ตุลาคม
วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม
พระองค์ให้คนที่เกรงกลัวพระองค์ได้ทุกสิ่งที่ต้องการ พระองค์ฟังพวกเขาร้องขอความช่วยเหลือและช่วยพวกเขา—สด. 145:19
พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ “ช่วยคุณให้อดทนและให้กำลังใจคุณ” (รม. 15:5) พระองค์เป็นผู้เดียวที่เข้าใจเรามากที่สุด พระองค์เข้าใจสถานการณ์ ความรู้สึกและภูมิหลังของเรา ดังนั้น พระองค์รู้ว่าอะไรจะช่วยเราให้อดทนได้ พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานของเราโดยให้กำลังที่เราจะอดทนอย่างไร? ตอนที่เราขอพระยะโฮวาให้ช่วยเราอดทน พระองค์สัญญาว่าจะให้เรา “มีทางออก” (1 คร. 10:13) พระองค์ทำอย่างนั้นอย่างไร? บางครั้ง พระเจ้าอาจทำให้ปัญหาหมดไปก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว พระองค์จะให้กำลังเพื่อที่เราจะ “อดทนจนถึงที่สุดและอดกลั้นด้วยความยินดี” (คส. 1:11) และเนื่องจากพระเจ้ารู้จักเราดี พระองค์รู้จักร่างกายของเรา ความคิดและความรู้สึกของเรา พระยะโฮวาจะไม่มีวันยอมให้ปัญหาที่เกิดขึ้นหนักจนทำให้เราไม่สามารถรักษาความซื่อสัตย์ได้ ห16.04 2:5, 6
วันอังคารที่ 2 ตุลาคม
ถ้าอย่างนั้น อะไรที่เป็นของซีซาร์ก็ให้กับซีซาร์ และอะไรที่เป็นของพระเจ้าก็ให้กับพระเจ้า—มธ. 22:21
คัมภีร์ไบเบิลสอนว่าเราต้องเชื่อฟังรัฐบาลของมนุษย์ แต่ก็บอกอีกว่าเราต้องเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่ามนุษย์ (กจ. 5:29; ทต. 3:1) เราจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร? ในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ พระเยซูอธิบายหลักการที่ช่วยเราให้รู้ว่าควรเชื่อฟังใคร เรา “ให้กับซีซาร์” โดยการเชื่อฟังกฎหมายของรัฐบาล แสดงความนับถือเจ้าหน้าที่รัฐบาลเมื่อติดต่อเกี่ยวข้องกับพวกเขา และเสียภาษี (รม. 13:7) ถ้ารัฐบาลบอกให้เราทำบางอย่างที่พระเจ้าไม่อยากให้ทำ เราก็จะไม่ทำ แต่เราจะปฏิเสธในแบบที่นับถือ เรารักษาความเป็นกลางอยู่เสมอ (อสย. 2:4) เนื่องจากพระยะโฮวายอมให้รัฐบาลของมนุษย์ปกครอง เราจึงไม่ต่อต้านพวกเขา แต่เราจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่แสดงความรักชาติ (รม. 13:1, 2) เราจะไม่พยายามเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือพยายามโน้มน้าวนักการเมืองให้ทำสิ่งที่เราชอบ เราจะไม่เลือกตั้งและไม่เป็นนักการเมือง ห16.04 4:1, 2
วันพุธที่ 3 ตุลาคม
ก็ให้ถือว่าเขาเป็นเหมือนคนทั่วไปในโลก—มธ. 18:17
ปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นระหว่างพี่น้องสามารถแก้ไขกันเองได้ และที่จริงก็ควรทำอย่างนั้น แต่ในบางครั้งก็อาจต้องให้คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง (มธ. 18:15-17) ถ้าคนที่ทำผิดได้คุยกับพี่น้อง คุยกับพยานรู้เห็น และคุยกับพี่น้องชายที่มีหน้าที่รับผิดชอบแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมรับผิดและไม่กลับใจ ก็ต้องถือว่า “เขาเป็นเหมือนคนทั่วไปในโลกและเหมือนคนเก็บภาษี” ซึ่งหมายความว่าเขาถูกตัดสัมพันธ์ ดังนั้น ถึงแม้ความผิดในที่นี้เป็นความผิดที่จัดการกันเองได้ แต่ก็ไม่ใช่ความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะถ้าปล่อยเอาไว้และไม่จัดการ คนที่ทำผิดก็อาจถูกตัดสัมพันธ์ได้ การ “ทำผิด” ที่พูดถึงในที่นี้อาจเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง หรือพูดใส่ร้ายที่ทำให้เสียชื่อเสียง ในมัทธิว 18:15-17 พระเยซูพูดถึง 3 ขั้นตอนสำหรับการจัดการกับเรื่องนี้ ห16.05 1:14
วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม
พยายามเข้าใจว่าพระยะโฮวาต้องการอะไร—อฟ. 5:17
คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้มีกฎที่ควบคุมทุกอย่างในชีวิตของเรา ตัวอย่างเช่น ไม่มีคำแนะนำที่บอกรายละเอียดว่าเราต้องเลือกเสื้อผ้าแบบไหน นี่แสดงให้เห็นสติปัญญาของพระยะโฮวา เพราะผู้คนทั่วโลกมีวัฒนธรรมการแต่งตัวไม่เหมือนกัน และแฟชั่นก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตามเวลา ลองคิดดูสิว่าถ้าคัมภีร์ไบเบิลมีรายการที่บอกรายละเอียดว่าเสื้อผ้าแบบไหนใส่ได้และใส่ไม่ได้ กว่าจะถึงตอนนี้ก็คงต้องล้าสมัยแล้วแน่ ๆ แต่คัมภีร์ไบเบิลไม่เคยล้าสมัย นอกจากนั้น คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้มีกฎมากมายเกี่ยวกับการเลือกงาน ความบันเทิงหรือวิธีรักษาสุขภาพ พระยะโฮวายอมให้เราแต่ละคน และให้หัวหน้าครอบครัวเป็นคนตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ถ้าคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกตรง ๆ ว่าควรทำอะไร เราจะตัดสินใจอย่างถูกต้องได้อย่างไร? แทนที่จะทำแต่สิ่งที่เราชอบ เราต้องคิดให้รอบคอบเกี่ยวกับเรื่องที่เรากำลังจะตัดสินใจ และตัดสินใจในแบบที่พระยะโฮวาพอใจ ถ้าเราทำแบบนั้น เราก็มั่นใจได้ว่าพระเจ้าจะอวยพรเรา—สด. 37:5 ห16.05 3:2, 6
วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม
พวกคุณยอมรับคำสอนนั้นไว้เหมือนเป็นคำสอนของพระเจ้าจริง ๆ ไม่ใช่ของมนุษย์—1 ธส. 2:13
ปกติแล้ว มักมีบางส่วนของคัมภีร์ไบเบิลที่เราชอบเป็นพิเศษ บางคนชอบหนังสือข่าวดีเพราะหนังสือ 4 เล่มนั้นมีเรื่องราวของพระเยซูซึ่งช่วยให้เรารู้จักคุณลักษณะที่ดีของพระยะโฮวามากขึ้น (ยน. 14:9) บางคนชอบหนังสือคำพยากรณ์ เช่น หนังสือวิวรณ์ที่ช่วยเราให้เห็น “สิ่งต่าง ๆ ที่จะต้องเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้” (วว. 1:1) ส่วนคนอื่น ๆ ก็ได้กำลังใจเมื่อได้อ่านหนังสือสดุดี และก็ยังมีบางคนที่ชอบอ่านคำแนะนำที่มีประโยชน์ในหนังสือสุภาษิต เห็นได้ชัดว่า คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือสำหรับทุกคน เนื่องจากเรารักคัมภีร์ไบเบิล เราจึงรักหนังสือต่าง ๆ ที่เขียนขึ้นมาโดยใช้คัมภีร์ไบเบิลเป็นหลัก เรามองว่าหนังสือ จุลสาร วารสาร และสิ่งพิมพ์ทั้งหมดเป็นสิ่งที่พระยะโฮวาจัดเตรียมให้เราทุกคน สิ่งเหล่านี้ช่วยเราให้ใกล้ชิดพระยะโฮวาและมั่นคงในความเชื่อ—ทต. 2:2 ห16.05 5:1-3
วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม
ผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้า คือ ความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทนอดกลั้น ความกรุณา ความดี ความเชื่อ ความอ่อนโยน และการควบคุมตัวเอง สิ่งเหล่านี้ไม่มีกฎหมายห้ามเลย—กท. 5:22, 23
พลังบริสุทธิ์สามารถนวดปั้นเราในหลายวิธี เช่น ช่วยเราให้เลียนแบบคุณลักษณะของพระเยซู และช่วยเราให้แสดงคุณลักษณะต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้า คุณลักษณะหนึ่งก็คือความรัก เรารักพระเจ้าและอยากเชื่อฟังพระองค์ เราอยากให้พระองค์นวดปั้นเราเพราะรู้ว่าสิ่งที่พระองค์บอกให้ทำก็เพื่อประโยชน์ของเรา นอกจากนั้น พลังบริสุทธิ์ยังช่วยเราให้มีกำลังที่จะต้านทานไม่ให้โลกชั่วของซาตานนวดปั้นเราได้ (อฟ. 2:2) ตอนที่อัครสาวกเปาโลยังเป็นหนุ่ม เขาได้รับอิทธิพลทางความคิดมาจากพวกผู้นำศาสนาชาวยิวที่เย่อหยิ่ง แต่พลังของพระเจ้าช่วยเขาให้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ ต่อมาเขาบอกว่า “ผมมีกำลังทนได้ทุกสิ่งเพราะพระองค์ให้กำลังกับผม” (ฟป. 4:13) พวกเราก็ต้องขอพลังของพระเจ้าด้วยเหมือนกัน เรามั่นใจได้ว่าถ้าเราอธิษฐานด้วยความจริงใจ พระยะโฮวาก็จะตอบเราแน่นอน—สด. 10:17 ห16.06 1:12
วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม
พระยะโฮวา พระเจ้าของเรา พระองค์สมควรจะได้รับการยกย่องสรรเสริญ—วว. 4:11
เพื่อพระยะโฮวาจะเป็นพระเจ้าเพียงองค์เดียวของเรา เราต้องนมัสการพระองค์ผู้เดียว เราไม่สามารถนมัสการพระยะโฮวากับพระเจ้าองค์อื่นไปพร้อม ๆ กัน และเราไม่สามารถนมัสการพระองค์ได้ถ้าเรายังไม่ทิ้งความเชื่อผิด ๆ หรือยังทำตามคำสอนบางอย่างของศาสนาเท็จอยู่ พระยะโฮวาไม่ได้เป็นแค่พระเจ้าองค์หนึ่งซึ่งเหนือกว่าหรือมีอำนาจมากกว่าพระเจ้าองค์อื่น แต่พระองค์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ เราควรนมัสการพระยะโฮวาเพียงผู้เดียว พระยะโฮวาต้องมาเป็นอันดับแรกในชีวิตเรา และถ้าเราต้องการนมัสการพระองค์เพียงผู้เดียว เราต้องระวังไม่ให้สิ่งอื่นมาแทนที่พระองค์ อาจเป็นอะไรได้บ้าง? ในบัญญัติ 10 ประการ พระยะโฮวาไม่ให้ประชาชนของพระองค์นมัสการพระอื่น ไม่ให้ไหว้รูปเคารพไม่ว่าจะเป็นรูปอะไร (ฉธบ. 5:6-10) ทุกวันนี้ มีรูปเคารพหลายรูปแบบ บางอย่างก็แทบจะดูไม่ออก แต่สิ่งที่พระยะโฮวาอยากให้ผู้รับใช้ของพระองค์ทำก็ยังเหมือนเดิม พระองค์ยังคงเป็นพระยะโฮวา “เพียงองค์เดียว” ไม่เปลี่ยนแปลง—มก. 12:29 ห16.06 3:10, 12
วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม
ถ้าคุณให้อภัยคนที่ทำผิดต่อคุณ พระเจ้าผู้เป็นพ่อในสวรรค์ก็จะให้อภัยคุณด้วย—มธ. 6:14
เมื่อเปโตรถามพระเยซูว่าเราควรให้อภัย “สัก 7 ครั้งพอไหม” พระเยซูตอบว่า “ผมจะบอกให้ว่า ไม่ใช่แค่ 7 ครั้งเท่านั้น แต่ต้องถึง 77 ครั้ง” พระเยซูกำลังสอนเราว่า เราควรเต็มใจให้อภัยคนอื่นเสมอ (มธ. 6: 15; 18:21, 22) ขอให้จำไว้เสมอว่า เราทุกคนทำผิดกันทั้งนั้น คุณก็อาจทำให้คนอื่นไม่พอใจเหมือนกัน ถ้าคุณรู้ตัวว่าทำให้คนอื่นไม่สบายใจ ให้ทำตามคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล ขอให้เขาให้อภัยคุณ และพยายามรักษาสันติสุขกับเขา (มธ. 5:23, 24) เราอยากให้คนอื่นให้อภัยเรา เราก็ควรทำอย่างนี้กับคนอื่น (1 คร. 13:5; คส. 3:13) และถ้าเราให้อภัยพี่น้อง พระยะโฮวาจะให้อภัยเราด้วย ดังนั้น เมื่อพี่น้องทำผิด ขอให้เราเมตตาพวกเขาเหมือนที่พระยะโฮวาผู้เป็นพ่อของเราเมตตาเรา—สด. 103:12-14 ห16.06 4:15, 17
