สิงหาคม
วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม
ถ้าพวกคุณแยกตัวจากผม พวกคุณจะทำอะไรไม่สำเร็จเลย—ยน. 15:5
เฉพาะคนที่สนิทกับพระเยซูถึงจะได้ประโยชน์จากค่าไถ่ พระเยซูบอกว่าท่าน ‘ยอมสละชีวิตเพื่อเพื่อนของท่าน’ (ยน. 15:13) นั่นหมายถึงผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่มีชีวิตก่อนที่พระเยซูอยู่บนโลกก็ต้องเรียนเกี่ยวกับพระเยซูแล้วก็ต้องรักท่านด้วย ผู้รับใช้เหล่านี้ เช่น อับราฮัม ซาราห์ โมเสส ราหับจะถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย ตอนนั้นพวกเขาจะต้องเป็นเพื่อนกับพระเยซูด้วยเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตตลอดไป (ยน. 17:3; กจ. 24:15; ฮบ. 11:8-12, 24-26, 31) เรามีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกับพระเยซูในการประกาศและสอนข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า เมื่อพระเยซูอยู่บนโลก ท่านเป็นครูสอน และตั้งแต่กลับไปสวรรค์ท่านก็เป็นผู้นำของประชาคมที่คอยชี้นำงานประกาศและงานสอน ท่านเห็นตอนที่คุณพยายามช่วยคนมากที่สุดให้รู้จักท่านและพ่อของท่าน และท่านเห็นค่าที่คุณพยายามทำอย่างนั้น ที่จริงเราจะทำงานนี้ให้สำเร็จได้ก็ต่อเมื่อได้รับความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาและพระเยซูเท่านั้น—ยน. 15:4 ห20.04 น. 22 ว. 7-8
วันอังคารที่ 2 สิงหาคม
กษัตริย์สององค์นี้ . . . จะนั่งร่วมโต๊ะและโกหกกัน—ดนล. 11:27
ในตอนแรก “กษัตริย์ทิศเหนือ” กับ “กษัตริย์ทิศใต้” หมายถึงกษัตริย์หรือผู้ปกครองของดินแดนที่อยู่ทางเหนือและทางใต้ของชาติอิสราเอล (ดนล. 10:14) จนถึงวันเพ็นเทคอสต์ปี ค.ศ. 33 คนของพระเจ้าคือชาติอิสราเอล อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันเพ็นเทคอสต์เป็นต้นมา พระยะโฮวาทำให้เห็นชัดเจนว่าคนของพระองค์คือสาวกที่ซื่อสัตย์ของพระเยซู ดังนั้นรายละเอียดส่วนใหญ่ของคำพยากรณ์ในดาเนียลบท 11 หมายถึงสาวกของพระเยซูไม่ใช่ชาติอิสราเอล (กจ. 2:1-4; รม. 9:6-8; กท. 6:15, 16) นอกจากนั้น เมื่อเวลาผ่านไป กษัตริย์ทิศเหนือกับกษัตริย์ทิศใต้ก็เปลี่ยนตัวไปเรื่อย ๆ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมีลักษณะบางอย่างที่ไม่เปลี่ยน (1) กษัตริย์สององค์นี้จะเกี่ยวข้องกับคนของพระเจ้า พวกเขาปกครองดินแดนที่มีคนของพระองค์อยู่จำนวนมากหรือไม่ก็โจมตีหรือข่มเหงคนเหล่านั้น (2) สิ่งที่กษัตริย์สององค์นี้ทำกับคนของพระเจ้าแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเกลียดพระเจ้าเที่ยงแท้ (3) กษัตริย์สององค์นี้จะสู้กันเพื่อแย่งชิงอำนาจ ห20.05 น. 3 ว. 3-4
วันพุธที่ 3 สิงหาคม
เราจะเป็นทุกอย่างที่เราต้องการจะเป็น—อพย. 3:14
พระยะโฮวาทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เพราะพระองค์สามารถเป็นอะไรก็ได้เพื่อทำให้ความประสงค์ของพระองค์สำเร็จ นอกจากนั้น พระยะโฮวาสามารถใช้มนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบให้เป็นอะไรก็ได้เพื่อพวกเขาจะรับใช้พระองค์ และทำให้ความประสงค์ของพระองค์เกิดขึ้นจริง (อสย. 64:8) พระยะโฮวาใช้วิธีเหล่านี้ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นจริงตามความตั้งใจของพระองค์และไม่มีอะไรจะมาขัดขวางได้ (อสย. 46:10, 11) เราจะเห็นค่าพระยะโฮวามากขึ้นเมื่อเราคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับสิ่งที่พระองค์ทำและสิ่งที่พระองค์ช่วยเราให้ทำสำเร็จ ตัวอย่างเช่น เมื่อเราคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับสิ่งที่พระเจ้าสร้าง เรารู้สึกประทับใจที่พระองค์สามารถทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้ (สด. 8:3, 4) และเมื่อเราคิดใคร่ครวญว่าพระยะโฮวาเคยช่วยเราให้ทำตามความประสงค์ของพระองค์มาแล้วอย่างไรบ้าง เราก็จะเกรงกลัวพระองค์มากขึ้น ชื่อของพระยะโฮวาน่าเกรงขามจริง ๆ ชื่อนี้หมายถึงทุกสิ่งที่พระองค์เป็น ทุกสิ่งที่พระองค์เคยทำ และทุกสิ่งที่พระองค์ตั้งใจจะทำในอนาคต—สด. 89:7, 8 ห20.06 น. 9-10 ว. 6-7
วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม
พระเจ้า . . . เป็นผู้ที่ให้ชีวิต ลมหายใจ . . . กับมนุษย์ทุกคน—กจ. 17:24, 25
