พฤษภาคม
วันพุธที่ 1 พฤษภาคม
หลังจากนั้น ผมก็เห็น . . . ชนฝูงใหญ่ที่ไม่มีใครนับจำนวนได้ จากทุกประเทศ ทุกตระกูล ทุกชนชาติ และทุกภาษา—วว. 7:9
หลังจากที่ยอห์นเห็น 144,000 คน เขาก็เห็น “ชนฝูงใหญ่ที่ไม่มีใครนับจำนวนได้” ยอห์นได้ยินว่า “พวกเขาเป็นคนที่ผ่านความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ และได้ซักเสื้อคลุมของตัวเองและทำให้ขาวด้วยเลือดของลูกแกะของพระเจ้า” (วว. 7:14) หลังจากที่ “ชนฝูงใหญ่” รอดผ่านความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่แล้ว พวกเขาก็ได้รับพรมากมายบนโลก (สด. 37:9-11, 27-29; สภษ. 2:21, 22; วว. 7:16, 17) ไม่ว่าเราจะถูกเลือกให้ไปสวรรค์หรือมีความหวังที่จะอยู่บนโลกตลอดไป เราเห็นตัวเราอยู่ในเหตุการณ์ในวิวรณ์บท 7 ไหม? เราควรจะเห็นตัวเองอยู่ในนั้น ตอนนั้นคงจะเป็นเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้รับใช้ของพระเจ้าทั้ง 2 กลุ่ม เราคงจะดีใจมากว่าที่ผ่านมาเราได้สนับสนุนการปกครองของพระยะโฮวา ห22.05 น. 16 ว. 6-7
วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม
พระยะโฮวาเป็นผู้ให้สติปัญญา—สภษ. 2:6
ถ้าคุณเคยตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิต คุณต้องเคยอธิษฐานขอสติปัญญาจากพระยะโฮวาแน่ ๆ เพราะคุณรู้ว่าสติปัญญาจากพระองค์จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง (ยก. 1:5) กษัตริย์โซโลมอนเขียนว่า “สติปัญญาสำคัญที่สุด” (สภษ. 4:7) โซโลมอนไม่ได้พูดถึงสติปัญญาหรือความรู้ทั่ว ๆ ไป แต่พูดถึงสติปัญญาจากพระเจ้า แล้วสติปัญญาจากพระเจ้าจะช่วยเรารับมือกับปัญหาที่เราเจอในทุกวันนี้ได้ไหม? ได้แน่นอน สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เราฉลาดได้จริง ๆ ก็คือการเรียนรู้และใช้คำแนะนำของผู้ชาย 2 คนที่ใคร ๆ ก็ยอมรับว่าเป็นคนฉลาดมาก คนแรกคือโซโลมอน คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “พระเจ้าทำให้โซโลมอนมีสติปัญญาและมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ มากมาย” (1 พก. 4:29) คนที่สองคือพระเยซู ท่านเป็นคนที่ฉลาดที่สุดเท่าที่โลกเคยเห็น (มธ. 12:42) คัมภีร์ไบเบิลมีคำพยากรณ์เกี่ยวกับท่านว่า “ท่านผู้นั้นจะได้รับพลังจากพระยะโฮวาและพลังนี้จะอยู่กับท่าน ท่านจึงมีสติปัญญาและความเข้าใจ”—อสย. 11:2 ห22.05 น. 20 ว. 1-2
วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม
ขอให้ผมเล่าเรื่องอำนาจของพระองค์ให้คนรุ่นต่อไปฟัง—สด. 71:18
