กันยายน
วันเสาร์ที่ 1 กันยายน
ให้อดทนจนถึงที่สุด—ยก. 1:4
ในคัมภีร์ไบเบิล ความอดทนเป็นมากกว่าการยอมทนกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ความอดทนเกี่ยวข้องกับวิธีที่เราคิดและรู้สึกเมื่อเจอกับปัญหา ความอดทนช่วยเราให้กล้าหาญ ซื่อสัตย์ และอดกลั้น หนังสืออ้างอิงเล่มหนึ่งบอกไว้ว่า ความอดทนเป็นคุณลักษณะที่ช่วยเราให้มีความหวังที่แน่นอนและไม่ยอมแพ้เมื่อเจอปัญหา ความอดทนช่วยเราให้มั่นคง ไม่หวั่นไหวแม้ต้องเจอปัญหาที่หนักที่สุด นอกจากนั้น ความอดทนยังช่วยเราเปลี่ยนปัญหาที่หนักหนาสาหัสให้เป็นชัยชนะที่งดงาม และช่วยเราเพ่งมองไปที่เป้าหมายของเราไม่ใช่ความทุกข์ที่เราเจอ ความรักกระตุ้นเราให้อดทน (1 คร. 13:4, 7) เป็นไปได้อย่างไร? ความรักที่เรามีต่อพระยะโฮวากระตุ้นเราให้อดทนทุกสิ่งที่พระองค์ยอมให้เกิดกับเรา (ลก. 22:41, 42) ความรักที่เรามีต่อพี่น้องช่วยเราให้อดทนความไม่สมบูรณ์แบบของพวกเขา (1 ปต. 4:8) ความรักที่เรามีต่อคู่สมรสช่วยเราให้อดทนกับ “ความยุ่งยาก” ที่แม้แต่คู่สมรสที่มีความสุขก็ต้องเจอ และยังช่วยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับคู่ของเราเข้มแข็งขึ้น—1 คร. 7:28 ห16.04 2:3, 4
วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน
พวกเขาตั้งใจ . . . มารวมกลุ่มกัน—กจ. 2:42
พวกเขาประชุมกันเสมอไม่หยุดแม้จะถูกกดขี่จากรัฐบาลโรมันและพวกผู้นำศาสนายิว พวกเขาทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อจะประชุมร่วมกันถึงแม้ว่าไม่ง่ายก็ตามในทุกวันนี้ ผู้รับใช้พระยะโฮวาก็รู้สึกขอบคุณที่พวกเขามีโอกาสได้ประชุมและพวกเขามีความสุขที่ได้ทำอย่างนั้น พี่น้องจอร์จ แกนกัสที่เคยรับใช้เป็นสมาชิกของคณะกรรมการปกครองมากกว่า 22 ปีบอกว่า “สำหรับผมแล้ว การประชุมกับพี่น้องเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมมีความสุขมากที่สุด ผมได้รับกำลังใจมากจากการประชุม” เขายังบอกอีกว่า “ผมชอบการประชุมจริง ๆ ครับ” คุณรู้สึกอย่างนั้นไหมเมื่อได้ไปประชุม? ถ้าเป็นอย่างนั้น ขอทำทุกอย่างที่ทำได้ต่อ ๆ ไปเพื่อจะไปประชุมเป็นประจำ ถึงแม้การทำอย่างนั้นจะเป็นเรื่องยากก็ตาม ขอคุณแสดงให้พระยะโฮวาเห็นว่าคุณรู้สึกเหมือนกับกษัตริย์ดาวิดที่บอกว่า “พระยะโฮวา ผมรักวิหารที่พระองค์อยู่”—สด. 26:8 ห16.04 3:16-18
วันจันทร์ที่ 3 กันยายน
ให้ไปคืนดีกับเขาก่อน—มธ. 5:24
ถ้าคุณรู้มาว่าพี่น้องคนหนึ่งรู้สึกไม่สบายใจเพราะสิ่งที่คุณพูดหรือทำ คุณจะทำอย่างไร? คุณต้องไปคุยกับพี่น้องคนนั้น แต่คุณต้องจำไว้ว่า เป้าหมายก็คือการพยายามคืนดีกัน คุณต้องไม่โทษเขาแต่ให้ยอมรับผิด สันติสุขกับพี่น้องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ขอพิจารณา อับราฮัมกับโลทหลานชายมีฝูงสัตว์มากมาย และคนเลี้ยงสัตว์ของพวกเขาสองคนเริ่มทะเลาะกันเพราะมีที่ไม่พอให้พวกเขาเลี้ยงสัตว์ อับราฮัมอยากรักษาสันติ เขาจึงยอมให้โลทเลือกที่ดินที่ดีที่สุด (ปฐก. 13:1, 2, 5-9) นี่เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับพวกเราจริง ๆ แต่อับราฮัมต้องเสียผลประโยชน์ไปตลอดเพราะความใจกว้างของเขาไหม? ไม่เลย ทันทีหลังจากนั้น พระยะโฮวาสัญญาว่าจะอวยพรให้อับราฮัมมีมากกว่าที่เสียไปหลายเท่า (ปฐก. 13:14-17) เราได้เรียนอะไรจากเรื่องนี้? ถึงแม้เราอาจต้องเสียอะไรบางอย่างไปเพราะทำตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิล แต่พระยะโฮวาจะอวยพรเรา เพราะเราพยายามจัดการกับความขัดแย้งด้วยความรัก ห16.05 1:11, 12
วันอังคารที่ 4 กันยายน
พยายามเข้าใจว่าพระยะโฮวาต้องการอะไร—อฟ. 5:17
ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล พระยะโฮวาให้กฎหมายที่ชัดเจนเพื่อให้รู้ว่าพระองค์ต้องการให้เราทำอะไร ตัวอย่างเช่น พระองค์บอกว่าเราต้องไม่ไหว้รูปเคารพ ไม่ขโมย ไม่เมาเหล้า หรือทำผิดศีลธรรมทางเพศ (1 คร. 6:9, 10) และพระเยซูลูกของพระยะโฮวาก็ให้คำสั่งที่ชัดเจนว่า “ไปสอนคนทุกชาติให้เป็นสาวก ให้พวกเขารับบัพติศมาในนามพระเจ้าผู้เป็นพ่อ ในนามลูกของพระองค์ และในนามพลังบริสุทธิ์ และสอนพวกเขาให้ทำตามทุกสิ่งที่ผมสั่งคุณไว้ จำไว้ว่า ผมจะอยู่กับพวกคุณเสมอจนถึงสมัยสุดท้ายของโลกนี้” (มธ. 28:19, 20) ทุกสิ่งที่พระยะโฮวาและพระเยซูบอกให้เราทำก็เพื่อประโยชน์ของเราเสมอ กฎหมายของพระยะโฮวาสอนวิธีที่เราจะดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัว ช่วยเราให้มีสุขภาพดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ถ้าเราเชื่อฟังคำสั่งพระยะโฮวา รวมทั้งคำสั่งที่ให้ประกาศ พระองค์ก็จะพอใจและอวยพรเรา ห16.05 3:1
