เมษายน
วันจันทร์ที่ 1 เมษายน
เมื่อความเชื่อของพวกคุณผ่านการทดสอบแล้ว จะทำให้เกิดความอดทน—ยก. 1:3
ให้ถามตัวเองว่า ‘เวลามีคนมาแนะนำฉัน ฉันทำยังไง? ฉันยอมรับผิดทันทีหรือรีบแก้ตัว? ฉันโทษคนอื่นไหม?’ ตอนที่คุณอ่านเรื่องราวของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ในคัมภีร์ไบเบิล ให้คุณคิดดูว่าพวกเขาทำยังไงเมื่อเจอปัญหาคล้าย ๆ กับคุณ ทุกครั้งที่คุณอ่านเรื่องราวของพวกเขา ให้คุณถามตัวเองว่า ‘ฉันจะเป็นเหมือนกับคนนี้มากขึ้นได้ยังไง?’ นอกจากนั้น คุณยังเรียนได้จากตัวอย่างที่ดีของพี่น้องคนอื่นด้วยไม่ว่าพวกเขาจะอายุน้อยหรืออายุมาก อย่างเช่น คุณคิดออกไหมว่ามีใครบ้างในประชาคมของคุณที่กำลังอดทนกับปัญหาอย่างซื่อสัตย์ บางทีพวกเขาอาจจะถูกเพื่อนกดดัน ถูกคนในครอบครัวต่อต้าน หรือพวกเขาอาจจะสุขภาพไม่ค่อยดี คุณเห็นไหมว่าพวกเขามีคุณลักษณะอะไรที่คุณอยากเลียนแบบ? เมื่อคุณได้คิดเกี่ยวกับตัวอย่างที่ดีของพวกเขา นั่นก็อาจจะช่วยให้คุณรับมือกับปัญหาของตัวเองได้ดีขึ้น เรารู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่มีพี่น้องที่เป็นตัวอย่างที่ดีเหล่านี้อยู่กับเรา เราภูมิใจในตัวพวกเขามาก!—ฮบ. 13:7 ห22.04 น. 13 ว. 13-14
วันอังคารที่ 2 เมษายน
การให้ทำให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ—กจ. 20:35
เวลาเราเจอปัญหาในชีวิต เราคงรู้สึกขอบคุณที่ผู้ดูแลให้เวลาฟังเราระบายและให้กำลังใจเรา หรือตอนที่เราอยากให้มีใครมาช่วยเราเรื่องนักศึกษา เราคงดีใจที่ไพโอเนียร์ที่มีประสบการณ์มาศึกษาด้วยกันกับเราและให้คำแนะนำเรา พี่น้องทุกคนมีความสุขที่ได้ช่วยเรา และถ้าเราอยู่พร้อมจะช่วยคนอื่น เราก็จะมีความสุขแบบนั้นด้วย ถ้าคุณอยากช่วยพี่น้องคนอื่นมากขึ้นแบบนี้หรือช่วยในด้านอื่น ๆ คุณต้องทำอะไรบ้าง? ระวังที่จะไม่ตั้งเป้าหมายที่กว้างเกินไป ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณคิดว่า ‘ฉันอยากจะมีส่วนช่วยมากขึ้นในประชาคม’ คุณก็อาจจะไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายนั้น และก็ไม่รู้ด้วยว่าได้ทำตามเป้าหมายนั้นแล้วไหม ดังนั้น ให้คุณตั้งเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงและชัดเจน คุณอาจจะเขียนออกมาว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร และเขียนด้วยว่าคุณวางแผนที่จะทำอะไรบ้างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น ห22.04 น. 25 ว. 12-13
วันพุธที่ 3 เมษายน
ให้รักคนอื่นเหมือนรักตัวเอง—ยก. 2:8
พระยะโฮวากำลังรวบรวม “ชนฝูงใหญ่” เข้ามาและสอนพวกเขาให้อยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลพระเจ้า (วว. 7:9, 10) แม้โลกทุกวันนี้มีแต่ความแตกแยกเพราะความกลัวและสงคราม พวกเราที่เป็นชนฝูงใหญ่พยายามเอาชนะความเกลียดชังทุกอย่างรวมทั้งความเกลียดชังระหว่างชาติและเผ่าพันธุ์ด้วย เรากำลังทำเหมือนที่คัมภีร์ไบเบิลบอกคือให้เอาดาบตีเป็นผาลไถนา (มคา. 4:3) แทนที่เราจะมีส่วนร่วมในสงครามที่ทำให้หลายคนต้องตาย เราช่วยคนอื่นให้ได้ “ชีวิตแท้” โดยการสอนเกี่ยวกับพระเจ้าเที่ยงแท้และช่วยผู้คนให้รู้ว่าพระองค์ตั้งใจจะทำอะไร (1 ทธ. 6:19) เราอาจถูกคนในครอบครัวต่อต้าน หรือมีปัญหาทางเศรษฐกิจเพราะสนับสนุนรัฐบาลพระเจ้า แต่พระยะโฮวาดูแลให้เรามีสิ่งจำเป็น (มธ. 6:25, 30-33; ลก. 18:29, 30) สิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ทำให้เรามั่นใจว่ารัฐบาลของพระเจ้ามีอยู่จริงและจะทำให้สิ่งที่พระเจ้าตั้งใจไว้เกิดขึ้นจริง ห22.12 น. 5 ว. 13
วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน
อาเมน เชิญมาเถอะพระเยซูผู้เป็นนาย—วว. 22:20
ตอนสิ้นสุดสมัย 1,000 ปี ทุกคนที่อยู่บนโลกจะเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ จะไม่มีใครได้รับผลจากบาปของอาดัมอีกต่อไป (รม. 5:12) ผลพวงทุกอย่างที่เกิดจากบาปของอาดัมจะถูกกำจัดให้หมดไป พวกเขาจะ “ได้ชีวิต” เพราะทุกคนที่อยู่บนโลกตอนสิ้นสุดสมัย 1,000 ปีจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ (วว. 20:5) เรารู้ว่าพระเยซูซึ่งเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบสามารถรักษาความซื่อสัตย์ได้ตอนที่ถูกซาตานทดสอบอย่างหนัก แต่นี่หมายความว่ามนุษย์ที่สมบูรณ์แบบทุกคนจะเป็นแบบพระเยซูตอนที่ถูกซาตานทดสอบไหม? แต่ละคนต้องตอบด้วยตัวเองตอนที่ซาตานถูกปล่อยออกจากขุมลึกตอนสิ้นสุดสมัย 1,000 ปี (วว. 20:7) คนที่รักษาความซื่อสัตย์และผ่านการทดสอบขั้นสุดท้ายจะได้ชีวิตตลอดไปและมีเสรีภาพจริง ๆ (รม. 8:21) ส่วนคนที่กบฏต่อพระเจ้าจะถูกทำลายตลอดไป—วว. 20:8-10 ห22.05 น. 19 ว. 18-19