ไม่มีใครอายุมากเกินไปที่จะตั้งเป้าหมายและไปให้ถึงเป้าหมาย ขอให้คิดถึงตัวอย่างของเบเวอร์ลีย์ที่อายุ 75 เธอสุขภาพไม่ดีมากจนทำให้เดินไม่ค่อยได้ แต่เธอก็ตั้งเป้าหมายที่จะประกาศมากขึ้นในช่วงการรณรงค์เชิญคนมาประชุมอนุสรณ์ พอเบเวอร์ลีย์ทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ เธอก็มีความสุขมาก และตัวอย่างของเธอก็ช่วยให้พี่น้องคนอื่นอยากรับใช้พระยะโฮวามากขึ้น พี่น้องสูงอายุ พระยะโฮวาเห็นค่าสิ่งที่คุณทำแม้ว่าคุณจะมีขีดจำกัดและทำได้ไม่ค่อยมาก (สด. 71:17) ขอให้คุณตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริง พยายามมีคุณลักษณะแบบคริสเตียนให้มากขึ้นซึ่งนี่จะทำให้พระยะโฮวารักคุณ ให้คุณเรียนทักษะใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้คุณรับใช้พระยะโฮวาและทำงานในองค์การของพระองค์ได้มากขึ้น นอกจากนั้น ให้มองหาวิธีที่คุณจะช่วยคนอื่นมากขึ้นได้ ถ้าคุณทำอย่างนั้น พระยะโฮวาก็จะอวยพรคุณให้ “คนอื่นจะเห็นความก้าวหน้าของคุณได้ชัดเจน” เหมือนกับทิโมธี—1 ทธ. 4:15 ห22.04 น. 27 ว. 18-19
วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม
คุณรู้จักพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ยังเป็นทารก—2 ทธ. 3:15
ถ้าคุณพยายามทุกอย่างแล้ว แต่ลูกบอกว่าเขาไม่อยากรับใช้พระยะโฮวา คุณจะทำยังไง? อย่าคิดว่าคุณเป็นพ่อแม่ที่ไม่ดี พระยะโฮวาให้เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจได้ด้วยตัวเองว่าจะเลือกรับใช้พระองค์หรือเปล่า ลูกคุณก็ต้องเลือกด้วยตัวเขาเองเหมือนกัน อย่าเพิ่งหมดหวังในตัวเขา วันหนึ่งเขาอาจจะกลับมาหาพระองค์ก็ได้ ลองคิดถึงลูกที่หลงหายในตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซู เขาใช้ชีวิตแย่มาก แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาหาพ่อ (ลก. 15:11-19, 22-24) คุณที่เป็นพ่อแม่ คุณมีสิทธิพิเศษมาก คุณมีโอกาสได้เลี้ยงลูกให้เป็นผู้รับใช้พระยะโฮวารุ่นถัดไป (สด. 78:4-6) เรารู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เราอยากชมคุณที่คุณพยายามทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อช่วยลูกให้รักพระยะโฮวาและเชื่อฟังพระองค์ คุณมั่นใจได้เลยว่าพ่อในสวรรค์ที่รักคุณจะภูมิใจในตัวคุณแน่นอน—อฟ. 6:4 ห22.05 น. 30-31 ว. 16-18
วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม
ทุกส่วนของร่างกายเชื่อมต่อกัน—อฟ. 4:16
เพื่อประชาคมจะมีสันติสุขและเป็นหนึ่งเดียว เราทุกคนต้องทำเต็มที่เท่าที่เราจะทำได้ ขอให้คิดถึงคริสเตียนรุ่นแรก ถึงพวกเขาจะมีความสามารถและงานมอบหมายที่แตกต่างกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้แข่งขันกันหรือว่าแตกแยกกัน (1 คร. 12:4, 7-11) เปาโลบอกให้ทุกคนใช้ความสามารถที่มีเพื่อ “ช่วยให้ร่างกายของพระคริสต์เข้มแข็งขึ้น” เขาเขียนถึงคริสเตียนในเมืองเอเฟซัสว่า “เมื่ออวัยวะแต่ละส่วนทำงานอย่างดี ทั้งร่างกายก็เติบโตและแข็งแรงขึ้นด้วยความรัก” (อฟ. 4:1-3, 