กันยายน
วันศุกร์ที่ 1 กันยายน
พวกเขาขอให้ท่านทำการอัศจรรย์ในท้องฟ้าให้พวกเขาเห็น—มธ. 16:1
บางคนในสมัยของพระเยซูไม่ได้อยากได้ยินแค่คำสอนของท่านเท่านั้น พอพระเยซูไม่ยอมทำการอัศจรรย์อย่างที่พวกเขาอยากเห็น พวกเขาก็ไม่ยอมรับท่าน (มธ. 16:4) คัมภีร์ไบเบิลบอกอะไร? อิสยาห์พยากรณ์เกี่ยวกับเมสสิยาห์ว่า “เขาจะไม่ร้องหรือตะโกน และเขาจะไม่ส่งเสียงดังให้ผู้คนได้ยินตามถนน” (อสย. 42:1, 2) พระเยซูทำงานรับใช้ด้วยความเจียมตัว ท่านไม่ได้สร้างวิหารใหญ่โต หรือใส่ชุดประจำตำแหน่ง หรืออยากให้ผู้คนเรียกท่านด้วยตำแหน่งพิเศษทางศาสนา แม้แต่ตอนที่พระเยซูกำลังจะถูกตัดสินประหารชีวิต ท่านก็ไม่ยอมทำการอัศจรรย์เพื่อทำให้กษัตริย์เฮโรดพอใจ (ลก. 23:8-11) ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลกไม่ใช่ว่าท่านไม่ทำการอัศจรรย์เลย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของท่านก็คือการประกาศข่าวดี ท่านบอกสาวกของท่านว่า “เพราะที่ผมมาก็เพื่อทำงานนี้”—มก. 1:38 ห21.05 น. 4 ว. 9-10
วันเสาร์ที่ 2 กันยายน
พวกเขาจะได้ชีวิตตลอดไป ถ้าพวกเขามารู้จักพระองค์ที่เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และรู้จักคนที่พระองค์ใช้มา คือเยซูคริสต์—ยน. 17:3
เรากำลังหา “คนที่เต็มใจตอบรับความจริงซึ่งทำให้ได้ชีวิตตลอดไป” (กจ. 13:48) เพื่อจะช่วยคนเหล่านี้ให้เข้ามาเป็นสาวก เราต้องช่วยพวกเขาให้ (1) เข้าใจ (2) ยอมรับ และ (3) เอาเรื่องที่เรียนจากคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ (คส. 2:6, 7; 1 ธส. 2:13) ทุกคนในประชาคมสามารถช่วยนักศึกษาได้โดยแสดงความรักกับเขาและต้อนรับเขาตอนที่เขามาประชุม (ยน. 13:35) นอกจากนั้น ผู้นำการศึกษาอาจจะต้องใช้เวลาและความพยายามมาก เพื่อช่วยนักศึกษาให้ทิ้งความเชื่อเดิม ๆ หรืออะไรที่เขาเคยทำมาก่อนซึ่งเป็นเหมือน “สิ่งที่ฝังรากลึก” (2 คร. 10:4, 5) เราอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อช่วยเขาให้เปลี่ยนแปลงตัวเองจนก้าวหน้าถึงขั้นรับบัพติศมา แต่มันก็คุ้มค่าแน่นอน ห21.07 น. 3 ว. 6
วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน
ตรวจดูทุกสิ่งให้แน่ใจ แล้วยึดมั่นสิ่งที่ดีไว้—1 ธส. 5:21
เรามั่นใจไหมว่าสิ่งที่เรากำลังสอนคนอื่นเป็นความจริงและพยานพระยะโฮวาเป็นกลุ่มเดียวที่นมัสการแบบที่พระเจ้ายอมรับ? อัครสาวกเปาโลมั่นใจว่าสิ่งที่เขาเชื่อเป็นความจริง (1 ธส. 1:5) เขาไม่ได้เชื่อตามอารมณ์ความรู้สึก แต่เขาศึกษาค้นคว้าคัมภีร์ไบเบิลอย่างดี เขาเชื่อว่า “พระคัมภีร์ทุกตอน พระเจ้าดลใจให้เขียนขึ้นมา” (2 ทธ. 3:16) พอเปาโลได้ศึกษาพระคัมภีร์ เขาก็ได้เห็นหลักฐานชัดเจนว่าพระเยซูเป็นเมสสิยาห์ที่สัญญาไว้ นี่เป็นความจริงที่พวกผู้นำศาสนาชาวยิวในสมัยนั้นไม่ยอมรับ พวกเขาอ้างว่าสอนเรื่องพระเจ้าแต่กลับทำสิ่งที่พระเจ้าเกลียด (ทต. 1:16) เปาโลไม่ได้เป็นเหมือนกับผู้นำศาสนาที่เลือกจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาอยากเชื่อเท่านั้น แต่เขาสอนและทำตาม ‘ทุกสิ่งที่พระเจ้าอยากให้ทำ’—กจ. 20:27 ห21.10 น. 18 ว. 1-2
วันจันทร์ที่ 4 กันยายน
ไม่มีใครจะมาหาผมได้ นอกจากพระเจ้าผู้เป็นพ่อที่ใช้ผมมาจะชักนำเขา—ยน. 6:44
ถึงเราจะเป็นคนที่ปลูกและรดน้ำ แต่เราต้องจำไว้ว่าพระเจ้าเป็นคนที่ทำให้เติบโต (1 คร. 3:6, 7) พระยะโฮวามองว่าทุกชีวิตมีค่า พระองค์ให้สิทธิพิเศษกับเราที่จะทำงานร่วมกับลูกชายของพระองค์เพื่อจะรวบรวมคนจากทุกชาติก่อนที่อวสานจะมาถึง (ฮกก. 2:7) อาจจะพูดได้ว่างานประกาศของเราก็เหมือนกับงานกู้ภัย และเราก็เป็นอาสาสมัครในหน่วยกู้ภัยที่ถูกส่งไปช่วยคนที่ติดอยู่ในตึกที่ไฟไหม้ อาจจะมีแค่บางคนที่รอดจากเหตุการณ์นั้น และก็มีอาสาสมัครไม่กี่คนที่เป็นคนพาพวกเขาออกมา แต่งานของอาสาสมัครทุกคนมีค่าและสำคัญมาก เหมือนกับงานประกาศที่เราทำในทุกวันนี้ เราไม่รู้ว่าจะมีกี่คนที่รอดจากโลกชั่วของซาตาน แต่พระยะโฮวาสามารถใช้ใครก็ได้เพื่อช่วยพวกเขา พี่น้องจากโบลิเวียที่ชื่ออันเดรอัสบอกว่า “ผมรู้ว่าเวลามีคนมาเรียนความจริงและรับบัพติศมาก็เป็นเพราะพี่น้องหลายคนร่วมด้วยช่วยกันครับ” ขอให้เราคิดบวกกับงานรับใช้อยู่เสมอ ถ้าเราทำอย่างนั้น พระยะโฮวาจะอวยพรเรา และงานรับใช้จะทำให้เรามีความสุขแน่นอน ห21.05 น. 19 ว. 19-20