วันศุกร์ที่ 5 เมษายน
เจ้าจะทำให้ส้นเท้าเขาฟกช้ำ—ปฐก. 3:15
คำพยากรณ์นี้เป็นจริงตอนที่ซาตานใช้ชาวยิวและชาวโรมันประหารพระเยซู (ลก. 23:13, 20-24) เวลาที่คนเราได้รับบาดเจ็บที่ส้นเท้า เขาก็อาจจะเดินไม่ได้ไปช่วงหนึ่ง พระเยซูก็เหมือนกัน ตอนที่ท่านอยู่ในอุโมงค์ฝังศพ 3 วัน ท่านก็ทำอะไรไม่ได้ (มธ. 16:21) ถ้าคำพยากรณ์ที่ปฐมกาล 3:15 เป็นจริง พระเยซูจะต้องไม่ตายตลอดไป เพราะอะไร? เพราะอย่างที่บอกในคำพยากรณ์นี้ ลูกหลานคนสำคัญที่สุดจะต้องบดขยี้หัวงู ซึ่งหมายความว่าพระเยซูจะต้องฟื้นขึ้นจากตาย แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ พระเยซูฟื้นขึ้นจากตายในวันที่ 3 และพระเจ้าก็ให้ท่านมีร่างกายสำหรับสวรรค์ที่ไม่มีวันตาย เมื่อถึงเวลาพระเจ้าจะให้ท่านบดขยี้และทำลายซาตาน (ฮบ. 2:14) นอกจากนั้น พระเยซูกับคนที่ร่วมปกครองกับท่านจะทำลายศัตรูทั้งหมดของพระเจ้าบนโลกซึ่งหมายถึงลูกหลานของงู—วว. 17:14; 20:4, 10 ห22.07 น. 16 ว. 11-12
วันเสาร์ที่ 6 เมษายน
คนที่คบกับคนฉลาดจะฉลาด—สภษ. 13:20
พ่อแม่ คุณต้องช่วยลูกให้มีเพื่อนที่ดี คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าเพื่อนมีผลกับเรามากทั้งในทางที่ดีและในทางที่ไม่ดี คุณรู้จักเพื่อน ๆ ของลูกไหม? คุณต้องช่วยลูกให้มีเพื่อนที่รักพระยะโฮวา แต่คุณจะทำอย่างนั้นได้ยังไง? (1 คร. 15:33) วิธีหนึ่งก็คือให้ลองชวนคนที่รักพระยะโฮวามาทำอะไร ๆ ด้วยกันกับครอบครัวของคุณ (สด. 119:63) พ่อคนหนึ่งที่ชื่อโทนี่เล่าว่า “หลายปีที่ผ่านมา ผมกับภรรยาชอบชวนพี่น้องหลายคนมาที่บ้านทั้งผู้ชายผู้หญิง ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ พวกเขามากินข้าวและนมัสการประจำครอบครัวด้วยกัน พอทำอย่างนี้ ครอบครัวเราก็จะรู้จักกับคนที่รักพระยะโฮวาซึ่งมีความสุขที่ได้รับใช้พระองค์ . . . เด็ก ๆ ได้เห็นตัวอย่างและได้ฟังประสบการณ์ว่าพวกเขารักงานรับใช้ ขยันรับใช้ และเสียสละมากแค่ไหน นี่ช่วยให้ลูก ๆ ของเราสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้นจริง ๆ ครับ” ห22.05 น. 29-30 ว. 14-15
วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน
อะไรที่คุณจะมัดบนโลก ก็ถูกมัดไว้แล้วในสวรรค์—มธ. 18:18
ตอนที่ผู้ดูแลคุยกับคนที่ทำผิด เป้าหมายของพวกเขาก็คือเพื่อจะตัดสินแบบเดียวกันกับที่พระยะโฮวาตัดสินแล้วในสวรรค์ การทำแบบนี้จะมีผลดียังไงกับประชาคม? คนทำผิดแล้วไม่กลับใจจะไม่ได้อยู่ในประชาคมอีกต่อไป การทำแบบนี้เป็นการปกป้องประชาคม (1 คร. 5:6, 7, 11-13; ทต. 3:10, 11) นอกจากนั้น นี่อาจช่วยคนทำผิดให้กลับใจและได้รับการอภัยจากพระยะโฮวา (ลก. 5:32) ผู้ดูแลจะอธิษฐานเพื่อคนที่กลับใจ และขอพระยะโฮวาช่วยเขาให้กลับมามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์อีกครั้ง (ยก. 5:15) แต่ถ้าผู้ดูแลไปคุยกับคนที่ทำผิดแล้วคนนั้นไม่กลับใจ เขาจะต้องถูกตัดสัมพันธ์ แต่ถ้าต่อมาเขาสำนึกผิด กลับใจจริง ๆ และพยายามเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา พระยะโฮวาก็พร้อมจะให้อภัยเขา (ลก. 15:17-24) พระองค์จะยกโทษให้เขาไม่ว่าเขาจะทำผิดร้ายแรงมากแค่ไหนก็ตาม—2 พศ. 33:9, 12, 13; 1 ทธ. 1:15 ห22.06 น. 9 ว. 5-6
วันจันทร์ที่ 8 เมษายน
พวกคุณต้องมีสติอยู่เสมอและเฝ้าระวังไว้ เพราะมาร ศัตรูของคุณเหมือนสิงโตคำรามที่กำลังเดินไปเดินมาเสาะหาคนที่มันจะขย้ำกิน—1 ปต. 5:8
พระยะโฮวาช่วยให้พี่น้องของเราทั่วโลกเอาชนะปัญหาต่าง ๆ และต่อสู้กับซาตานได้ คุณก็ทำอย่างนั้นได้ด้วยเหมือนกัน (1 ปต. 5:9) อีกไม่นาน พระยะโฮวาจะสั่งให้พระเยซูกับผู้ร่วมปกครองกับท่าน “ทำลายผลงานของมาร” (1 ยน. 3:8) หลังจากนั้น คนของพระเจ้าที่รับใช้บนโลก “จะไม่ต้องกลัวอะไร และจะไม่มีอะไรมาทำให้ [พวกเขา] กลัว” อีกเลย (อสย. 54:14; มคา. 4:4) แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เราต้องพยายามเอาชนะความกลัวให้ได้ เราต้องทำให้ตัวเองมั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าพระยะโฮวารักผู้รับใช้ของพระองค์และจะปกป้องดูแลเราเสมอ เพื่อจะทำอย่างนั้นได้ เราต้องคิดใคร่ครวญและคุยกันบ่อย ๆ ว่าพระยะโฮวาปกป้องดูแลผู้รับใช้ของพระองค์ในอดีตยังไงบ้าง นอกจากนั้น เราต้องจำไว้ว่าที่ผ่านมาพระองค์ช่วยเราเป็นส่วนตัวยังไงตอนที่เจอปัญหาต่าง ๆ เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะช่วยให้เราเอาชนะความกลัวได้แน่นอน—สด. 34:4 ห22.06 น. 19 ว. 19-20
