เมษายน
วันเสาร์ที่ 1 เมษายน
พระเจ้ารักโลกมาก จนถึงกับยอมสละลูกคนเดียวของพระองค์—ยน. 3:16
พระเยซูรักเรามาก ท่านเต็มใจมาตายแทนเราทุกคน (ยน. 15:13) ถึงเราจะไม่มีวันตอบแทนความรักที่พระยะโฮวาและพระเยซูแสดงต่อเราได้หมด แต่เราก็สามารถใช้ชีวิตในแต่ละวันเพื่อแสดงว่าเราขอบคุณพระองค์ทั้งสองได้ (คส. 3:15) ผู้ถูกเจิมเห็นค่าค่าไถ่มาก เพราะถ้าไม่มีค่าไถ่ ความหวังของพวกเขาจะไม่มีวันเป็นจริง (มธ. 20:28) และเพราะพวกเขาแสดงความเชื่อในค่าไถ่ พวกเขาเลยเป็นที่ยอมรับของพระเจ้าและถูกรับเป็นลูกของพระองค์ (รม. 5:1; 8:15-17, 23) แกะอื่นก็เห็นค่าค่าไถ่มากเหมือนกัน และเพราะพวกเขาแสดงความเชื่อในค่าไถ่ พวกเขาเลยสะอาดในสายตาของพระเจ้าและมีความหวังที่จะ “ผ่านความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่” ได้ (วว. 7:13-15) ทั้งสองกลุ่มนี้แสดงว่าพวกเขาเห็นค่าค่าไถ่โดยไปประชุมอนุสรณ์ทุกปี ห22.01 น. 23 ว. 14-15
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 10 นิสาน) มัทธิว 21:18, 19, 12, 13; ยอห์น 12:20-50
วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน
พระคริสต์ซื้อเรา—กท. 3:13
พระเยซูถูกกล่าวหาว่าหมิ่นประมาทพระเจ้าซึ่งเป็นข้อหาที่ทำให้ท่านต้องตาย (มธ. 26:64-66) ข้อกล่าวหานี้ทำให้ท่านเครียดมากถึงขนาดที่ท่านหวังว่าพ่อของท่านจะไม่ให้ท่านต้องตายเพราะข้อกล่าวหาแบบนี้ (มธ. 26:38, 39, 42) พระเยซูต้องถูกแขวนบนเสาเพื่อช่วยชาวยิวให้พ้นจากการถูกสาปแช่ง (กท. 3:10) ชาวยิวสัญญาว่าจะเชื่อฟังกฎหมายของพระเจ้า แต่พวกเขาไม่ได้ทำอย่างนั้นเลย พวกเขาเลยถูกสาปแช่ง ดังนั้น ที่พวกเขาสมควรตายไม่ใช่แค่เพราะพวกเขาเป็นลูกหลานของอาดัมเท่านั้น แต่เพราะพวกเขาถูกสาปแช่งด้วย (รม. 5:12) และกฎหมายของพระเจ้าบอกว่า ถ้าใครทำบาปที่มีโทษถึงตายแล้วถูกประหารชีวิต ศพของเขาอาจถูกแขวนไว้บนเสาซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าสาปแช่ง (ฉธบ. 21:22, 23; 27:26) ดังนั้น เมื่อพระเยซูถูกแขวนบนเสา ท่านก็รับคำสาปแช่งแทนชาวยิว พวกเขาเลยหลุดพ้นจากคำสาปแช่งนี้และได้รับประโยชน์จากค่าไถ่ของท่านทั้ง ๆ ที่พวกเขาปฏิเสธท่าน ห21.01 น. 16 ว. 5-6
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 11 นิสาน) มัทธิว 21:33-41; 22:15-22; 23:1-12; 24:1-3
วันจันทร์ที่ 3 เมษายน
ผมยอมสละชีวิต—ยน. 10:17
ลองนึกภาพดูว่าพระเยซูต้องเจออะไรบ้างก่อนที่ท่านจะตาย พวกทหารโรมันเฆี่ยนท่านอย่างทารุณ (มธ. 26:52-54; ยน. 18:3; 19:1) พวกเขาใช้แส้ที่ทำให้เนื้อของท่านฉีกออกมา ทั้ง ๆ ที่หลังของท่านมีแต่แผลและเลือดไหลโทรม พวกเขาก็ยังบังคับให้ท่านแบกเสาไปที่ลานประหาร พระเยซูเดินไปและพยายามแบกเสาที่หนักมากจนหมดแรง พวกทหารเลยให้ผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่แถวนั้นมาแบกเสาแทนท่าน (มธ. 27:32) พอพระเยซูไปถึงลานประหาร พวกทหารก็จับท่านนอนเหยียดตัวบนเสา แล้วก็ตอกตะปูลงบนมือและเท้าของท่าน พอพวกเขายกเสาขึ้น น้ำหนักตัวของท่านก็จะทำให้แผลที่ถูกตอกกับตะปูนั้นฉีกขาด เพื่อน ๆ และแม่ของท่านร้องไห้โศกเศร้าเสียใจมาก แต่พวกผู้นำชาวยิวกลับพูดเยาะเย้ยท่าน (ลก. 23:32-38; ยน. 19:25) พระเยซูต้องทรมานอยู่อย่างนั้นหลายชั่วโมง และการที่ท่านถูกตรึงแบบนี้ทำให้หัวใจกับปอดของท่านทำงานหนักและหายใจยากขึ้น พระเยซูรู้ว่าท่านได้รักษาความซื่อสัตย์จนถึงที่สุดแล้ว ท่านอธิษฐานถึงพระยะโฮวาเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นท่านก็คอพับและสิ้นใจตาย (มก. 15:37; ลก. 23:46; ยน. 10:18; 19:30) พระเยซูต้องตายอย่างน่าอับอาย ต้องตายอย่างช้า ๆ และเจ็บปวดทรมานจริง ๆ ห21.04 น. 16 ว. 4
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 12 นิสาน) มัทธิว 26:1-5, 14-16; ลูกา 22:1-6
วันประชุมอนุสรณ์
หลังดวงอาทิตย์ตก
วันอังคารที่ 4 เมษายน
ให้ทำอย่างนี้ต่อ ๆ ไปเพื่อระลึกถึงผม—ลก. 22:19
พระเยซูพูดกับอัครสาวก 11 คนเรื่องสัญญา 2 อย่างคือสัญญาใหม่และสัญญาเรื่องรัฐบาล (ลก. 22:20, 28-30) สัญญาทั้ง 2 อย่างนี้เปิดโอกาสให้อัครสาวกและคนกลุ่มหนึ่งมีโอกาสได้เป็นกษัตริย์และเป็นปุโรหิตในสวรรค์ (วว. 5:10; 14:1) เฉพาะผู้ถูกเจิมที่เหลืออยู่บนโลกซึ่งอยู่ในสัญญา 2 อย่างนี้จะกินขนมปังและเหล้าองุ่นในการประชุมอนุสรณ์ พระยะโฮวาให้พวกเขามีความหวังที่ยอดเยี่ยม นั่นคือไม่มีวันตายและไม่เน่าเปื่อย พวกเขาจะได้ปกครองร่วมกับพระเยซูและอยู่ในกลุ่มของ 144,000 คนในสวรรค์ และที่สำคัญที่สุดพวกเขาจะได้เห็นพระยะโฮวา (1 คร. 15:51-53; 1 ยน. 3:2) ผู้ถูกเจิมรู้ว่าพวกเขาต้องซื่อสัตย์จนวันตาย—2 ทธ. 4:7, 8 ห22.01 น. 21 ว. 4-5
