กรกฎาคม
วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม
พระเจ้ามอบอำนาจให้ผมปกครองทุกสิ่งในสวรรค์และบนโลกนี้แล้ว—มธ. 28:18
เพื่อคำอธิษฐานของเราจะได้รับคำตอบ เราต้องเป็นเพื่อนกับพระเยซู แต่แค่พูดว่า “ในนามของพระเยซู” ตอนท้ายของคำอธิษฐานยังไม่พอ เราต้องเข้าใจว่าพระยะโฮวาใช้พระเยซูอย่างไรเพื่อตอบคำอธิษฐานของเรา พระเยซูบอกอัครสาวกว่า “ไม่ว่าพวกคุณจะขออะไรในนามของผม ผมก็จะทำสิ่งนั้นให้” (ยน. 14:13) ถึงแม้ว่าพระยะโฮวาเป็นผู้ที่ฟังและตอบคำอธิษฐาน แต่พระองค์ก็ให้อำนาจกับพระเยซูที่จะทำสิ่งที่พระองค์ต้องการให้สำเร็จ ก่อนที่พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานของเรา พระองค์จะดูว่าเราได้ทำตามสิ่งที่พระเยซูบอกไหม ตัวอย่างเช่น พระเยซูบอกว่า “ถ้าคุณให้อภัยคนที่ทำผิดต่อคุณ พระเจ้าผู้เป็นพ่อในสวรรค์ก็จะให้อภัยคุณด้วย แต่ถ้าคุณไม่ให้อภัยคนอื่นพระองค์ก็จะไม่ให้อภัยคุณเหมือนกัน” (มธ. 6:14, 15) เป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ ที่เราจะทำกับคนอื่นเหมือนกับที่พระยะโฮวาและพระเยซูทำกับเรา ห20.04 น. 22 ว. 6
วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม
พวกเรามาประกาศข่าวดีให้พวกคุณเลิกทำสิ่งที่ไม่มีประโยชน์พวกนี้ แล้วมาหาพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่—กจ. 14:15
พอเปาโลรู้ว่าคนที่เขาคุยด้วยสนใจอะไร เขาก็ปรับวิธีพูดของเขา ตัวอย่างเช่น ตอนคุยกับชาวเมืองลิสตราที่รู้พระคัมภีร์แค่นิดหน่อยหรืออาจไม่รู้เลย เปาโลก็พูดในแบบที่พวกเขาเข้าใจได้ เขาพูดถึงการเก็บเกี่ยวพืชผลและทำอย่างไรถึงจะมีความสุข เขาใช้คำพูดและตัวอย่างที่คนที่ฟังเขาจะเข้าใจได้ง่าย ๆ พยายามดูว่าคนในเขตสนใจอะไรและปรับคำพูดของคุณ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาสนใจอะไร? คุณต้องช่างสังเกต บางทีเขาอาจกำลังทำสวน อ่านหนังสือ ซ่อมรถ หรือทำอะไรบางอย่างอยู่ ถ้าเห็นว่าเหมาะคุณอาจเริ่มคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องที่เขาทำอยู่ (ยน. 4:7) แม้แต่เสื้อผ้าที่ใส่ก็อาจทำให้รู้บางอย่างเกี่ยวกับคนนั้น เช่น เชื้อชาติ อาชีพ หรือทีมกีฬาที่เขาชอบ ห20.04 น. 11 ว. 11-12
วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม
ฝากความกังวลทั้งหมดไว้กับ [พระเจ้า] เพราะพระองค์ห่วงใยคุณ—1 ปต. 5:7
เมื่อต้องเจอกับผู้คนในชีวิตประจำวัน พี่น้องของเราบางคนวิตกกังวลมาก ประหม่า และไม่มั่นใจ พวกเขากลัวและเครียดถ้าต้องอยู่กับคนเยอะ ๆ แต่พวกเขาก็ยังไปประชุมประชาคม ประชุมหมวดและประชุมภูมิภาค ถึงพวกเขาจะรู้สึกยากมากที่จะพูดกับคนแปลกหน้าแต่พวกเขาก็ยังไปประกาศ ถ้าคุณเป็นแบบนี้ คุณก็ไม่ได้เป็นคนเดียว มีพี่น้องหลายคนที่เป็นเหมือนคุณ ขอให้คุณจำไว้ว่าพระยะโฮวารู้สึกพอใจในตัวคุณมากที่คุณพยายามสุดชีวิตเพื่อพระองค์ การที่คุณไม่ยอมแพ้แสดงว่าพระยะโฮวากำลังอวยพรคุณและให้กำลังกับคุณ (ฟป. 4:6, 7) ถ้าคุณยังรับใช้พระยะโฮวาทั้ง ๆ ที่ต้องทนกับปัญหาสุขภาพหรือปัญหาทางจิตใจ ขอให้คุณมั่นใจว่าคุณกำลังทำให้พระยะโฮวาพอใจ ถึงแม้พวกเราหลายคนที่วิ่งในทางที่นำไปถึงชีวิตมีสุขภาพที่ไม่ดี แต่เราก็ยังอดทนวิ่งต่อไปได้ (2 คร. 4:16) และด้วยการช่วยเหลือจากพระยะโฮวา เราทุกคนจะวิ่งเข้าเส้นชัยได้แน่นอน ห20.04 น. 31 ว. 20-21
วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม
เมื่อมนุษย์สังเกตสิ่งที่พระองค์สร้างไว้ ก็จะเห็นคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์อย่างชัดเจน—รม. 1:20
เราเห็นสติปัญญาของพระเจ้าได้ชัดเจนจากวิธีที่พระองค์สร้างโลกให้เป็นบ้านของเรา (ฮบ. 3:4) โลกเราไม่ใช่แค่ดาวเคราะห์ดวงเดียวที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ แต่โลกเราพิเศษกว่าดาวเคราะห์อื่น ๆ เพราะมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมทุกอย่างที่ทำให้มนุษย์มีชีวิตอยู่ได้ เราอาจเปรียบโลกได้กับเรือลำหนึ่งซึ่งกำลังลอยอยู่กลางมหาสมุทรและมีคนอยู่บนเรือนั้นเต็มลำ แต่มีความแตกต่างหลายอย่างระหว่างเรือที่มนุษย์สร้างกับโลกของเรา ตัวอย่างเช่น ลองคิดดูว่าคนบนเรือจะมีชีวิตได้นานขนาดไหนถ้าพวกเขาต้องผลิตออกซิเจนเอง ผลิตอาหารเอง และผลิตน้ำเอง แถมของเสียก็ยังอยู่ในเรือเพราะทิ้งลงทะเลไม่ได้ คงไม่มีใครอยู่แบบนั้นได้นานแน่ ๆ แต่โลกของเราช่วยให้สิ่งมีชีวิตทั้งมนุษย์และสัตว์หลายพันล้านชีวิตอยู่บนโลกได้ โลกสามารถผลิตออกซิเจน อาหาร และน้ำซึ่งจำเป็นสำหรับชีวิตของเรา เราไม่เคยขาดสิ่งเหล่านี้เลย และถึงของเสียทั้งหมดจะยังอยู่ในโลกและไม่ได้ถูกทิ้งไปในอวกาศ แต่โลกของเราก็ยังสวยงามและอยู่ในสภาพที่สิ่งมีชีวิตอยู่ได้ต่อไป เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร? เพราะพระยะโฮวาออกแบบโลกให้สามารถรีไซเคิลหมุนเวียนทรัพยากรได้ ห20.05 น. 20 ว. 3-4
วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม
พวกคุณจะไม่ตายหรอก—ปฐก. 3:4
ซาตานบอกเอวาตรง ๆ ว่าพระเจ้าโกหก มันใส่ร้ายชื่อของพระองค์ การที่มันทำอย่างนี้ทำให้มันกลายเป็นมารซึ่งก็คือผู้หมิ่นประมาทและผู้ใส่ร้าย แล้วเอวาก็เชื่อซาตาน เธอถูกมันหลอกเต็ม ๆ (1 ทธ. 2:14) เอวาเชื่อซาตานมากกว่าพระยะโฮวา มันเลยง่ายมากที่เธอจะตัดสินใจไม่เชื่อฟังพระองค์ และนั่นเป็นการตัดสินใจที่แย่ที่สุด เธอกินผลไม้ที่พระยะโฮวาห้าม แล้วเธอก็ให้อาดัมกินด้วย (ปฐก. 3:6) ลองคิดดูว่าจริง ๆ แล้วเอวาควรจะตอบอย่างไร ถ้าเอวาพูดอย่างนี้จะเป็นอย่างไร? “ฉันไม่รู้ว่าแกเป็นใครแต่ฉันรู้จักพระยะโฮวาพ่อของฉันดี ฉันรักและไว้ใจพระองค์ พระองค์ให้ทุกอย่างกับฉันและอาดัม แกกล้าดียังไงถึงมาพูดไม่ดีกับพ่อฉันแบบนี้ ไปไกล ๆ เลย!” ลองคิดดูว่าพระยะโฮวาจะดีใจขนาดไหนที่ได้ยินคำพูดที่แสดงว่าลูกสาวรักและซื่อสัตย์กับพระองค์แบบนี้ (สภษ. 27:11) ทั้งเอวาและอาดัมไม่มีใครสักคนที่รักและซื่อสัตย์กับพระยะโฮวาจริง ๆ พอชื่อของพระองค์ถูกใส่ร้าย พวกเขาเลยไม่ได้ปกป้องชื่อของพระองค์ ห20.06 น. 4 ว. 10-11
วันพุธที่ 6 กรกฎาคม
ผู้หญิงที่ประกาศข่าวดีเป็นกองทัพใหญ่—สด. 68:11
พี่น้องหญิงควรได้รับการชมเชยจากเราเพราะสิ่งที่พวกเธอทำในงานรับใช้พระยะโฮวา พวกเธอช่วยในงานก่อสร้างและดูแลรักษาอาคารต่าง ๆ ขององค์การ ช่วยในกลุ่มภาษาต่างประเทศ และอาสาสมัครทำงานที่เบเธล บางคนช่วยในงานบรรเทาทุกข์ และช่วยแปลหนังสือและสื่อต่าง ๆ ส่วนบางคนเป็นไพโอเนียร์หรือมิชชันนารี นอกจากนั้นพี่น้องหญิงหลายคนที่แต่งงานแล้วก็ทำหลายอย่างเพื่อสนับสนุนสามีให้พวกเขาสามารถทำงานหนักในประชาคมและในองค์การได้ พี่น้องชายเหล่านี้ที่เป็นเหมือน “ของขวัญที่เป็นมนุษย์” คงทำงานของพวกเขาได้ไม่เต็มที่แน่ ๆ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากภรรยา (อฟ. 4:8) ผู้ดูแลที่ฉลาดจะคิดอยู่เสมอว่าพี่น้องหญิงเป็น “กองทัพใหญ่” ที่เต็มใจทำงาน และพวกเธอส่วนใหญ่ประกาศข่าวดีได้เก่งมาก นอกจากนั้น ผู้ดูแลรู้ว่าตอนที่พี่น้องสาว ๆ มีปัญหา คนที่จะช่วยพวกเธอได้ดีก็คือพี่น้องหญิงที่ซื่อสัตย์และมีความเป็นผู้ใหญ่ (ทต. 2:3-5) เราเห็นค่าพี่น้องหญิงเหล่านี้ และพวกเธอควรได้รับความรักจากพวกเราจริง ๆ ห20.09 น. 23-24 ว. 13-14
วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม
พ่อของผมในสวรรค์ก็เหมือนกัน พระองค์ไม่อยากให้คนที่ต่ำต้อยสักคนเดียวต้องหายสาบสูญไป—มธ. 18:14
พระยะโฮวาไม่ลืมคนที่เคยรับใช้พระองค์และไม่ลืมสิ่งที่พวกเขาเคยทำเพื่อพระองค์ด้วย (ฮบ. 6:10) ผู้พยากรณ์อิสยาห์ใช้ตัวอย่างที่ดีมากเพื่อช่วยให้เราเห็นว่าพระยะโฮวาสนใจแกะของพระองค์มากขนาดไหน อิสยาห์เขียนว่า “พระเจ้าจะใส่ใจดูแลแกะของพระองค์เหมือนผู้เลี้ยงแกะ พระองค์จะรวบรวมลูกแกะมาไว้ในอ้อมกอดของพระองค์ จะอุ้มพวกมันไว้แนบอก” (อสย. 40:11) พระยะโฮวาซึ่งเป็นผู้เลี้ยงแกะองค์ยิ่งใหญ่รู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นแกะตัวหนึ่งของพระองค์หลงหายไป? พระเยซูทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของพระยะโฮวาตอนที่ท่านถามสาวกว่า “คุณคิดยังไง? ถ้าคนหนึ่งมีแกะอยู่ 100 ตัวแล้วมีตัวหนึ่งหลงหายไป เขาจะไม่ทิ้งแกะ 99 ตัวไว้บนภูเขาก่อน แล้วไปตามหาตัวที่หลงหายไปหรือ? ผมจะบอกให้รู้ว่า เขาจะดีใจที่ได้เจอแกะตัวนั้นมากกว่าที่เขามีแกะ 99 ตัวซึ่งไม่ได้หลงหายไปไหน”—มธ. 18:12, 13 ห20.06 น. 19-20 ว. 8-9
วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม
ถ้าผู้ชายคนไหนพยายามจะได้ทำหน้าที่ผู้ดูแลก็แสดงว่าเขาอยากจะทำงานที่ดี—1 ทธ. 3:1
ไม่ว่าเราจะรับใช้พระยะโฮวาแบบไหน เราก็มองว่านั่นเป็นสิทธิพิเศษ (สด. 27:4; 84:10) ถ้าพี่น้องชายคนไหนอยากรับใช้พระยะโฮวามากขึ้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ตอนที่เขาได้รับสิทธิพิเศษ เขาต้องไม่คิดถึงตัวเองมากเกินไป (ลก. 17:7-10) เหตุผลที่เขาอยากจะได้สิทธิพิเศษควรจะเป็นเพราะเขาอยากรับใช้คนอื่นด้วยความถ่อม (2 คร. 12:15) คัมภีร์ไบเบิลมีตัวอย่างที่เตือนใจเรา เป็นตัวอย่างของคนที่คิดถึงตัวเองมากเกินไป ดิโอเตรเฟสเป็นคนไม่เจียมตัว เขาอยากเป็นใหญ่ในประชาคม (3 ยน. 9) อุสซียาห์เป็นคนหยิ่ง เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาไม่ได้บอกให้ทำ (2 พศ. 26:16-21) อับซาโลมหลอกผู้คนให้มาชอบเขา เพื่อพวกเขาจะสนับสนุนอับซาโลมให้เป็นกษัตริย์ (2 ซม. 15:2-6) ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าพระยะโฮวาไม่ชอบคนที่พยายามหาเกียรติยศใส่ตัว (สภษ. 25:27) ในที่สุด คนหยิ่งและคนที่อยากให้คนอื่นนิยมชมชอบก็จะเจอกับปัญหาแน่นอน—สภษ. 16:18 ห20.07 น. 4 ว. 7-8
วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม
แต่ละคนจะต้องแบกความรับผิดชอบของตัวเอง—กท. 6:5
บางครอบครัวย้ายไปต่างประเทศเพื่อจะลี้ภัยหรือเพื่อหางานทำ ลูก ๆ ของพวกเขาอาจไปโรงเรียนที่ใช้ภาษาหลักของประเทศนั้น และพ่อแม่ก็อาจต้องเรียนภาษานั้นเพื่อจะหางานทำได้ แต่ถ้ามีประชาคมที่ใช้ภาษาบ้านเกิดที่พวกเขาพูดล่ะ? พวกเขาควรจะไปประชุมที่ประชาคมไหน จะเป็นประชาคมที่พูดภาษาบ้านเกิดหรือประชาคมที่พูดภาษาหลักของประเทศนั้น? หัวหน้าครอบครัวต้องตัดสินใจว่าครอบครัวของเขาจะไปประชุมที่ประชาคมไหน เขาต้องคิดว่าอะไรดีที่สุดสำหรับครอบครัวของตัวเอง เพราะเรื่องนี้เป็นการตัดสินใจส่วนตัว เราต้องเคารพการตัดสินใจของเขา ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไรให้เรายอมรับการตัดสินใจของเขาและต้อนรับพวกเขาโดยทำให้พวกเขารู้สึกว่าเป็นส่วนสำคัญของประชาคม—รม. 15:7 ห20.08 น. 30 ว. 17-18
วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม
พระเจ้า . . . เลือกคนที่โลกถือว่าอ่อนแอ—1 คร. 1:27
ถ้าเราอยากได้กำลังจากพระยะโฮวา เราต้องไม่มองว่าสุขภาพดี ๆ การศึกษาสูง ๆ ความร่ำรวยหรือภูมิหลังของเราเป็นตัววัดว่าเรามีค่ามากแค่ไหน พระยะโฮวาไม่ได้ใช้เราเพราะเรามีสิ่งเหล่านี้ จริง ๆ แล้วในคนของพระเจ้า “มีไม่กี่คนที่มนุษย์ถือว่าฉลาด มีไม่กี่คนที่เป็นคนมีอำนาจ หรือมาจากครอบครัวของชนชั้นสูง” (1 คร. 1:26) ถ้าคุณมีสิ่งเหล่านี้ไม่เท่าคนอื่นก็อย่าคิดว่าคุณจะไม่สามารถรับใช้พระยะโฮวาได้ แต่ให้มองว่านั่นเป็นโอกาสที่คุณจะเห็นว่าพลังของพระยะโฮวาช่วยคุณอย่างไร ตัวอย่างเช่น ถ้ามีคนมาบอกว่าสิ่งที่คุณเชื่อไม่เป็นความจริงและคุณก็รู้สึกกลัว ก็ขอให้คุณอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาเพื่อจะพูดปกป้องสิ่งที่คุณเชื่อด้วยความกล้าหาญ (อฟ. 6:19, 20) ถ้าคุณเจ็บป่วยเรื้อรังแล้วก็รู้สึกว่ารับมือกับเรื่องนั้นได้ยาก ก็ขอให้คุณอธิษฐานขอกำลังจากพระยะโฮวาเพื่อคุณจะรับใช้พระองค์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทุกครั้งที่คุณเห็นพระยะโฮวาช่วยคุณ คุณก็จะเข้มแข็งขึ้นและมีความเชื่อมากขึ้น ห20.07 น. 16 ว. 9
วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม
ให้การปกครองของพระเจ้า . . . เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต—มธ. 6:33
ถ้าคุณอยากทำให้รัฐบาลของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต คุณก็ต้องทำเหมือนอับราฮัมคือเต็มใจเสียสละสิ่งต่าง ๆ เพื่อทำให้พระยะโฮวาพอใจ (มก. 10:28-30; ฮบ. 11:8-10) อย่าคาดหมายว่าชีวิตจะไม่มีปัญหา ถึงแม้คนเราจะรับใช้พระยะโฮวาอย่างเต็มที่ทั้งชีวิตของเขา เขาก็ยังต้องเจอกับปัญหา (ยก. 1:2; 1 ปต. 5:9) ตอนนี้เรายิ่งมีเหตุผลมากกว่าเดิมที่จะมองไปที่อนาคต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกทุกวันนี้ทำให้เราเห็นชัดเลยว่าเราอยู่ในช่วงท้ายของสมัยสุดท้าย อีกไม่นานเราจะได้พรมากมายจากการปกครองของรัฐบาลพระเจ้า และพรอย่างหนึ่งก็คือ เราจะได้เจอคนที่เรารักกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ในตอนนั้นพระยะโฮวาจะให้รางวัลอับราฮัมเพราะเขาแสดงความเชื่อและอดทนรอพระองค์ อับราฮัมกับครอบครัวจะถูกปลุกให้มีชีวิตอีกครั้งในอนาคต คุณจะได้อยู่ที่นั่นเพื่อต้อนรับเขาไหม? คุณจะได้อยู่ที่นั่นแน่ถ้าคุณทำแบบอับราฮัมคือเต็มใจเสียสละเพื่อรัฐบาลของพระเจ้า รักษาความเชื่อถึงแม้ว่าจะเจอกับปัญหา และอดทนรอพระยะโฮวาเสมอ—มคา. 7:7 ห20.08 น. 5-6 ว. 13-14; น. 7 ว. 17
วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม
ขอให้ซื่อสัตย์จนวันตาย แล้วผมจะให้ชีวิตกับพวกคุณเป็นรางวัล—วว. 2:10
ถ้าเราถูกฆ่าตาย เรารู้ว่าพระยะโฮวาก็จะทำให้เรากลับมามีชีวิตอีกครั้ง เรามั่นใจว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้เราเลิกรับใช้พระยะโฮวาได้ (รม. 8:35-39) ความหวังเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายแสดงให้เห็นชัดเจนถึงสติปัญญาของพระยะโฮวาที่ไม่มีอะไรเทียบได้ ความหวังนี้ทำให้เราไม่กลัวเมื่อคนที่อยู่ฝ่ายซาตานขู่จะฆ่าเรา และยังทำให้เรามีความกล้าหาญที่จะรักษาความซื่อสัตย์ต่อไปได้ ถ้าศัตรูของพระยะโฮวาขู่จะฆ่าคุณ คุณจะวางใจพระยะโฮวาไหมว่าพระองค์จะปลุกคุณให้ฟื้นขึ้นจากตาย? แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นคุณจะวางใจพระยะโฮวา? วิธีหนึ่งคือลองถามตัวเองว่า ‘การตัดสินใจของฉันในแต่ละวันแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แสดงให้เห็นไหมว่าฉันวางใจพระยะโฮวา?’ (ลก. 16:10) หรือคุณอาจถามตัวเองอีกว่า ‘การใช้เวลาและการใช้เงินของฉันแสดงให้เห็นไหมว่า ฉันมั่นใจว่าถ้าฉันให้พระยะโฮวามาก่อน พระองค์จะดูแลฉัน?’ (มธ. 6:31-33) ถ้าคำตอบของคุณสำหรับคำถามเหล่านี้คือใช่ ก็แสดงว่าคุณพร้อมสำหรับการทดสอบอะไรก็ตามที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต—สภษ. 3:5, 6 ห20.08 น. 17-18 ว. 15-16