วันอังคารที่ 5 กันยายน
หลุดพ้นจากกับดักของมาร—2 ทธ. 2:26
นักล่ามีเป้าหมายเดียวเท่านั้นคือต้องการจะจับเหยื่อไม่ว่าจับเป็นหรือจับตาย เขาอาจใช้กับดักหลายอย่างเหมือนที่คัมภีร์ไบเบิลเคยบอกไว้ (โยบ 18:8-10) แต่เขาทำยังไงเพื่อล่อสัตว์ให้ติดกับดัก? เขาจะจับตาดูมัน จะสังเกตดูว่ามันไปไหนบ้าง มันชอบอะไร และกับดักแบบไหนจะจับมันได้โดยที่มันไม่รู้ตัว ซาตานก็เหมือนกับนักล่าคนนั้น มันคอยจับตาดูเราอยู่ สังเกตว่าเราไปไหนและสนใจอะไรบ้าง แล้วก็วางกับดักที่คิดว่าจะจับเราได้โดยที่เราไม่รู้ตัว แต่คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่า ถึงเราจะติดกับดัก แต่เราก็จะหนีออกมาได้ และยังสอนด้วยว่าเราต้องทำอะไรเพื่อจะไม่ติดกับดักเลย กับดัก 2 อย่างที่ซาตานใช้ได้ผลมากที่สุดคือความหยิ่งและความโลภ มันใช้กับดัก 2 อย่างนี้มาหลายพันปีแล้ว มันเป็นเหมือนกับพรานดักนกที่คอยล่อเหยื่อให้ติดตาข่ายหรือติดกับดักของมัน (สด. 91:3) ถึงซาตานจะเก่งมาก แต่เราก็สามารถหนีจากกับดักของมันได้ เพราะอะไร? เพราะพระยะโฮวาช่วยให้เรารู้ทันวิธีของมัน—2 คร. 2:11 ห21.06 น. 14 ว. 1-2
วันพุธที่ 6 กันยายน
ผมหงอกเป็นมงกุฎที่สวยงาม เมื่ออยู่บนหัวของคนที่เดินในทางที่ถูกต้องชอบธรรม—สภษ. 16:31
พี่น้องสูงอายุที่รับใช้อย่างซื่อสัตย์มีค่ามาก คัมภีร์ไบเบิลเปรียบผมหงอกของพวกเขาว่าเป็นเหมือนกับมงกุฎ (สภษ. 20:29) แต่เราอาจจะมองข้ามพวกเขาไปได้ง่าย ๆ ถ้าคนที่อายุน้อยกว่าเห็นค่าพี่น้องสูงอายุเหล่านี้ พวกเขาก็จะได้อะไรดี ๆ ที่มีค่ายิ่งกว่าเพชรอีก พี่น้องสูงอายุที่รับใช้อย่างซื่อสัตย์มีค่ามากสำหรับพระยะโฮวา พระองค์ไม่ได้มองพวกเขาที่ภายนอกแต่เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในและรู้ว่าพวกเขาเป็นคนยังไงจริง ๆ และพระองค์ก็เห็นคุณลักษณะที่ดีหลายอย่างของพวกเขาด้วย พระยะโฮวาดีใจที่ได้เห็นคนสูงอายุถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ที่พวกเขาสะสมมาตลอดชีวิตให้กับคนที่อายุน้อยกว่า (โยบ 12:12; สภษ. 1:1-4) พระองค์เห็นค่าความอดทนของพวกเขาด้วย ถึงพวกเขาจะผ่านปัญหามามากมาย แต่ความเชื่อของพวกเขาก็ไม่เคยลดน้อยถอยลง ความหวังของพวกเขาเกี่ยวกับอนาคตชัดเจนยิ่งกว่าตอนที่พวกเขาเพิ่งเรียนความจริงเสียอีก พระยะโฮวารักพวกเขาเพราะถึงพวกเขาจะ “แก่” แต่พวกเขาก็ยังประกาศชื่อของพระองค์ต่อไป—สด. 92:12-15 ห21.09 น. 2 ว. 2-3
วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน
ให้แต่ละคนตรวจสอบดูสิ่งที่ตัวเองทำ แล้วเขาจะภูมิใจกับตัวเอง—กท. 6:4
เราน่าจะตรวจดูตัวเองเป็นระยะ ๆ เราอาจจะถามตัวเองว่า ‘ฉันจะมีความสุขก็ต่อเมื่อฉันรู้สึกว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นไหม? ฉันขยันรับใช้พระเจ้าและทำงานในประชาคมเพราะอยากเป็นคนเก่งที่สุดหรืออย่างน้อยก็ดูเก่งกว่าพี่น้องบางคนไหม หรือฉันทำอย่างนั้นเพราะอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพระยะโฮวา?’ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าเราต้องไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะอะไร? เพราะถ้าเราเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นแล้วเห็นว่าตัวเองดีกว่าเราอาจจะเป็นคนหยิ่งได้ แต่ถ้าเห็นว่าเขาดีกว่าเรา เราก็อาจจะท้อใจ (รม. 12:3) เราต้องจำไว้ว่าพระยะโฮวาชักนำเราให้มารู้จักพระองค์ ไม่ใช่เพราะเราหน้าตาดี พูดเก่ง หรือใคร ๆ ก็ชอบ แต่เพราะเรารักพระองค์และเต็มใจเชื่อฟังลูกของพระองค์—ยน. 6:44; 1 คร. 1:26-31 ห21.07 น. 14-15 ว. 3-4
วันศุกร์ที่ 8 กันยายน
ให้พวกคุณเปลี่ยนแปลงความคิดจิตใจใหม่อย่างต่อเนื่อง—อฟ. 4:23
เพื่อจะทำอย่างนั้นได้ คุณต้องพยายามอธิษฐาน ศึกษาและคิดใคร่ครวญเรื่องที่อ่านในคัมภีร์ไบเบิลต่อ ๆ ไป และขอพลังจากพระยะโฮวา พระองค์จะให้พลังบริสุทธิ์เพื่อช่วยคุณให้ไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น นอกจากนั้น พระองค์จะช่วยให้คุณเห็นว่าคุณมีความอิจฉาหรือความหยิ่งอยู่ในหัวใจหรือเปล่า และถ้าความคิดที่ไม่ดีแบบนี้ผุดขึ้นมาเมื่อไหร่ พระองค์ก็จะช่วยคุณให้กำจัดความรู้สึกแบบนั้นออกไปได้ทันที (2 พศ. 6:29, 30) พระยะโฮวารู้ความคิดจิตใจของเรา และพระองค์ก็รู้ด้วยว่าเราต้องสู้กับความคิดแบบโลกและความอ่อนแอของตัวเอง ยิ่งพระยะโฮวาเห็นว่าเราต้องต่อสู้มากแค่ไหน พระองค์ก็ยิ่งรักเรามากขึ้นไปอีก พระยะโฮวาใช้ความรู้สึกของแม่ที่มีกับลูกเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบเพื่อให้เข้าใจว่าพระองค์รู้สึกยังไงกับเรา (อสย. 49:15) เราได้กำลังใจมากที่รู้ว่าพระยะโฮวารักเรามากแบบนั้นเหมือนกันตอนที่พระองค์เห็นว่าเรากำลังต่อสู้เพื่อจะรับใช้พระองค์สุดความสามารถของเรา ห21.07 น. 24-25 ว. 17-19
