กรกฎาคม
วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม
แต่หลังจากนั้นจะเกิดผลดี เพราะการสั่งสอนจะฝึกฝนเราให้ทำสิ่งที่ถูกต้องและมีสันติสุข—ฮบ. 12:11
การตัดสัมพันธ์เป็นประโยชน์สำหรับทุกคนแม้แต่คนที่ทำผิดด้วย ถ้ามีบางคนในประชาคมบอกว่าผู้ดูแลตัดสินไม่ถูกต้อง เป็นไปได้ที่พี่น้องคนนั้นไม่ได้พูดถึงรายละเอียดบางอย่างที่จะทำให้คนที่ทำผิดดูไม่ดี ขอให้จำไว้ว่าเราไม่ได้รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด ฉะนั้น ดีกว่าที่เราจะไว้ใจการตัดสินของผู้ดูแลเพราะพวกเขาพยายามทำตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิลและทำหน้าที่ตัดสิน “ให้พระยะโฮวา” (2 พศ. 19:6) ถ้าผู้ดูแลในประชาคมตัดสินให้คนที่คุณรักถูกตัดสัมพันธ์และคุณยอมรับการตัดสินของพวกเขา คุณก็กำลังช่วยคนที่คุณรักให้กลับมาหาพระยะโฮวา เอลิซาเบธบอกว่า “มันยากมากค่ะที่จะไม่คุยกับลูก แต่พอลูกกลับมาหาพระยะโฮวา เขาก็ยอมรับว่าสมควรแล้วที่เขาจะถูกตัดสัมพันธ์ และในช่วงนั้นเขาก็ได้บทเรียนอะไรหลายอย่าง” ห21.09 น. 28-29 ว. 11-12
วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม
แล้วท่านก็เห็นแม่ม่ายยากจนคนหนึ่งหยอดเงินเหรียญเล็ก ๆ 2 เหรียญที่มีค่าน้อยมาก—ลก. 21:2
ลองคิดเกี่ยวกับแม่ม่ายคนนี้ เธอคงอยากจะให้พระยะโฮวามากกว่านี้ แต่ถึงเธอจะทำแบบนั้นไม่ได้ เธอก็ยังให้พระองค์สุดความสามารถของเธอ และพระเยซูรู้ว่าสิ่งที่เธอให้มีค่ามากในสายตาพ่อของท่าน ดังนั้น บทเรียนสำหรับเราก็คือ พระยะโฮวามีความสุขมากที่เห็นเราให้พระองค์สุดหัวใจและสุดความสามารถของเรา (มธ. 22:37; คส. 3:23) หลักการนี้ใช้ได้กับเวลาและกำลังของเราในการนมัสการพระยะโฮวา ไม่ว่าเราจะมีส่วนร่วมในการประกาศหรือในการประชุมมากน้อยแค่ไหน ถ้าเราพยายามทำสุดความสามารถ พระยะโฮวาก็จะมีความสุขที่เห็นเราทำแบบนั้น คุณจะเอาบทเรียนจากเรื่องของแม่ม่ายไปใช้ได้ยังไง? ลองคิดดูว่ามีใครไหมที่กำลังต้องการกำลังใจและอยากได้ยินว่าพระยะโฮวาเห็นค่าสิ่งที่เขาทำ ตัวอย่างเช่น คุณอาจรู้จักพี่น้องหญิงสูงอายุที่รู้สึกผิดหรือคิดว่าตัวเองไม่มีค่าเพราะสุขภาพไม่ดีหรือไม่มีแรงที่จะรับใช้เหมือนเมื่อก่อน ห21.04 น. 6 ว. 17, 19-20
วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม
คนที่อดทนกับความลำบากเรื่อยไปก็มีความสุข เพราะเมื่อพระยะโฮวายอมรับเขาแล้ว พระองค์จะให้ชีวิตกับเขาเป็นรางวัล—ยก. 1:12
พระยะโฮวารู้ว่าจะจัดการกับโลกชั่วนี้ตอนไหนดีที่สุด เพราะพระยะโฮวาอดทน นี่เลยเปิดโอกาสให้คนมากมายรู้จักพระองค์ และทำให้ตอนนี้มีชนฝูงใหญ่เป็นล้าน ๆ ที่เข้ามานมัสการพระองค์ พวกเขาทุกคนดีใจมากที่พระยะโฮวาอดทน เพราะนี่ทำให้พวกเขามีโอกาสเกิดมา ได้เรียนรู้จักพระองค์ รักพระองค์ และอุทิศชีวิตให้กับพระองค์ เมื่อถึงตอนที่คนเป็นล้าน ๆ ได้รับรางวัลเพราะอดทนจนถึงที่สุด เราจะเห็นชัดเลยว่าที่พระยะโฮวาอดทนนั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริง ๆ เราเห็นว่าถึงซาตานจะทำให้เกิดความเจ็บปวดและความทุกข์มากมาย แต่พระยะโฮวาก็ยังเป็น “พระเจ้าผู้มีความสุข” (1 ทธ. 1:11) เราก็มีความสุขได้เหมือนกันตอนที่อดทนรอให้พระยะโฮวาทำให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถือ พิสูจน์ว่าพระองค์ผู้เดียวมีสิทธิ์ที่จะปกครอง กำจัดความชั่วทุกอย่าง และจัดการกับปัญหาทั้งหมดที่เราเจอ ขอให้เราตั้งใจที่จะอดทนต่อ ๆ ไปและมีกำลังใจที่รู้ว่าพระยะโฮวาก็กำลังอดทนเหมือนกับเรา ห21.07 น. 13 ว. 18-19
วันอังคารที่ 4 กรกฎาคม
จะมีอะไรดี ๆ มาจากนาซาเร็ธได้หรือ?—ยน. 1:46
หลายคนในสมัยของพระเยซูไม่ยอมรับท่าน พวกเขามองว่าท่านเป็นแค่ลูกชายของช่างไม้จน ๆ คนหนึ่งเท่านั้น นอกจากนั้น พระเยซูมาจากเมืองนาซาเร็ธที่เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยสำคัญอะไร ขนาดนาธานาเอลที่เป็นสาวกของพระเยซูยังเคยพูดว่า “จะมีอะไรดี ๆ มาจากนาซาเร็ธได้หรือ?” เขาอาจจะคิดถึงคำพยากรณ์ที่มีคาห์ 5:2 ที่บอกว่าเมสสิยาห์จะเกิดที่เบธเลเฮมไม่ใช่ที่นาซาเร็ธ ผู้พยากรณ์อิสยาห์บอกล่วงหน้าว่า พวกศัตรูของพระเยซูจะไม่ “สนใจรายละเอียดความเป็นมาของ [เมสสิยาห์]” (อสย. 53:8) ถ้าพวกเขาใช้เวลาหาข้อเท็จจริง พวกเขาก็จะรู้ว่าพระเยซูเกิดที่เบธเลเฮมและท่านเป็นลูกหลานของกษัตริย์ดาวิด (ลก. 2:4-7) ถ้าอย่างนั้น พระเยซูก็เกิดที่เดียวกันกับที่มีคาห์ 5:2 ได้พยากรณ์ไว้ แล้วปัญหาคืออะไร? พวกเขาตัดสินพระเยซูเร็วเกินไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะอย่างนี้พวกเขาเลยไม่ยอมรับท่าน ห21.05 น. 2-3 ว. 4-6