วันอังคารที่ 9 ตุลาคม
ผมไม่อายเกี่ยวกับข่าวดี ที่จริง ข่าวดีนี้เป็นวิธีที่มีพลังซึ่งพระเจ้าใช้เพื่อช่วยทุกคนที่เชื่อให้รอด—รม. 1:16
ในสมัยสุดท้ายนี้ ประชาชนของพระยะโฮวาได้รับงานมอบหมายให้ประกาศ “ข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าไปทั่วโลก เพื่อให้คนทุกชาติมีโอกาสได้ยิน” (มธ. 24:14) ข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าเป็น “ข่าวดีเรื่องความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า” ด้วย ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? ที่เราได้รับสิ่งดีต่าง ๆ จากรัฐบาลของพระเจ้าก็เพราะพระองค์กรุณาเรา (กจ. 20:24; อฟ. 1:3) เปาโลแสดงความขอบคุณสำหรับความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ที่เขาได้รับโดยการประกาศอย่างกระตือรือร้น เรากำลังเลียนแบบตัวอย่างของเปาโลไหม? (รม 1:14, 15) เราได้เรียนว่าคนบาปอย่างเราสามารถได้รับประโยชน์จากความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวาในหลายวิธี เพราะอย่างนี้ เราจึงมีหน้าที่สอนคนอื่นให้รู้ว่าพระยะโฮวารักเรามากขนาดไหน และสอนให้พวกเขารู้วิธีรับประโยชน์จากความกรุณานี้ด้วย ห16.07 4:4, 5
วันพุธที่ 10 ตุลาคม
เตรียมพร้อมอย่างนั้นด้วย เพราะ ‘ลูกมนุษย์’ จะมาในเวลาที่คุณคิดไม่ถึง—ลก. 12:40
พระเยซูเตือนสาวกให้รู้ข้อเท็จจริงนี้ถึง 3 ครั้งก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต (ยน. 12:31; 14:30; 16:11) ซาตานใช้ศาสนาเท็จล่อลวงผู้คน หลายคนในทุกวันนี้จึงไม่สนใจคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลซึ่งแสดงชัดว่าอวสานของโลกใกล้มากแล้ว (ศฟย. 1:14) เห็นได้ชัดว่า ซาตาน ‘ทำให้ใจ ของคนที่ไม่เชื่อมืดไป’ (2 คร. 4:3-6) ผลก็คือ พอเราบอกคนอื่นว่าอวสานของโลกใกล้เข้ามาแล้ว และตอนนี้พระคริสต์ปกครองอยู่ หลายคนไม่อยากฟัง แม้หลายคนจะไม่สนใจคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล แต่เราต้องไม่ปล่อยให้แง่คิดของเขามาทำให้เราท้อใจ เรารู้ว่าทำไมจึงสำคัญที่จะต้องเฝ้าระวังอยู่เสมอ ห16.07 2:11, 12
วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม
ให้สามีทุกคนรักภรรยาเหมือนรักตัวเอง ส่วนภรรยาก็ควรนับถือสามีจากใจ—อฟ. 5:33
เจ้าบ่าวมองเจ้าสาวแสนสวยของเขาในวันแต่งงาน ไม่มีคำพูดไหนที่จะบรรยายถึงความสุขที่พวกเขามีในช่วงเวลานั้นได้ พระยะโฮวาพระเจ้าที่เริ่มให้มีการแต่งงานอยากให้คู่สมรสมีความสุขและประสบความสำเร็จ พระองค์จึงให้คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล (สภษ. 18:22) ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น คัมภีร์ไบเบิลก็บอกว่าเมื่อมนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบแต่งงานกันก็จะมีปัญหาหรือ “มีความยุ่งยากในชีวิต” (1 คร. 7:28) สามีและภรรยาจะทำให้ปัญหาเหล่านั้นลดน้อยลงได้อย่างไร? และพวกเขาจะทำให้ชีวิตคู่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร? คัมภีร์ไบเบิลสอนว่าความรักเป็นคุณลักษณะที่สำคัญมาก แต่ก็มีความรักหลายแบบที่สามีและภรรยาต้องแสดงออกในชีวิตคู่ เช่น พวกเขาต้องมีความรักที่อบอุ่นและอ่อนโยน (ภาษากรีกคือ ฟีเลีย) และมีความรักแบบโรแมนติก (เอรอส) นอกจากนั้น ความรักในครอบครัว (สตอร์เก) ก็สำคัญมากถ้าพวกเขามีลูก แต่ความรักแบบที่ใช้หลักการ (อะกาเป) เป็นความรักที่จะช่วยให้คู่สมรสอยู่ด้วยกันอย่างประสบความสำเร็จ ห16.08 2:1, 2
วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม
เอาใจใส่ตัวคุณและการสอนของคุณให้ดี—1 ทธ. 4:16
ทิโมธีประกาศมาหลายปีแล้ว แต่ทำไมเขาต้องพัฒนาความสามารถให้ดีขึ้นอีก? ทิโมธีรู้ว่าผู้คนและสภาพการณ์เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เขาอยากสอนให้เข้าถึงหัวใจคนฟัง เขาจึงต้องพยายามพัฒนาและปรับวิธีสอนของเขา พวกเราที่ประกาศอยู่ในตอนนี้ก็ต้องทำเหมือนกัน ในบางแห่ง เวลาเราไปประกาศตามบ้าน เราไม่ค่อยเจอคนอยู่บ้าน หรือในที่อื่น ๆ ผู้คนอาจจะอยู่บ้านแต่เราเข้าไปหาพวกเขาไม่ได้ เช่น ในตึกหรือในหมู่บ้านที่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้า ถ้าเขตประกาศของคุณเป็นอย่างนี้ คุณจะลองหาวิธีอื่นเพื่อจะเจอพวกเขาได้ไหม? พี่น้องชายหญิงหลายคนชอบไปประกาศตามที่สาธารณะเพื่อจะได้คุยกับผู้คน พวกเขาไปตามที่ต่าง ๆ เช่น สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง ตลาด และสวนสาธารณะ ห16.08 3:14-16
วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม
ให้มือที่ห้อยอยู่และหัวเข่าที่อ่อนแรงมีกำลังขึ้น—ฮบ. 12:12
พระยะโฮวาให้เรามีสังคมพี่น้องที่รักและเป็นห่วงกันเพื่อให้กำลังใจเรา (ฮบ. 12:12, 13) พี่น้องคริสเตียนหลายคนในสมัยศตวรรษแรกได้รับกำลังใจแบบนี้ เราทำอะไรได้บ้าง? นึกภาพอาโรนกับเฮอร์ช่วยพยุงมือของโมเสสขึ้นในช่วงที่มีการต่อสู้กับพวกอามาเลข (อพย. 17:8-13) ในทุกวันนี้พวกเราก็น่าจะหาวิธีช่วยคนอื่น ๆ เหมือนกัน เราอาจจะคิดถึงพี่น้องที่ต้องอดทนกับอายุที่มากขึ้น ปัญหาสุขภาพ การต่อต้านจากคนในครอบครัว ความเหงา หรือการสูญเสียคนในครอบครัวหรือเพื่อนที่รัก นอกจากนั้น เราสามารถให้กำลังใจเด็กวัยรุ่นด้วย หลายครั้งพวกเขาถูกกดดันให้ทำสิ่งผิด หรือถูกกดดันให้ประสบความสำเร็จในโลก (1 ธส. 3:1-3; 5:11, 14) ลองหาวิธีว่าคุณจะทำอะไรได้บ้างเพื่อแสดงว่าคุณสนใจคนอื่นจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่หอประชุม ตอนที่รับใช้ด้วยกัน ช่วงที่กินอาหารด้วยกัน หรือคุยกันทางโทรศัพท์ ห16.09 1:13, 14
วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม
ให้คุณทำทุกสิ่งแบบที่จะทำให้พระเจ้าได้รับการยกย่องสรรเสริญ—1 คร. 10:31
การแต่งตัวของเราส่งผลต่อพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ ส่งผลต่อพี่น้องและผู้คนในเขตประกาศ เพราะฉะนั้น เราควรแต่งตัวแบบที่ทำให้พระยะโฮวาได้รับการยกย่องสรรเสริญ และทำให้ผู้คนนับถือข่าวดีที่เราประกาศ (รม. 13:8-10) เราควรใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสำหรับคนที่นมัสการพระเจ้า โดยเฉพาะตอนที่เราไปประชุมและไปประกาศ (1 ทธ. 2:10) แต่เสื้อผ้าที่คนในที่หนึ่งรู้สึกว่าเหมาะสมก็อาจดูไม่เหมาะสมสำหรับคนอีกที่หนึ่ง ดังนั้น ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน เราที่เป็นพยานพระยะโฮวาควรคิดถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นและไม่ใส่เสื้อผ้าที่ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี เมื่อเราไปประชุมใหญ่ เสื้อผ้าของเราควรเป็นแบบที่เหมาะสมและสุภาพเรียบร้อย เราจะไม่แต่งตัวเหมือนคนทั่วไปในโลก แต่งตัวเว่อร์ ๆ สั้นหรือยาวเกินไป หลวมหรือฟิตเกินไป ถ้าเราทำอย่างนี้ เราจะพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่าเราเป็นพยานพระยะโฮวาและพร้อมจะประกาศเสมอ ห16.09 3:7, 8
วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม
บ้านทุกหลังต้องมีคนสร้าง แต่ผู้ที่สร้างทุกสิ่งก็คือพระเจ้า—ฮบ. 3:4
บ้านทุกหลังต้องมีคนออกแบบและสร้าง ดังนั้น สิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนกว่าบ้านก็ต้องมีผู้ออกแบบและสร้างเหมือนกัน ถ้ามีคนสงสัยเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล คุณจะคุยกับเขาอย่างมีเหตุผลได้ ก่อนอื่น เราต้องถามว่าเขาเชื่ออะไร และรู้ให้ได้ว่าเขาสนใจเรื่องอะไรจริง ๆ (สภษ. 18:13) ถ้าเขาชอบเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ คุณก็น่าจะให้เขาเห็นตัวอย่างว่าคัมภีร์ไบเบิลถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ หรือถ้าเขาชอบประวัติศาสตร์ คุณอาจพูดถึงเหตุการณ์บางอย่างในประวัติศาสตร์และแสดงให้เขาเห็นว่าคัมภีร์ไบเบิลบอกล่วงหน้านานหลายปีก่อนที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น คนอื่น ๆ ก็อาจฟังคุณถ้าเขาเห็นว่าคัมภีร์ไบเบิลช่วยให้ชีวิตเขาดีขึ้นได้ เช่น คุณอาจพูดถึงคำแนะนำที่อยู่ในคำบรรยายบนภูเขาของพระเยซู อย่าลืมว่าพวกเราไม่ได้อยากเถียงกับผู้คน แต่อยากให้เขามีความสุขที่ได้คุยกับเราและเรียนคัมภีร์ไบเบิล ดังนั้น เราต้องถามคำถามด้วยความนับถือ และฟังพวกเขาอย่างตั้งใจ ตอนอธิบายความเชื่อของคุณ ขอให้ทำอย่างสุภาพโดยเฉพาะกับคนที่อายุมากกว่า ถ้าคุณนับถือคนอื่น เขาก็จะนับถือคุณ ห16.09 4:14-16
วันอังคารที่ 16 ตุลาคม
ขอให้ต้อนรับกัน—รม. 15:7