วันเสาร์ที่ 9 กันยายน
มีความสุขกับคนที่มีความสุข—รม. 12:15
เราจะมีความสุขมากขึ้นถ้าเราทุ่มเทกับงานมอบหมายทุกอย่างที่เราได้รับ ให้คุณ “ทุ่มเทเวลา” ไปกับงานประกาศและขยันทำงานต่าง ๆ ในประชาคม (กจ. 18:5; ฮบ. 10:24, 25) ให้คุณเตรียมการประชุมดี ๆ เพื่อจะออกความคิดเห็นที่ให้กำลังใจคนอื่นได้ และไม่ว่าคุณจะได้รับส่วนนักเรียนอะไรในการประชุมกลางสัปดาห์ก็ให้ตั้งใจทำ ถ้ามีใครมาขอคุณให้ช่วยงานในประชาคมก็ให้เป็นคนตรงต่อเวลาและมีความรับผิดชอบ อย่าคิดว่างานบางอย่างไม่สำคัญและรู้สึกว่าไม่น่าจะต้องมาเสียเวลากับงานนี้ แต่คุณน่าจะพยายามฝึกทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เก่งขึ้น (สภษ. 22:29) ยิ่งคุณทุ่มเทในงานมอบหมายและงานรับใช้ คุณก็จะยิ่งพัฒนาตัวเอง สนิทกับพระยะโฮวามากขึ้น และมีความสุขมากขึ้น (กท. 6:4) นอกจากนั้น การทำอย่างนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกง่ายขึ้นที่จะดีใจกับคนที่ได้สิทธิพิเศษที่คุณอยากได้—กท. 5:26 ห21.08 น. 22 ว. 11
วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน
สติปัญญาจากเบื้องบนนั้น อย่างแรกคือบริสุทธิ์ แล้วก็ทำให้มีสันติสุข มีเหตุผล พร้อมจะเชื่อฟัง เต็มไปด้วยความเมตตา ทำให้เกิดผลดีมากมาย ไม่ลำเอียง และไม่เสแสร้ง—ยก. 3:17
เราต้องไม่หยิ่งแต่เต็มใจให้พระยะโฮวาสอน เหมือนกับที่โรคบางโรคทำให้หลอดเลือดหัวใจแข็งซึ่งทำให้หัวใจเต้นไม่ปกติ ความหยิ่งก็จะทำให้ใจเราแข็งกระด้างและไม่ฟังพระยะโฮวา เราเห็นเรื่องนี้จากพวกฟาริสีที่หยิ่งมาก ใจพวกเขาแข็งกระด้าง ถึงพวกเขาจะเห็นหลักฐานที่ชัดเจนหลายอย่างว่าพระเยซูได้รับพลังบริสุทธิ์จากพระเจ้าและเป็นลูกของพระองค์ แต่พวกเขาก็ไม่ยอมรับท่าน (ยน. 12:37-40) ความหยิ่งอันตรายมากเพราะทำให้พวกเขาไม่ได้รับชีวิตตลอดไป (มธ. 23:13, 33) ดังนั้น เป็นเรื่องสำคัญมากที่พวกเราในทุกวันนี้จะฟังคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลและเปลี่ยนความคิด นิสัย และการตัดสินใจของเราให้เป็นไปตามการชี้นำของพลังบริสุทธิ์ และเมื่อเราดูตัวอย่างของยากอบ เราเห็นว่าเขาเป็นคนถ่อม เขาเต็มใจให้พระยะโฮวาสอน และเพราะเขาเป็นคนถ่อมนี่แหละ เขาเลยสอนได้เก่งมาก ห22.01 น. 10 ว. 7
วันจันทร์ที่ 11 กันยายน
ขอต่อไปเรื่อย ๆ—มธ. 7:7
ถ้าเรา “อธิษฐานบ่อย ๆ” เรามั่นใจได้เลยว่าพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ของเราจะฟังและตอบคำอธิษฐานของเราแน่นอน (คส. 4:2) ถึงเราจะรู้สึกว่าพระยะโฮวาไม่ตอบคำอธิษฐานของเราสักที แต่พระองค์สัญญากับเราว่า พระองค์จะตอบคำอธิษฐาน “เมื่อเราต้องการความช่วยเหลือ” ในเวลาที่เหมาะสม (ฮบ. 4:16) ดังนั้นเราไม่ควรโทษพระยะโฮวาถ้าพระองค์ไม่ได้ตอบคำอธิษฐานเร็วอย่างที่เราคิด ตัวอย่างเช่น หลายคนอธิษฐานมานานหลายปีแล้วขอให้รัฐบาลของพระเจ้ามาทำลายโลกชั่วนี้ จริง ๆ แล้วพระเยซูก็สอนให้เราอธิษฐานแบบนี้เหมือนกัน (มธ. 6:10) แต่คงจะโง่มาก ถ้าเราจะทิ้งพระเจ้าแค่เพราะจุดจบไม่ได้มาเร็วอย่างที่เราคิด (ฮบก. 2:3; มธ. 24:44) ถ้าเราฉลาด เราจะรอคอยพระยะโฮวาและอธิษฐานด้วยความเชื่อต่อ ๆ ไป พระยะโฮวาจะทำลายโลกชั่วตามเวลาที่เหมาะสมแน่นอนเพราะพระองค์กำหนด “วันเวลา” ไว้แล้ว พอถึงตอนนั้นเราจะรู้ว่าวันนั้นจะเป็นเวลาที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับเราทุกคน—มธ. 24:36; 2 ปต. 3:15 ห21.08 น. 10 ว. 10-11
วันอังคารที่ 12 กันยายน
แต่ให้ถ่อมตัวและมองว่าคนอื่นดีกว่าตัวเอง—ฟป. 2:3