วันอังคารที่ 9 เมษายน
หินก้อนนั้นมากระแทกที่เท้ารูปปั้นซึ่งเป็นเหล็กปนดินเหนียว—ดนล. 2:34
มหาอำนาจโลกที่เป็นส่วน “เท้า . . . ซึ่งเป็นเหล็กปนดินเหนียว” ปรากฏตัวแล้วตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 ตอนที่อังกฤษและอเมริกาเป็นพันธมิตรกัน นอกจากนั้น ความฝันของเนบูคัดเนสซาร์ยังบอกล่วงหน้าด้วยว่ามหาอำนาจโลกนี้แตกต่างจากมหาอำนาจโลกก่อนหน้านี้ทั้งหมด ในความฝันของเนบูคัดเนสซาร์ มหาอำนาจโลกอังกฤษ-อเมริกาไม่ได้เป็นโลหะแข็ง เช่น ทองคำหรือเงิน แต่เป็นเหล็กปนดินเหนียว ดินเหนียวหมายถึง “คนธรรมดาสามัญ” หรือประชาชน (ดนล. 2:43) อย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้ ประชาชนใช้อำนาจของตัวเองผ่านทางการเลือกตั้ง การรณรงค์สิทธิมนุษยชน การเดินขบวนประท้วง และสหภาพแรงงาน ซึ่งทำให้ผู้นำของมหาอำนาจโลกนี้มีอำนาจอ่อนลงจนไม่สามารถใช้อำนาจของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ห22.07 น. 4-5 ว. 9-10
วันพุธที่ 10 เมษายน
อาหารของผมคือการทำตามความประสงค์ของผู้ที่ใช้ผมมา—ยน. 4:34
คุณยังลังเลไหมว่าจะรับบัพติศมาดีหรือเปล่า? คงจะดีที่คุณจะถามตัวเองว่า ‘ฉันกำลังรออะไรอยู่?’ (กจ. 8:36) พระเยซูเปรียบการทำตามความต้องการของพระยะโฮวาเป็นเหมือนอาหาร ทำไมถึงเปรียบเทียบแบบนั้น? ก็เพราะอาหารมีประโยชน์กับร่างกาย พระเยซูรู้ว่าทุกอย่างที่พระยะโฮวาอยากให้เราทำมีแต่ดีต่อตัวเราทั้งนั้น พระองค์ไม่ได้อยากให้เราทำสิ่งที่เป็นอันตรายกับตัวเรา สิ่งที่พระยะโฮวาต้องการจากคุณก็คืออยากให้คุณรับบัพติศมาใช่ไหม? ใช่ (กจ. 2:38) ดังนั้น คุณมั่นใจได้เลยว่าถ้าคุณทำตามคำสั่งนี้ของพระยะโฮวาคุณจะได้ประโยชน์แน่ ๆ ถ้าคุณไม่ลังเลที่จะกินอาหารที่อร่อยที่สุด ทำไมถึงยังลังเลที่จะรับบัพติศมาล่ะ? แล้วคุณรออะไรอยู่? แต่หลายคนอาจจะบอกว่า “ก็ฉันยังไม่พร้อม” ที่จริง การตัดสินใจอุทิศตัวให้พระยะโฮวาและรับบัพติศมาเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต ดังนั้น คุณต้องคิดให้ดี คุณอาจต้องใช้เวลาและความพยายามเพื่อจะมีคุณสมบัติที่จะรับบัพติศมา ห23.03 น. 7 ว. 18-20
วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน
พระองค์สัญญา “กับลูกหลานของเจ้า” ที่หมายถึงคนคนเดียว คือพระคริสต์นั่นเอง—กท. 3:16
ตอนที่พระเยซูถูกเจิม ท่านได้กลายมาเป็นลูกหลานคนสำคัญที่สุดของผู้หญิง หลังจากที่พระเยซูตายและฟื้นขึ้นจากตายแล้ว พระเจ้าก็ให้ท่าน “มีเกียรติยศและความสง่างาม” และให้ท่านมี “อำนาจ . . . ปกครองทุกสิ่งในสวรรค์และบนโลก” พระเจ้าให้ท่านมีอำนาจ “ทำลายผลงานของมาร” ด้วย (ฮบ. 2:7; มธ. 28:18; 1 ยน. 3:8) แต่ยังมีลูกหลานที่สำคัญรองลงมาด้วย เปาโลช่วยให้เรารู้ว่าพวกเขาเป็นใคร เปาโลบอกกับชาวยิวและคนต่างชาติที่เป็นผู้ถูกเจิมว่า “ถ้าพวกคุณเป็นคนของพระคริสต์ พวกคุณก็เป็นลูกหลานของอับราฮัมจริง ๆ และเป็นผู้รับมรดกตามที่สัญญาไว้กับอับราฮัม” (กท. 3:28, 29) เมื่อพระยะโฮวาเจิมคริสเตียนด้วยพลังบริสุทธิ์ เขาก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของลูกหลานของผู้หญิง ดังนั้น ลูกหลานของผู้หญิงก็หมายถึงพระเยซูและผู้ร่วมปกครองกับท่าน 144,000 คน (วว. 14:1) พวกเขาทุกคนพยายามคิดและทำเหมือนพระยะโฮวา ห22.07 น. 16 ว. 8-9
วันศุกร์ที่ 12 เมษายน
ผมเกลียดชีวิตของผม ผมไม่อยากอยู่ต่อไปอีกแล้ว—โยบ 7:16
ในสมัยสุดท้ายเราคาดหมายอยู่แล้วว่าจะต้องเจอปัญหาแน่ ๆ (2 ทธ. 3:1) ตอนที่ปัญหา เราอาจรู้สึกท้อแท้หมดแรงโดยเฉพาะถ้าเจอปัญหาประเดประดังเข้ามาไม่หยุด หรือเจอหลายอย่างในคราวเดียว แต่ให้จำไว้ว่าพระยะโฮวาคอยเฝ้าดูเราอยู่ พระองค์รู้ว่าเราเจออะไรบ้าง และพระองค์จะช่วยเรารับมือได้แน่นอน ขอให้คิดถึงตัวอย่างของโยบ โยบเจอปัญหาหลายอย่างประดังเข้ามาในช่วงเวลาแค่สั้น ๆ เช่น ภายในวันเดียวโยบเจอเรื่องหนัก ๆ ที่ทำให้ช็อค ทั้งสูญเสียฝูงสัตว์ทั้งหมด คนรับใช้ตาย และที่ทำให้เขาเสียใจมากก็คือลูก ๆ ตายหมด (โยบ 1:13-19) และตอนที่เขายังเสียใจกับเรื่องเหล่านั้นอยู่ เขาก็เป็นโรคร้ายที่ทำให้เจ็บปวดมาก (โยบ 2:7) พระยะโฮวาคอยเฝ้าดูโยบอยู่ พระองค์รักโยบมากเลยทำหลายอย่างที่ช่วยให้เขาผ่านปัญหาหนัก ๆ และยังซื่อสัตย์ต่อพระองค์ได้ ห22.08 น. 11 ว. 8-10