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 13 นิสาน) มัทธิว 26:17-19; ลูกา 22:7-13 (เหตุการณ์หลังดวงอาทิตย์ตก 14 นิสาน) มัทธิว 26:20-56
วันพุธที่ 5 เมษายน
คุณจะได้อยู่กับผมในอุทยานแน่นอน—ลก. 23:43
มีโจร 2 คนที่ถูกตรึงอยู่ข้างพระเยซู (ลก. 23:40, 41) คนหนึ่งหันมาพูดกับพระเยซูว่า “ท่านเยซู ตอนที่ท่านอยู่ในรัฐบาลของท่าน อย่าลืมผมนะครับ” (ลก. 23:42; เชิงอรรถ) พระเยซูรู้ว่าพ่อของท่านเป็นพระเจ้าที่เมตตา ท่านเลยให้ความหวังกับโจรที่กำลังจะตายคนนี้ (สด. 103:8; ฮบ. 1:3) พระยะโฮวาพร้อมที่จะให้อภัยและอยากแสดงความเมตตากับเรา แต่เราต้องเสียใจจริง ๆ กับสิ่งไม่ดีที่เราเคยทำไปและแสดงความเชื่อในค่าไถ่ของพระเยซู (1 ยน. 1:7) แต่สำหรับบางคน เขาอาจจะไม่แน่ใจว่าพระยะโฮวาจะให้อภัยเขาจริง ๆ ไหม ถ้าบางครั้งคุณรู้สึกอย่างนั้น ให้คิดถึงเรื่องนี้ ก่อนที่พระเยซูจะตาย ท่านยังเมตตากับโจรที่เพิ่งจะแสดงความเชื่อในตัวท่าน แล้วผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ล่ะ พระยะโฮวาจะไม่เมตตาพวกเขามากยิ่งกว่านั้นเหรอ?—สด. 51:1; 1 ยน. 2:1, 2 ห21.04 น. 9 ว. 5-6
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 14 นิสาน) มัทธิว 27:1, 2, 27-37
วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน
พระเยซู . . . พูดว่า “สำเร็จแล้ว”—ยน. 19:30
การที่ท่านรักษาความซื่อสัตย์จนวันตายทำให้ท่านทำหลายอย่างได้สำเร็จ อย่างแรก พระเยซูพิสูจน์ว่าซาตานเป็นตัวโกหก และพิสูจน์ว่ามนุษย์สมบูรณ์สามารถรักษาความซื่อสัตย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่ว่าซาตานจะทำอะไรก็ตาม อย่างที่สอง พระเยซูสละชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่ นี่ทำให้มนุษย์ไม่สมบูรณ์สามารถมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าได้และทำให้พวกเขามีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไป และอย่างที่สาม พระเยซูพิสูจน์ว่าพระยะโฮวามีสิทธิ์ที่จะปกครอง และท่านทำให้ชื่อเสียงของพระองค์พ้นข้อกล่าวหา ขอให้เราทำให้ทุก ๆ วันเป็นเหมือนกับว่าเรามีโอกาสสุดท้ายที่จะซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา ถ้าเราทำอย่างนั้น ถึงเราจะต้องตายแต่เราจะพูดได้ว่า “พระยะโฮวา ฉันรักษาความซื่อสัตย์จนถึงที่สุดแล้ว ฉันพิสูจน์แล้วว่าซาตานเป็นตัวโกหก พระองค์เท่านั้นมีสิทธิ์ที่จะปกครอง ฉันได้ทำให้ชื่อเสียงของพระองค์พ้นข้อกล่าวหาแล้ว!” ห21.04 น. 12 ว. 13-14
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 15 นิสาน) มัทธิว 27:62-66 (เหตุการณ์หลังดวงอาทิตย์ตก 16 นิสาน) มัทธิว 28:2-4
วันศุกร์ที่ 7 เมษายน
นี่คือลูกรักของเรา เราพอใจในตัวเขามาก พวกเจ้าต้องเชื่อฟังเขา—มธ. 17:5
หลังจากที่พระเยซูถูกกล่าวหาและถูกตัดสินว่ามีความผิดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ท่านก็ถูกเยาะเย้ย ถูกทรมาน และถูกตรึงบนเสา ทหารตอกตะปูทะลุฝ่ามือและเท้าของท่าน ทุก ๆ ครั้งที่ท่านสูดลมหายใจเข้าไปและทุก ๆ ครั้งที่ท่านพูดแต่ละคำออกมาทำให้ท่านรู้สึกเจ็บปวดมาก แต่พระเยซูต้องพูดเพราะท่านมีเรื่องสำคัญจะบอก เราได้บทเรียนสำคัญหลายอย่างจากคำพูดก่อนตายของพระเยซู คำพูดของท่านเตือนเราว่าเราต้องให้อภัยคนอื่นและมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะให้อภัยเรา นอกจากนั้น ถึงเราจะรู้สึกเป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่ได้อยู่ในครอบครัวคริสเตียนที่พร้อมจะช่วยเหลือเราแต่ถ้าเราต้องการความช่วยเหลือ เราต้องไม่ลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากพวกเขา และไม่ว่าเราจะต้องเจอกับปัญหาอะไรก็ตาม เรารู้ว่าพระยะโฮวาจะช่วยเราให้อดทนได้แน่นอน เป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ ที่เราจะใช้ชีวิตในแต่ละวันให้เหมือนกับว่าเป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา เรามั่นใจว่าถ้าเราฝากชีวิตไว้กับพระองค์ พระองค์จะไม่มีวันลืมเราและจะปลุกเราให้ฟื้นขึ้นจากตายแน่นอน ห21.04 น. 8 ว. 1; น. 13 ว. 17