พี่น้องสูงอายุที่ถ่อมจะรู้ตัวว่าเขาทำอะไรไม่ได้มากเหมือนเมื่อก่อน ลองคิดถึงตัวอย่างของผู้ดูแลหมวดของเรา พออายุ 70 พวกเขาก็จะไม่ได้ทำงานเดินหมวดอีกต่อไป นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะพวกเขารักสิทธิพิเศษนี้มาก แต่พวกเขาก็เข้าใจว่าพี่น้องหนุ่มจะทำงานนี้ได้ดีกว่า พวกเขามองเรื่องนี้เหมือนกับคนเลวีในอิสราเอลโบราณที่พออายุ 50 แล้วก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของพวกเขาที่เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป ความสุขของคนเลวีไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิทธิพิเศษที่พวกเขาได้รับ แต่พวกเขาพยายามทำเท่าที่ทำได้อย่างเต็มที่และพยายามช่วยคนที่อายุน้อยกว่าด้วย (กดว. 8:25, 26) ทุกวันนี้ ถึงพี่น้องที่เคยเป็นผู้ดูแลหมวดจะไม่ได้ไปเยี่ยมประชาคมต่าง ๆ อีกต่อไป แต่พวกเขาก็ช่วยพี่น้องในประชาคมของพวกเขาได้มากจริง ๆ ห21.09 น. 8-9 ว. 3-4
วันพุธที่ 13 กันยายน
พ่อครับ ผมได้ทำบาปต่อพระเจ้าและต่อพ่อด้วย ผมไม่สมควรจะเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป—ลก. 15:21
พระเยซูเล่าตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องลูกที่หลงหายในลูกา 15:11-32 เรื่องนั้นมีอยู่ว่า ลูกคนหนึ่งไม่เชื่อฟังพ่อ เขาตัดสินใจออกจากบ้านแล้วก็ “เดินทางไปเมืองไกล” เขาใช้ชีวิตเสเพลและใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย แต่พอชีวิตลำบาก เขาก็มานั่งคิดว่าตัวเองทำอะไรลงไป เขาคิดถึงตอนที่อยู่กับพ่อว่ามีความสุขมากแค่ไหน พระเยซูบอกว่าลูกคนนี้ “เริ่มสำนึกตัว” ในที่สุดลูกคนนี้ก็ตัดสินใจกลับไปหาพ่อ แล้วขอให้พ่อให้อภัยเขา เป็นเรื่องสำคัญที่ลูกคนนี้จะสำนึกผิด แต่แค่นั้นยังไม่พอ เขาต้องลงมือทำอะไรบางอย่างด้วย ลูกที่หลงหายคนนี้ทำบางอย่างที่แสดงว่าเขากลับใจจริง ๆ ตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจเท่านั้น แต่ยังช่วยผู้ดูแลให้ดูออกว่าคนที่ทำผิดร้ายแรงกลับใจจริง ๆ ไหม ห21.10 น. 5 ว. 14-15
วันอังคารที่ 14 กันยายน
เราจะเขย่าท้องฟ้าและโลก—ฮกก. 2:6
อะไรจะไม่มีวันถูกเขย่าเลย? เปาโลบอกว่า “เมื่อเห็นว่าเราจะได้อยู่ในรัฐบาลที่ไม่มีอะไรเขย่าได้ ขอให้เรา . . . ทำงานรับใช้ที่ศักดิ์สิทธิ์ให้กับพระเจ้าด้วยความเคารพยำเกรงอย่างที่พระองค์ยอมรับได้” (ฮบ. 12:28) หลังจากการเขย่าครั้งสุดท้าย จะมีแต่รัฐบาลของพระเจ้าเท่านั้นที่จะอยู่ตลอดไป (สด. 110:5, 6; ดนล. 2:44) ไม่มีเวลาเหลือแล้ว ทุกคนต้องเลือกว่าเขาจะใช้ชีวิตตามแนวทางของโลกที่นำไปสู่ความพินาศ หรือเขาจะทำตามความต้องการของพระเจ้าซึ่งจะทำให้เขาได้ชีวิตตลอดไป (ฮบ. 12:25) ถ้าเราพยายามทำงานประกาศต่อ ๆ ไป เราก็สามารถช่วยให้หลายคนเลือกได้ว่าเขาจะอยู่ฝ่ายไหน และขอให้เราจำคำพูดของพระเยซูที่ท่านบอกว่า “จะมีการประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าไปทั่วโลก เพื่อให้คนทุกชาติมีโอกาสได้ยิน แล้วจุดจบก็จะมาถึง”—มธ. 24:14 ห21.09 น. 19 ว. 18-20
วันศุกร์ที่ 15 กันยายน
เราจะไม่มีวันทิ้งเจ้า เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้าเลย—ฮบ. 13:5
ผู้ดูแล ขอให้คุณพยายามให้กำลังใจครอบครัวของคนที่ถูกตัดสัมพันธ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่เป็นหน้าที่รับผิดชอบสำคัญของคุณ (1 ธส. 5:14) คุณน่าจะเข้าไปคุยกับพวกเขา ให้กำลังใจพวกเขาก่อนและหลังประชุม คุณอาจจะไปหาพวกเขาที่บ้านและอธิษฐานด้วยกัน คุณอาจจะชวนพวกเขาไปรับใช้ด้วยกันหรือชวนพวกเขามานมัสการประจำครอบครัวด้วยกันก็ได้ ผู้ดูแลเป็นคนเลี้ยงแกะของพระยะโฮวา คุณต้องแสดงความรัก เห็นอกเห็นใจ และสนใจครอบครัวของคนที่ถูกตัดสัมพันธ์ (1 ธส. 2:7, 8) พระยะโฮวา “ไม่อยากให้ใครต้องถูกทำลาย แต่อยากให้ทุกคนกลับตัวกลับใจ” (2 ปต. 3:9) ถึงแม้คนหนึ่งจะทำบาปร้ายแรง แต่ชีวิตของเขาก็ยังมีค่ามากสำหรับพระยะโฮวา เราเห็นได้จากการที่พระองค์ส่งลูกชายมาเป็นค่าไถ่ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามาก พระยะโฮวาพยายามจะช่วยคนที่ทำบาปให้กลับมาหาพระองค์และพระองค์ก็ไม่เคยหมดหวังเหมือนในตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูเรื่องลูกที่หลงหาย—ลก. 15:11-32 ห21.09 น. 30-31 ว. 17-19
วันเสาร์ที่ 16 กันยายน
คุณได้ประโยชน์จากน้ำพักน้ำแรงของพวกเขา—ยน. 4:38