เพื่อช่วยคนต่างชาติให้รู้สึกว่าเขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น คุณอาจถามตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่า ‘ถ้าฉันต้องไปอยู่ประเทศอื่น ฉันอยากให้คนอื่นทำกับฉันยังไง?’ (มธ. 7:12) เราต้องอดทนกับคนที่กำลังปรับตัวกับการอยู่ในประเทศใหม่ ในตอนแรก เราอาจไม่เข้าใจจริง ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาคิดและทำ แต่แทนที่จะคาดหมายให้พวกเขาคิดหรือทำเหมือนกับเรา เราก็น่าจะยอมรับพวกเขาในแบบที่พวกเขาเป็นจริง ๆ ถ้าเราใช้เวลาเรียนรู้เกี่ยวกับประเทศและวัฒนธรรมของพวกเขา ก็จะช่วยให้เรารู้จักและเข้าใจพวกเขามากขึ้น ตอนนมัสการประจำครอบครัว เราน่าจะค้นคว้าเกี่ยวกับวัฒนธรรมของคนต่างด้าวที่อยู่ในประชาคมเราหรือในเขตประกาศของเรา อีกวิธีหนึ่งที่เราจะสนิทกับพวกเขามากขึ้นก็คือเราอาจชวนพวกเขามากินข้าวที่บ้าน พระยะโฮวา “เปิดโอกาสให้คนต่างชาติเข้ามาเชื่อ” ดังนั้น เราควรเลียนแบบพระองค์และเปิดบ้านของเราให้กับคนต่างชาติที่เป็น “พี่น้องร่วมความเชื่อของเรา”—กจ. 14:27; กท. 6:10; โยบ 31:32 ห16.10 1:15, 16
วันพุธที่ 17 ตุลาคม
ให้พวกคุณสังเกตดูพระเยซูให้ดี พวกคุณจะได้ไม่ท้อถอยและยอมแพ้—ฮบ. 12:3
พระเยซูต้องอดทนกับการทดสอบที่หนักที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่ท่านก็ยังรักษาความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระยะโฮวา อะไรช่วยท่านให้อดทน? เปาโลบอกว่า “ท่านยอมทนทุกข์และไม่คิดถึงความอับอายที่ต้องตายบนเสาทรมานเพราะท่านคิดถึงความยินดีที่รออยู่ข้างหน้า และตอนนี้ท่านนั่งอยู่ข้างขวาบัลลังก์ของพระเจ้าแล้ว” (ฮบ. 12:2) แล้วเปาโลก็พูดต่อไปว่า “ขอให้พวกคุณสังเกตดูพระเยซูให้ดี” เหมือนกับพระเยซู คริสเตียนหลายคนในสมัยศตวรรษแรกยอมตายเพราะรักษาความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระยะโฮวา หนึ่งในคนเหล่านั้นก็คืออันทีพาส (วว. 2:13) คริสเตียนเหล่านั้นได้รับรางวัลแล้ว ซึ่งไม่ใช่รางวัลที่จะมีชีวิตบนโลกซึ่งผู้รับใช้ที่มีชีวิตอยู่ก่อนสมัยของพวกเขาหวังว่าจะได้รับ (ฮบ. 11:35) ไม่นานหลังจากที่พระเยซูขึ้นปกครองเป็นกษัตริย์ในปี 1914 คริสเตียนผู้ถูกเจิมที่ตายไปแล้วถูกปลุกให้มีชีวิตอมตะอยู่บนสวรรค์ พวกเขาจะปกครองมนุษย์ร่วมกับพระเยซู—วว. 20:4 ห16.10 3:12
วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม
คอยให้กำลังใจกันทุก ๆ วัน—ฮบ. 3:13
พ่อแม่หลายคนไม่ได้ให้กำลังใจลูกเพราะตอนเด็ก ๆ พวกเขาก็ไม่เคยได้รับกำลังใจจากพ่อแม่ของเขาเหมือนกัน ที่จริง แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ต้องการกำลังใจด้วย แต่ก็ไม่ค่อยมีใครให้กำลังใจเขา ตัวอย่างเช่น หลายคนบ่นว่าพวกเขาไม่เคยได้รับคำชมจากคนที่ทำงานเลย เราสามารถให้กำลังใจคนอื่นได้โดยชมเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำได้ดี บอกว่าพวกเขามีคุณลักษณะที่ดีอะไรบ้าง และถ้าพวกเขาทุกข์ใจหรือท้อแท้เราก็คอยปลอบพวกเขา (1 ธส. 5:14) เนื่องจากเรามักใช้เวลาอยู่กับพี่น้อง เราจึงมีโอกาสมากมายที่จะพูดให้กำลังใจพวกเขา (ปญจ. 4:9, 10) ขอให้ถามตัวเองว่า ‘ฉันได้บอกคนอื่นไหมว่าฉันเห็นค่าและรักพวกเขา? และฉันทำอย่างนั้นทุกครั้งที่มีโอกาสไหม?’ ลองคิดถึงสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ว่า “คำพูดที่ถูกกาลเทศะก็ดีจริง ๆ”—สภษ. 15:23 ห16.11 1:3-5
วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม
ดูสิ เมื่อพี่น้องอยู่ด้วยกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ก็เป็นเรื่องดีและน่าชื่นชมจริง ๆ—สด. 133:1
พระเจ้าบอกล่วงหน้าเกี่ยวกับประชาชนของพระองค์ว่า “เราจะให้พวกเขาอยู่ด้วยกันเหมือนแกะในคอก” (มคา. 2:12) พระยะโฮวายังบอกล่วงหน้าว่าประชาชนของพระองค์จะเรียนความจริงในพระคัมภีร์และจะรับใช้พระองค์เป็นหนึ่งเดียว พระองค์บอกว่า “เราจะให้มนุษย์เปลี่ยนไปพูดภาษาบริสุทธิ์ เพื่อทุกคนจะร้องเรียกชื่อยะโฮวาและจะรับใช้เราเคียงบ่าเคียงไหล่กัน” (ศฟย. 3:9) เราดีใจจริง ๆ ที่ได้รับใช้พระยะโฮวาอย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าเมื่อคริสเตียนในศตวรรษแรกทำตามการชี้นำในหนังสือของพระเจ้า ประชาคมก็สะอาด สงบสุข และเป็นหนึ่งเดียวกัน (1 คร. 1:10; อฟ. 4:11-13; 1 ปต. 3:8) ในทุกวันนี้ก็เหมือนกัน ประชาชนของพระยะโฮวาเป็นระเบียบ เป็นหนึ่งเดียวกัน และประกาศข่าวดีไปทั่วโลก ห16.11 2:16, 18
วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม
พวกคุณเป็น . . . “ปุโรหิตและเป็นกษัตริย์ เป็นชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติที่เป็นสมบัติพิเศษของพระเจ้า เพื่อพวกคุณจะป่าวประกาศคุณความดี” ของพระองค์ที่เรียกพวกคุณออกจากความมืด—1 ปต. 2:9
