สิงหาคม
วันอังคารที่ 1 สิงหาคม
พ่อครับ ยกโทษให้พวกเขาด้วย—ลก. 23:34
พระเยซูคงกำลังหมายถึงทหารโรมันที่ตอกตะปูบนมือและเท้าของท่าน ถึงพระเยซูจะไม่สมควรตาย ท่านก็ไม่ได้โกรธหรือเคียดแค้นคนที่ทำให้ท่านต้องตาย (1 ปต. 2:23) เหมือนกับพระเยซู เราต้องเต็มใจให้อภัยคนอื่น (คส. 3:13) บางคนซึ่งรวมถึงญาติของเราอาจจะต่อต้านเราเพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงเชื่อแบบนี้หรือใช้ชีวิตแบบนี้ พวกเขาอาจจะใส่ร้ายเรา ทำให้เราขายหน้า ทำลายหนังสือของเรา หรือถึงกับขู่จะทำร้ายเราด้วยซ้ำ แทนที่เราจะเก็บความแค้นในใจ เราน่าจะขอพระยะโฮวาช่วยพวกเขาให้ยอมรับความจริงในคัมภีร์ไบเบิลซักวันหนึ่ง (มธ. 5:44, 45) บางครั้ง เราอาจจะรู้สึกว่าให้อภัยคนอื่นได้ยาก โดยเฉพาะถ้าสิ่งที่พวกเขาทำกับเรามันเลวร้ายมาก ๆ แต่ถ้าเราโกรธไม่หายและไม่ยอมให้อภัยพวกเขาซักที เราก็ทำร้ายตัวเอง (สด. 37:8) ถ้าเราเลือกที่จะให้อภัย เราก็เลือกที่จะไม่ยอมให้เรื่องที่ไม่ดีมาทำให้เรารู้สึกแย่หรือยังโกรธอยู่—อฟ. 4:31, 32 ห21.04 น. 8-9 ว. 3-4
วันพุธที่ 2 สิงหาคม
พวกเขา . . . ทำให้พระองค์เสียใจ—สด. 78:40
เคยมีใครที่คุณรักถูกตัดสัมพันธ์ไหม? คุณคงรู้สึกเหมือนหัวใจแตกสลายแน่ ๆ ลองคิดดูว่าพระยะโฮวาจะรู้สึกเสียใจขนาดไหนตอนที่พวกทูตสวรรค์ที่เป็นครอบครัวของพระองค์ทิ้งพระองค์ไป (ยด. 6) และพระองค์จะเจ็บปวดใจแค่ไหนที่ต้องเห็นชาวอิสราเอลกบฏต่อพระองค์หลายต่อหลายครั้ง (สด. 78:41) คุณมั่นใจได้เลยว่าเมื่อคนที่คุณรักทิ้งพระองค์ไป พระยะโฮวาเข้าใจความรู้สึกของคุณ พระองค์เจ็บปวดและเสียใจมากเหมือนกัน พระองค์จะคอยช่วยคุณ ให้กำลังใจคุณเพื่อคุณจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ ถ้าลูกถูกตัดสัมพันธ์ พ่อแม่อาจรู้สึกว่าพวกเขาทำอะไรบางอย่างได้ไม่ดีพอหรือทำอะไรผิดไปเลยไม่ได้ช่วยลูกให้อยู่ในความจริง พี่น้องชายคนหนึ่งบอกว่า “ผมโทษตัวเองบ่อย ๆ บางครั้งผมก็ฝันร้าย” พี่น้องหญิงอีกคนบอกว่า “ฉันคิดอยู่ตลอดว่าฉันเป็นแม่ที่ไม่ดีเลย ฉันน่าจะสอนลูกให้รักพระยะโฮวามากกว่านี้” ห21.09 น. 26 ว. 1-2, 4
วันพฤหัสบดีที่ 3 สิงหาคม
เมื่อพวกเขา . . . รู้ว่าทั้งสองเป็นคนธรรมดาไม่มีการศึกษา—กจ. 4:13
บางคนคิดว่าพยานฯไม่ควรจะสอนคัมภีร์ไบเบิลเพราะพวกเขาไม่ได้เรียนในโรงเรียนสอนศาสนา แต่พวกเขาควรหาข้อเท็จจริงก่อนเพื่อจะไม่หลงเชื่อที่คนอื่นพูด ลูกาผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลก็ทำอย่างนั้น เขา “ตั้งใจที่จะค้นคว้าทุกสิ่งตั้งแต่ต้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน” เขาอยากให้ผู้อ่าน “มั่นใจ” ว่าสิ่งที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับพระเยซู “เป็นความจริง” (ลก. 1:1-4) ชาวยิวในเมืองเบโรอาก็ทำเหมือนกับลูกา เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องราวของพระเยซู พวกเขาก็ค้นคว้าพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูอย่างละเอียดเพื่อจะมั่นใจว่าสิ่งที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับพระเยซูเป็นความจริง (กจ. 17:11) เหมือนกัน ผู้คนในทุกวันนี้ต้องหาข้อเท็จจริงและต้องเปรียบเทียบสิ่งที่พยานฯสอนกับสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอก พวกเขาต้องค้นดูว่าพยานฯทำอะไรบ้างและทำตามที่สอนหรือเปล่า ถ้าพวกเขาพยายามค้นคว้าและหาข้อเท็จจริงทั้งหมด พวกเขาก็จะไม่หลับหูหลับตาเชื่อความคิดหรือคำพูดที่ไม่จริงของคนอื่น ห21.05 น. 3 ว. 7-8
วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม
ให้พวกคุณเปิดใจให้กว้าง—2 คร. 6:13
คุณนึกถึงใครในประชาคมไหมที่คุณจะชวนเขาได้? มีบางเวลาที่พี่น้องอาจรู้สึกขอบคุณเป็นพิเศษที่เราได้ใช้เวลากับเขา ตัวอย่างเช่น พี่น้องบางคนรู้สึกอึดอัดถ้าต้องอยู่กับครอบครัวที่ไม่ใช่พยานฯตอนที่พวกเขาฉลองเทศกาลกัน สำหรับบางคนก็จะมีบางวันที่เขาเศร้าเป็นพิเศษ เช่น วันที่คนที่เขารักตายจากไป ถ้าเราชวนคนที่รู้สึกแบบนี้มาทำอะไร ๆ ด้วยกันกับเราก็จะทำให้พวกเขาเห็นว่าเรา “สนใจทุกข์สุขของ [พวกเขา] จริง ๆ” (ฟป. 2:20) อาจมีหลายสาเหตุที่ทำให้คนเราเหงา แต่เราต้องไม่ลืมว่าพระยะโฮวาเข้าใจความรู้สึกของเราดีที่สุด และพระองค์จะช่วยให้เรารับมือกับความรู้สึกแบบนี้ วิธีหนึ่งที่พระองค์ชอบใช้ก็คือให้พี่น้องช่วยเรา (มธ. 12:48-50) ถ้าเราอยากจะแสดงว่าเราขอบคุณพระองค์ที่ช่วยเรา เราก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยพี่น้องของเราเหมือนกัน ไม่ว่าบางครั้งเราจะรู้สึกแย่แค่ไหน เราจะไม่มีวันเดียวดายเพราะพระยะโฮวาจะอยู่เคียงข้างเราเสมอ ห21.06 น. 13 ว. 18-20
วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม
ประพฤติตัวให้ดีเสมอเมื่ออยู่กับผู้คนในโลก เพราะถ้าพวกเขากล่าวหาพวกคุณว่าเป็นคนทำชั่วแต่เห็นการกระทำที่ดีของคุณ พวกเขาก็จะยกย่องสรรเสริญพระเจ้า—1 ปต. 2:12
พระเยซูคิดบวกอยู่เสมอและไม่หยุดประกาศถึงแม้ว่าจะมีคนไม่สนใจสิ่งที่ท่านสอน เพราะอะไร? เพราะท่านรู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่คนต้องรู้ความจริง และท่านอยากจะช่วยคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากนั้น ท่านรู้ว่าคนที่ไม่สนใจในตอนแรกอาจจะเปลี่ยนใจมาฟังข่าวดีก็ได้ ลองคิดถึงครอบครัวของพระเยซู ในช่วง 3 ปีครึ่งที่พระเยซูทำงานรับใช้บนโลก ไม่มีน้องคนไหนของท่านสักคนที่เข้ามาเป็นสาวก (ยน. 7:5) แต่พอพระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย พวกเขาก็เข้ามาเป็นคริสเตียน (กจ. 1:14) เราไม่รู้ว่าในที่สุดคนไหนบ้างจะเข้ามาเป็นพี่น้อง บางคนกว่าจะเรียนความจริงก็ต้องใช้เวลามากกว่าคนอื่น และถึงจะมีคนไม่ฟังเรา แต่ถ้าเขาเห็นการกระทำที่ดีของเราและเห็นว่าเรายังคิดบวกอยู่เสมอ ในที่สุดเขาก็อาจจะ “ยกย่องสรรเสริญพระเจ้า” ก็ได้ ห21.05 น. 18 ว. 17-18
วันอาทิตย์ที่ 6 สิงหาคม
เมื่อไปประกาศ ให้พูดว่า “รัฐบาลสวรรค์มาใกล้แล้ว”—มธ. 10:7
ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลกท่านสั่งให้สาวกของท่านทำ 2 อย่าง ท่านบอกให้พวกเขาไปประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าและท่านทำให้พวกเขารู้ด้วยว่าจะทำยังไง (ลก. 8:1) ตัวอย่างเช่น พระเยซูบอกว่าพวกเขาต้องทำยังไงตอนที่มีคนฟังหรือไม่ฟังข่าวดี (ลก. 9:2-5) พระเยซูบอกล่วงหน้าด้วยว่าพวกเขาจะประกาศไปไกลแค่ไหน พวกเขาจะ “ประกาศข่าวดี . . . เพื่อให้คนทุกชาติมีโอกาสได้ยิน” (มธ. 24:14; กจ. 1:8) นอกจากนั้น ท่านยังบอกให้พวกเขาสอนคนให้ทำตามทุกสิ่งที่ท่านสั่งด้วย พระเยซูบอกว่างานนี้ต้องทำ “จนถึงสมัยสุดท้ายของโลกนี้” ซึ่งก็คือสมัยของเรา (มธ. 28:18-20) และในนิมิตที่พระเยซูให้กับยอห์น ท่านก็บอกอย่างชัดเจนว่าสาวกของท่านทุกคนต้องช่วยคนอื่นให้เรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวา—วว. 22:17 ห21.07 น. 2-3 ว. 3-4
วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม
อย่าถือว่าตัวเองสำคัญกว่าคนอื่น อย่ายั่วยุให้มีการแข่งขันกัน และอย่าอิจฉากัน—กท. 5:26
ในโลกทุกวันนี้หลายคนชอบแข่งขัน และทำให้ตัวเองดูดีกว่าคนอื่นโดยที่ไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นยังไง เช่น นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองดีกว่าคู่แข่งโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะเดือดร้อนยังไง นักกีฬาบางคนตั้งใจทำให้อีกฝ่ายเจ็บเพื่อให้ตัวเองชนะ นักเรียนโกงข้อสอบเพื่อจะเข้ามหาวิทยาลัยดัง ๆ ได้ เราที่เป็นคริสเตียนรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องผิดและเป็น “การกระทำที่เกิดจากความต้องการของร่างกายที่มีบาป” (กท. 5:19-21) แต่เป็นไปได้ไหมที่ผู้รับใช้พระเจ้าจะเป็นคนชอบแข่งขันโดยไม่รู้ตัว และทำให้คนอื่นมีนิสัยแบบนั้นไปด้วย? เป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจะคิดเรื่องนี้ เพราะถ้ามีคนชอบแข่งขันก็จะทำให้ประชาคมไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน นับว่าดีที่เราจะดูตัวอย่างของผู้รับใช้ในอดีตที่ไม่ได้พยายามทำให้ตัวเองดีกว่าคนอื่น ห21.07 น. 14 ว. 1-2
วันอังคารที่ 8 สิงหาคม
คนที่เห็นใจคนต่ำต้อยก็มีความสุข พระยะโฮวาจะช่วยเขาในวันที่เขาเจอหายนะ—สด. 41:1
ถ้าเรามีความรักที่มั่นคง เราจะพยายามช่วยคนที่เศร้าหรือท้อใจ พี่น้องของเราก็ห่วงใยและไม่ทิ้งพี่น้องในประชาคมที่กำลังรู้สึกเศร้าหรือเสียใจ พวกเขารักและอยากทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยเหลือคนที่รู้สึกแบบนี้ (สภษ. 12:25, เชิงอรรถ; 24:10) พี่น้องของเรากำลังทำตามคำแนะนำของเปาโลที่ให้ “พูดปลอบใจคนที่ซึมเศร้า ช่วยเหลือคนอ่อนแอ และอดกลั้นกับทุกคน” (1 ธส. 5:14) วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งที่คุณจะช่วยพี่น้องที่กำลังท้อใจอยู่ก็คือตั้งใจฟังเขาและทำให้เขารู้ว่าคุณรักเขามาก พระยะโฮวาเห็นทุกครั้งที่คุณพยายามช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ สุภาษิต 19:17 บอกว่า “คนที่เมตตาคนจนก็เหมือนให้พระยะโฮวายืม พระองค์จะตอบแทนเขาสำหรับสิ่งที่เขาทำ” ห21.11 น. 10 ว. 11-12
