มิถุนายน
วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน
มีแม่ม่ายยากจนคนหนึ่งมาหยอดเงินเหรียญเล็ก ๆ 2 เหรียญที่มีค่าน้อยมาก—มก. 12:42
ชีวิตของแม่ม่ายคนนี้ลำบากมาก ขนาดเงินที่จะซื้ออาหารหรือของที่จำเป็นก็ยังแทบไม่มีเลย เธอไปที่ตู้บริจาคแล้วก็ค่อย ๆ หยอดเหรียญเล็ก ๆ ลงไป คนที่อยู่ตรงนั้นคงแทบไม่ได้ยินเสียงเหรียญที่เธอหยอดลงไปเลย แต่พระเยซูรู้ว่าเธอบริจาคเหรียญเลฟตัน 2 เหรียญซึ่งเป็นเหรียญที่มีค่าน้อยที่สุดในสมัยนั้น เงินที่เธอบริจาคมีค่าน้อยมาก ถึงขนาดที่จะเอาไปซื้อนกกระจอกที่เป็นนกที่มีราคาถูกที่สุดก็ยังไม่ได้เลย พระเยซูประทับใจแม่ม่ายคนนี้มาก ท่านเลยเรียกพวกสาวกมาและบอกว่า “แม่ม่ายยากจนคนนี้หยอดเงินลงไปในตู้บริจาคมากกว่าทุกคน” แล้วท่านก็อธิบายว่า “เพราะคนอื่น [โดยเฉพาะคนรวย] เอาเงินเหลือใช้มาบริจาค แต่แม่ม่ายคนนี้ ถึงจะยากจนมาก ก็ยังอุตส่าห์บริจาคเงินทั้งหมดที่เธอมีสำหรับเลี้ยงชีวิต” (มก. 12:43, 44) ที่แม่ม่ายทำแบบนี้แสดงว่าเธอฝากชีวิตไว้กับพระยะโฮวาและไว้ใจว่าพระองค์จะดูแลเธอ—สด. 26:3 ห21.04 น. 6 ว. 17-18
วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน
พวกคุณ . . . แพร่คำสอนของพวกคุณไปทั่วกรุงเยรูซาเล็ม—กจ. 5:28
ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลก ท่านคิดบวกกับงานรับใช้อยู่เสมอ และท่านก็อยากให้สาวกของท่านคิดบวกกับงานรับใช้เหมือนกัน (ยน. 4:35, 36) ตอนที่พระเยซูยังอยู่กับพวกสาวก พวกเขาประกาศอย่างขยันขันแข็ง (ลก. 10:1, 5-11, 17) แต่พอพระเยซูถูกจับและต่อมาท่านก็ตาย พวกเขาก็หมดความกระตือรือร้นที่จะประกาศไปช่วงหนึ่ง (ยน. 16:32) พอพระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย ท่านก็กระตุ้นพวกเขาให้ประกาศมากขึ้น แล้วพอท่านขึ้นไปบนสวรรค์ พวกเขาก็ประกาศอย่างขยันขันแข็ง ถึงขนาดที่พวกศัตรูบอกกับพวกเขาตามข้อคัมภีร์วันนี้ พระเยซูชี้นำการประกาศของคริสเตียนในศตวรรษแรก และพระเจ้าก็อวยพรพวกเขา ตัวอย่างเช่นในวันเพ็นเทคอสต์ ค.ศ. 33 มีประมาณ 3,000 คนที่รับบัพติศมา (กจ. 2:41) และหลังจากนั้น คนที่เข้ามาเป็นสาวกก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ (กจ. 6:7) แต่พระเยซูบอกว่าจะยังมีคนอีกเยอะที่จะตอบรับข่าวดีในสมัยสุดท้าย—ยน. 14:12; กจ. 1:8 ห21.05 น. 14 ว. 1-2
วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน
คนที่ไม่สงสัยในตัวผมก็มีความสุข—มธ. 11:6
คุณจำความรู้สึกตอนที่คุณรู้ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลเป็นครั้งแรกได้ไหม? ตอนนั้นคุณคงคิดว่าคนอื่นคงอยากเรียนความจริงเหมือนกับคุณแน่ ๆ คุณมั่นใจว่าถ้าพวกเขาได้เรียน พวกเขาจะมีความสุขและมีความหวังที่ดีในอนาคต (สด. 119:105) คุณก็เลยรีบเล่าเรื่องที่คุณได้เรียนให้เพื่อน ๆ กับญาติ ๆ ของคุณฟัง แต่ปรากฏว่าพวกเขาไม่สนใจที่คุณพูดเลย เราไม่ต้องแปลกใจถ้ามีคนไม่สนใจตอนที่เราพูดเรื่องคัมภีร์ไบเบิล คนส่วนใหญ่ในสมัยของพระเยซูก็ไม่ยอมรับท่านทั้ง ๆ ที่ท่านทำการอัศจรรย์หลายอย่างที่แสดงว่าท่านต้องเป็นคนที่พระเจ้าใช้มาแน่ ๆ ตัวอย่างเช่น ถึงพวกผู้นำชาวยิวยอมรับว่าพระเยซูปลุกลาซารัสให้ฟื้นขึ้นจากตาย แต่พวกเขาก็ไม่ยอมรับว่าท่านเป็นเมสสิยาห์ และแถมยังหาทางฆ่าทั้งพระเยซูและลาซารัสด้วย—ยน. 11:47, 48, 53; 12:9-11 ห21.05 น. 2 ว. 1-2
วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน
อย่าขาดการประชุม . . . แต่ให้กำลังใจกัน—ฮบ. 10:25
ให้คุณพยายามไปประชุมเป็นประจำ คุณจะได้กำลังใจจากส่วนต่าง ๆ ในการประชุมและได้รู้จักพี่น้องมากขึ้นด้วย ลองดูว่าในประชาคมมีใครบ้างที่คุณอาจจะเรียนอะไรบางอย่างได้จากเขา ถึงแม้เขาจะไม่ได้อายุเท่ากับคุณหรือมีภูมิหลังเหมือนกับคุณ ก็ให้ลองพยายามเป็นเพื่อนกับเขา คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่า “ยิ่งมีอายุ ยิ่งมีสติปัญญา” (โยบ 12:12) คนที่อายุมากกว่าก็เรียนจากคนที่อายุน้อยกว่าได้เหมือนกัน ถึงดาวิดจะอายุน้อยกว่าโยนาธานเยอะ แต่พวกเขาก็สนิทกันมาก (1 ซม. 18:1) พวกเขาต้องเจออุปสรรคหลายอย่างในชีวิต แต่ก็คอยช่วยเหลือกันให้รับใช้พระยะโฮวาต่อไปได้ (1 ซม. 23:16-18) อีรีน่าที่เป็นพยานฯคนเดียวในครอบครัวบอกว่า “พี่น้องในประชาคมจะเป็นเหมือนพ่อแม่และคนในครอบครัวของเราได้ พระยะโฮวาอาจให้พวกเขามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปในชีวิตของเรา” พี่น้องอยากช่วยคุณและให้กำลังใจคุณ แต่คุณก็ต้องบอกให้พวกเขารู้ว่าจะช่วยคุณได้ยังไงบ้าง ห21.06 น. 10-11 ว. 9-11
วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน
พระเจ้าผู้เป็นพ่อของผมในสวรรค์จะทำอย่างนั้นกับคุณเหมือนกัน ถ้าคุณไม่ยอมให้อภัยคนอื่นจากใจจริง—มธ. 18:35
พระเยซูยกตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องกษัตริย์กับทาสของเขา ทาสคนนี้เป็นหนี้ก้อนโตที่ไม่มีทางใช้คืนได้เลย แต่กษัตริย์ก็ยกหนี้ให้เขา พอเขาไปหาเพื่อนทาส เขากลับไม่ยอมยกหนี้ให้เพื่อนทาสของเขาที่เป็นหนี้แค่นิดเดียว พอกษัตริย์รู้อย่างนี้ก็สั่งให้เอาทาสที่ไร้ความเมตตาคนนี้ไปขังคุก สิ่งที่ทาสคนนี้ทำไม่ได้มีผลแค่กับตัวเขาเองเท่านั้น แต่กับคนอื่นด้วย อย่างแรก เขาไม่เมตตาและ “จับเพื่อนทาสคนนั้นไปขังไว้ในคุกจนกว่าจะใช้หนี้หมด” อย่างที่สอง เขาทำให้เพื่อนทาสคนอื่นรู้สึกไม่ดี เพราะ “เมื่อพวกเพื่อนทาสเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็สลดใจมาก” (มธ. 18:30, 31) สิ่งที่เราทำก็มีผลกับคนอื่นเหมือนกัน ถ้ามีคนมาทำไม่ดีกับเรา แล้วเราไม่ยอมให้อภัยเขา จะเกิดอะไรขึ้น? อย่างแรก เราทำให้คนนั้นเจ็บ เพราะเราไม่ให้อภัยเขา ไม่สนใจเขาและไม่แสดงความรักกับเขา อย่างที่สอง เราทำให้คนอื่นในประชาคมไม่สบายใจเมื่อเห็นเรากับพี่น้องคนนั้นมีปัญหากัน ห21.06 น. 22 ว. 11-12
วันอังคารที่ 6 มิถุนายน
พระองค์จะทำลายผู้คนที่ทำลายโลกนี้—วว. 11:18
มนุษย์ถูกสร้างตามแบบพระเจ้า แต่ซาตานอยากให้มนุษย์เสื่อมทรามลงเรื่อย ๆ ในสมัยของโนอาห์ “พระยะโฮวาเห็นว่าความชั่วของมนุษย์มีมากมายบนโลก มนุษย์ที่พระยะโฮวาสร้างไว้บนโลกทำให้พระองค์เสียใจ และเจ็บปวดใจ” (ปฐก. 6:5, 6, 11) ตั้งแต่นั้นมาโลกดีขึ้นไหม? ไม่เลย ซาตานชอบที่เห็นคนทั่วไปมองว่าการทำผิดศีลธรรมเป็นเรื่องปกติ รวมถึงเรื่องการรักร่วมเพศด้วย (อฟ. 4:18, 19) และซาตานยิ่งมีความสุขมากที่ได้เห็นคนของพระเจ้าทำผิดร้ายแรง ภายใต้การปกครองของซาตาน “การที่มนุษย์ปกครองมนุษย์” ไม่ได้ “สร้างความเสียหาย” ให้แค่มนุษย์เท่านั้น แต่สร้างความเสียหายให้กับโลกและสัตว์ที่พระเจ้าให้มนุษย์ดูแลด้วย (ปญจ. 8:9; ปฐก. 1:28) ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งบอกว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้ามนุษย์อาจจะทำให้สิ่งมีชีวิตเป็นล้านชนิดต้องสูญพันธุ์ ห21.07 น. 12 ว. 13-14
วันพุธที่ 7 มิถุนายน
พระองค์จะให้อภัยอย่างใจกว้าง—อสย. 55:7
ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาบางคนรู้สึกผิดไม่หายและถึงกับคิดว่าถึงเขาจะกลับใจมากแค่ไหน พระยะโฮวาก็ไม่มีวันให้อภัยเขา ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกอย่างนั้น การเข้าใจว่าพระยะโฮวาแสดงความรักที่มั่นคงกับผู้รับใช้ของพระองค์จะช่วยคุณได้เราสามารถรับใช้พระยะโฮวาอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องรู้สึกผิดได้ เพราะ “เลือดของพระเยซูลูกของพระองค์จะลบล้างบาปทั้งหมดของเรา” (1 ยน. 1:7) แต่ถ้าคุณยังรู้สึกท้อใจอยู่ ขอให้จำไว้ว่าพระยะโฮวาพร้อมจะให้อภัยคุณถ้าคุณกลับใจจริง ๆ ขอสังเกตคำพูดของดาวิดว่าความรักที่มั่นคงกับการให้อภัยเกี่ยวข้องกันยังไง เขาเขียนว่า “ท้องฟ้าสูงกว่าแผ่นดินมากเท่าไร พระองค์ก็มีความรักที่มั่นคงต่อคนที่เกรงกลัวพระองค์มากเท่านั้น ทิศตะวันออกไกลจากทิศตะวันตกมากเท่าไร พระองค์ก็ทิ้งความผิดของพวกเราไปไกลมากเท่านั้น” (สด. 103:11, 12; เชิงอรรถ) ห21.11 น. 5-6 ว. 12-13
วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน
ลูก ๆ ก็ยืนขึ้นและยกย่องเธอ สามีก็ลุกขึ้นและชมเชยเธอ—สภษ. 31:28
สามีคริสเตียนต้องให้เกียรติภรรยา (1 ปต. 3:7) เช่น เขาจะให้ความสำคัญกับเธอและเอาใจใส่เธอมากกว่าคนอื่น เขาจะไม่คาดหมายกับเธอมากเกินไปและจะไม่เปรียบเทียบเธอกับผู้หญิงคนอื่น แต่ถ้าสามีไม่ได้ทำอย่างนั้น ผลจะเป็นยังไง? โรซ่ามีสามีไม่ได้เป็นพยานฯ เขาชอบเทียบเธอและว่าเธอว่าทำไมไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น มันทำให้เธอไม่มั่นใจตัวเองและไม่แน่ใจว่ามีใครรักเธอจริง ๆ หรือเปล่า เธอบอกว่า “ฉันต้องมีอะไรมาเตือนอยู่เรื่อย ๆ เพื่อจะมั่นใจว่าฉันยังมีค่าในสายตาพระยะโฮวา” แต่สามีคริสเตียนจะไม่ทำอย่างนั้น เขาจะให้เกียรติภรรยาเพราะเขารู้ว่านั่นจะทำให้เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับภรรยาและกับพระยะโฮวาด้วย สามีที่ให้เกียรติภรรยาจะชมภรรยาและบอกเธอว่าเขารักเธอ และจะชมเธอต่อหน้าคนอื่นด้วย ห21.07 น. 22 ว. 7-8
วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน
ผมจะอดทนรอ—มคา. 7:7
คุณจะรู้สึกผิดหวังไหมถ้าคุณสั่งของชิ้นหนึ่งมา แล้วมันก็ไม่มาสักที? แต่ถ้าคุณรู้ว่ามีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้ของที่คุณสั่งมาช้า คุณก็คงจะอดทนรอได้ใช่ไหม? สุภาษิต 13:11 สอนเราว่าทำไมเราต้องอดทนรอ ข้อนั้นบอกว่า “ทรัพย์ที่ได้มาง่าย ๆ จะหมดไป แต่ทรัพย์ของคนที่เก็บเล็กผสมน้อยจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ” คุณเห็นหลักการจากข้อนี้ไหม? ถ้าเราค่อย ๆ ทำอะไรอย่างอดทน ผลที่ออกมาก็จะดี สุภาษิต 4:18 บอกว่า “ทางของคนดีเป็นเหมือนแสงสว่างยามเช้า ซึ่งสว่างขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงเที่ยงวัน” ข้อนี้หมายถึงการที่พระยะโฮวาช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ให้เข้าใจความประสงค์ของพระองค์ทีละเล็กทีละน้อย แต่ไม่ใช่แค่นั้น ข้อนี้ยังเอามาใช้ได้กับการที่คริสเตียนก้าวหน้าในความจริงและสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยซึ่งการทำอย่างนี้ต้องใช้เวลา เราเร่งมันไม่ได้ ห21.08 น. 8 ว. 1, 3-4
วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน
ผมเองครับ ส่งผมไปเถอะ—อสย. 6:8
ยิ่งจุดจบของโลกนี้ใกล้เข้ามา เราก็ยิ่งมีงานให้ทำมากขึ้น (มธ. 24:14; ลก. 10:2; 1 ปต. 5:2) เราทุกคนอยากทำสุดความสามารถเพื่อพระยะโฮวา หลายคนก็เลยพยายามรับใช้มากขึ้น บางคนอยากเป็นไพโอเนียร์ บางคนอยากทำงานรับใช้ที่เบเธลหรืออยากช่วยงานก่อสร้างหอประชุมและอาคารต่าง ๆ ขององค์การ ส่วนพี่น้องชายหลายคนก็อยากเป็นผู้ช่วยงานรับใช้และเป็นผู้ดูแล (1 ทธ. 3:1, 8) พระยะโฮวาต้องมีความสุขมากแน่ ๆ ที่เห็นคนของพระองค์เต็มใจรับใช้พระองค์ขนาดนี้ (สด. 110:3) คุณรู้สึกท้อเพราะยังไม่ได้สิทธิพิเศษบางอย่างแบบที่ตั้งใจไว้ไหม? ถ้าคุณรู้สึกอย่างนี้ ก็ให้อธิษฐานเล่าให้พระยะโฮวาฟัง (สด. 37:5-7) นอกจากนั้น ลองขอคำแนะนำจากพี่น้องที่มีประสบการณ์ว่าคุณจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นในงานรับใช้ได้ยังไง และพยายามทำตามคำแนะนำของเขา ไม่แน่ถ้าคุณทำอย่างนั้นคุณอาจจะได้สิทธิพิเศษอย่างที่ตั้งใจไว้ก็ได้ ห21.08 น. 20 ว. 1; น. 21 ว. 4
วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน
พระยะโฮวา . . . จะไม่ทอดทิ้งคนที่ภักดีต่อพระองค์—สด. 37:28
ผู้พยากรณ์หญิงอันนาอายุ 84 แล้ว แต่เธอ “มาที่วิหารเสมอไม่เคยขาด” เพราะเธอไปที่วิหารเป็นประจำ พระยะโฮวาเลยให้รางวัลกับเธอ เธอได้มีโอกาสเห็นพระเยซูตอนที่เป็นทารก (ลก. 2:36-38) ในปัจจุบันพี่น้องที่สูงอายุก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพี่น้องที่อายุน้อยกว่าด้วย ถ้าเราพยายามให้เวลากับพี่น้องที่สูงอายุ คุยกับเขา ขอเขาเล่าให้ฟังว่าที่ผ่านมาเขามีความสุขมากแค่ไหนที่ได้อยู่ในองค์การของพระยะโฮวา เราก็จะได้ประโยชน์จากประสบการณ์ของพวกเขามาก พี่น้องสูงอายุสำคัญมากสำหรับพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์ พวกเขาได้เห็นมาเยอะมากว่าพระยะโฮวาดูแลพวกเขาและองค์การของพระองค์ยังไงบ้าง และพวกเขาก็ได้เรียนหลายอย่างจากความผิดพลาดของตัวเองด้วย ขอให้คุณมองพี่น้องสูงอายุว่าเป็น “แหล่งของสติปัญญา” และเรียนจากประสบการณ์ของพวกเขา (สภษ. 18:4) ถ้าคุณให้เวลากับพวกเขาและพยายามรู้จักพวกเขามากขึ้น ห21.09 น. 3 ว. 4; น. 4 ว. 7-8; น. 5 ว. 11, 13
วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน
คนจำนวนน้อยจะเพิ่มเป็นจำนวนพัน คนตัวเล็กจะกลายเป็นชาติใหญ่—อสย. 60:22