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 16 นิสาน) มัทธิว 28:1, 5-15
วันเสาร์ที่ 8 เมษายน
พวกเขาจะได้ชีวิตตลอดไป ถ้าพวกเขามารู้จักพระองค์ที่เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และรู้จักคนที่พระองค์ใช้มา คือเยซูคริสต์—ยน. 17:3
การเดินตามรอยเท้าของพระเยซูจะช่วยให้เราได้ชีวิตตลอดไป ตอนชายหนุ่มคนหนึ่งที่รวยมากมาถามพระเยซูว่าต้องทำอะไรถึงจะได้ชีวิตตลอดไป ท่านตอบว่า “ตามผมมา” (มธ. 19:16-21) และตอนที่พระเยซูพูดกับชาวยิวที่ไม่เชื่อว่าท่านเป็นพระคริสต์ ท่านก็บอกว่า “แกะของผมก็ตามผม ผมให้แกะมีชีวิตตลอดไป” (ยน. 10:24-29) ดังนั้น ถ้าเราแสดงความเชื่อในพระเยซูโดยเลียนแบบตัวอย่างของท่านและทำตามสิ่งที่ท่านสอน เราก็จะได้ชีวิตตลอดไป (มธ. 7:14) ก่อนที่เราจะเดินตามรอยเท้าของพระเยซูอย่างใกล้ชิดได้ เราต้องรู้จักท่านก่อน การ “รู้จัก” พระเยซูไม่ใช่สิ่งที่ทำแค่ครั้งเดียวแต่ต้องทำต่อ ๆ ไป เราต้องรู้จักท่านให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เราต้องรู้ว่านิสัยของท่านเป็นยังไง ท่านคิดอะไร และท่านใช้มาตรฐานอะไรในการใช้ชีวิต เราต้องรู้จักพระยะโฮวาและพระเยซูลูกของพระองค์ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าเราจะอยู่ในความจริงมานานแค่ไหนแล้วก็ตาม ห21.04 น. 4 ว. 9-10
วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน
เมื่อก่อนผมเคยเป็นคนหมิ่นประมาทพระเจ้า ข่มเหงคนของพระองค์—1 ทธ. 1:13
คงจะมีบางครั้งที่เปาโลรู้สึกแย่มากตอนที่ย้อนกลับไปคิดถึงสิ่งที่เขาเคยทำในอดีต เราไม่แปลกใจเลยที่เขาเรียกตัวเองว่าเป็นคนบาปที่ “เลวที่สุด” (1 ทธ. 1:15) ก่อนที่เปาโลจะเรียนความจริง เขาไปเมืองต่าง ๆ เพื่อข่มเหงคริสเตียน เขาถึงกับจับบางคนขังคุก และถึงกับสนับสนุนการสั่งประหารคริสเตียนด้วยซ้ำ (กจ. 26:10, 11) คุณนึกภาพออกไหมว่าเปาโลจะรู้สึกยังไงตอนที่เขาไปเจอกับวัยรุ่นคริสเตียนคนหนึ่งที่พ่อแม่ถูกฆ่าเพราะเขา? เขาคงต้องเสียใจมากกับสิ่งที่เขาทำลงไป แต่เขาก็รู้ว่าเขาย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนอะไรไม่ได้ เขาเชื่อว่าพระเยซูตายเพื่อเขา และเขาเขียนด้วยความมั่นใจว่า ที่เขาได้สิทธิพิเศษต่าง ๆ ในการรับใช้ “ก็เพราะความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า” (1 คร. 15:3, 10) บทเรียนคืออะไร? คุณต้องมั่นใจจริง ๆ ว่าพระเยซูตายเพื่อคุณ และท่านทำให้คุณสามารถมีสายสัมพันธ์ที่อบอุ่นและใกล้ชิดกับพระยะโฮวาได้ (กจ. 3:19) สิ่งที่สำคัญสำหรับพระเจ้าก็คือ สิ่งที่คุณทำตอนนี้และสิ่งที่คุณจะทำในอนาคต ไม่ใช่สิ่งที่คุณเคยทำผิดพลาดในอดีต—อสย. 1:18 ห21.04 น. 23 ว. 11
วันจันทร์ที่ 10 เมษายน
ให้ตรวจสอบว่าถ้อยคำนั้นมาจากพระเจ้าจริง ๆ ไหม เพราะมีผู้พยากรณ์เท็จอยู่มากมายในโลก—1 ยน. 4:1
ถึงชาวยิวหลายคนไม่ได้คิดว่าเมสสิยาห์จะต้องตาย แต่ขอสังเกตว่าคัมภีร์ไบเบิลได้พยากรณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง “เขายอมพลีชีวิต และยอมถูกนับรวมอยู่กับคนชั่ว เขาแบกบาปของคนจำนวนมาก และอ้อนวอนเพื่อคนชั่ว” (อสย. 53:12) ดังนั้น เมื่อพระเยซูต้องตายอย่างคนบาป ชาวยิวก็ไม่มีเหตุผลที่จะรับไม่ได้ในเรื่องนี้ ในทุกวันนี้เพื่อจะไม่ให้อะไรมาขัดขวางเราไม่ให้รับใช้พระยะโฮวา เราต้องหาข้อเท็จจริง ในคำบรรยายบนภูเขาของพระเยซู ท่านเตือนคนที่ฟังท่านว่าจะมีบางคน “ใส่ร้าย” พวกเขา (มธ. 5:11) คำโกหกเหล่านั้นมาจากซาตาน มันทำให้ผู้ต่อต้านแพร่คำโกหกเกี่ยวกับคนที่รักความจริง (วว. 12:9, 10) เราต้องไม่เชื่อคำโกหกเหล่านั้น และเราต้องไม่ยอมให้คำโกหกเหล่านั้นมาทำให้ความเชื่อของเราอ่อนแอลง หรือทำให้เรากลัวที่จะรับใช้พระเจ้า ห21.05 น. 11 ว. 14; น. 12 ว. 16
วันอังคารที่ 11 เมษายน
อย่ากลัวเลย เพราะคุณมีค่ามากกว่านกกระจอกหลายตัวรวมกันด้วยซ้ำ—มธ. 10:31