วันพุธที่ 13 กรกฎาคม
ให้คุณพยายามเต็มที่เพื่อเป็นคนที่พระเจ้าพอใจ เป็นคนงานที่ไม่มีอะไรต้องอาย ใช้ถ้อยคำของพระองค์ที่เป็นความจริงอย่างถูกต้อง—2 ทธ. 2:15
เราต้องใช้คัมภีร์ไบเบิลให้เก่ง และเราเรียนรู้วิธีใช้คัมภีร์ไบเบิลให้เก่งได้จากการประชุม แต่ถ้าเราอยากช่วยคนอื่นให้เชื่อว่าความจริงในคัมภีร์ไบเบิลเป็นประโยชน์กับเขา ตัวเราเองต้องศึกษาส่วนตัวเป็นประจำ เราต้องให้คัมภีร์ไบเบิลเสริมความเชื่อเรา แต่เพื่อจะทำอย่างนั้นได้ เราต้องไม่ใช่แค่อ่านคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้น เราต้องคิดใคร่ครวญสิ่งที่ได้อ่านและค้นหนังสือและสื่อต่าง ๆ เพื่อจะเข้าใจคัมภีร์ไบเบิลได้อย่างถูกต้อง (1 ทธ. 4:13-15) เมื่อเราทำอย่างนั้น เราก็จะใช้คัมภีร์ไบเบิลเพื่อสอนคนอื่นได้ แต่การสอนไม่ใช่แค่การอ่านให้คนอื่นฟังเฉย ๆ เราต้องช่วยให้เขาเข้าใจความหมายของข้อคัมภีร์นั้นและรู้ว่าจะเอาเรื่องนั้นไปใช้อย่างไร ถ้าเรามีตารางศึกษาส่วนตัวและทำตามนั้นเป็นประจำ เราก็จะใช้คัมภีร์ไบเบิลเพื่อสอนคนอื่นได้เก่งขึ้น—2 ทธ. 3:16, 17 ห20.09 น. 28 ว. 12
วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม
ขอให้พวกคุณสังเกตดูพระเยซูให้ดี พวกคุณจะได้ไม่ท้อถอยและยอมแพ้—ฮบ. 12:3
เราจะให้งานประกาศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเสมอถ้าเราคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่พระยะโฮวาทำเพื่อช่วยเรา ตัวอย่างเช่น พระยะโฮวาให้เรามีหนังสือทั้งแบบที่เป็นเล่มและแบบดิจิตอล ไฟล์เสียงและวีดีโอ รวมทั้งรายการโทรทัศน์ด้วย ลองคิดดูสิในเว็บไซต์ของเราตอนนี้มีมากกว่า 1,000 ภาษา! (มธ. 24:45-47) อีกวิธีหนึ่งที่เราจะทำให้งานประกาศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราเสมอก็คือการทำตามตัวอย่างของพระเยซู ท่านไม่ยอมให้อะไรมาดึงความสนใจของท่านไปจากการประกาศความจริง (ยน. 18:37) ตัวอย่างเช่น ตอนที่ซาตานมาล่อใจท่าน มันเสนอ “ประเทศทั้งหมดในโลกและความยิ่งใหญ่ของประเทศเหล่านั้น” ให้กับท่าน แต่ท่านปฏิเสธมัน และตอนที่ผู้คนพยายามตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ ท่านก็ไม่สนใจ (มธ. 4:8, 9; ยน. 6:15) ท่านไม่ได้สนใจความร่ำรวย และถึงแม้จะเจอการข่มเหงอย่างหนัก แต่ท่านก็ยังให้งานประกาศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของท่านเสมอ (ลก. 9:58; ยน. 8:59) เมื่อความเชื่อของเราถูกทดสอบ เราจะยังทำให้งานประกาศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราเสมอได้ถ้าเราจำคำแนะนำของเปาโลในข้อคัมภีร์วันนี้ ห20.09 น. 9-10 ว. 6-7
วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม
ขอให้เลียนแบบผมเหมือนที่ผมเลียนแบบพระคริสต์—1 คร. 11:1
เรารู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่มีพี่น้องหญิงหลายคนกำลังทำงานหนักในประชาคม พวกเธอสนับสนุนการประชุมและงานประกาศ บางคนช่วยงานดูแลซ่อมแซมหอประชุม และสนใจพี่น้องคนอื่น ๆ ในประชาคม แต่พวกเธอก็ต้องรับมือกับปัญหาหลายอย่างด้วย บางคนต้องดูแลพ่อแม่ที่อายุมากแล้ว ส่วนบางคนก็ถูกครอบครัวต่อต้าน นอกจากนั้นบางคนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องทำงานหนักเพื่อดูแลลูก ๆ ทำไมเราต้องให้ความสำคัญกับการเอาใจใส่พี่น้องหญิง? เพราะคนส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ไม่ค่อยให้เกียรติผู้หญิง นอกจากนั้น คัมภีร์ไบเบิลยังบอกให้เราดูแลเอาใจใส่ผู้หญิงด้วย ตัวอย่างเช่น อัครสาวกเปาโลบอกให้พี่น้องในกรุงโรมต้อนรับเฟบี และ “ช่วยเหลือเธอในเรื่องที่จำเป็น” (รม. 16:1, 2) เปาโลมาจากวัฒนธรรมที่ดูถูกผู้หญิงและมองว่าผู้หญิงต่ำกว่า แต่พอเขาเป็นคริสเตียน เขาก็เลียนแบบพระเยซูโดยแสดงความอ่อนโยนและให้เกียรติผู้หญิง ห20.09 น. 20 ว. 1-2
วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม
ไปสอนคนทุกชาติให้เป็นสาวก . . . และสอนพวกเขาให้ทำตามทุกสิ่งที่ผมสั่งคุณไว้—มธ. 28:19, 20
เพื่อจะช่วยให้นักศึกษาอยากบอกข่าวดีกับคนอื่น คุณอาจถามเขาว่า “พอคุณเอาสิ่งที่ได้เรียนจากคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ มันช่วยให้ชีวิตของคุณดีขึ้นยังไง? คุณคิดว่าคนอื่นต้องได้ยินเรื่องนี้ด้วยไหม? แล้วคุณจะช่วยพวกเขาให้ได้ยินเรื่องนี้ได้ยังไง?” (สภษ. 3:27; มธ. 9:37, 38) ขอจำไว้ว่าพระเยซูสั่งเราให้สอนคนอื่นให้ “ทำตามทุกสิ่ง” ที่ท่านสั่ง ซึ่งนี่รวมถึงคำสั่ง 2 อย่างที่สำคัญที่สุดด้วยคือต้องรักพระเจ้าและรักคนอื่น (มธ. 22:37-39) ถ้าเราช่วยนักศึกษาให้ทำตามคำสั่งทั้ง 2 อย่างนี้ เราก็กำลังช่วยให้เขาอยากประกาศ เพราะถ้าเขารักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านจริง ๆ เขาก็จะอยากออกไปประกาศ สำหรับนักศึกษาบางคนการออกไปประกาศอาจจะเป็นเรื่องน่ากลัว แต่เราสามารถช่วยเขาให้มั่นใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยเขาและเขาจะค่อย ๆ เอาชนะการกลัวคนได้—สด. 18:1-3; สภษ. 29:25 ห20.11 น. 3 ว. 6-8
วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม
เราจึงอธิษฐานเพื่อพวกคุณมาตลอด—คส. 1:9
ตอนที่เตรียมตัวสำหรับการศึกษา ให้คุณอธิษฐานถึงพระยะโฮวาเกี่ยวกับนักศึกษาและความจำเป็นของเขา ขอพระองค์ช่วยคุณให้สอนจากคัมภีร์ไบเบิลในแบบที่เข้าถึงหัวใจของนักศึกษาได้ จำไว้ว่าเป้าหมายของคุณคือการช่วยนักศึกษาให้ก้าวหน้าจนรับบัพติศมา นอกจากนั้น นักศึกษาต้องคุยกับพระยะโฮวาทุกวัน เขาจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร? ก็โดยการที่เขาฟังและพูดกับพระองค์ เขาฟังพระยะโฮวาได้โดยอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวัน (ยชว. 1:8; สด. 1:1-3) และเขาจะพูดกับพระยะโฮวาโดยอธิษฐานทุกวัน ดังนั้นให้คุณอธิษฐานกับเขาก่อนที่คุณเริ่มศึกษาและหลังจากที่คุณศึกษาเสร็จ และให้พูดถึงนักศึกษาของคุณในคำอธิษฐานด้วย พอเขาเห็นวิธีที่คุณอธิษฐาน เขาก็จะได้เรียนว่าเขาต้องอธิษฐานจากใจอย่างไร และเขาจะได้รู้ว่าเขาต้องอธิษฐานถึงพระยะโฮวาพระเจ้าในนามพระเยซูคริสต์ (มธ. 6:9; ยน. 15:16) ลองคิดดูว่าถ้านักศึกษาของคุณอธิษฐาน (พูดกับพระยะโฮวา) และอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวัน (ฟังพระยะโฮวา) เขาจะสนิทกับพระองค์มากขึ้นแค่ไหน—ยก. 4:8 ห20.10 น. 8 ว. 8; น. 9 ว. 10-11
วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม
เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันด้วยพลังของพระเจ้า และมีสันติสุขที่ผูกพันคนเราให้เป็นหนึ่งเดียว—อฟ. 4:3
ในทุกวันนี้องค์การก็พยายามทำให้ประชาคมมีสันติสุขและมีระเบียบเหมือนกับในสมัยศตวรรษแรก (กจ. 16:4, 5) ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณไปประชุมที่ประชาคมอื่นหรือแม้แต่ต่างประเทศ คุณก็รู้ว่าจะศึกษาหอสังเกตการณ์ บทความไหนและจะศึกษากันอย่างไร คุณคงสบายใจและไม่รู้สึกกังวลว่าที่นี่จะต่างจากที่ประชาคมของคุณไหม มีแค่พลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถทำให้ทุกคนเป็นเอกภาพและเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างนี้ (ศฟย. 3:9, เชิงอรรถ) คุณทำอะไรได้? ให้ถามตัวเองว่า ‘ฉันกำลังช่วยให้ประชาคมมีสันติสุขและเป็นหนึ่งเดียวกันไหม? ฉันกำลังเชื่อฟังคนที่นำหน้าไหม? คนอื่นไว้ใจฉันได้ไหมโดยเฉพาะถ้าฉันมีหน้าที่รับผิดชอบในประชาคม? ฉันเป็นคนที่ตรงต่อเวลาและชอบช่วยเหลือคนอื่นไหม?’ (ยก. 3:17) ถ้าคุณเห็นว่ามีจุดที่คุณจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นได้ก็ให้คุณขอพลังบริสุทธิ์เพื่อช่วยคุณ ยิ่งคุณยอมให้พลังบริสุทธิ์ปรับปรุงนิสัยและการกระทำของคุณให้ดีขึ้น พี่น้องในประชาคมก็จะยิ่งรักและเห็นค่าคุณมากขึ้น ห20.10 น. 23 ว. 12-13
วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม
ให้ทำตามคำสอนของพระเจ้าเสมอ อย่าเป็นแค่ผู้ฟัง—ยก. 1:22
คัมภีร์ไบเบิลเป็นเหมือนกระจก (ยก. 1:23-25) ทุกเช้าก่อนออกจากบ้าน พวกเราส่วนใหญ่ชอบส่องกระจก มันช่วยให้รู้ว่าเราต้องเปลี่ยนอะไรตรงไหนก่อนจะออกไปเจอคนอื่น เหมือนกันถ้าเราอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวัน เราก็จะเห็นว่ามีความคิดของเราตรงไหนที่เราจะต้องเปลี่ยน หลายคนชอบอ่านข้อคัมภีร์ประจำวันตอนเช้าก่อนออกจากบ้านและก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่เรื่อย ๆ และก็พยายามเอาคำแนะนำที่ได้อ่านไปใช้ตลอดทั้งวัน นอกจากนั้น เราต้องอ่านคัมภีร์ไบเบิลและคิดใคร่ครวญทุกวันจนเป็นนิสัย เราอาจรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้เราอยู่ทางแคบที่นำไปถึงชีวิต คัมภีร์ไบเบิลทำงานเหมือนกับเครื่องเอกซเรย์ที่ทำให้เรารู้ว่าตัวตนข้างในเราเป็นอย่างไร แต่เพื่อเราจะได้ประโยชน์จากคำแนะนำที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิลและจากคนที่พระเจ้าใช้ เราต้องเป็นคนถ่อม ห20.11 น. 18 ว. 3; น. 20 ว. 8
วันพุธที่ 20 กรกฎาคม
ประชาคมต่าง ๆ จึงมีความเชื่อเข้มแข็งขึ้นและมีคนเข้ามาเชื่อเพิ่มขึ้นทุกวัน—กจ. 16:5
