พฤษภาคม
วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม
รักคนต่างชาติ—ฉธบ. 10:19
ไม่กี่ปีมานี้หลายคนต้องหนีออกจากบ้านเกิดมาลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ สิ่งที่คุณทำได้คือ เรียนคำทักทายในภาษาของพวกเขา และลองฝึกพูดบางประโยคในภาษาของพวกเขาดูสิ นี่อาจทำให้พวกเขาสนใจและอยากคุยกับคุณ จากนั้น คุณอาจให้พวกเขาดูเว็บไซต์ jw.org และให้ดูวีดีโอหรือหนังสือในภาษาของพวกเขา พระยะโฮวาให้สิ่งที่ดีมากที่ช่วยให้เราประกาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การประชุมชีวิตและงานรับใช้ช่วยให้เรากลับเยี่ยมและเริ่มการศึกษาได้อย่างมั่นใจขึ้น พ่อแม่ก็สอนลูกให้ตอบเป็นคำพูดของตัวเองได้แทนที่จะอ่านตอบหรือตอบตามที่พ่อแม่บอกเท่านั้น บางคนสนใจเรียนความจริงเพราะได้ยินเด็กแสดงความเชื่อแบบง่าย ๆ แต่ออกมาจากใจ—1 โครินธ์ 14:25 ห18.06 น. 22-23 ว. 7-9
วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม
ขอให้ต้อนรับกันอย่างที่พระคริสต์ต้อนรับคุณ—รม. 15:7
เราทุกคนควรจำไว้ว่าเมื่อก่อนเราไม่รู้จักพระยะโฮวาและไม่ได้ใกล้ชิดกับพระองค์ (เอเฟซัส 2:12) แต่พระองค์ก็ ‘ดึงเรามาหาพระองค์โดยใช้ความรัก’ (โฮเชยา 11:4; ยอห์น 6:44) พระเยซูต้อนรับเราทำให้เรามีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพระเจ้า แม้เราจะเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ แต่พระเยซูก็ต้อนรับเรา เราจึงไม่ควรแม้แต่จะคิดที่จะมีอคติกับคนอื่นไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ยิ่งโลกชั่วนี้ใกล้จะถึงจุดจบ ผู้คนก็ยิ่งแตกแยกกัน มีอคติต่อกัน และเกลียดชังกันมากขึ้นเรื่อย ๆ (กาลาเทีย 5:19-21; 2 ทิโมธี 3:13) แต่เราที่เป็นคนของพระเจ้าอยากมี “สติปัญญาจากเบื้องบน” ที่จะช่วยเราให้เป็นคนไม่ลำเอียงและสร้างสันติสุข (ยากอบ 3:17, 18) เราดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับพี่น้องที่มาจากหลายประเทศ เรายอมรับสิ่งที่พวกเขาทำถึงแม้จะแตกต่างจากเรา เราอาจถึงกับเรียนภาษาของพวกเขาด้วยซ้ำ เมื่อเราทำแบบนี้เราจะมีความสงบสุข “เต็มเปี่ยมเหมือนน้ำในแม่น้ำ” และได้รับความยุติธรรม “มากมายเหมือนคลื่นในมหาสมุทร”—อิสยาห์ 48:17, 18 ห18.06 น. 12 ว. 18-19
วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม
และเอาความพร้อมที่จะประกาศข่าวดีเรื่องสันติสุขมาใส่เป็นรองเท้า—อฟ. 6:15
ทหารโรมันจะออกไปรบไม่ได้ถ้าไม่ใส่รองเท้า รองเท้าที่พวกเขาใส่ทำมาจากหนังสามชั้นซึ่งทำให้รองเท้าแข็งแรงมากและก็ใส่สบายด้วย นี่ทำให้พวกทหารเดินด้วยความมั่นใจและไม่ลื่นล้ม เหมือนกับรองเท้าที่ทำให้ทหารโรมันไปรบในสงครามได้ รองเท้าที่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องอาวุธครบชุดจากพระเจ้าก็ช่วยเรา “ประกาศข่าวดีเรื่องสันติสุข” (อิสยาห์ 52:7; โรม 10:15) แต่บางครั้ง การประกาศก็ต้องใช้ความกล้ามาก โบ้อายุ 20 บอกว่า “ผมเคยกลัวที่จะประกาศกับเพื่อน ผมคิดว่าตอนนั้นผมรู้สึกอาย พอมองย้อนกลับไป ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้ผมชอบประกาศกับเพื่อน ๆ ครับ” วัยรุ่นพยานฯ หลายคนรู้สึกว่าการประกาศเป็นเรื่องง่ายขึ้นถ้าพวกเขาได้เตรียมตัวดี ๆ ล่วงหน้า ห18.05 น. 29 ว. 9-11
วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม
เกิดผลมากอยู่เรื่อย ๆ—ยน. 15:8
พระเยซูบอกกับอัครสาวกว่า “ผมให้พวกคุณมีความสงบสุข” (ยอห์น 14:27) ความสงบสุขที่พระเยซูให้จะช่วยให้เราประกาศต่อ ๆ ไปได้อย่างไร? เมื่อเราประกาศ เรารู้ว่าเราทำให้พระยะโฮวาและพระเยซูมีความสุข การรู้แบบนี้ทำให้เราสงบใจ และความสงบใจนี่เองที่ช่วยให้เรามีพลังที่จะอดทนประกาศต่อไปได้ (สดุดี 149:4; โรม 5:3, 4; โคโลสี 3:15) หลังจากที่พระเยซูบอกว่าอยากให้พวกอัครสาวกมีความสุข ท่านอธิบายความสำคัญของการแสดงความรักที่ไม่เห็นแก่ตัว (ยอห์น 15:11-13) จากนั้น ท่านก็บอกว่า “ผมเรียกพวกคุณว่าเพื่อน” มันสุดยอดจริง ๆ ที่ได้เป็นเพื่อนกับพระเยซู! แต่พวกเขาจะเป็นเพื่อนกับพระเยซูต่อ ๆ ไปได้อย่างไร? ท่านบอกว่า “ให้พวกคุณเกิดผลต่อ ๆ ไป” ซึ่งหมายถึงให้พวกเขาประกาศต่อ ๆ ไป (ยอห์น 15:14-16) ประมาณสองปีก่อนหน้านั้นพระเยซูเน้นว่าพวกเขาต้องประกาศตอนที่ท่านบอกกับอัครสาวกว่า “เมื่อไปประกาศ ให้พูดว่า ‘รัฐบาลสวรรค์มาใกล้แล้ว’” (มัทธิว 10:7) ดังนั้น ในคืนก่อนที่ท่านจะตาย ท่านจึงเน้นกับพวกสาวกอีกครั้งว่าพวกเขาต้องประกาศต่อ ๆ ไป ซึ่งเป็นงานที่พวกเขาทำมาตลอด—มัทธิว 24:13; มาระโก 3:14 ห18.05 น. 20 ว. 15-16
วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม
ใครหว่านอะไรไปก็ต้องเก็บเกี่ยวผลจากสิ่งนั้น—กท. 6:7
วัยรุ่น ขอตัดสินใจใช้ทั้งชีวิตเพื่อทำให้พระยะโฮวาพอใจและตั้งเป้าหมายของคริสเตียน แต่วัยรุ่นหลายคนที่อายุเท่าคุณก็แค่อยากใช้ชีวิตสนุก ๆ และพวกเขาอาจชวนคุณให้ทำเหมือนกัน แต่ไม่ช้าก็เร็วคุณจะต้องแสดงให้คนอื่นเห็นว่าคุณยึดมั่นกับสิ่งที่คุณเลือกมากแค่ไหน อย่าให้คนอื่นทำให้คุณลืมเป้าหมายนี้ คุณต้องทำอะไรเพื่อจะรับมือกับแรงกดดันจากเพื่อน ๆ ได้? อย่าไปอยู่ในสถานการณ์ที่คุณอาจทนแรงกดดันหรือการล่อใจไม่ไหว (สุภาษิต 22:3) ให้คิดถึงผลที่เจ็บปวดถ้าคุณทำผิด และคุณต้องถ่อมใจยอมรับว่าคุณต้องการคำแนะนำที่ดี คุณต้องฟังคำแนะนำของพ่อแม่และพี่น้องที่มีประสบการณ์ในประชาคม (1 เปโตร 5:5, 6) คุณถ่อมพอที่จะยอมรับคำแนะนำไหม? ห18.04 น. 28-29 ว. 14-16
วันพุธที่ 6 พฤษภาคม
ขอให้พวกคุณยึดมั่นกับสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่จนกว่าผมจะมา แล้วผมจะให้คนที่ได้ชัยชนะและทำตามคำสั่งของผมจนถึงที่สุดมีอำนาจเหนือประเทศต่าง ๆ—วว. 2:25, 26
ในข่าวสารที่พระเยซูส่งถึงบางประชาคมในเอเชียไมเนอร์ ท่านแสดงให้เห็นว่าท่านเห็นค่างานที่พวกสาวกทำ เช่น พระเยซูเริ่มต้นโดยพูดถึงพี่น้องในเมืองธิยาทิราว่า “ผมรู้ว่าคุณทำอะไรบ้าง คุณมีความรัก ความเชื่อ ทำงานรับใช้ และอดทน และผมรู้ด้วยว่าตอนนี้คุณทำมากกว่าเมื่อก่อนอีก” (วว. 2:19) พระเยซูไม่ใช่แค่บอกว่าพวกเขาทำงานหนักขึ้น แต่ยังชมด้วยว่าพวกเขามีคุณลักษณะหลายอย่างที่ทำให้พวกเขาทำสิ่งดี ๆ แม้พระเยซูต้องให้คำแนะนำบางคนที่นั่น แต่ท่านก็เริ่มและจบคำพูดของท่านด้วยการให้กำลังใจ (วว. 2:27, 28) ลองคิดถึงตำแหน่งของพระเยซูผู้นำประชาคม ท่านไม่ต้องขอบคุณที่เราทำงานให้ท่านก็ได้ แต่พระเยซูกลับแสดงให้เห็นว่าท่านเห็นค่าสิ่งที่เราทำ ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้ดูแลทุกคนจริง ๆ ห19.02 น. 16 ว. 10
วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม
ยูดาสกับสิลาส . . . ก็บรรยายให้พี่น้องฟังหลายเรื่อง ช่วยให้พี่น้องได้กำลังใจและมีความเชื่อเข้มแข็งขึ้น—กจ. 15:32
ในสมัยศตวรรษแรก พระยะโฮวาใช้คณะกรรมการปกครองให้กำลังใจคริสเตียนทุกคน ซึ่งรวมทั้งคนที่นำหน้าในประชาคมคริสเตียนด้วย อย่างเช่น ตอนที่ฟีลิปไปประกาศเรื่องพระคริสต์กับชาวสะมาเรีย คณะกรรมการปกครองก็สนับสนุนฟีลิปโดยส่งสมาชิก 2 คนจากคณะกรรมการปกครองไป พวกเขาคือเปโตรและยอห์น พวกเขาไปอธิษฐานกับคริสเตียนใหม่เพื่อช่วยให้พี่น้องเหล่านั้นได้รับพลังบริสุทธิ์จากพระเจ้า (กิจการ 8:5, 14-17) นี่ทำให้ฟีลิปกับพี่น้องใหม่ที่นั่นได้รับกำลังใจอย่างมากจากการสนับสนุนของคณะกรรมการปกครอง ทุกวันนี้ คณะกรรมการปกครองของพยานพระยะโฮวาก็ให้กำลังใจพี่น้องที่รับใช้ในเบเธล ผู้รับใช้เต็มเวลาประเภทพิเศษในเขตงาน และเราทุกคนด้วย ก็เหมือนกับพี่น้องคริสเตียนในสมัยศตวรรษแรก เราดีใจมากเมื่อได้รับกำลังใจจากพวกเขา นอกจากนั้น ในปี 2015 คณะกรรมการปกครองได้ออกหนังสือที่ชื่อว่าขอกลับมาหาพระยะโฮวา เพื่อช่วยคนที่ออกจากความจริง ห18.04 น. 19 ว. 18-20
วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม
พวกคุณจะรู้ความจริง แล้วความจริงจะทำให้พวกคุณเป็นอิสระ—ยน. 8:32
บางคนคิดว่าการมีอิสระแบบไม่มีขีดจำกัดเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่จริงไหม? แม้การมีอิสระจะเป็นประโยชน์หลายอย่าง แต่คุณนึกออกไหมว่าโลกจะเป็นอย่างไรถ้าไม่มีการจำกัดหรือควบคุมอะไรเลย? สารานุกรม เดอะ เวิลด์ บุ๊ก บอกว่า ในทุกสังคมที่เป็นระบบระเบียบจะมีการตั้งกฎที่ซับซ้อนเพื่อปกป้องอิสระของประชาชนและในเวลาเดียวกันก็เพื่อจำกัดอิสระของประชาชน การตั้งกฎแบบนี้มันไม่ง่ายเลย นี่เป็นเหตุผลที่เราเห็นว่าทำไมถึงมีข้อกฎหมายสารพัดอย่าง แล้วยังมีนักกฎหมาย ทนาย และผู้พิพากษามากมายเหลือเกินที่พยายามจะอธิบายและใช้กฎหมายเหล่านั้น เพื่อจะมีอิสระจริง ๆ เราต้องทำ 2 อย่าง อย่างแรก เราต้องรู้ความจริงที่พระเยซูสอน อย่างที่สอง เราต้องเป็นสาวกของท่าน การทำสิ่งเหล่านี้จะทำให้เรามีอิสระจริง ๆ แต่เป็นอิสระจากอะไร? พระเยซูบอกว่า “ทุกคนที่ทำบาปก็เป็นทาสของบาป . . . ถ้าผมที่เป็นลูกของพระเจ้าปลดปล่อยพวกคุณให้เป็นอิสระ พวกคุณก็จะเป็นอิสระจริง ๆ”—ยอห์น 8:34, 36 ห18.04 น. 6 ว. 13-14
วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม
ให้พวกคุณ . . . เห็นอกเห็นใจกัน—1 ปต. 3:8