วันพุธที่ 5 กันยายน
ให้เปลี่ยนแปลงตัวเองโดยเปลี่ยนความคิดของคุณใหม่—รม. 12:2
ถ้าเราพึ่งความช่วยเหลือจากพลังบริสุทธิ์ พระยะโฮวาจะช่วยเราให้รู้ว่าจะทำอย่างไรให้พระองค์พอใจ และเราจะเรียนรู้ที่จะคิดให้เหมือนกับพระองค์ ผลคือ พระเจ้าจะพอใจมากขึ้นในสิ่งที่เราคิด พูด และทำ (ลก. 11:13; กท. 5:22, 23) และเราจะเรียนรู้วิธีควบคุมจุดอ่อนของเรา แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังต้องต่อสู้กับมันต่อ ๆ ไป (สภษ. 4:23) การเลียนแบบคุณลักษณะของพระยะโฮวาต้องใช้เวลา ดังนั้น ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณยังเปลี่ยนแปลงได้ไม่เท่ากับที่ตั้งใจไว้ก็ขอให้อดทน ในช่วงแรก ๆ คุณอาจต้องบังคับตัวเองที่จะทำตามสิ่งที่พระคัมภีร์บอก แต่ยิ่งคุณฝึกคิดและทำตามสิ่งที่พระยะโฮวาต้องการมากเท่าไร คุณก็จะคิดเหมือนพระยะโฮวาและทำสิ่งที่ถูกต้องง่ายขึ้นมากเท่านั้น—สด. 37:31; สภษ. 23:12; กท. 5:16, 17 ห16.05 4:14, 16
วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน
เขาชื่นชอบกฎหมายของพระยะโฮวา เขาอ่านกฎหมายของพระองค์ด้วยเสียงเบา ๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน—สด. 1:2
ในทุกวันนี้ พระยะโฮวาใช้คัมภีร์ไบเบิล พลังบริสุทธิ์ และประชาคมของพระองค์เพื่อนวดปั้นเรา คัมภีร์ไบเบิลสามารถนวดปั้นเราได้อย่างไร? เราต้องอ่าน คิดใคร่ครวญเรื่องที่เราอ่าน และขอพระยะโฮวาช่วยเราให้นำสิ่งที่ได้อ่านไปใช้ในชีวิต กษัตริย์ดาวิดบอกว่า “ผมนึกถึงพระองค์เมื่อนอนอยู่บนเตียง ผมใคร่ครวญเรื่องพระองค์ตอนกลางคืน” (สด. 63:6) เขายังบอกอีกว่า “ผมจะสรรเสริญพระยะโฮวาผู้ให้คำแนะนำผม แม้แต่ตอนกลางคืน ส่วนลึกที่สุดของความคิดจิตใจของผมก็ว่ากล่าวแก้ไขผม” (สด. 16:7) ดาวิดคิดใคร่ครวญคำสั่งสอนของพระยะโฮวา และให้สิ่งเหล่านั้นนวดปั้นความคิดและความรู้สึกส่วนที่ลึกที่สุดของเขา ทั้ง ๆ ที่บางครั้งอาจเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับคำแนะนำสั่งสอนนั้น (2 ซม. 12:1-13) ดาวิดวางตัวอย่างที่ดีในเรื่องของการเชื่อฟังและความถ่อมตัว ดังนั้น เราอาจถามตัวเองว่า ‘ตอนอ่านคัมภีร์ไบเบิล ฉันคิดใคร่ครวญและให้คำสั่งสอนของพระเจ้าเข้าถึงความคิดและความรู้สึกในส่วนที่ลึกที่สุดของฉันไหม? และฉันจะทำมากขึ้นไปอีกได้ไหม?’—สด. 1:3 ห16.06 1:11
วันศุกร์ที่ 7 กันยายน
อย่าโกรธง่าย—ปญจ. 7:9
เราทุกคนเป็นคนบาปและทำผิดพลาด คงเป็นไปไม่ได้ที่พี่น้องจะพูดหรือทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ และคงไม่ดีถ้าเราจะเอาแต่คิดถึงข้อผิดพลาดของพี่น้อง เพราะนั่นอาจทำให้เราไม่มีความสุขในการรับใช้พระยะโฮวา และที่แย่ยิ่งกว่านั้น ความเชื่อของเราอาจอ่อนลง เราอาจทิ้งองค์การของพระยะโฮวา และถ้าเราปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เราก็ไม่สามารถรับใช้พระยะโฮวาหรือมีความหวังที่จะอยู่ในโลกใหม่ของพระองค์ได้ เพื่อเราจะรับใช้พระยะโฮวาอย่างมีความสุขและมีความมั่นใจในอนาคต เราต้องนึกภาพคำสัญญาที่ให้กำลังใจของพระยะโฮวาเสมอ พระองค์สัญญาว่า “ดูเถอะ เรากำลังสร้างฟ้าสวรรค์ใหม่และโลกใหม่ จะไม่มีใครจดจำหรือนึกถึงสิ่งที่ผ่านมาอีกเลย” (อสย. 65:17; 2 ปต. 3:13) อย่าปล่อยให้ข้อผิดพลาดของพี่น้องมาทำให้คุณไม่ได้รับสิ่งดีต่าง ๆ ที่พระเจ้าสัญญาไว้ ห16.06 4:13, 14
วันเสาร์ที่ 8 กันยายน
พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าของเรา และพระยะโฮวามีเพียงองค์เดียวเท่านั้น—ฉธบ. 6:4
ข้อความที่บอกว่า “พระยะโฮวามีเพียงองค์เดียวเท่านั้น” ช่วยเราให้รู้ว่าพระองค์เป็นแบบเดียวมาตลอดและไม่เคยเปลี่ยนแปลง นี่หมายความว่าเราสามารถวางใจการกระทำและความประสงค์ของพระองค์ได้ พระองค์ซื่อสัตย์ เสมอต้นเสมอปลาย ภักดี และพูดความจริงเสมอ ตัวอย่างเช่น พระองค์สัญญากับอับราฮัมว่า ลูกหลานของเขาจะได้อยู่ในแผ่นดินที่พระองค์สัญญาว่าจะยกให้พวกเขา พระองค์ถึงกับทำการอัศจรรย์หลายอย่างเพื่อรักษาสัญญานั้น และแม้เวลาจะผ่านไปถึง 430 ปีหลังจากที่ให้คำมั่นสัญญาไว้ พระองค์ก็ไม่เคยเปลี่ยนความตั้งใจ (ปฐก. 12:1, 2, 7; อพย. 12:40, 41) หลายร้อยปีต่อมา พระยะโฮวาเรียกชาวอิสราเอลว่าพยานของพระองค์ และบอกพวกเขาว่า “เราคือพระเจ้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนอยู่ก่อนเรา และหลังจากเราก็ไม่มีเหมือนกัน” พระยะโฮวายังยืนยันว่า พระองค์ไม่เคยเปลี่ยนความตั้งใจ พระองค์บอกว่า “เราเป็นพระเจ้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง” (อสย. 43:10, 13; 44:6; 48:12) ชาวอิสราเอลมีสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่ได้รับใช้พระเจ้าที่เสมอต้นเสมอปลายและภักดีเสมอ เราก็มีสิทธิพิเศษเดียวกันในทุกวันนี้—มลค. 3:6; ยก. 1:17 ห16.06 3:6, 7
วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน
ให้คอยสังเกตและตื่นตัวอยู่เสมอ เพราะคุณไม่รู้ว่าเวลาที่พระเจ้ากำหนดไว้จะมาถึงเมื่อไหร่—มก. 13:33
ทุกวันนี้หลายประเทศมีทหารเฝ้าอยู่ตามชายแดน และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด รัฐบาลของแต่ละประเทศจะคอยดูว่ามีใครหรือมีอะไรที่อาจคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามีรัฐบาลหนึ่งที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในสวรรค์และมีพระคริสต์เยซูปกครองอยู่ อีกไม่นานรัฐบาลนี้จะทำสงครามกับรัฐบาลทั้งหมดบนโลก (อสย. 9:6, 7, เชิงอรรถ; 56:10; ดนล. 2:44) เรารอคอยให้วันนั้นมาถึงและต้องการอยู่พร้อมสำหรับวันนั้น เราจึงเอาใจใส่คำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลและรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์อยู่เสมอ (สด. 130:6) เรากำลังอยู่ในสมัยสุดท้าย ยิ่งใกล้อวสานมากเท่าไร ก็ยิ่งยากที่เราจะตื่นตัวเสมอ คงจะน่าเศร้าถ้าเราไม่คอยเฝ้าระวัง ห16.07 2:2, 9, 10
วันจันทร์ที่ 10 กันยายน
ที่พระองค์กรุณาผมก็ไม่เสียเปล่า—1 คร. 15:10
เปาโลรู้ดีว่าเขาไม่คู่ควรเลยที่จะได้รับความเมตตาจากพระเจ้า เพราะก่อนหน้านี้เขาข่มเหงคริสเตียน ไม่นานก่อนที่เปาโลจะเสียชีวิต เขาเขียนถึงทิโมธีว่า “ผมขอบคุณพระคริสต์เยซูผู้เป็นนายของเราซึ่งให้กำลังกับผม ท่านมอบหมายงานรับใช้ให้ผมทำเพราะท่านถือว่าผมเป็นคนซื่อสัตย์” (1 ทธ. 1:12-14) งานรับใช้อะไรที่เปาโลทำ? เปาโลบอกพวกผู้ดูแลในเมืองเอเฟซัสว่า “ผมไม่ถือว่าชีวิตผมสำคัญ ขอแค่ผมได้วิ่งจนถึงเส้นชัยและทำงานรับใช้ที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูผู้เป็นนายให้สำเร็จ คือประกาศข่าวดีเรื่องความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าให้ทั่วถึง” (กจ. 20:24) เปาโลประกาศอย่างกระตือรือร้น เขาวางตัวอย่างที่ดีให้คริสเตียนในทุกวันนี้ เปาโลแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ทำให้ความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า “เสียเปล่า” หรือไร้ประโยชน์ ห16.07 4:1-3
วันอังคารที่ 11 กันยายน
ผมจะอดทนรอ—มคา. 7:7
เราอาจอยากให้สถานการณ์บางอย่างในชีวิตของเราเปลี่ยนไปเพื่อจะรับใช้พระยะโฮวาได้มากขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่ามันยังไม่เปลี่ยนสักที หรือถ้าเราอยากได้สิทธิพิเศษบางอย่างในประชาคม แต่ก็ยังไม่ได้สักที เราจะทำอย่างไร? เราต้อง “อดทนรอ” (มคา. 7:7) ถึงแม้ว่าพระยะโฮวายังยอมให้เราต้องอดทนรอต่อไป แต่เราก็มั่นใจได้ว่าพระองค์จะช่วยเหลือเรา เราสามารถเรียนจากตัวอย่างของอับราฮัม พระยะโฮวาสัญญาว่าเขาจะมีลูกชาย แต่เขาต้องรอนานหลายปีจนกว่าจะมีอิสอัค ในช่วงเวลานั้น อับราฮัมอดทนรอและไม่เคยยอมให้ความเชื่อในพระยะโฮวาลดน้อยลงเลย (ปฐก. 15:3, 4; 21:5; ฮบ. 6:12-15) มันไม่ง่ายเลยที่จะรอ (สภษ. 13:12) แต่ถ้าเราเอาแต่คิดถึงเรื่องของเราและความผิดหวังของเรา เราก็จะยิ่งหมดกำลังใจ แทนที่จะคิดอย่างนั้น เราสามารถใช้เวลาที่เรารอเพื่อพัฒนาคุณลักษณะต่าง ๆ ที่เราจำเป็นต้องมี ถ้าคุณอ่านคัมภีร์ไบเบิลและคิดใคร่ครวญเรื่องที่คุณอ่าน คุณก็จะฉลาดขึ้น คิดหาเหตุผลและตัดสินใจได้ดีขึ้น ในแต่ละวันเราจะสามารถใช้สิ่งที่เราได้เรียนเพื่อตัดสินใจแบบที่พระองค์พอใจ เช่น เราจะรู้วิธีปฏิบัติกับคนอื่น วิธีใช้เงิน วิธีเลือกเสื้อผ้าและความบันเทิง ห16.08 3:9-11
วันพุธที่ 12 กันยายน
พระเจ้าเป็นผู้ที่กระตุ้นพวกคุณให้มี . . . กำลัง—ฟป. 2:13
