พฤศจิกายน
วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน
คนที่ตอบก่อนได้ยินข้อเท็จจริง ก็ทำเรื่องโง่และน่าอับอาย—สภษ. 18:13
เราไม่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโยนาห์ เราเลยอาจคิดว่าเขาเป็นคนไว้ใจไม่ได้หรือเป็นคนไม่ภักดีด้วยซ้ำ โยนาห์ได้รับคำสั่งจากพระยะโฮวาให้ประกาศคำพิพากษากับเมืองนีนะเวห์ แต่แทนที่เขาจะเชื่อฟัง เขากลับขึ้นเรือไปอีกทาง “เพื่อจะหนีพระยะโฮวา” (ยนา. 1:1-3) ถ้าเป็นคุณ คุณจะให้โอกาสโยนาห์อีกไหม? อาจจะไม่ แต่พระยะโฮวาเห็นเหตุผลที่จะให้เขาทำงานนี้ต่อไป (ยนา. 3:1, 2) เราเห็นว่าโยนาห์เป็นคนอย่างไรจริง ๆ จากคำอธิษฐานของเขา (ยนา. 2:1, 2, 9) โยนาห์คงอธิษฐานหลายครั้ง แต่คำอธิษฐานของเขาตอนที่อยู่ในท้องปลาทำให้เราเข้าใจว่าเขาไม่ใช่แค่คนที่หนีงานมอบหมาย คำพูดของโยนาห์แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนถ่อม สำนึกบุญคุณ และตั้งใจเชื่อฟังพระยะโฮวา เลยไม่แปลกที่พระองค์จะมองข้ามความผิดพลาดของโยนาห์ ตอบคำอธิษฐานของเขา และใช้เขาให้เป็นผู้พยากรณ์ต่อไป เราเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ ที่ผู้ดูแลแต่ละคนจะ “ได้ยินข้อเท็จจริง” ก่อนที่จะแนะนำคนอื่น ห20.04 น. 15 ว. 4-6
วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน
[เปาโล] ยกเหตุผลจากพระคัมภีร์คุยกับพวกนั้น . . . อธิบายและใช้ข้อคัมภีร์หลายข้อ—กจ. 17:2, 3
สาวกในศตวรรษแรกเต็มใจยอมรับคำสอนเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และพวกเขาพึ่งพลังบริสุทธิ์เพื่อช่วยให้เข้าใจพระคัมภีร์ และพวกเขาศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเองเพื่อจะพิสูจน์ว่าคำสอนเหล่านี้มาจากพระคัมภีร์จริง ๆ (กจ. 17:11, 12; ฮบ. 5:14) ความเชื่อของพวกเขาไม่ได้มาจากอารมณ์ความรู้สึกเท่านั้น และพวกเขาไม่ได้รับใช้พระยะโฮวาแค่เพราะรู้สึกดีตอนที่ได้อยู่กับพี่น้อง แต่พวกเขามีความเชื่อเพราะมี “ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระเจ้า” (คส. 1:9, 10) ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลไม่มีวันเปลี่ยนแปลง (สด. 119:160) ตัวอย่างเช่น ถึงจะมีพี่น้องบางคนทำผิดร้ายแรงหรือทำให้เราเสียใจ หรือเราอาจจะเจอปัญหาอะไรก็ตาม ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราต้องรู้คำสอนในคัมภีร์ไบเบิลเป็นอย่างดีและมั่นใจว่าคำสอนนั้นเป็นความจริง เหมือนกับสมอเรือที่ช่วยเรือไว้ตอนที่เจอพายุโหมกระหน่ำ ความเชื่อที่เข้มแข็งซึ่งมาจากความจริงในคัมภีร์ไบเบิลก็จะช่วยเราให้มั่นคงไม่หวั่นไหวเมื่อเจอการทดสอบ ห20.07 น. 9 ว. 6-7
วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน
พระเยซูสั่งพวกผมให้ประกาศกับผู้คนและเป็นพยานยืนยันให้รู้ทั่วกัน—กจ. 10:42
พระเยซูมองว่าสิ่งที่เราทำให้ผู้ถูกเจิมที่เป็นพี่น้องของท่านก็เหมือนเราทำให้ท่าน (มธ. 25:34-40) วิธีหลักที่จะสนับสนุนผู้ถูกเจิมก็คือการสอนคนให้เป็นสาวกอย่างสุดความสามารถซึ่งนั่นเป็นงานที่พระเยซูสั่งสาวกให้ทำ (มธ. 28:19, 20) เพราะพี่น้องของพระคริสต์ได้รับความช่วยเหลือจาก “แกะอื่น” พวกเขาถึงทำงานประกาศทั่วโลกสำเร็จได้ (ยน. 10:16) ถ้าคุณเป็นแกะอื่น ทุกครั้งที่คุณทำงานประกาศและสอน คุณไม่ได้แสดงความรักต่อพี่น้องของพระคริสต์เท่านั้น แต่คุณยังได้แสดงความรักต่อพระเยซูด้วย อีกวิธีหนึ่งที่เราจะเป็นเพื่อนกับพระยะโฮวาและพระเยซูก็คือการบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนงานที่ทั้งสองกำลังชี้นำ (ลก. 16:9) เช่น เราสามารถบริจาคสำหรับงานทั่วโลกได้ ซึ่งเงินบริจาคนั้นจะเอาไปช่วยงานประกาศข่าวดีในที่ห่างไกล ช่วยสร้างและดูแลอาคารต่าง ๆ ที่ใช้ในการนมัสการแท้ และช่วยพี่น้องที่เจอภัยพิบัติ นอกจากนั้น เรายังสามารถบริจาคเพื่อช่วยค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของประชาคม และเราเองก็สามารถช่วยพี่น้องที่เรารู้ว่ากำลังเดือดร้อน—สภษ. 19:17 ห20.04 น. 24 ว. 12-13
วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน
เขาจะไม่สนใจพระเจ้าของบรรพบุรุษ . . . เขาจะยกย่องพระแห่งป้อมปราการแทน—ดนล. 11:37, 38