เราชอบอยู่กับคนที่สนใจเราและเป็นห่วงความรู้สึกของเรา คนแบบนี้จะพยายามเข้าใจความรู้สึกและความคิดของเรา พวกเขาสนใจว่าเราต้องการอะไรและบางครั้งจะช่วยเราก่อนที่จะขอด้วยซ้ำ เราเลยรักและรู้สึกขอบคุณคนที่ “เห็นอกเห็นใจ” เรา เพราะเราเป็นคริสเตียน เราทุกคนเลยอยากเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจคนอื่น แต่จริง ๆ แล้วนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอะไร? เหตุผลแรกคือเพราะเราไม่สมบูรณ์แบบ เราเลยต้องต่อสู้กับแนวโน้มที่มีมาตั้งแต่เกิดที่จะคิดถึงแต่ตัวเอง (รม. 3:23) เหตุผลที่ 2 คือวิธีที่คนเราถูกเลี้ยงดูหรือสิ่งที่เคยเจอในอดีตทำให้พวกเราบางคนต้องพยายามมากจริง ๆ ที่จะเห็นอกเห็นใจคนอื่น และสุดท้าย เราอาจได้รับอิทธิพลจากความคิดของผู้คนรอบตัว ในสมัยสุดท้ายนี้หลายคนไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่นและเป็นคน “เห็นแก่ตัว” (2 ทธ. 3:1, 2) เราจะเป็นห่วงความรู้สึกคนอื่นมากขึ้นได้โดยเลียนแบบพระยะโฮวาและพระเยซูลูกของพระองค์ ห19.03 น. 14 ว. 1-3
วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม
ให้ปกป้องหัวใจของลูก—สภษ. 4:23
กฎหมายข้อสุดท้ายของบัญญัติ 10 ประการบอกว่าอย่าโลภ ความโลภคือการอยากได้ของของคนอื่นอย่างไม่ถูกต้อง (ฉธบ. 5:21; รม. 7:7) พระยะโฮวาให้กฎหมายนี้เพื่อสอนบทเรียนที่มีค่าอย่างหนึ่ง นั่นคือประชาชนของพระองค์ต้องปกป้องหัวใจของตัวเอง ซึ่งหมายถึงปกป้องความคิดและความรู้สึกของพวกเขา พระยะโฮวารู้ว่าการทำชั่วเริ่มต้นมาจากความคิดและความรู้สึก ตัวอย่างเช่น โดยทั่วไปแล้วกษัตริย์ดาวิดเป็นคนดี แต่ครั้งหนึ่งเขาทำผิดร้ายแรงเพราะโลภอยากได้ภรรยาของคนอื่น และความอยากนี้กระตุ้นให้เขาทำบาป (ยก. 1:14, 15) ดาวิดเล่นชู้และพยายามจะหลอกสามีของผู้หญิงคนนั้น และจากนั้นเขาก็ทำให้ผู้ชายคนนั้นต้องตาย (2 ซม. 11:2-4; 12:7-11) บทเรียนคือ พระยะโฮวาไม่ได้มองที่ภายนอกอย่างเดียวเท่านั้น พระองค์มองเข้าไปในหัวใจและเห็นตัวตนจริง ๆ ของเรา (1 ซม. 16:7) ไม่มีใครสามารถปกปิดความคิด ความรู้สึก และการกระทำไม่ให้พระยะโฮวาเห็นได้ พระยะโฮวามองหาสิ่งที่ดีในตัวเราและอยากให้เราทำดี แต่พระองค์ก็อยากให้เราตรวจสอบว่าเรามีความคิดที่ไม่ดีอยู่หรือไม่และควบคุมความคิดนั้นให้ได้ก่อนที่มันจะกระตุ้นให้เราทำผิด—2 พศ. 16:9; มธ. 5:27-30 ห19.02 น. 21 ว. 9; น. 22 ว. 11
วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม
ทุกคนในโลกที่ถ่อมตัว . . . ขอให้มาหาพระยะโฮวา . . . และเป็นคนถ่อมตัว—ศฟย. 2:3
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าโมเสสเป็น “คนอ่อนน้อมถ่อมตนที่สุดในโลก” (กดว. 12:3) นี่หมายความว่าเขาเป็นคนอ่อนแอ ไม่กล้าตัดสินใจ และกลัวการเผชิญหน้าไหม? บางคนอาจคิดว่าคนอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นแบบนั้น แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย โมเสสเป็นผู้รับใช้พระเจ้าที่เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว และกล้าหาญ พระยะโฮวาช่วยเขาให้กล้าเผชิญหน้ากับกษัตริย์อียิปต์ที่แข็งแกร่งและช่วยเขาให้พาประชาชนประมาณ 3 ล้านคนเดินทางผ่านที่กันดาร โมเสสยังช่วยชาวอิสราเอลเอาชนะชาติต่าง ๆ ที่เป็นศัตรูได้สำเร็จ เราไม่ต้องเจอข้อท้าทายขนาดโมเสส ถึงอย่างนั้น ทุกวันเราก็ต้องเจอกับคนหรือสถานการณ์ที่อาจทำให้ยากที่จะเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน แต่เรามีแรงจูงใจที่ดีที่ทำให้เราอยากพัฒนาคุณลักษณะนี้ พระยะโฮวาสัญญาว่า “คนที่อ่อนน้อมถ่อมตนจะได้อยู่ในโลก” (สด. 37:11) คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนไหม? คนอื่นบอกว่าคุณเป็นคนแบบนั้นไหม? ห19.02 น. 8 ว. 1-2
วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม
ความพินาศจะเกิดกับคนที่เห็นดีเป็นชั่วและเห็นชั่วเป็นดี—อสย. 5:20
พระยะโฮวาให้ของขวัญพิเศษอย่างหนึ่งกับมนุษย์ ของขวัญนั้นคือความรู้สึกผิดชอบชั่วดี มันเป็นสิ่งที่ทำให้คนเราเหนือกว่าสัตว์ เรารู้ได้อย่างไรว่าอาดัมกับเอวามนุษย์คู่แรกมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี? หลังจากพวกเขาไม่เชื่อฟังพระยะโฮวา ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ พวกเขาเลยไปซ่อนตัวจากพระองค์ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเป็นความรู้สึกลึก ๆ ในตัวเราที่คอยบอกว่าอะไรถูกอะไรผิด มันเป็นสิ่งที่ชี้นำชีวิตเรา คนที่ไม่ได้ฝึกความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็เหมือนกับเรือที่เข็มทิศเสีย คลื่นและลมในทะเลอาจพัดพาเรือให้ไปผิดทางได้ แต่ถ้าเข็มทิศดีมันจะช่วยกัปตันบังคับเรือให้อยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องได้ ดังนั้น ถ้าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเราได้รับการฝึก มันจะชี้นำเราอย่างดีได้ ถ้าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเราไม่ได้ถูกฝึก มันก็จะไม่เตือนตอนที่เราทำผิด (1 ทิโมธี 4:1, 2) มันอาจถึงกับทำให้เรา “เห็นชั่วเป็นดี” ด้วยซ้ำ ห18.06 น. 16 ว. 1-3