ออกซิเจนเป็นแก๊สที่จำเป็นสำหรับการมีชีวิตของมนุษย์และสัตว์ มีการคำนวณว่าในหนึ่งปีสิ่งมีชีวิตบนโลกหายใจรับออกซิเจนหนึ่งแสนล้านตัน ในขณะเดียวกันสิ่งมีชีวิตก็คายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นของเสียออกมาด้วย แต่สิ่งมีชีวิตก็ไม่เคยใช้ออกซิเจนจนหมดโลก และโลกก็ไม่ได้มีคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นเหมือนแก๊ส “ของเสีย” มากเกินไป ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? ก็เพราะพระยะโฮวาได้สร้างพืชหลายขนาดหลายชนิดตั้งแต่ต้นไม้ขนาดมหึมาจนถึงสาหร่ายเล็กกระจิดริดเพื่อหมุนเวียนอากาศรับเอาคาร์บอนไดออกไซด์และผลิตออกซิเจนออกมา วัฏจักรของออกซิเจนยืนยันคำพูดในข้อคัมภีร์วันนี้ เราจะเห็นค่าโลกที่เราอยู่และสิ่งดี ๆ ในโลกนี้มากขึ้นได้อย่างไร? (สด. 115:16) วิธีหนึ่งก็คือโดยการคิดใคร่ครวญสิ่งที่พระยะโฮวาสร้าง การทำอย่างนี้จะกระตุ้นเราให้ขอบคุณพระยะโฮวาทุกวันสำหรับสิ่งดี ๆ ที่พระองค์ให้เรา และเราแสดงว่าเห็นค่าโลกนี้ได้โดยการรักษาความสะอาดในที่ที่เราอยู่อย่างดีที่สุดเท่าที่เป็นได้ ห20.05 น. 22 ว. 5, 7
วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม
แม้พวกเจ้าจะทำให้ชาติต่าง ๆ ดูหมิ่นชื่อของเรา แต่เราจะทำให้ชื่อที่ยิ่งใหญ่ของเราเป็นที่เคารพนับถือแน่นอน—อสค. 36:23
ซาตานพยายามทำทุกวิถีทางไม่ให้พระยะโฮวาทำให้ความประสงค์ของพระองค์สำเร็จ แต่พระองค์จัดการเรื่องนี้อย่างฉลาด อดทน และยุติธรรม พระองค์แสดงพลังอำนาจสูงสุดของพระองค์ในหลาย ๆ วิธี และที่สำคัญที่สุดคือ พระองค์แสดงความรักในทุกอย่างที่พระองค์ทำ (1 ยน. 4:8) พระยะโฮวาไม่เคยหยุดทำให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถือ ทุกวันนี้ซาตานยังใส่ร้ายชื่อพระเจ้าอยู่ มันหลอกผู้คนให้สงสัยว่าพระเจ้ามีอำนาจ ยุติธรรม ฉลาด และรักพวกเขาจริง ๆ ไหม ตัวอย่างเช่น ซาตานพยายามทำให้คนไม่เชื่อว่ามีผู้สร้าง และสำหรับคนที่เชื่อว่ามีพระเจ้า มันก็ทำให้พวกเขาเชื่อว่าพระองค์ไม่ยุติธรรมและมาตรฐานของพระองค์ก็เข้มงวดเกินไป ซาตานสอนผู้คนว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่โหดร้ายและไร้หัวใจเพราะพระองค์เผาคนในไฟนรก พอผู้คนเชื่อเรื่องที่มันใส่ร้ายพระยะโฮวา พวกเขาก็ไม่ยอมรับการปกครองที่ถูกต้องชอบธรรมของพระองค์ ซาตานจะเล่นงานคุณด้วย มันจะพยายามทำให้คุณทิ้งพระองค์ให้ได้ คุณคิดว่ามันจะทำสำเร็จไหม? ห20.06 น. 5 ว. 13-15
วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม
เมื่อเป็นอย่างนั้น ก็จะไม่มีการแบ่งแยกระหว่างคนกรีกกับคนยิว คนเข้าสุหนัตกับคนไม่เข้าสุหนัต คนต่างชาติ คนสิเทีย ทาส หรือคนที่มีอิสระ แต่พระคริสต์เป็นทุกสิ่งและอยู่ในทุกคน—คส. 3:11
เราเห็นว่าในหลายประชาคมมีพี่น้องที่กำลังเรียนภาษาใหม่ พวกเขาอาจจะรู้สึกว่ายากที่จะพูดความคิดของตัวเองหรือความรู้สึกของตัวเองออกมา ถ้าเราไม่เอาแต่สนใจวิธีที่พวกเขาพูดภาษาของเรา เราก็จะเห็นความรักที่พวกเขามีต่อพระยะโฮวาและเห็นว่าพวกเขาอยากรับใช้พระองค์ ถ้าเราเห็นคุณลักษณะที่ดีเหล่านี้ของพวกเขา เราก็จะยิ่งเห็นค่าและให้เกียรติพวกเขามากขึ้น เราจะไม่พูดว่า ‘ฉันไม่ต้องการคุณ’ แค่เพราะพวกเขาพูดภาษาของเราไม่เก่ง (1 คร. 12:21) พระยะโฮวาให้เรามีสิทธิพิเศษที่ได้เป็นส่วนของประชาคมของพระองค์ ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง โสดหรือแต่งงานแล้ว อายุน้อยหรืออายุมาก หรือจะเก่งเรื่องภาษาหรือเปล่า เราก็มีค่าสำหรับพระยะโฮวาและต่อกันและกัน (รม. 12:4, 5; คส. 3:10) ให้เราพยายามหาวิธีที่จะให้กำลังใจพี่น้อง ให้เกียรติพวกเขาและมองว่าพวกเขาเป็นส่วนสำคัญของประชาคมของพระยะโฮวา ห20.08 น. 31 ว. 20-22
วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม
บางคนเข้าร่วมกับเปาโลและเข้ามาเป็นสาวก—กจ. 17:34
เปาโลไม่ได้หมดหวังในคนเอเธนส์ถึงแม้ว่าคนที่นั่นจะไหว้รูปเคารพ ทำผิดศีลธรรมทางเพศ และเชื่อปรัชญาแบบโลก เปาโลไม่เลิกประกาศกับคนเอเธนส์ถึงแม้คนที่นั่นจะดูถูกเขา จริง ๆ แล้วเปาโลเองก็เข้ามาเป็นคริสเตียนทั้ง ๆ ที่เขาเองก็เคยเป็น “คนหมิ่นประมาทพระเจ้า ข่มเหงคนของพระองค์ และเป็นคนอวดดี” (1 ทธ. 1:13) เหมือนที่พระเยซูเคยมองว่าเปาโลมีโอกาสเข้ามาเป็นสาวกของท่านได้ เปาโลก็มองคนเอเธนส์ว่ามีโอกาสเข้ามาเป็นสาวกของพระเยซูได้เหมือนกัน และเขาก็ไม่ผิดหวัง (กจ. 9:13-15) ในศตวรรษแรกมีคนจากหลายภูมิหลังเข้ามาเป็นสาวกของพระเยซู เมื่อเปาโลเขียนจดหมายถึงคริสเตียนในโครินธ์ซึ่งเป็นเมืองของชาวกรีก เขาบอกว่าพี่น้องบางคนในประชาคมนั้นเคยเป็นอาชญากรหรือไม่ก็ใช้ชีวิตแบบผิดศีลธรรม จากนั้นเขาก็บอกว่า “พวกคุณบางคนเคยเป็นอย่างนั้น แต่พระเจ้าชำระพวกคุณให้สะอาดแล้ว” (1 คร. 6:9-11) ถ้าเป็นคุณ คุณจะมองคนแบบนั้นว่ามีโอกาสจะเปลี่ยนแปลงตัวเองและเข้ามาเป็นสาวกไหม? ห20.04 น. 12 ว. 15-16
วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม
พอกันที! . . . เอาชีวิตผมไปเถอะ—1 พก. 19:4