พระยะโฮวาได้ช่วยประชาชนของพระองค์ให้รบชนะพวกอามาเลขกับเอธิโอเปีย และให้พลังเนหะมีย์กับชาวยิวในการสร้างกำแพงกรุงเยรูซาเล็มจนเสร็จ คล้ายกัน พระเจ้าจะให้เรามีกำลังเพื่อจะประกาศต่อ ๆ ไปได้ทั้ง ๆ ที่เรามีเรื่องกังวล ถูกต่อต้าน หรือไม่ค่อยเจอคนสนใจ (1 ปต. 5:10) พระยะโฮวาจะไม่ทำการอัศจรรย์ให้ปัญหาของเราอยู่ ๆ ก็หายไป แต่เราต้องทำส่วนของเรา เราต้องอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวัน เตรียมตัวและไปประชุมทุกอาทิตย์ จัดเวลาเป็นประจำที่จะศึกษาส่วนตัวและนมัสการประจำครอบครัว นอกจากนั้น เราต้องพึ่งพระยะโฮวาโดยการอธิษฐานบ่อย ๆ พระยะโฮวาให้สิ่งต่าง ๆ มากมายกับเราที่ช่วยเราให้มีพลังและกำลังใจมากขึ้น เราเองต้องไม่ยอมให้กิจกรรมอื่น ๆ หรืออะไรก็ตามมาทำให้เราเขวหรือดึงเราไม่ให้ใส่ใจกับสิ่งที่พระองค์จัดเตรียม ถ้าเมื่อไรคุณรู้สึกว่า ‘มือของคุณเริ่มอ่อนแรง’ หรือรู้สึกหมดแรงที่จะทำกิจกรรมเหล่านี้ของคริสเตียน คุณต้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า แล้วคุณจะเห็นว่าพลังของพระเจ้าสามารถ “กระตุ้นพวกคุณให้มีทั้งความต้องการและกำลังเพื่อจะทำสิ่งที่พระองค์พอใจ” ห16.09 1:12
วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน
เพราะการผิดศีลธรรมทางเพศมีแพร่หลาย ให้ผู้ชายทุกคนมีภรรยา และให้ผู้หญิงทุกคนมีสามี—1 คร. 7:2
อัครสาวกเปาโลสนับสนุนให้อยู่เป็นโสด แต่ก็เขาพูดข้อคัมภีร์วันนี้ และยังบอกอีกว่า “ถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็ให้แต่งงานเถอะ เพราะทำอย่างนั้นก็ดีกว่ามีใจเร่าร้อนด้วยความใคร่” การแต่งงานอาจช่วยคนที่มีความต้องการทางเพศสูงไม่ให้ทำผิดศีลธรรมหรือสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง แต่คนที่อยากจะแต่งงานต้องคิดว่าเขาโตพอไหมที่จะแต่งงาน เปาโลบอกว่า “ใครที่คิดว่าตัวเองจะทำตัวไม่เหมาะสมถ้ายังเป็นโสดต่อไป และเขาเลยช่วงหนุ่มสาวไปแล้ว ก็ให้เขาแต่งงานอย่างที่เขาต้องการ ถ้าทำอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ทำบาปอะไร” (1 คร. 7:9, 36; 1 ทธ. 4:1-3) คนเราไม่ควรคิดจะแต่งงานแค่เพราะว่าเขามีความต้องการทางเพศสูงซึ่งเป็นเรื่องปกติในช่วงวัยรุ่น เขาอาจจะเป็นผู้ใหญ่ไม่พอที่จะรับผิดชอบหน้าที่ต่าง ๆ ในครอบครัว ห16.08 1:17
วันศุกร์ที่ 14 กันยายน
เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เห็นว่าเราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า—2 คร. 6:4
การแต่งตัวของเราบอกว่าเราเป็นคนอย่างไร และส่งผลต่อวิธีที่คนอื่นมองเราและคิดเกี่ยวกับเรา (1 ซม. 16:7) เนื่องจากเราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า เราจะไม่เลือกเสื้อผ้าแค่เพราะเราชอบหรือใส่สบาย เมื่อเราใช้หลักการในคัมภีร์ไบเบิล เราจะไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูป ฟิตเกินไป เซ็กซี่วับ ๆ แวม ๆ เราไม่ควรใส่อะไรที่ทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัดจนต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น ถ้าเราแต่งตัวเรียบร้อยเหมาะสม สะอาด ดูดี คนอื่นก็จะนับถือเรา และพวกเขาอาจมาสนใจพระเจ้าที่เรานมัสการและรับฟังข่าวดีที่ช่วยชีวิตก็ได้ ห16.09 3:5, 6
วันเสาร์ที่ 15 กันยายน
เป็นคนมีเหตุผล แสดงความอ่อนโยนต่อทุกคนเสมอ—ทต. 3:2
เราต้องรู้ก่อนว่าคนที่เราคุยด้วยเชื่ออะไรจริง ๆ อย่าลืมว่าบางคนที่เชื่อเรื่องวิวัฒนาการก็เชื่อเรื่องพระเจ้าด้วย พวกเขาเชื่อว่าพระเจ้าใช้วิวัฒนาการสร้างสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง ส่วนคนอื่น ๆ ก็เชื่อเรื่องวิวัฒนาการเพราะที่โรงเรียนสอนอย่างนั้น และก็ยังมีบางคนที่เลิกเชื่อพระเจ้าเพราะพวกเขาผิดหวังกับศาสนา ดังนั้น เราต้องถามก่อนว่าพวกเขาเชื่ออะไรและทำไมถึงเชื่ออย่างนั้น จากนั้น เราต้องตั้งใจฟังเวลาที่เขาพูด เพราะถ้าเราทำอย่างนั้น เขาก็อาจจะเต็มใจฟังในสิ่งที่เราพูดด้วย ถ้ามีบางคนบอกว่าเราโง่มากที่เชื่อว่ามีผู้สร้าง เราจะตอบเขาอย่างไร? เราน่าจะถามเขาว่าเขาคิดว่าชีวิตมาจากไหน เราน่าจะบอกว่าถ้าชีวิตวิวัฒนาการมาจริง ๆ สิ่งมีชีวิตแรกหรือเซลล์แรกต้องสามารถทำให้เกิดเซลล์ที่สองได้ด้วยตัวมันเอง ศาสตราจารย์ทางเคมีคนหนึ่งบอกไว้ว่า “สิ่งที่น่าทึ่งคือแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่มีโครงสร้างแบบง่ายที่สุดก็ยังมีความซับซ้อนมาก” ดังนั้น จะเป็นไปได้หรือที่สิ่งมีชีวิตจะเกิดมาจากวิวัฒนาการ? ห16.09 4:12, 13
วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน
ไม่ยอมอะลุ่มอล่วยเพื่อแลกกับการปล่อยตัว พวกเขาจะได้รับการปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายแบบที่ดีกว่า—ฮบ. 11:35
ลองคิดถึงนาโบทและเศคาริยาห์ เขาสองคนถูกหินขว้างตายเพราะเชื่อฟังพระเจ้า (1 พก. 21:3, 15; 2 พศ. 24:20, 21) แล้วก็ดาเนียลที่ถูกโยนลงไปในบ่อสิงโตที่หิวโหย ส่วนเพื่อน ๆ ของเขาก็ถูกโยนไปในเตาไฟ พวกเขาเต็มใจตายแทนที่จะ “อะลุ่มอล่วยเพื่อแลกกับการปล่อยตัว” คนเหล่านั้นมีความเชื่อที่เข้มแข็ง เขามั่นใจว่าพระยะโฮวาพระเจ้าสามารถให้พลังบริสุทธิ์กับเขาและช่วยเขาให้อดทนกับความยากลำบากได้ (ดนล. 3:16-18, 20, 28; 6:13, 16, 21-23; ฮบ. 11:33, 34) เพราะความเชื่อที่พวกเขามีในพระยะโฮวา ผู้พยากรณ์หลายคน เช่น มีคายาห์และเยเรมีย์ “ถูกเยาะเย้ย . . . ถูกขังคุก” ส่วนคนอื่น ๆ เช่น เอลียาห์ต้อง “ร่อนเร่ไปตามที่กันดาร ตามภูเขา ตามถ้ำ และตามโพรงใต้ดิน” พวกเขาทุกคนอดทนและรักษาความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระเจ้าได้เนื่องจากพวกเขามี “ความมั่นใจเพราะมีเหตุผลหนักแน่นว่าสิ่งที่หวังไว้จะเกิดขึ้น”—ฮบ. 11:1, 36-38; 1 พก. 18:13; 22:24-27; ยรม. 20:1, 2; 28:10, 11; 32:2 ห16.10 3:10, 11
วันจันทร์ที่ 17 กันยายน
ให้ถ่อมตัวและมองว่าคนอื่นดีกว่าตัวเอง—ฟป. 2:3
เราสามารถทำดีกับคนที่มาจากชาติอื่นได้โดยเข้าไปทักทายเขาอย่างอบอุ่นที่หอประชุม คนต่างด้าวที่เพิ่งย้ายมาอาจรู้สึกอาย พวกเขาอาจต้องอยู่คนเดียว และธรรมเนียมหรือสถานภาพทางสังคมอาจทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าคนอื่น ดังนั้น เราต้องทักทายพวกเขาก่อน เราต้องทำดีกับพวกเขาและสนใจพวกเขาจริง ๆ ถ้าในแอป JW Language มีภาษาที่พวกเขาใช้ คุณก็น่าจะใช้แอปนี้ช่วยคุณให้พูดคำทักทายในภาษาของพวกเขา (ฟป. 2:4) คุณอาจรู้สึกแปลก ๆ ถ้าต้องเข้าไปคุยกับคนอื่นที่มีธรรมเนียมหรือวัฒนธรรมไม่เหมือนกับคุณ ดังนั้น เพื่อจะเอาชนะความรู้สึกแบบนั้นได้ คุณอาจจะเริ่มเล่าเรื่องของคุณให้เขาฟัง แล้วคุณอาจเห็นว่าจริง ๆ แล้วคุณกับเขาก็มีอะไรเหมือน ๆ กันมากกว่าที่คุณคิดในตอนแรก อย่าลืมว่า วัฒนธรรมหรือธรรมเนียมในแต่ละที่ก็มีสิ่งที่ดีและไม่ดีแตกต่างกันไป ห16.10 1:13, 14
วันอังคารที่ 18 กันยายน
ผมได้รับรายงานว่ามีการทำผิดศีลธรรมทางเพศในหมู่พวกคุณ ซึ่งความผิดแบบนี้แม้แต่คนที่ไม่นับถือพระเจ้าก็ยังไม่ทำกัน—1 คร. 5:1
คัมภีร์ไบเบิลบอกสิ่งที่เราทุกคนควรทำเพื่อจะรักษาประชาคมให้สะอาด ขอดูสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองโครินธ์ เปาโลรักพี่น้องที่นั่น เขาได้ช่วยหลายคนให้มาเรียนความจริง (1 คร. 1:1, 2) ลองคิดดูว่าเปาโลจะรู้สึกอย่างไรที่ได้รู้ว่า มีคนหนึ่งใช้ชีวิตแบบผิดศีลธรรมและพวกพี่น้องก็ยอมให้คนนี้อยู่ในประชาคมต่อไปโดยไม่จัดการอะไร เปาโลบอกพวกผู้ดูแลว่า “ไล่คนนั้นไปอยู่กับซาตาน” นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องตัดสัมพันธ์คนนั้นและไม่ให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอีกต่อไป (1 คร. 5:5-7, 12) ในทุกวันนี้ พวกผู้ดูแลอาจตัดสินใจตัดสัมพันธ์คนที่ทำบาปร้ายแรงและไม่กลับใจ เมื่อมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เราจะปฏิบัติกับคนที่ถูกตัดสัมพันธ์ตามที่คัมภีร์ไบเบิลบอกให้เราทำไหม? ถ้าเราทำแบบนั้น เราก็จะช่วยให้ประชาคมสะอาด และเราอาจช่วยคนนั้นให้รู้ว่าเขาต้องกลับใจและขอให้พระยะโฮวาอภัยให้เขา ห16.11 2:14
วันพุธที่ 19 กันยายน
พวกคุณมีอะไรจะพูดให้กำลังใจประชาชนหน่อยไหม?—กจ. 13:15
ลองคิดดูว่าเราจะช่วยคนอื่นได้มากขนาดไหนถ้าเราให้กำลังใจเขา รูเบนบอกว่า “ผมต้องสู้กับความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่ามาเป็นเวลานานหลายปี แต่ครั้งหนึ่งตอนที่ผมประกาศกับผู้ดูแล เขารู้ว่าช่วงนี้ผมต้องเจอแต่เรื่องแย่ ๆ พอผมระบายความรู้สึกออกมา เขาก็ฟังอย่างเห็นอกเห็นใจแล้วก็ชวนให้ผมคิดถึงสิ่งดีหลายอย่างที่ผมทำ เขายังเตือนให้ผมคิดถึงคำพูดของพระเยซูที่บอกว่า พวกเราทุกคนมีค่ามากกว่านกกระจอกหลายตัวรวมกันด้วยซ้ำ ผมชอบคิดถึงข้อนี้อยู่บ่อย ๆ เพราะมันโดนใจผมมาก ข้อคัมภีร์นี้ทำให้ผมมีกำลังใจอยู่เสมอ คำพูดของผู้ดูแลคนนั้นช่วยผมให้ฮึดสู้ต่อไป” (มธ. 10:31) คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าเราทุกคนต้องให้กำลังใจกันเสมอ อัครสาวกเปาโลเขียนถึงคริสเตียนชาวฮีบรูว่า “คอยให้กำลังใจกันทุก ๆ วัน” แล้วเปาโลก็อธิบายเหตุผลที่พวกเขาควรให้กำลังใจกันว่า “เพื่อจะไม่มีใครในพวกคุณกลายเป็นคนดื้อด้านเพราะแรงชักจูงของบาป” (ฮบ. 3:13) ถ้าคุณคิดถึงความรู้สึกตอนที่มีคนมาให้กำลังใจคุณ คุณก็จะรู้ว่าการให้กำลังใจคนอื่นนั้นสำคัญขนาดไหน ห16.11 1:2, 3
วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน
บางคนพูดบิดเบือนความจริงเพื่อชักจูงพวกสาวกให้ติดตามพวกเขาไป—กจ. 20:30
ในปี ค.ศ. 313 คอนสแตนตินจักรพรรดิโรมันนอกรีตได้ทำให้ศาสนาคริสเตียนที่สอนคำสอนเท็จและทรยศพระเจ้าเป็นศาสนาที่ถูกต้องตามกฎหมาย จักรพรรดิโรมันคอนสแตนตินได้จัดการประชุมร่วมกับพวกผู้นำของคริสตจักรในการประชุมสังคายนาที่นีเซีย หลังจากการประชุมครั้งนั้น คอนสแตนตินได้สั่งให้เนรเทศบาทหลวงที่ชื่อว่าอาริอุสเพราะอาริอุสไม่เห็นด้วยกับความเชื่อที่ว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิทีโอโดซิอุสที่ 1 (ค.ศ. 379-395) คริสตจักรคาทอลิกก็ได้กลายมาเป็นศาสนาประจำชาติของจักรวรรดิโรม นักประวัติศาสตร์บอกว่า โรมได้กลายมาเป็น “คริสเตียน” ในสมัยที่จักรพรรดิทีโอโดซิอุสที่ 1 ปกครองนั่นแหละ แต่ความจริงก็คือ คริสเตียนที่ทรยศพระเจ้าพวกนั้นได้รับเอาคำสอนของพวกนอกรีตเข้ามา ทำให้พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของบาบิโลนใหญ่ไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่ซื่อสัตย์เหลืออยู่ พวกเขาเป็นเหมือนข้าวสาลีที่พระเยซูบอกในตัวอย่างเปรียบเทียบ พวกเขาซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าและพยายามทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อนมัสการพระองค์—มธ. 13:24, 25, 37-39 ห16.11 4:8, 9
วันศุกร์ที่ 21 กันยายน
ฝากความกังวลทั้งหมดไว้กับ [พระยะโฮวา] เพราะพระองค์ ห่วงใยคุณ—1 ปต. 5:7
ในทุกวันนี้ ซาตานเป็น “เหมือนสิงโตคำรามที่กำลังเดินไปเดินมาเสาะหาคนที่มันจะขย้ำกิน” (1 ปต. 5:8; วว. 12:17) ชีวิตเราเลยมีแต่เรื่องเครียด ๆ และแม้แต่ผู้รับใช้พระเจ้าก็รู้สึกกังวลด้วย ที่จริง มีบางเวลาที่ผู้รับใช้พระเจ้าในอดีตต้องเจอกับเรื่องที่ทำให้พวกเขากังวล ตัวอย่างเช่น คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าบางครั้งกษัตริย์ดาวิดรู้สึกกังวล (สด. 13:2) และอัครสาวกเปาโลก็มี “ความกังวลเกี่ยวกับทุก ๆ ประชาคม” (2 คร. 11:28) เราน่าจะทำอะไรถ้าเรารู้สึกกังวลและเครียดมาก? พระเจ้าผู้เป็นพ่อในสวรรค์ที่รักเราได้ช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ในอดีตให้คลายความกังวล และพระองค์ก็อยากช่วยเราในทุกวันนี้ด้วย มี 4 วิธีที่เราทำได้ คือ (1) อธิษฐาน (2) อ่านคัมภีร์ไบเบิลและคิดใคร่ครวญ (3) ให้พลังบริสุทธิ์ของพระยะโฮวาช่วยคุณ และ (4) ระบายความรู้สึกกับคนที่คุณไว้ใจ ห16.12 3:1, 2
วันเสาร์ที่ 22 กันยายน
คนที่ทำสิ่งเหล่านั้นจะต้องตายในที่สุด—รม. 6:21
ในศตวรรษแรก คริสเตียนบางคนในเมืองโครินธ์เคยเป็นขโมย เคยรักร่วมเพศ ทำผิดศีลธรรม ไหว้รูปเคารพ และเมาเหล้า แต่พอพวกเขาได้รู้จักความจริงและรักพระยะโฮวา พวกเขารู้สึกอายกับสิ่งที่ตัวเองเคยทำและเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง พวกเขาถูก ‘ชำระให้สะอาดแล้ว’ (รม. 6:21; 1 คร. 6:9-11) คริสเตียนในโรมก็ต้องเปลี่ยนแปลงคล้าย ๆ กัน เปาโลบอกพวกเขาว่า “เลิกปล่อยให้บาปใช้ร่างกายของคุณเป็นเครื่องมือทำชั่ว แต่ให้มอบตัวคุณไว้กับพระเจ้าเหมือนคนที่ตายแล้วและได้ชีวิตใหม่ ให้พระเจ้าใช้คุณเป็นเครื่องมือทำความดี” (รม. 6:13) เปาโลมั่นใจว่าพวกเขาสามารถทำสิ่งที่ถูกต้องได้ และเมื่อพวกเขาทำอย่างนั้นพวกเขาจึงได้รับประโยชน์จากความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าต่อ ๆ ไป ห16.12 1:13
วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน
ขอให้วางใจพระยะโฮวา—สด. 37:3