วันพุธที่ 9 สิงหาคม
ลองชิมดู แล้วจะรู้ว่าพระยะโฮวาดีขนาดไหน คนที่หวังพึ่งพระองค์ก็มีความสุข—สด. 34:8
เราจะเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่ตอนนี้ได้ยังไงสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต? เราต้องพอใจในสิ่งที่มีอยู่ และต้องให้การสนิทกับพระยะโฮวาเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขมากที่สุดตั้งแต่ตอนนี้ ยิ่งเราพยายามรู้จักพระยะโฮวามากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมั่นใจว่าพระองค์จะปกป้องเราได้แน่นอนตอนที่โกกแห่งมาโกกมาโจมตีเรา ข้อคัมภีร์ประจำวันวันนี้ทำให้เห็นว่าที่ผ่านมาดาวิดพึ่งพระยะโฮวาและพระองค์ก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง ดาวิดเลยรู้ว่าเขาไว้ใจพระยะโฮวาได้เสมอ อย่างเช่น ตอนที่ดาวิดยังเป็นวัยรุ่น เขาต้องสู้กับโกลิอัท ตอนนั้นเขาบอกโกลิอัทว่า “วันนี้พระยะโฮวาจะช่วยให้ผมชนะคุณ” แล้วพระยะโฮวาก็ช่วยดาวิดให้ทำอย่างนั้นได้จริง ๆ (1 ซม. 17:46) หลังจากนั้น ดาวิดต้องทำงานรับใช้ซาอูล ซาอูลก็พยายามจะฆ่าดาวิดอยู่หลายครั้ง แต่ “พระยะโฮวาอยู่กับดาวิด” (1 ซม. 18:12) เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า ที่ผ่านมาพระยะโฮวาช่วยดาวิดมาตลอด เขาก็เลยมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยเขาให้รับมือกับปัญหาที่เขากำลังเจออยู่ได้แน่นอน ห22.01 น. 6 ว. 14-15
วันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม
ลูกของพระเจ้าโห่ร้องดีใจ—โยบ 38:7
ไม่ว่าพระยะโฮวาจะทำอะไร พระองค์ก็ไม่ได้รีบร้อน พระองค์เป็นพระเจ้าที่อดทน การที่พระยะโฮวาทำอย่างนี้ทำให้พระองค์เองได้รับการยกย่องสรรเสริญและยังเป็นผลดีกับคนอื่นด้วย เราเห็นเรื่องนี้ได้ตอนที่พระองค์สร้างโลกให้กับมนุษย์ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระองค์ “กำหนดขนาดของโลก” ตั้ง “เสาของโลก” และ “วางหินหัวมุม” (โยบ 38:5, 6) พระองค์ยังใช้เวลาคิดถึงสิ่งที่พระองค์สร้างด้วย (ปฐก. 1:10, 12) คุณนึกภาพออกไหมว่าทูตสวรรค์จะรู้สึกยังไงเมื่อพวกเขาเห็นสิ่งที่พระยะโฮวาสร้างค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา? พวกเขาคงต้องตื่นเต้นมากแน่ ๆ เพราะพระคัมภีร์บอกว่าพวกเขาถึงกับ “โห่ร้องดีใจ” ถึงพระยะโฮวาจะต้องใช้เวลานานมาก ๆ เพื่อจะสร้างสิ่งต่าง ๆ ให้เสร็จ แต่พระองค์ก็อดทน พอพระองค์มองดูทุกสิ่งที่พระองค์สร้างแล้ว พระองค์บอกว่าทุกอย่าง “ดียอดเยี่ยม”—ปฐก. 1:31 ห21.08 น. 9 ว. 6-7
วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม
ดีมาก คุณเป็นทาสที่ดีและซื่อสัตย์—มธ. 25:23
ในตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซู มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ ก่อนไปเขาก็เรียกทาสมาและเอาเงินตะลันต์ให้แต่ละคนไปค้าขาย เขารู้สึกว่าทาสมีความสามารถไม่เท่ากัน เขาก็เลยแบ่งเงินให้ตามความสามารถของแต่ละคน ทาสคนแรกได้ 5 ตะลันต์ คนที่สองได้ 2 ตะลันต์ คนที่สามได้ 1 ตะลันต์ ทาส 2 คนแรกขยันและเอาเงินไปทำกำไรมาให้นาย ส่วนคนสุดท้ายไม่ยอมทำอะไรเลยก็เลยถูกนายไล่ออก ทาสคนแรกและคนที่สองขยันและตั้งใจทำงานเหมือนกัน พวกเขาก็เลยทำให้นายได้กำไรอีกเท่าตัว ผลก็คือ นายมีความสุขมากและบอกว่าจะให้หน้าที่รับผิดชอบกับพวกเขามากขึ้นอีก ห21.08 น. 21 ว. 7; น. 22 ว. 9-10
วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม
เราจะเขย่าท้องฟ้าและโลก . . . อีกครั้งหนึ่ง—ฮกก. 2:6
พระยะโฮวาอดทนมากในช่วงสมัยสุดท้ายนี้ พระองค์ไม่อยากให้ใครต้องถูกทำลาย (2 ปต. 3:9) พระองค์ให้โอกาสทุกคนที่จะกลับใจ แต่ความอดทนของพระองค์ก็มีขีดจำกัด คนที่ไม่ยอมสนับสนุนรัฐบาลของพระองค์ก็จะเป็นเหมือนกับฟาโรห์ในสมัยของโมเสส พระยะโฮวาบอกฟาโรห์ว่า “ตอนนี้ เราจะลงมือจัดการเจ้าและประชาชนของเจ้าโดยทำให้เกิดโรคระบาดร้ายแรง เพื่อให้เจ้าหายไปจากโลกนี้เลยก็ได้ แต่ที่เราปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่อย่างนี้ ก็เพื่อจะแสดงอำนาจของเราให้เจ้าเห็น และเพื่อชื่อของเราจะเลื่องลือไปทั่วโลก” (อพย. 9:15, 16) ในที่สุดชาติทั้งหมดจะต้องรู้ว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว (อสค. 38:23) การเขย่าที่พูดถึงในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้จะทำให้คนที่เป็นเหมือนกับฟาโรห์ที่ไม่ยอมรับว่าพระยะโฮวามีสิทธิ์ที่จะปกครองถูกทำลายตลอดไป ห21.09 น. 18-19 ว. 17-18
วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม
มีความสุขกับคนที่มีความสุข ร้องไห้กับคนที่ร้องไห้—รม. 12:15
คุณเคยรู้สึกแย่และเจ็บปวดมากเพราะคนที่คุณรักถูกตัดสัมพันธ์ไหม? และถ้ามีคนในประชาคมพูดบางอย่างที่ทำให้คุณรู้สึกแย่กว่าเดิมล่ะ คุณจะทำยังไง? เราทุกคนเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะให้พี่น้องพูดหรือทำอะไรทุกอย่างแบบที่คุณชอบ แล้วก็ไม่แปลกถ้าพี่น้องบางคนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับคุณดี หรือบางคนอาจจะพูดบางอย่างที่ทำให้คุณเจ็บด้วยซ้ำ (ยก. 3:2) เปาโลบอกว่า “แต่ถ้าใครมีสาเหตุจะบ่นคนอื่น ก็ขอให้ทนกันและกัน และให้อภัยกันอย่างใจกว้างต่อไป” (คส. 3:13) แล้วถ้าในประชาคมคุณมีคนที่ถูกตัดสัมพันธ์ล่ะ? ขอให้คุณแสดงความรัก ให้กำลังใจ และช่วยเหลือครอบครัวของคนที่ถูกตัดสัมพันธ์ต่อ ๆ ไป (ฮบ. 10:24, 25) บางครั้งพวกเขาอาจจะรู้สึกว่าพี่น้องในประชาคมไม่สนใจหรือไม่ยอมคุยกับพวกเขา แต่อย่าให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ถ้าประชาคมของคุณมีเด็ก ๆ หรือวัยรุ่นที่พ่อแม่ของพวกเขาถูกตัดสัมพันธ์ ขอให้คุณชมเชยพวกเขาและให้กำลังใจพวกเขาเป็นพิเศษ ห21.09 น. 29 ว. 13-14; น. 30 ว. 16
วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม
คนฉลาดจะฟังและรับคำสอนมากขึ้น—สภษ. 1:5
เมื่อพี่น้องที่อายุน้อยกว่าคุยกับพี่น้องสูงอายุ ทั้งคู่ก็จะได้กำลังใจ (รม. 1:12) คุณที่เป็นพี่น้องที่อายุน้อยจะยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าพระยะโฮวาดูแลผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ ส่วนพี่น้องที่สูงอายุก็จะรู้สึกมีค่าและมีความสุขที่ได้เล่าให้คุณฟังว่าพระยะโฮวาอวยพรเขายังไงบ้าง ความสวยความงามมักร่วงโรยไปตามกาลเวลา แต่คนที่ซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวามีแต่จะสวยขึ้นเรื่อย ๆ ในสายตาของพระองค์ (1 ธส. 1:2, 3) เป็นไปได้ยังไง? เพราะตลอดเวลาหลายปี พวกเขาได้ให้พลังบริสุทธิ์สอนพวกเขาและช่วยให้พวกเขามีคุณลักษณะดี ๆ หลายอย่าง ถ้าเรารู้จักและเรียนจากพี่น้องสูงอายุมากขึ้น เราก็จะยิ่งนับถือและเห็นค่าพวกเขามากขึ้น ประชาคมจะเติบโตเข้มแข็งขึ้นไม่ใช่แค่เพราะพี่น้องที่อายุน้อยกว่าเห็นค่าพี่น้องที่สูงอายุ แต่เพราะพี่น้องที่สูงอายุเห็นค่าพี่น้องที่อายุน้อยกว่าด้วย ห21.09 น. 7 ว. 15-18
วันอังคารที่ 15 สิงหาคม
คุณต้องเลิกตัดสินคนอื่น พระเจ้าจะได้ไม่ตัดสินคุณ เพราะคุณตัดสินคนอื่นอย่างไร พระเจ้าก็จะตัดสินคุณอย่างนั้น—มธ. 7:1, 2
เราต้องพยายามไม่เป็นคนใจร้ายใจดำ แต่ “มีเมตตาล้นเหลือ” เหมือนกับพระเจ้าของเรา (อฟ. 2:4) ความเมตตาไม่ใช่แค่ความรู้สึกแต่ต้องมีการกระทำด้วย เราทุกคนอาจจะคิดถึงคนที่อยู่รอบตัวเรา อย่างเช่น คนในครอบครัว พี่น้องในประชาคม หรือว่าคนที่อยู่ในละแวกบ้านของเราก็ได้ มีหลายโอกาสจริง ๆ ที่เราแสดงความเมตตากับพวกเขาได้ อย่างเช่น มีใครที่ต้องการกำลังใจไหม? เราจะช่วยใครได้บ้างไหม เช่น อาจจะเอาอาหารไปให้หรือทำอย่างอื่นให้เขา? หรือมีพี่น้องที่เพิ่งถูกรับกลับที่กำลังต้องการเพื่อนที่คอยให้กำลังใจเขาไหม? เราจะประกาศข่าวดีที่ให้กำลังใจคนอื่นด้วยได้ไหม? (โยบ 29:12, 13; รม. 10:14, 15; ยก. 1:27) ถ้าเราเป็นคนช่างสังเกต เราก็จะเห็นว่ามีหลายโอกาสที่จะแสดงความเมตตากับคนอื่นได้เยอะเลย เมื่อเราแสดงความเมตตาเรามั่นใจได้เลยว่าพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ของเราจะมีความสุขมาก เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าที่ “มีเมตตาล้นเหลือ” ห21.10 น. 13 ว. 20-22
วันพุธที่ 16 สิงหาคม
พระยะโฮวาเลี้ยงดูผมเหมือนผู้เลี้ยงแกะ ผมจะไม่ขาดอะไรเลย—สด. 23:1