คำพยากรณ์นี้บอกว่ากษัตริย์ทิศเหนือ “ไม่สนใจพระเจ้าของบรรพบุรุษ” เลย เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงอย่างไร? สหภาพโซเวียตมีเป้าหมายที่จะกำจัดศาสนาให้สิ้นซากโดยพยายามทำให้องค์การทางศาสนาไม่มีอำนาจอีกต่อไป และเพื่อจะบรรลุเป้าหมายนี้ ตั้งแต่ปี 1918 รัฐบาลโซเวียตได้สั่งให้โรงเรียนต่าง ๆ สอนความเชื่อแบบอเทวนิยมซึ่งเป็นความเชื่อที่ว่าไม่มีพระเจ้า แล้วกษัตริย์ทิศเหนือ “ยกย่องพระแห่งป้อมปราการ” อย่างไร? สหภาพโซเวียตใช้เงินจำนวนมากเพื่อสร้างกองทัพและผลิตอาวุธนิวเคลียร์เพื่อจะทำให้อำนาจของตัวเองแข็งแกร่งมากขึ้น จริง ๆ แล้วกษัตริย์ทิศเหนือและกษัตริย์ทิศใต้มีอาวุธจำนวนมากขนาดที่สามารถฆ่าคนเป็นพัน ๆ ล้านได้ กษัตริย์ทิศเหนือร่วมมือและสนับสนุนกษัตริย์ทิศใต้ในการทำสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่ง พวกเขา “ตั้งสิ่งน่ารังเกียจซึ่งทำให้เกิดความรกร้างว่างเปล่าขึ้น” ซึ่งก็คือองค์การสหประชาชาติ ห20.05 น. 6-7 ว. 16-17
วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน
น้องของลูก . . . เคยหลงหายไปแต่ตอนนี้เจอแล้ว—ลก. 15:32
ใครจะตามหาคนที่เลิกประชุมเลิกประกาศได้บ้าง? เราทุกคนช่วยได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแล ไพโอเนียร์ ครอบครัวของเขา และพี่น้องทุกคนในประชาคม คุณมีเพื่อนหรือญาติที่เลิกประกาศไหม? ตอนที่ไปประกาศตามบ้านหรือประกาศสาธารณะ คุณเคยเจอคนที่เลิกประชุมเลิกประกาศไหม? ถ้าคุณเจอเขาและเขาเต็มใจให้เบอร์โทรศัพท์หรือข้อมูลติดต่อ คุณก็สามารถเอาข้อมูลนั้นให้ผู้ดูแลในประชาคมคุณได้ ผู้ดูแลที่ชื่อโทมัสบอกว่า “ตอนแรก ผมจะถามพี่น้องหลาย ๆ คนว่าพวกเขารู้จักพี่น้องที่เลิกประชุมเลิกประกาศไหม และจะถามว่าพวกเขาพอจะรู้ไหมว่าตอนนี้พี่น้องที่เลิกประชุมเลิกประกาศอยู่ที่ไหน พี่น้องที่เลิกประชุมเลิกประกาศบางคนมีญาติ ๆ หรือว่าลูกที่เคยมาประชุมด้วย และลูก ๆ ของพวกเขาบางคนก็อาจเคยเป็นผู้ประกาศเหมือนกัน พอผมไปเยี่ยมพี่น้องเหล่านี้ ผมก็จะถามหาพวกเขาด้วย เพื่อผมจะสามารถช่วยพวกเขาให้กลับมาหาพระยะโฮวาได้” ห20.06 น. 24 ว. 1; น. 25 ว. 6-7
วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน
ผมจะนึกถึงสิ่งที่ยาห์ทำ ผมจะนึกถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์ทำเมื่อนานมาแล้ว—สด. 77:11
ในสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลก มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่มีความสามารถในการเรียนรู้ศีลธรรมโดยการจำและวิเคราะห์เหตุการณ์ในอดีต ความสามารถนี้ช่วยให้เราเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีที่เราใช้ชีวิต และทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นได้ (1 คร. 6:9-11; คส. 3:9, 10) ที่จริง เราสามารถฝึกความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเพื่อแยกว่าอะไรถูกอะไรผิดได้ (ฮบ. 5:14) เราสามารถเรียนวิธีแสดงความรัก ความเห็นอกเห็นใจ และความเมตตาได้ นอกจากนั้น เราเลียนแบบความยุติธรรมของพระยะโฮวาได้ด้วย วิธีหนึ่งที่เราจะแสดงว่าเห็นค่าความสามารถในการจำซึ่งเป็นของขวัญจากพระเจ้าก็คือ พยายามจำทุกเรื่องราวที่พระยะโฮวาเคยให้กำลังใจและช่วยเราในอดีต การทำอย่างนี้จะช่วยให้เรามั่นใจว่าพระองค์จะช่วยเราในอนาคตด้วย (สด. 77:12; 78:4, 7) อีกวิธีหนึ่งคือ พยายามคิดถึงสิ่งดี ๆ ที่คนอื่นทำให้เราและเห็นค่าสิ่งที่เขาทำ นักวิจัยหลายคนพบว่าคนที่รู้จักเห็นค่ามักจะมีความสุขมากกว่า ห20.05 น. 23 ว. 12-13
วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน
เกรงกลัวชื่อของพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณซึ่งเป็นชื่อที่สูงส่งและน่าเกรงขาม—ฉธบ. 28:58
ลองคิดดูว่าโมเสสจะรู้สึกอย่างไรตอนที่เขาอยู่ในซอกหินและเห็นรัศมีของพระยะโฮวาผ่านเขาไป นี่น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ก่อนที่พระเยซูจะมาบนโลก ตอนนั้น โมเสสได้ยินคำพูดซึ่งน่าจะมาจากทูตสวรรค์ว่า “พระยะโฮวา พระยะโฮวา พระเจ้าที่เมตตา สงสาร ไม่โกรธง่าย รักใครก็รักมั่นคง และรักษาคำพูดเสมอ พระองค์มีความรักที่มั่นคงไม่ว่าจะผ่านไปกี่พันชั่วอายุคน พระองค์ให้อภัยความผิดและบาป” (อพย. 33:17-23; 34:5-7) ตอนที่โมเสสพูดถึงชื่อพระยะโฮวาในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ เขาคงคิดถึงเหตุการณ์นี้แน่ ๆ เมื่อเราคิดถึงชื่อของพระยะโฮวา เราก็ควรจะคิดใคร่ครวญว่าพระองค์เป็นพระเจ้าแบบไหนด้วย เราน่าจะคิดถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์ เช่น อำนาจ สติปัญญา ความยุติธรรม และความรักของพระองค์ ถ้าเราคิดถึงคุณลักษณะเหล่านี้รวมถึงคุณลักษณะอื่น ๆ ด้วยก็จะช่วยให้เราเกรงกลัวพระยะโฮวามากขึ้น—สด. 77:11-15 ห20.06 น. 8-9 ว. 3-4
วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน
ให้ทำตามสิ่งที่ได้เรียนรู้จนมั่นใจแล้วต่อ ๆ ไป—2 ทธ. 3:14