วันเสาร์ที่ 13 เมษายน
เพราะพระยะโฮวารักใคร พระองค์ก็สั่งสอนคนนั้น—ฮบ. 12:6
ตอนที่เราถูกพระยะโฮวาสั่งสอนเราอาจรู้สึกเจ็บมาก เรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรม หรือรู้สึกว่าเราถูกสั่งสอนแรงเกินไป ผลก็คือเราจะไม่ได้ประโยชน์จากสิ่งที่สำคัญมาก นั่นก็คือการมองว่าพระยะโฮวารักเรา พระองค์ถึงสั่งสอนเรา (ฮบ. 12:5, 11) ดังนั้น ให้ยอมรับการสั่งสอนแล้วเปลี่ยนแปลงตัวเอง พระเยซูสั่งสอนเปโตรต่อหน้าอัครสาวกคนอื่นหลายครั้ง (มก. 8:33; ลก. 22:31-34) เปโตรต้องรู้สึกอายแน่ ๆ แต่เขาก็ยังคงภักดีต่อพระเยซู เปโตรยอมรับการสั่งสอนและเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง พระยะโฮวาก็เลยให้รางวัลที่เขาภักดีและให้หน้าที่รับผิดชอบสำคัญหลายอย่างกับเขาในประชาคม (ยน. 21:15-17; กจ. 10:24-33; 1 ปต. 1:1) เราจะทำให้ตัวเราเองและคนอื่นได้ประโยชน์ถ้าเราไม่ได้คิดแค่ว่าเราอายขนาดไหนตอนที่ได้รับการสั่งสอน ให้เรายอมรับการสั่งสอนจากพระยะโฮวา แล้วเปลี่ยนแปลงตัวเอง ถ้าเราทำแบบนั้น พระยะโฮวาก็จะใช้เรามากขึ้น และเราก็จะเป็นประโยชน์กับพี่น้อง ห22.11 น. 21-22 ว. 6-7
วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน
ถวาย [อิสอัค] เป็นเครื่องบูชาเผา—ปฐก. 22:2
อับราฮัมมั่นใจว่าพระยะโฮวาไม่มีทางทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือทำอะไรที่ไม่แสดงความรักกับเขา เปาโลพูดถึงอับราฮัมว่าอับราฮัมคิดถึงคำสัญญาที่พระยะโฮวาบอกว่าลูกหลานของอิสอัคจะกลายเป็นชนชาติ แต่ตอนนั้นอิสอัคยังไม่มีลูก อับราฮัมเลยเชื่อว่าพระองค์จะปลุกอิสอัคให้ฟื้นขึ้นจากตายแน่นอน (ฮบ. 11:17-19) อับราฮัมรักพระยะโฮวามาก เขาเลยมั่นใจว่าพระองค์จะทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ ถึงเป็นเรื่องยากมากแต่เพราะอับราฮัมมีความเชื่อ เขาเลยเชื่อฟังสิ่งที่พระองค์บอก (ปฐก. 22:1-12) เราจะเลียนแบบอับราฮัมได้ยังไง? เราต้องรู้จักพระยะโฮวามากขึ้น แล้วเราก็จะสนิทกับพระองค์และรักพระองค์มากขึ้นด้วย (สด. 73:28) เราจะได้ฝึกความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเรา และเราก็จะคิดแบบที่พระยะโฮวาคิด (ฮบ. 5:14) และไม่ว่าจะมีใครมากดดันหรือล่อใจให้เราทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราก็จะไม่ทำตาม เราจะเกลียดการทำอะไรก็ตามที่ทำให้พระยะโฮวาเสียใจ และไม่แม้แต่จะคิดที่จะทำอะไรที่ทำลายสายสัมพันธ์ของเรากับพระองค์ ห22.08 น. 28-29 ว. 11-12
วันจันทร์ที่ 15 เมษายน
ความวิตกกังวลทำให้หนักใจ แต่คำพูดดี ๆ ทำให้มีกำลังใจ—สภษ. 12:25
ตอนที่อัครสาวกเปาโลกับบาร์นาบัสกลับไปเยี่ยมพี่น้องในลิสตรา อิโคนียูม และอันทิโอก พวกเขา “แต่งตั้งผู้ดูแลไว้ในแต่ละประชาคม” (กจ. 14:21-23) ผู้ดูแลเหล่านั้นต้องให้กำลังใจพี่น้องอย่างดีแน่ ๆ เหมือนที่ผู้ดูแลในทุกวันนี้ทำ พี่น้องที่เป็นผู้ดูแล ขอให้คุณสนใจช่วยพี่น้องที่ต้องการ “คำพูดดี ๆ” ที่ทำให้ได้กำลังใจ นอกจากนั้น เปาโลบอกคริสเตียนให้คิดถึง “พยานมากมายเหมือนเมฆก้อนใหญ่” ที่อดทนความยากลำบากได้เพราะพระยะโฮวาให้กำลังพวกเขา (ฮบ. 12:1) เปาโลรู้ว่าเรื่องราวชีวิตของผู้รับใช้พระเจ้าในอดีตที่อดทนความยากลำบากได้จะช่วยพี่น้องให้กล้าหาญ และช่วยพวกเขาให้สนใจแต่ “เมืองของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่” (ฮบ. 12:22) ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน เราก็ได้กำลังใจเมื่อได้อ่านเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลว่าพระยะโฮวาช่วยกิเดโอน บาราค ดาวิด ซามูเอล และผู้รับใช้คนอื่น ๆ ยังไง—ฮบ. 11:32-35 ห22.08 น. 21-22 ว. 5-6
วันอังคารที่ 16 เมษายน
พวกเขาแต่ละคนก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของตัวเอง—วว. 20:13
