สิงหาคม
วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม
พระเจ้าหยิบยื่นความรักให้เรา โดยให้พระคริสต์มาตายแทนเราทั้ง ๆ ที่เรายังเป็นคนบาปอยู่—รม. 5:8
ในการประชุมต่าง ๆ เราได้รับการเตือนใจเป็นประจำว่าพระยะโฮวาและพระเยซูทำอะไรเพื่อเราบ้าง เมื่อเรารู้สึกสำนึกบุญคุณ เราเลยพยายามเลียนแบบพระเยซูโดยการใช้ชีวิตตามคำสอนของท่านทุกวัน (2 คร. 5:14, 15) นอกจากนั้น หัวใจเรายังกระตุ้นให้สรรเสริญพระยะโฮวาที่พระองค์ให้ค่าไถ่กับเรา และวิธีหนึ่งที่เราจะสรรเสริญพระองค์ได้ก็คือการออกความเห็นจากหัวใจในการประชุม เราสามารถแสดงว่าเรารักพระยะโฮวากับพระเยซูมากโดยเต็มใจเสียสละเพื่อพระองค์ทั้งสอง หลายครั้งเราต้องเสียสละหลายอย่างเพื่อจะมาประชุมได้ เช่น หลายประชาคมจัดการประชุมกลางสัปดาห์ตอนค่ำซึ่งเราส่วนใหญ่เหนื่อยแล้ว และอีกการประชุมหนึ่งจะจัดขึ้นในวันเสาร์หรืออาทิตย์ซึ่งเป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่พักผ่อน พระยะโฮวาเห็นไหมที่เราพยายามมาประชุมแม้จะเหนื่อย? พระองค์เห็นแน่นอน ยิ่งเราพยายามมากเท่าไร พระองค์ก็ยิ่งเห็นค่าความรักที่เราแสดงต่อพระองค์—มก. 12:41-44 ห19.01 น. 29 ว. 12-13
วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม
เมื่อพระเยซูเห็นแม่ม่ายคนนั้นก็สงสาร—ลก. 7:13
พระเยซูเองเคยเจอปัญหาบางอย่างเหมือนที่มนุษย์เจอ เช่น เป็นไปได้ที่พระเยซูโตมาในครอบครัวที่ยากจน นอกจากนั้น ท่านเคยทำงานกับโยเซฟพ่อเลี้ยง ท่านเลยรู้ว่าการทำงานหนักเป็นอย่างไร (มธ. 13:55; มก. 6:3) โยเซฟอาจตายก่อนที่พระเยซูจะเริ่มทำงานรับใช้ พระเยซูเลยเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียคนที่รัก และท่านก็รู้ว่ามันเป็นอย่างไรเมื่ออยู่ในครอบครัวที่มีความเชื่อไม่เหมือนกัน (ยน. 7:5) สภาพการณ์เหล่านี้และเรื่องอื่น ๆ ช่วยให้ท่านเข้าใจว่าผู้คนต้องเจอปัญหาอะไรและรู้สึกอย่างไร สิ่งที่ทำให้เราเห็นได้ชัดเจนว่าพระเยซูเป็นห่วงผู้คนมากจริง ๆ ก็คือตอนที่ท่านทำการอัศจรรย์ ท่านไม่ได้ทำการอัศจรรย์เพราะเป็นหน้าที่ แต่ทำเพราะ “สงสาร” คนที่ทนทุกข์ (มธ. 20:29-34; มก. 1:40-42) พระเยซูเห็นอกเห็นใจคนเหล่านี้และอยากช่วยจริง ๆ—มก. 7:32-35; ลก. 7:12-15 ห19.03 น. 16 ว. 10; น. 17 ว. 11
วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม
ขอให้ทนกันและกัน—คส. 3:13
ในคืนสุดท้ายที่พระเยซูอยู่บนโลก ลองคิดดูว่าคืนนั้นพระเยซูจะเครียดขนาดไหน ท่านจะสามารถรักษาความซื่อสัตย์จนตายได้ไหม? ชีวิตของหลายพันล้านคนแขวนอยู่บนเส้นด้าย (รม. 5:18, 19) และที่สำคัญกว่านั้น ชื่อเสียงของพระยะโฮวาพ่อของท่านก็เกี่ยวข้องด้วย (โยบ 2:4) แต่ตอนที่ท่านกินอาหารมื้อสุดท้ายกับพวกอัครสาวกซึ่งเป็นเพื่อนสนิท พวกเขากลับ ‘เถียงกันว่าในพวกเขาใครเป็นใหญ่ที่สุด’ น่าทึ่งที่พระเยซูไม่ได้โกรธ แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ท่านยังคงอ่อนโยนและอธิบายอีกครั้งอย่างหนักแน่นแต่ก็กรุณาว่าพวกเขาควรมีความคิดแบบไหน แล้วพระเยซูก็ชมเพื่อนของท่านที่สนับสนุนท่านอย่างภักดี (ลก. 22:24-28; ยน. 13:1-5, 12-15) ถ้าคุณเจอสถานการณ์แบบพระเยซู คุณจะเลียนแบบท่านโดยยังคงสงบใจแม้จะเครียด เราจะเชื่อฟังคำสั่งนี้ได้ถ้าจำไว้ว่าเราเองก็เคยพูดหรือทำอะไรบางอย่างให้คนอื่นหงุดหงิดเหมือนกัน (สภษ. 12:18; ยก. 3:2, 5) ขอให้คุณพยายามพูดถึงข้อดีของคนอื่น—อฟ. 4:29 ห19.02 น. 11-12 ว. 16-17
วันอังคารที่ 4 สิงหาคม
พระยะโฮวา . . . ตั้งบัลลังก์ของพระองค์ไว้เพื่อพิพากษา—สด. 9:7
กฎหมายของโมเสสแทบไม่เปิดช่องให้มีการใส่ร้ายคนอื่น คนที่ถูกกล่าวหามีสิทธิ์จะรู้ว่าเขาโดนข้อกล่าวหาอะไร (ฉธบ. 19:16-19; 25:1) และก่อนที่เขาจะถูกตัดสินว่ามีความผิด ต้องมีพยานอย่างน้อย 2 ปาก (ฉธบ. 17:6; 19:15) แล้วถ้าชาวอิสราเอลคนหนึ่งทำผิด แต่มีคนเห็นแค่คนเดียวล่ะ? เขาไม่ควรคิดว่าจะรอดตัวไปได้เพราะพระยะโฮวาเห็นสิ่งที่เขาทำ พระยะโฮวาเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ พระองค์ทำแต่สิ่งที่ยุติธรรมเสมอ พระองค์จะตอบแทนคนที่เชื่อฟังมาตรฐานของพระองค์ แต่จะลงโทษคนที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด (2 ซม. 22:21-23; อสค. 9:9, 10) บางคนอาจทำชั่วและดูเหมือนว่าจะรอดตัวไปได้ แต่เมื่อถึงเวลาที่พระยะโฮวาเห็นว่าเหมาะสม พระองค์จะทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะถูกตัดสินลงโทษ (สภษ. 28:13) และถ้าพวกเขาไม่กลับใจ ไม่นานพวกเขาก็จะรู้ว่า “เป็นเรื่องน่าหวาดกลัวจริง ๆ ที่จะตกอยู่ในมือของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่”—ฮบ. 10:30, 31 ห19.02 น. 23-24 ว. 20-21