องค์การของพระเจ้าสามารถใช้ “น้ำนมของชาติต่าง ๆ” ในการขยายงานประกาศเหมือนอย่างที่อิสยาห์บอกไว้ (อสย. 60:5, 16) เนื่องจากมีคนเข้ามาเป็นพยานฯเพิ่มขึ้นและพี่น้องเหล่านี้ก็มีความสามารถหลายอย่างด้วย พวกเขาเลยช่วยให้เรามีหนังสือและสื่อต่าง ๆ มากกว่า 1,000 ภาษาและมีการประกาศใน 240 ประเทศ ในสมัยสุดท้ายนี้การเขย่าชาติต่าง ๆ ทำให้ทุกคนต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ พวกเขาจะเลือกสนับสนุนรัฐบาลของพระเจ้าหรือว่าพวกเขาจะเลือกที่จะไว้ใจรัฐบาลของโลกนี้ ถึงคนของพระยะโฮวาจะเชื่อฟังกฎหมายของรัฐบาลแต่พวกเขาก็จะเป็นกลางทางการเมือง (รม. 13:1-7) พวกเขารู้ว่ามีแต่รัฐบาลของพระเจ้าเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างของมนุษย์ได้และรัฐบาลนี้ก็ไม่เป็นส่วนหนึ่งของโลกด้วย—ยน. 18:36, 37 ห21.09 น. 17-18 ว. 13-14
วันอังคารที่ 13 มิถุนายน
ระบายความในใจกับพระองค์เถอะ—สด. 62:8
ถ้าคนที่คุณรักทิ้งพระยะโฮวา เป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณต้องพยายามทำให้ตัวเองมีความเชื่อที่เข้มแข็งและช่วยคนอื่นในครอบครัวด้วย คุณจะทำอย่างนั้นได้ยังไง? ถ้าคุณอยากได้กำลังจากพระยะโฮวา คุณต้องทำสิ่งที่คริสเตียนทำเป็นประจำ เช่น อ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำแล้วคิดใคร่ครวญ และไปประชุมเป็นประจำด้วย โจอันนาที่มีพ่อและพี่สาวถูกตัดสัมพันธ์เล่าว่า “ฉันชอบอ่านเรื่องของคนในคัมภีร์ไบเบิล เช่น อาบีกายิล เอสเธอร์ โยบ โยเซฟ และพระเยซู ตัวอย่างของพวกเขาทำให้ฉันรู้สึกสงบใจและคิดในแง่บวกมากขึ้น ถึงฉันจะยังเจ็บปวดอยู่ แต่พอได้อ่านตัวอย่างของพวกเขา ฉันก็รู้สึกดีขึ้น” ถึงคุณจะเครียดและรู้สึกเศร้ามากแค่ไหน อย่าหยุดอธิษฐาน ให้คุณขอพระยะโฮวาช่วยคุณมองเรื่องต่าง ๆ อย่างที่พระองค์มอง และขอพระองค์ “ช่วย [คุณ] ให้มีความเข้าใจ” และ “บอกทางที่ [คุณ] ควรไป” (สด. 32:6-8) คุณอาจรู้สึกเจ็บปวดมากตอนที่เล่าให้พระยะโฮวาฟังว่าคุณรู้สึกยังไงบ้าง แต่ขอให้คุณรู้ว่าพระยะโฮวาเข้าใจคุณ พระองค์อยากให้คุณระบายความรู้สึกทั้งหมดให้พระองค์ฟัง—อพย. 34:6; สด. 62:7 ห21.09 น. 28 ว. 9-10
วันพุธที่ 14 มิถุนายน
นี่คือลูกรักของเรา เราพอใจในตัวเขามาก พวกเจ้าต้องเชื่อฟังเขา—มธ. 17:5
หลังจากเทศกาลปัสกาในปีคริสต์ศักราช 32 พระเยซูพาอัครสาวกเปโตร ยากอบ และยอห์นขึ้นไปที่ภูเขาสูงซึ่งอาจจะเป็นภูเขาเฮอร์โมน ตอนนั้นพวกเขาทั้ง 3 คนได้เห็นนิมิตที่น่าทึ่งมาก รูปกายของพระเยซูเปลี่ยนไปต่อหน้าพวกเขา “ใบหน้าของท่านเปล่งแสงเหมือนดวงอาทิตย์ และเสื้อผ้าของท่านก็ขาวเจิดจ้า” (มธ. 17:1-4) และในตอนท้ายของนิมิตนั้น พวกเขาทั้ง 3 คนก็ได้ยินพระยะโฮวาพูดว่า “นี่คือลูกรักของเรา เราพอใจในตัวเขามาก พวกเจ้าต้องเชื่อฟังเขา” อัครสาวกทั้ง 3 คนทำให้เห็นเลยว่าพวกเขาเชื่อฟังพระเยซูตลอดชีวิตของพวกเขา พวกเราในทุกวันนี้ก็เหมือนกัน พวกเราอยากจะเลียนแบบพวกเขาด้วย เราขอบคุณพระยะโฮวาที่ให้คำแนะนำเราผ่านทางพระเยซู “ผู้นำของประชาคม” (อฟ. 5:23) ให้เราตั้งใจที่จะ “เชื่อฟัง” ท่านเหมือนที่อัครสาวกเปโตร ยากอบ และยอห์นได้ทำ ถ้าเราทำแบบนี้เราจะได้รับพรมากมายทั้งตอนนี้และจะมีความสุขตลอดไปในอนาคต ห21.12 น. 22 ว. 1; น. 27 ว. 19
วันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน
เราจะสั่งสอนเจ้าตามสมควร—ยรม. 30:11
คริสเตียนคนหนึ่งในเมืองโครินธ์มีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของพ่อตัวเอง น่าตกใจจริง ๆ เปาโลบอกให้ตัดสัมพันธ์คนนี้ออกจากประชาคม การกระทำของผู้ชายคนนี้มีผลกับคนอื่นในประชาคม บางคนถึงกับไม่รู้สึกอะไรกับการกระทำที่น่ารังเกียจของเขา (1 คร. 5:1, 2, 13) พอเวลาผ่านไป เปาโลก็ได้รู้ว่าคนบาปคนนี้ได้กลับใจจริง ๆ เขาบอกพวกผู้ดูแลว่า “พวกคุณน่าจะยอมให้อภัยและปลอบใจเขามากกว่า เขาจะได้ไม่จมอยู่กับความเศร้ามากเกินไป” เปาโลสงสารผู้ชายคนนี้ และไม่อยากทำให้เขารู้สึกท้อจนไม่อยากกลับเข้ามาในประชาคม (2 คร. 2:5-8, 11) ผู้ดูแลชอบแสดงความเมตตามากเหมือนกับพระยะโฮวา พวกเขาจะสั่งสอนเมื่อจำเป็น แต่ก็แสดงความเมตตาทุกครั้งที่ทำได้ เพราะถ้าผู้ดูแลไม่สั่งสอนคนที่ทำผิดเลย พวกเขาก็ไม่ได้แสดงความเมตตาแต่กลายเป็นว่าปิดหูปิดตากับการทำผิด ห21.10 น. 11-12 ว. 12-15
วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน
อย่าแก้แค้นหรือผูกพยาบาท—ลนต. 19:18