ถึงคุณจะสุขภาพไม่ดีและไม่แข็งแรงทำให้รับใช้ได้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแต่คุณก็ยังมีความสุขได้ ให้เรามาดูตัวอย่างของกษัตริย์ดาวิด ตอนที่ชาวอามาเลขมาจับครอบครัวของเขาและชาวอิสราเอลคนอื่น ๆ ไปรวมทั้งยึดข้าวของมากมายไปด้วย ดาวิดกับพรรคพวกจะไปช่วยครอบครัวของพวกเขา แต่มีผู้ชาย 200 คนที่เหนื่อยมากและไปไม่ไหว ดาวิดก็เลยให้พวกเขาอยู่เฝ้าของ พอดาวิดเอาชนะพวกอามาเลขได้และกลับมา ดาวิดก็บอกว่าทุกคนจะต้องได้ส่วนแบ่งเท่ากันรวมทั้งคนพวกนั้นที่เฝ้าของด้วย (1 ซม. 30:21-25) งานสอนคนให้เป็นสาวกก็เหมือนกัน ถึงเราอาจจะทำไม่ได้มากอย่างที่เราอยากทำ แต่ทุกคนที่ทำสุดความสามารถไม่ว่าจะทำได้มากหรือน้อยก็มีความสุขเมื่อเห็นคนคนหนึ่งได้มารู้จักพระยะโฮวาและก้าวหน้าจนถึงขั้นรับบัพติศมาอยู่ในทางที่นำไปถึงชีวิต พระยะโฮวาเห็นว่าเราพยายามมากแค่ไหนและรักพระองค์มากแค่ไหน และพระองค์จะให้รางวัลกับเราแน่นอน นอกจากนั้นพระองค์ยังสอนด้วยว่าเราต้องทำยังไงเพื่อจะมีความสุขไม่ว่าเราจะมีส่วนช่วยด้านไหนในงานสอนคนให้เป็นสาวก (ยน. 14:12) เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะภูมิใจในตัวเราถ้าเราไม่ยอมแพ้ ห21.10 น. 28 ว. 15-17
วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน
ความงามของคนหนุ่มคือกำลังของเขา—สภษ. 20:29
พอเราแก่ตัวลง เราอาจจะกลัวว่าตัวเองไม่ค่อยมีประโยชน์มากเหมือนกับตอนที่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาว ก็จริงที่เราอาจไม่มีแรงเหมือนตอนเป็นวัยรุ่น แต่เราก็ยังมีความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ เราน่าจะใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อช่วยพี่น้องที่อายุน้อยกว่าให้ก้าวหน้าและทำหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ มากขึ้นได้ พี่น้องที่สูงอายุต้องเป็นคนถ่อมถ้าพวกเขาอยากจะช่วยพี่น้องที่อายุน้อยกว่า คนถ่อมจะมองว่าคนอื่นดีกว่าตัวเอง (ฟป. 2:3, 4) พี่น้องสูงอายุที่ถ่อมจะเข้าใจว่ามีหลายวิธีที่จะทำงานมอบหมายให้สำเร็จ ได้ผลดี และยังเป็นไปตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิลด้วย ดังนั้นพวกเขาจะไม่บังคับให้คนอื่นทำตามวิธีที่เขาเคยทำ (ปญจ. 7:10) นอกจากนั้น ถึงพวกเขาจะมีประสบการณ์ที่สามารถช่วยพี่น้องที่อายุน้อยกว่าได้ แต่พวกเขาก็รู้ว่า “โลกนี้กำลังเปลี่ยนไปเหมือนละครเปลี่ยนฉาก” พวกเขาเลยอาจจะต้องพยายามเรียนรู้วิธีใหม่ ๆ ด้วย—1 คร. 7:31 ห21.09 น. 8 ว. 1, 3
วันจันทร์ที่ 18 กันยายน
พระยะโฮวาพระเจ้า ในพวกพระต่าง ๆ ใครจะเทียบกับพระองค์ได้? ใครจะเป็นเหมือนพระองค์ผู้มีความบริสุทธิ์ที่ล้ำเลิศ?—อพย. 15:11
พระยะโฮวาไม่เคยบอกให้คนที่นมัสการพระองค์ทำอะไรที่เลวร้าย พระยะโฮวาเป็นแบบฉบับของความบริสุทธิ์ เพื่อช่วยให้ชาวอิสราเอลจำเรื่องนี้ได้ก็เลยมีการสลักข้อความลงบนแผ่นทองคำที่อยู่บนผ้าโพกหัวของมหาปุโรหิต ข้อความนั้นบอกว่า “พระยะโฮวาบริสุทธิ์” (อพย. 28:36-38) เมื่อใครก็ตามที่เห็นข้อความบนแผ่นทองคำที่อยู่บนผ้าโพกหัวของมหาปุโรหิต เขาจะรู้ทันทีเลยว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นข้อความนั้นเพราะไม่เคยอยู่ใกล้มหาปุโรหิตล่ะ เขาจะไม่รู้เลยไหมว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์? ไม่ใช่อย่างนั้นแน่ ๆ เพราะมีการอ่านกฎหมายให้ชาวอิสราเอลทุกคนฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ๆ พวกเขาต้องเคยได้ยินเรื่องนี้อยู่แล้ว (ฉธบ. 31:9-12) ถ้าคุณอยู่ที่นั่น คุณก็ต้องได้ยินข้อความที่บอกว่า “เราคือยะโฮวา พระเจ้าของพวกเจ้า . . . พวกเจ้าต้องเป็นคนบริสุทธิ์ เพราะเราเป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์” “พวกเจ้าต้องเป็นคนบริสุทธิ์สำหรับเรา เพราะเรายะโฮวาเป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์”—ลนต. 11:44, 45; 20:7, 26 ห21.12 น. 3 ว. 6-7
วันอังคารที่ 19 กันยายน
เลิกกังวลกับเรื่องพวกนี้ได้แล้ว—ลก. 12:29
