู้ว่าพี่น้องที่ทำผิดคือใคร คุณจะทำอย่างไร? ถึงคุณจะคุยกับเขาได้ที่หอประชุมและที่เขตประกาศ แต่คุณจะเชื่อฟังโดยไม่คบหาใกล้ชิดกับเขาไหม? ถ้าคุณทำอย่างนี้ คุณก็กำลังช่วยพี่น้องคนนั้นให้รู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ดีสำหรับตัวเขาและทำให้พระยะโฮวาไม่พอใจ และอาจช่วยเขาให้เปลี่ยนความคิดได้ ห16.11 2:13
วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม
จะมีพวกคุณบางคนพูดบิดเบือนความจริงเพื่อชักจูงพวกสาวกให้ติดตามพวกเขาไป—กจ. 20:30
ในวันเพ็นเทคอสต์ปี ค.ศ. 33 คนยิวและคนที่เปลี่ยนมาเป็นยิวหลายพันคนได้รับการเจิมด้วยพลังบริสุทธิ์ และพวกเขาก็กลายเป็น “เชื้อชาติที่ถูกเลือก เป็นปุโรหิตและเป็นกษัตริย์ เป็นชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติที่เป็นสมบัติพิเศษของพระเจ้า” (1 ปต. 2:9, 10) ตลอดเวลาที่พวกอัครสาวกมีชีวิตอยู่ ประชาคมคริสเตียนก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แต่พออัครสาวกคนสุดท้ายตาย พวกผู้ชายบางคนก็เริ่มสอนคำสอนเท็จและ “พูดบิดเบือนความจริงเพื่อชักจูงพวกสาวกให้ติดตามพวกเขาไป” (2 ธส. 2:6-8) พวกเขาบางคนเป็นคนสำคัญและเป็นผู้ดูแลในประชาคม พวกเขาชอบปรัชญาของอริสโตเติลและเพลโต พวกเขาเลยสอนปรัชญาพวกนั้นแทนที่จะสอนความจริงจากคัมภีร์ไบเบิล จึงเริ่มมีพวกชนชั้นนักบวชเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่พระเยซูบอกพวกสาวกว่า “พวกคุณทุกคนเป็นพี่น้องกัน”—มธ. 23:8 ห16.11 4:8
วันอังคารที่ 21 สิงหาคม
อย่าให้บาปมีอำนาจเหมือนกษัตริย์เหนือร่างกายที่ตายได้ของคุณ—รม. 6:12
ในอดีตเราอาจทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องหลายอย่างโดยไม่รู้เลยว่าพระยะโฮวาคิดอย่างไรกับสิ่งที่เราทำ ตอนนั้นเราก็เป็นเหมือน “ทาสการกระทำที่ไม่สะอาดและความชั่ว” ซึ่งก็คือ “ทาสบาป” (รม. 6:19, 20) แต่พอเราได้มาเรียนจากคัมภีร์ไบเบิลว่าพระยะโฮวาอยากให้เราใช้ชีวิตอย่างไร เราเปลี่ยนแปลงตัวเอง อุทิศตัวให้กับพระองค์และรับบัพติศมา เราต้องการเชื่อฟังพระยะโฮวาและใช้ชีวิตในแบบที่พระองค์พอใจ ตอนนั้นแหละเรา “ได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาสของบาปแล้ว” และ “มาเป็นทาสของพระเจ้าและทำสิ่งที่ถูกต้อง” (รม. 6:17, 18) เราเลือกได้ว่าเราจะยอมให้บาปควบคุมความคิดและความต้องการของเราหรือเราจะเป็นฝ่ายควบคุมมัน ลองถามตัวเองว่า ‘ฉันยอมให้ความต้องการผิด ๆ มีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนลงมือทำสิ่งที่ไม่ดีไหม? หรือว่าถ้ามีความต้องการแบบนั้น ฉันจะหยุดมันทันที?’ ถ้าเราเห็นคุณค่าความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าจริง ๆ เราก็จะพยายามเต็มที่เพื่อให้พระองค์พอใจ ห16.12 1:11, 12
วันพุธที่ 22 สิงหาคม
