มีนาคม
วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม
ทำไมถึงอวด?—1 คร. 4:7
เปโตรบอกให้พี่น้องใช้ความสามารถที่มีเพื่อจะให้กำลังใจกันและกัน เขาเขียนว่า “แต่ละคนได้รับความสามารถตามความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ซึ่งพระเจ้าแสดงออกในหลาย ๆ ทาง ดังนั้น ให้ใช้ความสามารถตามขนาดที่ได้รับมาเพื่อรับใช้กันในฐานะคนรับใช้ที่ดี” (1 ปต. 4:10) ถ้าเรามีความสามารถบางอย่าง เราก็ไม่ควรเก็บมันเอาไว้เพราะกลัวพี่น้องคนอื่นจะอิจฉาหรือรู้สึกท้อใจที่ทำได้ไม่เหมือนกับเรา แต่เราก็ต้องระวังที่จะไม่อวด (1 คร. 4:6) เราต้องจำไว้ว่าความสามารถทุกอย่างที่เรามีเป็นของขวัญจากพระยะโฮวา ให้เราใช้ความสามารถนั้นเพื่อให้กำลังใจพี่น้องและทำให้ประชาคมเข้มแข็งขึ้น ไม่ใช่ใช้เพื่อทำให้เราดูเก่งกว่าคนอื่น (ฟป. 2:3) ถ้าเราใช้กำลังและความสามารถของเราเพื่อรับใช้พระยะโฮวา เราจะภูมิใจกับตัวเองเพราะเราได้ใช้ความสามารถนั้นเพื่อทำให้พระองค์ได้รับการยกย่องสรรเสริญ ไม่ใช่เพื่ออวดว่าเราเก่งกว่าคนอื่นหรือทำได้เยอะกว่า ห22.04 น. 11-12 ว. 7-9
วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม
ขอพระองค์เปิดตาผม ผมจะได้มองเห็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมในกฎหมายของพระองค์อย่างชัดเจน—สด. 119:18
พระเยซูรักพระคัมภีร์มากเหมือนที่สดุดี 40:8 พยากรณ์ว่า “พระเจ้าของผม ผมมีความสุขที่ได้ทำตามความประสงค์ของพระองค์และกฎหมายของพระองค์อยู่ในใจผม” นี่เลยทำให้พระเยซูมีความสุขและรับใช้พระยะโฮวาได้ต่อ ๆ ไป เราเองก็จะมีความสุขและรับใช้พระองค์ได้ต่อ ๆ ไปเหมือนกัน ถ้าเราอ่านและรักคัมภีร์ไบเบิล (สด. 1:1-3) คำพูดและตัวอย่างของพระเยซูทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองในเรื่องการอ่านคัมภีร์ไบเบิล เราจะเข้าใจคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้นได้ถ้าเราอธิษฐาน อ่านช้า ๆ ตั้งคำถาม และจดโน้ตสั้น ๆ เราจะสังเกตเพื่อจะเข้าใจคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้นได้โดยวิเคราะห์สิ่งที่เราอ่านและค้นคว้าโดยอาศัยหนังสือขององค์การ นอกจากนั้น เราจะให้คัมภีร์ไบเบิลเปลี่ยนแปลงตัวเราโดยมีความคิดที่ถูกต้องตอนที่อ่าน ถ้าเราทำตามคำแนะนำทั้งหมดนี้ เราก็จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการอ่านคัมภีร์ไบเบิลและสนิทกับพระยะโฮวายิ่งกว่าที่เคยเป็นมา—สด. 119:17; ยก. 4:8 ห23.02 น. 13 ว. 15-16
วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม
แผนการของคนขยันจะสำเร็จแน่—สภษ. 21:5
ให้เลือกเป้าหมาย หลังจากนั้นให้ทำตามคำแนะนำที่ช่วยให้ไปถึงเป้าหมายนั้น เราจะทำแบบนั้นได้ยังไง? สมมุติว่าคุณอยากปรับปรุงความสามารถในการสอนให้ดีขึ้น คุณอาจจะอ่านคำแนะนำในหนังสือใส่ใจการอ่านและการสอนของคุณ ให้ละเอียด และตอนที่คุณได้รับส่วนมอบหมายในการประชุมกลางสัปดาห์ ให้ขอพี่น้องชายที่มีประสบการณ์มาฟังคุณซ้อมส่วนเพื่อที่เขาจะได้แนะนำคุณ นอกจากนั้น ให้คุณเตรียมส่วนล่วงหน้านานพอเพื่อคนอื่นจะเห็นว่าคุณขยันและมีความรับผิดชอบ (2 คร. 8:22) แต่ถ้าทักษะที่คุณอยากปรับปรุงเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับคุณล่ะ? อย่ายอมแพ้ ทิโมธีกลายมาเป็นผู้บรรยายที่เก่งหรือเป็นผู้สอนที่เก่งไหม? คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอก แต่เขาต้องก้าวหน้าขึ้นและทำงานมอบหมายได้ดีขึ้นแน่ ๆ เพราะเขาทำตามคำแนะนำของเปาโล—2 ทธ. 3:10 ห22.04 น. 24 ว. 8-11
วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม
แล้วผมก็เห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากทะเล มันมีหัว 7 หัวกับเขา 10 เขา—วว. 13:1
สัตว์ร้ายที่มี 7 หัวคือใคร? สังเกตว่าสัตว์ร้ายตัวนี้ดูเหมือนเสือดาว แต่ตีนของมันเหมือนตีนหมี ปากของมันเหมือนปากสิงโต และมันมี 10 เขา ลักษณะทั้ง 4 อย่างนี้เหมือนกับสัตว์ร้าย 4 ตัวในดาเนียลบท 7 แต่ที่ไม่เหมือนกันก็คือสัตว์ร้ายตัวนี้ในหนังสือวิวรณ์มีลักษณะทั้ง 4 อย่างรวมอยู่ในตัวเดียว ฉะนั้น มันจะหมายถึงรัฐบาลเดียวหรือมหาอำนาจเดียวไม่ได้ หนังสือวิวรณ์บอกว่าสัตว์ร้ายตัวนี้ปกครอง “เหนือทุกตระกูล ทุกชนชาติ ทุกภาษา และทุกประเทศ” แสดงว่ามันต้องเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่ารัฐบาลของประเทศใดประเทศหนึ่ง (วว. 13:7) เราเลยสรุปได้ว่าสัตว์ร้ายตัวนี้หมายถึงรัฐบาลทั้งหมดในโลกที่ปกครองมนุษย์จนถึงทุกวันนี้ (ปญจ. 8:9) อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้รู้ก็คือเลข 10 ในคัมภีร์ไบเบิลหมายถึงความครบถ้วน ห22.05 น. 9 ว. 6