ผู้ดูแลต้องไม่ตัดสินพี่น้องที่เริ่มสงสัยว่าการรับใช้พระยะโฮวาดีตรงไหน แทนที่จะรีบว่าเขา ผู้ดูแลควรพยายามเข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดหรือทำแบบนั้น เมื่อทำอย่างนี้แล้ว ผู้ดูแลถึงจะให้คำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลที่เหมาะและให้กำลังใจเขาได้ ผู้พยากรณ์เอลียาห์หนีราชินีเยเซเบล (1 พก. 19:1-3) เขาคิดว่าเหลือแต่เขาคนเดียวที่ยังรับใช้พระยะโฮวาอยู่ เขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำไม่มีประโยชน์อะไรเลย เขารู้สึกท้อจนอยากตายด้วยซ้ำ (1 พก. 19:10) แทนที่จะว่าเขา พระยะโฮวาตั้งใจฟังเอลียาห์และบอกว่ายังมีงานอีกเยอะที่เขาสามารถทำได้ พระองค์บอกเขาว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว และพระองค์ช่วยให้เขามั่นใจในพลังอำนาจที่พระองค์มี นอกจากนั้น พระองค์ยังให้งานมอบหมายใหม่กับเขาอีกด้วย (1 พก. 19:11-16, 18) เราได้บทเรียนอะไรจากเรื่องนี้? เราทุกคนโดยเฉพาะผู้ดูแลต้องอ่อนโยนกับแกะของพระเจ้า ถึงคนนั้นจะโกรธ โมโห หรือรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าพอที่พระเจ้าจะให้อภัย ผู้ดูแลก็ต้องตั้งใจฟังเขาระบายความรู้สึกในใจออกมาและทำให้เขามั่นใจว่าพระยะโฮวารักและเห็นค่าเขา ห20.06 น. 22 ว. 13-14
วันอังคารที่ 9 สิงหาคม
เพื่อนแท้รักกันอยู่เสมอ—สภษ. 17:17
พระยะโฮวาอยากให้เรามีความสุขที่ได้อยู่กับครอบครัวและเพื่อน ๆ (สด. 133:1) พระเยซูมีเพื่อนที่ดีด้วย (ยน. 15:15) คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าการมีเพื่อนแท้ดีกับเราอย่างไร (สภษ. 18:24) และยังบอกด้วยว่าการเก็บตัวอยู่คนเดียวไม่ดีกับเราอย่างไร (สภษ. 18:1) หลายคนคิดว่าการใช้โซเชียลมีเดียจะทำให้เรามีเพื่อนเยอะขึ้นและไม่เหงา แต่เราต้องระวังด้วย มีงานค้นคว้าหนึ่งบอกว่าคนที่ใช้เวลาเยอะไปกับการดูคอมเมนต์หรือดูรูปที่คนอื่นโพสต์ในโซเชียลมีเดียจะรู้สึกเหงาและซึมเศร้า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? เหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าคนที่เล่นโซเชียลมีเดียจะชอบโพสต์รูปที่เป็นช่วงเวลาดี ๆ รูปสวย ๆ ของตัวเองกับเพื่อน ๆ และสถานที่สวย ๆ ที่พวกเขาเคยไปกัน คนที่ดูรูปพวกนั้นอาจจะเปรียบเทียบกับชีวิตของตัวเองแล้วก็คิดว่า ‘ชีวิตฉันน่าเบื่อ ไม่เห็นมีอะไรเลย’ ห20.07 น. 5-6 ว. 12-13
วันพุธที่ 10 สิงหาคม
พวกอัครสาวกกับผู้ดูแลจึงประชุมกันเพื่อพิจารณาเรื่องนี้—กจ. 15:6
หอสังเกตการณ์ 1 ตุลาคม 1988 (ภาษาอังกฤษ) บอกว่า “ผู้ดูแลต้องจำไว้ว่าพระคริสต์สามารถใช้พลังบริสุทธิ์เพื่อช่วยผู้ดูแลคนไหนก็ได้ในประชาคมให้คิดถึงหลักการจากคัมภีร์ไบเบิลที่จะช่วยคณะผู้ดูแลให้รู้ว่าจะทำอย่างไรในสถานการณ์ต่าง ๆ หรือตัดสินใจเรื่องที่สำคัญ ๆ (กจ. 15:7-15) พลังบริสุทธิ์ไม่ได้ช่วยผู้ดูแลคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่จะช่วยผู้ดูแลทุกคนในประชาคม” ตอนที่ประชุมกัน ผู้ดูแลที่ให้เกียรติผู้ดูแลคนอื่นจะไม่เอาแต่พูดอยู่คนเดียว เขาจะไม่คิดว่าความคิดของตัวเองถูกอยู่เสมอ และไม่ว่าจะคุยกันเรื่องอะไร เขาจะไม่เป็นคนที่ออกความคิดเห็นคนแรกอยู่ตลอด แต่เขาจะพูดความคิดเห็นของเขาด้วยความถ่อมและเจียมตัว และเขาจะตั้งใจฟังความคิดเห็นของคนอื่น ที่สำคัญกว่านั้นเขาชอบที่จะพูดถึงหลักการจากคัมภีร์ไบเบิลและพร้อมที่จะรับฟังการชี้นำจาก “ทาสที่ซื่อสัตย์และสุขุม” (มธ. 24:45-47) ถ้าผู้ดูแลแสดงความรักและให้เกียรติกันตอนที่พวกเขาประชุมกัน พลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าก็จะอยู่กับพวกเขา และชี้นำพวกเขาให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง—ยก. 3:17, 18 ห20.08 น. 27 ว. 5-6
วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม
เอาชนะความชั่วด้วยความดี—รม. 12:21
ศัตรูของเปาโลเป็นคนที่มีอำนาจมากกว่าเขา และบ่อยครั้งทำให้เขาถูกทุบตีและถูกขังคุก นอกจากนั้น คนที่เปาโลคิดว่าเป็นเพื่อนของเขากลับทำไม่ดีกับเขา บางคนในประชาคมก็ต่อต้านเขา (2 คร. 12:11; ฟป. 3:18) แต่เขารับมือกับคนเหล่านั้นได้ เขายังประกาศต่อไปถึงแม้ว่าจะเจอการต่อต้าน เขาไม่ได้ทิ้งพี่น้องของเขาถึงแม้ว่าบางคนจะทำให้เขาผิดหวัง และที่สำคัญที่สุดเขายังซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าจนวันตาย (2 ทธ. 4:8) ที่เปาโลทำทั้งหมดนี้ได้ไม่ใช่เพราะว่าเขาเก่งหรือพึ่งกำลังของตัวเองแต่เขาพึ่งพระยะโฮวา คุณเคยเจอการต่อต้านหรือดูถูกไหม? เป้าหมายของคุณคือการพยายามเอาสิ่งที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิลใส่ในหัวใจและความคิดของคนเหล่านั้น คุณจะทำอย่างนั้นได้โดยใช้คัมภีร์ไบเบิลเพื่อตอบคำถามผู้คน และแสดงความนับถือและทำดีกับทุกคนถึงเขาจะเป็นศัตรูหรือเป็นคนที่ทำไม่ดีกับคุณ—มธ. 5:44; 1 ปต. 3:15-17 ห20.07 น. 17-18 ว. 14-15
วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม
เพราะพระองค์ถ่อมตัวลง ผมจึงยิ่งใหญ่ขึ้น—2 ซม. 22:36