พระเยซูบอกสาวกว่าคนอื่นจะรู้ว่าพวกเขาเป็นสาวกของท่านเพราะความรักที่พวกเขามีให้กัน (ยน. 13:34, 35) แต่ถ้าเราจะมีความเชื่อที่เข้มแข็ง เราต้องมีอะไรมากกว่านั้น ความเชื่อของเราไม่ควรมาจากการที่เราเห็นคนของพระเจ้ารักกันเท่านั้น ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? ลองคิดดูว่าถ้าพี่น้องที่เป็นผู้ดูแลหรือไพโอเนียร์ทำผิดร้ายแรง หรือมีพี่น้องบางคนมาทำให้คุณเสียใจ หรือคนที่ทรยศพระเจ้าบอกว่าสิ่งที่คุณเชื่อไม่เป็นความจริง ถ้าคุณเชื่อพระเจ้าเพราะประทับใจความรักในระหว่างพี่น้องเท่านั้น เป็นไปได้ไหมที่คุณจะเลิกรับใช้พระองค์? จุดสำคัญก็คือ ความเชื่อที่เข้มแข็งขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่คุณมีต่อพระยะโฮวา ถ้าคุณเชื่อพระเจ้าแค่เพราะสิ่งที่คนอื่นทำไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ที่คุณมีกับพระองค์ ความเชื่อของคุณก็จะไม่เข้มแข็ง ถ้าคุณสร้างบ้าน คุณคงเลือกใช้วัสดุที่แข็งแรงทนทานใช่ไหม? เหมือนกันกับการสร้างความเชื่อ คุณคงไม่สร้างความเชื่อจากอารมณ์ความรู้สึกที่เหมือนกับวัสดุที่เปราะบางเท่านั้น แต่คุณจะสร้างความเชื่อจากข้อเท็จจริงและเหตุผลที่เป็นเหมือนกับวัสดุที่แข็งแรงทนทานด้วย คุณต้องตรวจดูให้แน่ใจว่าคัมภีร์ไบเบิลสอนความจริงเกี่ยวกับพระยะโฮวา—รม. 12:2 ห20.07 น. 8 ว. 2-3
วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน
ช่วยคนที่อ่อนแอ—กจ. 20:35
มีหลายประสบการณ์ที่ทำให้เห็นว่าทูตสวรรค์กำลังช่วยเราหาคนที่เลิกประกาศที่อยากกลับมาหาพระยะโฮวา (วว. 14:6) ให้เรามาดูตัวอย่างของซิลวีโอ ตอนที่เขากำลังอธิษฐานขอพระยะโฮวาให้ส่งคนมาช่วยเขาให้กลับไปหาพระองค์ อยู่ ๆ ก็มีคนมากดกริ่งที่บ้าน ปรากฏว่าคนที่มาหาเขาเป็นผู้ดูแล 2 คน ในวันนั้นพวกผู้ดูแลเริ่มช่วยให้ซิลวีโอกลับมาหาพระยะโฮวา เราจะมีความสุขมากถ้าเราได้ช่วยคนให้กลับมาหาพระยะโฮวา ซัลวาดอร์เป็นไพโอเนียร์คนหนึ่งที่ชอบช่วยคนที่เลิกประกาศ เขาบอกว่า “พอผมคิดถึงคนที่ผมได้ช่วยให้กลับมาหาพระยะโฮวา ผมก็รู้สึกตื้นตันใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ผมมีความสุขมากที่ได้ทำงานกับพระยะโฮวาตอนที่ช่วยแกะที่พระองค์รักให้ออกมาจากโลกของซาตาน และกลับมาหาพระองค์” ถ้าคุณเป็นคนที่เลิกประกาศ ขอให้มั่นใจว่าพระยะโฮวายังรักคุณอยู่และพระองค์อยากให้คุณกลับมาหาพระองค์ ห20.06 น. 29 ว. 16-18
วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน
ครูองค์ยิ่งใหญ่ของคุณจะไม่ซ่อนตัวอีกแล้ว คุณจะเห็นครูองค์นี้—อสย. 30:20
พระยะโฮวา “ครูองค์ยิ่งใหญ่” ให้มีหลายตัวอย่างในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อสอนเรา (อสย. 30:21) เราจะเรียนตัวอย่างเหล่านี้ได้โดยคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับคนที่แสดงคุณลักษณะต่าง ๆ ที่พระเจ้าพอใจ เช่นความเจียมตัว นอกจากนั้น เราจะเรียนได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่ไม่ได้แสดงคุณลักษณะที่ดีเหล่านั้น (สด. 37:37; 1 คร. 10:11) ขอให้เราคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับกษัตริย์ซาอูล ทีแรกเขาเป็นคนเจียมตัว เขารู้ว่าตัวเองมีขีดจำกัดและไม่แน่ใจด้วยว่าตัวเองจะทำหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้นได้ไหม (1 ซม. 9:21; 10:20-22) แต่พอเขาเป็นกษัตริย์ เขาก็กลายเป็นคนหยิ่งและทำเกินสิทธิ์ เช่น มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาอดทนรอผู้พยากรณ์ซามูเอลไม่ไหว และถวายเครื่องบูชาเผาทั้ง ๆ ที่เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น นี่เลยทำให้พระยะโฮวาไม่พอใจเขา และถอดเขาออกจากการเป็นกษัตริย์ (1 ซม. 13:8-14) ถ้าเราอยากเป็นคนฉลาด เราต้องเรียนจากตัวอย่างที่ไม่ดีนี้และไม่ทำเกินสิทธิ์ ห20.08 น. 10 ว. 10-11
วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน
ขอให้พวกคุณนับถือคนที่ . . . นำหน้าในงานของผู้เป็นนาย—1 ธส. 5:12
พระยะโฮวาได้ให้ “ของขวัญที่เป็นมนุษย์” กับประชาคมของพระองค์โดยทางพระเยซู (อฟ. 4:8) “ของขวัญที่เป็นมนุษย์” เหล่านี้รวมไปถึงคณะกรรมการปกครอง ผู้ช่วยคณะกรรมการปกครอง คณะกรรมการสาขา ผู้ดูแลหมวด ครูสอนในโรงเรียนขององค์การ ผู้ดูแลในประชาคม และผู้ช่วยงานรับใช้ พลังบริสุทธิ์แต่งตั้งพี่น้องชายเหล่านี้เพื่อดูแลแกะที่มีค่าของพระยะโฮวา และช่วยให้ประชาคมเข้มแข็งขึ้น (1 ปต. 5:2, 3) พลังบริสุทธิ์แต่งตั้งพี่น้องชายที่มีคุณสมบัติให้ทำหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ เหมือนกับอวัยวะต่าง ๆ เช่นมือและเท้าที่ทำงานร่วมกันเพื่อทั้งร่างกายจะได้รับประโยชน์ พี่น้องชายที่ได้รับการแต่งตั้งจากพลังบริสุทธิ์ก็กำลังทำงานหนักเพื่อช่วยทั้งประชาคมให้ได้รับประโยชน์ด้วย พวกเขาไม่ได้ทำเพื่อให้ใครมายกย่อง แต่พวกเขาทำเพื่อช่วยพี่น้องให้เข้มแข็งขึ้น (1 ธส. 2:6-8) เราขอบคุณพระยะโฮวาจริง ๆ ที่ให้พี่น้องชายที่ไม่เห็นแก่ตัวเหล่านี้กับเรา ห20.08 น. 21 ว. 5-6
วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน
ไปสอนคน . . . ให้เป็นสาวก—มธ. 28:19
เหตุผลหนึ่งที่เราอยากไปประกาศเพราะเราเห็นว่าผู้คน “ถูกขูดรีดและถูกทอดทิ้งเหมือนแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง” ซึ่งพวกเขาจำเป็นมากที่จะต้องเรียนความจริงเกี่ยวกับรัฐบาลของพระเจ้า (มธ. 9:36) นอกจากนั้น พระยะโฮวาต้องการให้คนทุกชนิดได้รับความรู้ที่ถูกต้องเรื่องความจริงและได้รับความรอด (1 ทธ. 2:4) ถ้าเราคิดว่างานประกาศสามารถช่วยชีวิตคนได้ เราก็อยากจะไปประกาศมากขึ้น (รม. 10:13-15; 1 ทธ. 4:16) เราต้องมีเครื่องมือที่เหมาะที่จะใช้ในการประกาศและต้องรู้วิธีใช้เครื่องมือเหล่านั้นด้วย พระเยซูบอกกับสาวกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาว่าต้องเอาอะไรไปบ้าง ต้องไปประกาศที่ไหน และต้องพูดว่าอะไร (มธ. 10:5-7; ลก. 10:1-11) ทุกวันนี้องค์การของพระยะโฮวาได้ให้ “เครื่องมือสำหรับการสอน” กับเราซึ่งในนั้นมีหลายอย่างที่ดีมาก และองค์การก็สอนเราด้วยว่าจะใช้เครื่องมือเหล่านั้นอย่างไร นี่ช่วยให้เรามั่นใจและรู้ว่าจะประกาศและสอนอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร—2 ทธ. 2:15 ห20.09 น. 4 ว. 6-7
วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน
สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขมากที่สุดก็คือ การได้ยินว่าลูก ๆ ของผมยังใช้ชีวิตตามความจริง—3 ยน. 4
ลองคิดดูว่าอัครสาวกยอห์นมีความสุขมากแค่ไหนตอนที่ได้ยินว่าคนที่เขาเคยช่วยให้เรียนความจริงยังคงรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์อยู่ พวกเขาเป็นเหมือนลูกของยอห์น ตอนที่พวกเขาเจอปัญหา ยอห์นก็พยายามมากเพื่อช่วยพวกเขาให้มีความเชื่อเข้มแข็งขึ้น เหมือนกัน เราก็มีความสุขมากที่ลูก ๆ ของเราหรือคนที่เราช่วยให้เรียนความจริงได้อุทิศตัวให้กับพระยะโฮวาและยังรับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์อยู่ (3 ยน. 3) ประมาณปี ค.ศ. 98 พลังบริสุทธิ์ของพระยะโฮวาดลใจให้ยอห์นเขียนจดหมาย 3 ฉบับเพื่อช่วยให้คริสเตียนที่ซื่อสัตย์รักษาความเชื่อในพระเยซูและใช้ชีวิตตามความจริงต่อ ๆ ไป ตอนนั้นมีคนทรยศพระเจ้าที่บอกว่าตัวเองเชื่อพระเจ้าแต่ไม่ใช้ชีวิตตามคำสอนของพระองค์ คนเหล่านี้สอนคำสอนผิด ๆ ยอห์นก็เลยเป็นห่วงว่าเรื่องนี้จะมีผลกับประชาคมคริสเตียน—1 ยน. 2:18, 19, 26 ห20.07 น. 20 ว. 1-3
วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน
ขอให้แสดงความเชื่อในพระเจ้า และแสดงความเชื่อในตัวผมด้วย—ยน. 14:1
เรามีความเชื่อในสิ่งที่เราประกาศ เราก็เลยอยากบอกเรื่องนี้กับคนอื่น ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะเราเชื่อคำสัญญาของพระยะโฮวาในคัมภีร์ไบเบิล (สด. 119:42; อสย. 40:8) และเราได้เห็นคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลเกิดขึ้นจริงในสมัยของเรา นอกจากนั้นเรายังได้เห็นกับตาว่าชีวิตผู้คนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมากตอนที่เขาทำตามคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล ทั้งหมดนี้ทำให้เรามีความเชื่อเข้มแข็งขึ้น และทำให้เราอยากไปบอกคนอื่น ๆ เกี่ยวกับข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า นอกจากนั้น เราเชื่อในพระยะโฮวา สิ่งที่เราประกาศมาจากพระองค์ และเราเชื่อในพระเยซูผู้ที่พระองค์แต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ในรัฐบาลของพระองค์ ไม่ว่าเราจะเจอกับอะไรก็ตาม พระยะโฮวาจะเป็นที่หลบภัยและเป็นกำลังให้เราเสมอ (สด. 46:1-3) นอกจากนั้น เรามั่นใจว่าพระเยซูกำลังชี้นำงานประกาศในทุกวันนี้จากสวรรค์ด้วยพลังและอำนาจที่ท่านได้จากพระยะโฮวา (มธ. 28:18-20) ความเชื่อช่วยให้เรามั่นใจว่าพระเจ้าจะอวยพรความพยายามของเรา ห20.09 น. 12 ว. 15-17
วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน
เธอทำดีกับผม . . . เธอทำสิ่งที่เธอทำได้—มก. 14:6, 8
บางครั้งพี่น้องหญิงของเราอาจต้องการใครสักคนพูดปกป้องและช่วยเหลือพวกเธอ (อสย. 1:17) ตัวอย่างเช่น พี่น้องหญิงที่เป็นม่ายหรือหย่ากับสามีไปแล้วอาจต้องการใครสักคนช่วยทำบางอย่างที่ปกติแล้วสามีของเธอจะเป็นคนทำ หรือพี่น้องสูงอายุอาจต้องการใครสักคนช่วยเธอพูดกับหมอ และพี่น้องหญิงที่เป็นไพโอเนียร์ซึ่งช่วยงานขององค์การอาจต้องการใครสักคนปกป้องเธอตอนที่มีคนพูดถึงเธอว่าทำไมไม่ค่อยเห็นหน้าในเขตประกาศเหมือนกับไพโอเนียร์คนอื่น ให้เรามาดูตัวอย่างของพระเยซู ตอนที่มีคนเข้าใจผู้หญิงผิดพระเยซูก็รีบพูดปกป้องพวกเธอทันที ตัวอย่างเช่น ท่านพูดปกป้องมารีย์ตอนที่มาร์ธาว่าเธอ (ลก. 10:38-42) ท่านปกป้องมารีย์อีกครั้งตอนที่คนอื่นบอกว่าเธอทำอะไรไม่เข้าท่า (มก. 14:3-9) พระเยซูเข้าใจว่าทำไมมารีย์ถึงทำแบบนั้นและชมเธอ ท่านถึงกับพยากรณ์ว่า “ไม่ว่าข่าวดีจะประกาศไปที่ไหนในโลก สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำก็จะเล่าลือไปถึงที่นั่น” ห20.09 น. 24 ว. 15-16
วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน
ให้เอาใจใส่ฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของพวกคุณ ให้ทำหน้าที่ผู้ดูแล ไม่ใช่แบบฝืนใจแต่ทำอย่างเต็มใจให้พระเจ้า—1 ปต. 5:2
คนเลี้ยงแกะที่ดีจะเข้าใจว่าเป็นไปได้ที่แกะจะหลงหายไป เขาจะไม่ลงโทษแกะที่หลงหายไปจากฝูง ให้เรามาดูตัวอย่างของพระยะโฮวาว่าพระองค์ช่วยผู้รับใช้ของพระองค์อย่างไร ผู้พยากรณ์โยนาห์หนีจากงานมอบหมายของเขา แต่พระยะโฮวาก็ไม่ได้หมดหวังในตัวเขา พระยะโฮวาเป็นเหมือนผู้เลี้ยงแกะที่ดี พระองค์ช่วยโยนาห์ให้เข้มแข็งและกลับมาทำงานมอบหมายได้สำเร็จ (ยนา. 2:7; 3:1, 2) หลังจากนั้น พระยะโฮวาใช้ต้นน้ำเต้าเพื่อช่วยโยนาห์ให้เข้าใจว่าชีวิตของมนุษย์แต่ละคนมีค่ามากแค่ไหน (ยนา. 4:10, 11) เราได้บทเรียนอะไรจากเรื่องนี้? ผู้ดูแลต้องไม่หมดหวังในพี่น้องที่เลิกประกาศ ผู้ดูแลจะพยายามเข้าใจว่าอะไรทำให้พี่น้องคนนั้นหลงหายไป พอเขากลับมาแล้วผู้ดูแลก็จะดูแลเอาใจใส่เขาต่อ ๆ ไป ห20.06 น. 20-21 ว. 10-12
วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน
พวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือเล็กน้อย—ดนล. 11:34
หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991 คนของพระเจ้าในประเทศที่อยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวียตก็ได้รับ “การช่วยเหลือเล็กน้อย” ที่ทำให้พวกเขามีอิสระช่วงหนึ่ง นี่ทำให้พี่น้องสามารถประกาศได้อย่างอิสระ ไม่นานหลังจากนั้นพี่น้องในประเทศเหล่านั้นก็เพิ่มขึ้นจนเป็นแสน ในที่สุดรัสเซียกับชาติพันธมิตรก็ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ทิศเหนือ อย่างที่คุยกันในบทความที่แล้วกษัตริย์ทิศเหนือและกษัตริย์ทิศใต้ต้องทำ 3 อย่างคือ (1) เกี่ยวข้องกับคนของพระเจ้าโดยตรง (2) แสดงว่าเป็นศัตรูกับพระยะโฮวาและคนของพระองค์ และ (3) จะสู้กันเอง ทำไมเราถึงบอกว่ารัสเซียกับชาติพันธมิตรคือกษัตริย์ทิศเหนือ? ที่บอกอย่างนั้นได้ก็เพราะว่า (1) พวกเขาเกี่ยวข้องกับคนของพระเจ้าโดยตรง พวกเขาได้สั่งห้ามงานประกาศและข่มเหงพี่น้องเป็นแสน ๆ ในประเทศที่อยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขา (2) สิ่งที่พวกเขาทำแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเกลียดพระยะโฮวาและคนของพระองค์ (3) พวกเขาสู้กับกษัตริย์ทิศใต้ซึ่งก็คือมหาอำนาจอังกฤษ-อเมริกา ห20.05 น. 12-13 ว. 3-4
วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน
เอาใจใส่ . . . การสอนของคุณให้ดี—1 ทธ. 4:16
เพราะการช่วยคนให้เป็นสาวกเกี่ยวข้องกับการสอน เราเลยอยากพัฒนาการสอนของเราให้ดีที่สุด ตอนนี้พวกเรากำลังสอนคัมภีร์ไบเบิลให้กับผู้คนทั่วโลกเป็นล้าน ๆ เรารักสิ่งที่เราสอนในคัมภีร์ไบเบิลก็เลยไม่แปลกที่เราอยากจะพูดเรื่องนั้นออกมาเยอะ ๆ แต่ไม่ว่าเราจะเป็นผู้นำการศึกษา ผู้นำหอสังเกตการณ์ หรือผู้นำการศึกษาพระคัมภีร์ประจำประชาคม เราก็ไม่ควรพูดเยอะเกินไป ไม่ว่าเราจะสอนเมื่อไรเราอยากจะใช้คัมภีร์ไบเบิลอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเราต้องควบคุมตัวเองและพยายามไม่อธิบายทุกอย่างที่เรารู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นในคัมภีร์ไบเบิล (ยน. 16:12) ลองคิดถึงตอนที่คุณเพิ่งรับบัพติศมาใหม่ ๆ ตอนนั้นคุณอาจรู้แค่คำสอนพื้นฐานในคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้น และกว่าที่คุณจะมีความรู้เหมือนกับตอนนี้ก็ต้องใช้เวลาหลายปี ดังนั้นอย่าสอนทุกอย่างที่คุณรู้ให้นักศึกษารวดเดียว—ฮบ. 6:1 ห20.10 น. 14-15 ว. 2-4
วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน
เขาเป็นช่างไม้ ลูกชายมารีย์—มก. 6:3