ความรู้สึกเจ็บใจก็เป็นเหมือนกับตอนที่เราเป็นแผล แผลมีทั้งเล็กและใหญ่ อย่างเช่น ตอนที่เราถูกกระดาษบาดนิ้ว เราอาจเป็นแผลเล็ก ๆ และรู้สึกเจ็บ พอผ่านไป 2-3 วันก็หายและจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยเป็นแผลที่ไหน ก็เหมือนกันถ้ามีบางคนพูดหรือทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดีแต่เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ เราก็ยกโทษให้เขาได้ง่าย ๆ แต่ถ้าเป็นแผลใหญ่ เราอาจต้องไปหาหมอ แล้วหมอก็ต้องเย็บแผลและเอาผ้ามาพันแผลไว้ ถ้าเราเอาแต่จิ้มที่แผลหรือโดนแผลบ่อย ๆ แผลนั้นก็จะไม่หายและจะทำให้แย่ยิ่งกว่าเดิมด้วย ก็เหมือนกันถ้ามีบางคนมาทำให้เรารู้สึกเจ็บมากแล้วเราก็มัวแต่คิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นว่าทำไมเขาต้องทำให้เราเจ็บแบบนั้น และถ้าเรายังเก็บความโกรธเอาไว้และแค้นไม่หาย เราก็ทำให้ตัวเองเจ็บ ฉะนั้นดีกว่าถ้าเราจะเชื่อฟังคำแนะนำในเลวีนิติ 19:18 เหมือนกับที่บอกไว้ในข้อคัมภีร์วันนี้ ห21.12 น. 12 ว. 15
วันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน
ทำไมคุณถึงต้องตัดสินพี่น้องของคุณ?—รม. 14:10
ถ้าผู้ดูแลคิดจะแนะนำพี่น้องเรื่องการแต่งตัว เขาอาจจะถามตัวเองว่า ‘ผมมีเหตุผลจากคัมภีร์ไบเบิลไหมที่จะแนะนำเขา?’ และเพื่อที่ผู้ดูแลจะไม่ใช้อารมณ์ความรู้สึกของตัวเองในการตัดสินใจ เขาอาจจะไปถามผู้ดูแลอีกคน หรือพี่น้องชายหรือพี่น้องหญิงที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ และเขาสองคนอาจจะดูคำแนะนำของเปาโลด้วยกันเรื่องการแต่งตัว (1 ทธ. 2:9, 10) เปาโลให้หลักการกว้าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาบอกว่าคริสเตียนควรจะแต่งตัวแบบที่เหมาะสม สุภาพเรียบร้อย และไม่ทำให้พระยะโฮวาเสียชื่อเสียง เปาโลไม่ได้มีรายการยาวเหยียดว่าควรจะใส่อะไรไม่ควรจะใส่อะไร เขารู้ว่าพี่น้องมีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าจะแต่งตัวยังไงตามความชอบของตัวเองถ้าไม่ขัดกับหลักการในคัมภีร์ไบเบิล ดังนั้น เมื่อผู้ดูแลจะตัดสินใจว่าจะต้องแนะนำพี่น้องหรือเปล่า เขาก็จะดูว่าพี่น้องคนนั้นแต่งตัวแบบที่เหมาะสมและให้เกียรติพระยะโฮวาไหม เราต้องจำไว้ว่าพี่น้องที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ 2 คนอาจจะตัดสินใจไม่เหมือนกันก็ได้ และไม่ได้หมายความว่าคนหนึ่งถูกคนหนึ่งผิด พวกเขาอาจจะถูกทั้งคู่ก็ได้ ดังนั้น เราต้องไม่บังคับให้พี่น้องคิดเหมือนกับเรา ห22.02 น. 16 ว. 9-10
วันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน
มีความรักที่มั่นคงและเมตตากัน—ศคย. 7:9; เชิงอรรถ
เราควรจะแสดงความรักที่มั่นคงต่อกัน เพราะอะไร? หนังสือสุภาษิตบอกว่า “ลูกต้องมีความรักที่มั่นคงและซื่อสัตย์เสมอ . . . แล้วพระเจ้ากับมนุษย์จะรักลูก และยอมรับว่าลูกเป็นคนที่มีความเข้าใจลึกซึ้ง” “คนที่มีความรักมั่นคงจะได้สิ่งดีกลับมา” “คนที่พยายามทำสิ่งที่ถูกต้องและมีความรักที่มั่นคงจะได้ชีวิต” (สภษ. 3:3, 4; 11:17, เชิงอรรถ; 21:21) สุภาษิตเหล่านี้ทำให้เราเห็น 3 เหตุผลที่เราควรแสดงความรักที่มั่นคง อย่างแรก ถ้าเราแสดงความรักที่มั่นคง เราจะเป็นคนที่มีค่าในสายตาของพระเจ้า อย่างที่สอง ตัวเราเองจะได้ประโยชน์ เช่น เราจะมีเพื่อนที่รักกันตลอดไป อย่างที่สาม เราจะได้รับพรในอนาคตซึ่งรวมถึงชีวิตตลอดไป ดังนั้น มีเหตุผลดีจริง ๆ ที่เราจะทำตามที่พระยะโฮวาบอกที่ให้ “มีความรักที่มั่นคงและเมตตากัน” ห21.11 น. 8 ว. 1-2
วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน
ขอช่วยให้พวกเรามีความเชื่อมากขึ้นด้วยครับ—ลก. 17:5
ถ้าปัญหาต่าง ๆ ที่คุณเคยเจอหรือที่คุณกำลังเจอในตอนนี้ทำให้เห็นว่าคุณยังมีความเชื่อไม่มากพอ ให้มองว่านี่เป็นโอกาสที่จะทำให้ความเชื่อของคุณเข้มแข็ง ให้คุณอธิษฐานอ้อนวอนถึงพระยะโฮวาอย่างจริงจังโดยเฉพาะตอนที่คุณกำลังเจอปัญหาหนัก และอย่าลืมด้วยว่าพระยะโฮวาอาจช่วยคุณโดยใช้คนในครอบครัวหรือพี่น้อง ถ้าคุณยอมให้พระยะโฮวาช่วยคุณรับมือกับปัญหาในตอนนี้ คุณก็จะมั่นใจมากขึ้นว่าพระองค์จะช่วยคุณให้รับมือกับปัญหาอะไรก็ตามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ถึงพระเยซูบอกว่าสาวกของท่านขาดความเชื่อในเรื่องไหนบ้าง แต่ท่านมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถผ่านการทดสอบในอนาคตได้ถ้าพวกเขาพึ่งพระยะโฮวา (ยน. 14:1; 16:33) และท่านแน่ใจว่าจะมีชนฝูงใหญ่ที่รอดผ่านความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่เพราะพวกเขามีความเชื่อเข้มแข็ง (วว. 7:9, 14) คุณจะอยู่ในกลุ่มนี้แน่นอนถ้าคุณพยายามทำทุกอย่างที่ทำได้ในตอนนี้เพื่อมีความเชื่อเข้มแข็งมากขึ้น—ฮบ. 10:39 ห21.11 น. 25 ว. 18-19