เราบอกได้จริง ๆ ไหมว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ถ่อม? ใช่ เราบอกอย่างนั้นได้ คล้ายกันกับที่ดาวิดบอกไว้ในข้อคัมภีร์วันนี้ (สด. 18:35) ตอนที่ดาวิดเขียนข้อนี้เขาคงนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ซามูเอลมาที่บ้านเพื่อที่จะแต่งตั้งกษัตริย์อิสราเอลคนใหม่ ทั้งที่ ๆ ดาวิดมีพี่ชาย 7 คนและเขาเป็นคนสุดท้อง แต่พระยะโฮวาก็เลือกเขาเป็นกษัตริย์แทนซาอูล (1 ซม. 16:1, 10-13) ดาวิดคงเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้เขียนสดุดีคนหนึ่งพูดถึงพระยะโฮวาว่า “พระองค์ก้มลงมาดูท้องฟ้าและโลก และยกคนต่ำต้อยขึ้นจากดิน พระองค์ยกคนจนขึ้น . . . แล้วให้เขานั่งกับชนชั้นสูง” (สด. 113:6-8) พระยะโฮวาแสดงให้เราเห็นว่าพระองค์เป็นพระเจ้าที่ถ่อมโดยวิธีที่พระองค์ปฏิบัติกับมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ พระยะโฮวาให้เราได้นมัสการพระองค์ แต่ไม่ใช่แค่นั้น พระองค์ยังมองว่าเราเป็นเพื่อนด้วย (สด. 25:14) เพื่อที่เราจะเป็นเพื่อนกับพระองค์ได้ พระองค์เป็นฝ่ายริเริ่มโดยสละชีวิตลูกชายเพื่อไถ่บาปให้พวกเรา พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่เมตตาและเห็นอกเห็นใจเราจริง ๆ ห20.08 น. 8 ว. 1-3
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม
[พระยะโฮวา] ไม่อยากให้ใครต้องถูกทำลาย แต่อยากให้ทุกคนกลับตัวกลับใจ—2 ปต. 3:9
พระยะโฮวากำหนดเวลาไว้แล้วว่าพระองค์จะทำลายโลกชั่วตอนไหน และพระองค์ก็ไม่ได้หมดความอดทนแล้วลงมือทำอะไรก่อนที่จะถึงเวลาที่พระองค์กำหนด (มธ. 24:36) พระยะโฮวาอยากปลุกคนตายมากแต่พระองค์ก็อดทนรอให้ถึงเวลา (โยบ 14:14, 15; ยน. 5:28) มีเหตุผลหลายอย่างที่เราควรขอบคุณและเห็นค่าความอดทนของพระยะโฮวา ลองคิดถึงเรื่องนี้ เพราะพระยะโฮวาอดทน ผู้คนมากมายรวมทั้งเราด้วยมีโอกาสที่จะ “กลับตัวกลับใจ” พระยะโฮวาอยากให้คนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ได้รับชีวิตตลอดไป ฉะนั้นวิธีที่เราจะแสดงว่าเห็นค่าความอดทนของพระยะโฮวาก็คือ พยายามเต็มที่ที่จะหา “คนที่เต็มใจตอบรับความจริงซึ่งทำให้ได้ชีวิตตลอดไป” และช่วยให้พวกเขารักพระยะโฮวาและรับใช้พระองค์ แล้วพวกเขาก็จะได้รับประโยชน์จากความอดทนของพระยะโฮวาเหมือนที่เราได้รับ—กจ. 13:48 ห20.08 น. 18 ว. 17
วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม
พระยะโฮวา โปรดสอนผมให้รู้จักแนวทางของพระองค์ และสอนผมให้เดินในทางของพระองค์—สด. 25:4
สิ่งที่นักศึกษาเรียนไม่ควรอยู่แค่ในสมองของเขาแต่ควรเข้าถึงหัวใจของเขาด้วย ทำไม? เพราะหัวใจเกี่ยวข้องกับความต้องการ อารมณ์ และความรู้สึกของเรา หัวใจจะกระตุ้นให้เราลงมือทำ พระเยซูสอนผู้คนหลายอย่างและพวกเขาก็ชอบเรียนจากท่าน แต่เหตุผลที่ทำให้ผู้คนติดตามท่านก็เพราะท่านสอนในแบบที่เข้าถึงหัวใจพวกเขา (ลก. 24:15, 27, 32) คุณต้องช่วยนักศึกษาให้เห็นว่าพระยะโฮวาเป็นบุคคลจริง ๆ ที่เขาสามารถมีความสัมพันธ์ด้วยได้ และมองพระองค์ว่าเป็นพ่อ เป็นพระเจ้า และเป็นเพื่อนของเขา (สด. 25:5) ไม่ว่าคุณจะศึกษากับเขาเรื่องอะไร ให้เน้นทุกครั้งว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าแบบไหน และเน้นให้เขาเห็นคุณลักษณะที่ดีของพระองค์ เช่น ความรัก ความกรุณา และความสงสาร (อพย. 34:5, 6; 1 ปต. 5:6, 7) พระเยซูบอกว่า “กฎหมายข้อที่สำคัญที่สุดและเป็นข้อแรก” คือ “ให้รักพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณ” (มธ. 22:37, 38) ขอให้คุณพยายามช่วยนักศึกษาให้รักพระยะโฮวาจากหัวใจ ห20.10 น. 10 ว. 12
วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม
พระเยซูรักมาร์ธากับมารีย์รวมทั้งลาซารัสด้วย—ยน. 11:5
พระเยซูให้เกียรติผู้หญิงทุกคน (ยน. 4:27) แต่พระเยซูให้เกียรติเป็นพิเศษกับผู้หญิงที่ทำตามสิ่งที่พ่อของท่านอยากให้ทำ ตอนที่ท่านพูดถึงคนที่เป็นเหมือนครอบครัวของท่าน ท่านเรียกพวกผู้หญิงว่าเป็นพี่น้องของท่าน เหมือนกับที่ท่านเรียกพวกผู้ชายว่าเป็นพี่น้องของท่าน (มธ. 12:50) พระเยซูเป็นเพื่อนแท้ของพวกเธอ เช่น พระเยซูเป็นเพื่อนกับมารีย์และมาร์ธาซึ่งในตอนนั้นทั้งสองน่าจะเป็นโสด (ลก. 10:38-42) สิ่งที่พระเยซูพูดและทำกับมารีย์และมาร์ธาทำให้พวกเธอรู้สึกสบายใจ เช่นมารีย์รู้สึกสบายใจที่จะนั่งแทบเท้าพระเยซูในฐานะสาวกคนหนึ่งของท่าน แล้วตอนที่มาร์ธาหงุดหงิดเพราะมารีย์ไม่ช่วยทำกับข้าว มาร์ธาก็กล้าบอกพระเยซูว่าเธอรู้สึกอย่างไร ตอนนั้นพระเยซูช่วยให้ทั้งสองคนได้เรียนเรื่องสำคัญหลายอย่าง และท่านแสดงว่าเป็นห่วงมาร์ธา มารีย์ และลาซารัสโดยกลับไปหาพวกเขาอีกหลายครั้ง (ยน. 12:1-3) เราจึงไม่แปลกใจที่มาร์ธาและมารีย์รู้ว่าพวกเธอไปขอความช่วยเหลือจากพระเยซูได้ตอนที่ลาซารัสป่วยหนัก—ยน. 11:3 ห20.09 น. 20 ว. 3; น. 21 ว. 6