วันพุธที่ 5 สิงหาคม
ไม่เคยมีผู้พยากรณ์คนไหนในอิสราเอลที่เป็นเหมือนโมเสส พระยะโฮวาสนิทกับเขาเป็นพิเศษ—ฉธบ. 34:10
แน่นอนว่าโมเสสมองหรือพึ่งพระยะโฮวาเพื่อขอคำแนะนำ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เขายืนหยัดต่อไปเหมือนเห็นพระเจ้าที่มนุษย์มองไม่เห็น” (ฮีบรู 11:24-27) ไม่ถึงสองเดือนหลังจากที่ชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์ และก่อนที่พวกเขาจะถึงภูเขาซีนายก็มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น ชาวอิสราเอลเริ่มบ่นโมเสสว่าไม่มีน้ำกินและพวกเขาก็โมโหมาก โมเสสเลยพูดกับพระยะโฮวาว่า “ผมจะทำยังไงดีกับคนพวกนี้? พวกเขาจะเอาหินขว้างผมอยู่แล้ว” (อพยพ 17:4) พระยะโฮวาให้คำแนะนำที่ชัดเจนกับโมเสส พระองค์บอกให้เขาเอาไม้เท้าตีหิน คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “โมเสสทำอย่างนั้นต่อหน้าพวกผู้นำของชาวอิสราเอล” ที่โฮเรบ แล้วก็มีน้ำออกมามากมายให้ชาวอิสราเอลกิน และปัญหาก็คลี่คลายลง—อพยพ 17:5, 6 ห18.07 น. 13 ว. 4-5
วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม
ความรักเสริมสร้างกันขึ้น—1 คร. 8:1
พระยะโฮวาใช้ประชาคมเพื่อให้กำลังใจพวกเราด้วยความรัก เมื่อเรารักพี่น้องนั่นก็พิสูจน์ว่าเรารักพระยะโฮวา เราจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยพี่น้องให้มั่นใจว่าพวกเขามีค่าและพระยะโฮวารักพวกเขามาก (1 ยอห์น 4:19-21) อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “ขอให้พวกคุณคอยให้กำลังใจกันและเสริมสร้างกันให้เข้มแข็งเหมือนที่พวกคุณทำอยู่ตอนนี้” (1 เธสะโลนิกา 5:11) ไม่ใช่แค่ผู้ดูแลเท่านั้นที่ควรทำแบบนี้ ทุกคนสามารถเลียนแบบพระยะโฮวากับพระเยซูได้โดยให้กำลังใจพี่น้อง (โรม 15:1, 2) พี่น้องบางคนที่เป็นโรคซึมเศร้าหรือวิตกกังวลมากจำเป็นต้องไปหาหมอ (ลูกา 5:31) แม้ผู้ดูแลและพี่น้องคนอื่น ๆ ในประชาคมรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่หมอ แต่ความช่วยเหลือและกำลังใจจากพวกเขาก็สำคัญมาก ทุกคนในประชาคมสามารถ “พูดปลอบใจคนที่ซึมเศร้า ช่วยเหลือคนอ่อนแอ และอดกลั้นกับทุกคน”—1 เธสะโลนิกา 5:14 ห18.09 น. 14 ว. 10-11
วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม
ไม่ต้องกังวล เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า—อสย. 41:10
เราจะไว้วางใจพระยะโฮวามากขึ้นได้โดยรู้จักพระองค์ให้ดีขึ้น วิธีเดียวที่เราจะรู้จักพระองค์ได้ดีจริง ๆ ก็คือการอ่านคัมภีร์ไบเบิลอย่างละเอียดและคิดใคร่ครวญสิ่งที่เราอ่าน คัมภีร์ไบเบิลมีบันทึกที่เชื่อถือได้ที่บอกให้รู้ว่าพระยะโฮวาปกป้องคุ้มครองคนของพระองค์ในอดีตอย่างไร บันทึกเหล่านั้นทำให้เรามั่นใจว่าพระองค์จะดูแลและปกป้องคุ้มครองเราในตอนนี้เหมือนกัน ลองดูตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องหนึ่งที่อิสยาห์ใช้ เขาทำให้เห็นภาพที่น่าประทับใจว่าพระยะโฮวาปกป้องคุ้มครองเราอย่างไร อิสยาห์บอกว่าพระยะโฮวาเป็นผู้เลี้ยงแกะ และผู้รับใช้ของพระองค์เป็นเหมือนลูกแกะ เขาบอกว่า “พระองค์จะรวบรวมลูกแกะมาไว้ในอ้อมกอดของพระองค์ จะอุ้มพวกมันไว้แนบอก” (อสย. 40:11) เมื่อเราได้อ่านว่าพระยะโฮวาใช้แขนที่แข็งแรงของพระองค์กอดเราไว้ มันทำให้เรารู้สึกปลอดภัยและสงบใจจริง ๆ และเพื่อจะช่วยคุณให้ยังคงสงบใจแม้เจอปัญหา ขอให้คุณคิดใคร่ครวญคำสัญญาของพระเจ้าในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ มันจะทำให้คุณเข้มแข็งขึ้นตอนที่คุณต้องรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ที่รออยู่ข้างหน้า ห19.01 น. 7 ว. 17-18
วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม
พระเจ้าของผม ผมมีความสุขที่ได้ทำตามความประสงค์ของพระองค์—สด. 40:8
คุณมีเป้าหมายที่กำลังพยายามไปให้ถึงอยู่ไหม? คุณอาจจะตั้งเป้าอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวัน ออกความเห็นให้ดีขึ้น ทำส่วนการประชุมให้ดีขึ้น หรือคุณอาจกำลังพยายามใช้คัมภีร์ไบเบิลให้เก่งขึ้นในงานรับใช้ แล้วคุณรู้สึกอย่างไรถ้าสังเกตว่าตัวเองกำลังทำดีขึ้นหรือมีคนมาบอกว่าคุณกำลังทำดีขึ้น? คุณคงมีความสุขมากและถูกแล้วที่คุณจะรู้สึกแบบนั้น เพราะอะไร? เพราะคุณกำลังทำสิ่งที่พระยะโฮวาอยากให้ทำและกำลังเลียนแบบพระเยซู (สุภาษิต 27:11) เมื่อคุณรับใช้พระยะโฮวาเต็มที่ คุณก็กำลังทำงานที่ทำให้มีความสุขและทำให้ชีวิตมีจุดมุ่งหมาย เปาโลได้แนะนำว่า “ขอให้มั่นคงไว้ อย่าหวั่นไหว ให้ทุ่มเทกับงานของผู้เป็นนายที่มีให้ทำมากมาย เพราะพวกคุณรู้ว่างานหนักที่พวกคุณทำให้กับผู้เป็นนายนั้นจะไม่เสียเปล่าแน่นอน” (1 โครินธ์ 15:58) แต่เมื่อเราเห็นคนทั่วไปกำลังสนใจที่เป้าหมายของโลก เช่น หาเงินให้ได้เยอะ ๆ หรือเป็นคนดัง เรารู้ว่าพวกเขาไม่มีความสุขจริง ๆ ถึงพวกเขาดูเหมือนประสบความสำเร็จ แต่หลายครั้งพวกเขารู้สึกว่างเปล่าในหัวใจ—ลูกา 9:25 ห18.12 น. 22 ว. 12-13
วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม
คนดีจะได้อยู่ในโลก—สด. 37:29
ดาวิดหมายถึงเวลาที่ทุกคนบนโลกจะทำตามหลักการที่ดีและถูกต้องชอบธรรมของพระเจ้า (2 เปโตร 3:13) นอกจากนั้น คำพยากรณ์ที่อิสยาห์ 65:22 บอกว่า “ประชาชนของเราจะมีอายุยืนยาวเหมือนอายุของต้นไม้” นี่แสดงให้เห็นว่าคนที่รับใช้พระยะโฮวาในโลกใหม่จะมีอายุยืนยาวเป็นพัน ๆ ปี วิวรณ์ 21:1-4 บอกไว้ว่าพระเจ้าจะอวยพรมนุษย์ และหนึ่งในพรของพระองค์ก็คือ “ความตายจะไม่มีอีกต่อไป” อาดัมกับเอวาเสียโอกาสที่จะได้อยู่ตลอดไปในอุทยาน แต่โลกจะเป็นอุทยานอีกครั้งหนึ่งในอนาคต และอย่างที่พระยะโฮวาสัญญาไว้ พระองค์จะอวยพรคนที่อยู่บนโลก ดาวิดบอกว่าคนอ่อนน้อมถ่อมตนและคนดีจะได้อยู่บนโลกตลอดไป (สดุดี 37:11) คำพยากรณ์ต่าง ๆ ในอิสยาห์ช่วยเราให้รอเวลาที่จะได้อยู่ในสวนอุทยานที่สวยงามบนโลก เรื่องนี้จะเกิดขึ้น (อิสยาห์ 11:6-9; 35:5-10; 65:21-23) เมื่อไร? เมื่อคำสัญญาที่พระเยซูให้กับผู้ร้ายคนนั้นเกิดขึ้นจริง (ลูกา 23:43) และคุณก็อยู่ในอุทยานนั้นได้ด้วย ห18.12 น. 7 ว. 22-23
วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม
ให้ปกป้องหัวใจของลูกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด—สภษ. 4:23
เราจะหลีกเลี่ยงความคิดแบบโลกร้อยเปอร์เซ็นต์เลยได้ไหม? เราทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นเราต้องไปอยู่นอกโลก เราแต่ละคนได้รับอิทธิพลจากความคิดแบบโลกอยู่บ้างไม่มากก็น้อย (1 โครินธ์ 5:9, 10) แม้แต่ตอนที่เราไปประกาศ เราก็อาจได้ยินความคิดที่ไม่ดีและความเชื่อแบบผิด ๆ ถึงเราจะหลีกเลี่ยงความคิดที่ไม่ถูกต้องไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราต้องไม่เก็บเรื่องนั้นมาคิดอยู่เรื่อย ๆ หรือยอมรับความคิดแบบนั้น เราควรรีบกำจัดความคิดแบบซาตานออกไปเหมือนที่พระเยซูทำ นอกจากนั้น เราจะป้องกันตัวเองได้โดยไม่เปิดรับความคิดแบบโลกโดยไม่จำเป็น ตัวอย่างเช่น เราควรระวังเรื่องการเลือกคบเพื่อน คัมภีร์ไบเบิลเตือนว่าถ้าเราสนิทกับคนที่ไม่ได้นมัสการพระยะโฮวา เราก็จะเริ่มคิดแบบพวกเขา (สุภาษิต 13:20; 1 โครินธ์ 15:12, 32, 33) และถ้าเราไม่เลือกความบันเทิงที่ส่งเสริมเรื่องวิวัฒนาการ ความรุนแรง และการผิดศีลธรรม เราก็จะหลีกเลี่ยงความคิดที่ “ขัดกับความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า” ซึ่งเป็นพิษกับความคิดของเรา—2 โครินธ์ 10:5 ห18.11 น. 21 ว. 16-17
วันอังคารที่ 11 สิงหาคม
ผมจะใช้ชีวิตตามแนวทางแห่งความจริงของพระองค์—สด. 86:11
อะไรจะช่วยเราให้ตั้งใจมากขึ้นที่จะใช้ชีวิตตามความจริงตลอดไป? วิธีหนึ่งคือ คุณต้องสอนความจริงในคัมภีร์ไบเบิลให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ คัมภีร์ไบเบิลเป็นเหมือนดาบ ทหารที่เก่งต้องจับดาบไว้ให้แน่น เราก็ต้องยึดมั่นกับถ้อยคำของพระเจ้าเสมอ (เอเฟซัส 6:17) เราทุกคนสามารถเป็นผู้สอนที่ดีขึ้นและ “ใช้ถ้อยคำของพระองค์ที่เป็นความจริงอย่างถูกต้อง” (2 ทิโมธี 2:15) เมื่อเราใช้คัมภีร์ไบเบิลในการสอนคนอื่น เราจะรู้จักและรักความจริงมากขึ้น และตั้งใจมากขึ้นที่จะใช้ชีวิตตามความจริงนั้น ความจริงเป็นของขวัญที่มีค่าจากพระยะโฮวา มันทำให้เราสนิทกับพระเจ้าผู้เป็นพ่อในสวรรค์ของเราซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด พระยะโฮวาสอนเรามาแล้วมากมาย แต่นี่เป็นแค่การเริ่มต้น พระองค์สัญญาว่าจะสอนเราตลอดไป ดังนั้น คุณต้องมองความจริงเหมือนไข่มุกที่มีค่า และตั้งใจต่อ ๆ ไปที่จะ “ซื้อความจริงไว้และอย่าขายเลย”—สุภาษิต 23:23 ห18.11 น. 8 ว. 2; น. 12 ว. 15-17
วันพุธที่ 12 สิงหาคม
โนอาห์ [เป็น] ผู้ประกาศแนวทางที่ถูกต้อง—2 ปต. 2:5