วันอังคารที่ 5 มีนาคม
พระเจ้าจะเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของพวกเขา ความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความโศกเศร้าหรือเสียงร้องไห้เสียใจหรือความเจ็บปวดจะไม่มีอีกเลย—วว. 21:4
คนที่ได้รับประโยชน์จากสิ่งดี ๆ เหล่านั้นจะมีใครบ้าง? คนกลุ่มแรกก็คือชนฝูงใหญ่ที่รอดผ่านอาร์มาเกดโดน รวมทั้งเด็ก ๆ ที่เกิดในโลกใหม่ แต่ไม่ใช่แค่นั้น วิวรณ์บท 20 สัญญาว่าคนตายจะถูกปลุกให้มีชีวิตอีก (วว. 20:11-13) “คนดี” ซึ่งหมายถึงคนที่รับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์แล้วตายไป รวมทั้ง “คนชั่ว” ซึ่งเป็นคนที่ไม่เคยมีโอกาสรู้จักกับพระยะโฮวามาก่อนจะถูกปลุกให้มีชีวิตอีกบนโลก (กจ. 24:15; ยน. 5:28, 29) นี่หมายความว่าทุกคนที่ตายไปแล้วจะถูกปลุกในช่วง 1,000 ปีไหม? ไม่ใช่ คนที่มีโอกาสรับใช้พระยะโฮวาแต่ตั้งใจไม่ทำอย่างนั้นจะไม่ถูกปลุก เขาแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าไม่คู่ควรที่จะอยู่ในโลกใหม่ที่เป็นสวนอุทยาน—มธ. 25:46; 2 ธส. 1:9; วว. 17:8; 20:15 ห22.05 น. 18 ว. 16-17
วันพุธที่ 6 มีนาคม
พวกเราจะไปหาใครได้อีก? ในเมื่อท่านเองมีคำสอนที่ให้ชีวิตตลอดไป—ยน. 6:68
พระเยซูใช้ “ทาสที่ซื่อสัตย์และสุขุม” จัดระเบียบสาวกของท่านให้เป็นองค์การเพื่อสนับสนุนการนมัสการแท้ (มธ. 24:45) คุณรู้สึกยังไงกับองค์การนี้? คุณอาจคิดถึงคำพูดของเปโตรที่พูดกับพระเยซูตามข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ ลองคิดดูว่าถ้าเราไม่มีโอกาสรู้จักองค์การของพระยะโฮวา ชีวิตเราจะเป็นยังไง พระเยซูใช้องค์การนี้จัดเตรียมความรู้ที่ช่วยให้เรามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระยะโฮวา และท่านยังสอนเราให้ทำงานรับใช้ได้ดีขึ้นด้วย นอกจากนั้น พระเยซูช่วยเราให้ปลูกฝัง “ลักษณะนิสัยใหม่” ที่ทำให้พระยะโฮวาพอใจ (อฟ. 4:24) พระเยซูให้คำแนะนำที่ฉลาดในช่วงวิกฤตินี้ด้วย เราเห็นเรื่องนี้ได้ชัดเจนในช่วงการระบาดของโควิด-19 ขณะที่คนทั่วไปในโลกไม่รู้ว่าควรทำยังไง แต่พระเยซูก็ให้คำแนะนำผ่านทางองค์การที่ช่วยให้ชีวิตของเราปลอดภัยจริง ๆ ห22.07 น. 12 ว. 13-14
วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม
มองให้ออกว่าอะไรสำคัญกว่า—ฟป. 1:10
พระยะโฮวาสั่งชาวอิสราเอลให้สอนลูกเกี่ยวกับพระองค์เป็นประจำ (ฉธบ. 6:6, 7) พ่อแม่มีโอกาสมากมายที่จะได้คุยและสอนลูกให้รักพระยะโฮวา เช่น ในสมัยอิสราเอลโบราณ ลูกชายจะต้องช่วยพ่อทำงานเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวพืชผล ส่วนลูกสาวก็จะช่วยแม่เย็บผ้า ทอผ้า และทำงานบ้าน พอพ่อแม่ได้มีโอกาสอยู่กับลูก พวกเขาก็มีเวลาจะสอนลูกเรื่องสำคัญ ๆ หลายอย่าง เช่น พวกเขาได้มีโอกาสคุยกันว่าพระยะโฮวาดูแลครอบครัวพวกเขายังไง และพระองค์เป็นพระเจ้าที่ดีขนาดไหน ทุกวันนี้พ่อแม่ลูกส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน พ่อแม่อาจจะต้องอยู่ที่ทำงาน ส่วนลูกก็ต้องไปโรงเรียน พ่อแม่เลยต้องพยายามจริง ๆ ที่จะหาเวลาคุยกับลูก—อฟ. 5:15, 16 ห22.05 น. 28 ว. 10-11
วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม
พวกคุณไม่รู้หรือว่าคนทำชั่วจะไม่ได้รับรัฐบาลของพระเจ้า?—1 คร. 6:9
ความผิดร้ายแรงคือการทำผิดกฎหมายของพระเจ้า ถ้ามีพี่น้องคนหนึ่งทำผิดแบบนั้น เขาต้องอธิษฐานขอพระยะโฮวาให้อภัย และเขาต้องไปคุยกับผู้ดูแล (สด. 32:5; ยก. 5:14) แล้วผู้ดูแลมีหน้าที่อะไร? ที่จริง เฉพาะพระยะโฮวาเท่านั้นที่สามารถให้อภัยบาปได้จริงโดยอาศัยค่าไถ่ของพระเยซู แต่พระองค์ก็มอบหมายให้ผู้ดูแลมีหน้าที่ตัดสินโดยอาศัยพระคัมภีร์ว่าคนที่ทำผิดสมควรอยู่ในประชาคมต่อไปไหม (1 คร. 5:12) ผู้ดูแลเลยต้องดูว่า คนทำผิดตั้งใจทำผิดหรือเปล่า? เขาวางแผนก่อนไหม? เขาทำผิดซ้ำ ๆ มาเป็นเวลานานแล้วไหม? ที่สำคัญที่สุด มีหลักฐานไหมว่าเขากลับใจจริง ๆ? และมีอะไรบ้างไหมที่แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาให้อภัยเขาแล้ว?—กจ. 3:19 ห22.06 น. 9 ว. 4
วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม
รักความจริง—ศคย. 8:19