คนที่ฟื้นขึ้นจากตายจะถูกพิพากษาตาม “การกระทำ” ช่วงไหนของพวกเขา? เป็นสิ่งที่พวกเขาทำก่อนที่จะตายไหม? ไม่ใช่ เมื่อพวกเขาตาย บาปของพวกเขาจะถูกลบล้าง ฉะนั้นพวกเขาจะถูกพิพากษาตามสิ่งที่พวกเขาทำก่อนที่พวกเขาตายไม่ได้ “การกระทำ” ในข้อนี้ต้องหมายถึงสิ่งที่พวกเขาทำในโลกใหม่ว่าพวกเขาจะทำตามสิ่งที่ได้เรียนรู้หรือเปล่า แม้แต่ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาที่ฟื้นขึ้นจากตายในตอนนั้น เช่น โนอาห์ ซามูเอล ดาวิด และดาเนียลยังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับพระเยซูและแสดงความเชื่อในค่าไถ่ของท่าน ขนาดคนที่รับใช้ซื่อสัตย์มาแล้วยังต้องเรียนรู้อีกหลายอย่างในตอนนั้น “คนชั่ว” ก็ยิ่งต้องเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากมายและต้องทำตามสิ่งเหล่านั้นด้วย จะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ได้รับโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่จะเรียนรู้ แต่กลับไม่สนใจและทำตาม? วิวรณ์ 20:15 บอกว่า “ใครที่ไม่มีชื่ออยู่ในหนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิตก็ถูกโยนลงในบึงไฟ” นี่หมายความว่าพวกเขาจะถูกทำลายตลอดไป เราเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ ที่เราจะแน่ใจว่าชื่อของเราอยู่ในหนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิตและไม่ถูกลบออกไป ห22.09 น. 18-19 ว. 17-19
วันพุธที่ 17 เมษายน
พยายามอยู่เสมอที่จะไม่ทำผิดต่อพระเจ้าหรือต่อมนุษย์ เพื่อจะไม่มีอะไรรบกวนความรู้สึกผิดชอบชั่วดี—กจ. 24:16
เราควรใช้หลักการในคัมภีร์ไบเบิลตอนที่ตัดสินใจเรื่องสุขภาพและการรักษา (1 ทธ. 3:9) ตอนที่เราตัดสินใจเรื่องเหล่านี้และตอนที่เราคุยกับคนอื่น เราต้องเอาหลักการในฟีลิปปี 4:5 มาใช้ที่บอกว่า “ให้คนอื่นเห็นว่าพวกคุณเป็นคนมีเหตุผล” ถ้าเราเป็นคนมีเหตุผล เราจะไม่เป็นห่วงมากเกินไปเรื่องสุขภาพ และถึงแม้พี่น้องอาจตัดสินใจไม่เหมือนกับเราแต่เราก็ยังคงรักและนับถือเขา (รม. 14:10-12) เราจะแสดงว่าเราขอบคุณพระยะโฮวาซึ่งเป็นบ่อเกิดของชีวิตได้โดยการดูแลสุขภาพและชีวิตของเราให้ดี และใช้ชีวิตเพื่อรับใช้พระองค์สุดความสามารถ (วว. 4:11) ตอนนี้เรายังต้องรับมือกับความเจ็บป่วยและภัยพิบัติหลายอย่าง แต่นี่ไม่ใช่ชีวิตที่พระยะโฮวาอยากให้เรามี อีกไม่นานพระองค์จะให้เรามีชีวิตตลอดไปและไม่ต้องเจอกับความเจ็บปวดและความตายอีกเลย (วว. 21:4) ดีจริง ๆ ที่ตอนนี้เรายังมีชีวิตอยู่และรับใช้พระยะโฮวาพระเจ้าที่เรารักได้ ห23.02 น. 25 ว. 17-18
วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน
อาณาจักรของท่านถูกแบ่งแยกและถูกเอาไปให้พวกมีเดียกับเปอร์เซียแล้ว—ดนล. 5:28
พระยะโฮวามีอำนาจสูงสุดเหนือกว่า “คนที่มีอำนาจปกครอง” (รม. 13:1) เราจะดูเรื่องนี้จาก 3 ตัวอย่างในคัมภีร์ไบเบิล ฟาโรห์กษัตริย์ของอียิปต์กดขี่ชาวอิสราเอลคนของพระยะโฮวาและบังคับพวกเขาเป็นทาส แถมยังไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระด้วย แต่ในที่สุดพระยะโฮวาก็ช่วยคนของพระองค์และทำให้ฟาโรห์จมน้ำตายในทะเลแดง (อพย. 14:26-28; สด. 136:15) กษัตริย์เบลชัสซาร์ของบาบิโลนจัดงานเลี้ยง เขา “ตั้งตัวเป็นคู่แข่งกับพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของสวรรค์” และยัง ‘สรรเสริญเทพเจ้าที่ทำจากเงินและทอง’ แทนที่จะสรรเสริญพระยะโฮวา (ดนล. 5:22, 23) แต่พระยะโฮวาก็จัดการกับกษัตริย์ที่หยิ่งยโสคนนี้ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คืนนั้นเอง” เบลชัสซาร์ถูกฆ่าและอาณาจักรของเขาถูกเอาไปให้พวกมีเดียกับเปอร์เซีย (ดนล. 5:30, 31) กษัตริย์เฮโรดอากริปปาที่หนึ่งที่ปกครองปาเลสไตน์ประหารอัครสาวกยากอบ และยังจับอัครสาวกเปโตรขังคุกโดยตั้งใจว่าจะเอามาประหารหลังจากนั้น แต่พระยะโฮวาก็ขัดขวางเฮโรดโดยส่ง “ทูตสวรรค์ของพระยะโฮวา” มา “ลงโทษเฮโรด” และในที่สุดเขาก็ตาย—กจ. 12:1-5, 21-23 ห22.10 น. 15 ว. 12
วันศุกร์ที่ 19 เมษายน
เราจะฟังพวกเจ้า—ยรม. 29:12
เมื่อเราได้อ่านว่าพระยะโฮวาช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ในอดีตมากขนาดไหน ความหวังของเราก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น ทุกสิ่งที่เขียนในคัมภีร์ไบเบิลก็ “เขียนไว้เพื่อสอนเรา เราจะได้มีความหวังเพราะพระคัมภีร์ช่วยให้เราอดทนและมีกำลังใจ” (รม. 15:4) คิดใคร่ครวญว่าพระยะโฮวารักษาสัญญาเสมอ ขอให้คิดถึงตอนที่พระยะโฮวาสัญญากับอับราฮัมและซาราห์ว่าจะมีลูกถึงพวกเขาจะแก่เกินไปแล้ว (ปฐก. 18:10) อับราฮัมรู้สึกยังไง? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “อับราฮัมหวังและเชื่อว่าเขาจะได้เป็นพ่อของคนหลายชนชาติจริง ๆ” (รม. 4:18) ถึงแม้ในสายตามนุษย์เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ แต่อับราฮัมก็มั่นใจว่าพระยะโฮวาจะทำตามสัญญาแน่นอน แล้วเขาก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ (รม. 4:19-21) เรื่องราวแบบนี้สอนว่าเราไว้ใจพระยะโฮวาได้เสมอว่าพระองค์จะรักษาสัญญา ห22.10 น. 27 ว. 13-14
วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน
คุณจะเห็นครูองค์นี้ด้วยตาของคุณเอง—อสย. 30:20
คำพยากรณ์นี้เป็นจริงตอนที่ชาวอิสราเอลถูกปล่อยจากการเป็นเชลยที่บาบิโลน พระยะโฮวาเป็นครูองค์ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขาจริง ๆ และพระองค์ก็ชี้นำพวกเขาให้ฟื้นฟูการนมัสการบริสุทธิ์ ทุกวันนี้เราก็ได้พรและสิ่งดี ๆ มากมายจากการที่พระยะโฮวาเป็นครูองค์ยิ่งใหญ่ของเรา อิสยาห์เปรียบเทียบว่าเราเป็นนักเรียนและพระยะโฮวาสอนเรา โดยบอกว่า “คุณจะเห็นครูองค์นี้ด้วยตาของคุณเอง” นี่ทำให้นึกภาพครูองค์ยิ่งใหญ่กำลังยืนต่อหน้านักเรียนของพระองค์ เราได้รับประโยชน์จริง ๆ จากการสอนของพระยะโฮวาในทุกวันนี้ พระองค์สอนเรายังไง? พระองค์ให้การชี้นำที่ชัดเจนผ่านทางองค์การของพระองค์ องค์การของพระยะโฮวาสอนเราทางการประชุม หนังสือและสื่อต่าง ๆ รายการโทรทัศน์ JW และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมายที่ช่วยเราในช่วงที่ยากลำบากทำให้เราสามารถอดทนได้และยังคงมีความสุข ห22.11 น. 10 ว. 8-9
วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน
จะมีอะไรเป็นสัญญาณ . . . บอกให้รู้ว่าเราอยู่ในสมัยสุดท้ายของโลกนี้?—มธ. 24:3
ตอนที่พระเยซูพูดถึงจุดจบของกรุงเยรูซาเล็มและการทำลายวิหาร รวมถึงจุดจบของสมัยสุดท้ายของโลกนี้ซึ่งเป็นสมัยของเรา ท่านบอกว่า “วันเวลานั้นไม่มีใครรู้ แม้แต่ทูตสวรรค์หรือผมเองที่เป็นลูกของพระเจ้าก็ไม่รู้ มีแต่พระเจ้าผู้เป็นพ่อเท่านั้นที่รู้” และท่านก็เตือนสาวกทุกคนว่าให้ “ตื่นตัวอยู่เสมอ” และ “เฝ้าระวังอยู่เสมอ” (มก. 13:32-37) คริสเตียนในยุคแรกต้องเฝ้าระวังอยู่เสมอ เพราะพวกเขาจะรอดหรือไม่รอดก็ขึ้นอยู่กับการทำตามคำเตือนของพระเยซู ท่านบอกสาวกว่า “เมื่อคุณเห็นกองทัพมาตั้งค่ายล้อมกรุงเยรูซาเล็ม ก็ให้รู้ว่ากรุงนี้ใกล้จะถูกทำลายให้ร้างเปล่าแล้ว” และเมื่อเหตุการณ์ที่พระเยซูพูดถึงเกิดขึ้นจริง ๆ พวกสาวกต้องทำตามคำเตือนของท่านและ “เริ่มหนีไปที่ภูเขา” (ลก. 21:20, 21) คนที่ทำตามคำเตือนนี้ก็รอดชีวิตตอนที่ทหารโรมันมาทำลายกรุงเยรูซาเล็ม ทุกวันนี้เราอยู่ในช่วงที่ใกล้จะถึงจุดจบของโลกชั่วแล้ว เราเลยต้องมีสติและเฝ้าระวังอยู่เสมอ ห23.02 น. 14 ว. 1-2; น. 16 ว. 3
วันจันทร์ที่ 22 เมษายน
พระยะโฮวา พระเจ้าแห่งความจริง—สด. 31:5
พระยะโฮวาสอนคนของพระองค์ให้เป็นคนซื่อสัตย์และทำสิ่งที่ถูกต้อง พวกเขาก็เลยนับถือตัวเองและมีความสงบใจ (สภษ. 13:5, 6) ตั้งแต่ที่คุณศึกษาคัมภีร์ไบเบิล คุณรู้สึกไหมว่าพระยะโฮวาช่วยให้คุณเป็นแบบนี้เหมือนกัน? คุณได้เรียนรู้ว่าแนวทางของพระยะโฮวาคือแนวทางชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ทุกคนและสำหรับคุณด้วย (สด. 18:30) คุณก็เลยอยากทำทุกอย่างที่พระยะโฮวาบอกว่าถูกต้อง (มธ. 6:33) คุณอยากให้คนอื่นรู้ความจริงและพิสูจน์ว่าซาตานโกหก แล้วคุณจะทำได้ยังไง? คุณสามารถเลือกว่าจะใช้ชีวิตในแบบที่แสดงว่า “ฉันไม่ฟังคำโกหกของซาตาน ฉันจะยึดมั่นกับความจริง ฉันอยากให้พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าองค์สูงสุดของฉัน และฉันอยากทำสิ่งที่พระองค์บอกว่าถูกต้อง” แล้วคุณจะทำแบบนั้นได้ยังไง? โดยอธิษฐานถึงพระยะโฮวาบอกพระองค์ว่าคุณอุทิศตัวให้พระองค์ แล้วก็รับบัพติศมาเพื่อทำให้คนอื่นเห็นว่าคุณได้อุทิศตัวให้กับพระยะโฮวาแล้ว ถ้าคุณรักความจริงและรักสิ่งที่ถูกต้อง คุณจะอยากรับบัพติศมา ห23.03 น. 3 ว. 4
วันอังคารที่ 23 เมษายน
พวกคุณไม่ต้องทุกข์ใจและไม่ต้องกลัว—ยน. 14:27
มีสันติสุขแบบหนึ่งที่คนทั่วไปในโลกไม่รู้จัก นั่นคือ “สันติสุขของพระเจ้า” สันติสุขของพระเจ้าหมายถึงการมีใจสงบเพราะมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ ถ้าเรามีสันติสุขของพระเจ้า เราจะรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัย (ฟป. 4:6, 7) เราจะสนิทกับพระยะโฮวา “พระเจ้าผู้ให้สันติสุข” และเราก็จะสนิทกับคนที่รักพระองค์ด้วย (1 ธส. 5:23) นอกจากนั้น ถ้าเรารู้จักพระยะโฮวา ไว้ใจ และเชื่อฟังพระองค์ สันติสุขของพระเจ้าจะช่วยให้เรามีใจสงบและไม่กังวลมากเกินไปตอนที่เจอปัญหา เป็นไปได้ไหมที่เราจะมีสันติสุขของพระเจ้าทั้ง ๆ ที่ต้องเจอปัญหาในชีวิต เช่น โรคระบาด ภัยพิบัติ ความไม่สงบในบ้านเมือง หรือการข่มเหง? ตอนที่เราต้องเจอปัญหาหนักแบบนั้น เราคงรู้สึกกลัว แต่เราเห็นว่ามีพี่น้องมากมายทั่วโลกที่ทำตามคำแนะนำของพระเยซูอย่างที่บอกในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ แล้วพระยะโฮวาก็ช่วยให้พวกเขามีสันติสุขและมีใจสงบได้จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ต้องเจอปัญหาหนัก ๆ ในชีวิต ห22.12 น. 16 ว. 1-2