วันอังคารที่ 16 สิงหาคม
พวกเขาคิดว่ารัฐบาลของพระเจ้าใกล้จะมาแล้ว—ลก. 19:11
สาวกของพระเยซู “คิดว่ารัฐบาลของพระเจ้าใกล้จะมาแล้ว” และหวังว่ารัฐบาลนี้จะช่วยพวกเขาให้เป็นอิสระจากการปกครองของพวกโรมัน เราก็รอคอยวันที่รัฐบาลของพระเจ้าจะกำจัดความชั่วให้หมดไปและรอคอยโลกใหม่ที่จะมีแต่คนที่เชื่อฟังพระองค์ (2 ปต. 3:13) แต่เราต้องมีความอดทนและรอคอยเวลาที่พระยะโฮวากำหนดไว้ พระยะโฮวาให้โนอาห์มีเวลาพอที่จะสร้างเรือและเตือนผู้คนเกี่ยวกับน้ำท่วมที่กำลังจะมา (2 ปต. 2:5; 1 ปต. 3:20) ถึงอับราฮัมจะถามพระยะโฮวาไม่หยุดเกี่ยวกับการทำลายคนชั่วในเมืองโสโดมและโกโมราห์ พระองค์ก็ยังอดทนฟังเขา (ปฐก. 18:20-33) ทั้ง ๆ ที่ชาวอิสราเอลไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาเป็นเวลาหลายร้อยปี พระองค์ก็ยังอดทนกับพวกเขามาก (นหม. 9:30, 31) ในทุกวันนี้ เราเห็นหลักฐานชัดเจนว่าพระยะโฮวาก็กำลังอดทนโดยให้เวลาทุกคน “กลับตัวกลับใจ” เพื่อมาหาพระองค์ (2 ปต. 3:9; ยน. 6:44; 1 ทธ. 2:3, 4) ตัวอย่างของพระยะโฮวาทำให้เราเห็นว่าเราควรอดทนตอนที่เราประกาศและสอนคนอื่นต่อ ๆ ไป ห20.09 น. 10 ว. 8-9
วันพุธที่ 17 สิงหาคม
ทั้งคนดีและคนชั่วจะฟื้นขึ้นจากตาย—กจ. 24:15
ตอนที่พระยะโฮวาปลุกคนให้ฟื้นขึ้นจากตาย พระองค์จะทำให้เขามีความทรงจำ มีนิสัยและบุคลิกเหมือนเดิม เรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจอะไร? เรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจว่าพระยะโฮวารักเรามากถึงขนาดที่จดจำรายละเอียดได้ทุกอย่าง ทั้งวิธีที่เราพูด วิธีที่เราคิด ความรู้สึกของเรา และสิ่งที่เราทำ ดังนั้นตอนที่พระองค์ปลุกเรา พระองค์ก็สามารถทำให้เรากลับมาเป็นคนเดิมได้อีกครั้ง กษัตริย์ดาวิดก็รู้ดีว่าพระยะโฮวาสนใจเราแต่ละคนมากแค่ไหน (สด. 139:1-4) การที่เรารู้ว่าพระยะโฮวาสนใจเราแบบนี้น่าจะมีผลอย่างไรกับเราในตอนนี้ เราไม่ควรกังวลที่ได้รู้ว่าพระยะโฮวารู้จักเราดีขนาดนี้ ทำไมล่ะ? อย่าลืมว่าพระยะโฮวาเป็นห่วงเรามาก และพระองค์มองว่าเราแต่ละคนมีค่ามากสำหรับพระองค์ พระองค์รู้ว่าที่เราเป็นคนแบบนี้ก็เพราะเราผ่านอะไรมาบ้างในชีวิต เรื่องนี้ให้กำลังใจเรามากจริง ๆ เพราะในแต่ละวันเราไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยว พระองค์จะอยู่เคียงข้างเราเสมอ จะช่วยเหลือเราทุกครั้งที่เราต้องการ—2 พศ. 16:9 ห20.08 น. 17 ว. 13-14
วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม
เราจะช่วยเจ้าให้มีความเข้าใจและจะบอกทางที่เจ้าควรไป—สด. 32:8
พระยะโฮวามีความสุขมากที่ได้สอนคนของพระองค์ พระองค์อยากให้พวกเขารู้จักพระองค์ รักพระองค์ และได้ชีวิตตลอดไป แต่ทั้งหมดนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้ถ้าพระองค์ไม่สอนพวกเขา (ยน. 17:3) ในศตวรรษแรก พระยะโฮวาใช้ประชาคมคริสเตียนเพื่อสอนคนของพระองค์ (คส. 1:9, 10) นอกจากนั้น พลังบริสุทธิ์ซึ่งเป็น “ผู้ช่วย” ที่พระเยซูสัญญาไว้ก็ช่วยสอนพวกสาวกด้วย (ยน. 14:16) พลังนี้ช่วยให้พวกสาวกเข้าใจพระคัมภีร์มากขึ้นและจำเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่พระเยซูสอนและทำ ซึ่งรายละเอียดหลายอย่างก็ถูกเขียนไว้ในหนังสือข่าวดีด้วย ความรู้เหล่านี้ช่วยให้คริสเตียนในศตวรรษแรกมีความเชื่อเข้มแข็งขึ้นและรักพระยะโฮวา รักลูกของพระองค์ และรักกันมากขึ้น พระยะโฮวาบอกไว้ล่วงหน้าว่าใน “สมัยสุดท้าย” คนจากทุกชาติจะมาที่ภูเขาของพระองค์เพื่อจะได้รับการสอนจากพระองค์ (อสย. 2:2, 3) ในทุกวันนี้เราก็เห็นว่าคำพยากรณ์นี้เป็นจริง ห20.10 น. 24 ว. 14-15
วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม
คนที่มีความเข้าใจจะยอมรับคำแนะนำที่ดี—สภษ. 1:5
ทำไมบางคนถึงไม่ยอมฟังคำแนะนำที่มาจากเพื่อนที่รักเขา? ก็เพราะความหยิ่งนั่นเอง คนหยิ่งจะฟังแต่ “เรื่องที่พวกเขาอยากฟัง” พวกเขาจะ “เลิกฟังความจริง” (2 ทธ. 4:3, 4) พวกเขาคิดว่าตัวเองเก่ง คิดว่าตัวเองสำคัญกว่าคนอื่น และไม่ต้องให้ใครมาสอน แต่อัครสาวกเปาโลบอกว่า “ถ้าใครคิดว่าตัวเองสำคัญทั้ง ๆ ที่เขาไม่สำคัญ คนนั้นก็กำลังหลอกตัวเอง” (กท. 6:3) กษัตริย์โซโลมอนพูดเรื่องนี้ได้อย่างดีมากว่า “เด็กที่ยากจนแต่ฉลาดก็ดีกว่ากษัตริย์ที่อายุมากแต่โง่และไม่ยอมฟังคำเตือนอีกต่อไป” (ปญจ. 4:13) ขอให้ลองคิดถึงตัวอย่างของเปโตรตอนที่เขาถูกเปาโลว่า (กท. 2:11-14) เปโตรอาจจะโกรธเปาโลก็ได้ว่าทำไมเปาโลถึงมาว่าเขาต่อหน้าคนอื่นและไม่ชอบวิธีที่เปาโลพูดกับเขา แต่เปโตรฉลาด เขายอมรับคำแนะนำของเปาโลและไม่ได้แค้นเปาโลไม่หาย ทีหลังเปโตรเรียกเปาโลว่าเป็น “พี่น้องที่รัก” ของเขา—2 ปต. 3:15 ห20.11 น. 21 ว. 9, 11-12
วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม
ไปสอนคน . . . ให้เป็นสาวก—มธ. 28:19, 20
อะไรจะช่วยให้นักศึกษาก้าวหน้า? ก็โดยการที่เขาไปประชุม เรื่องที่สอนในการประชุมจะช่วยให้เขามีความรู้ในคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้น ช่วยให้เขามีความเชื่อเข้มแข็งขึ้น และช่วยให้เขารักพระยะโฮวามากขึ้น (กจ. 15:30-32) นอกจากนั้น พี่น้องอาจเล่าให้ฟังว่าพอเขารักพระยะโฮวามากขึ้น เขาก็ทำตามคำสั่งของพระองค์ได้ (2 คร. 7:1; ฟป. 4:13) เมื่อนักศึกษาได้รู้จักกับพี่น้องหลาย ๆ คนที่รับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ นั่นก็ทำให้เขาได้เรียนจากประสบการณ์ของพี่น้องเหล่านี้ว่าการทำตามคำสั่งของพระเยซูที่ให้รักพระเจ้าและรักคนอื่นนั้นหมายความว่าอย่างไรจริง ๆ (ยน. 13:35; 1 ทธ. 4:12) นักศึกษาจะเรียนได้จากตัวอย่างของพี่น้องที่มีปัญหาคล้าย ๆ กันกับเขาว่าเขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อจะเป็นสาวกของพระคริสต์ได้เหมือนกัน (ฉธบ. 30:11) เราเห็นชัดว่าพี่น้องทุกคนในประชาคมมีส่วนในการช่วยนักศึกษาให้ก้าวหน้ามากขึ้นได้—มธ. 5:16 ห20.11 น. 5 ว. 10-12
วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม
ผมสู้กับสัตว์ร้ายในเมืองเอเฟซัส—1 คร. 15:32
เปาโลอาจจะพูดถึงการต่อสู้กับสัตว์จริง ๆ ในสนามกีฬาที่เมืองเอเฟซัส (2 คร. 1:8; 4:10; 11:23) หรือบางทีเขาอาจจะพูดถึงการต่อต้านจากคนยิวและคนอื่น ๆ ที่เป็นเหมือนกับ “สัตว์ร้าย” (กจ. 19:26-34; 1 คร. 16:9) ไม่ว่าจะแบบไหน เปาโลก็ต้องเจอเรื่องที่อันตรายมากแน่ ๆ แต่เขาก็ยังมองไปที่อนาคตในแง่บวก (1 คร. 15:30, 31; 2 คร. 4:16-18) เราอยู่ในช่วงเวลาที่อันตรายมาก พี่น้องของเราบางคนตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรม และบางคนก็อยู่ในที่ที่มีสงครามซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยเลย ส่วนพี่น้องอีกหลายคนอยู่ในประเทศที่งานของเราถูกสั่งห้ามหรือไม่มีอิสระเต็มที่ แต่พวกเขาก็ยังรับใช้พระยะโฮวาทั้ง ๆ ที่รู้ว่าการทำแบบนั้นอาจทำให้พวกเขาถูกจับหรือถูกฆ่าก็ได้ พวกเขาทั้งหมดยังนมัสการพระยะโฮวาต่อไปและเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมให้กับพวกเรา พวกเขาไม่กลัวเพราะพวกเขารู้ว่าถึงตอนนี้พวกเขาจะตาย แต่พระยะโฮวาสัญญาว่าจะให้สิ่งที่ดีกว่ากับพวกเขาในอนาคต ห20.12 น. 9 ว. 3-4
วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม
เราเป็นเพื่อนร่วมงานของพระเจ้า พวกคุณเป็นไร่นาที่พระเจ้าเพาะปลูกและเป็นบ้านที่พระองค์สร้าง—1 คร. 3:9
คุณเคยท้อใจไหมเพราะไปประกาศก็ไม่มีคนสนใจ หรือไม่ค่อยเจอใครที่บ้าน? ถ้าเป็นอย่างนั้นอะไรจะช่วยให้เรายังมีความสุขอยู่หรือมีความสุขมากขึ้นได้ในการรับใช้? วิธีที่เรามองงานรับใช้อย่างถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญ นั่นหมายถึงอะไร? จำไว้ว่าเหตุผลหลักที่เราประกาศก็คือช่วยคนอื่นให้รู้จักชื่อพระเจ้าและรัฐบาลของพระองค์ พระเยซูบอกว่าจะมีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะอยู่บนทางที่นำไปถึงชีวิต (มธ. 7:13, 14) เป็นสิทธิพิเศษมากสำหรับเราด้วยที่ได้ทำงานรับใช้ร่วมกับพระยะโฮวา พระเยซู และทูตสวรรค์ (มธ. 28:19, 20; วว. 14:6, 7) นอกจากนั้น พระยะโฮวาเป็นผู้ที่ชักนำคนที่มีหัวใจดีให้เข้ามาหาพระองค์ (ยน. 6:44) ดังนั้นถ้าเราประกาศแล้วเขาไม่สนใจ เราก็ไม่ต้องท้อใจ ไม่แน่คราวหน้าเขาอาจจะสนใจก็ได้ พี่น้องหญิงที่ชื่อเดโบราห์บอกว่า “ความท้อใจเป็นอาวุธที่ร้ายกาจมากของซาตาน” แต่ไม่ว่าอาวุธของซาตานร้ายกาจมากแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะสู้พระยะโฮวาได้ ห20.12 น. 26 ว. 18-19 น. 27 ว. 21
วันอังคารที่ 23 สิงหาคม
ให้เรารักกันเรื่อยไป เพราะความรักมาจากพระเจ้า—1 ยน. 4:7
พี่น้องที่ซื่อสัตย์หลายคนต้องทำงานเต็มเวลาเพื่อหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังพยายามสนับสนุนองค์การของพระเจ้ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น บางคนช่วยงานบรรเทาทุกข์ ส่วนบางคนก็ช่วยโครงการก่อสร้าง และทุกคนก็มีโอกาสช่วยบริจาคสำหรับงานทั่วโลกด้วย พวกเขาทำแบบนี้เพราะพวกเขารักพระเจ้าและรักคนอื่น ทุกสัปดาห์เราทุกคนก็แสดงว่ารักพี่น้องด้วยโดยไปประชุมและมีส่วนร่วมในการประชุม ถึงเราจะเหนื่อยเราก็ไม่ขาดประชุม ถึงเราจะรู้สึกตื่นเต้นหรือกลัว แต่เราก็ออกความคิดเห็นด้วย และถึงเราแต่ละคนมีปัญหาในชีวิต เราก็ยังพยายามให้กำลังใจพี่น้องคนอื่น ๆ ทั้งก่อนและหลังประชุม (ฮบ. 10:24, 25) เราเห็นค่าสิ่งที่พี่น้องของเราทำจริง ๆ ห21.01 น. 10 ว. 11
วันพุธที่ 24 สิงหาคม
อย่าถือว่าตัวเองสำคัญกว่าคนอื่น—กท. 5:26