บางคนอาจจะกังวลเรื่องสิ่งจำเป็นต่าง ๆ ในชีวิต ที่เป็นอย่างนี้อาจเพราะว่าพวกเขาอยู่ในประเทศที่ยากจนและทำให้มีเงินไม่พอสำหรับเลี้ยงตัวเองและครอบครัว บางคนอาจจะอยู่ในครอบครัวที่มีเสาหลักหาเงินแค่คนเดียว แล้วพอคนนั้นตาย ทั้งครอบครัวก็ขาดรายได้ แทนที่เราจะกังวลกับปัญหา ให้เราไว้ใจพระยะโฮวามากขึ้น ขอให้จำไว้ว่าพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์สัญญาว่าจะดูแลให้เรามีสิ่งจำเป็นถ้าเราให้พระองค์สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา (มธ. 6:32, 33) พระองค์ไม่เคยผิดสัญญาเลย (ฉธบ. 8:4, 15, 16; สด. 37:25) ถ้าพระยะโฮวาดูแลนกดูแลดอกไม้ได้ เราก็มั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะดูแลให้เรามีเสื้อผ้าใส่ มีอาหารกินแน่นอน (มธ. 6:26-30; ฟป. 4:6, 7) เหมือนกับพ่อแม่ที่รักลูกจะดูแลให้ลูกมีสิ่งจำเป็นในชีวิต พระยะโฮวาก็รักเรา เราเลยมั่นใจว่าพระองค์จะดูแลให้เรามีสิ่งจำเป็นในชีวิตเสมอ ห21.12 น. 17 ว. 4-5; น. 18 ว. 8
วันพุธที่ 20 กันยายน
พระยะโฮวายังอยู่กับโยเซฟ ยังรักเขาเสมอไม่เปลี่ยนแปลง—ปฐก. 39:21
เคยมีใครทำให้คุณเจ็บและเสียใจมาก ๆ ไหมซึ่งบางทีอาจจะมาจากพี่น้องด้วยซ้ำ? ลองมาดูตัวอย่างของโยเซฟที่พี่ชายของเขาทำกับเขาอย่างไม่ยุติธรรม โยเซฟพยายามทำสุดความสามารถเพื่อรับใช้พระยะโฮวา และพระองค์ก็อวยพรที่เขาอดทน พอเวลาผ่านไป โยเซฟก็สามารถให้อภัยคนที่ทำให้เขาเจ็บปวดได้ แล้วเขาได้เห็นว่าพระยะโฮวาอวยพรเขายังไงบ้าง (ปฐก. 45:5) เหมือนกับโยเซฟ เราจะรู้สึกดีขึ้นถ้าเราสนิทกับพระยะโฮวาเสมอ และอดทนรอพระองค์จัดการกับความไม่ยุติธรรมที่เราเจอ (สด. 7:17; 73:28) ถ้าคุณกำลังทนกับความไม่ยุติธรรมหรืออะไรบางอย่างที่ทำให้คุณเสียใจมาก จำไว้ว่า “พระยะโฮวาอยู่ใกล้คนที่หัวใจแตกสลาย” (สด. 34:18) พระองค์รักคุณที่คุณพยายามอดทน และมอบภาระไว้กับพระองค์ (สด. 55:22) พระองค์เป็นผู้พิพากษาโลกนี้ ไม่มีอะไรจะรอดสายตาพระองค์ไปได้ (1 ปต. 3:12) ถ้าคุณเจอปัญหาที่ทำอะไรกับมันไม่ได้ คุณจะรอพระยะโฮวาไหม? ห21.08 น. 11 ว. 14; น. 12 ว. 16
วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน
ให้พยายามเข้าใจว่าพระยะโฮวาต้องการอะไร—อฟ. 5:17
การใช้ชีวิตแบบที่ทำให้พระยะโฮวาพอใจคือการเลือกที่ฉลาดที่สุด เราต้องจัดลำดับความสำคัญให้ถูก บางทีการ “ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด” หมายถึงเราต้องเลือกว่าจะทำอะไรระหว่างกิจกรรม 2 อย่างที่ไม่ผิดทั้งคู่ ให้เรามาดูตัวอย่างหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิลที่ช่วยให้เราเข้าใจเรื่องนี้ชัดเจน ตอนนั้นพระเยซูไปที่บ้านของมาร์ธาและมารีย์ มาร์ธาตื่นเต้นมากที่จะต้อนรับพระเยซูเลยอยากเตรียมอาหารดี ๆ หลายอย่างให้พระเยซูกิน แต่มารีย์กลับตั้งใจนั่งฟังพระเยซูสอน ที่จริงสิ่งที่มาร์ธาทำก็ไม่ผิดแต่พระเยซูบอกว่า “มารีย์เลือกสิ่งที่ดีที่สุด” (ลก. 10:38-42, เชิงอรรถ) พอเวลาผ่านไปมารีย์อาจจะลืมไปแล้วว่าค่ำวันนั้นพวกเธอกินอะไรกัน แต่มารีย์ต้องไม่ลืมแน่ ๆ ว่าพระเยซูสอนอะไร ถึงพระเยซูมาอยู่กับมาร์ธาและมารีย์แค่ไม่นาน แต่มารีย์ใช้เวลานั้นอย่างคุ้มค่า เราเองก็อยากเลียนแบบมารีย์โดยเห็นค่าการใช้เวลากับพระยะโฮวา ห22.01 น. 27 ว. 5-6
วันศุกร์ที่ 22 กันยายน
เจ้าเห็นไหมว่าพอเราพูดกับอาหับแล้วเขาก็ถ่อมตัวลง?—1 พก. 21:29
ถึงอาหับจะถ่อมตัวลง แต่สิ่งที่เขาทำหลังจากนั้นทำให้เห็นว่าเขาไม่ได้กลับใจจริง ๆ เขาไม่ได้พยายามกำจัดการนมัสการพระบาอัลและเขาไม่ได้สนับสนุนประชาชนให้นมัสการพระยะโฮวาหลังจากที่อาหับตาย เราก็รู้ว่าพระยะโฮวาคิดยังไงกับเขาจริง ๆ ผู้พยากรณ์เยฮูบอกว่า อาหับเป็น “คนชั่ว” (2 พศ. 19:1, 2) ลองคิดดูว่าถ้าอาหับกลับใจจริง ๆ เยฮูจะเรียกเขาว่าคนชั่วที่เกลียดพระยะโฮวาไหม เห็นชัดเลยว่าถึงอาหับจะเสียใจกับสิ่งที่เขาทำไป แต่เขาไม่ได้กลับใจจริง ๆ เราเรียนอะไรได้จากเรื่องของอาหับ? ตอนที่เอลียาห์บอกเขาว่าทั้งตระกูลของอาหับจะถูกกำจัด ตอนแรกอาหับถ่อมตัวลง มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่สิ่งที่เขาทำหลังจากนั้นแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้กลับใจจริง ๆ นี่แสดงว่าการกลับใจไม่ใช่แค่การที่เราบอกว่าเราเสียใจกับสิ่งที่ทำไป ห21.10 น. 3 ว. 4-5, 7-8
วันเสาร์ที่ 23 กันยายน
จะมีการประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า—มธ. 24:14