พระยะโฮวาเลือกพ่อแม่ที่ดีมากให้พระเยซู (มธ. 1:18-23; ลก. 1:26-38) คำพูดจากหัวใจของมารีย์ทำให้เราเห็นว่าเธอรักพระยะโฮวาและพระคัมภีร์มาก (ลก. 1:46-55) และสิ่งที่โยเซฟทำตอนที่พระยะโฮวาสั่งทำให้เห็นว่าเขาเกรงกลัวพระเจ้าและอยากทำให้พระองค์พอใจ (มธ. 1:24) พระยะโฮวาไม่ได้เลือกพ่อแม่รวย ๆ ให้พระเยซู เครื่องบูชาที่โยเซฟและมารีย์ถวายตอนที่พระเยซูเกิดทำให้เรารู้ว่าพวกเขายากจน (ลก. 2:24) โยเซฟเป็นช่างไม้ในเมืองนาซาเร็ธ และเขาคงเปิดร้านข้าง ๆ บ้านเขาด้วย ยิ่งตอนที่พวกเขามีลูก 7 คนหรืออาจจะมากกว่านั้น พวกเขาคงไม่ค่อยมีเงินทองหรือข้าวของเครื่องใช้มากมายเท่าไร (มธ. 13:55, 56) พระยะโฮวาปกป้องพระเยซูจากอันตรายบางอย่าง แต่พระองค์ก็ไม่ได้ปกป้องพระเยซูจากปัญหาทุกอย่าง (มธ. 2:13-15) ตัวอย่างเช่น ท่านต้องทนกับญาติ ๆ ที่ไม่มีความเชื่อ ลองคิดดูว่าพระเยซูจะเสียใจมากขนาดไหนตอนที่คนในครอบครัวของท่านไม่เชื่อว่าท่านเป็นเมสสิยาห์จริง ๆ (มก. 3:21; ยน. 7:5) นอกจากนั้น โยเซฟพ่อเลี้ยงของพระเยซูอาจตายตอนที่ท่านยังเป็นหนุ่ม นี่คงทำให้ท่านเสียใจมาก ห20.10 น. 26-27 ว. 4-6
วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน
เราจะไม่มีวันทิ้งเจ้า เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้าเลย—ฮบ. 13:5
คุณเคยรู้สึกว่าต้องรับมือกับปัญหาเองคนเดียวและไม่มีใครช่วยไหม? หลายคนเคยรู้สึกแบบนั้น แม้แต่ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาก็เคยรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน (1 พก. 19:14) ถ้าคุณรู้สึกอย่างนั้น ให้คิดถึงคำสัญญาของพระยะโฮวาที่พระองค์บอกว่า “เราจะไม่มีวันทิ้งเจ้า เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้าเลย” เมื่อคิดถึงคำสัญญานี้เราก็พูดได้อย่างมั่นใจว่า “พระยะโฮวาเป็นผู้ช่วยเหลือผม ผมจะไม่กลัวอะไร” (ฮบ. 13:5, 6) อัครสาวกเปาโลเขียนเรื่องนี้ถึงคริสเตียนในยูเดียประมาณปี ค.ศ. 61 คำพูดของเขาทำให้เราคิดถึงสดุดี 118:5-7 จากประสบการณ์ของผู้เขียนหนังสือสดุดี เขารู้ว่าพระยะโฮวาเป็นผู้ช่วยเหลือเขา เปาโลก็เหมือนกัน เขาเห็นว่าพระยะโฮวาคอยช่วยเหลือเขามาตลอด เช่น ประมาณ 2 ปีก่อนที่เขาเขียนจดหมายถึงพี่น้องชาวฮีบรู เขาได้นั่งเรือฝ่าพายุที่โหมกระหน่ำ (กจ. 27:4, 15, 20) ตลอดการเดินทางครั้งนั้นและแม้แต่หลายปีก่อนหน้านั้น พระยะโฮวาได้ช่วยเปาโลในหลายวิธี ห20.11 น. 12 ว. 1-2
วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน
อย่าถามว่า “ทำไมเมื่อก่อนดีกว่าเดี๋ยวนี้?”—ปญจ. 7:10
ทำไมถึงไม่ฉลาดที่จะมัวแต่คิดว่าชีวิตเมื่อก่อนดีกว่าเดี๋ยวนี้? เพราะนั่นอาจทำให้เราคิดถึงแต่เรื่องดี ๆ ที่ผ่านมาในชีวิต ให้เรามาดูตัวอย่างของชาวอิสราเอลด้วยกัน พวกเขาเพิ่งออกมาจากอียิปต์แค่แป๊บเดียวก็ลืมไปแล้วว่าชีวิตตอนนั้นลำบากแค่ไหน พวกเขานึกถึงแต่อาหารดี ๆ ที่พวกเขาชอบ พวกเขาบอกว่า “เราคิดถึงปลาในอียิปต์ที่มีให้กินเหลือเฟือไม่ต้องไปหาซื้อ คิดถึงแตงกวา แตงโม ต้นกระเทียม หัวหอม คิดถึงหัวกระเทียมจะตายอยู่แล้ว!” (กดว. 11:5) แต่จริงไหมที่พวกเขา “ไม่ต้องไปหาซื้อ” หรือได้อาหารพวกนั้นมาโดยไม่ต้องเสียอะไร? จริง ๆ แล้วพวกเขาต้องแลกมันมาด้วยความเจ็บปวด พวกเขาเป็นทาสที่ถูกใช้งานและถูกกดขี่อย่างหนัก (อพย. 1:13, 14; 3:6-9) พวกเขาลืมไปแล้วว่าต้องทนกับอะไรมาบ้าง พวกเขาเอาแต่คิดถึงวันเวลาเก่า ๆ แทนที่จะคิดถึงสิ่งดี ๆ ที่พระยะโฮวาเพิ่งทำให้พวกเขา พระยะโฮวาไม่พอใจมากที่พวกเขาคิดแบบนี้—กดว. 11:10 ห20.11 น. 25 ว. 5-6
วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน
พระยะโฮวาอยู่ใกล้คนที่หัวใจแตกสลาย พระองค์คอยช่วยคนที่ท้อใจ—สด. 34:18, เชิงอรรถ
เราอาจจะคิดว่าทำไมชีวิตเราถึงสั้นจังและ “มีแต่ความลำบาก” แบบนี้ (โยบ 14:1) เลยไม่แปลกที่เราอาจจะรู้สึกท้อใจบ้างเป็นบางครั้งบางคราว ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาในอดีตหลายคนก็เคยรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน บางคนถึงกับอยากตายเลยด้วยซ้ำ (1 พก. 19:2-4; โยบ 3:1-3, 11; 7:15, 16) แต่ทุกครั้งที่พวกเขารู้สึกอย่างนั้น พระยะโฮวาพระเจ้าที่พวกเขาไว้ใจก็คอยให้กำลังใจและช่วยให้พวกเขาเข้มแข็งมากขึ้น และตัวอย่างของพวกเขาก็อยู่ในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อสอนและให้กำลังใจเราด้วย (รม. 15:4) ขอให้คิดถึงโยเซฟลูกชายของยาโคบ จากที่เป็นลูกชายคนโปรดของพ่อ เขากลับกลายไปเป็นทาสที่ต่ำต้อยของคนอียิปต์ที่ไม่ได้นมัสการพระเจ้า (ปฐก. 39:1) แล้วภรรยาของโปทิฟาร์หาว่าเขาจะมาข่มขืนเธอ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีการสืบสวนอะไรแต่โปทิฟาร์ก็ส่งโยเซฟไปขังคุกและล่ามโซ่เขาไว้ (ปฐก. 39:14-20; สด. 105:17, 18) คงไม่แปลกถ้าโยเซฟจะท้อใจมากในตอนนั้น ห20.12 น. 16-17 ว. 1-4
วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน
ขอให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ—มธ. 6:9