ช่วยนักศึกษาของคุณให้วางใจพระยะโฮวา พระเยซูทำให้สาวกของท่านมั่นใจว่าพระยะโฮวารักพวกเขาและจะช่วยเหลือพวกเขาแน่นอน (มธ. 10:19, 20, 29, 30) คุณต้องช่วยให้นักศึกษาวางใจในพระยะโฮวาและมั่นใจว่าพระองค์จะช่วยเขาด้วยเหมือนกันโดยอธิษฐานเกี่ยวกับเป้าหมายของเขา ฟรานชิเช็คอยู่ที่โปแลนด์พูดถึงตอนที่เขาเป็นนักศึกษาว่า “ตอนที่ผู้นำการศึกษาของผมอธิษฐาน เขาจะชอบพูดถึงเป้าหมายของผมบ่อย ๆ พอผมเห็นว่าพระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของผู้นำการศึกษา ผมก็เริ่มอธิษฐานด้วยตัวเอง แล้วพอได้งานใหม่ ผมก็อธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วยผมให้ลางานได้เพื่อจะไปประชุมประชาคมและไปประชุมใหญ่ ผมเห็นว่าพระองค์ช่วยผมจริง ๆ ครับ” พระยะโฮวาสนใจและเป็นห่วงนักศึกษามาก พระองค์รู้ว่าผู้นำการศึกษาต้องพยายามมากแค่ไหนเพื่อช่วยหลายคนให้เข้ามาสนิทกับพระองค์ พระองค์รักคนที่เป็นผู้นำการศึกษามาก (อสย. 52:7) ถึงคุณยังไม่มีนักศึกษา คุณก็ยังช่วยนักศึกษาของพี่น้องคนอื่นให้ก้าวหน้าจนรับบัพติศมาได้โดยไปศึกษาด้วยกันกับเขา ห21.06 น. 7 ว. 17-18
วันพุธที่ 12 เมษายน
เขาชื่นชอบกฎหมายของพระยะโฮวา เขาอ่านกฎหมายของพระองค์ด้วยเสียงเบา ๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน—สด. 1:2
เราแสดงว่าเราเห็นค่าคัมภีร์ไบเบิลถ้าเราอ่านเป็นประจำ และถ้าเราอยากมีความเชื่อเข้มแข็ง เราก็ต้องมีตารางอ่านและศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำ เราจะรอให้ตัวเองว่างก่อนแล้วค่อยมาศึกษาไม่ได้ เราไม่เหมือนกับ “คนมีความรู้และคนฉลาด” ในโลกนี้เพราะความเชื่อของเรามีหลักฐานจากคัมภีร์ไบเบิล (มธ. 11:25, 26) เราได้ศึกษาคัมภีร์ไบเบิล เราเลยรู้ว่าทำไมโลกนี้ถึงแย่ลงเรื่อย ๆ และรู้ว่าพระยะโฮวาจะจัดการยังไงกับเรื่องนี้ ดังนั้น ให้เราตั้งใจที่จะทำให้ความเชื่อของเราเข้มแข็งขึ้นและช่วยคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้มีความเชื่อในพระยะโฮวาผู้สร้างของเรา (1 ทธ. 2:3, 4) และให้เราตั้งตารอคอยเวลาที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกจะยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาเหมือนที่บอกในวิวรณ์ 4:11 ว่า “พระยะโฮวา พระเจ้าของเรา พระองค์สมควรจะได้รับการยกย่องสรรเสริญ . . . เพราะพระองค์สร้างทุกสิ่ง” ห21.08 น. 19 ว. 18-20
วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน
ให้รักกันแบบพี่น้อง—รม. 12:10
ถ้าในประชาคมมีพี่น้องบางคนที่จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำ คนที่ทำหน้าที่แนะนำก็ต้องเป็นผู้ดูแลเพราะพระเจ้ามอบหมายให้พวกเขาทำหน้าที่นี้ ผู้ดูแลพยายามให้คำแนะนำในแบบที่ผู้ฟังจะอยากทำตามและสามารถทำตามได้จริง และเป็นคำแนะนำแบบที่ “ทำให้ชื่นใจ” (สภษ. 27:9) ผู้ดูแลรักพี่น้องมาก บางครั้งผู้ดูแลก็แสดงว่ารักพี่น้องโดยแนะนำคนที่ “กำลังก้าวไปผิดทาง” (กท. 6:1) แต่ก่อนที่ผู้ดูแลจะคุยกับพี่น้องคนนั้น เขาน่าจะดูสิ่งที่เปาโลพูดเกี่ยวกับความรัก เปาโลบอกว่า “ความรักอดกลั้นและเมตตากรุณา . . . ยอมทนรับทุกอย่าง เชื่ออยู่เสมอ หวังอยู่เสมอ อดทนได้ทุกอย่าง” (1 คร. 13:4, 7) การคิดใคร่ครวญข้อคัมภีร์เหล่านี้จะทำให้ผู้ดูแลได้ตรวจสอบตัวเองว่าเขาแนะนำพี่น้องเพราะอะไร และจะช่วยให้เขาสามารถแนะนำพี่น้องด้วยความรักได้จริง ๆ ถ้าพี่น้องคนนั้นสัมผัสได้ว่าผู้ดูแลรักและเป็นห่วงเขาจริง ๆ เขาก็จะยอมรับคำแนะนำได้ง่ายขึ้น ห22.02 น. 14 ว. 3; น. 15 ว. 5
วันศุกร์ที่ 14 เมษายน
พวกเขากลับกบฏต่อพระเจ้าและทำให้พระองค์เสียใจ—อสย. 63:10
พระยะโฮวาสร้างทูตสวรรค์และมนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ทูตสวรรค์องค์หนึ่งคือซาตาน (แปลว่า “ผู้ต่อต้าน”) กบฏต่อพระเจ้า และมันก็ทำให้อาดัมกับเอวากบฏต่อพระองค์ จากนั้นก็มีทูตสวรรค์และมนุษย์คนอื่น ๆ กบฏต่อพระองค์ด้วย (ยด. 6) พระยะโฮวารู้สึกถูกหักหลัง แต่พระองค์ก็อดทน และพระองค์จะอดทนต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงเวลาที่พระองค์จะทำลายพวกกบฏทั้งหมด ในที่สุด พระยะโฮวาและผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์จะมีความสุขเพราะไม่ต้องทนกับโลกชั่วนี้อีกต่อไป ซาตานกล่าวหาโยบว่ารับใช้พระยะโฮวาเพราะหวังผลประโยชน์ นี่เป็นการใส่ร้ายไม่ใช่แค่ตัวโยบเท่านั้นแต่ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาทุกคน และยังเป็นการใส่ร้ายพระยะโฮวาด้วย (โยบ 1:8-11; 2:3-5) มันทำอย่างนี้มาตลอดจนถึงทุกวันนี้ (วว. 12:10) ถ้าเราอดทนกับปัญหาที่เราเจอและรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาเพราะเรารักพระองค์ เราก็จะพิสูจน์ว่าสิ่งที่ซาตานพูดไม่เป็นความจริง ห21.07 น. 9 ว. 7-8