วันพุธที่ 24 เมษายน
ให้พลังของพระเจ้ากระตุ้นคุณให้มีใจกระตือรือร้นในการรับใช้พระยะโฮวาอย่างทาสที่ขยันขันแข็ง—รม. 12:11
เป็นไปไม่ได้ที่เราจะควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ สภาพการณ์ในชีวิตของเราเปลี่ยนได้ตลอด ดังนั้น เราต้องไม่คิดว่าคุณค่าของเราอยู่ที่งานมอบหมาย และเราต้องไม่เปรียบเทียบงานมอบหมายของเรากับคนอื่นด้วย (กท. 6:4) คงจะดีกว่าถ้าเราจะหาวิธีที่จะช่วยคนอื่นและรับใช้พระยะโฮวามากขึ้น ถ้าคุณอยากได้สิทธิพิเศษมากขึ้น ให้คุณใช้ชีวิตเรียบง่ายและไม่เป็นหนี้โดยที่ไม่จำเป็น ขอให้คุณตั้งเป้าหมายระยะสั้นเพื่อจะทำให้คุณไปถึงเป้าหมายระยะยาวได้ เช่น ถ้าคุณมีเป้าหมายระยะยาวที่จะเป็นไพโอเนียร์ประจำ คุณจะสมัครเป็นไพโอเนียร์สมทบต่อเนื่องตอนนี้ได้ไหม? หรือถ้าคุณมีเป้าหมายเป็นผู้ช่วยงานรับใช้ คุณจะออกประกาศมากขึ้นได้ไหม? ประสบการณ์ที่คุณได้รับตอนนี้จะทำให้คุณพร้อมที่จะได้รับสิทธิพิเศษในวันข้างหน้า และถ้าคุณได้รับงานมอบหมายอะไร ขอให้คุณตั้งใจทำสุดความสามารถ ห22.04 น. 26 ว. 16-17
วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน
ผมรักพระยะโฮวาเพราะพระองค์ฟังเสียงของผม เมื่อผมอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ—สด. 116:1
พระยะโฮวาสามารถช่วยเราให้รับมือกับปัญหาในชีวิตและมีความสุขในการรับใช้ได้ เมื่อเราอธิษฐานบอกพระยะโฮวาเรื่องที่เรากังวล วิธีที่พระองค์ตอบเราทันทีอาจจะเป็นโดยการช่วยให้เรามีกำลังที่จะรับมือได้ แต่ถ้าปัญหาที่เราเจอไม่ได้จบเร็วอย่างที่เราอยากให้เป็นล่ะ? เราอาจต้องอธิษฐานถึงพระยะโฮวาครั้งแล้วครั้งเล่าขอให้พระองค์ช่วยให้เรามีกำลังที่จะอดทนได้ พระยะโฮวาก็อยากให้เราขอแบบนั้นด้วย เพราะอิสยาห์บอกว่า “อย่าให้ [พระยะโฮวา] หยุดพัก” (อสย. 62:7) ข้อนี้หมายความว่ายังไง? เราต้องอธิษฐานขอพระยะโฮวาเรื่อย ๆ เหมือนกับเราไม่อยากให้พระองค์หยุดพัก คำพูดของอิสยาห์ทำให้เรานึกถึงตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูในลูกา 11:8-10, 13 พระเยซูอยากให้เราขอพลังบริสุทธิ์ “ต่อไปเรื่อย ๆ” นอกจากนั้น เรายังสามารถขอให้พระยะโฮวาชี้นำเราให้ตัดสินใจอย่างถูกต้องด้วย ห22.11 น. 9 ว. 6-7
วันศุกร์ที่ 26 เมษายน
พวกเราจะได้เข้ารัฐบาลของพระเจ้าโดยผ่านความยากลำบากหลายอย่าง—กจ. 14:22
คุณกับครอบครัวสามารถเตรียมตัวได้ตั้งแต่ตอนนี้เพื่อจะรับมือกับการข่มเหง อย่าเอาแต่คิดว่าจะมีเรื่องแย่ ๆ อะไรเกิดขึ้นบ้าง ให้สนใจว่าคุณกับลูกจะสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้นได้ยังไง เมื่อไหร่ที่คุณกังวล ให้อธิษฐานระบายความรู้สึกกับพระองค์ (สด. 62:7, 8) ให้ทั้งครอบครัวของคุณคุยกันว่ามีเหตุผลอะไรบ้างที่คุณจะวางใจพระยะโฮวาได้ และเหมือนกับที่คุณเตรียมลูกให้พร้อมจะรับมือกับภัยพิบัติ คุณก็เตรียมลูกให้พร้อมรับมือกับการข่มเหงได้เหมือนกัน ลูกจะกล้าหาญและไม่กลัวเพราะคุณสอนเขาให้วางใจพระยะโฮวา สันติสุขของพระเจ้าทำให้อุ่นใจและรู้สึกปลอดภัย (ฟป. 4:6, 7) สันติสุขนี้ทำให้เราสงบใจได้แม้เจอโรคระบาด ภัยพิบัติ หรือการข่มเหง พระยะโฮวาให้ผู้ดูแลที่ขยันขันแข็งดูแลเอาใจใส่และบำรุงเลี้ยงเรา และพระองค์อยากให้เราทุกคนมีโอกาสช่วยเหลือกันและกัน สันติสุขที่เรามีตอนนี้จะช่วยเรารับมือกับความยากลำบากที่หนักกว่าในอนาคต และถึงกับช่วยเราให้รับมือได้ในช่วง “ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่”—มธ. 24:21 ห22.12 น. 27 ว. 17-18
วันเสาร์ที่ 27 เมษายน
ที่ผมมา ไม่ได้มาเพื่อช่วยคนดี แต่มาช่วยคนบาป—มธ. 9:13