ก่อนที่น้ำจะท่วมโลก หนึ่งในเรื่องที่โนอาห์ประกาศจะต้องมีเรื่องวันที่พระเจ้าจะมาทำลายล้างโลกชั่วด้วยแน่ ๆ พระเยซูบอกว่า “ในช่วงก่อนน้ำท่วม ผู้คนกินดื่ม แต่งงานเป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์เข้าไปในเรือ พวกนั้นไม่สนใจจนน้ำมาท่วมและกวาดพวกเขาไปจนหมด การประทับของ ‘ลูกมนุษย์’ ก็จะเป็นอย่างนั้นแหละ” (มัทธิว 24:38, 39) ทั้ง ๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่สนใจฟังโนอาห์ แต่เขาก็ยังประกาศคำเตือนของพระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไป ทุกวันนี้เราประกาศเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าเพื่อให้โอกาสหลายคนได้รู้ว่าพระองค์จะทำอะไรให้มนุษย์บ้างในอนาคต เราก็เหมือนพระยะโฮวาที่อยากให้คนฟังข่าวดีและ “มีชีวิตอยู่” ตลอดไป (เอเสเคียล 18:23) เมื่อเราไปประกาศตามบ้านหรือในที่สาธารณะ เราเตือนผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ว่ารัฐบาลของพระเจ้าจะมาทำลายล้างโลกชั่วนี้แล้ว—เอเสเคียล 3:18, 19; ดาเนียล 2:44; วิวรณ์ 14:6, 7 ห18.05 น. 19 ว. 8-9
วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม
คนที่ให้การอย่างซื่อสัตย์จะพูดความจริง—สภษ. 12:17
ถ้างานประกาศถูกสั่งห้ามในประเทศของคุณ แล้วมีเจ้าหน้าที่มาจับตัวคุณไปถามเกี่ยวกับพี่น้อง คุณควรทำอย่างไร? คุณควรบอกทุกเรื่องที่รู้ไหม? ลองคิดดูว่าพระเยซูทำอย่างไรเมื่อผู้ว่าราชการโรมันถามท่าน พระเยซูใช้หลักการในคัมภีร์ไบเบิลที่ว่า มี “เวลาเงียบและเวลาพูด” บางครั้งท่านจึงไม่ตอบอะไร (ปัญญาจารย์ 3:1, 7; มัทธิว 27:11-14) ถ้าเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้ เราต้องสุขุมและระมัดระวังเพื่อจะไม่ทำให้พี่น้องตกอยู่ในอันตราย (สุภาษิต 10:19; 11:12) ถ้ามีเพื่อนสนิทหรือญาติของคุณทำบาปร้ายแรงและคุณรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณจะทำอย่างไร? “พูดความจริง” คุณมีหน้าที่ต้องบอกความจริงทั้งหมดกับผู้ดูแลโดยไม่ปิดบัง ผู้ดูแลมีสิทธิ์ที่จะรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมดเพื่อจะรู้ว่าอะไรเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยคนทำผิดให้มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระยะโฮวาอีกครั้ง—ยากอบ 5:14, 15 ห18.10 น. 10 ว. 17-18
วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม
คอยให้กำลังใจกันและเสริมสร้างกันให้เข้มแข็ง—1 ธส. 5:11
เราจะให้กำลังใจด้วยความรักได้อย่างไร? วิธีหนึ่งคือ โดยฟังด้วยความเห็นอกเห็นใจ (ยากอบ 1:19) และเพื่อจะเข้าใจคนอื่นดีขึ้น คุณต้องถามความรู้สึกของเขา แต่ให้ถามอย่างอ่อนโยน เขาจะดูออกว่าคุณเป็นห่วงจริง ๆ ไหม แค่สังเกตทางสีหน้าเขาก็รู้ และตอนที่เขาระบายความรู้สึกให้คุณฟัง ขอให้อดทนฟังอย่าพึ่งแทรก ถ้าคุณเป็นผู้ฟังที่ดี คุณจะเข้าใจเขามากขึ้นซึ่งนั่นจะทำให้เขาไว้ใจคุณ และเมื่อคุณพยายามช่วยเขา พอคุณพูดอะไร มันก็ง่ายขึ้นที่เขาจะฟังคุณ คุณจะให้กำลังใจคนอื่นได้มาก ถ้าคุณเป็นห่วงพวกเขาจริง ๆ ห18.09 น. 14 ว. 10; น. 15 ว. 13
วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม
ซื้อความจริงไว้—สภษ. 23:23
มันต้องใช้เวลาเพื่อฟังตอนที่มีคนมาบอกเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า อ่านคัมภีร์ไบเบิลและหนังสือขององค์การ ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับพยานพระยะโฮวา เตรียมการประชุมและไปประชุม เพื่อจะทำทั้งหมดนี้ได้เราต้องสละเวลาที่เคยเอาไปทำอย่างอื่นที่สำคัญน้อยกว่า (เอเฟซัส 5:15, 16 และเชิงอรรถ) การเรียนความรู้พื้นฐานในคัมภีร์ไบเบิลต้องใช้เวลานานเท่าไร? คำตอบคือแต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากัน การเรียนเกี่ยวกับสติปัญญาของพระยะโฮวา แนวทางของพระองค์ และสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ทำ เป็นสิ่งที่เราเรียนได้ไม่มีวันจบ (โรม 11:33) หอสังเกตการณ์ ฉบับแรกได้เปรียบเทียบความจริงกับ “ดอกไม้ดอกเล็ก ๆ ดอกหนึ่ง” บทความนั้นบอกว่า “อย่าพอใจกับดอกไม้แห่งความจริงแค่ดอกเดียว ถ้าพอใจแค่นั้นก็จะมีอยู่แค่นั้น ดังนั้น ให้พยายามหามาเพิ่มเรื่อย ๆ” ถึงแม้ในอนาคตเราจะได้อยู่ตลอดไป แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างเกี่ยวกับพระองค์ที่เราจะเรียนได้ไม่รู้จบ ถึงอย่างนั้น เป็นเรื่องสำคัญมากในตอนนี้ที่เราต้องใช้เวลาเรียนเรื่องพระองค์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ห18.11 น. 5 ว. 7
วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม
ส่วนสามี ก็ให้รักภรรยาเสมอ—อฟ. 5:25