พระเยซูบอกให้สาวกของท่านรักความถูกต้อง (มธ. 5:6, เชิงอรรถ) เราเลยอยากทำสิ่งที่ถูกต้องและดีในสายตาพระเจ้า คุณเองรักความจริงและความถูกต้องไหม? เราแน่ใจว่าคุณรู้สึกแบบนั้น คุณเกลียดการโกหกและทุกอย่างที่ชั่ว (สด. 119:128, 163) คนที่โกหกก็เลียนแบบซาตานซึ่งเป็นผู้ปกครองโลก (ยน. 8:44; 12:31) เป้าหมายอย่างหนึ่งของซาตานก็คือมันใส่ร้ายชื่อที่บริสุทธิ์ของพระยะโฮวา มันกำลังแพร่คำโกหกเกี่ยวกับพระองค์ และมันทำอย่างนี้ตั้งแต่การกบฏในสวนเอเดนแล้ว มันกล่าวหาว่าพระยะโฮวาเป็นผู้ปกครองโลกที่เห็นแก่ตัวและขี้โกง แถมยังหวงไม่ยอมให้สิ่งดี ๆ กับมนุษย์ (ปฐก. 3:1, 4, 5) เรื่องที่ซาตานโกหกเกี่ยวกับพระยะโฮวาเลยทำให้ผู้คนรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับพระเจ้า แล้วพอมนุษย์เลือกที่จะไม่ “รักความจริง” พวกเขาก็เลยทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องและชั่วช้าเลวทรามอย่างที่ซาตานอยากให้ทำ—รม. 1:25-31 ห23.03 น. 2 ว. 3
วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม
[พระยะโฮวา] มีความรักที่มั่นคงตลอดไป—สด. 100:5
ช่วงที่คุณพยายามต่อสู้เพื่อเอาชนะนิสัยที่ไม่ดี คุณอาจหวนกลับไปทำนิสัยไม่ดีเป็นบางครั้ง หรือคุณอาจรู้สึกไม่อยากอดทนอีกแล้วและรู้สึกหงุดหงิดเพราะเป้าหมายดูเหมือนไกลเหลือเกิน แล้วอะไรจะช่วยให้คุณอดทนได้? สิ่งสำคัญมากอย่างหนึ่งที่ช่วยคุณได้ก็คือความรักที่คุณมีต่อพระยะโฮวา ความรักที่คุณมีต่อพระยะโฮวาเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณจะให้พระองค์ได้ (สภษ 3:3-6) ถ้าคุณรักพระยะโฮวามากจริง ๆ คุณจะไม่เลิกรักพระองค์และไม่เลิกรับใช้พระองค์ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร มีหลายข้อในคัมภีร์ไบเบิลที่บอกว่าพระยะโฮวามีความรักที่มั่นคงต่อผู้รับใช้ของพระองค์ ซึ่งหมายความว่าพระองค์จะไม่มีวันเลิกรักพวกเขาหรือทิ้งพวกเขา คุณถูกสร้างตามแบบพระเจ้า (ปฐก. 1:26) แล้วคุณจะแสดงความรักที่มั่นคงได้ยังไง? เพื่อคุณจะมีความรักที่มั่นคงต่อพระยะโฮวาได้ ให้คุณเริ่มโดยฝึกที่จะรู้จักขอบคุณ (1 ธส. 5:18) ให้คุณถามตัวเองทุกวันว่า ‘วันนี้พระยะโฮวาแสดงความรักต่อฉันยังไง?’ และถ้าคุณนึกออกก็ให้รีบอธิษฐานขอบคุณพระองค์สำหรับสิ่งนั้น ให้คิดว่านี่คือสิ่งที่พระยะโฮวาทำเพื่อคุณ แสดงว่าพระองค์รักคุณ ห23.03 น. 12 ว. 17-19
วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม
[พระเยซู] รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ในใจ—ยน. 2:25
พระเยซูแสดงความรักและอ่อนโยนกับอัครสาวกทั้ง 12 คน เราได้บทเรียนอะไร? สิ่งสำคัญที่เราต้องคิดถึงก็คือ เราทำยังไงตอนที่เห็นข้อผิดพลาดหรือข้อเสียของพี่น้อง ถึงเรามีเหตุผลที่จะหงุดหงิดหรือโมโหแต่เรายังต้องแสดงความรักกับเขา ให้เราถามตัวเองว่า ‘ทำไมฉันถึงหงุดหงิดหรือโมโหขนาดนี้กับสิ่งที่เขาทำ? นี่ทำให้เห็นว่าฉันมีนิสัยไม่ดีบางอย่างที่ต้องเปลี่ยนไหม? พี่น้องคนนั้นกำลังมีปัญหาส่วนตัวไหมเขาถึงทำแบบนี้? แม้ฉันจะรู้สึกว่าฉันมีสิทธิ์จะหงุดหงิดหรือโมโห แต่ฉันจะแสดงความรักโดยมองข้ามและให้อภัยเขาได้ไหม?’ ยิ่งเราแสดงความรักต่อกัน เราก็ยิ่งทำให้เห็นว่าเราเป็นสาวกแท้ของพระเยซู นอกจากนั้น ตัวอย่างของพระเยซูยังสอนเราว่า เราต้องพยายามเข้าใจพี่น้องของเรา (สภษ. 20:5) ก็จริงที่พระเยซูอ่านหัวใจคนอื่นได้แต่เราทำไม่ได้ ถึงจะเป็นอย่างนั้น เราก็สามารถอดทนหรือมองข้ามข้อผิดพลาดและข้อเสียของพี่น้องได้ (อฟ. 4:1, 2; 1 ปต. 3:8) ถ้าเราได้รู้ภูมิหลังของเขาหรือรู้ว่าเขาโตมาในสภาพแวดล้อมแบบไหน มันก็จะทำให้เราทำแบบนี้ได้ง่ายขึ้น ห23.03 น. 30 ว. 14-16
วันอังคารที่ 12 มีนาคม
พระองค์ไม่ได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น—ลก. 20:38
บางทีซาตานก็ฉวยโอกาสตอนที่เราเจออุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยร้ายแรงเพื่อทำให้เรายอมทำสิ่งที่ขัดกับกฎหมายของพระเจ้า เช่น หมอหรือญาติที่ไม่ใช่พยานฯอาจกดดันให้เรารับการถ่ายเลือด หรือบางคนอาจชวนเรารับการรักษาแบบอื่นที่ขัดกับหลักการในคัมภีร์ไบเบิล เราทุกคนไม่มีใครอยากตาย แต่ถ้าเราต้องตาย พระยะโฮวาก็จะไม่มีวันเลิกรักเรา (รม. 8:37-39) เพื่อนของพระองค์จะอยู่ในความทรงจำของพระองค์เสมอ ถึงพวกเขาจะตายไปแล้วแต่พระองค์ก็มองว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ (ลก. 20:37) พระองค์อยากจะปลุกพวกเขามากจริง ๆ (โยบ 14:15) พระยะโฮวาเสียสละมากเพื่อพวกเรา “จะมีชีวิตตลอดไป” (ยน. 3:16) นี่ทำให้เราเห็นว่าพระองค์ต้องรักเราและเป็นห่วงเรามากขนาดไหนพระองค์ถึงทำอย่างนั้น พอเราเห็นแบบนี้แล้วแทนที่เราจะทิ้งพระยะโฮวาตอนที่เราป่วยหรือต้องเผชิญหน้ากับความตาย เราอยากจะใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้นเพื่อจะได้กำลัง สติปัญญา และกำลังใจจากพระองค์—สด. 41:3 ห22.06 น. 18 ว. 16-17