ผู้พยากรณ์อิสยาห์กับภรรยาให้งานรับใช้พระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขา อิสยาห์เป็นผู้พยากรณ์และอาจเป็นไปได้ที่ภรรยาของเขาก็มีงานมอบหมายเกี่ยวกับการพยากรณ์เหมือนกันเพราะเธอถูกเรียกว่า “ผู้พยากรณ์หญิง” (อสย. 8:1-4) เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคู่ของทั้งสองคนนี้ก็คือการนมัสการพระยะโฮวา สามีภรรยาจะให้งานรับใช้พระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิตได้เหมือนกันโดยทำสุดความสามารถเพื่อรับใช้พระองค์ ถ้าพวกเขาศึกษาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลด้วยกันและเห็นว่าคำพยากรณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นจริงยังไงก็จะทำให้พวกเขาวางใจพระยะโฮวามากขึ้น (ทต. 1:2) นอกจากนั้น พวกเขาอาจคิดว่าจะทำอะไรได้บ้างเพื่อจะมีส่วนช่วยให้คำพยากรณ์เกิดขึ้นจริง อย่างเช่น พวกเขาช่วยให้คำพยากรณ์ของพระเยซูเกิดขึ้นจริงได้ที่บอกว่าจะมีการประกาศข่าวดีไปทั่วโลกก่อนที่จุดจบจะมาถึง ยิ่งสามีภรรยามั่นใจว่าคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลกำลังเกิดขึ้นจริง พวกเขาก็จะยิ่งตั้งใจรับใช้พระยะโฮวามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ห21.11 น. 16 ว. 9-10
วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน
เขาเป็นลูกของแม่ . . . นี่คือแม่ของคุณ—ยน. 19:27
พระเยซูเป็นห่วงแม่ของท่านซึ่งตอนนั้นน่าจะเป็นม่าย ท่านก็เลยเลือกยอห์นให้ดูแลแม่ของท่านเพราะท่านรู้ว่าเขาจะคอยดูแลเธอด้านความเชื่อและช่วยเธอให้รับใช้พระเจ้าต่อ ๆ ไปได้ ตั้งแต่นั้นมายอห์นก็คอยดูแลมารีย์เหมือนเป็นแม่ของเขาจริง ๆ นี่ทำให้เห็นว่าพระเยซูรักแม่ของท่านมาก นอกจากนั้น เราเรียนอะไรได้จากคำพูดของพระเยซู? เราอาจจะสนิทกับพี่น้องคริสเตียนมากกว่าคนในครอบครัวของเราหรือญาติ ๆ ถึงญาติจะต่อต้านเราหรือถึงกับทิ้งเรา แต่พระเยซูสัญญาว่า ถ้าเราสนิทกับพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์อยู่เสมอ เราจะ “ได้คืนอีก 100 เท่า” (มก. 10:29, 30) หลายคนจะเป็นเหมือนกับพ่อ แม่ ลูกชาย และลูกสาวของเรา คุณรู้สึกยังไงที่ได้อยู่ในครอบครัวคริสเตียนที่เป็นหนึ่งเดียวกันเพราะความเชื่อและความรักที่เรามีต่อพระยะโฮวาและต่อกันและกัน?—คส. 3:14; 1 ปต. 2:17 ห21.04 น. 9-11 ว. 7-8
วันจันทร์ที่ 25 กันยายน
อย่าลืมทำความดีและแบ่งปันสิ่งของให้คนอื่น—ฮบ. 13:16
ถ้าเรามีความรักที่มั่นคง เราจะทำเกินกว่าที่คาดหมาย พี่น้องของเราหลายคนในทุกวันนี้แสดงความรักที่มั่นคงกับพี่น้องคนอื่นทั้ง ๆ ที่อาจจะไม่รู้จักมาก่อนด้วยซ้ำ เช่น เวลามีภัยพิบัติ พี่น้องของเราก็อยากรู้ว่าพวกเขาจะช่วยได้ยังไงบ้าง หรือเวลามีพี่น้องในประชาคมเจอปัญหาเศรษฐกิจ พวกเขาก็หาทางช่วยทันที พี่น้องของเราทุกวันนี้กำลังเลียนแบบพี่น้องชาวมาซิโดเนียในอดีตที่ทำเกินกว่าที่คาดหมาย พวกเขาเต็มใจสละเวลาและสิ่งของและถึงกับ “ให้เกินกำลังด้วยซ้ำ” เพื่อจะช่วยพี่น้องที่กำลังลำบาก (2 คร. 8:3) นอกจากนั้น พอผู้ดูแลเห็นพี่น้องคนไหนในประชาคมคอยช่วยเหลือคนอื่น ผู้ดูแลก็จะชมเขา ถ้าผู้ดูแลให้คำชมในเวลาที่พี่น้องต้องการพอดี นี่จะช่วยให้พวกเขามีแรงที่จะพยายามช่วยคนอื่นต่อไปและไม่ยอมแพ้—อสย. 32:1, 2 ห21.11 น. 11 ว. 14; น. 12 ว. 21
วันอังคารที่ 26 กันยายน
ให้เงี่ยหูฟังคำของคนฉลาด—สภษ. 22:17
เราทุกคนต้องได้รับคำแนะนำบ้างเป็นบางครั้งบางคราว อย่างเช่น เราอาจจะเป็นฝ่ายเข้าไปขอคำแนะนำจากคนอื่น หรืออาจจะมีพี่น้องที่เป็นห่วงเรามาบอกว่า เรา “กำลังก้าวไปผิดทาง” (กท. 6:1) หรือเราอาจจะได้รับคำแนะนำหลังจากที่เราทำผิดพลาดร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนเราควรฟังคำแนะนำเพราะว่ามันดีกับเราและอาจช่วยชีวิตเราด้วย (สภษ. 6:23) ข้อคัมภีร์ประจำวันนี้บอกให้เรา “ฟังคำของคนฉลาด” แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ไปทุกเรื่อง ยังไงก็ต้องมีคนที่รู้เยอะกว่าและมีประสบการณ์มากกว่าเรา (สภษ. 12:15) ถ้าเราฟังคำแนะนำก็แสดงว่าเราเป็นคนถ่อม เรารู้ว่าตัวเรามีขีดจำกัด และถ้าเราอยากทำสิ่งต่าง ๆ ที่เราตั้งใจไว้ให้สำเร็จ เราก็ต้องมีคนช่วย กษัตริย์โซโลมอนที่ฉลาดมากเขียนว่า “ถ้ามีที่ปรึกษาหลายคนแผนการจะสำเร็จ”—สภษ. 15:22 ห22.02 น. 8 ว. 1-2
วันพุธที่ 27 กันยายน
คนที่ปกปิดความผิดของตัวเองจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่คนที่สารภาพและเลิกทำผิดจะได้รับความเมตตา—สภษ. 28:13