พระยะโฮวาสร้างมนุษย์ให้มีความสามารถที่ไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตอื่น พระองค์ให้เรามีความสามารถในการคิดซึ่งช่วยเราแก้ปัญหาและวางแผนอนาคตได้ (สภษ. 2:11) พระองค์ยังให้กำลังกับเราเพื่อที่เราจะทำตามแผนและเป้าหมายที่วางไว้ (ฟป. 2:13) นอกจากนั้น พระองค์ยังให้เรามีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ความรู้สึกนี้จะช่วยไม่ให้เราทำผิดและจะกระตุ้นเราให้แก้ไขข้อผิดพลาดที่เราทำ (รม. 2:15) พระยะโฮวาพูดหลายครั้งในคัมภีร์ไบเบิลว่าให้เราใช้สิ่งที่พระองค์ให้ในทางที่ดี เช่น ในคัมภีร์ไบเบิลภาคภาษาฮีบรูบอกว่า “แผนการของคนขยันจะสำเร็จแน่” และ “ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ทำให้สุดกำลัง” (สภษ. 21:5; ปญจ. 9:10) และในภาคภาษากรีกก็บอกว่า “เมื่อมีโอกาสก็ให้เราทำดีกับทุกคน” และ “ให้ใช้ความสามารถตามขนาดที่ได้รับมาเพื่อรับใช้กันในฐานะคนรับใช้ที่ดี” (กท. 6:10; 1 ปต. 4:10) เห็นได้ชัดว่าพระยะโฮวาอยากให้เราทำสิ่งที่เราทำได้เพื่อประโยชน์ของคนอื่นและตัวเราเอง ห17.01 1:1, 2
วันจันทร์ที่ 24 กันยายน
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับพวกเขาเพื่อเป็นตัวอย่างสอนเรา และถูกเขียนไว้เพื่อเตือนเราซึ่งอยู่ใกล้ตอนสิ้นยุค—1 คร. 10:11
มนุษย์ทุกคนได้รับความไม่สมบูรณ์และความตายเป็นมรดกตกทอดมาจากอาดัมและเอวา ถึงอย่างนั้น เราก็ยังสามารถใช้อิสระในการเลือกของเราได้ เราเห็นได้จากวิธีที่พระเจ้าปฏิบัติกับชาติอิสราเอล พระยะโฮวาให้พวกเขาเลือกว่าจะเป็นชนชาติพิเศษของพระองค์หรือไม่ (อพย. 19:3-6) แล้วพวกเขาก็เลือกที่จะเป็นประชาชนของพระเจ้าและยอมรับกรอบที่พระองค์วางไว้ พวกเขาบอกว่า “ทุกสิ่งที่พระยะโฮวาสั่ง พวกเราจะทำตาม” (อพย. 19:8) แต่ต่อมาชาติอิสราเอลกลับเลือกไม่ทำตามที่สัญญาไว้กับพระยะโฮวา นี่เป็นตัวอย่างเตือนใจเรา ขอเราเห็นคุณค่าอิสระในการเลือกและตัดสินใจที่พระยะโฮวาให้เราเสมอ และขอเราใกล้ชิดกับพระยะโฮวาและเชื่อฟังกฎหมายของพระองค์ต่อ ๆ ไป ห17.01 2:9
วันอังคารที่ 25 กันยายน
ใช้ชีวิตตามแนวทางของพระเจ้าด้วยความเจียมตัว—มคา. 6:8
เยโรโบอัมกษัตริย์ของอิสราเอลตั้งแท่นบูชานมัสการพระเท็จในเมืองเบธเอล พระยะโฮวาสั่งให้ผู้พยากรณ์จากยูดาห์ไปบอกข่าวสารการพิพากษากับเยโรโบอัม ผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาถ่อมตัว เขาเชื่อฟังพระองค์และไปบอกข่าวสารนั้น พอได้ฟังข่าวสาร เยโรโบอัมก็โกรธมาก แต่พระยะโฮวาปกป้องผู้พยากรณ์ไว้ (1 พก. 13:1-10) พระยะโฮวาสั่งไม่ให้ผู้พยากรณ์คนนั้นกินหรือดื่มอะไรในอิสราเอล และสั่งให้เดินทางกลับโดยใช้เส้นทางอื่น ระหว่างทางผู้พยากรณ์ก็เจอชายแก่คนหนึ่ง ชายแก่คนนี้หลอกว่ามีข่าวสารจากพระยะโฮวาและเชิญผู้พยากรณ์ไปที่บ้านเพื่อกินและดื่ม ผู้พยากรณ์ไม่เชื่อฟังพระยะโฮวาและไปที่บ้านของชายแก่คนนั้น พระยะโฮวาโกรธผู้พยากรณ์ แล้วระหว่างทางกลับบ้านก็มีสิงโตตัวหนึ่งมาฆ่าเขา (1 พก. 13:11-24) เราไม่รู้ว่าทำไมผู้พยากรณ์คนนั้นจึงเชื่อชายแก่มากกว่าเชื่อฟังพระยะโฮวา แต่เรารู้ว่าเขาไม่ได้ “ใช้ชีวิตตามแนวทางของพระเจ้า [“เดินกับพระเจ้า,” เชิงอรรถ] ด้วยความเจียมตัว” ห17.01 4:1-3
วันพุธที่ 26 กันยายน
เราจะทำตามที่พูดไว้ และจะทำให้สำเร็จตามที่ได้ตั้งใจ—อสย. 46:11
“ในตอนเริ่มต้น พระเจ้าสร้างฟ้าและโลก” นี่เป็นประโยคแรกในคัมภีร์ไบเบิลที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง (ปฐก. 1:1) เราได้เห็นแค่บางสิ่งจากสิ่งต่าง ๆ มากมายที่พระเจ้าสร้างในเอกภพ และเราก็เข้าใจเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้น้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นอวกาศ แสงสว่าง และแรงโน้มถ่วง (ปญจ. 3:11) ถึงอย่างนั้น พระยะโฮวาบอกให้เรารู้ว่า ตั้งแต่แรกพระองค์ตั้งใจให้โลกกับมนุษย์เป็นอย่างไร พระองค์สร้างมนุษย์ให้มีลักษณะเหมือนพระองค์และอยากให้พวกเขามีความสุขกับการมีชีวิตอยู่บนโลก (ปฐก. 1:26) พระเจ้าจะเป็นพ่อของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นลูกของพระองค์ ในบท 3 ของหนังสือปฐมกาล พวกเราได้เรียนว่าสิ่งที่พระยะโฮวาตั้งใจไว้ถูกขัดขวาง (ปฐก. 3:1-7) แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรที่พระยะโฮวาจัดการไม่ได้ ไม่มีใครมาขวางพระองค์ได้ (อสย. 46:10; 55:11) เรามั่นใจได้ว่าสิ่งที่พระยะโฮวาตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกจะต้องเกิดขึ้นตามเวลาที่พระองค์กำหนดไว้อย่างแน่นอน! ห17.02 1:1, 2
วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน
พระเจ้าที่ให้พลังบริสุทธิ์ของพระองค์กับเขา [โมเสส]—อสย. 63:11