ในสดุดีบท 23 ดาวิดพูดถึงหลายอย่างที่มีค่ามากที่พระยะโฮวาทำเพื่อเขาเพราะเขาให้พระยะโฮวาเป็นผู้เลี้ยงดูเขา พระองค์พาเขา “ไปในทางที่ถูกต้อง” และช่วยเขาเสมอทั้งตอนที่เขามีความสุขและตอนที่เจอความทุกข์ ดาวิดยอมรับว่าแม้จะอยู่ใน “ทุ่งหญ้าเขียวสด” ของพระยะโฮวาแต่เขาก็เจอปัญหา บางครั้งเขารู้สึกท้อเหมือนอยู่ใน “หุบเขาที่มืดมิด” และยังมีศัตรูด้วย แต่ถึงอย่างนั้นดาวิดก็ยังมีพระยะโฮวาซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดูเขา เขาเลย “ไม่กลัวอันตรายใด ๆ” ดาวิดบอกว่าเขา “ไม่ขาดสิ่งดี” ในชีวิต เขาหมายถึงอะไร? นั่นคือเขามีทุกอย่างที่ช่วยให้สนิทกับพระยะโฮวา ความสุขของดาวิดไม่ได้อยู่ที่ทรัพย์สมบัติ ดาวิดพอใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาจัดเตรียมให้ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือพรและการปกป้องจากพระองค์ คำพูดของดาวิดทำให้เราเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องมีมุมมองที่ถูกต้องเกี่ยวกับทรัพย์สมบัติ ห22.01 น. 3-4 ว. 5-7
วันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม
แต่ละคนจะได้รับรางวัลตามงานที่เขาทำ—1 คร. 3:8
มีผู้รับใช้ของพระยะโฮวาหลายคนในอดีตที่ประกาศแต่ก็ไม่มีคนฟังเหมือนกัน ตัวอย่างเช่น โนอาห์เป็น “ผู้ประกาศแนวทางที่ถูกต้อง” เขาประกาศ 40-50 ปีแต่ก็ไม่มีใครฟัง (2 ปต. 2:5) โนอาห์คงหวังว่าจะมีคนฟังเขาบ้างแต่พระยะโฮวาไม่ได้บอกอย่างนั้น ตอนที่พระองค์สั่งให้โนอาห์สร้างเรือ พระองค์กลับบอกว่า “ให้เจ้าเข้าไปในเรือพร้อมกับภรรยา ลูกชาย และลูกสะใภ้” (ปฐก. 6:18) และพอคิดถึงขนาดของเรือที่พระเจ้าบอกให้เขาสร้าง เขาก็คงพอเดาได้ว่าคงไม่ค่อยมีใครฟังเขาหรอก แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไม่มีใครฟังเขาเลย (ปฐก. 6:15; 7:7) พระยะโฮวามองว่าโนอาห์ไม่ประสบความสำเร็จไหม? ไม่ใช่อย่างนั้นเลย ในสายตาของพระองค์ โนอาห์เป็นผู้ประกาศที่ประสบความสำเร็จเพราะเขาทำตามที่พระองค์สั่งทุกอย่าง—ปฐก. 6:22 ห21.10 น. 26 ว. 10-11
วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม
ตอนไปฉันมีทุกอย่าง แล้วพระยะโฮวาก็ทำให้ฉันกลับมาแต่ตัว—นรธ. 1:21
ลองคิดดูสิว่ารูธจะรู้สึกยังไงเมื่อได้ยินนาโอมีพูดอย่างนี้ รูธเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างนาโอมีมาตลอดและคอยปลอบใจเธอ สองคนร้องไห้ด้วยกันและเดินทางด้วยกันมาตั้งหลายวัน แต่พอมาถึง นาโอมีกลับบอกว่า “พระยะโฮวาก็ทำให้ฉันกลับมาแต่ตัว” นาโอมีพูดเหมือนกับว่าไม่เห็นค่าสิ่งที่รูธทำเลย คิดดูว่ารูธที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะเสียใจมากแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ทิ้งนาโอมี (นรธ. 1:3-18) พี่น้องที่ซึมเศร้าหรือกำลังเครียดอาจพูดกับเราไม่ดีทั้ง ๆ ที่เราพยายามช่วยเขาอยู่ แต่เราจะพยายามไม่ถือสา เราจะไม่ทิ้งเขาแต่จะขอพระยะโฮวาช่วยเราหาวิธีที่จะให้กำลังใจเขาได้ (สภษ. 17:17) ตอนแรกเขาอาจจะไม่ยอมให้เราช่วย แต่ถ้าเรามีความรักที่มั่นคง เราจะไม่ทิ้งเขาแต่จะพยายามเป็นเพื่อนกับเขาต่อ ๆ ไป—กท. 6:2 ห21.11 น. 11 ว. 17-19
วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม
ให้เป็นคนบริสุทธิ์ในการกระทำทุกอย่าง—1 ปต. 1:15
ในคัมภีร์ไบเบิลคำว่า “ความบริสุทธิ์” หมายถึงความศักดิ์สิทธิ์และความสะอาดด้านศีลธรรม และคำนี้ยังหมายถึงการแยกไว้สำหรับพระเจ้าด้วย ดังนั้น เราจะเป็นคนบริสุทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อเราทำสิ่งที่สะอาดด้านศีลธรรม นมัสการพระยะโฮวาในแบบที่พระองค์ยอมรับ และสนิทกับพระองค์ เราคงรู้สึกประทับใจมากที่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าเราสามารถสนิทกับพระยะโฮวาได้ เพราะพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าองค์บริสุทธิ์ แต่พระองค์ก็ยังอยากให้เราสนิทกับพระองค์ พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์และสะอาดในทุกด้าน เรารู้เรื่องนี้ได้จากเสราฟซึ่งเป็นทูตสวรรค์ที่รับใช้อยู่ใกล้บัลลังก์ของพระองค์ พวกเขาบอกว่า “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพนั้นบริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์” (อสย. 6:3) เพื่อที่ทูตสวรรค์เหล่านี้จะสนิทกับพระยะโฮวาได้ พวกเขาก็ต้องบริสุทธิ์ด้วย และทูตสวรรค์เหล่านี้ก็บริสุทธิ์จริง ๆ ห21.12 น. 3 ว. 4-5
วันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม
คอยระวังไว้ให้ดี อย่าใช้ชีวิตเหมือนคนโง่ แต่ให้ใช้ชีวิตเหมือนคนฉลาด ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด—อฟ. 5:15, 16