วันพุธที่ 13 พฤษภาคม
เลิกเลียนแบบคนในโลกนี้—รม. 12:2
ความคิดแบบโลกสอดแทรกอยู่ในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นแบบแอบแฝงหรือดูไม่ออกในทันที แต่เราต้องมองให้ออกและต้องไม่ยอมรับความคิดแบบนั้น ตัวอย่างเช่น ข่าวที่นำเสนอแบบเอียงไปทางขั้วการเมืองฝั่งหนึ่ง หรือคอลัมน์ข่าวที่ส่งเสริมเป้าหมายและความสำเร็จแบบโลก หนังหรือหนังสือที่ส่งเสริมความคิดที่ว่า “ฉันก่อน” หรือ “ครอบครัวต้องมาก่อน” คนที่ทำหนังหรือหนังสือเหล่านี้ทำให้ความคิดแบบนี้ดูมีเหตุผล น่าสนใจ และถึงกับเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ความคิดแบบนี้ขัดกับคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งบอกว่าเรากับครอบครัวจะมีความสุขจริง ๆ ก็ต่อเมื่อเรารักพระยะโฮวามากกว่าทุกสิ่ง (มัทธิว 22:36-39) นี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะสนใจความบันเทิงที่ดีไม่ได้เลย แต่เราต้องถามตัวเองว่า ‘ฉันมองออกไหมว่าความบันเทิงนี้มีความคิดแบบโลกแฝงอยู่? ฉันจำกัดการดูทีวีหรืออ่านหนังสือของฉันและของลูก ๆ ไหม หรือเราดูและอ่านทุกอย่างโดยไม่เลือก? ไม่ว่าลูกจะฟังหรือดูอะไร ฉันสอนลูกให้มองสิ่งต่าง ๆ แบบพระยะโฮวาไหมเพื่อลูกจะไม่ได้รับอิทธิพลจากความคิดของโลก?’ ห18.11 น. 22 ว. 18-19
วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม
ไม่ต้องกลัว เพราะเราอยู่กับเจ้า—อสย. 41:10
พระยะโฮวาแสดงให้เห็นว่าอยู่กับเราโดยสนใจเราจริง ๆ และรักเรา ขอให้สังเกตว่าพระองค์พูดถึงความรู้สึกจากใจที่มีต่อเราอย่างไร พระองค์บอกว่า “พวกเจ้ามีค่าสำหรับเรา เราให้เกียรติพวกเจ้าและรักพวกเจ้าเสมอมา” (อสย. 43:4) ไม่มีพลังอะไรในเอกภพที่ทำให้พระยะโฮวาเลิกรักคนที่รับใช้พระองค์ได้ พระองค์ภักดีต่อเราไม่เปลี่ยนแปลง (อสย. 54:10) พระยะโฮวาไม่ได้สัญญาว่าจะทำให้ปัญหาที่ทำให้ชีวิตเรายุ่งยากนั้นหมดไป แต่พระองค์จะไม่ยอมให้ปัญหามากมายที่เป็นเหมือน “แม่น้ำ” มาท่วมทับเราจนทำให้เราเลิกรับใช้พระองค์ และจะไม่ยอมให้ความยากลำบากที่เป็นเหมือน “ไฟ” มามีผลเสียต่อเราอย่างถาวร พระองค์สัญญาว่าจะอยู่กับเราและช่วยเราให้ “ลุยข้าม” ปัญหาเหล่านั้น พระองค์จะทำอย่างไร? พระองค์จะทำให้เราไม่กลัวเพื่อที่เราจะซื่อสัตย์มั่นคงต่อพระองค์ได้แม้ต้องเจอความตาย (อสย. 41:13; 43:2) ถ้าเราไว้วางใจคำสัญญาของพระยะโฮวาที่บอกว่า “เราจะอยู่กับเจ้า” เราก็จะมีความกล้าหาญและเข้มแข็งตอนที่ต้องอดทนกับความยากลำบากต่าง ๆ ห19.01 น. 3 ว. 4-6
วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม
มนุษย์คิดวางแผนมากมายในใจ แต่ทุกอย่างที่พระยะโฮวาคิดไว้จะเป็นจริง—สภษ. 19:21
ถ้าคุณเป็นเด็กหรือวัยรุ่น อาจารย์ ครูแนะแนว หรือคนอื่น ๆ อาจบอกว่าคุณต้องเรียนสูง ๆ หรือหางานทำที่ได้เงินเยอะ ๆ แต่คำแนะนำของพระยะโฮวาไม่ใช่แบบนั้นเลย แน่นอนว่าพระองค์อยากให้คุณขยันเรียนหนังสือเพื่อจะมีงานทำและดูแลตัวเองได้ (โคโลสี 3:23) และพระองค์รู้ว่าถึงคุณอายุยังน้อย คุณก็มีเรื่องสำคัญ ๆ ที่จะต้องตัดสินใจซึ่งจะมีผลต่ออนาคต พระองค์เลยให้หลักการหลายอย่างกับคุณซึ่งจะช่วยให้คุณใช้ชีวิตในแบบที่ทำให้พระองค์พอใจในสมัยสุดท้ายนี้ (มัทธิว 24:14) พระยะโฮวารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตและรู้ว่าอวสานอยู่ใกล้ขนาดไหน (อิสยาห์ 46:10; มัทธิว 24:3, 36) พระองค์ยังรู้จักคุณดีด้วย พระองค์รู้ว่าอะไรทำให้คุณมีความสุขและอะไรที่ทำให้ไม่มีความสุข คำแนะนำของคนทั่วไปอาจฟังดูดีแต่ก็ไม่ได้มาจากคัมภีร์ไบเบิล มันเลยไม่ใช่คำแนะนำที่ฉลาดจริง ๆ ห18.12 น. 19 ว. 1-2
วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม
จะไม่มีคนชั่วเลย—สด. 37:10
ดาวิดพูดถึงอนาคตว่า “คนที่อ่อนน้อมถ่อมตนจะได้อยู่ในโลก พวกเขาจะชื่นชมยินดีและมีแต่ความสงบสุข” และ “คนดีจะได้อยู่ในโลก พวกเขาจะได้อยู่ในโลกตลอดไป” (สดุดี 37:11, 29; 2 ซามูเอล 23:2) คุณคิดว่าคำสัญญาเหล่านี้มีผลอย่างไรกับคนที่อยากทำตามความประสงค์ของพระเจ้า? พวกเขามีเหตุผลที่จะหวังว่าวันหนึ่งจะมีแต่คนดีอยู่บนโลก และโลกจะเป็นอุทยานเหมือนสวนเอเดนอีกครั้ง ต่อมา ชาวอิสราเอลส่วนใหญ่ที่อ้างว่ารับใช้พระยะโฮวาค่อย ๆ หันหลังให้พระองค์และไม่สนใจการนมัสการแท้ พระองค์เลยให้ชาวบาบิโลนมาโจมตีพวกเขา ทำลายแผ่นดินของพวกเขา และจับหลายคนไปเป็นเชลย (2 พงศาวดาร 36:15-21; เยเรมีย์ 4:22-27) แต่ก็มีผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาหลายคนที่บอกล่วงหน้าว่าประชาชนของพระองค์จะได้กลับมาที่แผ่นดินเกิดหลังจากผ่านไป 70 ปี คำพยากรณ์เหล่านั้นได้เกิดขึ้นจริง ไม่เพียงแค่นั้น คำพยากรณ์เหล่านั้นยังมีความหมายสำหรับเราในทุกวันนี้ด้วย คำพยากรณ์เหล่านั้นช่วยเราให้มีเหตุผลที่จะคาดหวังได้ว่าจะมีอุทยานบนโลกในอนาคตแน่นอน ห18.12 น. 4 ว. 9-10
วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม
เหมือนกับที่ท้องฟ้าสูงกว่าแผ่นดิน แนวทางของเราก็เหนือกว่าแนวทางของเจ้า และความคิดของเราก็สูงส่งกว่าความคิดของเจ้า—อสย. 55:9
คำแนะนำของโลกไม่ตรงกับสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอน แต่เป็นไปได้ไหมที่คำแนะนำบางอย่างของโลกในทุกวันนี้อาจดีกว่าคำแนะนำของคัมภีร์ไบเบิล? พระเยซูบอกว่า “สติปัญญาที่แท้จริงก็เห็นได้จากผลที่ปรากฏออกมา” (มัทธิว 11:19) แม้เทคโนโลยีต่าง ๆ ของโลกก้าวหน้าไปมากแต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาใหญ่ ๆ ที่ทำให้คนเราไม่มีความสุขได้ เช่น ปัญหาเรื่องสงคราม การเหยียดผิว และอาชญากรรม นอกจากนั้น คนในโลกมองว่าการผิดศีลธรรมเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่ก็มีหลายคนบอกว่าการผิดศีลธรรมทำลายครอบครัว ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ และมีผลเสียตามมาหลายอย่าง แล้วคำแนะนำของพระยะโฮวาล่ะ? คริสเตียนที่คิดเหมือนพระยะโฮวามีครอบครัวที่มีความสุขมากกว่า มีสุขภาพที่ดีกว่า และมีสันติสุขกับพี่น้องทั่วโลก (อิสยาห์ 2:4; กิจการ 10:34, 35; 1 โครินธ์ 6:9-11) นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าความคิดของพระยะโฮวาเหนือกว่าความคิดของโลกจริง ๆ ห18.11 น. 20 ว. 8-10
วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม
การคบคนไม่ดีทำให้นิสัยดี ๆ เสียไป—1 คร. 15:33
ถึงเราจะพยายามเต็มที่ที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัวและทำดีกับพวกเขา แต่เราจะไม่ทิ้งมาตรฐานของพระยะโฮวาเพื่อจะเอาใจพวกเขา เรารู้ว่าเพื่อนสนิทของเราต้องเป็นคนที่รักพระยะโฮวาเท่านั้น และเพื่อจะใช้ชีวิตตามความจริงต่อไป เราต้องสะอาดบริสุทธิ์ในสายตาพระยะโฮวา (อิสยาห์ 35:8; 1 เปโตร 1:14-16) เมื่อเรียนความจริง เราทุกคนได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเพื่อทำตามมาตรฐานในคัมภีร์ไบเบิล และบางคนก็ต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เราต้องระวังที่จะไม่เอาชีวิตที่สะอาดด้านศีลธรรมไปแลกกับชีวิตที่ผิดศีลธรรม อะไรจะช่วยเราให้ต้านทานการล่อใจให้ทำผิดศีลธรรม? เราต้องคิดถึงสิ่งที่พระยะโฮวาให้เราเพื่อจะเป็นคนบริสุทธิ์ พระองค์ให้ชีวิตที่มีค่าของพระเยซูลูกชายที่รักของพระองค์กับเรา (1 เปโตร 1:18, 19) ดังนั้น เพื่อที่เราจะสะอาดในสายตาพระยะโฮวาได้ต่อไป เราต้องคิดเสมอว่าค่าไถ่ของพระเยซูมีค่ามากขนาดไหน ห18.11 น. 11 ว. 10-11
วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม
ผมจะอดทนรอจนพระเจ้าของผมมาช่วยให้รอด พระองค์จะฟังผมแน่—มคา. 7:7
หลายคนที่รับใช้เต็มเวลาบอกว่าการขยันทำงานรับใช้ต่อไปช่วยให้พวกเขายังคงมีความสุขและคิดบวกแม้สถานการณ์ในชีวิตจะเปลี่ยนไป จากตัวอย่างของพวกเขาเราเห็นว่า ไม่ว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไร ให้เราทำตรงนั้นเต็มที่และไว้วางใจพระยะโฮวาสุดหัวใจ แล้วเราจะมีใจสงบไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในที่สุด เราจะรู้ว่าการที่เราปรับตัวยอมรับการเปลี่ยนแปลงจะช่วยให้เราสนิทกับพระยะโฮวาจริง ๆ ในสมัยนี้ชีวิตของเราอาจเปลี่ยนไปโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว เราอาจต้องออกจากงานมอบหมายหรือได้รับงานมอบหมายใหม่ เจ็บป่วย หรือมีหน้าที่รับผิดชอบใหม่ในครอบครัว แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้มั่นใจว่าพระยะโฮวาเป็นห่วงและจะช่วยคุณเมื่อคุณต้องการ (ฮีบรู 4:16; 1 เปโตร 5:6, 7) ตอนนี้ไม่ว่าชีวิตคุณจะเป็นอย่างไร ขอให้คุณทำตรงนั้นให้เต็มที่ อธิษฐานถึงพระยะโฮวาพระเจ้าผู้เป็นพ่อของคุณและพึ่งพระองค์สุดหัวใจ ถ้าคุณทำแบบนี้ไม่ว่าสภาพการณ์ของคุณจะเป็นอย่างไร พระยะโฮวาจะช่วยให้คุณยังคงมีความสงบใจแน่นอน ห18.10 น. 30 ว. 17; น. 31 ว. 19, 22
วันพุธที่ 20 พฤษภาคม
[พระยะโฮวา] รู้ดีว่าพวกเราถูกสร้างมาอย่างไร และไม่ลืมว่าพวกเราเป็นแค่ดิน—สด. 103:14