สามีต้องวางตัวอย่างที่ดี และแสดงว่าเขารักและเป็นห่วงครอบครัวของเขา คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าสามีต้องคิดถึงความรู้สึกและเข้าใจภรรยา (1 เปโตร 3:7) สามีที่เข้าใจภรรยาจะรู้ว่าแม้เขามีหลายอย่างที่ต่างกับภรรยามาก แต่ไม่ใช่ว่าเขาดีกว่าภรรยา (ปฐมกาล 2:18) เขาต้องเข้าใจความรู้สึก คำนึงถึงศักดิ์ศรี และให้เกียรติเธอ สามีที่รักภรรยาจะคิดถึงความรู้สึกของภรรยาตอนที่เขาติดต่อเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนอื่น เขาจะไม่จีบผู้หญิงอื่นเล่น ๆ หรือสนใจคนอื่นในแบบที่ไม่เหมาะสม นอกจากนั้น เขาจะไม่ดูเว็บไซต์ที่ไม่ดี และจะไม่สนใจผู้หญิงคนอื่นในโซเชียลมีเดียหรือในอินเทอร์เน็ต (โยบ 31:1) เขาซื่อสัตย์กับภรรยาไม่ใช่แค่เพราะเขารักเธอ แต่เพราะรักพระยะโฮวาและเกลียดสิ่งชั่ว—สดุดี 19:14; 97:10 ห18.09 น. 29 ว. 3-4
วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม
คนที่ทำตัวเป็นคนต่ำต้อยในหมู่พวกคุณจะได้เป็นใหญ่—ลก. 9:48
ทำไมการเอาสิ่งที่เรียนในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ถึงเป็นเรื่องยาก? เหตุผลหนึ่งก็คือเพื่อจะทำสิ่งที่ถูกต้องได้นั้นเราต้องเป็นคนถ่อม แต่ใน “สมัยสุดท้าย” การเป็นคนถ่อมเสมอเป็นเรื่องยากเพราะหลายคนรอบตัวเรา “เห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน ชอบโอ้อวด เย่อหยิ่ง” และ “ไม่ควบคุมตัวเอง” (2 ทิโมธี 3:1-3) เนื่องจากเราเป็นคนของพระเจ้า เรารู้ว่านิสัยแบบนี้ไม่ดี แต่ดูเหมือนว่าคนที่ทำแบบนี้กลับประสบความสำเร็จในชีวิตและดูมีความสุข (สดุดี 37:1; 73:3) เราเลยอาจสงสัยว่า ‘คุ้มไหมที่ฉันจะให้ผลประโยชน์ของคนอื่นมาก่อนตัวเอง? ถ้าฉันเป็นคนถ่อม คนอื่นจะนับถือฉันไหม?’ ถ้าเรายอมให้ความคิดแบบเห็นแก่ตัวของโลกมีอิทธิพลกับเรา มันจะทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับพี่น้องมีปัญหา และทำให้คนอื่นมองไม่ออกว่าเราเป็นคริสเตียนหรือเปล่า แต่ถ้าเราศึกษาตัวอย่างของผู้รับใช้พระเจ้าที่ถ่อมตัวและเลียนแบบพวกเขา เราจะได้ประโยชน์แน่นอน ห18.09 น. 3 ว. 1
วันอังคารที่ 18 สิงหาคม
การให้ทำให้มีความสุข—กจ. 20:35
ตอนแรกสุดพระยะโฮวาอยู่ลำพังผู้เดียว พระองค์เป็น “พระเจ้าผู้มีความสุข” พระองค์ชอบให้สิ่งดี ๆ พระองค์ตัดสินใจสร้างสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาในสวรรค์และบนโลก (1 ทิโมธี 1:11; ยากอบ 1:17) และเพราะพระยะโฮวาอยากให้เรามีความสุขเหมือนพระองค์ พระองค์เลยสอนให้เราเป็นคนใจกว้าง (โรม 1:20) พระยะโฮวาสร้างมนุษย์ตามแบบพระองค์ (ปฐมกาล 1:27) พระองค์สร้างเราให้มีคุณลักษณะเหมือนพระองค์ ดังนั้น เพื่อเราจะมีความสุขจริง ๆ และได้รับพร เราต้องเลียนแบบพระองค์ เราต้องสนใจคนอื่นและให้สิ่งที่เรามีอย่างใจกว้าง (ฟีลิปปี 2:3, 4; ยากอบ 1:5) ทำไมเราต้องทำแบบนี้? เพราะพระยะโฮวาสร้างเรามาให้เป็นแบบนั้น ถึงเราจะไม่สมบูรณ์แบบแต่เราสามารถเลียนแบบพระองค์และเป็นคนใจกว้างเหมือนพระองค์ได้ พระยะโฮวาอยากให้เราเลียนแบบพระองค์ ถ้าเราเป็นคนใจกว้าง เราก็ทำให้พระองค์มีความสุข—เอเฟซัส 5:1 ห18.08 น. 18 ว. 1-2; น. 19 ว. 4
วันพุธที่ 19 สิงหาคม
แกะของผมจะฟังเสียงผม—ยน. 10:27
สาวกของพระเยซูไม่ใช่แค่ฟังสิ่งที่ท่านบอก แต่ลงมือทำตามด้วย พวกเขาจะไม่มัว “กังวลกับชีวิต” มากเกินไป (ลก. 21:34) แต่พวกเขาจะให้คำสั่งของพระเยซูเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตแม้เจอความยากลำบาก แม้ต้องเจอกับสิ่งเหล่านี้พี่น้องของเรายังรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อีกวิธีหนึ่งที่เราฟังพระเยซูคือให้ความร่วมมือกับคนที่ท่านแต่งตั้งให้นำหน้า (ฮบ. 13:7, 17) ไม่กี่ปีมานี้ องค์การของพระเจ้ามีการปรับเปลี่ยนหลายอย่าง เช่น มีการใช้เครื่องมือใหม่และวิธีใหม่ในงานรับใช้ มีการประชุมกลางสัปดาห์รูปแบบใหม่ รวมทั้งการปรับเปลี่ยนวิธีการสร้าง ปรับปรุง และดูแลรักษาหอประชุม เรารู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่มีคำแนะนำที่คิดอย่างรอบคอบและแสดงถึงความรักแบบนี้ เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะอวยพรที่เราทำตามการชี้นำขององค์การ ห19.03 น. 10-11 ว. 11-12
วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม
เราจึงไม่ควร . . . หลงเชื่อคนนั้นทีคนนี้ที และคล้อยตาม . . . อุบายล่อลวงของมนุษย์—อฟ. 4:14