วันอังคารที่ 20 มิถุนายน
ทูตสวรรค์ของพระยะโฮวาอยู่ล้อมรอบคนที่เกรงกลัวพระองค์—สด. 34:7
ทุกวันนี้ถึงเราจะไม่ได้หวังให้พระยะโฮวาปกป้องอย่างอัศจรรย์ แต่เรารู้ว่าถ้าเราตายในตอนนี้ เราจะได้ชีวิตตลอดไปในอนาคตเพราะเราไว้วางใจพระยะโฮวา อีกไม่นานเราจะถูกทดสอบว่าเราเชื่อมั่นในการปกป้องคุ้มครองของพระยะโฮวามากแค่ไหน ตอนที่โกกแห่งมาโกกซึ่งก็คือกลุ่มชาติต่าง ๆ มาโจมตีประชาชนของพระเจ้า ชีวิตของเราจะตกอยู่ในอันตราย เราต้องมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยเราได้และพระองค์จะทำอย่างนั้นแน่นอน ในสายตาของชาติต่าง ๆ เราเป็นเหมือนแกะที่ไม่มีใครปกป้อง (อสค. 38:10-12) เราไม่มีอาวุธ เราไม่เคยฝึกต่อสู้ พวกเขาก็เลยคิดว่าเราเป็นเป้าที่จะโจมตีได้ง่าย ๆ แต่เราไม่ต้องกลัว ถ้าเรามีความเชื่อในพระยะโฮวา เราจะมั่นใจจนเหมือนกับเห็นทูตสวรรค์ของพระองค์มาอยู่ล้อมรอบเรา แต่กลุ่มชาติต่าง ๆ มองไม่เห็นพวกทูตสวรรค์เพราะพวกเขาไม่เชื่อในพระยะโฮวา และในตอนที่กองทัพทูตสวรรค์มาสู้แทนเรา พวกเขาจะตกตะลึงจนพูดไม่ออก—วว. 19:11, 14, 15 ห22.01 น. 6 ว. 12-13
วันพุธที่ 21 มิถุนายน
ให้รักพี่น้องคริสเตียนทุกคน—1 ปต. 2:17
พระยะโฮวามองว่าพี่น้องทุกคนสำคัญ เราก็ควรมองพี่น้องทุกคนแบบนั้นด้วย เราควรใส่ใจพวกเขาและระวังที่จะไม่ทำให้ใครเสียใจ ถ้าเรามารู้ว่าเราทำให้ใครสักคนเสียใจหรือเจ็บใจ เราไม่น่าจะปล่อยเรื่องนั้นไว้และคิดว่า ‘เขาคิดมากไปเอง ไม่น่าจะทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลย เขาน่าจะมองข้ามเรื่องนี้ไป’ แล้วทำไมบางคนถึงรู้สึกเจ็บและมองข้ามบางเรื่องไม่ได้? อาจเป็นเพราะภูมิหลังของเขาที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่นอยู่แล้ว เขาก็เลยมีความรู้สึกไวกว่าคนอื่น ส่วนบางคนเพิ่งเข้ามาในความจริง เขาเลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไงตอนที่คนอื่นมาทำให้เขารู้สึกเจ็บ แต่ไม่ว่าจะยังไง เราก็ควรจัดการกับปัญหาเพื่อจะทำให้มีสันติสุขอีกครั้ง นอกจากนั้น คนที่มีความรู้สึกไวเกินไปก็ต้องรู้ว่านี่เป็นนิสัยที่เขาต้องปรับปรุงเพื่อเขาจะมีความสุข และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น ห21.06 น. 21 ว. 7
วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน
พระยะโฮวาอยู่ใกล้ทุกคนที่ร้องเรียกพระองค์ คือทุกคนที่ร้องเรียกพระองค์ด้วยความจริงใจ—สด. 145:18
พระเยซูเข้าใจความรู้สึกของคุณ ถ้าคุณรู้สึกเครียดและกังวล คุณคงดีใจที่มีเพื่อนที่เข้าใจความรู้สึกคุณ แล้วยิ่งถ้าเป็นเพื่อนที่เคยเจอปัญหาคล้าย ๆ กับคุณ เขาคงให้กำลังใจคุณได้มาก พระเยซูก็เป็นเพื่อนแบบนั้นแหละ ท่านรู้ว่าตอนที่รู้สึกอ่อนแอและตอนที่ต้องการความช่วยเหลือมันเป็นยังไง ท่านเข้าใจความอ่อนแอของเราดีและท่านจะช่วยเรา “เมื่อเราต้องการความช่วยเหลือ” (ฮบ. 4:15, 16) ตอนอยู่สวนเกทเสมนีพระเยซูยอมให้ทูตสวรรค์ช่วย เราก็เหมือนกันเราต้องเต็มใจให้พระยะโฮวาช่วยเหลือเรา พระยะโฮวาช่วยเราผ่านทางหนังสือต่าง ๆ ขององค์การ วีดีโอ คำบรรยาย ผู้ดูแล และคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ (ลก. 22:39-44) พระยะโฮวาจะให้เรามี “สันติสุขของพระเจ้า” และมีกำลังมากขึ้น และถ้าเราอธิษฐาน เราก็จะได้ “สันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจทุกอย่าง”—ฟป. 4:6, 7 ห22.01 น. 18-19 ว. 17-19
วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน
พวกเขาจะแจ้งคำตัดสินของพวกอัครสาวกและผู้ดูแล . . . ให้พี่น้องที่นั่นรู้—กจ. 16:4