การกลับใจจริง ๆ ไม่ใช่แค่การพูดว่าเสียใจเท่านั้น แต่คนที่ทำผิดต้องเปลี่ยนตัวเองทั้งความคิด ความรู้สึกของเขา เขาต้องเลิกทำบาปและกลับมาทำตามมาตรฐานของพระยะโฮวา (อสค. 33:14-16) สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาต้องเป็นการทำให้สายสัมพันธ์ของเขากับพระยะโฮวากลับมาดีอีกครั้ง ถ้าเรามารู้ว่าเพื่อนสนิทของเราทำบาปร้ายแรง เราควรทำยังไง? ถ้าเรารู้ว่าเพื่อนทำบาปและเราก็ช่วยปกปิดเรื่องนั้น เราก็กำลังทำร้ายเขา และถึงเราจะพยายามปกปิดยังไง เราก็ไม่มีทางทำสำเร็จ เพราะพระยะโฮวาเห็นทุกอย่าง (สภษ. 5:21, 22) คุณจะช่วยเพื่อนของคุณได้ ถ้าคุณบอกเขาว่าผู้ดูแลอยากช่วยเขาจริง ๆ แต่ถ้าเพื่อนของคุณไม่ยอมไปสารภาพกับผู้ดูแล คุณเองต้องไปบอกผู้ดูแล ถ้าคุณทำอย่างนี้ก็แสดงว่าคุณรักเขาและอยากช่วยเขาจริง ๆ ห21.10 น. 7 ว. 19-21
วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน
อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น ให้เห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นด้วย—ฟป. 2:4
เราทุกคนควรเลียนแบบพระเยซูที่เสียสละเพื่อคนอื่น คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า พระเยซู “มารับสภาพทาส” (ฟป. 2:7) ทาสหรือคนรับใช้ที่ดีจะทำทุกอย่างเพื่อให้นายพอใจ คุณเองก็เป็นทาสของพระยะโฮวาและรับใช้พี่น้อง คุณคงอยากให้พระยะโฮวาใช้คุณมากขึ้นและอยากช่วยพี่น้องมากขึ้น ให้ถามตัวเองว่า ‘ฉันเต็มใจเสียสละเพื่อช่วยคนอื่นขนาดไหน? ปกติแล้วฉันจะรีบอาสาทำความสะอาดหอประชุมหรือสถานที่ประชุมใหญ่ไหม?’ ถ้าคุณสังเกตว่ามีอะไรบางอย่างที่ต้องเปลี่ยนแต่คุณไม่มีแรงบันดาลใจที่จะทำอย่างนั้น ให้คุณอธิษฐานขอพระยะโฮวาอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องนี้ บอกพระองค์ว่าคุณรู้สึกยังไงและขอพระองค์ช่วยคุณให้ “มีทั้งความต้องการและกำลังเพื่อจะทำสิ่งที่พระองค์พอใจ”—ฟป. 2:13 ห22.02 น. 22-23 ว. 9-11
วันศุกร์ที่ 29 กันยายน
ผมจะทำให้คุณสดชื่นหายเหนื่อย—มธ. 11:28
พระเยซูเป็นคนที่กรุณา (มธ. 11:29, 30) ท่านอ่อนโยน มีเหตุผล และยอมคนอื่นถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำแบบนั้น เช่น มีครั้งหนึ่งที่ผู้หญิงชาวฟีนิเซียมาขอให้รักษาลูกสาวของเธอ ถึงตอนแรกพระเยซูไม่ได้ทำตามที่เธอขอ แต่ท่านก็พูดกับเธออย่างอ่อนโยน และพอท่านเห็นว่าเธอมีความเชื่อมาก ท่านก็ยอมรักษาลูกสาวของเธอให้หาย (มธ. 15:22-28) ถึงพระเยซูจะเป็นคนที่กรุณา แต่ถ้าคนที่ท่านรักทำอะไรไม่ถูกต้อง ท่านก็ไม่ได้ปล่อยเรื่องนี้ไว้โดยไม่จัดการอะไร แต่ท่านจะแนะนำพวกเขา ตัวอย่างเช่น ตอนที่เปโตรบอกพระเยซูว่าไม่ต้องทำตามความต้องการของพระยะโฮวาก็ได้ พระเยซูก็ว่าเปโตรต่อหน้าคนอื่น (มก. 8:32, 33) ท่านไม่ได้อยากทำให้เปโตรขายหน้า แต่ท่านต้องการฝึกเขาและเตือนสาวกคนอื่น ๆ ด้วยว่าไม่ให้ทำเกินสิทธิ์ ถึงตอนนั้นเปโตรจะรู้สึกอาย แต่เขาก็ได้ประโยชน์จากคำแนะนำของพระเยซู ถ้าคุณเป็นคนที่กรุณาและรักพี่น้องจริง ๆ พอเขาทำอะไรไม่ถูกต้อง คุณควรเข้าไปพูดกับเขาตรง ๆ แต่ตอนที่ทำแบบนั้นคุณต้องเลียนแบบพระเยซูด้วยโดยพูดกับเขาอย่างอ่อนโยนและแนะนำเขาตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิล ห22.03 น. 11 ว. 12-13
วันเสาร์ที่ 30 กันยายน
ให้เราถวายเครื่องบูชาผ่านทางพระเยซูเสมอซึ่งก็คือคำสรรเสริญพระเจ้า เป็นคำพูดที่ออกจากปากเราซึ่งประกาศชื่อของพระองค์อย่างเปิดเผย—ฮบ. 13:15
เรานมัสการพระยะโฮวาโดยสรรเสริญพระองค์ (สด. 34:1) เราสรรเสริญพระยะโฮวาโดยพูดเกี่ยวกับคุณลักษณะต่าง ๆ ที่ยอดเยี่ยมของพระองค์และสิ่งที่พระองค์ทำ ถ้าหัวใจเราขอบคุณพระองค์ เราก็มีเรื่องมากมายที่จะพูดถึงพระองค์ได้ และถ้าเราใช้เวลาคิดถึงสิ่งดีต่าง ๆ ที่พระองค์ทำให้เรา เราก็มีเหตุผลอีกมากมายที่จะสรรเสริญพระองค์ได้ไม่มีวันหมด วิธีหนึ่งที่เราจะสรรเสริญพระยะโฮวาได้ก็คือการประกาศ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ให้เราถวายเครื่องบูชาผ่านทางพระเยซูเสมอซึ่งก็คือคำสรรเสริญพระเจ้า เป็นคำพูดที่ออกจากปากเรา” เหมือนกับที่เราควรจะคิดก่อนว่าเราจะอธิษฐานถึงพระยะโฮวาเรื่องอะไรบ้าง เราก็น่าจะคิดก่อนว่าเราจะพูดกับคนอื่นยังไงตอนที่ไปประกาศ นอกจากนั้น ให้เราพูดจากใจและกระตือรือร้นในการประกาศ ถ้าเราทำอย่างนั้น เราก็กำลังถวาย “เครื่องบูชา” ที่ดีที่สุดให้กับพระยะโฮวา ห22.03 น. 21 ว. 8