ชาวอิสราเอลรู้ไหมว่าโมเสสมีพลังบริสุทธิ์ของพระเจ้า? รู้แน่นอน ที่โมเสสสามารถทำการอัศจรรย์ต่าง ๆ และทำให้ฟาโรห์ได้มารู้จักชื่อของพระเจ้าเป็นเพราะพลังบริสุทธิ์ที่พระเจ้าให้กับโมเสส (อพย. 7:1-3) นอกจากนั้น พลังบริสุทธิ์ยังช่วยโมเสสให้เป็นผู้นำที่มีความรักและความอดทน เห็นได้ชัดว่า พระยะโฮวาเลือกโมเสสให้เป็นผู้นำประชาชนของพระองค์ มีใครอีกไหมที่พระยะโฮวาให้มีพลังบริสุทธิ์เพื่อจะนำหน้าประชาชนของพระองค์? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “โยชูวาลูกชายของนูนได้รับพลังจากพระเจ้าซึ่งทำให้เขามีสติปัญญา” (ฉธบ. 34:9) อีกข้อหนึ่งบอกว่า “พลังของพระยะโฮวาลงมาบนกิเดโอน” (วนฉ. 6:34) ส่วนอีกข้อหนึ่งบอกว่า “พลังของพระยะโฮวาก็อยู่กับดาวิด” (1 ซม. 16:13) คนเหล่านี้พึ่งพลังของพระเจ้า พลังนี้ช่วยพวกเขาทำสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่สามารถทำได้ด้วยกำลังของตัวเอง—ยชว. 11:16, 17; วนฉ. 7:7, 22; 1 ซม. 17:37, 50 ห17.02 3:3-5
วันศุกร์ที่ 28 กันยายน
เราไม่ใช่นายที่คอยควบคุมความเชื่อของพวกคุณ แต่เป็นเพื่อนร่วมงานที่อยากให้พวกคุณมีความสุข และที่พวกคุณมั่นคงอยู่ได้ก็เพราะความเชื่อของพวกคุณเอง—2 คร. 1:24
เราทุกคนสามารถเรียนจากตัวอย่างที่ดีของอัครสาวกเปาโล เขารู้ว่าพี่น้องทุกคนมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง และเขาก็เคารพสิทธิ์นั้น ในทุกวันนี้ พี่น้องที่เป็นผู้ดูแลสามารถเลียนแบบตัวอย่างของเปาโลตอนที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องตัดสินใจส่วนตัว ผู้ดูแลยินดีให้ข้อมูลจากคัมภีร์ไบเบิลกับพี่น้อง แต่ผู้ดูแลต้องระวัง เขาต้องให้พี่น้องแต่ละคนตัดสินใจเองเพราะทุกคนต้องรับผลจากการเลือกของตัวเอง บทเรียนสำคัญสำหรับเราคือ เราสามารถช่วยคนอื่นให้เข้าใจคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลที่อาจใช้ได้กับสภาพการณ์ของพวกเขา แต่มันเป็นหน้าที่และสิทธิ์ของเขาที่จะต้องตัดสินใจเอง ถ้าเขาตัดสินใจอย่างฉลาด เขาก็จะได้รับประโยชน์ เห็นได้ชัดว่า เราไม่ควรแม้แต่จะคิดว่าเรามีอำนาจตัดสินใจแทนพี่น้องว่าเขาควรทำอะไรหรือไม่ควรทำอะไร ห17.03 2:11
วันเสาร์ที่ 29 กันยายน
ให้เชื่อฟังและยอมรับอำนาจคนที่นำหน้าในหมู่พวกคุณ—ฮบ. 13:17
คณะกรรมการปกครองได้แสดงว่าพวกเขามีความเชื่อโดยการประกาศและสนับสนุนข่าวดีอย่างกระตือรือร้น แล้วพวกเราล่ะ? เรากำลังสนับสนุนพี่น้องเหล่านั้นโดยทำงานที่สำคัญนี้อยู่ไหม? ถ้าเราทำอย่างนั้น เราจะมีความสุขที่ได้ยินพระเยซูบอกเราว่า “ที่พวกคุณได้ทำอย่างนั้นกับพี่น้องของผมแม้แต่คนที่ดูต่ำต้อยที่สุด ก็เหมือนพวกคุณได้ทำกับผมด้วย” (มธ. 25:34-40) ตอนที่พระเยซูกลับไปสวรรค์ ท่านไม่ได้ทิ้งสาวก (มธ. 28:20) พระเยซูรู้ว่าพลังบริสุทธิ์ ทูตสวรรค์ และถ้อยคำของพระเจ้าได้ช่วยท่านตอนที่อยู่บนโลกให้นำหน้าประชาชนของพระเจ้า ท่านให้ทาสที่ซื่อสัตย์ได้รับความช่วยเหลือแบบเดียวกันในทุกวันนี้ด้วย คณะกรรมการปกครองติดตาม “ลูกแกะของพระเจ้า” หรือพระเยซู “ไม่ว่าท่านจะไปไหน” (วว. 14:4) ดังนั้น ถ้าเราทำตามการชี้นำของคณะกรรมการปกครอง เราก็กำลังติดตามพระเยซูผู้นำของเรา พระเยซูจะนำหน้าเราเพื่อเราจะได้รับชีวิตตลอดไป (วว. 7:14-17) ไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะสัญญากับเราอย่างนี้ได้ ห17.02 4:17-19
วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน
ให้พระยะโฮวาชี้ทางให้คุณ ขอให้พึ่งพระองค์ แล้วพระองค์จะช่วยคุณ—สด. 37:5
ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหน เราต้องไม่พึ่งความคิดของตัวเองแต่พึ่งพระยะโฮวาเสมอ ตอนที่เราเจอปัญหาหนัก อาจจะง่ายที่เราจะคิดถึงพระยะโฮวาและรู้สึกว่าต้องพึ่งพระองค์ แต่ถ้าเป็นเรื่องเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันล่ะ เราทำอย่างไร? บางครั้งเราพึ่งความคิดของตัวเองโดยพยายามแก้ปัญหาในแบบที่เราเองคิดว่าดีที่สุดไหม? หรือเราคิดก่อนทุกครั้งว่าคัมภีร์ไบเบิลพูดอย่างไร แล้วค่อยแก้ปัญหาตามคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล? ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าครอบครัวของคุณไม่อยากให้คุณไปประชุมประชาคมหรือประชุมใหญ่ คุณจะขอพระยะโฮวาช่วยคุณให้รู้ว่าจะทำอย่างไรไหม? หรือสมมุติว่าคุณตกงานมานานแล้วและในที่สุดก็มีคนอยากจะจ้างคุณ แต่คุณจะบอกนายจ้างไหมว่าคุณต้องไปประชุมทุกอาทิตย์ซึ่งอาจทำให้เขาไม่รับคุณทำงานก็ได้? ไม่ว่าเราจะต้องเจอปัญหาอะไรก็ตาม เราต้องจำคำแนะนำของผู้แต่งหนังสือสดุดีไว้เสมออย่างที่บอกในข้อคัมภีร์วันนี้ ห17.03 4:6