คนหยิ่งไม่ชอบชมเชยคนอื่น พวกเขาชอบให้คนอื่นมายกย่อง พวกเขาชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นและมีนิสัยชอบแข่งขัน แทนที่จะฝึกและให้หน้าที่รับผิดชอบกับคนอื่น คนหยิ่งมักจะพูดว่า “ถ้าอยากให้มันออกมาดี ฉันก็ต้องทำเอง” คนหยิ่งอยากให้ตัวเองสำคัญกว่าคนอื่นและมักจะอิจฉาเมื่อเห็นคนอื่นทำได้ดีกว่าเขา คนแบบนี้เป็นเพื่อนกับใครได้ไม่นาน ถ้าเราสังเกตว่าตัวเองเป็นคนหยิ่ง เราต้องอธิษฐานอย่างจริงจังขอให้พระยะโฮวาช่วยให้เราเปลี่ยนความคิดใหม่ เพื่อเราจะไม่ให้นิสัยที่ไม่ดีแบบนี้ฝังลึกอยู่ในตัวเรา (รม. 12:2) เราขอบคุณพระยะโฮวาจริง ๆ สำหรับตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของพระองค์ (สด. 18:35) เราเห็นว่าพระยะโฮวาถ่อมตัวตอนที่พระองค์ปฏิบัติกับคนที่เป็นผู้รับใช้และเราอยากเลียนแบบพระองค์ นอกจากนั้นเราอยากเลียนแบบตัวอย่างที่ดีของผู้รับใช้ที่เจียมตัวของพระเจ้าซึ่งมีบันทึกในคัมภีร์ไบเบิล พวกเขาได้รับสิทธิพิเศษได้เดินกับพระองค์ ขอเราให้เกียรติและยกย่องสรรเสริญพระเจ้าเสมอ—วว. 4:11 ห20.08 น. 13 ว. 19-20
วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม
คนที่แต่งงานจะมีความยุ่งยากในชีวิต—1 คร. 7:28
ชีวิตคู่เป็นของขวัญที่สมบูรณ์แบบจากพระเจ้าแต่คนเราไม่สมบูรณ์แบบ (1 ยน. 1:8) คัมภีร์ไบเบิลก็เลยบอกว่าคนที่แต่งงานจะเจอปัญหาหรือ “ความยุ่งยากในชีวิต” พระยะโฮวาบอกให้สามีดูแลครอบครัวด้านความเชื่อ ด้านความรู้สึก และด้านร่างกาย (1 ทธ. 5:8) แต่ภรรยาเองต้องจัดเวลาเพื่อจะอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวัน คิดใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องที่เธออ่าน และอธิษฐานถึงพระยะโฮวาจากใจด้วย แต่นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะภรรยาอาจจะยุ่งกับหลายอย่างมากจนรู้สึกว่าไม่มีเวลาหรือไม่มีแรงทำสิ่งเหล่านี้ แต่เป็นเรื่องสำคัญมากที่เธอจะจัดเวลา เพราะอะไร? เพราะพระยะโฮวาอยากให้ทุกคนสร้างสายสัมพันธ์กับพระองค์และสนิทกับพระองค์มากขึ้นเรื่อย ๆ (กจ. 17:27) มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ภรรยาจะยอมอยู่ใต้อำนาจสามีที่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่ถ้าเธอเข้าใจเหตุผลต่าง ๆ ที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิลและยอมรับเหตุผลเหล่านั้น มันก็จะช่วยให้เธอยอมอยู่ใต้อำนาจสามีของเธอได้ง่ายขึ้น ห21.02 น. 9 ว. 3, 6-7
วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม
เมื่อความเชื่อของพวกคุณผ่านการทดสอบแล้ว จะทำให้เกิดความอดทน—ยก. 1:3
ปัญหาที่เราเจอเป็นเหมือนกับไฟที่เอาไว้ตีดาบ เมื่อดาบที่ทำจากเหล็กผ่านความร้อนและความเย็น มันก็จะแข็งขึ้น เหมือนกันเมื่อเราเจอปัญหา ความเชื่อของเราก็จะเข้มแข็งขึ้น เพราะอย่างนี้ยากอบถึงเขียนว่า “ให้อดทนจนถึงที่สุดเพราะนั่นจะเป็นการฝึกตัวคุณ เพื่อพวกคุณจะเป็นคนดีพร้อม” (ยก. 1:4) พอเราเห็นว่าปัญหาที่เราเจอทำให้ความเชื่อของเราเข้มแข็งขึ้น เราก็จะอดทนกับปัญหาเหล่านั้นได้อย่างมีความสุข ในจดหมายของยากอบ เขาพูดถึงบางอย่างที่อาจทำให้เราไม่มีความสุข อย่างหนึ่งก็คือไม่รู้จะตัดสินใจยังไงดี ตอนที่เราเจอปัญหา เราอยากจะตัดสินใจในแบบที่ทำให้พระยะโฮวาพอใจ เป็นผลดีกับพี่น้อง และทำให้เรายังรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาได้ (ยรม. 10:23) เราต้องมีสติปัญญาเพื่อจะรู้ว่าเราควรตัดสินใจยังไงและรู้ว่าเราควรพูดอะไรกับคนที่ต่อต้านเรา ถ้าเราไม่รู้ว่าจะทำยังไง เราก็อาจจะรู้สึกท้อใจและไม่มีความสุข ห21.02 น. 28 ว. 7-9
วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม
รักกันอย่างสุดหัวใจ—1 ปต. 1:22
พระยะโฮวาเป็นตัวอย่างให้เราในเรื่องนี้ พระยะโฮวารักเรามากถึงขนาดที่ไม่มีอะไรจะมาขัดขวางความรักของพระองค์ได้ และถ้าเราภักดีต่อพระองค์ พระองค์จะไม่มีวันเลิกรักเราเลย (รม. 8:38, 39) คำภาษากรีกที่แปลในข้อนี้ว่า “สุดหัวใจ” ทำให้คิดถึงการเหยียดจนสุดและออกแรงมากกว่าปกติ บางครั้งเราก็อาจจะต้องออกความพยายามมากกว่าปกติเพื่อจะแสดงความรักกับพี่น้อง เช่น ตอนที่คนอื่นทำให้เราโกรธหรือเสียใจ เราต้อง “ยอมทนกันและกันด้วยความรัก พยายามเต็มที่ที่จะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันด้วยพลังของพระเจ้า และมีสันติสุขที่ผูกพันคนเราให้เป็นหนึ่งเดียว” (อฟ. 4:1-3) เราจะมองข้ามความผิดพลาดของพี่น้อง และจะพยายามที่จะมองพวกเขาอย่างที่พระยะโฮวามอง (1 ซม. 16:7; สด. 130:3) บางครั้งอาจจะไม่ง่ายที่เราจะแสดงความรักกับพี่น้องโดยเฉพาะตอนที่เรารู้ข้อเสียของพวกเขา เรื่องนี้ก็ไม่ง่ายเหมือนกันสำหรับพี่น้องในศตวรรษแรก อย่างที่เราเห็นได้จากกรณีของยูโอเดียกับสินทิเค เปาโลบอกพวกเขา “ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในฐานะสาวกของผู้เป็นนาย”—ฟป. 4:2, 3 ห21.01 น. 22-23 ว. 10-11
วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม
พวกคุณที่เป็นคนหนุ่ม ผมเขียนถึงพวกคุณเพราะพวกคุณเข้มแข็งและถ้อยคำของพระเจ้าอยู่ในใจพวกคุณ และพวกคุณชนะซาตานตัวชั่วร้ายแล้ว—1 ยน. 2:14
พี่น้องชายวัยรุ่น ผู้ใหญ่ในประชาคมเห็นค่าคุณและดีใจที่ได้รับใช้ “เคียงบ่าเคียงไหล่” กับคุณ (ศฟย. 3:9) พวกเขาชอบที่คุณมีแรงมีกำลัง ขยัน และกระตือรือร้นในงานมอบหมายที่คุณได้รับ พวกเขารักคุณมากจริง ๆ พี่น้องชายวัยรุ่น จำไว้ว่าพระยะโฮวารักและไว้ใจคุณมาก พระองค์บอกไว้ล่วงหน้าว่าในสมัยสุดท้ายจะมีกองทัพของคนหนุ่มที่เต็มใจรับใช้พระองค์ (สด. 110:1-3) พระองค์รู้ว่าคุณรักพระองค์และอยากจะรับใช้พระองค์อย่างดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ ดังนั้นขอให้คุณอดทนกับคนอื่นและอดทนกับตัวเองด้วย และถ้าคุณทำผิดพลาด ให้ยอมรับการอบรมสั่งสอนและมองว่าคำแนะนำนั้นมาจากพระยะโฮวา (ฮบ. 12:6) ให้คุณขยันทำงานมอบหมายทุกอย่างที่คุณได้รับ และที่สำคัญที่สุด ให้คุณทำทุกอย่างแบบที่พ่อในสวรรค์ของคุณจะภูมิใจในตัวคุณ—สภษ. 27:11 ห21.03 น. 7 ว. 17-18
วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม
ถ้าคุณท้อแท้ในเวลาที่มีปัญหา กำลังเรี่ยวแรงของคุณก็จะน้อย—สภษ. 24:10, เชิงอรรถ
อาจมีหลายอย่างที่ทำให้เรารู้สึกท้อใจ ซึ่งสาเหตุอาจจะมาจากตัวเราเองไม่ว่าจะเป็นความไม่สมบูรณ์แบบ จุดอ่อน หรือปัญหาสุขภาพ หรืออาจจะมาจากสิ่งอื่นก็ได้ เช่น เมื่อเราไม่ได้ทำงานมอบหมายที่อยากทำ หรือต้องอยู่ในเขตที่ผู้คนไม่ค่อยจะสนใจฟังข่าวดี อาจเป็นเรื่องง่ายที่เราจะรู้สึกแย่กับตัวเองและรู้สึกผิดมากเกินไป พอเป็นอย่างนั้นเราเลยอาจรู้สึกว่าพระยะโฮวาคงไม่อยากให้เราเข้าโลกใหม่แน่ ๆ แต่ความคิดแบบนี้อันตรายมากสำหรับเรา คัมภีร์ไบเบิลบอกว่ามนุษย์ “ทุกคนทำบาป” มีแต่พระเยซูเท่านั้นที่เป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ (รม. 3:23) แต่พระยะโฮวาไม่ได้คอยจ้องจับผิดเราและไม่ได้คาดหมายความสมบูรณ์แบบจากเรา พระองค์เป็นพ่อที่รักและอยากจะช่วยเรา และพระองค์ยังอดทนกับเราด้วย พระองค์รู้ว่าเรากำลังสู้กับจุดอ่อนและพยายามที่จะไม่รู้สึกผิดกับตัวเองมากเกินไป และพระองค์ก็พร้อมจะช่วยเราเสมอ—รม. 7:18, 19 ห20.12 น. 22 ว. 1-3
วันอังคารที่ 30 สิงหาคม
สุดท้ายนี้ พี่น้องครับ ขอให้ชื่นชมยินดีเสมอ ปรับความคิดของพวกคุณใหม่—2 คร. 13:11
ชีวิตก็เหมือนการเดินทาง และจุดหมายปลายทางของพวกเราทุกคนก็คือโลกใหม่ที่พระยะโฮวาจะปกครองเราด้วยความรัก ทุกวันเราพยายามเดินอยู่บนทางที่นำไปถึงชีวิต แต่พระเยซูบอกว่าทางนี้เป็นทางแคบและบางครั้งก็เดินไม่ง่าย (มธ. 7:13, 14) เพราะเราไม่สมบูรณ์ก็เลยเป็นเรื่องง่ายที่เราจะเดินออกนอกลู่นอกทาง (กท. 6:1) เราอยากอยู่บนทางที่นำไปถึงชีวิตและไม่ออกไปจากทางนั้น เราต้องเต็มใจเปลี่ยนความคิดและการกระทำของเรา อัครสาวกเปาโลบอกให้เรา ‘ปรับความคิดใหม่’ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะตรวจสอบความคิดและความรู้สึกของตัวเราเอง เพราะอะไร? ก็เพราะหัวใจเราทรยศ และหลายครั้งเราไว้ใจหัวใจตัวเองไม่ได้ (ยรม. 17:9) มันก็เลยง่ายที่เราจะ “หลอกตัวเองด้วยการคิดหาเหตุผลผิด ๆ” (ยก. 1:22) เราเลยต้องใช้คัมภีร์ไบเบิลเพื่อตรวจสอบตัวเอง คัมภีร์ไบเบิลทำให้เรารู้ว่าตัวตนข้างในเราเป็นอย่างไร และรู้ “ความคิดและเจตนาในใจ” ของเรา—ฮบ. 4:12, 13 ห20.11 น. 18 ว. 1-3
วันพุธที่ 31 สิงหาคม
ริเริ่มให้เกียรติคนอื่นก่อน—รม. 12:10
ถ้าเราเป็นคนถ่อมและเจียมตัว เราจะมีความสุขมากกว่า เพราะอะไร? เพราะคนเจียมตัวยอมรับว่าตัวเองมีขีดจำกัดและมีหลายอย่างที่เขาทำไม่ได้ แต่พอมีคนมาช่วย เขาจะเห็นค่าความช่วยเหลือนั้น และนี่ทำให้เขามีความสุขมากกว่า ตัวอย่างเช่น ลองคิดถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูรักษาผู้ชายโรคเรื้อน 10 คน มีแค่คนเดียวที่กลับมาขอบคุณพระเยซูที่รักษาเขาให้หายจากโรคร้ายซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่มีทางทำได้ด้วยตัวเอง ผู้ชายที่ถ่อมและเจียมตัวคนนี้เห็นค่าความช่วยเหลือที่ได้รับ และนี่ทำให้เขาสรรเสริญพระเจ้า (ลก. 17:11-19) คนถ่อมและเจียมตัวจะเข้ากับคนอื่นและมีเพื่อนสนิทได้ง่ายกว่า เพราะอะไร? เพราะคนถ่อมและเจียมตัวยอมรับจากใจว่าคนอื่นมีข้อดีและเชื่อมั่นในตัวคนอื่น นอกจากนั้น เมื่อพวกเขาเห็นคนอื่นทำงานมอบหมายได้ดี พวกเขาก็มีความสุข พวกเขาจะเข้าไปชมเชยและดีใจกับคนนั้นทันที คนที่ถ่อมและเจียมตัวยังชอบให้เกียรติคนอื่นด้วย ห20.08 น. 12 ว. 17-18