กรกฎาคม
วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม
ให้ถ่อมตัวลงอยู่ใต้พระเจ้าที่มีฤทธิ์อำนาจยิ่งใหญ่ เพื่อพระองค์จะได้ยกฐานะคุณขึ้นเมื่อถึงเวลา—1 ปต. 5:6
เชบนาเป็นคนที่มีอำนาจมาก เขาเป็น “ผู้ดูแลวังของกษัตริย์” เฮเซคียาห์ (อิสยาห์ 22:15) ต่อมาเชบนากลายเป็นคนหยิ่งและอยากให้คนอื่นคิดว่าเขาเป็นคนสำคัญ (อิสยาห์ 22:16-18) เพราะเชบนาอยากมีหน้ามีตาและพยายามให้คนอื่นมายกย่องเขา พระเจ้าจึงเอางานมอบหมายของเขาให้เอลียาคิม (อิสยาห์ 22:19-21) เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่กษัตริย์เซนนาเคอริบวางแผนโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม ต่อมาเซนนาเคอริบได้ส่งพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงกับกองทัพใหญ่มาข่มขู่ชาวยิวและกษัตริย์เฮเซคียาห์ให้ยอมแพ้ (2 พงศ์กษัตริย์ 18:17-25) เฮเซคียาห์ส่งเอลียาคิมกับผู้ชายอีก 2 คนไปพบเจ้าหน้าที่เหล่านั้น หนึ่งใน 2 คนนั้นก็คือเชบนาซึ่งตอนนั้นเป็นแค่เลขานุการ จากเรื่องนี้เราเห็นว่าเชบนาคงได้เรียนที่จะเป็นคนถ่อม เขาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ โกรธไม่ยอมหาย หรือสงสารตัวเอง แต่เขาเต็มใจยอมรับตำแหน่งที่สำคัญน้อยกว่า ห18.03 น. 25 ว. 7-8, 10
วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม
ให้พวกคุณใช้ชีวิตตามการชี้นำจากพลังของพระเจ้า แล้วพวกคุณจะไม่ทำตามความต้องการของร่างกายที่มีบาปเลย—กท. 5:16
ถ้าเรารู้สึกว่าเรากำลังให้ความสำคัญกับทรัพย์สินเงินทองหรือความสนุกสนานมากเกินไป เราต้องไม่ยอมแพ้ เราต้องขอพลังบริสุทธิ์จากพระยะโฮวาเรื่อย ๆ เพื่อช่วยเราปรับความคิดและให้ความสำคัญกับสิ่งที่ถูกต้อง (ลูกา 11:13) ขอให้นึกถึงอัครสาวกเปโตร เขาไม่ได้คิดแบบพระคริสต์เสมอ (มัทธิว 16:22, 23; ลูกา 22:34, 54-62; กาลาเทีย 2:11-14) แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ แล้วพระยะโฮวาก็ช่วยเขาจริง ๆ เปโตรค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะคิดแบบพระคริสต์ เราก็ทำแบบเขาได้เหมือนกัน ในเวลาต่อมา เปโตรได้พูดถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ที่เราควรมี (2 เปโตร 1:5-8) เราต้อง “พยายามอย่างจริงจัง” ที่จะฝึกการควบคุมตัวเอง ความอดทน ความรักต่อพี่น้อง และคุณลักษณะอื่น ๆ ให้เราถามตัวเองทุกวันว่า ‘วันนี้ฉันจะแสดงคุณลักษณะอะไรเพื่อจะสนิทกับพระเจ้ามากขึ้น?’ ห18.02 น. 25-26 ว. 12-13
วันพุธที่ 3 กรกฎาคม
ผมทำมากกว่าที่พระองค์บอกด้วยซ้ำ—โยบ 23:12
โยบเข้าใจหลักการของพระเจ้าอย่างดี เขารู้จักพระยะโฮวาจริง ๆ และสิ่งนี้กระตุ้นเขาให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น โยบรู้ว่าเขาไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่ารักพระเจ้าถ้าเขาทำไม่ดีกับคนอื่น (โยบ 6:14) เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เขาปฏิบัติกับคนอื่นเหมือนกับเป็นคนในครอบครัวไม่ว่าคน ๆ นั้นจะรวยหรือจน โยบบอกว่า “ผู้ที่สร้างผมในท้องแม่ก็สร้างพวกเขาด้วยไม่ใช่หรือ?” (โยบ 31:13-22) แม้แต่ตอนที่โยบรวยและมีอำนาจมาก เขาไม่ได้กลายเป็นคนหยิ่งและมองว่าคนอื่นไม่สำคัญ โยบไม่เหมือนกับคนรวยและคนที่มีอำนาจในทุกวันนี้เลย โยบไม่อยากให้ทรัพย์สมบัติหรืออะไรก็ตามสำคัญกว่าพระยะโฮวา เขารู้ว่าถ้าเป็นแบบนั้น เขาจะไม่นับถือ “พระเจ้าเที่ยงแท้ในสวรรค์” (โยบ 31:24-28) โยบมองว่าการแต่งงานเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ที่ผูกมัดสามีกับภรรยาไว้ด้วยกัน เขาถึงกับทำสัญญากับตัวเองว่าเขาจะไม่มองผู้หญิงคนอื่นอย่างไม่เหมาะสม—โยบ 31:1 ห18.02 น. 11 ว. 16 และ น. 12 ว. 18-19
วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม
[โนอาห์] ไม่เหมือนกับคนในสมัยนั้นเพราะเขาเป็นคนดีพร้อมไม่มีที่ติ โนอาห์ใช้ชีวิตอย่างที่พระเจ้าเที่ยงแท้พอใจ—ปฐก. 6:9
โนอาห์ไม่ได้คิดว่าแค่เป็นคนดีก็พอแล้ว เขากล้าบอกคนอื่นเรื่องความเชื่อของเขาเกี่ยวกับพระยะโฮวา คัมภีร์ไบเบิลเรียกเขาว่า “ผู้ประกาศแนวทางที่ถูกต้อง” (2 เปโตร 2:5) อัครสาวกเปาโลพูดถึงโนอาห์ว่า “เพราะเขามีความเชื่อ เขาจึงทำให้เห็นว่าโลกในสมัยนั้นควรถูกทำลาย” (ฮีบรู 11:7) ผู้คนต้องเยาะเย้ยและต่อต้านโนอาห์แน่ ๆ บางทีคนเหล่านั้นอาจถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้ายเขาด้วยซ้ำ แต่โนอาห์ไม่กลัว (สุภาษิต 29:25) แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เพราะเขามีความเชื่อ พระยะโฮวาเลยช่วยให้เขามีความกล้าหาญ และพระองค์ก็ให้ความกล้าหาญแบบเดียวกันนี้กับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ทุกคนในทุกวันนี้ ตอนที่พระยะโฮวาสั่งให้โนอาห์สร้างเรือใหญ่เพื่อช่วยชีวิตคนและสัตว์ เขาก็ซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวามามากกว่า 500 ปีแล้ว (ปฐมกาล 5:32; 6:14) โนอาห์คงรู้สึกว่าการสร้างเรือใหญ่เป็นเรื่องยากมาก และรู้ว่าเขาจะโดนเยาะเย้ยมากขึ้นซึ่งจะทำให้ชีวิตเขาลำบากมากแน่ ๆ แต่โนอาห์ก็ยังมีความเชื่อและเชื่อฟังพระยะโฮวา “เขาทำตามทุกอย่าง” ที่พระองค์สั่ง—ปฐมกาล 6:22 ห18.02 น. 4 ว. 4, 6-7
วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม
เมื่อพี่น้อง . . . เป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ก็เป็นเรื่องดีและน่าชื่นชมจริง ๆ—สด. 133:1
วิธีสำคัญที่เราจะช่วยให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันคืออะไร? คือการเลียนแบบพระยะโฮวาในการแสดงความรัก (1 ยอห์น 4:8) เราจะไม่พูดว่า “ฉันคงต้องรักพวกเขาเพราะพวกเขาเป็นพี่น้อง แต่จริง ๆ แล้วฉันไม่ชอบขี้หน้าพวกเขาเลย” ถ้าเราคิดอย่างนี้เราก็ไม่ได้ทำตามคำแนะนำของเปาโลที่ให้ “ยอมทนกันและกันด้วยความรัก” (เอเฟซัส 4:2) ขอสังเกตว่าเปาโลไม่ได้บอกว่าเราควร “ยอมทนกันและกัน” เท่านั้น แต่เขาบอกว่าเราต้องทำ “ด้วยความรัก” ที่จริง การยอมทนกับการยอมทนด้วยความรักมันต่างกัน ในประชาคมของเรามีคนที่มีภูมิหลังหลากหลาย และพระยะโฮวาชักนำพวกเขาทุกคนให้มาหาพระองค์ (ยอห์น 6:44) ดังนั้น พระองค์ต้องเห็นเหตุผลที่ดีหลายอย่างที่จะรักพวกเขา ถ้าพี่น้องของเรามีค่าพอที่จะได้รับความรักจากพระเจ้า เรามีสิทธิ์อะไรที่จะไปตัดสินว่าพวกเขาไม่มีค่าพอที่จะได้รับความรักจากเรา? เราควรเต็มใจรักพวกเขาอย่างที่พระยะโฮวาอยากให้ทำ—1 ยอห์น 4:20, 21 ห18.01 น. 16 ว. 14
วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม
ขอให้คิดถึงผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่ตอนที่คุณยังเป็นหนุ่มเป็นสาว—ปญจ. 12:1
พ่อแม่บางคนคิดว่าดีที่สุดที่ลูกต้องเรียนจบมากกว่าการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือมีงานดี ๆ ทำก่อนแล้วค่อยรับบัพติศมา พ่อแม่เหล่านี้อาจหวังดีกับลูก แต่พวกเขาน่าจะถามตัวเองว่า ‘การทำแบบนั้นจะช่วยให้ลูกของฉันประสบความสำเร็จในชีวิตจริง ๆ ไหม? มันตรงกับสิ่งที่ฉันได้เรียนจากคัมภีร์ไบเบิลไหม?’ เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะจำไว้ว่าโลกนี้และสิ่งของในโลกเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับความต้องการและความคิดของพระยะโฮวา (ยากอบ 4:7, 8; 1 ยอห์น 2:15-17; 5:19) การสนิทกับพระยะโฮวาคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ช่วยปกป้องลูกจากซาตาน โลกนี้ และความคิดที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า ถ้าพ่อแม่ให้การเรียนหรือการมีงานอาชีพดี ๆ มาเป็นอันดับแรกในชีวิต ลูกก็อาจเชื่อว่าสิ่งของในโลกสำคัญกว่าการสนิทกับพระยะโฮวา นี่เป็นเรื่องอันตรายมาก ถ้าคุณรักลูก คุณอยากให้โลกนี้สอนลูกของคุณจริง ๆ หรือว่าอะไรจะทำให้เขามีความสุข? ทางเดียวเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จและมีความสุขแท้คือให้พระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิตเรา—สดุดี 1:2, 3 ห18.03 น. 10 ว. 10-11
วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม
คุณต้องทำให้การปกครองของพระเจ้าและความถูกต้องชอบธรรมของพระองค์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต—มธ. 6:33
ผู้รับใช้พระยะโฮวามากมายรู้สึกว่าการพยายามใช้ชีวิตเรียบง่ายทำให้มีเวลามากขึ้นในการรับใช้พระยะโฮวาและทำให้มีความสุขมากขึ้นด้วย แจ็คพี่น้องที่สหรัฐขายบ้านหลังใหญ่และธุรกิจของเขาเพื่อจะมาเป็นไพโอเนียร์กับภรรยา เขาบอกว่า “ผมรู้สึกยากจริง ๆ ที่จะทิ้งบ้านสวย ๆ ที่อยู่ชานเมือง” หลายปีที่ผ่านมา เขาหงุดหงิดกลับมาบ้านตลอดเพราะปัญหาจากที่ทำงาน เขาเล่าว่า “ภรรยาของผมที่เป็นไพโอเนียร์ประจำมีความสุขตลอดเวลา เธอชอบพูดว่า ‘ฉันมีเจ้านายที่ดีที่สุดในโลกเลย’ ตอนนี้ผมได้เป็นไพโอเนียร์แล้ว และเรา 2 คนมีเจ้านายเดียวกันคือพระยะโฮวา” เพื่อจะรู้ว่าเราคิดอย่างไรกับเงิน เราต้องซื่อสัตย์กับตัวเองและถามว่า ‘การใช้ชีวิตของฉันแสดงว่าฉันเชื่อในสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกเรื่องเงินจริง ๆ ไหม? การหาเงินเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉันไหม? ฉันสนใจเรื่องเงินทองมากกว่าความสัมพันธ์ที่มีกับพระยะโฮวาและคนอื่น ๆ ไหม? ฉันเชื่อจริง ๆ ไหมว่าพระองค์จะให้สิ่งจำเป็นกับฉัน?’ เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะไม่ทำให้คนที่วางใจพระองค์ผิดหวังเลย ห18.01 น. 25 ว. 12-13
วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม
พวกคุณเชื่อฟังเสมอ . . . ขอให้ทำทุกอย่างด้วยความนับถือและความเกรงกลัวเพื่อจะได้รับความรอด—ฟป. 2:12