วันพุธที่ 5 กรกฎาคม
ถ้าคนดี . . . ว่ากล่าวแก้ไขผม นั่นก็เป็นน้ำมันชโลมศีรษะผม—สด. 141:5
คัมภีร์ไบเบิลมีตัวอย่างดี ๆ ของคนที่พระยะโฮวาอวยพรด้วยเพราะเขายอมรับคำแนะนำ ให้เรามาดูตัวอย่างของโยบด้วยกัน แม้ว่าโยบจะเป็นคนที่เกรงกลัวพระเจ้าแต่เขาก็เป็นคนที่ไม่สมบูรณ์แบบ ตอนที่เขาเครียดมาก เขามีความคิดบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เอลีฮูและพระยะโฮวาก็เลยแนะนำเขาตรง ๆ โยบทำยังไงหลังจากที่เขาได้รับคำแนะนำ? เขาถ่อมและยอมรับคำแนะนำเหล่านั้น เขาบอกว่า “ผมพูดออกไปโดยไม่เข้าใจอะไรเลยจริง ๆ. . . ผมขอถอนคำพูด และขอนั่งสำนึกผิดอยู่บนดินและในกองขี้เถ้า” (โยบ 42:3-6, 12-17) โยบเป็นคนถ่อม เขายอมรับคำแนะนำจากเอลีฮูทั้ง ๆ ที่เอลีฮูอายุน้อยกว่าเขาเยอะ (โยบ 32:6, 7) เราก็เหมือนกัน ความถ่อมจะช่วยให้เรายอมรับคำแนะนำทั้ง ๆ ที่เราอาจรู้สึกว่าเราไม่ผิดหรือคนที่ให้คำแนะนำอาจอายุน้อยกว่าเรา เราทุกคนต้องพัฒนาตัวเองในงานรับใช้และพยายามมีผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้าให้มากขึ้น ห22.02 น. 11 ว. 8; น. 12 ว. 12
วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม
ทุกคนจะรู้ว่าพวกคุณเป็นสาวกของผม เมื่อพวกคุณรักกัน—ยน. 13:35
เราแต่ละคนมีหน้าที่ที่จะทำให้ประชาคมมีบรรยากาศที่ดีและแสดงความรักกับพี่น้องทุกคนเพื่อจะไม่มีใครรู้สึกตัวคนเดียวหรือถูกทิ้ง สิ่งที่เราพูดและทำมีผลกับคนอื่นได้มาก คุณจะทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยคนที่เข้ามาในความจริงคนเดียวให้รู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของประชาคม? ให้พยายามเป็นเพื่อนกับเขา นอกจากนั้น ให้เข้าไปทักทายคนที่เพิ่งมาประชาคมของคุณ (รม. 15:7) แต่ไม่ใช่แค่นั้น เราอยากจะเป็นเพื่อนกับเขาและสนิทกับเขามากขึ้นด้วย ดังนั้น ให้คุณพยายามสนใจเขา และพยายามเข้าใจว่าเขากำลังเจอปัญหาอะไรอยู่โดยที่ไม่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดมากจนเกินไป บางคนไม่ค่อยชอบเล่าความรู้สึกของตัวเองให้ใครฟัง ดังนั้น คุณต้องระวังที่จะไม่ไปกดดันเขา แต่คุณอาจจะถามเขาเพื่อให้เขาค่อย ๆ บอกความรู้สึกออกมา เช่น คุณอาจจะถามว่าเขาเรียนความจริงได้ยังไง จากนั้นก็ตั้งใจฟัง ห21.06 น. 11 ว. 13-14
วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม
แกะพวกนั้นจะฟังเสียงของผม ทั้งหมดจะรวมเป็นฝูงเดียว และมีคนเลี้ยงคนเดียว—ยน. 10:16
เราเห็นค่าสิทธิพิเศษที่ได้รับใช้พระยะโฮวาเป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนแกะ “ฝูงเดียว” ที่ “มีคนเลี้ยงคนเดียว” หนังสือรวบรวมเป็นองค์การเพื่อทำตามความประสงค์ของพระยะโฮวา หน้า 165 บอกว่า “เมื่อคุณได้รับประโยชน์จากความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คุณก็มีหน้าที่ที่จะต้องรักษาไว้” เพื่อจะทำอย่างนั้น เราต้อง “ฝึกตัวเองให้มองดูพี่น้องชายหญิงคริสเตียนแบบเดียวกับที่พระยะโฮวามอง” สำหรับพระยะโฮวาแล้ว เราทุกคนเป็น “คนธรรมดา ๆ” หรือ “คนที่ต่ำต้อย” ที่มีค่ามาก คุณมองพี่น้องของคุณอย่างนั้นด้วยไหม? พระยะโฮวาสังเกตและเห็นค่าทุกสิ่งที่คุณทำเพื่อช่วยเหลือและดูแลพวกเขา (มธ. 10:42) เรารักพี่น้องของเรา เราเลยตั้งใจที่จะไม่ทำให้ใครต้องเจ็บและ “ตั้งใจว่าจะไม่ทำอะไรที่เป็นต้นเหตุให้พี่น้องหลงทำผิดหรือทิ้งความเชื่อไป” (รม. 14:13) เรามองว่าพี่น้องดีกว่าเราและอยากให้อภัยพวกเขาจากใจ อย่ายอมให้ใครมาทำให้เราล้มพลาด แต่ “ให้เราตั้งใจทำสิ่งที่สร้างสันติสุขและสิ่งที่ส่งเสริมกันให้เข้มแข็งขึ้น”—รม. 14:19 ห21.06 น. 24 ว. 16-17
วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม
พระเจ้าผู้ทำให้เติบโตนั้นต่างหากที่สำคัญ—1 คร. 3:7