คัมภีร์ไบเบิลมีตัวอย่างมากมายที่ทำให้เรารู้ว่าพระยะโฮวาคิดถึงความรู้สึกของผู้รับใช้ของพระองค์อย่างไร เช่น พระยะโฮวาคิดถึงความรู้สึกและช่วยเด็กชายซามูเอลให้ไปบอกเรื่องคำพิพากษาจากพระองค์กับมหาปุโรหิตเอลี ที่ 1 ซามูเอล 3:1-18 กฎหมายของพระยะโฮวาบอกว่าเด็กจะต้องนับถือคนที่อายุมากกว่า โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งหรืออำนาจ (อพยพ 22:28; เลวีนิติ 19:32) ลองนึกดูสิว่า พอถึงตอนเช้าซามูเอลซึ่งตอนนั้นยังเด็กจะกล้าบอกเอลีตรง ๆ ไหมว่าพระเจ้าบอกคำพิพากษาที่ร้ายแรงเกี่ยวกับตัวเอลีและครอบครัวของเขา คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าซามูเอล “ไม่กล้าบอกเอลีเกี่ยวกับนิมิตที่เห็น” แต่พระเจ้าทำให้เอลีเข้าใจชัดเจนว่าเป็นพระองค์ที่เรียกซามูเอล เอลีเลยบอกซามูเอลว่า ‘อย่าปิดบังคำพูดของพระเจ้า’ ซามูเอลจึงเชื่อฟังเอลี เขาเล่าให้เอลีฟังหมดทุกอย่าง ซึ่งก่อนหน้านี้ “คนของพระเจ้า” มาบอกข่าวคล้าย ๆ กันนี้กับเขาแล้ว (1 ซามูเอล 2:27-36) เรื่องนี้สอนเราว่าพระยะโฮวาฉลาดมากและคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น ห18.09 น. 23 ว. 2; น. 24 ว. 4-5
วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม
พระยะโฮวา ใครจะได้เป็นแขกในเต็นท์ของพระองค์? . . . คนที่ . . . พูดความจริงจากใจ—สด. 15:1, 2
บทความหนึ่งที่ชื่อ “ทำไมคนเราโกหก?” ในนิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ซึ่งเขียนโดยยุธิจิต ภัตตาจาร์จิบอกว่า การโกหกกลายเป็นสิ่งที่ฝังรากลึกในตัวมนุษย์ไปแล้ว พูดอีกอย่างคือ ผู้คนคิดว่าการโกหกเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ คนเราชอบโกหกเพื่อปกป้องตัวเอง บางทีก็เพื่อปกปิดข้อผิดพลาดหรือความผิดร้ายแรง พวกเขายังโกหกเพื่อหาเงินหรือหาผลประโยชน์ใส่ตัว บทความในเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ยังบอกอีกว่า คนเรา “โกหกคล่องปากทั้งเรื่องใหญ่และเรื่องเล็ก ทั้งกับคนแปลกหน้า เพื่อนร่วมงาน เพื่อนฝูง และคนที่เรารัก” ผลของการโกหกทั้งหมดนี้คืออะไร? การโกหกทำลายความสัมพันธ์และทำให้ไม่ไว้ใจกันอีกต่อไป ดาวิดอธิษฐานถึงพระยะโฮวาว่า “พระองค์ชอบคนที่มีหัวใจซื่อตรง” (สดุดี 51:6) ดาวิดรู้ว่าสิ่งสำคัญก็คือหัวใจหรือตัวตนจริง ๆ ของเรา ดังนั้น คริสเตียนแท้จะ “พูดความจริงต่อกัน” เสมอ—เศคาริยาห์ 8:16 ห18.10 น. 7 ว. 4; น. 8 ว. 9-10; น. 10 ว. 19
วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม
พระองค์นำพวกเขาออกมาอย่างปลอดภัย พวกเขาไม่กลัวอะไรเลย—สด. 78:53
ปี 1513 ก่อน ค.ศ. ชาวอิสราเอลมากกว่า 3 ล้านคนเดินทางออกจากอียิปต์ ซึ่งในจำนวนนี้มีหลายคนที่เป็นเด็ก คนแก่ และบางทีอาจมีคนป่วยและคนพิการด้วย พวกเขาต้องการผู้นำที่เข้าใจและห่วงใยซึ่งพระยะโฮวาเองก็เป็นแบบนั้น พระองค์เป็นผู้นำชาติอิสราเอลผ่านทางโมเสส ชาวอิสราเอลเลยรู้สึกปลอดภัยตอนที่ต้องออกจากอียิปต์ซึ่งเป็นบ้านแห่งเดียวที่พวกเขาคุ้นเคย (สดุดี 78:52) พระยะโฮวาทำอย่างไรให้ประชาชนของพระองค์รู้สึกปลอดภัยและมั่นใจ? ตอนที่พวกเขาออกจากอียิปต์ พระองค์จัดระเบียบพวกเขา “เป็นหมู่เหล่าเหมือนกองทัพ” (อพยพ 13:18) เพราะพระยะโฮวาจัดระเบียบดีมาก พวกเขาเลยเห็นชัดเจนว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของพระองค์ นอกจากนั้น ตอนกลางวันพระองค์ยัง “นำพวกเขาไปด้วยเมฆ” ส่วนตอนกลางคืนพระองค์ก็ “นำพวกเขาด้วยแสงไฟ” (สดุดี 78:14) พระองค์ทำแบบนี้เพื่อให้พวกเขามั่นใจว่าพระองค์อยู่กับพวกเขา และยังชี้นำกับปกป้องคุ้มครองพวกเขา ห18.09 น. 26 ว. 11-12
วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม
คงจะดีถ้าพระองค์ซ่อนผมไว้ในหลุมศพ . . . และกำหนดเวลาให้ผม แล้วคิดถึงผมอีก—โยบ 14:13
ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้าบางคนรู้สึกทุกข์ใจมาก พวกเขามีปัญหาหนักจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เช่น โยบเป็นทุกข์มากจนบอกว่า “ผมเกลียดชีวิตของผม ผมไม่อยากอยู่ต่อไปอีกแล้ว” (โยบ 7:16) โยนาห์ผิดหวังมากจนบอกว่า “พระยะโฮวา ฆ่าผมเถอะ ให้ผมตายยังจะดีกว่า” (โยนาห์ 4:3) เอลียาห์หมดหวังมากจนบอกว่า “พอกันที! ขอพระยะโฮวาเอาชีวิตผมไปเถอะ” (1 พงศ์กษัตริย์ 19:4) พระยะโฮวารักผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ภักดีเหล่านี้และไม่อยากให้พวกเขาตาย พระองค์ไม่ได้ต่อว่าที่พวกเขารู้สึกแบบนั้น แต่พระองค์ช่วยให้พวกเขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อจะได้รับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์ ห18.09 น. 13 ว. 4
วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม
เราเป็นเพื่อนร่วมงานของพระเจ้า—1 คร. 3:9
ใคร ๆ ก็รู้ว่าเพื่อนร่วมงานของพระเจ้ามีน้ำใจ ในคัมภีร์ไบเบิล คำกรีกที่แปลว่า “น้ำใจต้อนรับ” หมายถึง “ใจดีกับคนแปลกหน้า” (ฮีบรู 13:2) คัมภีร์ไบเบิลมีตัวอย่างมากมายที่สอนวิธีแสดงน้ำใจ (ปฐมกาล 18:1-5) เราสามารถช่วยคนอื่นทุกครั้งที่มีโอกาสและควรจะทำอย่างนั้นไม่ว่าคนนั้นจะเป็น “พี่น้องร่วมความเชื่อของเรา” หรือไม่ (กาลาเทีย 6:10) คุณจะทำงานกับพระยะโฮวาโดยแสดงน้ำใจต้อนรับพี่น้องที่รับใช้เต็มเวลาซึ่งต้องการที่พักได้ไหม? (3 ยอห์น 5, 8) ถ้าคุณทำแบบนั้น ทั้งเขาและคุณก็จะได้ประโยชน์ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่านี่เป็นการ “ให้กำลังใจกันและกัน” (โรม 1:11, 12) คัมภีร์ไบเบิลกระตุ้นผู้ชายในประชาคมให้ทำงานกับพระยะโฮวาโดยเป็นผู้ช่วยงานรับใช้และผู้ดูแลเพื่อจะรับใช้คนอื่น (1 ทิโมธี 3:1, 8, 9; 1 เปโตร 5:2, 3) คนที่ทำแบบนั้นอยากช่วยคนอื่นทั้งทางด้านการนมัสการและด้านอื่น ๆ (กิจการ 6:1-4) และพี่น้องที่ดูแลหน้าที่ต่าง ๆ ในประชาคมบอกว่าพวกเขามีความสุขมากจริง ๆ ที่ได้ช่วยคนอื่น ห18.08 น. 24 ว. 6; น. 25 ว. 7, 10
วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม
อย่าตำหนิผู้ชายสูงอายุแรง ๆ แต่ให้พูดกับเขาดี ๆ เหมือนพูดกับพ่อ—1 ทธ. 5:1
แม้ทิโมธีมีสิทธิ์จะให้คำแนะนำพี่น้องชายที่อายุมาก แต่เขาก็ต้องเห็นอกเห็นใจและแสดงความนับถือด้วย แล้วถ้าพี่น้องที่อายุมากกว่าเราตั้งใจทำผิดหรือสนับสนุนคนอื่นให้ทำสิ่งที่พระยะโฮวาไม่ชอบล่ะ? พระยะโฮวาจะไม่มองข้ามคนที่ตั้งใจทำผิดแน่นอนแม้คนนั้นจะอายุมากหรือเป็นคนที่ใคร ๆ ก็นับถือ ขอให้สังเกตหลักการในอิสยาห์ 65:20 ที่บอกว่า “ขนาดคนบาปที่ตายเพราะถูกสาปแช่งก็ยังมีอายุเป็นร้อยปี” เราพบหลักการเดียวกันนี้ในนิมิตของเอเสเคียลด้วย (เอเสเคียล 9:5-7) ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องนับถือพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ (ดาเนียล 7:9, 10, 13, 14) การนับถือพระองค์จะทำให้เรามีความกล้าที่จะให้คำแนะนำคนที่จำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขตัวเอง ไม่ว่าเขาจะอายุเท่าไรก็ตาม—กาลาเทีย 6:1 ห18.08 น. 11 ว. 13-14
วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม
คนขาดประสบการณ์เชื่อคำพูดทุกคำ แต่คนฉลาดคิดก่อนทำเสมอ—สภษ. 14:15
เราทุกคนต้องพยายามพัฒนาความสามารถที่จะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจะได้ข้อสรุปที่ถูกต้อง (สุภาษิต 3:21-23; 8:4, 5) ไม่อย่างนั้นซาตานกับโลกนี้อาจทำให้เรามีความคิดที่ผิดเพี้ยนไปจากความคิดของพระเจ้า (เอเฟซัส 5:6; โคโลสี 2:8) และเพื่อจะได้ข้อสรุปที่ถูกต้อง เราต้องมีข้อเท็จจริง ทุกวันนี้เราได้ข้อมูลจากสารพัดช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางอินเทอร์เน็ต ทีวี และสื่อต่าง ๆ นอกจากนั้น เพื่อนหรือคนที่เรารู้จักอาจส่งอีเมล ข้อความทางมือถือ หรือเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เราฟัง บางครั้งดูเหมือนว่าข้อมูลมีมากมายไม่จบไม่สิ้น ดังนั้น เราต้องระวัง เพื่อนของเราอาจเจตนาดี แต่ก็ยังมีคนอื่นที่ตั้งใจกระจายข้อมูลผิด ๆ หรือบิดเบือนข้อเท็จจริง ห18.08 น. 3 ว. 1, 3
วันพุธที่ 27 พฤษภาคม
พระเจ้าชอบคุณจริง ๆ—ลก. 1:30
พระยะโฮวาเลือกหญิงสาวที่ถ่อมตัวชื่อมารีย์ให้เป็นแม่ของพระเยซูลูกชายพระองค์ มารีย์อยู่ในเมืองเล็ก ๆ ชื่อนาซาเร็ธซึ่งอยู่ไกลจากกรุงเยรูซาเล็มที่มีวิหารที่สวยงาม (ลูกา 1:26-33) มารีย์สนิทกับพระยะโฮวามาก เรารู้ได้อย่างไร? หลังจากทูตสวรรค์มาหามารีย์แล้ว เธอได้ไปหาเอลีซาเบธญาติของเธอ และสิ่งที่เธอพูดกับเอลีซาเบธทำให้เรารู้ว่ามารีย์สนิทกับพระยะโฮวามากจริง ๆ (ลูกา 1:46-55) พระยะโฮวาเฝ้าดูชีวิตของมารีย์มาตลอด และเห็นว่าเธอซื่อสัตย์ต่อพระองค์ พระองค์จึงอวยพรเธอในแบบที่เธอคิดไม่ถึง ตอนพระเยซูเกิด พระยะโฮวาไม่ได้บอกกับพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงหรือผู้บริหารในกรุงเยรูซาเล็มและเบธเลเฮม แต่พระองค์ส่งทูตสวรรค์ไปบอกพวกคนเลี้ยงแกะที่ต่ำต้อยที่กำลังเลี้ยงแกะอยู่นอกเบธเลเฮม (ลูกา 2:8-14) และคนพวกนี้ก็ไปเยี่ยมพระเยซู (ลูกา 2:15-17) มารีย์กับโยเซฟคงต้องแปลกใจมากที่พระเยซูได้รับเกียรติในวิธีนี้ ห18.07 น. 9 ว. 11-12
วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม
พระยะโฮวาโกรธโซโลมอนมาก—1 พก. 11:9