วัยรุ่นมักจะกังวลว่าเขาควรจะเอายังไงกับชีวิต ครูที่โรงเรียนหรือคนในครอบครัวที่ไม่ได้เป็นพยานฯชอบสนับสนุนให้วัยรุ่นเรียนสูง ๆ จะได้งานทำดี ๆ การทำอย่างนั้นทำให้ต้องทุ่มเทเวลาเยอะมาก แต่พ่อแม่ที่เป็นพยานฯ และพี่น้องในประชาคมจะสนับสนุนให้วัยรุ่นรับใช้พระยะโฮวา แล้วอะไรจะช่วยให้วัยรุ่นที่รักพระยะโฮวาเลือกอย่างฉลาดได้? การอ่านเอเฟซัส 5:15-17 และคิดใคร่ครวญคำแนะนำในนั้นช่วยได้ หลังจากที่อ่านแล้วให้วัยรุ่นถามตัวเองว่า ‘“พระยะโฮวาต้องการอะไร”? พระองค์จะมีความสุขถ้าฉันตัดสินใจแบบไหน? ฉันควรเลือกแบบไหนถึงจะ “ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด”?’ จำไว้ว่า “สมัยนี้ชั่วช้า” โลกที่ซาตานปกครองกำลังจะถูกทำลายอีกไม่นาน ห22.01 น. 27 ว. 5
วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม
ตอนนั้น น้อง ๆ ของพระเยซูไม่มีความเชื่อในตัวท่าน—ยน. 7:5
ยากอบเป็นสาวกที่ซื่อสัตย์ของพระเยซูตั้งแต่เมื่อไหร่? หลังจากที่พระเยซูตายไปแล้ว “ท่านได้มาปรากฏตัวให้ยากอบเห็นแล้วก็อัครสาวกทั้งหมด” (1 คร. 15:7) การพบกันครั้งนั้นเปลี่ยนชีวิตของยากอบไปเลย ตอนที่พวกอัครสาวกจะได้รับพลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าที่ห้องชั้นบนในกรุงเยรูซาเล็ม ยากอบก็อยู่ที่นั่นด้วย (กจ. 1:13, 14) ต่อมา ยากอบได้มาเป็นสมาชิกคณะกรรมการปกครองในศตวรรษแรก (กจ. 15:6, 13-22; กท. 2:9) และก่อนปี ค.ศ. 62 ยากอบได้รับการดลใจให้เขียนจดหมายถึงคริสเตียนผู้ถูกเจิม ซึ่งจดหมายนั้นยังคงเป็นประโยชน์กับเราจนถึงทุกวันนี้ไม่ว่าเราจะมีความหวังในสวรรค์หรือบนโลก (ยก. 1:1) โยเซฟุสนักประวัติศาสตร์ในศตวรรษแรกบอกว่า ยากอบถูกตัดสินประหารชีวิตตามคำสั่งของมหาปุโรหิตอานาเนียที่เป็นลูกชายของอันนาส ยากอบซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาจนจบชีวิตบนโลก ห22.01 น. 8 ว. 3; น. 9 ว. 5
วันอังคารที่ 22 สิงหาคม
พระเจ้า พระเจ้าของผม ทำไมทิ้งผมไป?—มธ. 27:46
เราเรียนอะไรได้จากข้อคัมภีร์ประจำวันนี้? เราต้องไม่คาดหมายว่าพระยะโฮวาจะปกป้องเราไม่ให้ถูกทดสอบ และเหมือนที่พระเยซูถูกทดสอบจนถึงที่สุด เราก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะพิสูจน์ความซื่อสัตย์ของเราถึงแม้ว่าอาจจะต้องตายก็ตาม (มธ. 16:24, 25) แต่เรามั่นใจได้ว่าพระเจ้าจะไม่ยอมให้เราถูกทดสอบเกินกว่าที่เราจะทนได้ (1 คร. 10:13) บทเรียนอีกอย่างก็คือเราอาจจะต้องเจอกับความไม่ยุติธรรมเหมือนกับพระเยซู (1 ปต. 2:19, 20) เราไม่ได้ถูกข่มเหงเพราะทำอะไรผิด แต่เพราะเราไม่เป็นคนของโลกนี้และเราประกาศความจริง (ยน. 17:14; 1 ปต. 4:15, 16) พระเยซูเข้าใจว่าทำไมพระยะโฮวาถึงปล่อยให้ท่านเจอกับความลำบาก แต่บางครั้งผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาอาจจะสงสัยว่าทำไมพระองค์ถึงปล่อยให้พวกเขาเจอกับเรื่องไม่ดีแบบนี้ (ฮบก. 1:3) พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่เมตตาและอดทน พระองค์เข้าใจว่าที่ผู้รับใช้ของพระองค์รู้สึกอย่างนี้ไม่ใช่เพราะพวกเขาขาดความเชื่อ แต่พวกเขาต้องการกำลังใจที่มีแต่พระองค์เท่านั้นที่ให้ได้—2 คร. 1:3, 4 ห21.04 น. 11 ว. 9-10
วันพุธที่ 23 สิงหาคม
ขอให้คำอธิษฐานของผมเป็นเหมือนเครื่องหอมที่เตรียมไว้ให้พระองค์—สด. 141:2
พระยะโฮวายอมรับการนมัสการของเราแน่นอนถ้าเราทำด้วยความรักและนับถือพระองค์ และนมัสการพระองค์อย่างที่พระองค์ต้องการ เรารู้ว่าพระองค์สมควรได้รับการนมัสการจากเรา และเราอยากนมัสการพระองค์อย่างดีที่สุด วิธีหนึ่งที่เรานมัสการพระยะโฮวาได้คือการอธิษฐานถึงพระองค์ คัมภีร์ไบเบิลเปรียบเทียบคำอธิษฐานของเราเหมือนกับเครื่องหอมที่เตรียมมาอย่างดีเพื่อจะถวายในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งต่อมาก็คือในวิหาร พระยะโฮวาชอบเครื่องหอมที่มีกลิ่นหอมมาก เหมือนกันถ้าเราอธิษฐานจากใจ พระยะโฮวาจะ “ชอบคำอธิษฐาน” ของเราถึงแม้เราจะใช้คำง่าย ๆ ไม่ใช่คำเลิศหรูอะไร (สภษ. 15:8; ฉธบ. 33:10) เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาอยากให้เราอธิษฐานบอกพระองค์ว่าเรารักพระองค์มากแค่ไหน และขอบคุณพระองค์สำหรับสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ทำให้เรา นอกจากนั้น พระยะโฮวาอยากให้เราระบายความรู้สึกทุกอย่างให้พระองค์ฟังว่าเรากังวลเรื่องอะไร หวังเรื่องอะไร และอยากได้อะไร ก่อนที่จะอธิษฐานเราน่าจะคิดก่อนว่าจะพูดเรื่องอะไรบ้าง ถ้าทำอย่างนั้น เราก็จะถวาย “เครื่องหอม” ที่ดีที่สุดให้กับพ่อของเราในสวรรค์ ห22.03 น. 20 ว. 2; น. 21 ว. 7
วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม
พวกคุณที่ทนความยากลำบากอยู่ตอนนี้จะได้รับการบรรเทาด้วยกันกับเรา เมื่อพระเยซูผู้เป็นนายปรากฏจากสวรรค์ในเปลวไฟพร้อมกับพวกทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์อำนาจของท่าน—2 ธส. 1:7
ในสงครามอาร์มาเกดโดน พระยะโฮวาจะเมตตาใครบ้างก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา (มธ. 25:34, 41, 46) ถ้าตอนนั้นการตัดสินของพระยะโฮวาไม่ได้เป็นแบบที่เราคิด เราจะไว้ใจพระองค์หรือเราจะทิ้งพระองค์? ให้เราฝึกที่จะไว้ใจพระยะโฮวาตั้งแต่ตอนนี้เพื่อเราจะไว้ใจพระองค์เต็มที่ในอนาคต ลองนึกภาพว่าเราจะรู้สึกยังไงในโลกใหม่เมื่อศาสนาเท็จจะถูกทำลาย ระบบการค้าที่เห็นแก่ตัวและระบบการเมืองที่กดขี่ผู้คนให้ทนทุกข์มาตลอดประวัติศาสตร์จะไม่มีอีกเลย เราจะไม่ต้องเจ็บป่วย ไม่ต้องแก่ และไม่ต้องเสียใจเพราะคนที่เรารักตายจากไป ซาตานกับทูตสวรรค์ชั่วที่เป็นพรรคพวกของมันจะถูกขัง 1,000 ปี และผลเสียหายที่พวกมันทำเอาไว้จะไม่มีต่อไป (วว. 20:2, 3) ตอนนั้นเราคงดีใจมากว่าที่ผ่านมาเราได้ไว้ใจว่าทุกอย่างที่พระยะโฮวาทำถูกต้องเสมอ ห22.02 น. 6-7 ว. 16-17
วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม
คนที่สร้างสันติก็มีความสุข—มธ. 5:9
พระเยซูเป็นฝ่ายสร้างสันติกับคนอื่นก่อนและสนับสนุนคนอื่นให้ดีกันด้วย ท่านสอนว่าถ้าอยากให้พระยะโฮวายอมรับการนมัสการ พวกเขาต้องไปคืนดีกับพี่น้องก่อน (มธ. 5:23, 24) และหลายครั้งที่พวกอัครสาวกเถียงกันว่าใครเป็นใหญ่ที่สุด พระเยซูก็ช่วยพวกเขาให้เลิกทะเลาะกัน (ลก. 9:46-48; 22:24-27) ถ้าเราอยากเป็นคนสร้างสันติ เราจะไม่ใช่แค่พยายามไม่มีปัญหากับคนอื่น แต่ถ้าคนอื่นมีปัญหากับเรา เราจะเป็นฝ่ายเข้าไปคืนดีกับเขาก่อน และถ้าเรารู้ว่ามีพี่น้องกำลังมีปัญหากัน เราจะพยายามช่วยพวกเขาให้คืนดีกันได้ (ฟป. 4:2, 3; ยก. 3:17, 18) ให้เราถามตัวเองว่า ‘ฉันเต็มใจเสียสละอะไรบ้างเพื่อจะคืนดีกับคนอื่น? ถ้าพี่น้องทำให้ฉันเจ็บ ฉันโกรธเขาไม่หายสักทีไหม? ฉันรอให้คนอื่นมาง้อหรือคืนดีกับฉันไหม หรือฉันเป็นคนเข้าไปคืนดีกับเขาทั้ง ๆ ที่ดูเหมือนว่าเขาเป็นคนผิด?’ ห22.03 น. 10 ว. 10-11
วันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม
การให้ทำให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ—กจ. 20:35
คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้นานมาแล้วว่าคนของพระยะโฮวา “จะเต็มใจเสนอตัว” รับใช้พระองค์โดยทำตามการชี้นำของพระเยซู (สด. 110:3) คำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นจริงในทุกวันนี้ ทุกปีพยานพระยะโฮวาใช้เวลามากกว่าพันล้านชั่วโมงเพื่อทำงานประกาศ พวกเขาเต็มใจที่จะทำอย่างนั้นและออกค่าใช้จ่ายเอง นอกจากนั้นพวกเขายังสละเวลาของตัวเองเพื่อจะให้กำลังใจพี่น้อง และช่วยพี่น้องให้มีความเชื่อมากขึ้นและมีสิ่งจำเป็นในชีวิต และยังมีผู้ดูแลและผู้ช่วยงานรับใช้ที่เสียสละเวลามากมายเพื่อเตรียมส่วนการประชุมต่าง ๆ และให้กำลังใจพี่น้องในประชาคม ทำไมพยานพระยะโฮวาถึงทำแบบนี้? ก็เพราะพวกเขารักพระยะโฮวาและรักคนอื่น (มธ. 22:37-39) พระเยซูคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอ เราก็พยายามสุดความสามารถที่จะเลียนแบบท่าน (รม. 15:1-3) ถ้าเราทำแบบนั้น เราจะได้ประโยชน์มากมาย ห22.02 น. 20 ว. 1-2
วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม
อย่าค้างค่าแรงของลูกจ้างไว้จนถึงตอนเช้า—ลนต. 19:13
ประเทศอิสราเอลสมัยโบราณเป็นประเทศที่ทำการเกษตร ส่วนใหญ่จะมีการจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้างหลังจากทำงานเสร็จในแต่ละวัน ถ้านายจ้างไม่จ่ายเงิน ลูกจ้างก็จะไม่มีเงินไปซื้ออาหารเพื่อจะเอามาเลี้ยงครอบครัว พระยะโฮวาบอกว่าลูกจ้างเหล่านั้น “ขัดสนและมีชีวิตอยู่ได้ก็ด้วยค่าจ้างนั้น” (ฉธบ. 24:14, 15; มธ. 20:8) แม้ทุกวันนี้ลูกจ้างส่วนใหญ่จะได้รับค่าแรงเป็นรายเดือน เดือนละ 1 หรือ 2 ครั้ง แต่หลักการในเลวีนิติ 19:13 ก็ยังคงใช้ได้อยู่ คนที่เป็นนายจ้างบางคนชอบฉวยโอกาสจากลูกจ้างโดยจ่ายค่าจ้างต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และลูกจ้างเหล่านั้นก็อาจไม่มีทางเลือกมากนัก พวกเขาต้องทนทำงานต่อไปแม้จะได้รับเงินน้อยมาก นายจ้างที่เป็นแบบนั้นก็เหมือนกับ “ค้างค่าแรงของลูกจ้าง” คริสเตียนในทุกวันนี้ที่มีธุรกิจต้องจำเรื่องนี้ไว้ให้ดี เขาต้องจ่ายค่าจ้างอย่างยุติธรรม ห21.12 น. 10 ว. 9-10
วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม
หิวน้ำ—ยน. 19:28
หลังจากที่พระเยซูเจอความเจ็บปวด ท่านคงหิวน้ำมากแน่ ๆ ท่านเลยต้องขอความช่วยเหลือ พระเยซูไม่ได้คิดว่าการแสดงความรู้สึกออกมาจะทำให้ท่านดูอ่อนแอ เราก็ควรเลียนแบบท่านในเรื่องนี้ บางครั้งเราอาจไม่อยากขอความช่วยเหลือจากใคร แต่ถ้าจำเป็นจริง ๆ เราก็ไม่ควรลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ตัวอย่างเช่น ถ้าเราแก่แล้วหรือสุขภาพไม่ค่อยดี เราน่าจะขอพี่น้องช่วยพาเราไปซื้อของหรือพาไปหาหมอ หรือถ้าเรารู้สึกท้อใจ เราอาจจะเล่าให้ผู้ดูแลหรือพี่น้องที่มีความเป็นผู้ใหญ่ฟังว่าเรารู้สึกยังไง พวกเขาจะพูด “คำพูดดี ๆ” ที่ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นได้ (สภษ. 12:25) จำไว้ว่าพี่น้องแต่ละคนรักเรามากและอยากช่วยเรา “ในเวลาลำบาก” แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเราคิดอะไรหรือรู้สึกยังไง เราเลยต้องบอกเพื่อพวกเขาจะช่วยเราได้—สภษ. 17:17 ห21.04 น. 11-12 ว. 11-12
วันอังคารที่ 29 สิงหาคม
ถ้าคุณท้อแท้ในวันที่ทุกข์ลำบาก กำลังเรี่ยวแรงของคุณก็จะน้อย—สภษ. 24:10
ทุกวันนี้พวกเราหลายคนเจอการเปลี่ยนแปลงในชีวิต บางคนเคยเป็นผู้รับใช้เต็มเวลาประเภทพิเศษมานานหลายปีแต่ก็ถูกเปลี่ยนงานมอบหมาย ส่วนบางคนก็ต้องหยุดจากงานรับใช้ที่พวกเขารักเพราะอายุมาก ถ้าเราเจอการเปลี่ยนแปลงนี้ก็เป็นธรรมดาที่เราจะรู้สึกผิดหวัง ถ้าเรามองสิ่งต่าง ๆ อย่างที่พระยะโฮวามองก็จะช่วยให้เรารับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น ในทุกวันนี้พระยะโฮวากำลังทำหลายอย่างให้สำเร็จและเราก็มีสิทธิพิเศษที่ได้เป็นเพื่อนร่วมงานของพระองค์ (1 คร. 3:9) พระยะโฮวารักเราไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าองค์การของพระเจ้ามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่มีผลกระทบกับคุณโดยตรง อย่ามัวแต่คิดถึงเหตุผลว่าทำไมเขาต้องเปลี่ยนแบบนี้ และอย่าเอาแต่คิดว่า “ทำไมเมื่อก่อนดีกว่าเดี๋ยวนี้?” ให้คุณอธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยคุณให้เห็นข้อดีของการเปลี่ยนแปลง (ปญจ. 7:10) ให้พยายามคิดบวกอยู่เสมอ ถ้าเราทำแบบนั้น เราก็จะรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์และมีความสุขถึงแม้สิ่งต่าง ๆ ในชีวิตของเราจะเปลี่ยนไป ห22.03 น. 17 ว. 11-12
วันพุธที่ 30 สิงหาคม
พระยะโฮวา พระยะโฮวา พระเจ้าที่ . . . มีความรักที่มั่นคงไม่ว่าจะผ่านไปกี่พันชั่วอายุคน—อพย. 34:6, 7
พระยะโฮวาแสดงความรักที่มั่นคงกับใคร? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าเรารักอะไรได้หลายอย่าง เช่น “ความยุติธรรม” “คำสั่งสอน” “ความรู้” “ความสนุกสนาน” และ “สติปัญญา” (สด. 99:4; สภษ. 12:1; 21:17; 29:3) แต่สำหรับความรักที่มั่นคง เราแสดงได้กับคนเท่านั้น ที่น่าสังเกตคือพระยะโฮวาไม่ได้แสดงความรักที่มั่นคงกับทุกคน แต่พระองค์แสดงความรักแบบนี้กับคนที่พระองค์สนิทด้วยเท่านั้น พระยะโฮวาภักดีกับเพื่อนของพระองค์และเตรียมอนาคตที่ดีให้กับพวกเขา พระองค์จะไม่มีวันเลิกรักพวกเขาเลย พระยะโฮวารักมนุษย์ทุกคน พระเยซูบอกนิโคเดมัสว่า “พระเจ้ารักโลก [หรือมนุษย์ทุกคน] มาก จนถึงกับยอมสละลูกคนเดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่แสดงความเชื่อในท่านจะไม่ถูกทำลาย แต่จะมีชีวิตตลอดไป”—ยน. 3:1, 16; มธ. 5:44, 45 ห21.11 น. 2 ว. 3; น. 3 ว. 6-7
วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม
ให้อดทนจนถึงที่สุด แล้วคุณจะได้ชีวิต—ลก. 21:19
ชีวิตในโลกนี้ลำบาก และในอนาคตเราต้องเจอความลำบากมากกว่านี้อีก (มธ. 24:21) เราทุกคนอยากเห็นวันที่ไม่ต้องเจอเรื่องพวกนี้อีกและไม่ต้องคิดถึงมันอีกเลย (อสย. 65:16, 17) นี่แสดงว่าเราต้องฝึกความอดทนต่อ ๆ ไป เพราะอะไร? พระเยซูบอกว่า “ให้อดทนจนถึงที่สุด แล้วคุณจะได้ชีวิต” (ลก. 21:19) ถ้าเราคิดว่าคนอื่นที่เจอปัญหาคล้าย ๆ กับเราอดทนได้ยังไง เราก็จะอดทนได้เหมือนกัน ใครเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในเรื่องความอดทน? พระยะโฮวาพระเจ้าของเรานั่นเอง คุณแปลกใจไหมที่เป็นพระยะโฮวา? ถ้าคุณคิดดี ๆ คุณก็จะเข้าใจ ตอนนี้ซาตานกำลังควบคุมโลกอยู่ โลกนี้เลยมีแต่ปัญหา จริง ๆ แล้วพระยะโฮวามีอำนาจจะจัดการเรื่องนี้เลยก็ได้ แต่พระองค์กำลังรอให้ถึงเวลาที่เหมาะ (รม. 9:22) ระหว่างที่รอ พระองค์ต้องอดทนมาก ห21.07 น. 8 ว. 2-4