ถ้าเราตั้งใจศึกษาและเอาคำแนะนำที่มาจากคัมภีร์ไบเบิลและองค์การของพระเจ้าไปใช้ เราจะค่อย ๆ มีคุณลักษณะแบบพระเยซูมากขึ้นเรื่อย ๆ และเราจะรู้จักพระเจ้ามากขึ้นด้วย พระเยซูใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบเพื่อทำให้เห็นว่าข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าก็เหมือนกับเมล็ดที่ค่อย ๆ เติบโตในหัวใจของคนที่ตอบรับความจริง ท่านบอกว่า “เมล็ดนั้นงอกและเติบโตขึ้นอย่างไร [คนหว่าน] ไม่รู้ ต้นข้าวนั้นค่อย ๆ เติบโตขึ้นเอง เริ่มเป็นต้นอ่อนก่อน แล้วก็ออกรวง และในที่สุดก็มีเมล็ดเต็มรวง” (มก. 4:27, 28) พระเยซูกำลังบอกว่าเหมือนกับต้นพืชที่ค่อย ๆ เติบโต คนที่ตอบรับความจริงก็จะค่อย ๆ ก้าวหน้าทีละเล็กทีละน้อย ตัวอย่างเช่น พอนักศึกษาของเราสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้น เราก็จะเริ่มเห็นเขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง (อฟ. 4:22-24) แต่เราต้องจำไว้ว่าพระยะโฮวาเป็นผู้ที่ทำให้เติบโต ห21.08 น. 8-9 ว. 4-5
วันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม
ได้ชื่นชมกับสิ่งที่เห็นตอนนี้ก็ดีกว่าเที่ยวตามหาสิ่งที่อยากได้—ปญจ. 6:9
คำแนะนำในปัญญาจารย์ช่วยให้รู้ว่าอะไรจะทำให้เรามีความสุข คนที่ “ชื่นชมกับสิ่งที่เห็นตอนนี้” เป็นคนที่พอใจในสิ่งที่เขามีและในสิ่งที่เขาเป็น แต่คนที่ “เที่ยวตามหาสิ่งที่อยากได้” เป็นคนที่เอาแต่คิดอยากได้ในสิ่งที่ไม่มีทางจะได้ เราได้บทเรียนอะไร? เพื่อเราจะมีความสุข ให้เราพอใจในสิ่งที่มีและตั้งเป้าที่เราจะทำได้จริง เป็นไปได้จริง ๆ ไหมที่เราจะพอใจในสิ่งที่มีอยู่? บางคนอาจจะรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เพราะปกติแล้วเราชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ แต่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าจริง ๆ แล้วเราชื่นชมกับสิ่งที่มีตอนนี้ได้ เพื่อจะรู้ว่าเป็นไปได้ยังไงให้ดูตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูเรื่องเงินตะลันต์ในมัทธิว 25:14-30 และสังเกตเป็นพิเศษว่าเราจะมีความสุขกับสิ่งที่เราทำอยู่ได้ยังไง และเราต้องทำอะไรเพื่อจะมีความสุขมากขึ้น ห21.08 น. 21 ว. 5-6
วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม
แม้เราอยู่ในที่สูงส่งและบริสุทธิ์ แต่เราก็อยู่กับคนที่ถูกกดขี่และคนที่ต่ำต้อย—อสย. 57:15
พระยะโฮวาเป็นห่วง “คนที่ถูกกดขี่และคนที่ต่ำต้อย” มากจริง ๆ เราทุกคนให้กำลังใจพี่น้องได้ไม่ใช่ผู้ดูแลเท่านั้น วิธีหนึ่งก็คือสนใจและเป็นห่วงพวกเขา พระยะโฮวาอยากให้เราทำให้พวกเขารู้สึกว่าพระองค์รักเขา และพวกเขามีค่าในสายตาพระองค์ (สภษ. 19:17) อีกวิธีหนึ่งที่เราทำได้ก็คือเราเองต้องแสดงความถ่อมและเจียมตัวและไม่อวดว่าเราเป็นคนเก่ง เราจะไม่ทำให้คนอื่นคิดว่าเราสำคัญเพราะมันอาจจะทำให้พี่น้องอิจฉาเรา แต่เราจะใช้ความสามารถและความรู้เพื่อให้กำลังใจคนอื่น (1 ปต. 4:10, 11) เราเรียนหลายอย่างได้จากวิธีที่พระเยซูทำกับคนที่ติดตามท่าน พระเยซูเป็นคนที่เก่งที่สุดในโลก แต่ท่านก็ “อ่อนโยนและถ่อมตัว” (มธ. 11:28-30) ตอนที่สอนท่านก็ใช้คำง่าย ๆ และใช้ตัวอย่างที่ประทับใจคนธรรมดา ๆ—ลก. 10:21 ห21.07 น. 23 ว. 11-12
วันอังคารที่ 11 กรกฎาคม
ถามพวกคนเฒ่าคนแก่ดู เขาจะเล่าให้ฟัง—ฉธบ. 32:7
ให้คุณพยายามเข้าไปคุยกับพี่น้องสูงอายุ ถึงร่างกายของพวกเขาจะทรุดโทรม หูตาฝ้าฟาง เดินก็ช้า พูดก็ไม่ค่อยมีแรง แต่หัวใจของพวกเขายังหนุ่มยังสาวอยู่ และที่สำคัญพวกเขาได้สร้าง “ชื่อเสียงดี” กับพระยะโฮวา (ปญจ. 7:1) ให้จำไว้ว่าทำไมพระยะโฮวาถึงเห็นค่าพวกเขา ขอให้คุณแสดงความนับถือพวกเขาเสมอและเป็นเหมือนกับเอลีชา ในวันสุดท้ายที่เขามีโอกาสได้อยู่กับเอลียาห์ เขาไม่ยอมทิ้งเอลียาห์ไปไหน เขาพูดถึง 3 ครั้งว่า “ผมจะไม่ทิ้งท่าน” (2 พก. 2:2, 4, 6) ให้คุณทำให้พี่น้องสูงอายุเห็นว่าคุณสนใจพวกเขาโดยถามเรื่องราวของพวกเขา (สภษ. 1:5; 20:5; 1 ทธ. 5:1, 2) เช่น “ตอนคุณตาเป็นหนุ่ม อะไรทำให้ตามั่นใจว่านี่เป็นความจริง?” “คุณยายเคยเจออะไรมาบ้างที่ทำให้ยายสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้น?” “อะไรทำให้ป้ากับลุงยังมีความสุขในการรับใช้พระยะโฮวาจนถึงทุกวันนี้?” (1 ทธ. 6:6-8) แล้วพอพี่น้องสูงอายุเล่าเรื่องของเขา ก็ให้คุณตั้งใจฟังเขา ห21.09 น. 7 ว. 14-15
วันพุธที่ 12 กรกฎาคม
พระเจ้าเป็นผู้ที่กระตุ้นพวกคุณให้มีทั้งความต้องการและกำลังเพื่อจะทำสิ่งที่พระองค์พอใจ—ฟป. 2:13
ถ้าคุณพยายามทำตามคำสั่งที่ให้ไปประกาศและสอนคนให้เป็นสาวกก็แสดงว่าคุณรักพระยะโฮวา (1 ยน. 5:3) ลองคิดดูสิ เพราะคุณรักพระยะโฮวา คุณเลยไปประกาศ ถึงเรื่องนี้จะยากแต่คุณก็ทำ คุณกลัวไหมตอนไปประกาศครั้งแรก? คุณอาจจะกลัว แต่คุณรู้ว่าพระเยซูสั่งให้คุณทำอย่างนี้ คุณก็เลยทำ และพอเวลาผ่านไป คุณก็รู้สึกว่าการประกาศเป็นเรื่องง่าย แล้วพอมาถึงตอนที่ต้องนำการศึกษาล่ะ คุณกลัวไหม? คุณอาจจะกลัว แต่ถ้าคุณขอพระยะโฮวาให้ช่วย คุณก็จะกล้าชวนคนให้มาเรียนคัมภีร์ไบเบิลและอยากสอนคนให้เป็นสาวกมากขึ้นได้ ห21.07 น. 3 ว. 7
วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม
มันบังคับทุกคน . . . ให้รับเครื่องหมายที่มือขวาหรือบนหน้าผาก—วว. 13:16
ทาสในสมัยโบราณจะถูกทำเครื่องหมายเพื่อแสดงว่าใครเป็นเจ้าของพวกเขา ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน รัฐบาลของโลกอยากให้ทุกคนมีเครื่องหมายที่หน้าผากและที่มือคืออยากให้ผู้คนแสดงความคิดและการกระทำออกมาว่าสนับสนุนพวกเขา คุณจะรับเครื่องหมายนี้และสนับสนุนรัฐบาลของโลกไหม? คนที่ไม่ทำอย่างนั้นจะมีชีวิตลำบากและอันตราย หนังสือวิวรณ์บอกว่า “ไม่ให้ใครซื้อขายอะไรได้นอกจากเขาจะมีเครื่องหมาย” (วว. 13:17) แต่ที่วิวรณ์ 14:9, 10 ทำให้คนของพระเจ้ารู้ว่าพระองค์จะทำอะไรกับคนที่มีเครื่องหมาย ฉะนั้น แทนที่จะรับเครื่องหมาย พวกเขาจะเขียนบนมือของพวกเขาว่า “พระยะโฮวาเป็นเจ้าของตัวฉัน” (อสย. 44:5) ตอนนี้เป็นเวลาที่เราจะตรวจดูว่าเราภักดีต่อพระยะโฮวาอยู่หรือเปล่า ถ้าเราภักดี พระยะโฮวาก็จะดีใจและพูดได้อย่างเต็มปากว่าเราเป็นคนของพระองค์ ห21.09 น. 18 ว. 15-16
วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม
เหล็กยังลับเหล็กให้คมได้ คนเราก็ช่วยเพื่อนให้เก่งขึ้นได้เหมือนกัน—สภษ. 27:17
เพื่อจะประสบความสำเร็จในงานรับใช้ เราต้องช่วยกันและกัน เปาโลบอกทิโมธีให้รู้ว่าจะประกาศและสอนยังไง และเขาก็บอกให้ทิโมธีสอนเรื่องนี้กับพี่น้องคนอื่นด้วย (1 คร. 4:17) เหมือนกับทิโมธี เราก็เรียนจากพี่น้องที่มีประสบการณ์ในประชาคมของเราได้เหมือนกัน นอกจากนั้น เราควรอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา ให้คุณขอพระองค์ทุกครั้งที่คุณไปประกาศ ถ้าเราไม่ได้พลังบริสุทธิ์จากพระองค์เราก็ไม่มีทางจะทำอะไรได้สำเร็จแน่ (สด. 127:1; ลก. 11:13) ตอนที่คุณอธิษฐาน ให้คุณบอกอย่างชัดเจนว่าคุณอยากให้พระองค์ช่วยอะไร ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะขอพระองค์ให้ช่วยคุณเจอคนที่พร้อมจะฟังและเต็มใจตอบรับความจริง เราต้องจัดเวลาศึกษาส่วนตัวด้วย คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ตรวจดูจนแน่ใจว่าอะไรคือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราทำซึ่งเป็นสิ่งที่ดี สมบูรณ์ และทำให้พระองค์พอใจ” (รม. 12:2) ยิ่งเราศึกษาส่วนตัวมากขึ้น เราก็จะยิ่งรู้จักพระเจ้าดีขึ้น และตอนที่เราไปประกาศ คนอื่นก็จะเห็นว่าเรามั่นใจในสิ่งที่เราพูดจริง ๆ ห21.05 น. 18 ว. 14-16
วันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม
งานหนักที่พวกคุณทำให้กับผู้เป็นนายนั้นจะไม่เสียเปล่าแน่นอน—1 คร. 15:58
คุณมีนักศึกษาที่คุณพยายามเต็มที่เพื่อช่วยเขา อธิษฐานเพื่อเขา แต่ก็ไม่ก้าวหน้าสักทีจนคุณต้องเลิกศึกษากับเขาไหม? คุณคิดว่าคุณไม่เคยช่วยใครให้ก้าวหน้าจนถึงขั้นรับบัพติศมาไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น ถูกไหมถ้าคุณจะรู้สึกผิดและคิดว่าพระยะโฮวาไม่อวยพรงานรับใช้ของคุณ? ขอสังเกตว่าสำหรับพระยะโฮวาแล้วแบบไหนถึงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จในงานรับใช้ พระองค์ดูที่ความพยายามและความอดทนของเรา ถ้าเราทำงานรับใช้อย่างขยันขันแข็งและทำเพราะเรารักพระยะโฮวา ไม่ว่าคนจะฟังเราหรือไม่ก็ตาม พระองค์ก็มองว่าเราประสบความสำเร็จในงานรับใช้แล้ว เปาโลบอกว่า “พระเจ้าไม่ทำสิ่งที่ชั่ว พระองค์จึงไม่มีวันลืมงานที่พวกคุณทำและความรักที่พวกคุณมีต่อชื่อของพระองค์ คือที่พวกคุณรับใช้พวกผู้บริสุทธิ์และยังคงรับใช้อยู่” (ฮบ. 6:10) ถึงคุณจะไม่เคยมีนักศึกษาที่ก้าวหน้าจนรับบัพติศมา พระยะโฮวาก็ไม่ลืมความพยายามและความรักที่คุณมีต่อพระองค์ และไม่ว่างานที่คุณทำจะออกมาอย่างที่คุณคิดหรือไม่ ขอให้คุณจำสิ่งที่เปาโลพูดในข้อคัมภีร์วันนี้ ห21.10 น. 25 ว. 4-6
วันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม
ทุกคนที่พระเจ้าผู้เป็นพ่อยกให้ผมจะมาหาผม และคนที่มาหาผม ผมจะไม่มีวันไล่เขาไป—ยน. 6:37