วันเสาร์ที่ 15 เมษายน
เอาการกระทำที่เลวร้ายออกไปให้พ้นจากหน้าเรา เลิกทำชั่วเสียที—อสย. 1:16
เปาโลใช้ภาพเปรียบเทียบที่ทำให้เราเข้าใจว่าสำคัญมากที่เราต้องเปลี่ยนตัวเอง เปาโลบอกว่าเราต้อง “ตรึง” ลักษณะนิสัยเก่าของเรา (รม. 6:6) นี่หมายความว่าเราต้องเลียนแบบตัวอย่างของพระเยซู ท่านเต็มใจถูกตรึงและตายเพื่อทำให้พระยะโฮวาพอใจ เหมือนกันถ้าเราอยากทำให้พระยะโฮวาพอใจ เราก็ต้องเปลี่ยนตัวเองและทำให้ความคิดที่ไม่ดีรวมทั้งนิสัยที่ไม่ดีของเราตายจากเราไป เราต้องทำแบบนี้ เราถึงจะมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่สะอาดและมีความหวังที่จะได้ชีวิตตลอดไป (ยน. 17:3; 1 ปต. 3:21) พระยะโฮวาจะไม่เปลี่ยนมาตรฐานของพระองค์เพื่อให้เข้ากับเรา เราเองต้องเปลี่ยนให้ชีวิตของเราเป็นไปตามมาตรฐานของพระองค์ (อสย. 1: 17, 18; 55:9) หลังจากที่คุณรับบัพติศมา คุณก็ยังต้องสู้กับจุดอ่อนของคุณต่อ ๆ ไป ให้อธิษฐานขอพระยะโฮวาให้ช่วยและพึ่งพลังของพระองค์ไม่ใช่ตัวเอง (กท. 5:22; ฟป. 4:6) การ “ทิ้งลักษณะนิสัยเก่า” และไม่กลับไปทำเหมือนเดิมต้องใช้ความพยายามมาก ห22.03 น. 6 ว. 15-17
วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน
[พระยะโฮวา] จะช่วยคุณ—สด. 55:22
พระยะโฮวาสัญญาว่าถ้าเราใช้ชีวิตตามมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระองค์และให้การปกครองของพระองค์สำคัญที่สุด พระยะโฮวาจะดูแลให้เรามีสิ่งจำเป็น เช่น อาหาร เสื้อผ้า และที่อยู่อาศัย (มธ. 6:33) ถ้าเรามั่นใจในคำสัญญาของพระองค์ เราจะไม่คิดว่าทรัพย์สินเงินทองจะทำให้ชีวิตของเราปลอดภัยและมีความสุขตลอดไปได้ เรารู้ว่าวิธีเดียวที่จะช่วยให้เราสงบใจได้จริง ๆ ก็คือทำตามความต้องการของพระยะโฮวา (ฟป. 4:6, 7) ถึงเราจะมีเงินที่จะซื้อของได้เยอะแยะ แต่เราต้องคิดว่าเราจะมีเวลาและมีแรงพอที่จะใช้มันและดูแลรักษามันไหม นอกจากนั้น เป็นไปได้ไหมว่าเราจะรักสิ่งของที่เรามีและให้ความสำคัญกับมันมากเกินไป จำไว้ว่าเราอยู่ในครอบครัวของพระยะโฮวา พระองค์มีงานให้เราทำ เราต้องไม่ให้อะไรมาดึงความสนใจของเราไปจากงานนั้น เราไม่อยากเป็นเหมือนผู้ชายที่พระเยซูชวนให้ติดตามท่าน แทนที่เขาจะคว้าโอกาสที่จะได้รับใช้พระยะโฮวาและเป็นลูกของพระองค์ เขากลับปฏิเสธโอกาสนั้นแค่เพราะเขารักทรัพย์สมบัติที่เขามีมากกว่า—มก. 10:17-22 ห21.08 น. 6 ว. 17
วันจันทร์ที่ 17 เมษายน
พร้อมเสมอที่จะอธิบายเรื่องความหวังของคุณ—1 ปต. 3:15
เมื่อคุณศึกษาคัมภีร์ไบเบิล คุณจะได้เห็นว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าแบบไหน พระองค์มีนิสัยและมีคุณลักษณะอะไร ซึ่งคุณก็เห็นคุณลักษณะเหล่านี้ด้วยตอนที่คุณศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติ (อพย. 34:6, 7; สด. 145:8, 9) ยิ่งคุณรู้จักพระยะโฮวาดีขึ้นเรื่อย ๆ คุณก็จะเชื่อในพระองค์มากขึ้น รักพระองค์มากขึ้น และสนิทกับพระองค์มากขึ้น นอกจากนั้น ให้พูดเรื่องความเชื่อของคุณกับคนอื่น แต่สมมุติว่าคุณประกาศกับเขาแล้ว เขาถามกลับมาว่ารู้ได้ยังไงว่ามีพระเจ้า แล้วคุณตอบไม่ได้ คุณจะทำยังไง? ให้คุณค้นคว้าจากหนังสือและสื่อต่าง ๆ ขององค์การ คุณอาจจะถามพี่น้องคนอื่นด้วยก็ได้ แล้วเอาข้อมูลที่คุณได้ไปคุยกับเขา ไม่ว่าเขาจะเชื่อคุณรึเปล่า อย่างน้อยตัวคุณเองจะได้ประโยชน์ ความเชื่อของคุณจะเข้มแข็งขึ้น ห21.08 น. 18 ว. 14-15
วันอังคารที่ 18 เมษายน
ผมไม่เคยลังเลที่จะบอกสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพวกคุณ—กจ. 20:20
เราไม่จำเป็นต้องเสียสละทุกอย่างที่เราชอบเพื่อจะทำให้พระยะโฮวาพอใจ (ปญจ. 5:19, 20) แต่ถ้าเราเลือกที่จะไม่รับใช้พระยะโฮวามากขึ้นเพียงแค่เพราะเราไม่อยากสละสิ่งที่เราชอบ เราก็อาจจะเป็นเหมือนกับผู้ชายในตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูที่ทำงานหนักเพื่อจะมีชีวิตสบายแต่ไม่สนใจพระเจ้า (ลก. 12:16-21) นอกจากนั้น เวลาเราเจอปัญหา ให้เราอธิษฐานและคิดอย่างรอบคอบว่าจะจัดการยังไง (สภษ. 3:21) พระยะโฮวาให้สิ่งดี ๆ กับเราในหลายวิธี เราจะแสดงว่าเราขอบคุณสิ่งที่พระองค์ทำโดยพยายามทำทุกอย่างที่เราทำได้เพื่อให้พระองค์ได้รับการยกย่องสรรเสริญ (ฮบ. 13:15) อย่างหนึ่งที่เราทำได้ก็คือ พยายามรับใช้มากขึ้น และนี่อาจจะทำให้เราได้สิ่งดี ๆ จากพระยะโฮวามากขึ้นอีก ทุก ๆ วันให้เราพยายาม “ลองชิมดู แล้วจะรู้ว่าพระยะโฮวาดีขนาดไหน” (สด. 34:8) แล้วเราจะเป็นเหมือนพระเยซูที่บอกว่า “อาหารของผมคือการทำตามความประสงค์ของผู้ที่ใช้ผมมาและทำงานของพระองค์ให้สำเร็จ”—ยน. 4:34 ห21.08 น. 30-31 ว. 16-19