เป็นหน้าที่รับผิดชอบสำคัญที่จะ ‘ทำทุกอย่างเพื่อจะได้รับความรอด’ เพื่อจะทำอย่างนั้นได้ คุณต้องอ่านและคิดใคร่ครวญสิ่งที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิล ต้องอธิษฐานถึงพระยะโฮวา และคิดอย่างจริงจังว่าพระองค์ได้ช่วยเหลือตัวคุณเองอย่างไรบ้าง การทำอย่างนี้จะช่วยคุณให้มั่นใจมากขึ้นว่าพระยะโฮวาเป็นเพื่อนของคุณ และนี่จะช่วยคุณให้อยากพูดกับคนอื่นเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเชื่อ (สดุดี 73:28) พระเยซูบอกพวกสาวกว่า “ถ้าใครอยากติดตามผม ก็ให้คนนั้นเลิกใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง ยอมแบกเสาทรมานของตัวเอง แล้วติดตามผมเรื่อยไป” (มัทธิว 16:24) เพื่อจะติดตามพระเยซูได้ เราต้องอุทิศชีวิตให้พระยะโฮวาและรับบัพติศมา แต่นี่เป็นแค่การเริ่มต้นชีวิตที่ยอดเยี่ยมในตอนนี้ และมันจะนำเราไปถึงชีวิตตลอดไปในโลกใหม่ของพระเจ้า ดังนั้น ขอคุณทำทุกอย่างเพื่อจะได้รับความรอด! ห17.12 น. 27 ว. 18-19
วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม
ให้ปลูกฝัง . . . ความอดทนอดกลั้น—คส. 3:12
เมื่อพ่อแม่สอนอย่างอดทน ในที่สุด ลูกก็จะเริ่มเข้าใจแง่มุมต่าง ๆ ของความเชื่อ “ทั้งความกว้าง ความยาว ความสูง และความลึก” (เอเฟซัส 3:18) เราควรสอนให้เหมาะกับวัยและความสามารถของเขา เมื่อลูกมีความเชื่อเข้มแข็งและมั่นใจในสิ่งที่เขาเรียน ก็เป็นเรื่องง่ายที่เขาจะอธิบายความเชื่อของเขากับคนอื่น รวมถึงเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน (1 เปโตร 3:15) ตัวอย่างเช่น ลูกของคุณสามารถใช้คัมภีร์ไบเบิลอธิบายได้ไหมว่าเวลาคนเราตายแล้วเป็นอย่างไร? ตัวเขาเองคิดว่าคำอธิบายในคัมภีร์ไบเบิลมีเหตุผลไหม? จำไว้ว่าคุณต้องอดทนเพื่อจะช่วยลูกให้มีความเชื่อในคัมภีร์ไบเบิล แต่มันคุ้มแน่นอน (เฉลยธรรมบัญญัติ 6:6, 7) ตัวอย่างของคุณคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยลูกให้มีความเชื่อมากขึ้น สเตฟานี่คุณแม่ที่มีลูกสาว 3 คนบอกว่า “ฉันถามตัวเองว่า ‘ฉันเล่าให้ลูกฟังไหมว่าทำไมฉันถึงมั่นใจว่าพระยะโฮวามีอยู่จริง มั่นใจว่าพระองค์รักฉัน และมั่นใจว่าสิ่งที่พระองค์ทำนั้นถูกต้องเสมอ?’ ฉันจะหวังให้ลูกมั่นใจในสิ่งเหล่านี้ได้ยังไงถ้าตัวฉันเองก็ยังไม่มั่นใจ” ห17.12 น. 20 ว. 8-10
วันพุธที่ 10 กรกฎาคม
เขาจะฟื้นขึ้นจากตาย—ยน. 11:23
ทำไมมาร์ธาถึงมั่นใจว่าน้องชายเธอจะได้รับการปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย? เพราะเธอเคยได้ยินเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายที่เกิดขึ้นในอดีต เธอคงจะได้เรียนเรื่องนี้ที่บ้านและในที่ประชุมของชาวยิวตอนเป็นเด็ก ตอนนี้ให้เรามาคุยกันเกี่ยวกับตัวอย่างของ 3 คนที่ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล ขอพิจารณาการฟื้นขึ้นจากตายครั้งแรกเกิดขึ้นตอนที่พระยะโฮวาให้พลังกับผู้พยากรณ์เอลียาห์เพื่อทำการอัศจรรย์ มีแม่ม่ายยากจนคนหนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองศาเรฟัทของชาวฟีนิเซียที่อยู่ในอิสราเอลทางเหนือ เธอแสดงน้ำใจต้อนรับเอลียาห์ แล้วพระยะโฮวาก็ทำการอัศจรรย์โดยให้แป้งกับน้ำมันในบ้านไม่หมดไปเพื่อที่เธอกับลูกชายจะไม่อดตาย (1 พงศ์กษัตริย์ 17:8-16) ต่อมา ลูกชายของแม่ม่ายป่วยแล้วก็ตาย แต่เอลียาห์ช่วยเธอ เขา “นอนทับบนตัวเด็ก” และอธิษฐานบอกพระยะโฮวาว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของผม โปรดทำให้เด็กคนนี้ฟื้นจากตายด้วย” แล้วก็เป็นแบบนั้นจริง พระยะโฮวาฟังเอลียาห์และเด็กคนนั้นก็กลับมีชีวิตอีก นั่นคือการฟื้นขึ้นจากตายครั้งแรกที่มีการบันทึกในคัมภีร์ไบเบิล (1 พงศ์กษัตริย์ 17:17-24) มาร์ธาต้องเคยได้ยินเหตุการณ์ที่น่าทึ่งนี้แน่ ๆ ห17.12 น. 3 ว. 1 และ น. 4 ว. 3, 5-6
วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม
คุณจะเป็นทั้งทาสพระเจ้าและทาสทรัพย์สมบัติด้วยไม่ได้—มธ. 6:24
หลายคนอาจบอกให้เราทุ่มเทเวลาและกำลังไปกับการทำงานอาชีพ โดยเฉพาะถ้างานนั้นทำให้มีชื่อเสียง มีตำแหน่งใหญ่โต หรือมีเงินมาก ๆ และเนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าการมีอาชีพที่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เราเองก็อาจเริ่มคิดแบบนั้นเหมือนกัน อาชีพที่มีตำแหน่งใหญ่โตและมีชื่อเสียงทำให้คุณมีความสุขได้จริง ๆ ไหม? ไม่จริง คิดถึงตัวอย่างของซาตานดูสิ มันอยากเป็นใหญ่เป็นโตและมีชื่อเสียง ถึงมันจะได้ในสิ่งที่มันอยากได้ แต่มันก็ไม่มีความสุข มันมีแต่ความโกรธแค้น (มัทธิว 4:8, 9; วิวรณ์ 12:12) ในทางกลับกัน ลองคิดดูว่าเรามีความสุขขนาดไหนที่ได้ช่วยคนอื่นให้เรียนรู้เรื่องพระเจ้าและคำสัญญาของพระองค์เกี่ยวกับอนาคตที่ยอดเยี่ยม ไม่มีงานไหนในโลกอีกแล้วที่ทำให้เรามีความสุขขนาดนี้ นอกจากนั้น เพื่อจะประสบความสำเร็จในการทำงานอาชีพ หลายคนในโลกนี้ต้องกลายเป็นคนชอบแข่งขัน ขี้อิจฉา และถูกกดดันให้ทำตัวเหนือกว่าคนอื่น แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังรู้สึกว่างเปล่า คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าการทำอย่างนี้ “เป็นการวิ่งไล่ตามลม”—ปัญญาจารย์ 4:4 ห17.11 น. 22-23 ว. 11-13
วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม
พระเยซูกับพวกสาวกร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า แล้วก็ออกไปที่ภูเขามะกอก—มธ. 26:30
ในสมัยของพระเยซู ดนตรียังคงเป็นส่วนสำคัญของการนมัสการแท้ ลองคิดถึงวันที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ หลังจากพระเยซูจัดให้มีการฉลองอาหารมื้อเย็นของพระคริสต์แล้ว ท่านกับพวกสาวกก็ร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวา คริสเตียนในศตวรรษแรกวางตัวอย่างที่ดีในการร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวา พวกเขาไม่ต้องไปที่วิหารเพื่อนมัสการพระยะโฮวาเหมือนกับชาวอิสราเอล พวกเขาพบกันที่บ้านส่วนตัว ถึงแม้บ้านของพวกเขาจะไม่สวยและน่าประทับใจเหมือนวิหาร แต่พวกเขาก็ยังร้องเพลงอย่างที่ออกมาจากใจ ที่จริง อัครสาวกเปาโลบอกพี่น้องว่า “ให้พวกคุณคอยสอนและให้กำลังใจกันเสมอด้วยเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญพระเจ้า และเพลงนมัสการที่ร้องด้วยความสำนึกบุญคุณ ให้ร้องเพลงจากใจให้กับพระยะโฮวาเสมอ” (โคโลสี 3:16) เราควรร้องเพลงจากหนังสือเพลงของเรา “ด้วยความสำนึกบุญคุณ” เพลงเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ ‘อาหารตามเวลาที่เหมาะสม’ ซึ่ง “ทาสที่ซื่อสัตย์และสุขุม” จัดเตรียมให้พวกเรา—มัทธิว 24:45 ห17.11 น. 4 ว. 7–8
วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม
ให้เลือกเมืองที่ไปถึงได้ง่ายเป็นเมืองลี้ภัยสำหรับพวกเจ้า—กดว. 35:11
เมืองลี้ภัยทั้ง 6 เมืองต้องเป็นเมืองที่ไปถึงได้ง่าย พระยะโฮวาสั่งให้ชาวอิสราเอลเลือกเมืองลี้ภัยโดยให้ 3 เมืองอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน และอีก 3 เมืองอยู่ทางตะวันตก ทำไม? เพราะคนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาสามารถไปถึงเมืองใดเมืองหนึ่งได้ง่ายและรวดเร็ว (กันดารวิถี 35:12-14) ทางไปเมืองลี้ภัยเหล่านั้นต้องอยู่ในสภาพที่ดีและเดินทางได้สะดวกเสมอ (เฉลยธรรมบัญญัติ 19:3) แหล่งอ้างอิงของชาวยิวบอกไว้ว่า จะมีป้ายตามทางเพื่อช่วยคนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาให้รู้ทางไปเมืองเหล่านั้น การที่พระยะโฮวาให้มีเมืองลี้ภัยในอิสราเอลทำให้คนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาไม่ต้องหนีไปอยู่ที่ดินแดนของคนต่างชาติซึ่งเขาอาจจะถูกล่อใจให้นมัสการพระเท็จ ขอให้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พระยะโฮวาสั่งไว้ชัดเจนว่าคนที่ฆ่าคนโดยเจตนาจะต้องตาย แต่พระองค์ต้องการให้โอกาสคนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาให้ได้รับความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ และการปกป้องคุ้มครอง เมื่อพูดถึงการจัดเตรียมเรื่องเมืองลี้ภัย นักวิจารณ์ด้านคัมภีร์ไบเบิลคนหนึ่งบอกว่า “ทุกอย่างเข้าใจง่าย ชัดเจน และไม่ยากเกินไปที่จะทำตาม” พระยะโฮวาไม่ใช่ผู้พิพากษาที่โหดร้ายที่อยากจะหาทางลงโทษผู้รับใช้ของพระองค์ แต่พระองค์ “มีเมตตาล้นเหลือ”—เอเฟซัส 2:4 ห17.11 น. 14 ว. 4–5
วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม
กลับมาหาเราเถอะ แล้วเราจะกลับไปหาพวกเจ้า—ศคย. 1:3
ม้วนหนังสือลอยได้ ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในถัง ผู้หญิงอีก 2 คนบินอยู่กลางอากาศมีปีกเหมือนปีกนกกระสา นี่เป็นนิมิตที่น่าตื่นเต้นบางเรื่องที่เศคาริยาห์เห็น (เศคาริยาห์ 5:1, 7-9) ทำไมพระยะโฮวาให้ผู้พยากรณ์เศคาริยาห์เห็นนิมิตที่น่ามหัศจรรย์นี้? นิมิตที่ 6 และ 7 ของเศคาริยาห์เป็นคำเตือนที่จริงจังสำหรับคนที่ทำชั่ว พระยะโฮวาจะไม่ยอมให้ความชั่วมีอยู่ต่อไป พวกเราที่เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าต้องเกลียดความชั่ว นิมิตทั้งสองเรื่องนี้ยังช่วยให้เรามั่นใจว่าถ้าเราพยายามทำสิ่งที่พระเจ้าผู้เป็นพ่อที่รักพอใจ พระองค์ก็จะไม่สาปแช่งเราแต่จะปกป้องและอวยพรเรา ถึงแม้ว่าอาจเป็นเรื่องยากที่จะสะอาดในโลกที่ชั่วช้านี้ ห17.10 น. 21 ว. 1 และ น. 25 ว. 19
วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม
สอนผู้หญิงสูงอายุให้ประพฤติตัวแบบคนที่นับถือพระเจ้า . . . เธอจะได้แนะนำผู้หญิงสาว ๆ—ทต. 2:3, 4
พี่น้องหญิงโสดมีหลายโอกาสที่จะแสดงความกล้าหาญและรับใช้พระยะโฮวาได้ เช่น เป็นไพโอเนียร์ ย้ายไปในที่ที่ต้องการผู้ประกาศมากกว่า ทำงานกับแผนกออกแบบก่อสร้างท้องถิ่น หรือสมัครเรียนในโรงเรียนผู้ประกาศราชอาณาจักร บางคนถึงกับได้ไปโรงเรียนกิเลียดด้วย เรารักพี่น้องหญิงสูงอายุของเรา และเราดีใจที่มีพวกเขาอยู่ในประชาคม ถึงแม้พวกเขาบางคนอาจทำไม่ได้มากเหมือนเมื่อก่อนแต่พวกเขาก็ยังแสดงความกล้าหาญและลงมือทำงาน ตัวอย่างเช่น พี่น้องหญิงสูงอายุต้องมีความกล้าหาญถ้าผู้ดูแลขอให้เธอไปคุยกับพี่น้องหญิงที่อายุน้อยกว่าเกี่ยวกับการแต่งตัว เธอจะต้องไม่ต่อว่าพี่น้องคนนั้นเกี่ยวกับเสื้อผ้าที่ใส่ แต่จะพูดกับเขาดี ๆ เพื่อให้เห็นว่าการเลือกเสื้อผ้าจะส่งผลกับคนอื่น ๆ อย่างไร (1 ทธ. 2:9, 10) ถ้าพี่น้องหญิงสูงอายุแสดงความรักแบบนั้น พวกเขาก็กำลังช่วยประชาคมให้เข้มแข็ง ห17.09 น. 31-32 ว. 17-18
วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม
ลูก . . . จะพบความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า—สภษ. 2:5
เป็นเวลาหลายปีที่พวกผู้นำที่มีอำนาจหลายคนพยายามทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ผู้คนมีโอกาสอ่านคัมภีร์ไบเบิล แต่ก็มีหลายคนที่เกรงกลัวพระเจ้าพยายามทำให้ทุกคนมีโอกาสได้อ่านพระคัมภีร์ หนึ่งในนั้นก็คือจอห์น วิคลิฟฟ์ชาวอังกฤษซึ่งมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 14 เขาเชื่อว่าทุกคนควรมีโอกาสได้อ่านคัมภีร์ไบเบิล แต่ในตอนนั้นผู้คนส่วนใหญ่ในอังกฤษไม่เคยได้ยินข่าวสารจากคัมภีร์ไบเบิลในภาษาของตัวเอง ในปี 1382 จอห์น วิคลิฟฟ์และคนอื่น ๆ แปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาอังกฤษ มีคนกลุ่มหนึ่งที่ชอบคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลของวิคลิฟฟ์มากและเป็นผู้ติดตามเขา คนกลุ่มนี้มีชื่อว่าพวกลอลลาร์ด พวกเขารักคัมภีร์ไบเบิลและเดินไปตามหมู่บ้านทุกแห่งทั่วอังกฤษเพื่ออ่านคัมภีร์ไบเบิลให้ผู้คนฟัง พวกเขาให้บางส่วนของคัมภีร์ไบเบิลที่คัดลอกด้วยมือกับผู้คนด้วย หลายร้อยปีต่อมา คนในยุโรปและส่วนอื่น ๆ ในโลกเริ่มแปลและพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลในภาษาต่าง ๆ ที่ผู้คนมากมายเข้าใจได้ ห17.09 น. 20-21 ว. 10-12
วันพุธที่ 17 กรกฎาคม
คนที่แต่งงานจะมีความยุ่งยากในชีวิต—1 คร. 7:28
คู่แต่งงานบางคู่อาจมีปัญหาอื่น พวกเขาอาจอยากมีลูกมากแต่ไม่สามารถมีได้ ถ้าภรรยาไม่สามารถตั้งท้องได้ เธออาจรู้สึกเสียใจและเจ็บปวด (สภษ. 13:12) ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล การแต่งงานและการมีลูกเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผู้หญิง นี่เป็นเหตุผลที่ราเชลภรรยาของยาโคบเสียใจมาก พี่สาวของเธอมีลูกหลายคน แต่เธอกลับมีลูกไม่ได้ (ปฐก. 30:1, 2) ปัญหาอีกอย่างของบางคนที่แต่งงานแล้วก็คือ ความตายของคู่สมรส หลายคนที่ต้องทนกับปัญหาที่หนักหนาสาหัสนี้ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับพวกเขา ถึงอย่างนั้น คริสเตียนมีความเชื่อเต็มร้อยในเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย และความหวังนี้ให้กำลังใจพวกเขาอย่างมาก (ยน. 5:28, 29) ในคัมภีร์ไบเบิล พระยะโฮวาพระเจ้าผู้เป็นพ่อสัญญาหลายเรื่องที่ให้กำลังใจเราเมื่อต้องเจอกับปัญหา ห17.06 น. 4 ว. 1, น. 5 ว. 6 และ น. 6 ว. 9
วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม
พระยะโฮวา พระยะโฮวา พระเจ้าที่เมตตา สงสาร—อพย. 34:6
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าเปิดเผยตัวพระองค์เองกับโมเสส พระองค์บอกให้เขารู้จักชื่อและคุณลักษณะบางอย่างของพระองค์ พระยะโฮวาอาจเน้นว่าพระองค์มีอำนาจและสติปัญญาก็ได้ แต่แทนที่จะทำอย่างนั้น พระองค์กลับพูดถึงความเมตตาและความสงสารก่อน (อพย. 34:5-7) ตอนนั้น โมเสสอยากจะแน่ใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยเหลือเขาไหม พระยะโฮวาจึงบอกให้เขารู้เกี่ยวกับคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์ซึ่งทำให้เขามั่นใจว่าพระองค์อยากช่วยผู้รับใช้จริง ๆ (อพย. 33:13) ถึงแม้ว่าเราถูกสร้างให้มีความรู้สึกสงสาร แต่เราก็ไม่สมบูรณ์แบบและมักจะเห็นแก่ตัว บางครั้งอาจไม่ง่ายที่เราจะตัดสินใจว่าเราจะช่วยคนอื่นดีหรือจะคิดถึงตัวเองก่อน ดังนั้น อะไรจะช่วยเราให้สนใจและเป็นห่วงคนอื่นมากขึ้น? ก่อนอื่น ให้เรามาดูกันว่าพระยะโฮวาและคนอื่น ๆ ได้แสดงความสงสารอย่างไรบ้าง หลังจากนั้น เราจะดูกันว่าเราสามารถเลียนแบบความสงสารของพระเจ้าได้อย่างไรและทำไมถึงสำคัญที่เราจะทำอย่างนั้น ห17.09 น. 8 ว. 1 และ น. 9 ว. 3
วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม
ให้ถ่อมตัวและมองว่าคนอื่นดีกว่าตัวเอง—ฟป. 2:3
เหตุผลที่เราอยาก “สวมใส่” ลักษณะนิสัยใหม่ควรเป็นเพราะเราอยากให้เกียรติพระยะโฮวา ไม่ใช่อยากให้คนอื่นยกย่องชมเชยเรา อย่าลืมว่าแม้แต่ทูตสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบก็ยังกลายเป็นคนหยิ่งและทำบาป (เทียบกับเอเสเคียล 28:17) เราไม่สมบูรณ์แบบ ดังนั้น เป็นเรื่องยากขึ้นไปอีกที่เราจะไม่เป็นคนหยิ่ง ถึงอย่างนั้น เราสามารถ “สวมใส่” ความถ่อมตัวได้ อะไรจะช่วยเราให้ทำอย่างนั้น? วิธีหนึ่งที่ช่วยเราให้เป็นคนถ่อมตัวก็คือ เราต้องอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวันและคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับสิ่งที่เราอ่าน (ฉธบ. 17:18-20) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราต้องคิดใคร่ครวญสิ่งที่พระเยซูสอนและตัวอย่างความถ่อมตัวที่ดีเยี่ยมของท่าน (มธ. 20:28) พระเยซูถ่อมมากจริง ๆ ท่านถึงกับล้างเท้าให้พวกอัครสาวก (ยน. 13:12-17) อีกสิ่งหนึ่งที่เราทำได้ก็คือการอธิษฐานขอพลังจากพระยะโฮวา พลังของพระองค์สามารถช่วยเราให้ต่อสู้กับความรู้สึกอะไรก็ตามที่จะทำให้เราคิดว่าเราดีกว่าคนอื่น—กท. 6:3, 4 ห17.08 น. 25 ว. 11-12
วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม
ให้ขอทุกสิ่งจากพระเจ้าด้วยการอธิษฐานและการอ้อนวอน . . . แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจทุกอย่างจะปกป้องหัวใจและความคิดของพวกคุณไว้—ฟป. 4:6, 7
อาจมีบางครั้งที่เราขอให้พระเจ้าช่วยตัดสินใจ และเราก็รู้สึกว่าได้ทำตามการชี้นำของพลังบริสุทธิ์แล้ว แต่หลังจากนั้นกลับมีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย หรือทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในชีวิต (ปญจ. 9:11) อะไรจะช่วยเราไม่ให้ “กังวล” แต่มี “สันติสุขของพระเจ้า”? จดหมายที่เปาโลเขียนถึงพี่น้องในฟีลิปปีแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่จะแก้ความกังวลได้ก็คือการอธิษฐาน ดังนั้น เมื่อไรที่เรากังวล เราต้องอธิษฐานบอกเรื่องที่เรากังวลกับพระเจ้า (1 ปต. 5:6, 7) ตอนที่คุณอธิษฐานถึงพระยะโฮวา ขอให้มั่นใจอย่างเต็มที่ว่าพระองค์เป็นห่วงคุณ ให้อธิษฐานขอบคุณเสมอสำหรับสิ่งดีต่าง ๆ ที่พระองค์ให้กับคุณ และอย่าลืมว่าพระองค์สามารถ “ทำทุกสิ่งได้มากกว่าที่เราจะขอหรือนึกออกได้”—อฟ. 3:20 ห17.08 น. 9 ว. 4, 6 และ น. 10 ว. 10
วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม
ถ้าไม่มีการปรึกษาหารือแผนการก็ล้มเหลว แต่ถ้ามีที่ปรึกษาหลายคนแผนการจะสำเร็จ—สภษ. 15:22
พี่น้องไพโอเนียร์หลายคนรับใช้เต็มเวลาตั้งแต่อายุยังน้อย และนี่ทำให้พวกเขามีความสุขมาก ถ้าคุณยังอายุไม่มาก ก็ลองเล่าแผนชีวิตของคุณให้พวกเขาฟังสิ พวกเขาคงบอกคุณว่าถ้าคุณเป็นไพโอเนียร์ คุณก็กำลังได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่งการศึกษานั้นจะช่วยคุณไปตลอดชีวิต ถึงพระเยซูได้เรียนรู้หลายอย่างจากพ่อของท่านตอนที่อยู่บนสวรรค์ แต่ตอนรับใช้อยู่บนโลกท่านก็ยังได้เรียนอีกหลายอย่างด้วย ตัวอย่างเช่น พระเยซูได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่ทำให้ท่านมีความสุขก็คือ การบอกข่าวดีกับคนอื่นและรักษาความซื่อสัตย์ภักดีแม้จะยากลำบาก (อสย. 50:4; ฮบ. 5:8; 12:2) พระเยซูบอกให้เรา ‘สอนคนให้เป็นสาวก’ (มธ. 28:19, 20) ถ้าคุณวางแผนจะให้งานสอนคัมภีร์ไบเบิลเป็นงานหลักของคุณ คุณจะมีชีวิตที่มีความสุขที่ได้สรรเสริญพระเจ้า งานนี้ก็เหมือนกับงานอาชีพทั่ว ๆ ไปที่ต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งถึงจะเก่ง ห17.07 น. 23-24 ว. 6-7
วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม
เราจะปลอบเจ้า—อสย. 66:13
พระยะโฮวาเป็นพ่อที่เห็นอกเห็นใจ พระองค์เป็นผู้ที่ให้กำลังใจเราได้มากที่สุด (2 คร. 1:3, 4) คนที่เศร้าโศกเสียใจสามารถได้กำลังใจจากประชาคมคริสเตียน (1 ธส. 5:11) คุณจะให้กำลังใจและปลอบคนที่ “ใจชอกช้ำ” ได้อย่างไร? (สภษ. 17:22) ขอจำไว้ว่า มี “เวลาเงียบและเวลาพูด” (ปญจ. 3:7) แม่ม่ายคนหนึ่งที่ชื่อดาลีนบอกว่า คนที่กำลังเศร้าโศกเสียใจต้องการเล่าให้คนอื่นฟังว่าเขาคิดและรู้สึกอย่างไร ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณทำได้ก็คือฟังพวกเขาพูดโดยไม่ขัด จูเนียที่มีพี่ชายคนหนึ่งฆ่าตัวตายเล่าว่า “ถึงแม้คุณอาจไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของคนที่กำลังเศร้าเสียใจได้ทั้งหมด แต่ถ้าคุณอยากจะเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา นั่นก็มีค่ามากสำหรับพวกเขา” เราต้องจำไว้ว่าแต่ละคนรู้สึกเสียใจไม่เท่ากันและแสดงออกมาไม่เหมือนกัน ห17.07 น. 13 ว. 3, น. 14 ว. 11-12 และ น. 15 ว. 13
วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม
ขอให้ทุกคนรู้ว่าพระองค์ผู้มีชื่อว่าพระยะโฮวา เป็นพระเจ้าองค์สูงสุดแต่องค์เดียวที่ปกครองทั่วทั้งโลก—สด. 83:18
สำหรับหลายคนในทุกวันนี้เงินเป็นเรื่องสำคัญ ผู้คนชอบเอาแต่คิดและวิตกกังวลเรื่องเงิน พวกเขาใช้เวลาไปกับการหาเงินและเก็บเงินให้ได้มาก ๆ ส่วนคนอื่น ๆ ก็ให้เรื่องครอบครัว สุขภาพ หรือเป้าหมายต่าง ๆ ในชีวิตเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับเขา แต่มีเรื่องหนึ่งที่สำคัญกว่า เรื่องนั้นคือประเด็นเกี่ยวกับการพิสูจน์ว่าพระยะโฮวามีสิทธิ์ที่จะปกครองหรือไม่ เราต้องมองที่ประเด็นนี้เสมอ เพราะถ้าเราไม่ระวัง เราอาจยุ่งอยู่กับเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันหรือกังวลกับปัญหาของตัวเองจนไม่ได้ใส่ใจประเด็นนี้และลืมไปว่ามันสำคัญขนาดไหน แต่ถ้าเราให้ความสำคัญกับสิทธิการปกครองของพระยะโฮวา เราจะรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตได้ดีขึ้นและจะใกล้ชิดกับพระยะโฮวามากขึ้นด้วย ห17.06 น. 22 ว. 1-2