เราอาจได้ยินเรื่องที่มีข้อมูลจริงบ้างไม่จริงบ้าง หรือได้ยินเรื่องที่เราไม่รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด เรื่องที่จริงบ้างไม่จริงบ้างเป็นเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้เลยแม้แต่น้อย! เราได้บทเรียนจากชาวอิสราเอลในสมัยโยชูวาที่อยู่แถบแม่น้ำจอร์แดนฟากตะวันตก (โยชูวา 22:9-34) พวกเขาได้ยินว่าพวกที่อยู่ฟากตะวันออกได้สร้างแท่นบูชาใหญ่ใกล้แม่น้ำ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจริงแต่ไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด พวกที่อยู่ฟากตะวันตกคิดว่าพวกที่อยู่ฟากตะวันออกกบฏต่อพระยะโฮวา (โยชูวา 22:9-12) แต่ก่อนที่จะไปโจมตี พวกที่อยู่ฟากตะวันตกได้ส่งคนไปสืบข้อมูล ผลเป็นอย่างไร? ที่จริงแล้ว พวกที่อยู่ฟากตะวันออกไม่ได้สร้างแท่นบูชาสำหรับพระเท็จแต่เพื่อเตือนความจำ พวกเขาสร้างแท่นบูชานี้เพื่อที่อนาคตทุกคนจะรู้ว่าพวกเขาเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวาเหมือนกัน ชาวอิสราเอลที่อยู่ฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนคงดีใจที่ได้ใช้เวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดก่อน พวกเขาเลยไม่ต้องทำสงครามกับพี่น้องของตัวเอง ห18.08 น. 5 ว. 9-10
วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม
คนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงอยู่แล้ว ระวังตัวให้ดี จะได้ไม่ล้มลง—1 คร. 10:12
อย่างที่เปาโลบอก แม้แต่คนที่นมัสการพระยะโฮวาก็อาจทำชั่วได้ พวกเขาอาจคิดว่าพระยะโฮวาคงไม่ว่าอะไรพวกเขาหรอก แต่การที่คนเราแค่บอกว่าอยากเป็นเพื่อนพระยะโฮวาและอ้างว่าซื่อสัตย์ภักดีต่อพระองค์มันไม่ได้หมายความว่าพระองค์จะพอใจเขาจริง ๆ (1 โครินธ์ 10:1-5) พอโมเสสไม่ลงมาจากภูเขาซีนายเร็วอย่างที่ชาวอิสราเอลคิด พวกเขาก็เริ่มวิตกกังวล เหมือนกันถ้าอวสานไม่มาเร็วอย่างที่คิดเราก็อาจรู้สึกกังวล เราอาจเริ่มคิดว่าคำสัญญาดี ๆ ของพระยะโฮวามันยังอีกนานกว่าจะเกิดขึ้นจริง หรือดีเกินกว่าจะเป็นจริงได้ แล้วเราอาจเริ่มสนใจแต่สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่สิ่งที่พระยะโฮวาต้องการ ถ้าเราไม่ระวังเราก็อาจค่อย ๆ ห่างไปจากพระองค์ และเราอาจทำสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำ ห18.07 น. 21 ว. 17-18
วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม
เราจะทำตามที่เจ้าขอ เพราะเราชอบเจ้าและเรารู้จักเจ้าเป็นอย่างดี—อพย. 33:17
พระยะโฮวาก็รู้จักเราแต่ละคนเป็นอย่างดีได้เหมือนกัน แต่เราต้องทำอะไรเพื่อจะเป็นเพื่อนกับพระองค์? เราต้องรักและอุทิศชีวิตให้พระองค์ (1 โครินธ์ 8:3) แค่นั้นยังไม่พอ เราต้องรักษาความเป็นเพื่อนกับพระยะโฮวาไว้ต่อ ๆ ไปด้วย เหมือนกับคริสเตียนยุคแรกในเมืองกาลาเทียเราต้องเลิกเป็นทาส “แนวคิดต่าง ๆ ของโลกที่ไร้ค่า” ซึ่งรวมถึงการประสบความสำเร็จและการมีชื่อเสียงในโลก (กาลาเทีย 4:9) พี่น้องเหล่านั้นในเมืองกาลาเทียรู้จักพระเจ้าอยู่แล้ว และพระเจ้าก็รู้จักพวกเขา แต่เปาโลบอกว่าพี่น้องพวกนี้ยัง “กลับไปหา” สิ่งต่าง ๆ ที่ไม่มีประโยชน์ นี่เป็นเหตุผลที่เปาโลถามพวกเขาว่า “ทำไมพวกคุณถึงกลับไปหาแนวคิดต่าง ๆ ของโลกที่ไร้ค่าและอยากเป็นทาสสิ่งเหล่านั้นอีก?” ห18.07 น. 8 ว. 5-6
วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม
คนฉลาดจะฟังและรับคำสอนมากขึ้น—สภษ. 1:5
เราไม่จำเป็นต้องเจอกับผลเสียของการฝ่าฝืนกฎหมายของพระเจ้าซะก่อนถึงจะรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด เราสามารถเรียนได้จากความผิดพลาดของคนในอดีตที่เขียนไว้ในคัมภีร์ไบเบิล คำสอนจากพระเจ้าเป็นคำสอนที่ดีที่สุดสำหรับเรา ตัวอย่างเช่น ลองคิดถึงดาวิด เขาต้องเจอปัญหามากขนาดไหนเพราะไม่เชื่อฟังพระยะโฮวาและไปเล่นชู้กับบัทเชบา (2 ซามูเอล 12:7-14) เมื่อเราอ่านเรื่องนี้ขอให้เราถามตัวเองว่า ‘ดาวิดจะหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้ยังไง? ถ้าฉันเจอสถานการณ์คล้าย ๆ กันฉันจะทำยังไง? ถ้าฉันถูกล่อใจให้ทำผิดศีลธรรมทางเพศ ฉันจะทำเหมือนดาวิดหรือเหมือนโยเซฟ?’ (ปฐมกาล 39:11-15) ยิ่งเราคิดอย่างจริงจังว่าการทำบาปมีผลเสียหายมากแค่ไหน เราจะยิ่ง “เกลียดความชั่ว” มากขึ้น—อาโมส 5:15 ห18.06 น. 17 ว. 5, 7
วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม
อะไรที่เป็นของซีซาร์ก็ให้กับซีซาร์ และอะไรที่เป็นของพระเจ้าก็ให้กับพระเจ้า—มธ. 22:21