ถ้าเรารู้สึกผิดไม่หายเพราะสิ่งที่เคยทำ เราควรพยายามเลิกรู้สึกแบบนั้น แต่เราจะไม่เอาค่าไถ่ของพระเยซูมาเป็นข้ออ้างที่จะ “จงใจทำบาป” อยู่เรื่อย ๆ (ฮบ. 10:26-31) เรามั่นใจว่าแม้เราทำผิดร้ายแรง แต่ถ้าเรากลับใจจริง ๆ ขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาและพวกผู้ดูแล และเปลี่ยนแปลงตัวเอง พระองค์จะให้อภัยเราอย่างใจกว้างแน่นอน (อสย. 55:7; กจ. 3:19) ค่าไถ่ของพระเยซูมีพลังมากพอที่จะลบล้างบาปของเราได้ทั้งหมด และทำให้เป็นไปได้ที่เราจะมีชีวิตในโลกใหม่ที่เป็นอุทยาน ชีวิตที่นั่นจะไม่น่าเบื่อเลย เราจะได้ทำงานที่มีความสุขและเจอกับหลายคนที่น่าสนใจ ที่สำคัญที่สุด ทุกวันเราจะมีโอกาสได้รู้จักพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ของเราดีขึ้นเรื่อย ๆ และมีความสุขกับสิ่งที่พระองค์ให้เรา เราจะได้เรียนรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีวันหมดเกี่ยวกับพระองค์รวมทั้งสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์สร้าง ห22.12 น. 13 ว. 17, 19
วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน
เราจะให้เจ้ากับผู้หญิงเป็นศัตรูกัน—ปฐก. 3:15
“ผู้หญิง” คนนี้จะเป็นเอวาไม่ได้ คำพยากรณ์นี้บอกว่าลูกหลานของผู้หญิงจะ “บดขยี้” หัวงู งูหมายถึงซาตานและไม่มีมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบคนไหนที่เป็นลูกหลานของเอวาจะสามารถบดขยี้หัวของซาตานได้ หนังสือเล่มสุดท้ายของคัมภีร์ไบเบิลบอกให้รู้ว่า “ผู้หญิง” เป็นใคร (วว. 12:1, 2, 5, 10) ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาเพราะเธอมีดวงจันทร์ใต้เท้าและสวมมงกุฎที่มีดาว 12 ดวง เธอคลอดลูกที่พิเศษที่สุดนั่นก็คือรัฐบาลของพระเจ้า รัฐบาลนี้อยู่ในสวรรค์ เธอจึงต้องอยู่ในสวรรค์ด้วย ดังนั้น ผู้หญิงคนนี้จึงหมายถึงองค์การของพระเจ้าส่วนที่อยู่ในสวรรค์ที่มีทูตสวรรค์ที่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า (กท. 4:26) คัมภีร์ไบเบิลยังช่วยให้เรารู้ว่าลูกหลานคนสำคัญที่สุดของผู้หญิงเป็นใครด้วย ลูกหลานคนนี้ต้องสืบเชื้อสายมาจากอับราฮัม—ปฐก. 22:15-18 ห22.07 น. 15-16 ว. 6-8
วันจันทร์ที่ 29 เมษายน
พวกคุณยอมรับคำสอนนั้นไว้เหมือนเป็นคำสอนของพระเจ้าจริง ๆ ไม่ใช่ของมนุษย์—1 ธส. 2:13
ในคัมภีร์ไบเบิลที่เป็นของขวัญจากพระเจ้า เราเห็นสติปัญญาของพระองค์มากมาย คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลส่งผลดีต่อผู้คนและเปลี่ยนชีวิตพวกเขาได้ ตอนที่โมเสสได้รับการดลใจให้เขียนส่วนแรกของคัมภีร์ไบเบิล เขาบอกชาวอิสราเอลว่า “ข้อบัญญัตินี้ไม่ใช่ถ้อยคำที่ไร้ความหมาย แต่ถ้อยคำนี้หมายถึงชีวิตสำหรับพวกคุณ” (ฉธบ. 32:47) คนที่เชื่อฟังคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลจะมีความสุขและไม่ว่าทำอะไรก็จะสำเร็จ (สด. 1:2, 3) แม้คัมภีร์ไบเบิลจะเขียนมานานแล้ว แต่ก็มีพลังช่วยเปลี่ยนชีวิตคนเราให้ดีขึ้นได้ หลักการในคัมภีร์ไบเบิลใช้ได้ตลอดและเป็นประโยชน์ไม่ว่ายุคสมัยใด เมื่อเราอ่านคัมภีร์ไบเบิลซึ่งเป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์และคิดใคร่ครวญ พระยะโฮวาจะใช้พลังบริสุทธิ์ช่วยเราให้เห็นว่าจะเอาคำแนะนำของพระองค์มาใช้ในชีวิตยังไง (สด. 119:27; มลค. 3:16; ฮบ. 4:12) พระยะโฮวาพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ซึ่งเป็นผู้แต่งคัมภีร์ไบเบิลอยากช่วยเราจริง ๆ นี่เลยทำให้เราอยากอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวัน ห23.02 น. 3 ว. 5-6
วันอังคารที่ 30 เมษายน
เขาจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน—ดนล. 8:24
หนังสือวิวรณ์บท 13 บอกเกี่ยวกับหัวที่ 7 ของสัตว์ร้ายซึ่งก็คือมหาอำนาจอังกฤษ-อเมริกาว่าเป็นสัตว์ร้ายด้วย มัน “มีเขา 2 เขาเหมือนลูกแกะ แต่มันเริ่มพูดจาเหมือนพญานาค” วิวรณ์บท 16 และ 19 พูดถึงสัตว์ร้ายตัวนี้ว่าเป็น “ผู้พยากรณ์เท็จ” (วว. 16:13; 19:20) นอกจากนั้นในนิมิต ยอห์นยังเห็น “มันทำสิ่งมหัศจรรย์ต่าง ๆ ต่อหน้าคนทั้งโลก ถึงขนาดที่ทำให้มีไฟตกจากฟ้าลงมาบนโลก” (วว. 13:11-15) หนังสือดาเนียลก็พูดคล้าย ๆ กันเกี่ยวกับมหาอำนาจอังกฤษ-อเมริกาว่าจะ “ทำให้เกิดความพินาศย่อยยับ” (ดนล. 8:19, 23, 24, เชิงอรรถ) เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงในสงครามโลกครั้งที่ 2 นิวเคลียร์ 2 ลูกนั้นที่ถูกทิ้งที่ญี่ปุ่นซึ่งทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงถูกทำขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์จากประเทศอังกฤษและอเมริกา เราเห็นเลยว่ามหาอำนาจอังกฤษ-อเมริกา “ทำให้มีไฟตกจากฟ้าลงมาบนโลก” จริง ๆ ห22.05 น. 10 ว. 9