วันพุธที่ 13 มีนาคม
สติปัญญาแท้ร้องเสียงดังอยู่ตามถนน—สภษ. 1:20
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ความเกรงกลัวพระยะโฮวาเป็นจุดเริ่มต้นของสติปัญญา และความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าองค์บริสุทธิ์ทำให้มีความเข้าใจ” (สภษ. 9:10) ดังนั้น เราต้องหา “ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าองค์บริสุทธิ์” นั่นหมายความว่าเราต้องรู้ว่าพระยะโฮวาคิดยังไงแล้วก็ตัดสินใจแบบพระองค์ วิธีหนึ่งที่เราจะทำแบบนั้นได้ก็คือค้นดูในคัมภีร์ไบเบิลและหนังสือที่อธิบายคัมภีร์ไบเบิล เมื่อทำแบบนั้น เราก็มีสติปัญญาแท้ (สภษ. 2:5-7) สติปัญญามาจากพระยะโฮวา และพระองค์เป็นผู้เดียวที่ให้สติปัญญาแท้กับเราได้ (รม. 16:27) ทำไมเราถึงบอกแบบนั้น? อย่างแรกเพราะพระองค์เป็นผู้สร้าง พระองค์มีความรู้ไม่จำกัด พระยะโฮวารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับทุกสิ่งที่พระองค์สร้าง (สด. 104:24) อย่างที่ 2 ทุกอย่างที่พระองค์ทำแสดงว่าพระองค์เป็นพระเจ้าที่ฉลาดมาก (รม. 11:33) อย่างที่ 3 คำแนะนำทุกอย่างที่มาจากพระยะโฮวาเป็นประโยชน์กับเราเสมอ (สภษ. 2:10-12) ถ้าเราอยากได้สติปัญญาแท้ เราต้องยอมรับความจริงทั้ง 3 อย่างนี้ และไม่ว่าเราจะตัดสินใจเรื่องอะไรหรือจะทำอะไร เราต้องคิดถึง 3 อย่างนี้ตลอด ห22.10 น. 19 ว. 3-4
วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม
แล้วก็เกิดสงครามในสวรรค์ มีคาเอลกับพวกทูตสวรรค์ของท่านสู้รบกับพญานาค พญานาคกับพวกทูตสวรรค์ฝ่ายมันก็ตอบโต้ แต่พวกมันเอาชนะไม่ได้ พวกมันจึงไม่มีที่อยู่ในสวรรค์อีกต่อไป—วว. 12:7, 8
อย่างที่บอกไว้ในวิวรณ์บท 12 ซาตานแพ้ มันและทูตสวรรค์ชั่วเหล่านั้นถูกเหวี่ยงลงมาบนโลก ซาตานเลยโกรธจัด แล้วมันก็ระบายความโกรธกับมนุษย์ นี่เลยทำให้ “โลก . . . เดือดร้อน” (วว. 12:9-12) คำพยากรณ์เหล่านี้เป็นประโยชน์กับเรายังไง? เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในโลกและนิสัยของผู้คนที่แย่ลงเรื่อย ๆ ทำให้เรารู้ว่าพระเยซูเป็นกษัตริย์ปกครองแล้ว ดังนั้น แทนที่เราจะเครียดหรือหงุดหงิดกับความเห็นแก่ตัวและสิ่งเลวร้ายที่พวกเขาทำ ให้เราจำไว้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำกำลังทำให้คำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลเกิดขึ้นจริง รัฐบาลของพระเจ้าปกครองแล้ว! (สด. 37:1) และเราก็คาดหมายได้เลยว่ายิ่งอาร์มาเกดโดนใกล้เข้ามาเท่าไหร่ โลกก็จะยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ (มก. 13:8; 2 ทธ. 3:13) เรารู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่พระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ช่วยให้เราเข้าใจว่าทำไมสถานการณ์ต่าง ๆ ในโลกถึงแย่ลง ห22.07 น. 3-4 ว. 7-8
วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม
คำอ้อนวอนของคนที่พระเจ้ายอมรับมีพลังและได้ผลดี—ยก. 5:16
เราน่าจะอธิษฐานขอพระยะโฮวาให้ช่วยพี่น้องของเราให้อดทนได้ตอนที่เจ็บป่วย เจอภัยพิบัติ อยู่ในที่ที่มีสงคราม ถูกข่มเหง หรืออาจจะเจอกับความยากลำบากอื่น ๆ และเรายังอธิษฐานเพื่อพี่น้องที่เต็มใจเสียสละตัวเองเพื่อช่วยพี่น้องเหล่านั้นและช่วยในงานบรรเทาทุกข์ได้ด้วย ถ้าคุณรู้จักพี่น้องบางคนที่กำลังเจอกับปัญหาแบบนั้น ทำไมไม่ลองพูดถึงชื่อพวกเขาในคำอธิษฐานของคุณดูล่ะ? ถ้าเราอธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วยพวกเขาให้อดทน เราก็แสดงว่ารักพี่น้องจริง ๆ ถ้าเราอธิษฐานเพื่อพี่น้องที่นำหน้าในประชาคม พวกเขาจะรู้สึกขอบคุณ และนี่ก็ช่วยพวกเขาได้จริง ๆ เปาโลก็รู้สึกแบบนั้น เขาบอกว่า “ขอให้อธิษฐานเพื่อผมด้วย ผมจะได้กล้าพูดเมื่อประกาศความลับศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับข่าวดี” (อฟ. 6:19) ในทุกวันนี้ก็มีพี่น้องที่นำหน้าในประชาคมและในองค์การหลายคนที่กำลังทำงานหนักเพื่อพวกเราเหมือนกัน ถ้าเราอธิษฐานขอพระยะโฮวาให้ช่วยพวกเขา เราก็แสดงว่ารักพี่น้องจริง ๆ ห22.07 น. 23-24 ว. 14-16
วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม
เอาความหวังเรื่องความรอดมาสวมเป็นหมวกเกราะ—1 ธส. 5:8