เมื่อผู้คนยิ่งเห็นความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นรอบตัว หลายครั้งมันยิ่งทำให้พวกเขาเข้าไปยุ่งกับเรื่องการเมืองมากขึ้น ในสมัยพระเยซูการจ่ายภาษีเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชาชนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝ่ายไหน มีภาษีหลายประเภทที่ประชาชนต้องจ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาษีสำหรับทรัพย์สิน ที่ดิน และบ้าน นอกจากนั้น พวกคนเก็บภาษีก็ขี้โกงมากซึ่งทำให้ปัญหาแย่ลงไปอีก บางครั้งพวกเขาถึงกับจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเพื่อซื้อตำแหน่ง แล้วก็ใช้อำนาจเพื่อหาเงินให้ได้มาก ๆ ศักเคียสหัวหน้าคนเก็บภาษีในเมืองเยริโคเป็นคนหนึ่งที่ร่ำรวยจากการรีดไถประชาชน (ลูกา 19:2, 8) พวกศัตรูของพระเยซูพยายามดึงท่านให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องการจ่ายภาษี พวกเขาถามท่านเรื่อง “ภาษี” ที่ชาวยิวทุกคนต้องจ่าย 1 เดนาริอัน (มัทธิว 22:16-18) ชาวยิวเกลียดการจ่ายภาษีนี้มากเพราะมันตอกย้ำพวกเขาอยู่เสมอว่าพวกเขาต้องอยู่ใต้รัฐบาลของโรมัน ห18.06 น. 5-6 ว. 8-10
วันอังคารที่ 25 สิงหาคม
ใครหว่านอะไรไปก็ต้องเก็บเกี่ยวผลจากสิ่งนั้น—กท. 6:7
การเลือกอยู่ฝ่ายซาตานนั้นมันมีแต่ผลเสียเสมอ และสิ่งที่ได้มาก็ไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรเลยจริง ๆ (โยบ 21:7-17; กาลาเทีย 6:8) ทำไมถึงเป็นเรื่องดีที่เราได้รู้ว่าซาตานกำลังควบคุมทั้งโลก? การรู้เรื่องนี้ช่วยให้เรามีมุมมองที่ถูกต้องต่อรัฐบาลต่าง ๆ และกระตุ้นเราให้ประกาศข่าวดี เรารู้ว่าพระยะโฮวาอยากให้พวกเรานับถืออำนาจของรัฐบาล (1 เปโตร 2:17) พระองค์ต้องการให้เราเชื่อฟังกฎหมายบ้านเมืองถ้าเรื่องนั้นไม่ได้ขัดกับมาตรฐานของพระองค์ (โรม 13:1-4) แต่เราต้องเป็นกลางทางการเมือง ไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองหรือผู้นำคนไหนก็ตาม (ยอห์น 17:15, 16; 18:36) เรารู้ว่าซาตานไม่อยากให้ผู้คนรู้จักชื่อพระยะโฮวาและมันอยากทำลายชื่อเสียงของพระองค์ ดังนั้น เราจึงพยายามสุดความสามารถเพื่อจะสอนความจริงเกี่ยวกับพระองค์ให้ทุกคนรู้ และเราภูมิใจมากที่ถูกเรียกตามชื่อของพระองค์และใช้ชื่อนั้นเมื่อพูดถึงพระองค์ เรารู้ว่าความรักที่เรามีต่อพระเจ้านั้นมีค่ามากกว่าการรักเงินหรืออะไรก็ตาม—อิสยาห์ 43:10; 1 ทิโมธี 6:6-10 ห18.05 น. 24 ว. 8-9
วันพุธที่ 26 สิงหาคม
ภรรยาไม่ควรไปจากสามี—1 คร. 7:10
ถ้าชีวิตคู่มีปัญหาล่ะ เขาจะแยกกันอยู่กับคู่ของเขาได้ไหม? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าการทำผิดศีลธรรมทางเพศเป็นเหตุผลเดียวที่จะหย่าได้ แต่คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกว่ามีอะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้แยกกันอยู่ได้ เปาโลเขียนว่า “ถ้าผู้หญิงคนไหนมีสามีที่ไม่มีความเชื่อและเขาพอใจจะอยู่กับเธอ ก็อย่าทิ้งเขาไป” (1 โครินธ์ 7:12, 13) เรื่องนี้ใช้ได้กับทุกวันนี้ด้วย มีบางกรณีที่ “สามีที่ไม่มีความเชื่อ” แสดงว่าเขาไม่ “พอใจจะอยู่กับ” ภรรยา เช่น เขาอาจทำร้ายร่างกายเธออย่างรุนแรงจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือชีวิต จงใจไม่เลี้ยงดูเธอกับลูก ๆ หรือขัดขวางเธอไม่ให้รับใช้พระยะโฮวา ไม่ว่าสามีจะพูดอย่างไรแต่ถ้ามีกรณีเหล่านี้เกิดขึ้น ภรรยาคริสเตียนอาจถือว่า สามีไม่ “พอใจจะอยู่กับ” เธอและตัดสินใจจะแยกกันอยู่กับเขา ส่วนคริสเตียนคนอื่น ๆ ที่เจอสถานการณ์คล้ายกันนี้อาจตัดสินใจที่จะอยู่กับคู่ของตัวเองต่อไป พวกเธออดทนและพยายามทำให้ชีวิตคู่ดีขึ้น ห18.12 น. 13 ว. 14, 16; น. 14 ว. 17
วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม
พวกเขา . . . เกิดผลด้วยความอดทน—ลก. 8:15
จากตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องคนที่หว่านเมล็ดพืชที่เราอ่านในลูกา 8:5-8, 11-15 พระเยซูอธิบายว่าเมล็ดพืชหมายถึง “คำสอนของพระเจ้า” ซึ่งก็คือเรื่องรัฐบาลของพระองค์ ดินหมายถึงหัวใจของผู้คน เมล็ดพืชที่ตกในดินดีจะงอกราก กลายเป็นต้นอ่อน แล้วก็จะ “ออกผล 100 เท่า” ถ้าต้นที่ว่านี้เป็นต้นข้าว มันไม่ได้ออกผลเป็นต้นข้าวต้นใหม่ แต่เป็นเมล็ดใหม่ เหมือนกัน การเกิดผลของเราไม่ได้หมายถึงการทำให้มีสาวกคนใหม่ แต่เป็นเมล็ดใหม่ มันเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร? ทุกครั้งที่เราบอกคนอื่นเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า มันก็เหมือนกับว่าเรากำลังทำให้เมล็ดที่อยู่ในใจของเราเพิ่มจำนวนขึ้นและหว่านออกไป (ลูกา 6:45; 8:1) ถ้าเราประกาศเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าต่อไป เราก็จะ “เกิดผลด้วยความอดทน” ห18.05 น. 14 ว. 10-11
วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม
ผมรักใคร ผมก็ว่ากล่าวตักเตือนและสั่งสอนคนนั้น—วว. 3:19