วันพุธที่ 24 กรกฎาคม
ขอให้เลียนแบบผมเหมือนที่ผมเลียนแบบพระคริสต์—1 คร. 11:1
พระยะโฮวาใช้อำนาจในแบบที่แสดงความรักเสมอ หัวหน้าครอบครัวและพี่น้องผู้ดูแลที่รักการปกครองของพระยะโฮวาจะเลียนแบบพระองค์ พวกเขาจะไม่เข้มงวดเกินไปหรือพยายามควบคุมคนอื่น อัครสาวกเปาโลเป็นคนหนึ่งที่พยายามเลียนแบบพระเจ้าและพระเยซู เปาโลไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกขายหน้าหรือพยายามบังคับพวกเขาให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง แทนที่จะทำอย่างนั้น เปาโลขอร้องพวกเขาให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง (รม. 12:1; อฟ. 4:1; ฟม. 8-10) โดยวิธีนี้ เปาโลกำลังเลียนแบบพระยะโฮวา ดังนั้น ถ้าเราปฏิบัติกับคนอื่นด้วยความรัก เราก็กำลังสนับสนุนสิทธิการปกครองของพระองค์ อีกวิธีที่เราจะสนับสนุนการปกครองของพระยะโฮวาก็คือการร่วมมือและนับถือคนที่พระองค์ให้อำนาจ แม้บางครั้งเราอาจไม่เข้าใจเต็มที่หรือไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเขา แต่เราก็จะสนับสนุนพวกเขาต่อไป และถึงมันจะแตกต่างกับสิ่งที่คนทั่วไปในโลกทำกัน แต่เราจะทำอย่างนี้เพราะเรายอมให้พระยะโฮวาเป็นผู้ปกครองเรา—อฟ. 5:22, 23; 6:1-3; ฮบ. 13:17 ห17.06 น. 30 ว. 14-15
วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม
พระเจ้าสอนพวกคุณให้รักกันอยู่แล้ว—1 ธส. 4:9
พี่น้องที่ท้อแท้ ซึมเศร้า หรือเจอกับปัญหาต่าง ๆ อาจอยากให้เราสนใจ ให้กำลังใจ และปลอบใจเขา (สภษ. 12:25; คส. 4:11) ถ้าเรารัก “พี่น้องร่วมความเชื่อของเรา” จริง ๆ เราจะแสดงออกทั้งทางคำพูดและการกระทำ (กท. 6:10) คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าใน “สมัยสุดท้าย” ของโลกชั่วนี้ ผู้คนจำนวนมากจะเป็นคนโลภและเห็นแก่ตัว (2 ทธ. 3:1, 2) พวกเราที่เป็นคริสเตียนต้องออกความพยายามเพื่อจะรักพระยะโฮวามากขึ้น รักคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้น และรักกันมากขึ้นด้วย แต่เนื่องจากเราไม่สมบูรณ์แบบ บางครั้งเราอาจมีปัญหากับพี่น้องหรือผิดใจกันบ้าง แต่เพราะเรารักกัน เราจึงพยายามจัดการปัญหานั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ และจะแก้ปัญหาด้วยความรัก (อฟ. 4:32; คส. 3:14) แต่ให้เรารักพระยะโฮวา รักคัมภีร์ไบเบิล และรักพี่น้องมากขึ้นต่อ ๆ ไป ห17.05 น. 21 ว. 17-18
วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม
ถ้าเราบอกว่า “เราไม่มีบาป” เราก็หลอกตัวเอง—1 ยน. 1:8
พวกเราที่เป็นคริสเตียนคาดหมายอยู่แล้วว่าต้องเจอกับความไม่ยุติธรรมเมื่อติดต่อเกี่ยวข้องกับคนที่ไม่ใช่พยานฯ แต่ถ้าเราเห็นความไม่ยุติธรรมในประชาคมหรือเจอความไม่ยุติธรรมกับตัวเอง เรื่องนี้คงต้องทดสอบความเชื่อของเราแน่ ๆ ถ้ามีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น คุณจะทำอย่างไร? คุณจะสะดุดไหม? พวกเราทุกคนไม่สมบูรณ์แบบและทำผิดพลาด ดังนั้น จึงเป็นไปได้ที่พี่น้องบางคนอาจทำกับเราอย่างไม่ยุติธรรม หรือเราก็อาจทำอย่างนั้นกับคนอื่นด้วยเหมือนกัน ถึงแม้เรื่องนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้น แต่เราที่เป็นคริสเตียนที่ซื่อสัตย์จะไม่แปลกใจหรือสะดุดถ้ามีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นในประชาคม พระยะโฮวาให้คำแนะนำที่ใช้ได้จริงในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อช่วยเรารักษาความซื่อสัตย์ ถ้าเราต้องเจอกับความไม่ยุติธรรมที่พี่น้องทำกับเรา—สด. 55:12-14 ห17.04 น. 19 ว. 4-5
วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม
คนที่แต่งงานจะมีความยุ่งยากในชีวิต—1 คร. 7:28
ถ้าคุณมีคู่สมรสที่ไม่ได้เป็นพยานฯ ความยุ่งยากและปัญหาในชีวิตคู่อาจมากขึ้นอีก ถึงอย่างนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะมองสภาพการณ์ในชีวิตให้เหมือนกับพระยะโฮวามอง พระองค์บอกว่าเราไม่ควรแยกกันอยู่หรือหย่ากับคู่ของเราเพียงเพราะเขาหรือเธอคนนั้นไม่ได้รับใช้พระองค์ (1 โครินธ์ 7:12-16) ถ้าสามีของคุณไม่ได้รับใช้พระยะโฮวาและไม่ได้นำหน้าในการนมัสการแท้ คุณก็ยังต้องนับถือเขาในฐานะหัวหน้าครอบครัว และถ้าภรรยาของคุณไม่ได้รับใช้พระยะโฮวา คุณก็ยังต้องรักและดูแลทะนุถนอมเธอ (เอเฟซัส 5:22, 23, 28, 29) คุณควรทำอย่างไรถ้าคู่สมรสไม่ให้คุณมีอิสระอย่างเต็มที่ที่จะนมัสการพระเจ้า? ตัวอย่างเช่น สามีของพี่น้องหญิงคนหนึ่งยอมให้เธอออกไปประกาศได้บางวันในแต่ละสัปดาห์เท่านั้น ถ้าคุณต้องตกอยู่ในสถานการณ์คล้าย ๆ กับพี่น้องหญิงคนนี้ คุณอาจถามตัวเองว่า ‘คู่ของฉันขอให้ฉันเลิกนมัสการพระยะโฮวาเลยไหม? ถ้าไม่ ฉันจะยอมทำสิ่งที่เขาขอร้องได้ไหม?’ ถ้าคุณเป็นคนมีเหตุผล คุณก็จะมีปัญหาในชีวิตคู่น้อยลง—ฟีลิปปี 4:5 ห17.10 น. 13 ว. 7-8
วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม
ให้พร่ำสอนลูก ๆ ด้วยคำสอนนี้—ฉธบ. 6:7
ผู้คน “จากทุกชาติทุกภาษา” กำลังเข้ามาสมทบกับองค์การของพระยะโฮวา (ศคย. 8:23) แต่ถ้าลูกไม่สามารถเข้าใจภาษาของคุณได้อย่างดีก็เป็นเรื่องยากที่คุณจะสอนความจริงกับเขา ลูกเป็นนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลคนสำคัญที่สุดของคุณ ถ้าพวกเขา “มารู้จัก” พระยะโฮวา พวกเขาก็จะมีชีวิตตลอดไป (ยน. 17:3) เพื่อที่ลูก ๆ จะเรียนรู้เกี่ยวกับคำสอนของพระยะโฮวา คุณต้อง “พร่ำสอน” พวกเขาเป็นประจำ (ฉธบ. 6:6, 7) ลูกของคุณคงได้เรียนภาษาท้องถิ่นจากโรงเรียนและจากคนอื่น ๆ แต่พวกเขาจะเรียนภาษาของคุณถ้าคุณพูดคุยกับเขาเป็นประจำ ถ้าลูกพูดภาษาของคุณได้ก็ง่ายที่เขาจะพูดคุยหรือบอกเล่าความรู้สึกกับคุณ นอกจากนั้น ถ้าลูกพูดได้มากกว่าหนึ่งภาษาก็จะเป็นการฝึกความคิดของเขาและช่วยให้เขาเข้าใจความคิดของคนอื่นดีขึ้น ห17.05 น. 9 ว. 5-6
วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม
ให้รวบรวมคน . . . แล้วไปที่ภูเขาทาโบร์ เราจะให้สิเสรา . . . มา . . . และเราจะมอบเขาไว้ในมือของเจ้า—วนฉ. 4:6, 7
กองทัพของยาบินมีรถศึกซึ่งมีดุมล้อติดใบมีดโค้ง 900 คัน ขณะที่ชาวอิสราเอลไม่มีอาวุธสำหรับต่อสู้และไม่มีอะไรเอาไว้ป้องกันตัวเองเลย (วนฉ. 4:1-3, 13; 5:6-8) แต่พระยะโฮวาสั่งบาราคตามที่บอกในข้อคัมภีร์วันนี้ บาราคไปต่อสู้กับศัตรูที่เมืองทาอานาค (วนฉ. 4:14-16) พระยะโฮวาช่วยชาวอิสราเอลไหม? แน่นอน มีพายุฝนกระหน่ำลงมาจนทำให้พื้นของสมรภูมิรบมีแต่โคลน สถานการณ์นี้ทำให้ชาวอิสราเอลได้เปรียบ บาราคไล่ตามกองทัพของสิเสราไปไกลถึง 24 กิโลเมตร เขาไล่ตามไปถึงฮาโรเชธ ระหว่างทางรถรบของสิเสราติดหล่มโคลน สิเสราต้องวิ่งหนีไปที่ศาอานันนิมซึ่งอาจอยู่ใกล้กับเมืองเคเดช แล้วเขาก็เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในเต็นท์ของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อยาเอล สิเสราเหนื่อยมากและหลับไปอย่างรวดเร็ว ตอนที่เขาหลับอยู่ยาเอลฆ่าเขาอย่างกล้าหาญ (วนฉ. 4:17-21) ในที่สุดพระยะโฮวาให้อิสราเอลมีชัยชนะเหนือศัตรู ห17.04 น. 29-30 ว. 6-8
วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม
พระยะโฮวามีข้อขัดแย้งกับชาติต่าง ๆ . . . พระองค์จะฆ่าคนชั่วด้วยดาบ—ยรม. 25:31
จะมีองค์กรอะไรเหลืออยู่ไหมหลังอาร์มาเกดโดน? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “มีฟ้าสวรรค์ใหม่และโลกใหม่ที่เราเฝ้าคอยอยู่ตามที่พระองค์สัญญาไว้ และที่นั่นจะมีความยุติธรรมตลอดไป” (2 ปต. 3:13) ฟ้าสวรรค์เก่าและโลกเก่าคือรัฐบาลที่ทุจริตและหลอกลวงกับผู้คนที่อยู่ใต้อำนาจพวกเขา หลังจากที่สิ่งเหล่านี้หมดไปจะมี “ฟ้าสวรรค์ใหม่และโลกใหม่” มาแทนที่ ฟ้าสวรรค์ใหม่หมายถึงรัฐบาลใหม่ ซึ่งก็คือรัฐบาลของพระเจ้าที่มีพระเยซูปกครองร่วมกับคน 144,000 คน ส่วนโลกใหม่หมายถึงผู้คนที่อยู่ใต้การดูแลจากรัฐบาลนั้น พระเยซูและคนที่ร่วมปกครองกับท่านจะเลียนแบบพระยะโฮวาได้อย่างสมบูรณ์แบบ พระองค์เป็นพระเจ้าที่มีระเบียบ (1 คร. 14:33) ดังนั้น ใน “โลกใหม่” จะมีการจัดระบบสิ่งต่าง ๆ เป็นอย่างดี โดยให้ผู้ชายที่มีคุณสมบัติที่ดีทำหน้าที่ดูแลสิ่งต่าง ๆ ผู้ชายเหล่านี้จะได้รับการชี้นำจากพระเยซูและคน 144,000 คน (สด. 45:16) ลองนึกภาพช่วงเวลาที่จะไม่มีองค์กรที่ทุจริตและหลอกลวงอีกเลย และมีแค่องค์กรเดียวซึ่งเป็นองค์กรที่มีเอกภาพและไม่มีทางทุจริตหลอกลวง ห17.04 น. 11 ว. 8-9
วันพุธที่ 31 กรกฎาคม
ทั้งสองจะเป็นหนึ่งเดียว—ปฐก. 2:24
การสมรสเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ พระยะโฮวามองการปฏิญาณนี้ว่าเป็นเรื่องจริงจังมาก ตอนที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวปฏิญาณ พวกเขาก็กำลังสัญญาต่อหน้าพระยะโฮวาและทุกคนที่อยู่ที่นั่น ปกติแล้วพวกเขาจะกล่าวคำปฏิญาณว่าจะรัก ทะนุถนอม และนับถือกันนานตราบเท่าที่พวกเขาทั้งสองจะครองชีวิตร่วมกันบนแผ่นดินโลกตามการจัดเตรียมของพระเจ้าเรื่องการสมรส ถึงแม้คนอื่นทั่วไปอาจไม่ได้พูดประโยคแบบเดียวกันนี้ แต่เมื่อพวกเขาให้คำมั่นสัญญาต่อกันก็ถือว่าพวกเขาได้ปฏิญาณต่อหน้าพระเจ้า ตอนที่พวกเขาปฏิญาณ พวกเขาก็กลายมาเป็นสามีภรรยา และการสมรสถือเป็นการผูกมัดกันตลอดชีวิต (ปฐก. 2:24; 1 คร. 7:39) พระเยซูบอกว่า “สิ่งที่พระเจ้าผูกไว้คู่กันแล้ว อย่าให้มนุษย์ทำให้แยกจากกันเลย” ดังนั้น คนที่กำลังจะแต่งงานต้องไม่คิดว่าถ้าไปกันไม่ได้ก็ค่อยหย่ากัน (มก. 10:9) เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครสักคนสมบูรณ์แบบ คู่ที่สมบูรณ์แบบก็ไม่มีเหมือนกัน นี่เป็นเหตุผลที่คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่าทุกคนที่แต่งงาน “จะมีความยุ่งยาก” ในบางครั้ง—1 คร. 7:28 ห17.04 น. 7 ว. 14-15