ถึงคริสเตียนในศตวรรษแรกจะถูกข่มเหงบ่อย ๆ แต่พวกเขาก็มีช่วงเวลาที่สงบสุขด้วย พวกเขาใช้ช่วงเวลานั้นอย่างไร? พี่น้องคริสเตียนที่ซื่อสัตย์ทั้งผู้ชายและผู้หญิงประกาศข่าวดีต่อ ๆ ไปไม่หยุด หนังสือกิจการบอกว่า “พวกเขาใช้ชีวิตตามแนวทางของพระยะโฮวา” และเพราะพวกเขาประกาศข่าวดีต่อ ๆ ไปแบบนี้เลย “ทำให้ประชาคมมีคนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ” เห็นได้ชัดเลยว่าพระยะโฮวาอวยพรที่พวกเขาประกาศอย่างกระตือรือร้นในช่วงเวลาที่สงบสุขนี้ (กจ. 9:26-31) คริสเตียนในศตวรรษแรกใช้ทุกโอกาสในการประกาศข่าวดี ตัวอย่างเช่นตอนที่เปาโลอยู่ที่เมืองเอเฟซัส เขารู้ว่าโอกาสเปิดกว้างสำหรับเขาแล้ว เขาเลยอยู่ที่นั่นต่อไปและประกาศข่าวดีให้กับชาวเมืองนั้น (1 คร. 16:8, 9) คริสเตียนในศตวรรษแรก “ประกาศข่าวดีเกี่ยวกับคำสอนของพระยะโฮวา” อย่างเต็มที่ (กจ. 15:30-35) ผลเป็นอย่างไร? ข้อคัมภีร์วันนี้ให้คำตอบ ห20.09 น. 16 ว. 6-8
วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม
ความตายเกิดขึ้นเพราะมนุษย์คนหนึ่ง—1 คร. 15:21
พออาดัมทำบาป เขาก็ทำให้ตัวเองและลูกหลานต้องตาย และเรายังได้รับผลที่เลวร้ายจากการไม่เชื่อฟังของเขาจนถึงทุกวันนี้ แต่การที่พระเจ้าปลุกลูกของพระองค์ ให้ฟื้นขึ้นจากตายทำให้เกิดผลที่แตกต่างมากจริง ๆ เปาโลพูดต่อว่า “การฟื้นขึ้นจากตายก็เกิดขึ้นเพราะมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน” แล้วเขาก็พูดอย่างมีเหตุผลว่า “ทุกคนตายเพราะอาดัม” ดังนั้น “ทุกคนก็จะมีชีวิตได้อีกเพราะพระคริสต์” (1 คร. 15:22) เปาโลหมายความว่าอย่างไรตอนที่เขาบอกว่า “ทุกคนตายเพราะอาดัม”? เปาโลคิดถึงมนุษย์ทุกคนที่ได้รับบาปและความไม่สมบูรณ์แบบจากอาดัม แล้วก็เลยต้องตาย (รม. 5:12) อาดัมไม่ได้อยู่ในกลุ่ม “ทุกคน” ที่ “จะมีชีวิตได้อีก” ค่าไถ่ของพระเยซูใช้ไม่ได้กับเขาเพราะเขาเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบที่ตั้งใจไม่เชื่อฟังพระเจ้า จุดจบของอาดัมคือการ “ถูกทำลายตลอดไป” ซึ่งเป็นแบบเดียวกับคนที่ “ลูกมนุษย์” จะตัดสินว่าเป็น “แพะ”—มธ. 25:31-33, 46; ฮบ. 5:9 ห20.12 น. 5 ว. 13-14
วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม
พระยะโฮวา . . . สนใจคนถ่อม—สด. 138:6
ถ้าเราไม่ได้ทำงานมอบหมายบางอย่างที่อยากทำ ขอให้คิดถึงตัวอย่างของทูตสวรรค์ที่ซื่อสัตย์ ตอนที่กษัตริย์อาหับที่ชั่วร้ายปกครอง พระยะโฮวาขอให้พวกทูตสวรรค์ไปหลอกเขา มีทูตสวรรค์หลายองค์เสนอไอเดีย แต่พระยะโฮวาเลือกไอเดียของทูตสวรรค์องค์หนึ่งแล้วก็บอกว่าสิ่งที่ทูตสวรรค์องค์นี้เสนอจะสำเร็จแน่ (1 พก. 22:19-22) ทูตสวรรค์องค์อื่นท้อใจไหม? หรือพวกเขาคิดไหมว่า ‘ผมจะพยายามไปเพื่ออะไร’? เรารู้ว่าพวกเขาไม่ได้คิดแบบนั้นแน่ พวกทูตสวรรค์ถ่อมตัวและพวกเขาอยากให้เกียรติยศทั้งหมดกับพระยะโฮวา (วนฉ. 13:16-18; วว. 19:10) จำไว้ว่าการได้เป็นพยานพระยะโฮวาและประกาศเรื่องรัฐบาลของพระองค์เป็นสิทธิพิเศษที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คุณค่าของเราในสายตาของพระยะโฮวาไม่ได้ขึ้นอยู่กับงานมอบหมายที่เราได้รับ สิ่งที่ทำให้เราเป็นที่รักของพระองค์และของพี่น้องก็คือความถ่อมและความเจียมตัวต่างหาก ให้คุณอธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วยให้คุณเป็นคนถ่อมและคนเจียมตัวเสมอ คิดถึงตัวอย่างที่ดีของคนถ่อมและคนเจียมตัวที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิล และเต็มใจรับใช้พี่น้องของคุณเท่าที่คุณจะทำได้—1 ปต. 5:5 ห20.12 น. 26 ว. 16-17
วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม
เอาความรอดมาสวมเป็นหมวกเกราะ และถือดาบของพลังบริสุทธิ์ซึ่งก็คือถ้อยคำของพระเจ้า—อฟ. 6:17
หมวกเกราะหมายถึงความหวังที่พระยะโฮวาให้กับเรา เป็นความหวังที่พระองค์จะช่วยเราให้รอดจากความตาย และจะให้รางวัลกับคนที่ทำตามความต้องการของพระองค์ (1 ธส. 5:8; 1 ทธ. 4:10; ทต. 1:1, 2) ความหวังเกี่ยวกับความรอดปกป้องความคิดของเราโดยช่วยให้เราสนใจที่คำสัญญาของพระเจ้าและช่วยให้เรามองปัญหาตามความเป็นจริง เราจะใส่หมวกเกราะนี้ได้โดยทำให้แน่ใจว่าความคิดของเราเหมือนกับความคิดของพระเจ้าเสมอ ตัวอย่างเช่น เราจะไม่ฝากความหวังไว้กับทรัพย์สมบัติที่ไม่ยั่งยืน แต่จะฝากไว้กับพระเจ้า (สด. 26:2; 104:34; 1 ทธ. 6:17) ส่วนดาบของพลังบริสุทธิ์หมายถึงถ้อยคำของพระเจ้าในคัมภีร์ไบเบิล ดาบนี้มีพลังที่จะเปิดโปงคำโกหกหลอกลวง และทำให้ผู้คนเป็นอิสระจากคำสอนผิด ๆ และนิสัยที่ไม่ดีต่าง ๆ (2 คร. 10:4, 5; 2 ทธ. 3:16, 17; ฮบ. 4:12) เราเรียนที่จะใช้ดาบนี้อย่างถูกต้องโดยการศึกษาส่วนตัวและการฝึกอบรมที่มาจากองค์การของพระเจ้า—2 ทธ. 2:15 ห21.03 น. 27 ว. 4; น. 29 ว. 10-11
วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม
ผมอยู่ที่เกาะชื่อปัทมอสเพราะพูดเรื่องพระเจ้าและประกาศเรื่องพระเยซู—วว. 1:9