พระเยซูรักและเข้าใจพวกสาวก ท่านให้หน้าที่รับผิดชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะท่านรู้ว่าทุกคนแตกต่างกัน ความสามารถไม่เหมือนกัน และก็รับใช้ได้ไม่เท่ากันด้วย แต่ถ้าพวกเขาทำสุดความสามารถ ท่านก็ภูมิใจในตัวเขา เราเห็นเรื่องนี้ได้จากตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องเงินตะลันต์ นายให้งาน “ตามความสามารถของทาสแต่ละคน” แต่ถึงทาสสองคนจะได้ผลงานไม่เท่ากัน นายก็ชมทั้งสองคนว่า “ดีมาก คุณเป็นทาสที่ดีและซื่อสัตย์” (มธ. 25:14-23) พระเยซูรักและเข้าใจพวกเรา ท่านรู้ว่าเราแต่ละคนไม่เหมือนกันและมีความสามารถไม่เท่ากันด้วย แต่ถ้าเราทำสุดความสามารถของเรา พระเยซูก็ภูมิใจในตัวเรา และเราก็น่าจะเลียนแบบพระเยซูด้วย ห21.07 น. 23 ว. 12-14
วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม
ผมจะไม่ทำร้ายนายของผม—1 ซม. 24:10
บางครั้งดาวิดก็ไม่ได้แสดงความเมตตา อย่างเช่นตอนที่ดาวิดส่งคนของเขาไปหานาบาลซึ่งเป็นคนก้าวร้าวและนิสัยไม่ดี พอพวกเขาไปขออาหารแล้วนาบาลไม่ให้แถมยังด่าอีก ดาวิดโกรธมากและอยากจะไปฆ่านาบาลกับผู้ชายทุกคนในบ้านของเขา ดีที่อาบีกายิลภรรยาของนาบาลซึ่งเป็นคนใจเย็นห้ามเอาไว้ ดาวิดเลยไม่ได้ทำแบบนั้น (1 ซม. 25:9-22, 32-35) ตอนที่ดาวิดโกรธ เขาตัดสินว่านาบาลกับผู้ชายคนอื่น ๆ สมควรตาย แล้วหลังจากนั้นตอนที่นาธันเล่าตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องหนึ่งให้ดาวิดฟัง เขาก็คิดว่าผู้ชายคนนั้นสมควรตายด้วย เราอาจสงสัยว่าทั้ง ๆ ที่ดาวิดเป็นคนอ่อนโยนทำไมเขาถึงตัดสินผู้ชายคนนั้นอย่างโหดร้าย ลองคิดดูว่าตอนนั้นดาวิดเป็นยังไง เขาทำผิดต่อพระเจ้าและนี่ทำให้เขาไม่สบายใจ ถ้าใครคนหนึ่งตัดสินอย่างโหดร้าย นั่นก็แสดงว่าความสัมพันธ์ของคนนั้นกับพระเจ้ากำลังมีปัญหา ห21.10 น. 12 ว. 17-18; น. 13 ว. 20
วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม
พวกเจ้าต้องเป็นคนบริสุทธิ์ เพราะเราเป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์—1 ปต. 1:16
จากข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ เรารู้ว่าเราต้องเลียนแบบพระยะโฮวาผู้เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในเรื่องความบริสุทธิ์ แต่เราเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ เราเลยอาจรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำอย่างนั้น แต่ตัวอย่างของเปโตรทำให้เห็นว่าเราเป็นคนบริสุทธิ์ได้เพราะเขาเองก็ทำผิดพลาดหลายครั้ง เมื่อคิดถึงคำว่าบริสุทธิ์ บางคนอาจคิดถึงนักบวชที่ถือศีลจนจิตใจบริสุทธิ์ผุดผ่อง นุ่งขาวห่มขาว ดูเงียบขรึม แต่จริง ๆ แล้วคำว่าบริสุทธิ์ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น เพราะคัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระยะโฮวาพระเจ้าที่บริสุทธิ์เป็น “พระเจ้าผู้มีความสุข” (1 ทธ. 1:11) และคนที่นมัสการพระองค์ “ก็มีความสุข” ด้วย (สด. 144:15) และพระเยซูก็ตำหนิคนที่ใส่ชุดพิเศษทางศาสนาและชอบทำดีเอาหน้า (มธ. 6:1; มก. 12:38) คัมภีร์ไบเบิลบอกให้คริสเตียนแท้รู้ว่าการเป็นคนบริสุทธิ์หมายถึงอะไร เรามั่นใจว่าพระเจ้าองค์บริสุทธิ์ที่รักเราจะไม่สั่งให้ทำในสิ่งที่เราทำไม่ได้ ห21.12 น. 2 ว. 1, 3
วันพุธที่ 19 กรกฎาคม
คุณต้องรักพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณสุดหัวใจ—มก. 12:30
พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ใจกว้าง สิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่พระองค์ให้กับเราก็คือความสามารถที่จะรับใช้พระองค์ เราแสดงให้พระยะโฮวาเห็นว่าเรารักพระองค์ได้โดย “เชื่อฟังคำสั่งของพระองค์” (1 ยน. 5:3) คำสั่งอย่างหนึ่งของพระยะโฮวาก็คือให้ทำตามสิ่งที่พระเยซูบอกที่ให้ไปสอนคนให้เป็นสาวกและให้พวกเขารับบัพติศมา (มธ. 28:19) พระเยซูยังสั่งให้เรารักกันด้วย (ยน. 13:35) ถ้าเราเชื่อฟังคำสั่งของพระยะโฮวา พระองค์ก็จะให้เราเป็นครอบครัวของพระองค์ (สด. 15:1, 2) ความรักเป็นคุณลักษณะที่สำคัญที่สุดของพระยะโฮวา (1 ยน. 4:8) พระองค์รักเราก่อนที่เราจะรู้จักพระองค์ด้วยซ้ำ (1 ยน. 4:9, 10) ถ้าเรารักคนอื่น เราก็กำลังเลียนแบบพระองค์ (อฟ. 5:1) วิธีหนึ่งที่ดีที่สุดที่จะแสดงว่าเรารักคนอื่นก็คือช่วยเขาให้รู้จักพระยะโฮวาตอนที่ยังมีเวลาเหลืออยู่ (มธ. 9:36-38) การทำอย่างนี้จะช่วยพวกเขาให้มีโอกาสได้เข้ามาเป็นครอบครัวของพระเจ้า ห21.08 น. 5-6 ว. 13-14
วันพฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม
ไม่มีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้—ยน. 15:13