การสนใจแต่สิ่งที่เกี่ยวกับพลังของพระเจ้านั้นจะทำให้ได้ . . . สันติสุข—รม. 8:6
เราสามารถอยู่กับครอบครัวและพี่น้องในประชาคมอย่างสงบสุข แต่เนื่องจากเราเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ บางครั้งเราอาจมีปัญหากับพี่น้องในประชาคม ถ้าเป็นอย่างนั้น ขอเราทำตามคำแนะนำของพระเยซูที่บอกว่า “ไปคืนดีกับเขา” (มธ. 5:24) นั่นเป็นการสร้างสันติสุข และเราจะทำอย่างนั้นได้ง่ายขึ้นถ้าเราจำไว้เสมอว่าพี่น้องของเรา ก็รับใช้พระยะโฮวา “พระเจ้าผู้ให้สันติสุข” เหมือนกัน (รม. 15:33; 16:20) ถ้าเรา “สนใจแต่สิ่งที่เกี่ยวกับพลังของพระเจ้า” เราก็จะมีสันติสุขกับพระเจ้าด้วยซึ่งก็คือมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์ ผู้พยากรณ์อิสยาห์บอกว่า “พระองค์ [พระยะโฮวา] จะปกป้องคนที่เชื่อในพระองค์จริง ๆ พระองค์จะให้พวกเขามีสันติสุขเรื่อยไป เพราะพวกเขาไว้วางใจพระองค์”—อสย. 26:3; รม. 5:1 ห16.12 2:5, 18, 19
วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม
ขอให้มีความสุขเสมอที่ได้รับใช้ผู้เป็นนาย—ฟป. 4:4
พระยะโฮวายังอวยพรประชาชนของพระองค์แม้จะเป็นสมัยสุดท้ายในโลกชั่วของซาตาน พระองค์จัดเตรียมให้เรามีความรู้มากมายและได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมพี่น้องนานาชาติที่มีสันติสุข (อสย. 54:13) เหมือนกับที่พระเยซูสัญญาไว้ พระยะโฮวาให้รางวัลเราในตอนนี้โดยให้เรามีครอบครัวใหญ่ที่น่ารัก ครอบครัวนี้มีพี่น้องชายหญิงทั่วโลก (มก. 10:29, 30) นอกจากนั้น คนที่เสาะหาพระเจ้าอย่างจริงจังจะได้รับความสงบใจ ความอิ่มใจพอใจ และความสุขมากมายเป็นรางวัล (ฟป. 4:5-7) คุณมั่นใจได้ว่า “เมื่อพวกคุณทำตามความต้องการของพระเจ้าแล้ว” คุณก็ “จะได้รับสิ่งที่พระองค์สัญญา” (ฮบ. 10:35, 36) ดังนั้น ขอเรามีความเชื่อเข้มแข็งต่อ ๆ ไปและทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อรับใช้พระยะโฮวา เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะให้รางวัลเราแน่นอน—คส. 3:23, 24 ห16.12 4:17, 20
วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม
คนที่ได้รับพลังของพระยะโฮวาก็มีอิสระ—2 คร. 3:17
อิสระแบบมีขีดจำกัดจะเป็นอิสระที่แท้จริงได้ไหม? ได้อย่างแน่นอน เพราะอะไร? เพราะขีดจำกัดหรือกรอบที่พระเจ้าวางไว้ช่วยปกป้องเรา ตัวอย่างเช่น เราอาจมีอิสระที่จะเลือกขับรถไปจังหวัดไหนก็ได้ แต่ลองคิดดูว่าถ้าถนนที่คุณใช้ไม่มีการบังคับใช้กฎจราจรและใครอยากขับรถเร็วแค่ไหนก็ได้ ขับบนถนนฝั่งไหนก็ได้ คุณจะรู้สึกปลอดภัยไหม? ไม่อย่างแน่นอน ดังนั้น เพื่อเราทุกคนจะใช้อิสระที่เรามีอย่างมีความสุข เราต้องยอมรับว่าชีวิตเราต้องมีกรอบหรือขีดจำกัด ขอเราดูตัวอย่างของอาดัม เขาเลือกไปกินผลไม้ต้องห้าม การทำอย่างนั้นแสดงว่าเขาไม่สนใจกรอบที่พระยะโฮวาวางไว้ และเพราะอาดัมใช้อิสระในการตัดสินใจของเขาแบบไม่ถูกต้อง มนุษย์ทุกคนจึงต้องทุกข์ทนกับความยากลำบากมาเป็นเวลาหลายพันปี (รม. 5:12) ขอเราจำไว้ว่าการตัดสินใจที่ผิดของอาดัมทำให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงขนาดไหน การจำเรื่องนี้ไว้จะช่วยเราให้ใช้อิสระในแบบที่ถูกต้องและยอมรับขีดจำกัดหรือกรอบที่พระยะโฮวาวางไว้ให้เรา ห17.01 2:6, 8
วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม
ผมจึงขอบอกพวกคุณทุกคนว่า อย่าคิดถึงตัวเองมากเกินไป—รม. 12:3
เมื่อเรารับงานมอบหมายใหม่ หลังจากอธิษฐานคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วรู้ว่าเราอาจทำได้ไม่ดีพอ ดังนั้น ถ้าเราเจียมตัว เราอาจจะต้องปฏิเสธงานนั้น พระยะโฮวาอยากให้เรา “ใช้ชีวิตตามแนวทางของพระเจ้าด้วยความเจียมตัว” (มคา. 6:8) ดังนั้น ถ้าเราได้รับงานมอบหมายใหม่ เราควรทำเหมือนกิเดโอนโดยอธิษฐานขอให้พระเจ้าช่วย มองหาคำแนะนำของพระองค์จากคัมภีร์ไบเบิลและองค์การ และคิดอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจ ขอเราจำไว้เสมอว่า ที่เราทำงานมอบหมายได้ ไม่ใช่เพราะความสามารถของเราเอง แต่เพราะพระยะโฮวาถ่อมตัวลงและอยากจะช่วยเรา (สด. 18:35) คนที่เจียมตัวจะไม่ “คิดถึงตัวเองมากเกินไป” ห17.01 3:17, 18
วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม
งานหนักที่พวกคุณทำให้กับผู้เป็นนายนั้นจะไม่เสียเปล่าแน่นอน—1 คร. 15:58
พระเยซูรู้ว่าท่านจะทำงานรับใช้ในโลกได้อีกไม่นาน แต่คนอื่น ๆ จะต้องทำงานนี้ต่อไป ถึงพระเยซูจะรู้ว่าสาวกของท่านไม่สมบูรณ์แบบ แต่ท่านก็มั่นใจว่าพวกเขาจะประกาศข่าวดีไปไกลกว่าที่ท่านทำด้วยซ้ำ (ยน. 14:12) พระเยซูฝึกพวกเขาอย่างดีและพวกเขาก็สามารถประกาศในทุกประเทศที่พวกเขาไปถึง (คส. 1:23) หลังจากพระเยซูเสียชีวิต พระยะโฮวาปลุกท่านให้ฟื้นขึ้นจากตาย มอบงานให้ท่านทำมากขึ้น และให้ท่านมีอำนาจ “อยู่เหนือการปกครองทุกแบบ อยู่เหนือผู้มีอำนาจ ผู้มีฤทธิ์ เจ้านายทุกคน” (อฟ. 1:19-21) แม้พวกเราซึ่งเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาอาจต้องตายก่อนอาร์มาเกดโดน แต่เราจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งและได้ทำงานหลายอย่างที่มีความสุขในโลกใหม่ ส่วนในตอนนี้ เราทุกคนมีงานมอบหมายที่สำคัญก็คือการประกาศข่าวดีและการสอนคนให้เป็นสาวก ดังนั้น ไม่ว่าเราจะอายุน้อยหรืออายุมาก เราทุกคนควร “ทุ่มเทกับงานของผู้เป็นนายที่มีให้ทำมากมาย” ต่อ ๆ ไป ห17.01 5:17, 18
วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม
เรายะโฮวาไม่เปลี่ยนแปลง—มลค. 3:6