ถึงอัครสาวกยอห์นจะติดคุกแต่เขาก็ยังคิดถึงพี่น้องอยู่ ตัวอย่างเช่น เขาเขียนหนังสือวิวรณ์และส่งไปให้พี่น้องในประชาคมต่าง ๆ เพื่อพวกเขาจะรู้สิ่ง “ที่จะต้องเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้” (วว. 1:1) ดูเหมือนว่าหลังจากที่เขาถูกปล่อยตัวจากเกาะปัทมอส เขาก็เขียนหนังสือข่าวดีเกี่ยวกับชีวิตและงานรับใช้ของพระเยซู และเขียนจดหมายอีก 3 ฉบับเพื่อให้กำลังใจและช่วยพี่น้องให้เข้มแข็งขึ้น ยอห์นใช้ชีวิตแบบที่เสียสละจริง ๆ แล้วคุณจะเลียนแบบเขาได้อย่างไร? การใช้ชีวิตของคุณจะแสดงให้เห็นว่าคุณรักคนอื่นจริง ๆ ไหม โลกของซาตานอยากให้คุณคิดถึงแต่ตัวเอง และอยากให้คุณใช้แรง กำลัง และเวลาไปกับการหาเงินและสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง แต่คริสเตียนทั่วโลกไม่ได้เป็นแบบนั้น พวกเขาใช้เวลามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ประกาศข่าวดีเพื่อช่วยผู้คนให้มาสนิทกับพระยะโฮวา ห21.01 น. 10 ว. 9-10
วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม
โยนาธานรักดาวิดเท่าชีวิตของตัวเอง—1 ซม. 18:1
คงจะไม่แปลกถ้าโยนาธานจะรู้สึกอิจฉาดาวิด โยนาธานเป็นลูกชายของซาอูล เขาอาจจะไปเรียกร้องสิทธิ์ที่จะเป็นกษัตริย์คนต่อไปก็ได้ (1 ซม. 20:31) แต่โยนาธานถ่อมตัวและภักดีต่อพระยะโฮวา เขาเลยสนับสนุนการตัดสินใจของพระองค์ที่เลือกดาวิดให้เป็นกษัตริย์คนต่อไป และเขาก็ภักดีกับดาวิดด้วย ถึงเขาจะรู้ว่านั่นจะทำให้ซาอูลโกรธมากก็ตาม (1 ซม. 20:32-34) โยนาธานรักดาวิดมากก็เลยไม่ได้มองดาวิดว่าเป็นคู่แข่ง จริง ๆ แล้วโยนาธานเป็นนักธนูที่เก่งมากและเป็นนักรบที่กล้าหาญ ทั้งตัวเขาเองกับซาอูลพ่อของเขามีชื่อเสียงว่าเป็นคนที่ “ว่องไวกว่านกอินทรี และกล้าหาญยิ่งกว่าสิงโต” (2 ซม. 1:22, 23) ถ้าโยนาธานจะอวดว่าตัวเขาเองเก่งขนาดไหน เขาก็ทำได้ แต่เขาไม่ได้ทำอย่างนั้น เขาไม่ได้พยายามแข่งกับดาวิดหรืออิจฉาและแค้นดาวิด โยนาธานกลับชื่นชมดาวิดที่กล้าหาญและพึ่งพระยะโฮวา จริง ๆ แล้วตอนที่โยนาธานเริ่มรู้สึกสนิทกับดาวิดและบอกว่ารักดาวิดเท่าชีวิตของตัวเขาเอง ก็คือหลังจากที่ดาวิดฆ่าโกลิอัท ห21.01 น. 21 ว. 6; น. 22 ว. 8-9
วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม
ผู้ชายเป็นผู้นำของผู้หญิง—1 คร. 11:3
คริสเตียนทุกคนอยู่ใต้อำนาจของพระเยซูผู้นำที่สมบูรณ์แบบ แต่เมื่อผู้หญิงแต่งงาน เธอก็อยู่ใต้อำนาจของผู้ชายที่ไม่สมบูรณ์แบบ นี่ก็เลยอาจจะทำให้เกิดปัญหา ดังนั้นผู้หญิงที่คิดจะแต่งงานน่าจะถามตัวเองว่า ‘มีอะไรบ้างที่แสดงว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี? เขาให้กิจกรรมคริสเตียนและงานรับใช้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาไหม? ถ้าเขาไม่ได้ทำอย่างนั้น เขาจะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ช่วยให้เราทั้งสองคนสนิทกับพระยะโฮวาได้เหรอ?’ นอกจากนั้น เธอน่าจะถามตัวเองด้วยว่า ‘ฉันมีนิสัยดี ๆ อะไรบ้างที่จะช่วยให้ชีวิตคู่ของเรามีความสุข? ฉันเป็นคนอดทนและไม่เห็นแก่ตัวไหม? ฉันสนิทกับพระยะโฮวาไหม?’ (ปญจ. 4:9, 12) ภรรยาจะมีความสุขกับชีวิตคู่มากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอก่อนแต่งงาน พี่น้องหญิงหลายล้านคนเป็นตัวอย่างที่ดีมากในการยอมอยู่ใต้อำนาจสามี พวกเธอควรได้รับคำชมเชยจริง ๆ ห21.02 น. 8 ว. 1-2
วันพุธที่ 27 กรกฎาคม
ขอมาช่วยพวกเราที่แคว้นมาซิโดเนียด้วยเถอะ—กจ. 16:9
ไม่กี่ปีมานี้พี่น้องหลายคนอยากจะรับใช้พระยะโฮวามากขึ้น พวกเขาก็เลยเรียนภาษาใหม่ พวกเขาย้ายไปในประชาคมที่พูดภาษานั้นซึ่งต้องการผู้ประกาศมากกว่า พวกเขาต้องปรับเปลี่ยนหลายอย่างในชีวิตจริง ๆ เพื่อจะทำอย่างนี้ได้ นี่เป็นการตัดสินใจส่วนตัวของพวกเขา ถึงพวกเขาจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะพูดภาษานั้นได้เก่ง แต่พวกเขาก็ช่วยประชาคมได้หลายอย่าง เช่นคุณลักษณะที่ดีและประสบการณ์ของพวกเขาช่วยให้ประชาคมเข้มแข็งขึ้น พี่น้องที่เสียสละตัวเองเหล่านี้มีค่าสำหรับพวกเรามากจริง ๆ คณะผู้ดูแลต้องไม่ตัดสินพี่น้องว่าเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ดูแลหรือผู้ช่วยงานรับใช้แค่เพราะพี่น้องคนนั้นพูดภาษาที่ใช้กันในประชาคมไม่เก่ง ผู้ดูแลจะพิจารณาว่าพี่น้องชายมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ดูแลหรือผู้ช่วยงานรับใช้โดยดูจากคุณสมบัติตามหลักพระคัมภีร์ ไม่ใช่ดูจากความสามารถในการพูดภาษาที่ใช้ในประชาคม—1 ทธ. 3:1-10, 12, 13; ทต. 1:5-9 ห20.08 น. 30 ว. 15-16
วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม
พี่น้องของผม เมื่อพวกคุณเจอความลำบาก ให้มองว่าเป็นเรื่องน่ายินดี—ยก. 1:2