ในช่วงไม่กี่ร้อยปีหลังจากที่พระเยซูตาย ยังมีผู้คนจำนวนมากที่อ่านคัมภีร์ไบเบิลในภาษากรีกหรือละตินได้ พวกเขาสามารถเทียบคำสอนของคริสตจักรกับคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลได้ มีหลายคนรู้ว่าพวกคริสตจักรสอนผิด พวกเขาจึงไม่ยอมรับคำสอนที่มาจากคริสตจักร แต่มันอันตรายมากที่จะพูดเรื่องนี้กับคนอื่น พวกเขาอาจถึงกับถูกฆ่าด้วยซ้ำถ้าทำอย่างนั้น พอเวลาผ่านไป คนที่พูดภาษากรีกหรือละตินได้ก็มีน้อยมาก และพวกผู้นำคริสตจักรก็ไม่ยอมให้มีการแปลคัมภีร์ไบเบิลในภาษาที่คนทั่วไปใช้กัน นอกจากนั้นคนที่ไม่เห็นด้วยกับคำสอนของคริสตจักรก็จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง ในตอนนั้นคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่ซื่อสัตย์ต้องประชุมกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ หลายคนอาจจะไม่มีโอกาสประชุมกับคนอื่นได้เลย กลุ่มผู้ถูกเจิมที่ “เป็นปุโรหิตและเป็นกษัตริย์” ไม่สามารถนมัสการพระเจ้าอย่างเป็นระบบ บาบิโลนใหญ่ควบคุมผู้คนให้อยู่ใต้อำนาจของมัน! ห16.11 4:8, 10, 11
วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม
คนทำชั่วจะไม่ได้รับรัฐบาลของพระเจ้า?—1 คร. 6:9
เราหลีกเลี่ยงที่จะไม่ทำบาปร้ายแรงเหมือนกับที่บางคนในเมืองโครินธ์เคยทำ เพราะถ้าเรายังทำบาปอย่างนั้นอยู่ เราก็ไม่สามารถคาดหมายว่าพระเจ้าจะแสดงความกรุณาที่ยิ่งใหญ่และให้อภัยเรา แล้วบาปที่บางคนถือว่าไม่ร้ายแรงมากเท่าไรล่ะ เราจะ “เต็มใจเชื่อฟัง” พระยะโฮวาทุกเรื่องแม้แต่ในเรื่องพวกนั้นด้วยไหม? (รม. 6:14, 17) ลองคิดถึงตัวอย่างของอัครสาวกเปาโล เขาบอกว่า “ผมเป็นคนบาปที่ถูกขายให้เป็นทาสบาป ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ เพราะสิ่งที่ผมอยากทำ ผมก็ไม่ทำ แต่ผมกลับไปทำสิ่งที่ผมเกลียด” (รม. 7:14, 15) ถึงแม้เปาโลไม่ได้ทำสิ่งที่พูดถึงใน 1 โครินธ์ 6:9-11 แต่เขาก็ยอมรับว่าเขายังทำบาปอยู่ นี่แสดงให้เห็นว่ามีความผิดอย่างอื่นนอกเหนือจากที่พูดถึงใน 1 โครินธ์ 6:9-11 ซึ่งเปาโลมองว่าเป็นการทำบาปด้วยเหมือนกัน เปาโลอยากทำให้พระยะโฮวาพอใจ เขาจึงต่อสู้กับความต้องการที่จะทำบาปพวกนั้นด้วย (โรม 7:21-23) ดังนั้น ขอเราเลียนแบบเปาโลและทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อแสดงว่าเรา “เต็มใจเชื่อฟัง” พระยะโฮวา ห16.12 1:15, 16
วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม
มอบภาระของคุณไว้กับพระยะโฮวาเถอะ แล้วพระองค์จะช่วยคุณ—สด. 55:22
ตอนที่คุณกังวล พ่อในสวรรค์ที่รักคุณอยากให้คุณระบายความรู้สึกลึก ๆ กับพระองค์ หลังจากที่คุณทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อแก้ปัญหาแล้ว สิ่งที่ช่วยเราได้มากกว่าก็คือการอธิษฐานจากใจถึงพระยะโฮวาไม่ใช่การเอาแต่คิดกังวล (สด. 94:18, 19) ดังที่เห็นในฟีลิปปี 4:6, 7 เราควรอธิษฐานจากใจถึงพระยะโฮวาบ่อย ๆ แต่พระองค์จะตอบคำอธิษฐานของเราอย่างไร? พระเจ้าสามารถช่วยเราให้สงบใจ ไม่คิดและรู้สึกในแง่ลบ พระองค์จะช่วยให้เราไม่รู้สึกกังวลหรือกลัว ในใจลึก ๆ ของเราจะสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พี่น้องของเราหลายคนเคยได้รับความช่วยเหลือแบบนี้ และเราก็สามารถได้รับความช่วยเหลือด้วยเหมือนกัน “สันติสุขของพระเจ้า” สามารถช่วยคุณเอาชนะปัญหาทุกอย่างได้! พระยะโฮวาสัญญาว่า “ไม่ต้องกังวล เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะทำให้พวกเจ้าเข้มแข็ง และเราจะช่วยพวกเจ้า” คุณสามารถวางใจในคำสัญญาของพระองค์ได้อย่างเต็มที่—อสย. 41:10 ห16.12 3:3, 4
วันอังคารที่ 23 ตุลาคม
เพราะความเชื่อ เมื่อโมเสสโตแล้วก็ไม่ยอมให้ใครเรียกเขาว่าลูกของลูกสาวฟาโรห์—ฮบ. 11:24
โมเสสไม่สนใจทรัพย์สมบัติของอียิปต์ เขา “เลือกที่จะถูกข่มเหงร่วมกับประชาชนของพระเจ้าแทนที่จะสนุกสนานชั่วคราวกับการทำบาป” (ฮบ. 11:25, 26) ขอเราเลียนแบบความเชื่อของผู้ชายและผู้หญิงที่ซื่อสัตย์อย่างโมเสส ขอเราเห็นคุณค่าอิสระในการเลือกที่พระเจ้าให้กับเราและใช้มันเพื่อทำตามความต้องการของพระเจ้า บางครั้งอาจเป็นเรื่องง่ายกว่าถ้าจะให้คนอื่นมาตัดสินใจแทนเรา แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็จะไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง นั่นคืออะไร? คัมภีร์ไบเบิลอธิบายไว้ที่เฉลยธรรมบัญญัติ 30:19, 20 ในข้อ 19 บอกเราว่าพระเจ้าให้ชาติอิสราเอลมีโอกาสเลือก และในข้อ 20 เราได้เห็นว่าพระยะโฮวาให้พวกเขามีโอกาสแสดงว่าพวกเขารักพระองค์มากขนาดไหน ดังนั้น การใช้อิสระของเราในทางที่ดีที่สุดก็คือเราสามารถเลือกนมัสการพระยะโฮวาด้วยตัวของเราเองได้ และเหตุผลที่เราทำอย่างนั้นก็เพราะว่าเรารักพระยะโฮวาและอยากให้พระองค์ได้รับการสรรเสริญ ห17.01 2:10, 11
วันพุธที่ 24 ตุลาคม
ขอให้วางใจพระยะโฮวาและทำความดี อยู่ในโลกนี้และเป็นคนซื่อสัตย์—สด. 37:3