ค่าไถ่ถูกจ่ายสำหรับผลประโยชน์ตลอดไป (ฮบ. 9:24-26) อาดัมทำให้เกิดความตาย แต่ค่าไถ่ของพระเยซูทำให้ได้รับชีวิตตลอดไป ค่าไถ่ช่วยเราให้เป็นอิสระจากโลกของซาตานและจากการกลัวความตาย (ฮบ. 2:14, 15) คำสัญญาของพระเจ้าจะเกิดขึ้นจริงเสมอ และเหมือนที่กฎธรรมชาติของพระยะโฮวาไม่เคยเปลี่ยนแปลง พระยะโฮวาก็จะไม่เปลี่ยนแปลง พระองค์ไม่มีวันทำให้เราผิดหวังเลย พระยะโฮวาให้เรามากกว่าชีวิต พระองค์ให้ความรักกับเรา คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เรารู้และเชื่อมั่นว่าพระเจ้ารักเรา พระเจ้าเป็นความรัก” (1 ยน. 4:16) คำสัญญาของพระองค์จะเป็นจริงเสมอ โลกจะกลายเป็นสวนอุทยานที่สวยงามเร็ว ๆ นี้ ตอนนั้นทุกคนจะเลียนแบบพระยะโฮวาและรักคนอื่น จากนั้น ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาทั้งในสวรรค์และบนโลกจะพูดว่า “ขอให้พระเจ้าของเราได้รับคำสรรเสริญ เกียรติยศ สติปัญญา การขอบคุณ ความนับถือ ฤทธิ์อำนาจ และกำลังตลอดไป อาเมน”—วว. 7:12 ห17.02 2:16, 17
วันอังคารที่ 28 สิงหาคม
ให้พวกเราชำระตัวให้สะอาดจากทุกสิ่งที่ทำให้ร่างกายและจิตใจแปดเปื้อน—2 คร. 7:1
วารสารหอสังเกตการณ์ 15 มกราคม 1974 (ภาษาไทย) มีคำถามว่า “ชนเหล่านั้นผู้ที่ไม่เลิกเสียจากการใช้ยาสูบแล้วละก็เขาจะมีคุณวุฒิในการที่จะรับบัพติสมาไหม?” คำตอบซึ่งอาศัยหลักการในคัมภีร์ไบเบิลคือ ไม่ได้ หอสังเกตการณ์ เล่มนั้นยังยกข้อคัมภีร์หลายข้อและอธิบายเหตุผลว่าทำไมคนที่ไม่ยอมเลิกบุหรี่จะต้องถูกตัดสัมพันธ์ (1 คร. 5:7) มีการอธิบายว่ามาตรฐานที่เข้มงวดนี้ไม่ได้มาจากมนุษย์แต่ “มาจากพระเจ้าผู้ซึ่งบอกเล่าเกี่ยวกับพระองค์โดยทางถ้อยคำที่เป็นข้อเขียน” หนังสือเกี่ยวกับศาสนาในสหรัฐอเมริกาเล่มหนึ่งบอกว่า “พวกผู้นำของศาสนาคริสต์มักเปลี่ยนแปลงคำสอนของพวกเขาให้เข้ากับความเชื่อและความคิดของผู้คน เพื่อจะได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกและสังคมส่วนใหญ่” ไม่มีองค์กรทางศาสนาไหนอีกแล้วที่เต็มใจเชื่อฟังถ้อยคำของพระเจ้าทุกอย่างแม้การทำอย่างนั้นจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับสมาชิกบางคน ห17.02 4:15
วันพุธที่ 29 สิงหาคม
คนที่ยกตัวเองขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง และคนที่ถ่อมตัวลงจะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น—มธ. 23:12
พวกผู้ดูแลไม่อยากให้ใครมาทำกับเขาเหมือนเป็นคนเด่นคนดัง พวกเขาไม่เหมือนกับพวกผู้นำศาสนาต่าง ๆ ในทุกวันนี้ และก็ไม่เหมือนกับพวกผู้นำศาสนาในสมัยของพระเยซูด้วย พระเยซูพูดถึงพวกผู้นำศาสนาในสมัยของท่านว่า “พวกเขาชอบนั่งในที่ที่มีเกียรติที่สุดในงานเลี้ยง ชอบนั่งแถวหน้าสุดในที่ประชุม ชอบให้คนคำนับในที่สาธารณะ” (มธ. 23:6, 7) คริสเตียนผู้ดูแลเชื่อฟังคำสอนของพระเยซูที่บอกว่า “อย่าให้ใครเรียกว่า ‘อาจารย์’ เพราะคุณมีอาจารย์เพียงคนเดียว และพวกคุณทุกคนเป็นพี่น้องกัน และอย่าเรียกใครบนโลกนี้ว่า ‘พ่อ’ เพราะคุณมีพ่อเพียงผู้เดียวและพระองค์อยู่ในสวรรค์ และอย่าให้ใครเรียกคุณว่า ‘ผู้นำ’ เพราะคุณมีผู้นำเพียงผู้เดียวนั่นคือพระคริสต์ ส่วนคนที่เป็นใหญ่ที่สุดในพวกคุณต้องเป็นผู้รับใช้คนอื่น” (มธ. 23:8-11) ถ้าพวกผู้ดูแลในประชาคมต่าง ๆ ทั่วโลกถ่อมตัวและเชื่อฟังคำสอนของพระเยซู พี่น้องก็จะรัก ให้เกียรติ และนับถือพวกเขา ห17.03 1:14, 15
วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม
แต่ละคนจะต้องแบกความรับผิดชอบของตัวเอง—กท. 6:5
การตัดสินใจเป็นความรับผิดชอบของแต่ละคน เราทุกคนไม่ควรให้คนอื่นมาตัดสินใจแทนเรา เราควรเรียนรู้ด้วยตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่พระเจ้าบอกว่าถูกต้องและเลือกที่จะทำตามนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่เราจะให้คนอื่นตัดสินใจแทนเรา? โดยการปล่อยให้พวกเขากดดันให้เราเลือกแบบผิด ๆ (สภษ. 1:10, 15) เรื่องนี้อันตรายมาก เรามีหน้าที่รับผิดชอบที่จะทำตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่สอดคล้องกับหลักการในคัมภีร์ไบเบิล แต่ถ้าเราให้คนอื่นมาตัดสินใจแทนก็เหมือนกับว่าเรากำลังติดตามพวกเขา การทำอย่างนี้อาจส่งผลเสียหายร้ายแรง อัครสาวกเปาโลเตือนพี่น้องในกาลาเทียว่าไม่ควรให้คนอื่นตัดสินใจเรื่องส่วนตัวแทนพวกเขา (กลา. 4:17) พี่น้องชายบางคนในกาลาเทียพยายามตัดสินใจแทนคนอื่นในประชาคม ห17.03 2:8-10
วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม
ตอนที่ [โยสิยาห์] อายุยังน้อยเขาเริ่มรับใช้พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของเขา และในปีที่ 12 เขาเริ่มกวาดล้างสถานบูชาบนที่สูงกับเสาศักดิ์สิทธิ์ออกไปจากยูดาห์และเยรูซาเล็ม—2 พศ. 34:3
โยสิยาห์พยายามอย่างมากที่จะทำให้พระยะโฮวาพอใจ ถ้าคุณอายุยังน้อย คุณน่าจะเลียนแบบโยสิยาห์และพยายามรู้จักพระยะโฮวามากขึ้น กษัตริย์มนัสเสห์ปู่ที่กลับใจของโยสิยาห์อาจสอนเขาเกี่ยวกับพระยะโฮวาว่าพระองค์เป็นพระเจ้าที่เต็มใจให้อภัย คุณเองก็สามารถเรียนรู้จากคนที่อายุมากกว่าในประชาคมหรือในครอบครัวคุณได้ด้วย พวกเขาสามารถเล่าให้คุณฟังว่าพระยะโฮวาได้ทำอะไรดี ๆ ให้พวกเขาบ้าง นอกจากนั้น คุณจำได้ไหมว่าโยสิยาห์รู้สึกอย่างไรหลังจากที่ได้รู้ว่าคัมภีร์ไบเบิลบอกอะไรบ้าง เขากระตือรือร้นที่จะทำให้พระยะโฮวาพอใจและเปลี่ยนแปลงทันที คุณก็เหมือนกัน ถ้าคุณอ่านคัมภีร์ไบเบิล คุณก็จะมีความตั้งใจมากขึ้นที่จะเชื่อฟังพระยะโฮวา แล้วคุณก็จะสนิทกับพระองค์มากขึ้น มีความสุขขึ้น และอยากจะบอกคนอื่นเกี่ยวกับพระองค์มากขึ้นด้วย (2 พศ. 34:18, 19) ตอนที่คุณศึกษาคัมภีร์ไบเบิล คุณอาจเจอวิธีที่จะทำงานรับใช้พระเจ้าได้ดีขึ้น ขอคุณพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงเหมือนกับที่โยสิยาห์ทำ ห17.03 3:18, 19