คนส่วนใหญ่คิดว่าเขาจะมีความสุขถ้าเขามีสุขภาพดี มีเงินเยอะ ๆ หรือมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ความสุขหรือความยินดีที่ยากอบพูดถึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าชีวิตของคนคนนั้นจะเป็นยังไง แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้า (กท. 5:22) ความสุขของคริสเตียนมาจากการเลียนแบบพระเยซูและทำให้พระยะโฮวาพอใจ (ลก. 6:22, 23; คส. 1:10, 11) ความสุขในใจเราก็เหมือนกับไฟที่อยู่ในตะเกียง ถึงจะมีฝนหรือลมพัดแรงแค่ไหนตะเกียงก็จะคอยป้องกันไม่ให้ไฟมอดดับไป เหมือนกันถ้าเรามีความสุขแท้ในใจไม่ว่าเราจะเจอกับปัญหาอะไรก็ตาม ความสุขของเราก็จะไม่หายไป เช่น ถึงเราจะเจอคนเยาะเย้ย เจอคนในครอบครัวต่อต้าน หรือสุขภาพของเราจะแย่ลง หรือเราอาจจะไม่ค่อยมีเงิน ความสุขของเราก็จะไม่ลดลงเหมือนกับไฟในตะเกียงที่ยังสว่างอยู่เสมอ จริง ๆ แล้วทุกครั้งที่มีคนต่อต้านเรา เรากลับมีความสุขมากขึ้นเหมือนกับไฟในตะเกียงที่สว่างขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเราเจอปัญหาเพราะรับใช้พระยะโฮวา นั่นก็ยิ่งพิสูจน์ว่าเราเป็นสาวกแท้ของพระเยซู (มธ. 10:22; 24:9; ยน. 15:20) เพราะอย่างนี้ยากอบเลยเขียนคำพูดที่อยู่ในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ ห21.02 น. 28 ว. 6
วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม
คำพูดดี ๆ ทำให้มีกำลังใจ—สภษ. 12:25
เวลาคุณเจอข้อคัมภีร์ที่เน้นเกี่ยวกับการสงบใจและวางใจพระยะโฮวา ให้คุณพยายามจำข้อคัมภีร์เหล่านั้นให้ขึ้นใจ คุณอาจจะอ่านออกเสียง หรือจดเอาไว้และเอามาอ่านบ่อย ๆ พระยะโฮวาบอกโยชูวาว่าถ้าเขาอยากจะตัดสินใจได้อย่างฉลาดสุขุม เขาต้องอ่านออกเสียงข้อกฎหมายเบา ๆ เป็นประจำ สิ่งที่เขาอ่านจะช่วยให้เขาไม่กลัวตอนที่ต้องรับมือกับปัญหาที่เขาเจอ (ยชว. 1:8, 9) ถ้าคุณต้องเจอเรื่องที่อาจทำให้คุณรู้สึกกลัวหรือกังวล ข้อคัมภีร์ที่คุณเคยอ่านก็จะช่วยให้คุณมีความสงบใจได้เหมือนกัน (สด. 27:1-3; สภษ. 3:25, 26) ตอนที่เราไปประชุมเราได้ประโยชน์จากคำบรรยายและส่วนต่าง ๆ ในการประชุม และเราก็ได้ประโยชน์จากความคิดเห็นของคนอื่น ๆ ด้วย นอกจากนั้น พอเราได้คุยกับพี่น้อง เราก็ได้กำลังใจมากขึ้น (ฮบ. 10:24, 25) ตอนที่เรากังวลแล้วระบายความรู้สึกกับเพื่อนที่สนิทในประชาคม เราก็รู้สึกสบายใจขึ้น ห21.01 น. 6 ว. 15-16
วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม
เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนที่ซื่อสัตย์—1 ทธ. 4:12
ตอนที่คุณรับบัพติศมา คุณก็ทำให้เห็นว่าคุณเชื่อและไว้ใจพระยะโฮวามาก และพระองค์ก็ดีใจที่เห็นคุณได้เข้ามาเป็นครอบครัวของพระองค์ แต่สิ่งสำคัญก็คือคุณต้องพึ่งพระยะโฮวาต่อ ๆ ไป เช่น ตอนที่ตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ ในชีวิต คุณคงจะพึ่งพระยะโฮวาอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นล่ะ คุณจะทำยังไง? เป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณจะพึ่งพระองค์ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจเรื่องอะไรก็ตาม อาจจะเป็นตอนที่คุณเลือกว่าจะดูหนังฟังเพลงหรือเล่นอะไร หรือตอนที่คุณกำลังจะตัดสินใจว่าจะเลือกงานอะไรหรือจะตั้งเป้าหมายอะไรในชีวิต อย่าพึ่งตัวเองหรือคิดว่าตัดสินใจเองได้ แต่ให้หาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลที่ช่วยคุณให้ตัดสินใจ แล้วก็ให้คุณทำตามหลักการนั้น (สภษ. 3:5, 6) ถ้าคุณทำอย่างนั้น คุณก็จะทำให้พระยะโฮวามีความสุข และพี่น้องในประชาคมก็จะนับถือคุณมากขึ้น เราทุกคนไม่สมบูรณ์แบบและผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น คุณเองก็อาจจะทำผิดบ้างเหมือนกัน แต่อย่าให้เรื่องนี้มาทำให้คุณไม่รับใช้พระยะโฮวาเต็มที่ ห21.03 น. 6 ว. 14-15
วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม
ผู้เป็นนาย . . . ช่วยผมให้รอดจากปากสิงโตด้วย—2 ทธ. 4:17
คุณกำลังถูกคนในครอบครัวต่อต้านไหม? หรือคุณกำลังอยู่ในประเทศที่งานของพยานพระยะโฮวาถูกสั่งห้ามหรือไม่มีอิสระเต็มที่ไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณจะได้กำลังใจมากแน่ ๆ ถ้าได้อ่าน 2 ทิโมธี 1:12-16 และ 4:6-11, 17-22 เปาโลเขียนข้อคัมภีร์เหล่านี้ตอนที่เขาอยู่ในคุก ก่อนที่คุณจะอ่าน ให้บอกพระยะโฮวาว่าคุณเจอปัญหาอะไรอยู่และมันทำให้คุณรู้สึกยังไง บอกรายละเอียดทั้งหมดและระบายความในใจของคุณให้พระองค์ฟัง แล้วขอพระยะโฮวาช่วยให้คุณเห็นบทเรียนจากเรื่องของเปาโลตอนที่เขาเจอปัญหา และช่วยให้คุณรู้ว่าคุณจะรับมือกับปัญหาได้ยังไง พระยะโฮวาบอกเปาโลไว้แล้วว่าเขาจะถูกข่มเหงเพราะเป็นคริสเตียน (กจ. 21:11-13) แล้วพระยะโฮวาช่วยเปาโลยังไง? พระองค์ตอบคำอธิษฐานของเปาโล และหลังจากนั้นก็ให้กำลังกับเขา พระยะโฮวารับรองกับเขาว่าเขาจะได้รับรางวัลแน่ ๆ เพราะเขาขยันรับใช้และทำงานหนัก และพระองค์ยังใช้เพื่อนที่ซื่อสัตย์ของเปาโลให้ช่วยเขาด้วย ห21.03 น. 17-18 ว. 14-15, 19