พระเยซูรักพระยะโฮวามาก นี่ทำให้ท่านยอมเสียสละเพื่อพ่อของท่านและเพื่อเราทุกคนด้วย (ยน. 14:31) ถ้าเราดูจากสิ่งที่พระเยซูทำตอนที่ท่านอยู่บนโลก เราก็จะเห็นว่าพระเยซูรักผู้คนมากขนาดไหน ท่านรักและเห็นอกเห็นใจคนอื่นมากแม้แต่กับคนที่ทำไม่ดีกับท่านด้วย และวิธีที่สำคัญที่ท่านแสดงว่าท่านรักผู้คนก็คือท่านสอนข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าให้กับพวกเขา (ลก. 4:43, 44) อีกวิธีหนึ่งที่พระเยซูทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าท่านรักพระเจ้าและผู้คนก็คือ ท่านยอมตายอย่างทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของคนบาป สิ่งที่ท่านทำทำให้เรามีโอกาสได้ชีวิตตลอดไป เราอุทิศตัวและรับบัพติศมาเพราะว่าเรารักพระยะโฮวา และเหมือนกับพระเยซู เราแสดงว่ารักพระยะโฮวาโดยรักคนอื่น ยอห์นบอกว่า “คนที่ไม่รักพี่น้องที่เขามองเห็นจะรักพระเจ้าที่เขามองไม่เห็นได้อย่างไร?”—1 ยน. 4:20 ห22.03 น. 10 ว. 8-9
วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม
คอยระวังไว้ให้ดี อย่าใช้ชีวิตเหมือนคนโง่ แต่ให้ใช้ชีวิตเหมือนคนฉลาด ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด—อฟ. 5:15, 16
แม้เราชอบใช้เวลาอยู่กับพระยะโฮวา แต่ชีวิตเราแต่ละคนยุ่งมาก การจัดเวลาสำหรับการนมัสการพระองค์เลยไม่ใช่เรื่องง่าย บางทีเรายุ่งอยู่กับการทำมาหากิน การดูแลครอบครัว และเรื่องอื่น ๆ จนไม่มีเวลาสำหรับอธิษฐาน ศึกษาส่วนตัว และคิดใคร่ครวญ มีอีกอย่างหนึ่งที่แย่งเวลาของเราไปทำให้เราไม่มีเวลาสนิทกับพระยะโฮวา นั่นก็คือกิจกรรมยามว่าง แม้การทำกิจกรรมยามว่างจะไม่ผิด และที่จริงก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ด้วยซ้ำ แต่ถ้าเราไม่ระวังและใช้เวลามากเกินไปกับสิ่งเหล่านี้ เราจะไม่มีเวลาสำหรับการนมัสการพระยะโฮวา เราต้องจำไว้ว่ากิจกรรมยามว่างไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต—สภษ. 25:27; 1 ทธ. 4:8 ห22.01 น. 26 ว. 2-3
วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม
ให้ปฏิบัติกับคนต่างชาติที่อยู่ในแผ่นดินของพวกเจ้าเหมือนที่พวกเจ้าซึ่งเป็นชาวอิสราเอลปฏิบัติต่อกัน ให้รักเขาเหมือนรักตัวเอง—ลนต. 19:34
ตอนที่พระยะโฮวาบอกให้ชาวอิสราเอลรักคนอื่น พระองค์ไม่ได้ให้พวกเขารักแค่คนอิสราเอลด้วยกันเองเท่านั้น แต่พวกเขาต้องรักคนต่างชาติด้วย เลวีนิติ 19:33, 34 ทำให้เราเห็นเรื่องนี้ชัดเจน ชาวอิสราเอลต้องปฏิบัติกับคนต่างชาติที่อยู่ด้วยกันกับพวกเขาเหมือนที่พวกเขาปฏิบัติกับคนชาติเดียวกัน และพวกเขาต้องรักคนต่างชาติเหมือนรักตัวเองด้วย เช่น คนอิสราเอลต้องให้ทั้งคนต่างชาติและคนอิสราเอลที่ยากจนเก็บข้าวตกในนาของพวกเขา (ลนต. 19:9, 10) คริสเตียนก็ต้องทำตามหลักการที่ให้รักคนต่างชาติด้วยเหมือนกัน (ลก. 10:30-37) ในทุกวันนี้มีหลายล้านคนที่จำเป็นต้องย้ายไปอยู่อีกประเทศหนึ่ง บางทีอาจจะมีคนต่างชาติที่อยู่ใกล้ ๆ บ้านคุณด้วย คุณต้องให้เกียรติและนับถือพวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือเด็ก ๆ ห21.12 น. 12 ว. 16
วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม
คนที่มาหาพระยะโฮวาจะไม่ขาดสิ่งดี—สด. 34:10
ยิ่งเราพึ่งพระยะโฮวามากขึ้นตั้งแต่ตอนนี้ เราก็ยิ่งมั่นใจว่าในอนาคตพระองค์จะช่วยเราได้แน่นอน อย่างเช่น เราอาจต้องขอหยุดงานเพื่อไปประชุมใหญ่ หรืออาจต้องขอปรับตารางการทำงานเพื่อจะไม่ขาดการประชุมหรือเพื่อรับใช้ได้มากขึ้น ตอนนั้นเราต้องไว้ใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยเราแน่นอน แต่ถ้านายจ้างไม่ยอมและไล่เราออกจากงาน เราเชื่อไหมว่าพระยะโฮวาจะไม่ทอดทิ้งเราและพระองค์จะดูแลเราให้มีสิ่งจำเป็นในชีวิตเสมอ? (ฮบ. 13:5) พี่น้องที่รับใช้เต็มเวลาหลายคนได้เจอกับตัวเองมาแล้วว่าพระยะโฮวาช่วยพวกเขาตอนที่พวกเขาต้องการพระองค์มากที่สุด พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ซื่อสัตย์และไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย เราไม่ต้องกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าเพราะพระยะโฮวาอยู่กับเรา และถ้าเราให้พระองค์สำคัญที่สุดในชีวิต พระองค์ก็จะไม่มีวันทิ้งเราเลย ห22.01 น. 7 ว. 16-17
วันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม
พวกคุณไม่ได้พิพากษาให้มนุษย์แต่พิพากษาให้พระยะโฮวา—2 พศ. 19:6