ทำไมพระยะโฮวาโกรธโซโลมอนมาก คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เพราะเขาทิ้งพระยะโฮวา” พระองค์พยายามช่วยเขาโดย “มาหาเขาในความฝันถึง 2 ครั้ง พระยะโฮวาเคยเตือนเขาแล้วว่าอย่าไปนมัสการพระอื่น แต่เขาไม่เชื่อฟังคำสั่งของพระองค์” ผลคือพระองค์ไม่ยอมรับและเลิกสนับสนุนโซโลมอน พระยะโฮวาไม่ให้ลูกหลานของเขาปกครองชาติอิสราเอลทั้งชาติและตลอดหลายร้อยปีก็มีแต่ปัญหา (1 พงศ์กษัตริย์ 11:9-13) ถ้าเราเป็นเพื่อนกับคนที่ไม่เข้าใจหรือไม่ได้นับถือมาตรฐานของพระยะโฮวา พวกเขาอาจมีอิทธิพลกับความคิดของเราหรือทำลายความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระองค์ได้ พวกเขาอาจเป็นคนในประชาคมที่ไม่ค่อยสนิทกับพระยะโฮวา หรืออาจเป็นคนที่ไม่ได้รับใช้พระองค์ เช่น ญาติ เพื่อนบ้าน เพื่อนในที่ทำงาน และเพื่อนที่โรงเรียนของเรา ถ้าเราใช้เวลากับคนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระยะโฮวา พวกเขาก็อาจมีอิทธิพลกับเราจนทำลายความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระองค์ได้ ห18.07 น. 19 ว. 9-10
วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม
โลกทั้งโลกอยู่ในอำนาจซาตานตัวชั่วร้าย—1 ยน. 5:19
ซาตานใช้หนังและรายการทีวีเพื่อแพร่ความคิดของมัน มันรู้ว่าเรื่องราวต่าง ๆ ในหนังและทีวีไม่ได้ทำให้เราดูสนุกอย่างเดียว แต่ยังสอนว่าเราควรคิดอย่างไร รู้สึกอย่างไร และควรทำอะไร พระเยซูก็ใช้วิธีนี้เพื่อสอน เช่น ท่านเล่าเรื่องชาวสะมาเรียและเรื่องลูกชายที่ออกจากบ้านไปผลาญมรดกของพ่อ (มธ. 13:34; ลก. 10:29-37; 15:11-32) คนทั่วไปในโลกที่ติดเชื้อความคิดที่ไม่ดีของซาตานใช้เรื่องราวต่าง ๆ ในหนังและรายการทีวีเพื่อทำให้หัวใจเราติดเชื้อไปด้วย เราต้องมีความสมดุล หนังและรายการทีวีอาจทำให้เรารู้สึกสนุกและได้ความรู้โดยไม่ต้องทำให้เราติดเชื้อความคิดที่ไม่ดีก็ได้ แต่เราต้องระวัง เมื่อเลือกว่าจะดูหนังหรือรายการทีวีอะไร เราต้องถามตัวเองว่า ‘หนังหรือรายการทีวีเรื่องนี้สอนฉันไหมว่า ไม่ผิดอะไรถ้าจะทำตามความต้องการที่ไม่ดีของตัวเอง?’ (กท. 5:19-21; อฟ. 2:1-3) คุณจะทำอย่างไรถ้าเห็นรายการหนึ่งในทีวีสนับสนุนความคิดแบบซาตาน? คุณต้องไม่ดูและอยู่ให้ห่างเหมือนมันเป็นโรคติดต่อ! ห19.01 น. 15-16 ว. 6-7
วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม
เอาความรอดมาสวมเป็นหมวกเกราะ—อฟ. 6:17
เหมือนกับหมวกเกราะที่ป้องกันหัวของทหาร “ความหวังเรื่องความรอด” ก็ป้องกันความคิดของเราด้วยเหมือนกัน (1 เธสะโลนิกา 5:8; สุภาษิต 3:21) ซาตานหลอกเราอย่างไรให้เราถอดหมวกเกราะออก? ลองคิดดูว่ามันทำอะไรกับพระเยซู มันรู้ว่าพระเยซูจะได้เป็นกษัตริย์ แต่ก่อนที่จะถึงเวลานั้นท่านต้องทนทุกข์และต้องตาย แล้วหลังจากนั้นท่านก็ต้องรอจนถึงเวลาที่พระยะโฮวาจะให้เป็นกษัตริย์ ซาตานเลยเสนอว่าจะให้พระเยซูปกครองเร็วขึ้น มันสัญญากับท่านว่าถ้าท่านก้มกราบมันแค่ครั้งหนึ่ง มันจะให้ท่านเป็นผู้ปกครองโลกทันทีในตอนนั้นเลย (ลูกา 4:5-7) เหมือนกัน ซาตานรู้ว่าพระยะโฮวาสัญญาที่จะให้สิ่งดี ๆ กับเราในโลกใหม่ แต่เราก็ต้องรอจนกว่าคำสัญญานั้นจะเป็นจริง แถมตอนที่รออยู่เรายังต้องเจอปัญหาหลายอย่าง มันเลยเสนอโอกาสที่จะให้เรามีชีวิตสะดวกสบายตั้งแต่ตอนนี้เลย มันอยากให้เราเอาความสะดวกสบายของตัวเองมาก่อนเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า—มัทธิว 6:31-33 ห18.05 น. 30-31 ว. 15-17
วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม
ขอให้มีความสุขกับช่วงที่คุณยังหนุ่มยังสาว—ปญจ. 11:9
พระยะโฮวาอยากให้คุณเป็นวัยรุ่นที่มีความสุข คุณต้องมองที่เป้าหมายของคริสเตียนเสมอและทำตามคำแนะนำของพระยะโฮวาไม่ว่าคุณจะวางแผนทำอะไรหรือตัดสินใจเรื่องอะไร ยิ่งคุณทำแบบนี้เร็วเท่าไร คุณจะได้เจอเร็วเท่านั้นว่าพระยะโฮวาชี้นำคุณอย่างไร ปกป้องคุณอย่างไร และอวยพรคุณอย่างไร ขอให้คิดถึงคำแนะนำดี ๆ ทุกอย่างที่พระองค์ให้คุณในคัมภีร์ไบเบิลและขอให้คุณเอาคำแนะนำเหล่านั้นไปใช้ “ขอให้คิดถึงผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่ตอนที่คุณยังเป็นหนุ่มเป็นสาว” (ปัญญาจารย์ 12:1) พวกคุณที่เป็นเด็กและวัยรุ่นสมควรได้รับคำชมจริง ๆ เพราะถึงคุณจะเจอปัญหาหลายอย่าง แต่คุณก็ยังตั้งใจใช้ทั้งชีวิตเพื่อรับใช้พระยะโฮวา คุณตั้งเป้าหมายของคริสเตียน และมองว่างานประกาศเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ไม่แค่นั้น คุณยังไม่ยอมให้โลกนี้ทำให้คุณลืมเป้าหมาย คุณมั่นใจได้ว่าความพยายามของคุณจะไม่เสียแรงเปล่า คุณมีพี่น้องที่รักและคอยสนับสนุนคุณอยู่ ดังนั้น “ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ให้ฝากเรื่องนั้นไว้กับพระยะโฮวา แล้วแผนการของคุณจะสำเร็จ”—สภษ. 16:3 ห18.04 น. 29 ว. 17, 19