เราเห็นด้วยแน่นอนว่าพระยะโฮวาทำทุกอย่างถูกต้องเสมอ แต่มันอาจเป็นเรื่องยากที่เราจะไว้ใจคนที่เป็นตัวแทนของพระองค์ เราอาจสงสัยว่าคนที่มีอำนาจในองค์การทำตามการชี้นำของพระยะโฮวาหรือเปล่าหรือเขาทำตามความคิดของตัวเอง สิ่งสำคัญที่เราทุกคนต้องจำไว้ก็คือ พระยะโฮวาไว้ใจคนที่พระองค์แต่งตั้งให้นำหน้าในองค์การ ถ้าเราไม่ไว้ใจพวกเขาก็เท่ากับเราไม่ไว้ใจพระยะโฮวา ทุกวันนี้พระยะโฮวาชี้นำองค์การของพระองค์ผ่านทาง “ทาสที่ซื่อสัตย์และสุขุม” (มธ. 24:45) ทาสที่ซื่อสัตย์เหล่านี้ทำงานเหมือนกับคณะกรรมการปกครองของคริสเตียนรุ่นแรก พวกเขาดูแลคนของพระยะโฮวาทั่วโลกและให้คำแนะนำกับผู้ดูแลในประชาคมต่าง ๆ และผู้ดูแลก็จะเอาคำแนะนำเหล่านี้มาใช้ในประชาคม ถ้าเราเชื่อฟังคำแนะนำขององค์การและเชื่อฟังผู้ดูแล เราก็กำลังไว้ใจพระยะโฮวา ห22.02 น. 4 ว. 7-8
วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน
ขอให้เราอย่าเลิกทำดี—กท. 6:9
เรามีความสุขและภูมิใจมากที่ได้เป็นพยานพระยะโฮวา เรามีความสุขมากที่ได้ช่วยคน “ที่เต็มใจตอบรับความจริงซึ่งทำให้ได้ชีวิตตลอดไป” เข้ามาเป็นสาวก (กจ. 13:48) หลังจากที่สาวกของพระเยซูกลับมาเล่าประสบการณ์ดี ๆ จากการประกาศให้พระเยซูฟัง “พลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าทำให้พระเยซูมีความสุขมาก” ในทุกวันนี้เราก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน (ลก. 10:1, 17, 21) เปาโลบอกทิโมธีว่า “เอาใจใส่ตัวคุณและการสอนของคุณให้ดี . . . เพราะถ้าทำอย่างนั้น คุณจะช่วยทั้งตัวเองและคนที่ฟังคุณให้รอด” (1 ทธ. 4:16) การประกาศเป็นงานที่ช่วยชีวิต เราต้อง ‘เอาใจใส่ตัวเรา’ เพราะเราเป็นคนของรัฐบาลพระเจ้า เราอยากจะใช้ชีวิตอย่างที่เราสอนคนอื่นและในแบบที่ทำให้พระยะโฮวาได้รับการสรรเสริญ (ฟป. 1:27) และเราทำให้เห็นว่าเรา ‘เอาใจใส่การสอนของเรา’ โดยเตรียมตัวอย่างดีและขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาก่อนที่เราไปประกาศ ห21.10 น. 24 ว. 1-2
วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน
ปลูกฝังลักษณะนิสัยใหม่—คส. 3:10
คนที่มี “ลักษณะนิสัยใหม่” จะคิดแบบพระยะโฮวาและทำแบบพระองค์ เขาจะแสดงผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้า และให้พลังบริสุทธิ์ของพระองค์มีผลต่อความคิด ความรู้สึก และการกระทำของเขา เช่น เขาจะรักพระยะโฮวาและคนของพระองค์ (มธ. 22:36-39) เขาจะมีความสุขและยินดีเสมอแม้เจอความยากลำบาก (ยก. 1:2-4) เขาจะเป็นคนสร้างสันติ (มธ. 5:9) เขาจะอดทนอดกลั้นและกรุณากับคนอื่น (คส. 3:12, 13) เขาจะรักสิ่งที่ดีและทำดี (ลก. 6:35) เขาจะแสดงออกว่ามีความเชื่อในพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ (ยก. 2:18) เขาจะเป็นคนอ่อนโยนแม้มีคนมาหาเรื่อง และจะควบคุมตัวเองได้แม้ถูกล่อใจให้ทำผิด (1 คร. 9:25, 27; ทต. 3:2) เพื่อจะ “ปลูกฝังลักษณะนิสัยใหม่” เราต้องแสดงคุณลักษณะทุกอย่างซึ่งพูดถึงในกาลาเทีย 5:22, 23 และในข้อคัมภีร์อื่น ๆ ห22.03 น. 8-9 ว. 3-4
วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน
ขอให้เลียนแบบผม—1 คร. 11:1
ผู้ดูแลจะเลียนแบบตัวอย่างของเปาโลได้โดยไม่ใช่แค่ประกาศตามบ้านเท่านั้น แต่พวกเขาจะพร้อมประกาศทุกที่ทุกเวลา (อฟ. 6:14, 15) นอกจากนั้น ผู้ดูแลยังสามารถใช้เวลาตอนที่ประกาศเพื่อฝึกคนอื่นได้ด้วย อย่างเช่น ฝึกคนที่เป็นผู้ช่วยงานรับใช้ (1 ปต. 5:1, 2) ผู้ดูแลไม่ควรยุ่งกับงานประชาคมหรืองานของหมวดมากเกินไปจนไม่มีเวลาออกประกาศ (มธ. 28:19, 20) เพื่อจะเป็นคนสมดุลเขาอาจจะต้องปฏิเสธงานมอบหมายบางอย่าง หลังจากที่คิดและอธิษฐานถึงพระยะโฮวาแล้วเขาอาจเห็นว่าถ้ารับงานมอบหมายมากขึ้น เขาอาจไม่มีเวลาทำสิ่งที่สำคัญกว่า เช่น เขาอาจจะไม่มีเวลานำการนมัสการประจำครอบครัว ไม่มีเวลาออกประกาศอย่างเต็มที่ หรือไม่มีเวลาสอนลูกประกาศ ถึงผู้ดูแลบางคนอาจจะรู้สึกว่ายากที่จะปฏิเสธงานมอบหมาย แต่ถ้าเขาทำอย่างนั้น เขาก็มั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาเข้าใจว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะอยากเป็นคนสมดุล ห22.03 น. 27 ว. 4; น. 28 ว. 8
วันอังคารที่ 27 มิถุนายน
อย่ากลัวคนที่ฆ่าคุณได้ในตอนนี้แต่ไม่สามารถเอาชีวิตที่คุณจะได้รับในอนาคตไปได้—มธ. 10:28