11, 12) พี่น้องเหล่านี้ทำให้ประชาคมมีสันติสุขและเป็นหนึ่งเดียวกันจริง ๆ และเราก็เห็นว่าเป็นแบบนั้นในประชาคมของเราในทุกวันนี้ด้วย ขอให้เราพยายามไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น แต่ให้เลียนแบบคุณลักษณะที่ดีของพระเยซู ให้คุณมั่นใจว่าพระยะโฮวา “ไม่ทำสิ่งที่ชั่ว พระองค์จึงไม่มีวันลืมงานที่พวกคุณทำ” (ฮบ. 6:10) พระยะโฮวาจะเห็นค่าที่คุณพยายามทำสุดความสามารถเพื่อทำให้พระองค์พอใจ ห22.04 น. 14 ว. 15-16
วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม
พระคริสต์เยซูเข้ามาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอด—1 ทธ. 1:15
เราคงดีใจมากที่ไม่ต้องตัดสินใจเองว่าคนที่ทำผิดสมควรได้รับการอภัยไหม พระยะโฮวาเท่านั้นเป็นคนที่ตัดสินในเรื่องนี้ แต่ก็มีบางเรื่องที่เราต้องตัดสินใจ ถ้ามีคนทำผิดกับเราซึ่งอาจเป็นเรื่องร้ายแรงด้วย แล้วเขาก็มาขอโทษและขอให้เรายกโทษให้ หรือคนนั้นอาจจะทำผิดแล้วไม่ได้มาขอโทษเราด้วยซ้ำ ตอนนี้เราต้องตัดสินใจว่าเราจะให้อภัยเขาไหม การให้อภัยหมายความว่าเราเลือกที่จะไม่โกรธเขาอีกต่อไป แต่การทำอย่างนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลา เพราะคนนั้นอาจจะทำให้เราเจ็บมาก หอสังเกตการณ์ 15 กันยายน 1994 บอกว่า “เมื่อคุณให้อภัยคนที่ทำบาป นี่มิได้หมายความว่าคุณยอมให้กับบาปนั้น สำหรับคริสเตียนแล้ว การให้อภัยหมายถึงการมอบเรื่องนั้นไว้ในพระหัตถ์ของพระยะโฮวาด้วยความไว้วางใจ พระองค์เป็นผู้พิพากษาองค์ชอบธรรมแห่งเอกภพทั้งสิ้น และพระองค์จะดำเนินการให้ความยุติธรรมบรรลุผลสำเร็จในเวลาอันควร” ห22.06 น. 9 ว. 6-7
วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม
รอคอยพระยะโฮวา—สด. 27:14
พระยะโฮวาสัญญาว่าในสมัยของเรา พระองค์จะทำให้คนจากทุกประเทศ ทุกตระกูล และทุกภาษามานมัสการพระองค์อย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน และเราก็เห็น “ชนฝูงใหญ่” ในทุกวันนี้เป็นแบบนั้นจริง ๆ (วว. 7:9, 10) แม้พวกเขาจะมีภูมิหลังหรือวัยที่แตกต่างกัน แต่พวกเขาก็เป็นพี่น้องที่รักกันและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข (สด. 133:1; ยน. 10:16) ชนฝูงใหญ่ประกาศความหวังว่าจะมีโลกที่ดีกว่า (มธ. 28:19, 20; วว. 14:6, 7; 22:17) ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มชนฝูงใหญ่ คุณต้องตั้งตารอคอยความหวังนี้แน่นอน แต่ซาตานไม่อยากให้คุณมีความหวัง มันอยากให้คุณเชื่อว่าพระยะโฮวาจะไม่ทำตามที่สัญญา ถ้าซาตานทำให้เราหมดหวังได้ เราก็จะไม่มีความกล้าและอาจถึงกับเลิกรับใช้พระยะโฮวาด้วย ห22.06 น. 20-21 ว. 2-3
วันพุธที่ 8 พฤษภาคม
ความหวังนี้เป็นเหมือนสมอเรือของชีวิตที่มั่นคงแน่นอน—ฮบ. 6:19