เมื่อไหร่ที่เราอาจถูกทดสอบว่าเราไว้ใจผู้ดูแลจริง ๆ ไหม? ถ้าคนที่ถูกตัดสัมพันธ์เป็นเพื่อนสนิทของเรา เราอาจสงสัยว่าผู้ดูแลได้คิดรอบด้านดีแล้วหรือเปล่า หรือเราอาจสงสัยว่าผู้ดูแลตัดสินแบบเดียวกับที่พระยะโฮวาคิดไหม ดังนั้น อะไรจะช่วยเราให้มองการตัดสินของผู้ดูแลอย่างถูกต้อง? เราต้องจำไว้ว่าการตัดสัมพันธ์เป็นการจัดเตรียมของพระยะโฮวาเพื่อประโยชน์ของพี่น้องในประชาคมและอาจช่วยคนที่ทำผิดด้วย ถ้าคนทำผิดที่ไม่กลับใจยังคงอยู่ในประชาคมต่อไป เขาก็อาจเป็นอิทธิพลที่ไม่ดีต่อพี่น้อง (กท. 5:9) และเขาอาจคิดว่าความผิดที่ตัวเองทำเป็นเรื่องไม่ร้ายแรง เขาอาจไม่เห็นว่าการเปลี่ยนตัวเองเป็นเรื่องสำคัญเพื่อจะทำให้พระเจ้าพอใจเขาอีกครั้ง (ปญจ. 8:11) เรามั่นใจได้แน่นอนว่าตอนที่มีการตัดสินว่าใครจะถูกตัดสัมพันธ์หรือไม่ ผู้ดูแลได้คิดอย่างรอบคอบแล้วและพวกเขาถือว่านี่เป็นหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญ—2 พศ. 19:6, 7 ห22.02 น. 5-6 ว. 13-14
วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม
ต้นอ้อที่ช้ำแล้ว เขาจะไม่หัก ไส้ตะเกียงที่มีไฟริบหรี่ เขาจะไม่ดับ—มธ. 12:20
ผู้ดูแล คุณต้องอดทนและอ่อนโยน ตอนแรกพี่น้องบางคนอาจไม่อยากทำตามคำแนะนำจากพระคัมภีร์ แต่ถ้าเขาเห็นว่าคุณอ่อนโยนและอดทนกับเขา เขาก็อาจยอมรับคำแนะนำของคุณ ดังนั้น ถ้าพี่น้องไม่ยอมรับหรือไม่ทำตามคำแนะนำของคุณทันที ก็อย่าเพิ่งหงุดหงิด คุณอาจจะอธิษฐานเผื่อพี่น้องที่คุณแนะนำ ขอพระยะโฮวาช่วยให้พี่น้องคนนั้นเข้าใจว่าทำไมต้องได้รับคำแนะนำและช่วยเขาให้เอาคำแนะนำไปใช้ พี่น้องอาจต้องการเวลาคิดใคร่ครวญคำแนะนำที่คุณให้กับเขา ถ้าผู้ดูแลอดทนและอ่อนโยน พี่น้องก็จะสนใจที่คำแนะนำไม่ใช่วิธีแนะนำ และมันจะทำให้เขารับคำแนะนำได้ง่ายขึ้นด้วย ที่สำคัญผู้ดูแลต้องให้คำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลเสมอ เราอยากให้คำแนะนำที่ได้ผลจริง แต่ไม่ใช่แค่นั้น เราอยาก “ทำให้ชื่นใจ” ด้วย—สภษ. 27:9 ห22.02 น. 18 ว. 17; น. 19 ว. 19
วันพุธที่ 26 กรกฎาคม
ความคาดหวังที่ถูกเลื่อนออกไปทำให้เสียใจ—สภษ. 13:12
เมื่อเราขอพระยะโฮวาให้ช่วยเรารับมือกับปัญหาอะไรบางอย่างหรือสู้กับข้ออ่อนแอในตัวเรา เราอาจจะรู้สึกว่าพระองค์ไม่ได้ตอบคำอธิษฐานของเราทันที ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? สำหรับพระองค์ คำอธิษฐานของเราเป็นหลักฐานที่แสดงว่าเรามีความเชื่อ (ฮบ. 11:6) นอกจากนั้น พระยะโฮวาอยากเห็นเราพยายามทำตามสิ่งที่เราขอในคำอธิษฐาน (1 ยน. 3:22) ถ้าเราขอให้พระองค์ช่วยเราให้เอาชนะข้ออ่อนแอหรือนิสัยที่ไม่ดีบางอย่าง เราก็ต้องอดทนและพยายามสู้กับนิสัยไม่ดีเหล่านั้น พระเยซูช่วยให้เราเข้าใจว่าบางครั้งพระยะโฮวาอาจไม่ตอบคำอธิษฐานของเราทันที ท่านบอกว่า “ขอต่อไปเรื่อย ๆ แล้วจะได้รับ หาต่อไปเรื่อย ๆ แล้วจะพบ เคาะต่อไปเรื่อย ๆ แล้วจะเปิดให้ เพราะทุกคนที่ขอจะได้รับ ทุกคนที่หาก็จะพบ และทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้”—มธ. 7:7, 8 ห21.08 น. 8 ว. 1; น. 10 ว. 9-10
วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม
ผมรักกฎหมายของพระองค์จริง ๆ ผมใคร่ครวญกฎหมายนั้นตลอดวัน—สด. 119:97
เพื่อคุณจะมั่นใจมากขึ้นว่ามีผู้สร้าง คุณต้องศึกษาคัมภีร์ไบเบิลต่อ ๆ ไป (ยชว. 1:8) ให้คิดใคร่ครวญคำพยากรณ์ที่เกิดขึ้นจริงและสังเกตเนื้อหาทั้งหมดในคัมภีร์ไบเบิลที่ไม่ขัดแย้งกัน ถ้าคุณทำอย่างนี้ คุณก็จะมั่นใจมากขึ้นว่ามีผู้สร้างที่ฉลาดและรักคุณมาก พระองค์สร้างคุณและพระองค์ดลใจให้มีการเขียนคัมภีร์ไบเบิลขึ้นมา (2 ทธ. 3:14; 2 ปต. 1:21) ตอนที่ศึกษาคัมภีร์ไบเบิล ลองคิดดูว่าคำแนะนำต่าง ๆ ใช้ได้จริงมากขนาดไหน ตัวอย่างเช่น คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้นานมาแล้วว่าการรักเงินอันตรายมากและทำให้ “เจ็บปวดรวดร้าว” (1 ทธ. 6:9, 10; สภษ. 28:20; มธ. 6:24) เห็นไหมว่าคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับเรื่องเงินนั้นดีจริง ๆ คุณคิดถึงคำแนะนำอะไรอีกไหมในคัมภีร์ไบเบิลที่เป็นประโยชน์กับคุณ? ยิ่งเราเห็นว่าคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลเป็นประโยชน์กับเรามากขนาดไหน เราก็จะยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าผู้สร้างของเรารู้ดีที่สุดว่าอะไรดีสำหรับเรา และเราก็จะอยากทำตามคำแนะนำที่ไม่ล้าสมัยเลยของพระองค์ (ยก. 1:5) และเมื่อเราทำอย่างนั้น ชีวิตเราก็จะมีความสุขมากขึ้น—อสย. 48:17, 18 ห21.08 น. 17-18 ว. 12-13
วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม
พระเจ้าไม่ทำสิ่งที่ชั่ว พระองค์จึงไม่มีวันลืมงานที่พวกคุณทำและความรักที่พวกคุณมีต่อชื่อของพระองค์—ฮบ. 6:10
ถ้าตอนนี้คุณเริ่มอายุมากแล้ว ขอให้คุณมั่นใจว่าพระยะโฮวาไม่ลืมสิ่งที่คุณได้ทำเพื่อพระองค์ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณทำงานประกาศด้วยความขยันขันแข็ง คุณอดทนกับปัญหามากมายหลายอย่างรวมถึงเรื่องที่ทำให้คุณเศร้าเสียใจ คุณพยายามทำตามมาตรฐานของคัมภีร์ไบเบิล คุณรับผิดชอบงานหลายอย่างในองค์การและยังฝึกคนอื่นด้วย ไม่ว่าองค์การจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรคุณก็พยายามตามให้ทัน แถมคุณยังสนับสนุนและให้กำลังใจพี่น้องที่รับใช้เต็มเวลาด้วย พระยะโฮวารักคุณมากเพราะคุณภักดีต่อพระองค์ และพระองค์สัญญาว่า “พระองค์จะไม่ทอดทิ้งคนที่ภักดีต่อพระองค์” เลย (สด. 37:28) พระองค์ยังรับรองด้วยว่า “ถึงตอนที่พวกเจ้าผมหงอกขาว เราก็จะยังพยุงพวกเจ้า” (อสย. 46:4) อย่าคิดว่าคุณอายุมากแล้วคงไม่มีความหมายอะไรกับองค์การ เพราะจริง ๆ แล้วคุณเป็นคนสำคัญและมีค่ามากสำหรับองค์การของพระเจ้า ห21.09 น. 3 ว. 4
วันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม
พระยะโฮวาก็เมตตาคนที่เกรงกลัวพระองค์—สด. 103:13
พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ฉลาดที่สุด คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “สติปัญญาจากเบื้องบน . . . เต็มไปด้วยความเมตตา ทำให้เกิดผลดีมากมาย” (ยก. 3:17) พ่อแม่ที่รักลูกรู้ว่าลูกต้องการความเมตตาจากพ่อแม่ (อสย. 49:15) พระยะโฮวาก็เหมือนกัน พระองค์รู้ว่าเราเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบและต้องได้รับความเมตตาจากพระองค์อย่างมาก พระองค์เลยเมตตาเราและนี่ทำให้เรามีความหวังในอนาคต เห็นชัดเลยว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ฉลาดจริง ๆ และนี่ทำให้พระองค์หาทางที่จะแสดงความเมตตาทุกครั้งที่ทำได้ แต่ที่พระยะโฮวาเมตตาไม่ได้หมายความว่าพระองค์จะปิดหูปิดตากับการทำผิด ถ้ามีผู้รับใช้ของพระยะโฮวาที่จงใจทำบาป เราควรทำยังไง? เปาโลได้รับการดลใจให้เขียนว่า “ให้เลิกคบ” กับคนนั้น (1 คร. 5:11) คนที่ไม่กลับใจจะถูกตัดสัมพันธ์จากประชาคม นี่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อจะปกป้องพี่น้องและเพื่อสนับสนุนมาตรฐานที่บริสุทธิ์ของพระยะโฮวา ห21.10 น. 9-10 ว. 7-8
วันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม
พระเจ้ารักคนที่มีความสุขกับการให้—2 คร. 9:7
เรานมัสการพระยะโฮวาโดยบริจาคเพื่อสนับสนุนงานรัฐบาลของพระองค์ ตอนที่ชาวอิสราเอลไปฉลองเทศกาล พวกเขาต้องไม่ไปมือเปล่าแต่ต้องเอาของไปถวายพระยะโฮวาเท่าที่ให้ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเห็นค่าการจัดเตรียมทุกอย่างที่พระยะโฮวาให้กับพวกเขา (ฉธบ. 16:16) แล้วเราล่ะ เราจะแสดงยังไงว่ารักพระยะโฮวาและเห็นค่าทุกอย่างที่พระองค์ให้กับเรา? วิธีหนึ่งก็คือโดยการบริจาคเพื่อสนับสนุนประชาคมและบริจาคเพื่องานทั่วโลกเท่าที่เราจะให้ได้ เปาโลบอกว่า “ถ้าใครมีใจพร้อมอยู่แล้วและให้เท่าที่เขาให้ได้ พระเจ้าก็พอใจ พระองค์ไม่ได้คาดหมายเกินกว่าที่เขาจะให้ได้” (2 คร. 8:4, 12) พระยะโฮวาจะมีความสุขมากถ้าเราเต็มใจบริจาค ถึงแม้มันจะไม่มากอะไร—มก. 12:42-44 ห22.03 น. 24 ว. 13
วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม
พูดปลอบใจคนที่ซึมเศร้า ช่วยเหลือคนอ่อนแอ และอดกลั้นกับทุกคน—1 ธส. 5:14
ถึงผู้ดูแลจะไม่สามารถช่วยพี่น้องให้พ้นจากปัญหาทุกอย่างได้ แต่พระยะโฮวาก็อยากให้ผู้ดูแลทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อจะให้กำลังใจและปกป้องพี่น้องที่เป็นเหมือนฝูงแกะของพระองค์ แต่ผู้ดูแลมีงานยุ่งมาก แล้วเขาจะหาเวลาช่วยพี่น้องได้ยังไง? ให้ทำตามตัวอย่างของเปาโล เปาโลหาโอกาสชมเชยพี่น้องเสมอและให้กำลังใจพวกเขา ผู้ดูแลก็สามารถเลียนแบบเปาโลได้โดยรักและอ่อนโยนกับพี่น้องเสมอ (1 ธส. 2:7) เปาโลบอกกับพี่น้องว่าเขารักพี่น้องมากขนาดไหนและพระยะโฮวาก็รักพวกเขาด้วย (2 คร. 2:4; อฟ. 2:4, 5) สำหรับเปาโลแล้ว พี่น้องในประชาคมเป็นเหมือนเพื่อนที่เขาอยากจะใช้เวลาด้วย และเปาโลก็ยังทำให้พี่น้องรู้ว่าเขาไว้ใจพี่น้องโดยเล่าให้ฟังว่าเขากังวลอะไรหรือมีจุดอ่อนตรงไหน (2 คร. 7:5; 1 ทธ. 1:15) แต่เปาโลก็ไม่ได้คิดถึงแต่ปัญหาของตัวเองเท่านั้น แต่เขาสนใจว่าพี่น้องมีปัญหาอะไรและเขาอยากจะช่วยพี่น้องมาก ห22.03 น. 28 ว. 9-10