ทหารจะสวมหมวกเกราะเพื่อป้องกันหัวของเขาตอนที่สู้กับศัตรู เราเองก็กำลังสู้กับซาตาน เราต้องป้องกันความคิดของเราไม่ให้ถูกซาตานโจมตี ซาตานพยายามล่อใจเราอย่างไม่หยุดยั้ง และมันก็พยายามใส่ความคิดที่ไม่ดีให้กับเราด้วย เหมือนกับที่ทหารสวมหมวกเกราะเพื่อป้องกันหัวของเขา ความหวังก็ป้องกันความคิดของเราเพื่อเราจะยังคงซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาได้ แต่ถ้าความหวังของเราไม่ชัดเจน เราก็จะคิดถึงแต่ตัวเองแล้วก็ลืมความหวังเรื่องชีวิตตลอดไป ขอให้คิดถึงตัวอย่างของคริสเตียนบางคนในเมืองโครินธ์ พวกเขาไม่เชื่อเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายอีกต่อไปทั้ง ๆ ที่เป็นคำสัญญาสำคัญของพระเจ้า (1 คร. 15:12) เปาโลบอกว่าคนพวกนั้นที่ไม่มีความหวังเกี่ยวกับอนาคตก็ทำแต่สิ่งที่ตัวเองมีความสุขแค่ตอนนี้ (1 คร. 15:32) ทุกวันนี้หลายคนก็ไม่มีความหวังเกี่ยวกับคำสัญญาของพระเจ้าเหมือนกัน พวกเขาคิดแต่จะสนุกไปวัน ๆ และตักตวงความสุขให้เต็มที่ แต่เรามั่นใจในคำสัญญาของพระเจ้าเกี่ยวกับอนาคต ห22.10 น. 25-26 ว. 8-9
วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม
อธิษฐานเป็นประจำ—1 ธส. 5:17
พระยะโฮวาอยากให้คุณอธิษฐานถึงพระองค์ พระองค์รู้ว่าคุณกำลังเจออะไร พระองค์สัญญาว่าพร้อมจะฟังคุณเสมอไม่ว่าคุณจะอธิษฐานถึงพระองค์เมื่อไหร่ พระยะโฮวาชอบฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ (สภษ. 15:8) แล้วตอนที่คุณรู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยว คุณจะอธิษฐานเรื่องอะไรบ้าง? ให้ระบายความรู้สึกของคุณกับพระยะโฮวา (สด. 62:8) บอกพระองค์ให้หมดว่าคุณกังวลเรื่องอะไรและมันทำให้คุณรู้สึกยังไง ขอพระองค์ช่วยให้คุณรับมือกับความรู้สึกเหล่านั้นและขอพระยะโฮวาช่วยคุณให้มีความกล้าและขอพระองค์ให้คุณมีสติปัญญาเพื่อจะรู้ว่าจะอธิบายความเชื่อยังไงให้น่าฟัง (ลก. 21:14, 15) แล้วถ้าคุณต้องต่อสู้กับความรู้สึกในแง่ลบ ท้อแท้ หรือซึมเศร้า ให้อธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยคุณให้กล้าคุยกับพี่น้องที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ขอพระองค์ช่วยให้พี่น้องคนนั้นเข้าใจว่าคุณรู้สึกยังไง และดูว่าพระองค์จะตอบคำอธิษฐานของคุณยังไง และให้คุณยอมรับความช่วยเหลือจากพี่น้อง ถ้าคุณทำทั้งหมดนี้คุณจะรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวน้อยลง ห22.08 น. 10 ว. 6
วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม
คนพวกนี้ทำผิดกฎหมายของซีซาร์—กจ. 17:7
ประชาคมใหม่ในเมืองเธสะโลนิกาเจอการต่อต้านอย่างหนัก ผู้ต่อต้านกลุ่มใหญ่ลาก “พี่น้องบางคนไปหาพวกผู้ปกครองเมือง” (กจ. 17:6) คุณนึกออกไหมว่าพี่น้องจะกลัวขนาดไหน? พวกเขาอาจถึงกับหยุดรับใช้พระเจ้าก็ได้ แต่อัครสาวกเปาโลจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เขาทำให้แน่ใจว่าประชาคมใหม่นี้จะได้รับการเอาใจใส่อย่างดี เปาโลบอกพี่น้องที่นั่นว่า “[เรา] ส่งทิโมธีพี่น้องของเราไป . . . ช่วยพวกคุณให้เข้มแข็งและมีกำลังใจ เพื่อทำให้พวกคุณมีความเชื่อที่มั่นคง และไม่หวั่นไหวเมื่อเจอความยากลำบาก” (1 ธส. 3:2, 3) ทิโมธีคงเคยเห็นเปาโลให้กำลังใจพี่น้องในเมืองลิสตรา พอทิโมธีได้เห็นความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา ตอนนี้เขาก็เลยช่วยพี่น้องในเมืองเธสะโลนิกาให้มั่นใจได้เหมือนกันว่าพระองค์จะช่วยพวกเขาด้วย—กจ. 14:8, 19-22; ฮบ. 12:2 ห22.08 น. 21 ว. 4
วันอังคารที่ 19 มีนาคม
ท่านจะเปิดโอกาสให้เราได้ชีวิต—1 ยน. 4:9
ประมาณช่วงปี 1870 กลุ่มนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่นำโดยชาลส์ เทซ รัสเซลล์ได้ศึกษาค้นคว้าคัมภีร์ไบเบิลอย่างละเอียด พวกเขาอยากรู้ว่าค่าไถ่ของพระเยซูหมายถึงอะไรจริง ๆ และพวกเขาควรจัดการประชุมเพื่อคิดถึงการตายของท่านยังไง ทุกวันนี้เราได้ประโยชน์จากการศึกษาค้นคว้าของพี่น้องเหล่านี้ยังไง? เราได้รู้ความจริงเกี่ยวกับการสละชีวิตของพระเยซู และได้รู้ว่ามนุษย์ทุกคนได้ประโยชน์ยังไงจากค่าไถ่ของท่าน (1 ยน. 2:1, 2) เรายังได้เรียนว่าคัมภีร์ไบเบิลพูดถึงความหวัง 2 อย่างสำหรับคนที่เชื่อฟังพระเจ้า คนกลุ่มหนึ่งจะมีชีวิตอมตะในสวรรค์และอีกกลุ่มจะมีชีวิตตลอดไปบนโลก นอกจากนั้น เรารู้สึกสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้นเมื่อได้รู้ว่าพระองค์รักเรามากขนาดไหน และตัวเราเองได้ประโยชน์ยังไงจากค่าไถ่ของพระเยซู (1 ปต. 3:18) ดังนั้น เราจะทำเหมือนกับพี่น้องในสมัยนั้น เราจะเชิญคนอื่นให้มาประชุมอนุสรณ์ซึ่งเป็นการประชุมอย่างที่พระเยซูได้วางแบบอย่างไว้ ห23.01 น. 21 ว. 6-7
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์หลังดวงอาทิตย์ตก 9 นิสาน) มาระโก 14:3-9
วันพุธที่ 20 มีนาคม