คุณจำได้ไหมว่าตอนที่จะมาเป็นพยานฯ คุณกลัวอะไรบ้าง? บางทีคุณอาจกลัวที่จะประกาศตามบ้าน หรือคุณอาจกลัวเพื่อนและครอบครัวต่อต้าน ถ้าคุณเคยรู้สึกแบบนั้น คุณก็คงเข้าใจความรู้สึกของนักศึกษาที่รู้สึกแบบนั้นด้วย พระเยซูรู้ว่าความกลัวแบบนี้เป็นเรื่องปกติ แต่ท่านเตือนสาวกของท่านไม่ให้กลัวจนเลิกรับใช้พระยะโฮวา (มธ. 10:16, 17, 27) ขอให้คุณค่อย ๆ ฝึกนักศึกษาให้ประกาศ สาวกของพระเยซูอาจจะรู้สึกกลัวตอนที่ท่านบอกให้พวกเขาออกไปประกาศ แต่ท่านช่วยพวกเขาโดยบอกให้รู้ว่าพวกเขาจะต้องประกาศกับใครและประกาศเรื่องอะไร (มธ. 10:5-7) คุณจะเลียนแบบพระเยซูได้ยังไง? ช่วยนักศึกษาให้เห็นว่าเขาจะประกาศให้ใครฟังได้บ้าง ตัวอย่างเช่น ลองถามนักศึกษาว่าคิดถึงใครไหมที่น่าจะได้ประโยชน์ถ้าเขาได้เรียนความจริงเรื่องนี้ หลังจากนั้น ให้ช่วยนักศึกษาเตรียมว่าจะพูดเรื่องนั้นแบบง่าย ๆ ได้ยังไง ห21.06 น. 6 ว. 15-16
วันพุธที่ 28 มิถุนายน
เราจะเขย่าให้หมดทุกชาติ แล้วสิ่งมีค่าจากชาติทั้งหมดนั้น จะหลั่งไหลเข้ามา—ฮกก. 2:7
“ภายในไม่กี่นาที ร้านและตึกเก่า ๆ ก็เริ่มถล่มลงมา” “ทุกคนกลัวกันมาก . . . หลายคนบอกว่าแผ่นดินไหวตอนนั้นเกิดขึ้นประมาณ 2 นาที แต่สำหรับฉันมันนานกว่านั้นมาก มันเหมือนถูกเขย่าไม่หยุดเลย” นี่เป็นความรู้สึกของบางคนที่รอดจากแผ่นดินไหวในเนปาลปี 2015 แต่ตอนนี้มีการเขย่าอีกแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นในทุก ๆ ชาติ ฮักกัยได้พยากรณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพพูดว่า ‘อีกไม่นาน เราจะเขย่าท้องฟ้าและโลก’” (ฮกก. 2:6) การเขย่าที่ฮักกัยพูดถึงไม่เหมือนกับการเขย่าของแผ่นดินไหวที่มีแต่ผลเสียและทำให้ทุกอย่างพังทลาย การเขย่าที่เขาพูดถึงทำให้เกิดผลดีด้วย พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะเขย่าให้หมดทุกชาติ แล้วสิ่งมีค่าจากชาติทั้งหมดนั้นจะหลั่งไหลเข้ามาในวิหารหลังนี้ เราจะทำให้วิหารหลังนี้มีแต่ความสง่างาม” ห21.09 น. 14 ว. 1-3
วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน
พวกคุณคอยอยู่เคียงข้างผมเสมอตอนที่ผมลำบาก—ลก. 22:28
เวลาเราอยากจะสนิทกับใครสักคน เราต้องคุยกับเขาบ่อย ๆ และเล่าให้เขาฟังว่าเรารู้สึกยังไง เหมือนกันกับการเป็นเพื่อนกับพระยะโฮวา เราก็ต้องอธิษฐานบอกพระองค์ว่าเราคิดอะไร รู้สึกยังไง หรือกังวลเรื่องอะไร ถ้าเราทำอย่างนั้น เราก็กำลังทำให้เห็นว่าเรามั่นใจในพระองค์และเรารู้ว่าพระองค์รักเรา (สด. 94:17-19; 1 ยน. 5:14, 15) นอกจากนั้น ให้ใช้เวลากับเพื่อนที่ภักดี พวกเขาเป็นของขวัญที่มาจากพระยะโฮวา (ยก. 1:17) พ่อในสวรรค์ของเราแสดงว่าพระองค์สนใจเราโดยให้เรามีครอบครัวคริสเตียนที่ “รักกันอยู่เสมอ” (สภษ. 17:17) ในจดหมายที่เปาโลเขียนถึงคริสเตียนในเมืองโคโลสี เขาพูดถึงบางคนที่ช่วยเขาว่า “พวกเขานี่แหละที่ให้กำลังใจผมอย่างมาก” (คส. 4:10, 11) แม้แต่พระเยซูก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อนของท่านซึ่งมีทั้งทูตสวรรค์และมนุษย์ และท่านก็เห็นค่าความช่วยเหลือจากพวกเขาด้วย (ลก. 22:43) การระบายความในใจกับเพื่อนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้ทำให้คุณดูอ่อนแอ แต่จะช่วยปกป้องคุณ ห21.04 น. 24-25 ว. 14-16
วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน
ความรักยอมทนรับทุกอย่าง เชื่ออยู่เสมอ หวังอยู่เสมอ อดทนได้ทุกอย่าง—1 คร. 13:7
คุณควรทำยังไงถ้าพี่น้องทำอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณรู้สึกแย่มาก ๆ? คุณควรพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะรักษาสันติสุขกับพี่น้องคนนั้น ให้คุณอธิษฐานถึงพระยะโฮวา บอกพระองค์ว่าคุณรู้สึกยังไง ขอพระองค์ให้ช่วยพี่น้องคนนั้น และขอพระองค์ช่วยคุณให้เห็นส่วนดีของเขาที่ทำให้พระยะโฮวารักเขา (ลก. 6:28) ถ้าคุณมองข้ามสิ่งที่พี่น้องคนนั้นทำไม่ได้ ก็ให้คิดก่อนว่าคุณจะคุยกับเขายังไง ดีที่สุดที่จะคิดว่าพี่น้องคนนั้นไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณเจ็บ (มธ. 5:23, 24) ตอนที่คุณคุยกับเขา คุณก็อาจบอกเขาได้ว่าคุณรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าคุณพยายามแล้วและไม่ได้ผลล่ะ? “ก็ขอให้ทนกันและกัน . . . ต่อไป” อย่าเพิ่งหมดหวังในตัวพี่น้องคนนั้น (คส. 3:13) ที่สำคัญที่สุด อย่าเก็บความโกรธไว้ในใจเพราะนั่นจะมีผลต่อสายสัมพันธ์ของคุณกับพระยะโฮวา อย่ายอมให้อะไรมาทำให้คุณล้มพลาด ถ้าคุณทำอย่างนั้น ก็แสดงว่าคุณรักพระยะโฮวามากกว่าอะไรทั้งหมด—สด. 119:165 ห21.06 น. 23 ว. 15