วันพุธที่ 19 เมษายน
ความหยิ่งทำให้พินาศ และความทะนงตัวทำให้ล้มลง—สภษ. 16:18
ซาตานอยากให้เราเป็นคนหยิ่ง มันรู้ว่าถ้าเราหยิ่ง เราจะเป็นเหมือนมันและไม่ได้ชีวิตตลอดไป อัครสาวกเปาโลเลยเตือนให้ระวังที่จะไม่เป็นคนหยิ่งหรือ “เหลิงและถูกตัดสินลงโทษเหมือนมาร” (1 ทธ. 3:6, 7) เรื่องนี้เกิดขึ้นได้กับเราทุกคน ไม่ว่าเราจะเพิ่งเข้ามาในความจริงหรืออยู่ในความจริงมานานแค่ไหนแล้วก็ตาม คนหยิ่งเป็นคนเห็นแก่ตัว ซาตานพยายามทำให้เราคิดถึงตัวเองมากกว่าคิดถึงพระยะโฮวาโดยเฉพาะตอนที่เราเจอปัญหา เช่น คุณเคยโดนใส่ร้ายหรือเจอกับความไม่ยุติธรรมไหม? ตอนนั้นแหละที่ซาตานอยากเห็นคุณโทษพระยะโฮวาหรือโทษองค์การ และมันอยากให้คุณคิดว่าคุณต้องจัดการกับปัญหาด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งคำแนะนำของพระเจ้าที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิลหรอก—ปญจ. 7:16, 20 ห21.06 น. 15 ว. 4-5
วันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน
พระยะโฮวาบอกว่า “และประชาชนในแผ่นดินนี้ ขอให้มีใจเข้มแข็งและลงมือสร้างต่อเถอะ” พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า “เราอยู่กับพวกเจ้า”—ฮกก. 2:4
พระยะโฮวามอบหมายให้ฮักกัยทำงานหนึ่งที่สำคัญมาก ในปี 537 ก่อน ค.ศ. ชาวยิวที่ซื่อสัตย์หลายคนกลับจากการเป็นเชลยที่บาบิโลนและฮักกัยคงเป็นหนึ่งในนั้น พอพวกเขามาถึงกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาก็ช่วยกันวางฐานรากวิหารของพระยะโฮวา (อสร. 3:8, 10) แต่พอผ่านไปได้ไม่นาน พวกเขาก็รู้สึกท้อใจและหยุดสร้างวิหารเพราะถูกต่อต้านอย่างหนัก (อสร. 4:4; ฮกก. 1:1, 2) พอถึงปี 520 ก่อน ค.ศ. พระยะโฮวาเลยสั่งให้ฮักกัยไปช่วยพวกเขาให้มีกำลังใจมากขึ้นเพื่อจะสร้างวิหารของพระยะโฮวาให้เสร็จ (อสร. 6:14, 15) พระยะโฮวาบอกให้ฮักกัยไปให้กำลังใจชาวยิวและช่วยพวกเขาให้มีความเชื่อในพระองค์มากขึ้น วลีที่ว่า “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ” ต้องให้กำลังใจชาวยิวและทำให้พวกเขามั่นใจมากขึ้นแน่ ๆ เพราะมันทำให้พวกเขาคิดถึงพระยะโฮวาว่าพระองค์มีกองทัพทูตสวรรค์ที่ใหญ่มาก ฉะนั้นชาวยิวต้องไว้ใจพระยะโฮวา แล้วพวกเขาจะทำงานนั้นได้สำเร็จ ห21.09 น. 15 ว. 4-5
วันศุกร์ที่ 21 เมษายน
ทุกคนจะรู้ว่าพวกคุณเป็นสาวกของผม เมื่อพวกคุณรักกัน—ยน. 13:35
ในทุกวันนี้พยานพระยะโฮวาทั่วโลกรักกันและเป็นหนึ่งเดียวกัน เราไม่เหมือนกับศาสนาอื่น ๆ ไม่ว่าเราจะมาจากชาติไหนหรือสีผิวอะไรเราทุกคนก็เป็นเหมือนกับครอบครัวเดียวกัน เราเห็นหลักฐานเรื่องนี้ได้จากการประชุมในประชาคม การประชุมหมวด และการประชุมใหญ่ หลักฐานเหล่านี้ยิ่งทำให้เรามั่นใจมากขึ้นว่าพระยะโฮวายอมรับการนมัสการของเรา (ยน. 13:35) คัมภีร์ไบเบิลบอกให้เรา “รักกันให้มาก ๆ” (1 ปต. 4:8) วิธีหนึ่งที่เราจะทำอย่างนั้นก็คืออดทนกับความผิดพลาดของกันและกันและให้อภัยอย่างใจกว้าง นอกจากนั้น เราจะพยายามหาโอกาสแสดงน้ำใจกับทุกคนในประชาคมแม้แต่กับคนที่ทำให้เราเสียใจ (คส. 3:12-14) ถ้าเรารักกันแบบนี้ก็แสดงว่าเราเป็นคริสเตียนแท้ ห21.10 น. 22 ว. 13-14
วันเสาร์ที่ 22 เมษายน
คนที่รักลูกจะขยันอบรมสั่งสอนลูก—สภษ. 13:24
การตัดสัมพันธ์จะช่วยคนบาปที่ไม่กลับใจให้เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ไหม? ได้ เราเห็นตัวอย่างของหลายคนที่เคยทำบาปร้ายแรง พวกเขารู้สึกว่าการสั่งสอนแรง ๆ จากผู้ดูแลทำให้พวกเขาสำนึกตัวได้ เปลี่ยนแปลงตัวเอง และกลับมาหาพระยะโฮวาอีกครั้ง (ฮบ. 12:5, 6) ให้ลองคิดถึงตัวอย่างนี้ คนเลี้ยงแกะคนหนึ่งอาจจะสังเกตว่ามีแกะตัวหนึ่งในฝูงที่ป่วย เขารู้ว่าเพื่อจะช่วยแกะตัวนี้ เขาต้องแยกมันต่างหาก จริง ๆ แล้วแกะเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่ด้วยกันเป็นฝูง มันอาจจะกระสับกระส่ายและตื่นกลัวเมื่อต้องถูกแยกออกจากแกะตัวอื่น ๆ การที่คนเลี้ยงแกะทำอย่างนี้แสดงว่าเขาโหดร้ายกับแกะของเขาไหม? ไม่ เขารู้ว่าถ้าปล่อยให้แกะที่ป่วยยังอยู่ในฝูง มันจะแพร่เชื้อโรคให้กับแกะตัวอื่น ๆ และจะทำให้แกะตัวอื่นป่วยไปด้วย ดังนั้น เขาต้องแยกมันต่างหากเพื่อจะปกป้องแกะทั้งฝูง ห21.10 น. 10 ว. 9-10
วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน
ให้คุณส่องแสงสว่างให้คนอื่นเห็นด้วยการทำดี พอเขาเห็นความดีของคุณ เขาก็จะยกย่องสรรเสริญพระเจ้าผู้เป็นพ่อของคุณในสวรรค์—มธ. 5:16
เป็นสิทธิพิเศษมากที่เราได้อยู่ในครอบครัวที่รักกันและมีพี่น้องอยู่ทั่วโลก เราอยากชวนคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้มานมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าของเรา เราเลยไม่อยากทำอะไรที่จะทำให้คนอื่นมองพระยะโฮวาหรือคนของพระองค์ไม่ดี แต่เราพยายามทำตัวให้ดีเพื่อคนอื่นจะอยากมาเรียนเกี่ยวกับพระยะโฮวาและรับใช้พระองค์ บางคนอาจจะดูถูกหรือข่มเหงเราเพราะเราเชื่อฟังพระยะโฮวาพ่อของเรา คุณกลัวไหมเวลาต้องพูดเรื่องความเชื่อของตัวเอง? คุณมั่นใจได้ว่าพระยะโฮวากับพระเยซูจะช่วยคุณแน่นอน พระเยซูรับรองกับสาวกของท่านว่าพวกเขาไม่ต้องกลัวว่าจะพูดอะไรหรือพูดยังไง พระเยซูบอกว่า “เพราะตอนนั้นคุณจะรู้ว่าต้องพูดอะไร จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่ตัวคุณเองที่พูด แต่พลังจากพระเจ้าผู้เป็นพ่อจะช่วยคุณให้รู้ว่าควรพูดอะไร”—มธ. 10:19, 20 ห21.09 น. 24 ว. 17-18
วันจันทร์ที่ 24 เมษายน
ผมจะพูดกับพระยะโฮวาว่า “พระองค์เป็นที่หลบภัยและเป็นป้อมปราการของผม”—สด. 91:2
โมเสสพูดคล้าย ๆ กันว่าพระยะโฮวาเป็นเหมือนที่หลบภัย (สด. 90:1, เชิงอรรถ) แต่ก่อนที่เขาจะตาย เขาใช้ภาพเปรียบเทียบอีกอย่างหนึ่งด้วย เขาเขียนว่า “พระเจ้าเป็นที่หลบภัยมาตั้งแต่สมัยโบราณ แขนอันมั่นคงนิรันดร์ของพระองค์ประคับประคองคุณไว้” (ฉธบ. 33:27) ประโยคที่บอกว่า “แขนอันมั่นคงนิรันดร์ของพระองค์ประคับประคองคุณไว้” ทำให้เรารู้อะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวา? การที่เรารู้ว่าพระยะโฮวาเป็นเหมือนที่หลบภัยของเราทำให้เรารู้สึกปลอดภัย แต่ถึงอย่างนั้นก็อาจจะมีบางวันที่เรารู้สึกแย่ ไม่มีแรง สู้ต่อไปไม่ไหว ถ้าอย่างนั้นพระยะโฮวาช่วยเรายังไง? (สด. 136:23) พระยะโฮวาจะใช้แขนของพระองค์ประคองเราและพยุงเราให้ลุกขึ้นมาอีกครั้งได้ (สด. 28:9; 94:18) เรารู้ว่าเราพึ่งพระยะโฮวาได้เสมอ และนี่ช่วยเรายังไง? อย่างแรก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะปกป้องเรา อย่างที่สอง เรามั่นใจว่าพ่อในสวรรค์ห่วงใยเราจริง ๆ ห21.11 น. 6 ว. 15-16
วันอังคารที่ 25 เมษายน
พวกคุณยังต้องทุกข์ใจ . . . เพราะเจอความลำบากต่าง ๆ—1 ปต. 1:6
พระเยซูรู้ว่าถ้าสาวกของท่านเจอกับความไม่ยุติธรรม ความเชื่อของพวกเขาจะถูกทดสอบแน่ ๆ เราเลยเห็นในหนังสือลูกาว่าพระเยซูช่วยพวกเขาโดยพูดถึงตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องแม่ม่ายคนหนึ่งที่ร้องขอความยุติธรรมจากผู้พิพากษา เธอคิดว่าถ้าเธอขอต่อ ๆ ไปไม่หยุด ผู้พิพากษาคนนี้จะต้องช่วยเธอแน่ ๆ แล้วในที่สุดเขาก็ช่วยเธอจริง ๆ บทเรียนคืออะไร? พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ยุติธรรม พระเยซูบอกว่า “แล้วพระเจ้าจะไม่ให้ความยุติธรรมกับคนที่พระองค์เลือกไว้หรือเมื่อพวกเขาขอความช่วยเหลือจากพระองค์ทั้งวันทั้งคืน?” (ลก. 18:1-8) ท่านบอกอีกว่า “เมื่อ ‘ลูกมนุษย์’ มา ท่านจะได้เจอคนที่มีความเชื่อแบบนี้บนโลกจริง ๆ ไหม?” ตอนที่เจอกับความไม่ยุติธรรม เราเลียนแบบแม่ม่ายได้โดยอดทนและพยายามทำสิ่งที่ทำได้ต่อ ๆ ไป นี่จะแสดงว่าเรามีความเชื่อเข้มแข็ง ถ้าเรามีความเชื่อแบบนี้เราจะมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยเราแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว นอกจากนั้น เราต้องเชื่อว่าคำอธิษฐานมีพลังมาก ห21.11 น. 23 ว. 12; น. 24 ว. 14
วันพุธที่ 26 เมษายน
คนหนุ่มจะมีชีวิตที่สะอาดได้อย่างไร? พวกเขาต้องระวังตัวและทำตามคำของพระองค์เสมอ—สด. 119:9
วัยรุ่น บางครั้งคุณรู้สึกไหมว่ามาตรฐานของพระยะโฮวาเข้มงวดเกินไป ซาตานอยากให้คุณคิดอย่างนั้นแหละ มันอยากให้คุณสนใจสิ่งที่คนที่อยู่บนทางกว้างทำกันว่าสนุกขนาดไหน มันอยากให้คุณคิดว่าเพื่อนที่โรงเรียนหรือคนในโซเชียลมีชีวิตที่สนุกตื่นเต้นกัน แต่มาตรฐานของพระยะโฮวาทำให้คุณไม่ได้สนุกเต็มที่แบบนั้น แต่ขอให้จำไว้ว่าซาตานไม่อยากให้คนที่อยู่บนทางกว้างรู้ว่าปลายทางเป็นอะไร (มธ. 7:13, 14) แต่ตรงกันข้าม พระยะโฮวาบอกชัดเจนว่าถ้าคุณอยู่บนทางแคบที่นำไปสู่ชีวิตจะมีอนาคตดี ๆ อะไรรอคุณอยู่—สด. 37:29; อสย. 35:5, 6; 65:21-23 ห21.12 น. 23 ว. 6-7
วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน
ยอมให้อภัยคนอื่นจากใจจริง—มธ. 18:35
เรารู้ว่าเราต้องให้อภัยและรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่เราต้องทำ แต่บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เปโตรก็อาจรู้สึกอย่างนั้นด้วย (มธ. 18:21, 22) อะไรจะช่วยเราให้อภัยคนอื่นได้? อย่างแรก คิดดูว่าพระยะโฮวาให้อภัยเรามากขนาดไหน (มธ. 18:32, 33) เราไม่สมควรได้รับการอภัยจากพระองค์ แต่พระองค์ก็ให้อภัยเราอย่างใจกว้าง (สด. 103:8-10) “ถ้าพระเจ้ารักเราขนาดนี้ เราก็ควรจะรักกันด้วย” ดังนั้น การให้อภัยไม่ใช่สิ่งที่เราจะเลือกว่าจะทำหรือไม่ทำก็ได้ เราต้องให้อภัยพี่น้องของเรา (1 ยน. 4:11) อย่างที่สอง ลองคิดดูว่าจะเป็นยังไงถ้าเราให้อภัย เราอาจช่วยคนที่ทำไม่ดีกับเราได้ ช่วยให้ประชาคมเป็นหนึ่งเดียวกัน ช่วยให้เรายังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระยะโฮวา และตัวเราเองก็รู้สึกสบายใจด้วย (2 คร. 2:7; คส. 3:14) อย่างที่สาม อธิษฐานถึงพระยะโฮวาผู้ที่บอกให้เราให้อภัย ซาตานอยากให้เราแตกแยกกัน ดังนั้น เราต้องขอให้พระยะโฮวาช่วยเราให้มีสันติสุขกับพี่น้อง—อฟ. 4:26, 27 ห21.06 น. 22 ว. 11; น. 23 ว. 14
วันศุกร์ที่ 28 เมษายน
คุณจะได้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล—1 ซม. 23:17
ดาวิดต้องหนีเอาชีวิตรอดเพราะกษัตริย์ซาอูลต้องการจะฆ่าเขา ดาวิดไม่มีอะไรเลย เขาเลยต้องแวะที่เมืองโนบเพื่อขอขนมปังแค่ 5 อัน (1 ซม. 21:1, 3) หลังจากนั้น ดาวิดกับคนของเขาต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ที่ถ้ำ (1 ซม. 22:1) ดาวิดตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแบบนี้ได้ยังไง? ซาอูลอิจฉาดาวิดมากเพราะใคร ๆ ก็ชอบดาวิดและดาวิดรบชนะหลายครั้ง และซาอูลก็รู้ด้วยว่าพระยะโฮวาแต่งตั้งดาวิดให้ขึ้นเป็นกษัตริย์แทนเขาเพราะว่าเขาไม่เชื่อฟังพระองค์ (1 ซม. 23:16, 17) แต่เพราะซาอูลยังมีอำนาจอยู่ แล้วเขาก็มีกองทัพและคนอีกมากมายที่สนับสนุนเขา ดาวิดเลยต้องหนีเอาชีวิตรอด ซาอูลคิดไหมว่าจะขัดขวางพระยะโฮวาไม่ให้แต่งตั้งดาวิดให้ขึ้นเป็นกษัตริย์ได้? (อสย. 55:11) คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เรามั่นใจก็คือซาอูลทำให้ตัวเองต้องเจอกับเรื่องที่เลวร้ายมาก ๆ เพราะไม่มีใครจะขัดขวางพระยะโฮวาได้ ห22.01 น. 2 ว. 1-2
วันเสาร์ที่ 29 เมษายน
นิโคเดมัส . . . มาหาพระเยซูตอนกลางคืน—ยน. 3:1, 2
พระเยซูขยันทำงานรับใช้ พระเยซูรักและเห็นอกเห็นใจผู้คน ท่านเลยสอนพวกเขาทุกโอกาสที่ท่านทำได้ (ลก. 19:47, 48) ตัวอย่างเช่น บางครั้งมีคนเยอะมากมาหาพระเยซู ท่านก็พยายามสอนพวกเขา “จนท่านกับพวกสาวกไม่มีเวลาแม้แต่จะกินอาหารด้วยซ้ำ” (มก. 3:20) อีกครั้งก็มีผู้ชายคนหนึ่งมาหาพระเยซูตอนกลางคืนเพราะอยากฟังท่าน ท่านก็เต็มใจสอนเขา ถึงคนส่วนใหญ่ที่ได้ยินพระเยซูประกาศจะไม่ได้เข้ามาเป็นสาวก แต่ก็มีคนเยอะมากที่ได้ยินท่านประกาศอย่างดี ในทุกวันนี้ก็เหมือนกันเราอยากให้ทุกคนมีโอกาสได้ยินข่าวดี (กจ. 10:42) แทนที่เราจะประกาศเฉพาะตอนที่เราสะดวก ให้เราเต็มใจปรับเปลี่ยนเวลาเพื่อจะเจอคนมากขึ้น ถ้าเราทำแบบนั้นพระยะโฮวาก็จะดีใจ ห22.01 น. 17 ว. 13-14
วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน
การที่มนุษย์ปกครองมนุษย์มีแต่สร้างความเสียหายให้พวกเขา—ปญจ. 8:9
ในทุกวันนี้หลายคนไม่ไว้ใจคนที่มีอำนาจ เพราะพวกเขาเห็นระบบกฎหมายและระบบการเมืองเอื้อประโยชน์ให้กับคนรวยและคนที่มีอำนาจ แต่คนที่ยากจนกลับไม่ได้รับความเป็นธรรม นอกจากนั้น คนสอนศาสนาก็ทำตัวไม่ดีทำให้หลายคนไม่ไว้ใจพระเจ้าอีกต่อไป ดังนั้น ตอนที่เราสอนคัมภีร์ไบเบิลให้กับนักศึกษา เราต้องช่วยพวกเขาให้ไว้ใจพระยะโฮวาและตัวแทนของพระองค์ แต่ไม่ใช่แค่นักศึกษาของเราเท่านั้นที่ต้องฝึกไว้ใจพระยะโฮวาและไว้ใจองค์การของพระองค์ ถึงเราจะรับใช้พระยะโฮวามานานแล้ว เราก็ต้องเชื่อมั่นว่าทุกอย่างที่พระองค์ทำจะดีที่สุดเสมอ แต่ก็อาจจะมีบางอย่างที่ทดสอบความเชื่อของเรา ห22.02 น. 2 ว. 1-2