พระคริสต์ตายเพื่อทุกคน เพื่อคนที่มีชีวิตอยู่จะไม่ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองอีกต่อไป แต่จะอยู่เพื่อท่านที่ตายแทนเขาและถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายแล้ว—2 คร. 5:15
พระเยซูสอนทุกคนให้รู้ว่ารัฐบาลของพระเจ้าจะทำให้มนุษย์ได้รับสิ่งดี ๆ อะไรบ้าง เราขอบคุณที่พระเยซูให้ค่าไถ่กับเราเพราะมันทำให้เราสนิทกับพระยะโฮวาและพระเยซูได้ คนที่แสดงความเชื่อในพระเยซูยังมีความหวังที่จะได้อยู่ตลอดไปและมีโอกาสได้เห็นคนที่รักฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง (ยน. 5:28, 29; รม. 6:23) ที่จริง พวกเราไม่ได้ทำอะไรที่สมควรได้รับพรที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ และเราไม่มีทางที่จะตอบแทนสิ่งที่พระยะโฮวากับพระเยซูทำเพื่อเรา (รม. 5:8, 20, 21) แต่เราทุกคนสามารถแสดงความขอบคุณได้ เราจะทำแบบนั้นได้ยังไง? โดยใช้สิ่งที่เรามีเพื่องานของรัฐบาลพระเจ้า เช่น เราอาจอยู่พร้อมที่จะช่วยงานก่อสร้างหอประชุมหรือช่วยดูแลรักษาหอประชุมของเราให้ดีอยู่เสมอ ห23.01 น. 26 ว. 3; น. 28 ว. 5
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 9 นิสาน) มาระโก 11:1-11
วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม
ผมเห็นลูกแกะของพระเจ้า . . . และมีคน 144,000 คนอยู่กับท่าน—วว. 14:1
พระเยซูกับผู้ร่วมปกครองของท่านต้องดูแลหลายพันล้านคนทั่วโลก 144,000 คนจะเป็นกษัตริย์และปุโรหิตเหมือนกับพระเยซู (วว. 5:10) ในกฎหมายของโมเสส ปุโรหิตมีหน้าที่ช่วยประชาชนให้มีสุขภาพดีและสนิทกับพระยะโฮวา เนื่องจากกฎหมายของโมเสสเป็น “เงาของสิ่งดี ๆ ที่จะมีมา” เลยมีเหตุผลที่เราจะลงความเห็นว่าผู้ร่วมปกครองกับพระเยซูจะช่วยคนที่อยู่ในโลกให้มีสุขภาพดีและสนิทกับพระยะโฮวาด้วย (ฮบ. 10:1) ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าพระเยซูกับผู้ร่วมปกครองของท่านจะติดต่อกับพวกเราบนโลกยังไง แต่เรามั่นใจได้ว่าในโลกใหม่ที่เป็นอุทยาน ทุกคนจะได้รับการชี้นำแน่นอน—วว. 21:3, 4 ห22.12 น. 11 ว. 11-13
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 10 นิสาน) มาระโก 11:12-19
วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม
พวกคุณก็ประกาศการตายของผู้เป็นนายจนกว่าท่านจะมา—1 คร. 11:26
เหตุผลหนึ่งที่เราเชิญคนมาประชุมอนุสรณ์กับเราก็คือเราอยากให้คนที่เพิ่งมาครั้งแรกรู้ความจริงว่าพระยะโฮวากับพระเยซูทำอะไรเพื่อมนุษย์บ้าง (ยน. 3:16) เราหวังว่าเมื่อพวกเขาได้ฟังเรื่องนี้ที่การประชุม มันจะกระตุ้นให้พวกเขาอยากรู้มากขึ้นและเข้ามาเป็นผู้รับใช้พระยะโฮวา นอกจากนั้น เรายังเชิญคนที่เลิกประกาศให้มาฟังคำบรรยายการประชุมอนุสรณ์ด้วยเพื่อจะช่วยให้พวกเขารู้ว่าพระยะโฮวายังคงรักพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลง มีหลายคนยินดีมาตามคำเชิญของเรา แล้วเราก็ดีใจมากที่ได้เจอพวกเขา การประชุมอนุสรณ์จะทำให้พวกเขานึกถึงความสุขที่พวกเขาเคยรับใช้พระยะโฮวา (สด. 103:1-4) ไม่ว่าผู้คนจะสนใจหรือเปล่า แต่เราก็ยังคงขยันเชิญผู้คนต่อไปให้เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์เพราะเรารู้ว่าพระยะโฮวาสนใจที่มนุษย์แต่ละคน—ลก. 15:7; 1 ทธ. 2:3, 4 ห23.01 น. 20 ว. 1; น. 22-23 ว. 9-11
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 11 นิสาน) มาระโก 11:20–12:27, 41-44
วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม
พระยะโฮวาคอยเฝ้าดูคนที่เกรงกลัวพระองค์—สด. 33:18
ในคืนสุดท้ายที่พระเยซูมีชีวิตอยู่ ท่านอธิษฐานขอเรื่องหนึ่งจากพระยะโฮวาเป็นพิเศษ นั่นก็คือท่านขอให้พระยะโฮวาคอยเฝ้าดูและปกป้องสาวกของท่าน (ยน. 17:15, 20) พระยะโฮวาทำอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่พระเยซูรู้ว่าสาวกต้องเจอการต่อต้านที่รุนแรงจากซาตานอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน และพวกเขาต้องให้พระยะโฮวาช่วย ทุกวันนี้โลกของซาตานทำให้คริสเตียนแท้เจอปัญหามากมาย ปัญหาที่เราเจออาจทำให้เราท้อและถึงกับทดสอบว่าเราภักดีต่อพระยะโฮวาหรือเปล่า แต่เราไม่ต้องกลัวเลย พระยะโฮวากำลังคอยเฝ้าดูเราอยู่ พระองค์เห็นว่าเรากำลังเจอปัญหาอะไรและพระองค์พร้อมจะช่วยเรารับมือกับมัน “พระยะโฮวาคอยเฝ้าดูคนที่เกรงกลัวพระองค์ . . . เพื่อจะช่วยพวกเขาให้รอด” จริง ๆ—สด. 33:18-20 ห22.08 น. 8 ว. 1-2
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 12 นิสาน) มาระโก 14:1, 2, 10, 11; มัทธิว 26:1-5, 14-16
วันประชุมอนุสรณ์
หลังดวงอาทิตย์ตก
วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม
ให้ทำอย่างนี้ต่อ ๆ ไปเพื่อระลึกถึงผม—ลก. 22:19
ทุกปีในช่วงการประชุมอนุสรณ์ เราจะแสดงว่าเราขอบคุณพระเยซูโดยอธิษฐานและคิดใคร่ครวญว่าการตายของท่านมีความหมายกับเรายังไงบ้าง นอกจากนั้น เราจะชวนคนมากที่สุดให้เข้ามาร่วมการประชุมอนุสรณ์ และตัวเราเองตั้งใจที่จะไม่ให้อะไรมาทำให้เราไม่ได้เข้าร่วมการประชุมนี้ ในวันประชุมอนุสรณ์เราได้เรียนรู้ว่าทำไมมนุษย์ถึงต้องมีค่าไถ่ การตายของคนคนเดียวจะไถ่บาปคนมากมายได้ยังไง ขนมปังและเหล้าองุ่นในการประชุมอนุสรณ์หมายถึงอะไรและใครบ้างที่จะกิน (ลก. 22:19, 20) และเรายังมีโอกาสคิดถึงสิ่งดี ๆ มากมายในอนาคตสำหรับทุกคนที่มีความหวังบนโลก (อสย. 35:5, 6; 65:17, 21-23) เราควรเห็นความสำคัญของความจริงเหล่านี้ ห23.01 น. 20 ว. 2; น. 21 ว. 4
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 13 นิสาน) มาระโก 14:12-16; มัทธิว 26:17-19 (เหตุการณ์หลังดวงอาทิตย์ตก 14 นิสาน) มาระโก 14:17-72
วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม
พระเจ้ารักโลกมาก จนถึงกับยอมสละลูกคนเดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่แสดงความเชื่อในท่าน . . . จะมีชีวิตตลอดไป—ยน. 3:16
พระยะโฮวาสละชีวิตของพระเยซูเป็นค่าไถ่เพื่อไถ่บาปให้พวกเราทำให้เรามีชีวิตตลอดไปได้ (มธ. 20:28) เปาโลเขียนว่า “ความตายเกิดขึ้นเพราะมนุษย์คนหนึ่ง การฟื้นขึ้นจากตายก็เกิดขึ้นเพราะมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน ทุกคนตายเพราะอาดัม และทุกคนก็จะมีชีวิตได้อีกเพราะพระคริสต์” (1 คร. 15:21, 22) พระเยซูสอนสาวกให้อธิษฐานขอให้รัฐบาลของพระเจ้ามาและขอให้ทุกอย่างบนโลกเป็นอย่างที่พระองค์ตั้งใจไว้ (มธ. 6:9, 10) ความตั้งใจอย่างหนึ่งของพระเจ้าก็คือพระองค์อยากให้มนุษย์มีชีวิตตลอดไป เพื่อจะเป็นแบบนั้นได้พระยะโฮวาแต่งตั้งพระเยซูเป็นกษัตริย์ในรัฐบาลของพระองค์ และเลือก 144,000 คนให้ปกครองร่วมกับท่าน—วว. 5:9, 10 ห22.12 น. 5 ว. 11-12
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 14 นิสาน) มาระโก 15:1-47
วันอังคารที่ 26 มีนาคม
ความรักของพระคริสต์กระตุ้นเราอยู่ . . . เพื่อคนที่มีชีวิตอยู่ จะไม่ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองอีกต่อไป—2 คร. 5:14, 15
เมื่อคนที่เรารักตายจากไป เราคิดถึงเขามากจริง ๆ และยิ่งเป็นช่วงที่เขาเพิ่งตาย พอคิดถึงเขาทีไรเราก็จะรู้สึกเศร้ามากโดยเฉพาะถ้าเขาต้องทุกข์ทรมานก่อนตาย แต่พอเวลาผ่านไป เราก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเราจะคิดถึงสิ่งที่เขาสอน คิดถึงสิ่งที่เขาพูดหรือทำเพื่อให้กำลังใจเรา และคิดถึงตอนที่เขาทำให้เรายิ้มได้ คล้ายกัน เมื่อเราได้อ่านเกี่ยวกับตอนที่พระเยซูต้องทุกข์ทรมานและเสียชีวิต เราก็รู้สึกเศร้า และโดยเฉพาะในช่วงการประชุมอนุสรณ์เรายิ่งมีโอกาสที่จะใช้เวลาคิดถึงความสำคัญของค่าไถ่ของพระเยซู (1 คร. 11:24, 25) แต่เราก็มีความสุขด้วยที่ได้คิดถึงสิ่งที่ท่านพูดและทำตอนที่ท่านรับใช้อยู่บนโลก นอกจากนั้น เรายังได้กำลังใจเมื่อคิดถึงสิ่งที่พระเยซูทำตอนนี้และสิ่งที่ท่านจะทำเพื่อเราในอนาคต ห23.01 น. 26 ว. 1-2
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 15 นิสาน) มัทธิว 27:62-66 (เหตุการณ์หลังดวงอาทิตย์ตก 16 นิสาน) มาระโก 16:1
วันพุธที่ 27 มีนาคม
คุณต้องทำให้การปกครองของพระเจ้า . . . เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต—มธ. 6:33
สาวกของพระเยซูเสียใจมากตอนที่ท่านตาย พวกเขาไม่ได้แค่เสียเพื่อนที่รักไป แต่พวกเขารู้สึกว่าไม่เหลือความหวังอะไรแล้ว (ลก. 24:17-21) แต่พอพระเยซูฟื้นขึ้นจากตายและมาปรากฏกับพวกเขา ท่านช่วยพวกเขาให้เข้าใจว่าท่านทำให้คำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลเป็นจริงยังไง และท่านยังให้งานสำคัญกับพวกเขาด้วย (ลก. 24:26, 27, 45-48) แล้วพอถึงเวลาที่พระเยซูจะต้องกลับไปสวรรค์ ความเศร้าเสียใจของสาวกก็เปลี่ยนไปเป็นความสุขเพราะพวกเขารู้ว่านายของพวกเขายังมีชีวิตอยู่และพร้อมจะช่วยพวกเขาทำงานมอบหมายให้สำเร็จ นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุข และความสุขนี้ทำให้พวกเขาสรรเสริญพระยะโฮวาทุก ๆ วัน (ลก. 24:52, 53; กจ. 5:42) เพื่อเราจะเลียนแบบสาวกของพระเยซูได้ เราต้องให้รัฐบาลของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แม้เราต้องอดทนกับความยากลำบากเพื่อจะรับใช้พระยะโฮวาต่อ ๆ ไป แต่พระองค์ก็สัญญาว่าจะอวยพรเรา—สภษ. 10:22 ห23.01 น. 30-31 ว. 15-16