พระยะโฮวาอยากให้เราใช้ความสามารถต่าง ๆ ที่พระองค์ให้เพื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง เพราะอะไร? เพราะพระองค์รักเราและรู้ว่าถ้าเราใช้ความสามารถเหล่านี้เราจะมีความสุข ถึงอย่างนั้น พระยะโฮวาก็รู้ว่าเราเองมีขีดจำกัด ตัวอย่างเช่น เราไม่สามารถขจัดความไม่สมบูรณ์ ความบาป และความตายได้ (1 พก. 8:46) นอกจากนั้น เราไม่สามารถควบคุมคนอื่นได้เพราะทุกคนมีอิสระที่จะตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ด้วยตัวเอง และไม่ว่าเราจะมีความรู้หรือประสบการณ์มากขนาดไหน เราก็ไม่มีวันเทียบเท่าพระยะโฮวาได้ (อสย. 55:9) เราควรยอมให้พระยะโฮวาชี้นำเสมอ เราควรวางใจว่าถ้ามีบางอย่างที่เราทำไม่ได้ด้วยตัวเอง พระยะโฮวาจะช่วยเราและจะทำสิ่งนั้นให้เรา แต่ในขณะเดียวกัน พระยะโฮวาก็อยากให้เราทำสิ่งที่เราทำได้ด้วย เราต้องพยายามคิดแก้ปัญหาและช่วยคนอื่น ๆ ดังนั้น เราต้องทั้ง “วางใจพระยะโฮวาและทำความดี” ห17.01 1:2-4
วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม
ข้ามมากับเราเถอะ เราจะเลี้ยงดูคุณในกรุงเยรูซาเล็ม—2 ซม. 19:33
บาร์ซิลลัยเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของกษัตริย์ดาวิด ตอนที่เขาอายุ 80 ปี ดาวิดชวนเขาเข้าไปอยู่ในวัง ถึงแม้เรื่องนี้จะเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับบาร์ซิลลัย แต่เขากลับขอให้คิมฮามซึ่งอาจจะเป็นลูกของเขาไปแทน (2 ซม. 19:31-37) ทำไมบาร์ซิลลัยไม่ตอบรับคำเชิญของกษัตริย์ดาวิด? เขาหนีงานมอบหมายหรืออยากใช้ชีวิตตอนแก่แบบสบาย ๆ โดยไม่ต้องทำงานไหม? ไม่ บาร์ซิลลัยเป็นคนเจียมตัว เขารู้ว่าตอนนี้สภาพการณ์ของเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขายอมรับขีดจำกัดของตัวเอง (กท. 6:4, 5) เราต้องเป็นคนเจียมตัวเหมือนบาร์ซิลลัย แทนที่จะสนใจแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการหรือเปรียบเทียบตัวเรากับคนอื่น เราน่าจะพยายามให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพระยะโฮวา เพราะสิ่งนี้สำคัญกว่าการมีงานมอบหมายที่พิเศษหรือการมีชื่อเสียง (กท. 5:26) ถ้าเราเจียมตัว เราจะทำงานร่วมกับพี่น้องเพื่อสรรเสริญพระยะโฮวาและช่วยคนอื่น ๆ—1 คร. 10:31 ห17.01 4:5, 6
วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม
พระเจ้าก็มองดูทุกสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้นและเห็นว่าดียอดเยี่ยม—ปฐก. 1:31
พระยะโฮวาเป็นผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่ ทุกอย่างที่พระองค์สร้างนั้นยอดเยี่ยม (ยรม. 10:12) พระยะโฮวากำหนดขอบเขตของทุกสิ่งที่พระองค์สร้างไว้อย่างรอบคอบ พระองค์ตั้งกฎธรรมชาติและกฎทางศีลธรรม พระเจ้าตั้งกฎเหล่านั้นเพื่อทุกสิ่งในเอกภพจะทำงานกันอย่างเป็นระบบ (สด. 19:7-9) พระเจ้ากำหนดให้ทุกสิ่งในเอกภพมีตำแหน่งที่ตั้งและมีหน้าที่ของมัน ตัวอย่างเช่น กฎแรงโน้มถ่วงช่วยให้ชั้นบรรยากาศอยู่ใกล้โลก และกฎนี้คอยควบคุมมหาสมุทรและน้ำขึ้นน้ำลง ถ้าไม่มีกฎแรงโน้มถ่วงก็จะไม่มีสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ ขอบเขตที่พระยะโฮวาตั้งไว้ในธรรมชาติช่วยให้เอกภพของเรามีระเบียบอย่างสมบูรณ์แบบ นี่แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์และโลกอย่างที่มีจุดมุ่งหมาย ดังนั้น ในงานรับใช้ของเรา เราก็น่าจะช่วยคนอื่นให้รู้เกี่ยวกับพระเจ้าผู้สร้างเอกภพที่น่ามหัศจรรย์นี้—วว. 4:11 ห17.02 1:4, 5
วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม
พระเจ้าใช้ทูตสวรรค์ไปหาโมเสส . . . ให้มาเป็นผู้นำและผู้ช่วยให้รอด—กจ. 7:35
มีใครอีกไหมที่ได้รับความช่วยเหลือจากทูตสวรรค์? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “นายทัพของพระยะโฮวา” ซึ่งก็คือทูตสวรรค์องค์หนึ่งได้ช่วยโยชูวาให้ชนะสงครามที่ทำกับพวกคานาอัน (ยชว. 5:13-15; 6:2, 21) หลังจากนั้น ตอนที่เฮเซคียาห์เป็นกษัตริย์ของประชาชนของพระเจ้า กองทัพใหญ่ของพวกอัสซีเรียก็มาข่มขู่ว่าจะทำลายกรุงเยรูซาเล็ม แล้ว “ทูตสวรรค์ของพระยะโฮวาไปที่ค่ายของชาวอัสซีเรียและฆ่าทหาร 185,000 คน” ในคืนเดียว (2 พก. 19:35) ทูตสวรรค์สมบูรณ์แบบ แต่พวกผู้ชายที่เป็นตัวแทนของพระเจ้าไม่ได้เป็นอย่างนั้น เช่น ครั้งหนึ่งโมเสสไม่ได้ให้เกียรติพระยะโฮวา (กดว. 20:12) ในอีกเหตุการณ์หนึ่ง โยชูวาก็ไม่ได้ถามพระยะโฮวาว่าควรทำอย่างไรตอนที่ชาวกิเบโอนจะมาทำสัญญากับพวกเขา (ยชว. 9:14, 15) และมีช่วงหนึ่งที่เฮเซคียาห์เป็นคนหยิ่ง (2 พศ. 32:25, 26) ถึงแม้คนเหล่านี้ไม่สมบูรณ์แบบ แต่พระเจ้าก็ต้องการให้ชาวอิสราเอลเชื่อฟังพวกเขา ชาวอิสราเอลเห็นหลักฐานว่าพระยะโฮวากำลังใช้ทูตสวรรค์ช่วยเหลือคนที่นำหน้าเหล่านี้ ดังนั้น เห็นได้ชัดเลยว่าพระยะโฮวากำลังนำหน้าชาวอิสราเอลอยู่ ห17.02 3:7-9
วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม
ขอให้พระเจ้าผู้ที่นั่งบนบัลลังก์และลูกแกะของพระองค์ได้รับคำสรรเสริญ ความนับถือ เกียรติยศ และฤทธิ์อำนาจตลอดไป—วว. 5:13
การให้เกียรติคนอื่นหมายถึงอะไร? หมายถึงการนับถือคนคนหนึ่งและให้ความสำคัญกับเขามากเป็นพิเศษ โดยปกติเรามักจะให้เกียรติคนที่ทำบางสิ่งที่สมควรได้รับเกียรติ และให้เกียรติคนที่ทำงานหรือมีตำแหน่งสำคัญ ในบทความนี้เราจะเรียนว่าใครบ้างที่เราควรให้เกียรติและทำไม วิวรณ์ 5:13 บอกว่า “พระเจ้าผู้ที่นั่งบนบัลลังก์” และ “ลูกแกะของพระองค์” สมควรได้รับเกียรติและความนับถือ “พระเจ้าผู้ที่นั่งบนบัลลังก์” คือพระยะโฮวา และในวิวรณ์บท 4 บอกว่า “สิ่งมีชีวิตทั้งสี่” ที่อยู่บนสวรรค์ให้เหตุผลหนึ่งที่แสดงว่าทำไมพระยะโฮวาพระเจ้า “ผู้มีชีวิตอยู่ตลอดไป” สมควรได้รับเกียรติ พวกเขาบอกว่า “พระยะโฮวา พระเจ้าของเรา พระองค์สมควรจะได้รับการยกย่องสรรเสริญ ความนับถือ และฤทธิ์อำนาจ เพราะพระองค์สร้างทุกสิ่ง ทุกสิ่งมีอยู่และถูกสร้างขึ้นตามความต้องการของพระองค์”—วว. 4:9-11 ห17.03 1:1, 2
วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม
คนที่ไว้ใจหัวใจตัวเองเป็นคนโง่—สภษ. 28:26
คนในทุกวันนี้ชอบพูดกันว่า ให้ทำตามสิ่งที่หัวใจต้องการ แต่เราต้องระวัง คัมภีร์ไบเบิลเตือนเราว่าอย่าตัดสินใจตามความรู้สึกหรือหัวใจของมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์ อย่าไว้ใจหัวใจของเราเพราะ “หัวใจทรยศยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดและกระตุ้นให้คนเราทำชั่วได้ทุกอย่าง” (ยรม. 17:9) มีตัวอย่างมากมายในคัมภีร์ไบเบิลที่แสดงว่า การไว้ใจหัวใจของมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์จะส่งผลที่น่าเศร้า (1 พก. 11:9; ยรม. 3:17; 13:10) ดังนั้น จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราตัดสินใจตามที่หัวใจต้องการ? อารมณ์ความรู้สึกมาควบคุมความคิดและการกระทำของเรา ตัวอย่างเช่น เป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจอย่างถูกต้องตอนที่กำลังโกรธอยู่ (สภษ. 14:17; 29:22) และเป็นเรื่องยากอีกเหมือนกันที่จะตัดสินใจอย่างฉลาดตอนที่รู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง (กดว. 32:6-12; สภษ. 24:10) ตอนที่เราตัดสินใจเรื่องสำคัญ เราไม่ควรให้อารมณ์ความรู้สึกมาควบคุมสิ่งที่เราทำ ห17.03 2:12, 13
วันอังคารที่ 30 ตุลาคม
ผมรับใช้พระองค์อย่างสุดหัวใจและทำสิ่งที่พระองค์เห็นว่าถูกต้องมาตลอด—2 พก. 20:3
พวกเราทุกคนไม่สมบูรณ์แบบและทำผิดพลาด เรารู้สึกขอบคุณพระยะโฮวาที่พระองค์ให้มีค่าไถ่และพร้อมจะยกโทษความผิดของเรา ถ้าเราถ่อมตัวและกลับใจเราสามารถขอพระเจ้ายกโทษให้เรา เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะ “ไม่ลงโทษพวกเราให้สมกับบาปของพวกเรา” (สด. 103:10) แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ต้อง “รับใช้พระองค์อย่างสุดหัวใจ” (1 พศ. 28:9) คนที่รับใช้พระยะโฮวา “สุดหัวใจ” จะรักพระองค์ทั้งหัวใจและอยากจะรับใช้พระองค์ตลอดไป คำว่า “หัวใจ” ในคัมภีร์ไบเบิลปกติแล้วหมายถึงตัวตนจริง ๆ ของเรา ซึ่งรวมถึงวิธีที่เราคิด สิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เราอยากทำ และเหตุผลลึก ๆ ที่เราทำสิ่งต่าง ๆ ถึงแม้ว่าเราไม่สมบูรณ์แบบ เรายังสามารถรับใช้พระยะโฮวาสุดหัวใจได้ เรารับใช้พระองค์เพราะเราอยากจะทำอย่างนั้นจริง ๆ ไม่ใช่เพราะถูกบังคับหรือทำด้วยความเคยชิน—2 พศ. 19:9 ห17.03 3:1, 3
วันพุธที่ 31 ตุลาคม
[พระยะโฮวา] ก็สนใจคนถ่อม ส่วนคนหยิ่งนั้นพระองค์ไม่อยากอยู่ใกล้—สด. 138:6
ตอนมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับชีวิตเราหรือมีคนมายกย่องชมเชยเรา เราจะทำอย่างไร? สิ่งที่เราแสดงออกมาจะทำให้รู้ว่าหัวใจเราเป็นอย่างไรจริง ๆ ตัวอย่างเช่น พี่น้องชายคนหนึ่งอาจพยายามมากที่จะเตรียมตัวอย่างดีเพื่อบรรยายในการประชุมใหญ่ แล้วหลายคนก็มาชมเชยและขอบคุณเขา เขาจะทำอย่างไรเมื่อมีหลายคนมาทำอย่างนั้น? เราควรจำคำพูดของพระเยซูไว้เสมอ ท่านบอกว่า “เมื่อทำงานที่นายสั่งเสร็จหมดแล้ว ก็ควรจะพูดว่า ‘พวกเราเป็นแค่ทาสที่ทำตามหน้าที่เท่านั้น’” (ลก. 17:10) ตอนที่เฮเซคียาห์แสดงความหยิ่ง เขาไม่ได้รู้สึกขอบคุณสิ่งที่พระยะโฮวาทำเพื่อเขา ดังนั้น ถ้ามีคนมายกย่องชมเชยที่เราบรรยาย อะไรจะช่วยเราให้รักษาความถ่อมตัว? เราน่าจะคิดใคร่ครวญถึงสิ่งที่พระยะโฮวาทำเพื่อเรา เราน่าจะพูดเกี่ยวกับพระยะโฮวาและบอกว่าพระองค์ได้ช่วยเราอย่างไรบ้าง ห17.03 4:12-14