เปาโล “เต็มใจเสียสละทุกอย่างและทุ่มเทตัวเองเพื่อ” พี่น้อง เขาทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือพี่น้อง (2 โครินธ์ 12:15) คล้ายกับเปาโล ผู้ดูแลในทุกวันนี้สามารถให้กำลังใจและปลอบใจพี่น้องได้ไม่ใช่แค่พูดอย่างเดียว แต่ต้องลงมือทำด้วย การทำแบบนี้แสดงว่าผู้ดูแลสนใจเราจริง ๆ (1 โครินธ์ 14:3) เพื่อช่วยให้พี่น้องเข็มแข็งขึ้น บางครั้งผู้ดูแลต้องให้คำแนะนำด้วย ผู้ดูแลควรให้คำแนะนำในแบบที่คนรับรู้สึกได้กำลังใจ เขาสามารถดูตัวอย่างจากคัมภีร์ไบเบิล พระเยซูเป็นตัวอย่างที่ดีมากในเรื่องการให้คำแนะนำ ตอนที่ท่านส่งข่าวไปถึงประชาคมต่าง ๆ ในเอเชียไมเนอร์หลังจากที่ท่านถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย ท่านให้คำแนะนำแรง ๆ กับประชาคมต่าง ๆ เช่น ประชาคมเอเฟซัส เปอร์กามัม ธิยาทิรา แต่ก่อนที่ท่านจะให้คำแนะนำ ท่านชมเชยและก็พูดถึงสิ่งดี ๆ ที่พวกเขาได้ทำ (วิวรณ์ 2:1-5, 12, 13, 18, 19) ผู้ดูแลก็สามารถเลียนแบบพระเยซูได้เมื่อให้คำแนะนำ ห18.04 น. 22 ว. 8-9
วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม
คนที่เป็นพ่อก็ . . . ให้เลี้ยงดู [ลูกของคุณ] ด้วยคำสั่งสอนและคำตักเตือนจากพระยะโฮวา—อฟ. 6:4
คุณที่เป็นพ่อแม่ คุณมีหน้าที่รับผิดชอบพิเศษที่จะปกป้องลูกไม่ให้ติดเชื้อความคิดที่ไม่ดีซึ่งซาตานพยายามใส่ในหัวใจลูก ปกติแล้วคุณคงทำสุดความสามารถที่จะปกป้องลูกจากเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น รักษาความสะอาดในบ้าน ทิ้งทุกอย่างที่อาจทำให้คุณกับลูกไม่สบาย เหมือนกันคุณต้องปกป้องลูกจากหนัง รายการทีวี เกม และเว็บไซต์ที่อาจจะมีความคิดที่ไม่ดีของซาตาน พระยะโฮวาให้คุณมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะช่วยลูกให้มีความเชื่อเข้มแข็งและสนิทกับพระองค์ (สภษ. 1:8) ดังนั้น อย่าลังเลที่จะตั้งกฎในบ้านที่อาศัยมาตรฐานของคัมภีร์ไบเบิล บอกลูกให้รู้ว่าอะไรดูได้และอะไรดูไม่ได้ และต้องช่วยเขาให้เข้าใจเหตุผลที่คุณตัดสินใจแบบนั้น (มธ. 5:37) เมื่อลูกโตขึ้น คุณควรฝึกเขาให้แยกออกว่าอะไรถูกอะไรผิดตามมาตรฐานของพระยะโฮวา (ฮบ. 5:14) จำไว้ว่าลูกจะเรียนมากกว่านั้นอีกจากสิ่งที่คุณทำ—ฉธบ. 6:6, 7; รม. 2:21 ห19.01 น. 16 ว. 8
วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม
ชายหนุ่มกับหญิงสาว คนแก่กับเด็ก ๆ ขอให้ทั้งหมดสรรเสริญชื่อของพระยะโฮวา—สด. 148:12, 13
ถึงคุณจะเป็นเด็กหรือวัยรุ่น คุณก็ช่วยทุกคนในประชาคมให้รู้สึกว่าตัวเองมีค่าได้ วิธีหนึ่งก็คือการเป็นเพื่อนกับพี่น้องสูงอายุ คุณลองถามเขาสิว่าอะไรช่วยเขาให้รับใช้พระยะโฮวาได้นานหลายปี เขาจะพูดสิ่งที่เป็นประโยชน์กับคุณมาก มันจะทำให้ตัวคุณได้กำลังใจและเขาเองก็ได้กำลังใจด้วย นอกจากนั้น เราทุกคนไม่ว่าอายุน้อยหรือมากก็สามารถทำให้ผู้สนใจที่มาหอประชุมรู้สึกว่าได้รับการต้อนรับและรู้สึกสบายใจ ถ้าคุณได้รับมอบหมายให้นำการประชุมเพื่อการประกาศ คุณอาจช่วยพี่น้องสูงอายุให้ส่องแสงสว่างต่อ ๆ ไปได้ด้วยการจัดที่ประกาศที่เหมาะกับพวกเขา คุณอาจให้พวกเขาไปรับใช้กับพี่น้องที่อายุน้อยกว่าที่ช่วยเหลือพวกเขาได้ พี่น้องสูงอายุและพี่น้องที่สุขภาพไม่ดีมักจะรู้สึกท้อใจเพราะประกาศไม่ได้มากเหมือนเดิม แต่พวกเขาจะรู้สึกดีขึ้นมากถ้าคุณห่วงใยและเข้าใจสภาพการณ์ของพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะอายุมากแค่ไหนหรือเป็นพยานฯ มานานเท่าไร การที่คุณทำดีกับพวกเขาจะให้กำลังใจพวกเขาให้ประกาศอย่างกระตือรือร้นต่อ ๆ ไปได้—เลวีนิติ 19:32 ห18.06 น. 23 ว. 10-12
วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม
ใช้อิสรภาพนั้นเพื่อรับใช้พระเจ้าอย่างทาส ไม่ใช่เป็นข้ออ้างในการทำชั่ว—1 ปต. 2:16
เราต้องเห็นค่าสิ่งที่พระยะโฮวาทำให้เรา และไม่ลืมว่าพระองค์ปลดปล่อยเราจากการเป็นทาสของบาปและความตายแล้ว ค่าไถ่ทำให้เป็นไปได้ที่เราจะรับใช้พระองค์โดยไม่มีความรู้สึกผิดมารบกวนใจ ซึ่งนี่ทำให้เรามีความสุขจริง ๆ (สดุดี 40:8) เราต้องไม่เพียงแค่พูดว่าเราขอบคุณพระยะโฮวา แต่เราต้องระวังที่จะไม่ใช้อิสระของเราในทางที่ผิดด้วย ตัวอย่างเช่น อัครสาวกเปโตรเตือนว่า เราต้องไม่ใช้อิสระของเราเป็นข้ออ้างในการทำผิด คำเตือนนี้ทำให้เราคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับชาวอิสราเอลในที่กันดาร ทุกวันนี้เราต้องเอาใจใส่คำเตือนนี้เหมือนกันและอาจต้องมากกว่านั้นอีกด้วยซ้ำ ซาตานเสนอหลายสิ่งที่ล่อตาล่อใจ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร เครื่องดื่ม หรือความบันเทิง นักโฆษณาหัวใสใช้คนที่รูปร่างหน้าตาดีเพื่อทำให้เราคิดว่าเราต้องซื้อสิ่งที่จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นกับเรา มันเป็นเรื่องง่ายมากที่เราจะติดกับดักของโลกโดยใช้อิสระของเราในทางที่ผิด ห18.04 น. 10 ว. 7-8