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 16 นิสาน) มาระโก 16:2-8
วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม
เจ้าจะต้องกลับเป็นดินอีก—ปฐก. 3:19
เราไม่อยากเป็นเหมือนอาดัมและเอวาแน่ ๆ เราเลยต้องรู้จักพระยะโฮวามากขึ้น คิดใคร่ครวญเพื่อจะเห็นค่าคุณลักษณะของพระองค์ และพยายามเข้าใจความคิดของพระองค์ นี่จะช่วยให้เรารักพระองค์มากขึ้น ขอดูตัวอย่างของอับราฮัม เขารักพระยะโฮวามาก ถึงบางครั้งเขาไม่เข้าใจการตัดสินใจของพระยะโฮวาแต่เขาก็เชื่อฟังพระองค์เสมอ และเขาพยายามที่จะรู้จักกับพระองค์มากขึ้นด้วย เช่น พออับราฮัมรู้ว่าพระยะโฮวาตัดสินใจทำลายเมืองโสโดมกับโกโมราห์ ตอนแรกเขากลัวว่า “ผู้พิพากษาโลกทั้งสิ้น” จะทำลายคนดีพร้อมกับคนชั่ว แต่ในใจลึก ๆ เขารู้ว่าพระองค์ไม่มีทางทำอย่างนั้น เขาเลยถามพระองค์หลายครั้ง พระยะโฮวาฟังเขาอย่างอดทนและตอบคำถามของเขา ในที่สุด อับราฮัมก็เข้าใจว่าพระยะโฮวามองที่หัวใจของทุกคนและพระองค์ไม่มีทางลงโทษคนบริสุทธิ์—ปฐก. 18:20-32 ห22.08 น. 28 ว. 9-10
วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม
คนที่ไว้ใจได้จะเก็บความลับไว้—สภษ. 11:13
ในปี 455 ก่อนคริสต์ศักราช หลังจากที่ผู้ว่าราชการเนหะมีย์ซ่อมกำแพงกรุงเยรูซาเล็มเสร็จ เขาก็มองหาคนที่จะมาดูแลกรุงนี้ เขาเลือกผู้ชายที่ไว้ใจได้หลายคน หนึ่งในนั้นคือฮานันยาห์ซึ่งเป็นหัวหน้าป้อมปราการ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าฮานันยาห์ “เป็นคนที่ไว้ใจได้มากที่สุดและเป็นคนที่เกรงกลัวพระเจ้าเที่ยงแท้มากกว่าใคร ๆ” (นหม. 7:2) ฮานันยาห์รักพระยะโฮวาและเกรงกลัวพระองค์ เขาไม่อยากทำให้พระองค์ไม่พอใจ เขาเลยตั้งใจทำงานมอบหมายที่ได้รับอย่างเต็มที่ คุณลักษณะเหล่านี้แหละก็จะช่วยเราให้เป็นคนไว้ใจได้เหมือนกันเมื่อทำงานรับใช้พระเจ้า ให้เรามาดูตัวอย่างของทีคิกัสเพื่อนที่เปาโลไว้ใจ เปาโลพึ่งความช่วยเหลือจากทีคิกัส และเขาก็บอกว่าทีคิกัสเป็น “ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์” (อฟ. 6:21, 22) เปาโลไม่ได้แค่ไว้ใจให้ทีคิกัสส่งจดหมายของเขาถึงพี่น้องในเอเฟซัสและโคโลสีเท่านั้น แต่ยังส่งทีคิกัสไปให้กำลังใจพี่น้องที่นั่นด้วย ทีคิกัสทำให้เรานึกถึงพี่น้องชายที่ไว้ใจได้ในทุกวันนี้ที่คอยดูแลความเชื่อของเรา—คส. 4:7-9 ห22.09 น. 9-10 ว. 5-6
วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม
ความรักปิดคลุมบาปไว้มากมาย—1 ปต. 4:8
โยเซฟต้องทนความลำบากถึง 13 ปี นั่นอาจทำให้เขาเริ่มสงสัยว่าพระยะโฮวารักเขารึเปล่าหรือพระองค์ทิ้งเขาแล้วไหม แต่เรารู้ว่าโยเซฟไม่ได้คิดอย่างนั้น เขาไม่ได้คิดในแง่ลบ เขาไม่ได้เก็บความโกรธหรือรู้สึกเจ็บใจไม่หาย เขามีใจสงบ มีสติ และคิดอย่างมีเหตุผล นอกจากนั้น ถึงเขามีโอกาสที่จะแก้แค้น เขาก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น เขาให้อภัยและแสดงความรักกับพวกพี่ ๆ ทุกคน (ปฐก. 45:4, 5) ที่โยเซฟทำแบบนั้นได้ก็เพราะเขาไม่ได้เอาแต่มองที่ปัญหาของเขา แต่เขามองที่ภาพใหญ่ เขาพยายามคิดว่าพระยะโฮวาอยากให้เขาทำอะไร (ปฐก. 50:19-21) บทเรียนสำหรับเราคืออะไร? ถ้าพี่น้องพูดหรือทำไม่ดีกับคุณ อย่าโมโหพระยะโฮวาหรือสงสัยว่าพระองค์ทิ้งคุณรึเปล่า แต่ให้คิดว่าพระองค์กำลังช่วยคุณยังไงให้อดทนได้ นอกจากนั้น ให้คุณพยายามให้อภัยพี่น้องคนนั้นและแสดงความรักกับเขา ห22.11 น. 21 ว. 4
วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม
อาณาจักรอื่น ๆ จะต้องรับใช้และเชื่อฟังพวกเขา—ดนล. 7:27
ผู้พยากรณ์ดาเนียลเห็นนิมิตหลายเรื่องที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าพระยะโฮวามีอำนาจสูงสุดยิ่งกว่าอำนาจอะไรทั้งหมด ตอนแรกดาเนียลเห็นสัตว์ตัวใหญ่มหึมา 4 ตัวซึ่งหมายถึงมหาอำนาจโลกทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่น บาบิโลน มีเดีย-เปอร์เซีย กรีซ โรม และอังกฤษ-อเมริกา (ดนล. 7:1-3, 17) แล้วดาเนียลก็เห็นพระยะโฮวาพระเจ้านั่งลงบนบัลลังก์ในศาลที่อยู่ในสวรรค์ (ดนล. 7:9, 10) พระเจ้าจะเอาอำนาจทั้งหมดไปจากรัฐบาลมนุษย์และให้กับคนที่สมควรได้รับและมีอำนาจมากกว่า นั่นคือใครบ้าง? คือ ‘ผู้หนึ่งที่เหมือนลูกมนุษย์’ ซึ่งก็คือพระเยซูคริสต์ รวมถึง “พวกผู้บริสุทธิ์ของพระผู้สูงสุด” ซึ่งก็คือ 144,000 คนที่จะปกครอง “ตลอดไปไม่สิ้นสุด” (ดนล. 7:13, 14, 18) เห็นได้ชัดว่าพระยะโฮวาเป็น “พระผู้สูงสุด” สิ่งที่ดาเนียลเห็นสอดคล้องกับที่เขาพูดก่อนหน้านี้ว่า “พระเจ้าผู้อยู่ในสวรรค์ . . . แต่งตั้งและถอดถอนกษัตริย์”—ดนล. 2:19-21 ห22.10 น. 14 ว. 9-11