พระเยซูบอกว่านี่เป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่สุดที่เราควรพูดในคำอธิษฐาน แต่คำพูดของท่านหมายถึงอะไร? ในภาษาเดิมคำว่า “เป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ” ในข้อนี้อาจแปลได้ว่า ศักดิ์สิทธิ์ สะอาด บริสุทธิ์ แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ‘ชื่อพระยะโฮวาศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องทำให้ศักดิ์สิทธิ์อีกล่ะ?’ เพื่อจะตอบคำถามนี้ เราต้องคิดว่าชื่อเกี่ยวข้องกับอะไร ชื่อไม่ได้เป็นแค่ตัวอักษรหลาย ๆ ตัวมารวมกันแล้วเขียนหรือพูดออกมา ชื่อยังหมายถึงชื่อเสียงของคนคนนั้นด้วยว่าคนอื่นคิดอย่างไรกับเขา คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ควรเลือกชื่อเสียงดีมากกว่าทรัพย์สมบัติมหาศาล” (สภษ. 22:1; ปญจ. 7:1) ดังนั้นชื่อจะสะกดอย่างไรหรือออกเสียงแบบไหนไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญจริง ๆ ก็คือ เมื่อคนเห็นหรือได้ยินชื่อนั้นพวกเขาคิดถึงอะไร เมื่อมีคนโกหกเกี่ยวกับพระยะโฮวา พวกเขาทำให้คนอื่นคิดถึงพระองค์ในแง่ที่ไม่ดี ซึ่งนั่นเป็นการทำลายชื่อเสียงของพระองค์ ห20.06 น. 3 ว. 5-7
วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน
ผมเป็นทุกข์มากเหลือเกิน พระยะโฮวา ผมขอถามพระองค์ว่าจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน?—สด. 6:3
ตอนที่เราเจอปัญหาหนัก ๆ เราอาจจะจมอยู่กับความเครียดและความกังวล อย่างเช่นเราอาจจะกลัวว่าจะหาเงินได้ไม่พอใช้ กลัวว่าวันหนึ่งเราเกิดป่วยขึ้นมาแล้วไปทำงานไม่ได้ หรืออาจป่วยหนักถึงขั้นตกงานแล้วเราจะทำยังไง หรือเราอาจจะกลัวว่าจะทำผิดหลักการของพระเจ้าถ้าถูกล่อใจ นอกจากนั้นเรารู้ว่าอีกไม่นานซาตานจะให้คนของมันโจมตีคนของพระเจ้า เราเลยอาจกังวลว่าเราจะทำยังไงตอนนั้น เราอาจจะสงสัยว่า ‘ถ้าฉันกังวลเรื่องพวกนี้มันจะผิดไหม?’ เรารู้ว่าพระเยซูบอกสาวกของท่านว่า “เลิกกังวลได้แล้ว” (มธ. 6:25) ท่านหมายความว่าเราต้องไม่กังวลอะไรเลยไหม? ไม่ใช่อย่างนั้น ในอดีตผู้รับใช้ของพระยะโฮวาหลายคนเคยกังวลมาก แต่พระองค์ก็ยังพอใจในตัวพวกเขา (1 พก. 19:4) พระเยซูไม่อยากให้เรากังวลเกี่ยวกับชีวิตมากเกินไปจนไม่ได้ให้การรับใช้พระยะโฮวามาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ห21.01 น. 3 ว. 4-5
วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน
ผู้ชายเป็นผู้นำของผู้หญิง—1 คร. 11:3
สามีต้องรับผิดชอบต่อพระยะโฮวาและพระเยซูในสิ่งที่เขาทำกับภรรยาและลูก ๆ (1 ปต. 3:7) พระยะโฮวาเป็นหัวหน้าครอบครัวของพระองค์ พระองค์จึงมีอำนาจที่จะตั้งกฎและมีสิทธิ์เรียกร้องให้ลูก ๆ ของพระองค์ทำตามกฎที่พระองค์ตั้งไว้ (อสย. 33:22) และพระเยซูเป็นผู้นำของประชาคมคริสเตียน ท่านเลยมีสิทธิ์ที่จะตั้งกฎและเรียกร้องให้คริสเตียนทำตามนั้นด้วย (กท. 6:2; คส. 1:18-20) ตัวอย่างของพระยะโฮวาและพระเยซูทำให้เห็นว่าหัวหน้าครอบครัวมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเรื่องในครอบครัวของเขา (รม. 7:2; อฟ. 6:4) แต่อำนาจที่เขามีก็มีขีดจำกัด เช่น กฎที่เขาตั้งต้องมาจากหลักการในคัมภีร์ไบเบิล (สภษ. 3:5, 6) และหัวหน้าครอบครัวไม่มีอำนาจที่จะตั้งกฎให้คนที่ไม่ได้อยู่ในครอบครัวของเขา (รม. 14:4) นอกจากนั้น เมื่อลูก ๆ ของเขาโตขึ้นและออกจากบ้านไปแล้ว ถึงลูก ๆ จะยังนับถือพ่อของพวกเขาอยู่ แต่พ่อไม่ใช่หัวหน้าครอบครัวของพวกเขาอีกต่อไป—มธ. 19:5 ห21.02 น. 2-3 ว. 3-5
วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน
เลี้ยงดูคนที่อยู่ในความดูแลของ [คุณ]—1 ทธ. 5:8
วิธีหนึ่งที่หัวหน้าครอบครัวแสดงว่าเขารักครอบครัวของเขาก็คือโดยการดูแลให้แต่ละคนมีสิ่งจำเป็นต่าง ๆ แต่เขาต้องจำไว้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการช่วยให้ทุกคนในครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระยะโฮวา (มธ. 5:3) ตอนที่พระเยซูกำลังจะตายบนเสาทรมาน ถึงพระเยซูรู้สึกเจ็บปวดมากแต่ท่านก็ยังขอให้ยอห์นที่ยืนอยู่กับมารีย์แม่ของท่านในตอนนั้นช่วยดูแลเธอหลังจากที่ท่านตาย (ยน. 19:26, 27) หัวหน้าครอบครัวอาจจะมีหน้าที่รับผิดชอบหนักหลายอย่าง เขาต้องเป็นคนขยันทำงาน เพราะถ้าเขาทำอย่างนั้น พระยะโฮวาก็จะได้รับคำสรรเสริญ (อฟ. 6:5, 6; ทต. 2:9, 10) และเขาอาจจะมีหน้าที่รับผิดชอบในประชาคมด้วย เช่น เขาต้องดูแลเอาใจใส่พี่น้องและนำหน้าในงานประกาศ ที่สำคัญเขาต้องศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับภรรยาและลูก ๆ เป็นประจำด้วย ภรรยากับลูก ๆ คงต้องขอบคุณหัวหน้าครอบครัวมากแน่ ๆ ที่เขาพยายามดูแลครอบครัวให้มีสิ่งจำเป็น คอยเอาใจใส่ความรู้สึก และดูแลความเชื่อเพื่อช่วยให้พวกเขารับใช้พระยะโฮวาต่อไปได้—อฟ. 5:28, 29; 6:4 ห21.01 น. 12 ว. 15, 17
วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน
[ภรรยาที่มีความสามารถ] ดูแลทุกเรื่องในครอบครัว—สภษ. 31:27
คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงภรรยาที่มีความสามารถว่าเธอดูแลงานหลายอย่างในบ้านได้ และยังซื้อขายที่ดินกับทำธุรกิจด้วย (สภษ. 31:15, 16, 18) เธอไม่ใช่ทาสที่ไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นอะไรเลย แต่สามีไว้ใจและรับฟังความคิดเห็นของเธอ (สภษ. 31:11, 26) พอสามีให้เกียรติภรรยาแบบนี้ เธอก็จะมีความสุขที่ได้อยู่ใต้อำนาจของเขา ถึงพระเยซูจะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้หลายอย่าง แต่ท่านก็ไม่ได้คิดว่าการที่ท่านยอมอยู่ใต้อำนาจพระยะโฮวาจะทำให้ท่านเสียศักดิ์ศรี (1 คร. 15:28; ฟป. 2:5, 6) ภรรยาที่มีความสามารถจะเลียนแบบตัวอย่างของพระเยซูโดยคิดว่าการที่เธอยอมอยู่ใต้อำนาจสามีไม่ได้ทำให้เธอเสียศักดิ์ศรี และเธอจะสนับสนุนสามีไม่ใช่แค่เพราะเธอรักเขาเท่านั้น แต่เพราะเธอรักและนับถือพระยะโฮวาซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุด ถึงภรรยาจะยอมอยู่ใต้อำนาจของสามี แต่ถ้าเขาขอให้เธอทำอะไรที่ผิดกฎหมายของพระเจ้าหรือผิดหลักการในคัมภีร์ไบเบิล เธอก็จะไม่เชื่อฟังเขา ห21.02 น. 11 ว. 14-15; น. 12 ว. 19
วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน
ความยากลำบากฝึกเราให้มีความอดทน—รม. 5:3
ตั้งแต่อดีตเมื่อคนของพระยะโฮวาถูกข่มเหง ความรักที่พวกเขามีต่อพระองค์ช่วยพวกเขาให้อดทนมาได้เสมอ เช่น เมื่อพวกอัครสาวกถูกศาลสูงสุดของยิวที่มีอำนาจมากในตอนนั้นสั่งให้เลิกประกาศ ความรักที่พวกเขามีต่อพระเจ้าช่วยให้พวกเขา “เชื่อฟังพระเจ้ามากกว่ามนุษย์” (กจ. 5:29; 1 ยน. 5:3) พี่น้องในทุกวันนี้ก็เหมือนกัน ถึงพวกเขาจะโดนรัฐบาลที่โหดร้ายและมีอำนาจมากข่มเหง ความรักที่พวกเขามีต่อพระเจ้าก็ช่วยให้พวกเขารักษาความซื่อสัตย์ต่อไปได้ ถึงโลกจะเกลียดเรา แต่เราก็ไม่ท้อ เรามีความสุขและถือว่านั่นเป็นสิทธิพิเศษ (กจ. 5:41; รม. 5:4, 5) การข่มเหงที่รับมือได้ยากที่สุดอย่างหนึ่งอาจจะเป็นการข่มเหงที่มาจากคนในครอบครัวหรือญาติ ๆ พอเราเริ่มเรียนความจริง พวกเขาอาจจะคิดว่าเราถูกหลอกหรือคิดว่าเราเป็นบ้าไปแล้ว (เทียบกับมาระโก 3:21) พวกเขาอาจจะถึงขั้นด่าเราแรง ๆ หรือลงไม้ลงมือกับเราด้วยซ้ำ แต่เราไม่แปลกใจที่เจอแบบนั้น เพราะพระเยซูบอกว่า “คนในครอบครัวเดียวกันจะเป็นศัตรูกัน”—มธ. 10:36 ห21.03 น. 21 ว. 6-7
วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน
ทุกคนต้องไวในการฟัง ช้าในการพูด—ยก. 1:19
เมื่อคุณไปศึกษากับพี่น้อง ขอให้คุณตั้งใจฟังตอนที่ผู้นำการศึกษากับนักศึกษาคุยกัน พอคุณทำแบบนั้น คุณก็จะรู้ว่าคุณจะพูดได้ตอนไหน แต่คุณก็ต้องคิดก่อนพูดด้วย ตัวอย่างเช่น คุณต้องไม่พูดมากเกินไป ไม่พูดแทรกตอนที่ผู้นำการศึกษากำลังอธิบายอยู่ หรือไม่ชวนคุยเรื่องอื่น แต่คุณอาจจะพูดสั้น ๆ ใช้ตัวอย่างหรือคำถามเพื่อทำให้จุดที่กำลังคุยกันชัดเจนมากขึ้น บางครั้งคุณอาจจะรู้สึกว่าช่วยอะไรได้ไม่มากตอนที่กำลังศึกษา แต่แค่คุณชมนักศึกษาและแสดงว่าคุณสนใจเขาจริง ๆ คุณก็ช่วยให้เขาก้าวหน้าได้เหมือนกัน ถ้าคุณคิดว่าประสบการณ์ของคุณจะช่วยนักศึกษาได้ คุณก็อาจจะเล่าสั้น ๆ ให้เขาฟังว่าคุณเจอความจริงยังไง คุณเอาชนะปัญหาต่าง ๆ ได้ยังไง หรือคุณอาจจะเล่าให้เขาฟังว่าคุณเห็นพระยะโฮวาช่วยคุณยังไงบ้าง (สด. 78:4, 7) ประสบการณ์ของคุณอาจจะเป็นสิ่งที่นักศึกษาจำเป็นต้องได้ยินอยู่พอดี มันอาจจะช่วยให้เขามีความเชื่อที่เข้มแข็งขึ้น หรือเขาอาจจะได้กำลังใจที่จะก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นรับบัพติศมา ห21.03 น. 10 ว. 9-10
วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน
ให้พวกคุณไปสอนคนทุกชาติให้เป็นสาวก—มธ. 28:19
เมื่อเราเกิดผลดีในงานรับใช้ ใครควรได้รับการยกย่อง? ตอนที่เปาโลเขียนจดหมายถึงประชาคมโครินธ์ เขาบอกว่า “ผมปลูก อปอลโลรดน้ำ แต่พระเจ้าทำให้เติบโต คนที่ปลูกกับคนที่รดน้ำจึงไม่สำคัญอะไร พระเจ้าผู้ทำให้เติบโตนั้นต่างหากที่สำคัญ” (1 คร. 3:6, 7) เหมือนกับเปาโล เราควรยกย่องพระยะโฮวาเสมอเมื่อเราทำได้ดีในงานรับใช้ เราจะแสดงอย่างไรว่าเห็นค่าสิทธิพิเศษที่ได้เป็น “เพื่อนร่วมงาน” ของพระเจ้า พระคริสต์ และทูตสวรรค์? (2 คร. 6:1) เราทำได้โดยใช้ทุกโอกาสประกาศข่าวดีอย่างกระตือรือร้น เราจะไม่เอาแต่หว่านเมล็ดความจริงเท่านั้นแต่เราจะรดน้ำด้วย ถ้าเราเจอคนที่สนใจ เราจะพยายามเต็มที่เพื่อกลับไปเยี่ยมเขาเพื่อเริ่มศึกษา เมื่อเราเห็นนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลก้าวหน้า เราก็มีความสุขที่เห็นว่าพระยะโฮวาช่วยเขาให้เปลี่ยนความคิดและความรู้สึกของเขา ห20.05 น. 30 ว. 14, 16-18