ความหวังที่มั่นคงช่วยให้เรามีใจสงบเพราะเรามั่นใจว่าอีกไม่นานทุกอย่างจะดีขึ้น จำไว้ว่าพระเยซูเตือนว่าเราต้องเจอการข่มเหง (ยน. 15:20) ดังนั้น การคิดถึงรางวัลที่พระยะโฮวาสัญญาไว้จะทำให้เรายืนหยัดอยู่บนทางของคริสเตียนต่อไป ลองคิดดูว่าความหวังช่วยพระเยซูยังไงให้เข้มแข็งและซื่อสัตย์แม้รู้ว่าจะต้องตาย ในวันเพ็นเทคอสต์ปีคริสต์ศักราช 33 เปโตรยกคำพยากรณ์จากหนังสือสดุดีที่พูดถึงความมั่นใจและความแน่วแน่มั่นคงของพระเยซู ข้อนั้นบอกว่า “ผมจะอยู่อย่างมีความหวัง เพราะพระองค์จะไม่ทิ้งผมไว้ในหลุมศพ และพระองค์จะไม่ปล่อยให้คนที่ภักดีต่อพระองค์ต้องเน่าเปื่อยไป พระองค์ . . . ทำให้ผมมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ชิดพระองค์” (กจ. 2:25-28; สด. 16:8-11) พระเยซูมั่นใจในความหวังที่ว่าพระเจ้าจะปลุกท่านให้ฟื้นขึ้นจากตาย และจะได้ไปอยู่กับพ่อของท่านในสวรรค์อีกครั้งอย่างมีความสุข—ฮบ. 12:2, 3 ห22.10 น. 25 ว. 4-5
วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม
เราทุกคนผิดพลาดกันอยู่บ่อย ๆ—ยก. 3:2
มีครั้งหนึ่งที่ยากอบกับยอห์นบอกให้แม่มาขอตำแหน่งที่สำคัญในรัฐบาลของพระเจ้าจากพระเยซู (มธ. 20:20, 21) การที่พวกเขาทำแบบนี้แสดงว่าพวกเขาหยิ่งและมักใหญ่ใฝ่สูง พวกเขาคิดว่าตัวเองสำคัญกว่าคนอื่น (สภษ. 16:18) แต่ไม่ใช่แค่ยากอบกับยอห์นเท่านั้นที่แสดงนิสัยไม่ดีออกมาตอนนั้น คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เมื่ออัครสาวกอีก 10 คนได้ยินก็ไม่พอใจพี่น้องสองคนนั้นมาก” (มธ. 20:24) เราอาจนึกภาพออกว่ายากอบกับยอห์นและอัครสาวกคนอื่น ๆ คงเถียงกันและทะเลาะกันใหญ่ แล้วพระเยซูทำยังไง? ท่านไม่ได้โมโหแล้วบอกว่าจะไปเลือกอัครสาวกคนใหม่ที่ถ่อมกว่านี้และรักกันเสมอ แต่พระเยซูอดทน แสดงความรักกับพวกเขา และค่อย ๆ คุยกับพวกเขา เพราะท่านรู้ว่าจริง ๆ แล้วพวกเขาอยากทำสิ่งที่ถูกต้อง (มธ. 20:25-28) พระเยซูทำอย่างนั้นด้วยความรักจริง ๆ ห23.03 น. 28-29 ว. 10-13
วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม
ลูกของเรา ขอให้ฉลาดขึ้นและทำให้เราดีใจ เพื่อเราจะตอบคนที่เยาะเย้ยเราได้—สภษ. 27:11
หลายปีที่ผ่านมาคุณทำหลายอย่างสำเร็จไปแล้ว เช่น คุณขยันศึกษาคัมภีร์ไบเบิล คุณได้อ่านและศึกษาจนมั่นใจว่าเป็นหนังสือที่มาจากพระเจ้า และที่สำคัญ คุณได้มารู้จักและรักพระยะโฮวาพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของหนังสือศักดิ์สิทธิ์นี้ คุณรักพระยะโฮวามากจนได้อุทิศตัวและรับบัพติศมาเพื่อจะเป็นผู้รับใช้พระองค์ สุดยอดจริง ๆ! กว่าที่คุณจะรับบัพติศมาได้ คุณคงเจอหลายเรื่องที่ทดสอบความเชื่ออยู่แล้ว แต่ยิ่งคุณก้าวหน้ามากขึ้น คุณก็ยิ่งต้องเจอกับการทดสอบใหม่ ๆ ด้วย ซาตานจะพยายามทำให้คุณเลิกรักพระยะโฮวาและเลิกรับใช้พระองค์ คุณต้องอย่ายอม (อฟ. 4:14) แล้วอะไรจะช่วยให้คุณยังคงภักดีต่อพระยะโฮวาและรักษาสัญญาว่าจะรับใช้พระองค์ตลอดไป? สิ่งนั้นก็คือการ “พยายามก้าวหน้าไปเพื่อจะได้เป็นผู้ใหญ่”—ฮบ. 6:1 ห22.08 น. 2 ว. 1-2
วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม
ให้นับถือพ่อแม่ตามที่พระยะโฮวาพระเจ้าสั่งไว้ แล้วเจ้าจะมีอายุยืนยาวและเจริญรุ่งเรือง—ฉธบ. 5:16
สมาชิกทุกคนในครอบครัวต้องจำไว้ว่าอย่าเที่ยวเอาเรื่องในครอบครัวไปเล่าให้คนอื่นฟัง เช่น พี่น้องหญิงที่เป็นภรรยาอาจมีนิสัยบางอย่างที่สามีเห็นว่าตลกดี เขาควรเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟังจนทำให้เธออายไหม? เขาต้องไม่ทำแบบนั้น เขารักภรรยาและจะไม่ทำให้เธอเจ็บ (อฟ. 5:33) ส่วนพ่อแม่ต้องจำไว้ด้วยว่าลูกที่เป็นวัยรุ่นต้องการได้รับความนับถือ เขาจะไม่ทำให้ลูกอายโดยเล่าความผิดพลาดของลูกให้คนอื่นฟัง (คส. 3:21) ลูก ๆ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะระวังคำพูดด้วย เขาจะไม่เอาเรื่องในบ้านไปเล่าให้คนอื่นฟังซึ่งอาจทำให้บางคนในครอบครัวรู้สึกอาย ถ้าทุกคนในครอบครัวพยายามจะไม่เอาเรื่องในบ้านตัวเองไปเล่าให้คนอื่นฟัง ครอบครัวก็จะสนิทกันมากขึ้น ห22.09 น. 10 ว. 9
วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม
ท่านโยบ ฟังทางนี้ หยุดสักครู่และใคร่ครวญ—โยบ 37:14
พระยะโฮวาพูดกับโยบ เตือนเขาให้รู้ว่าพระองค์มีสติปัญญามากมายไม่จำกัด และพระองค์รักและสนใจสิ่งที่พระองค์สร้างมากขนาดไหน พระองค์พูดถึงสัตว์หลายชนิดที่น่าประทับใจด้วย (โยบ 38:1, 2; 39:9, 13, 19, 27; 40:15; 41:1, 2) พระยะโฮวายังใช้เอลีฮูที่อายุน้อยกว่าโยบมาให้กำลังใจและปลอบใจโยบด้วย เอลีฮูทำให้โยบมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะตอบแทนคนที่อดทน แต่พระองค์ก็ใช้เอลีฮูให้เตือนสติโยบด้วยเหมือนกัน เอลีฮูเตือนโยบให้เลิกคิดถึงแต่ตัวเอง และทำให้โยบเห็นว่าเขาเล็กกระจ้อยร่อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับพระยะโฮวาพระเจ้าผู้สร้างเอกภพ นอกจากนั้น พระยะโฮวายังมอบหมายงานให้โยบด้วย พระองค์ให้โยบอธิษฐานเผื่อเพื่อน 3 คนที่ทำผิดต่อเขา (โยบ 42:8-10) และทุกวันนี้ล่ะ พระยะโฮวาช่วยเรายังไงตอนที่เราเจอความทุกข์และปัญหาหนัก ๆ? พระยะโฮวาไม่ได้พูดกับเราโดยใช้วิธีเดียวกับที่พระองค์พูดกับโยบ พระองค์พูดกับเราผ่านทางคัมภีร์ไบเบิล และพระองค์ยังให้กำลังใจเราโดยให้เรามีความหวังที่ดีเกี่ยวกับอนาคต—รม. 15:4 ห22.08 น. 11 ว. 10-11
วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม
ดีที่สุดถ้าจะไม่กินเนื้อ หรือดื่มเหล้าองุ่น หรือทำอะไรที่ทำให้ความเชื่อของพี่น้องอ่อนลง—รม. 14:21
คริสเตียนในโรมมีทั้งคนที่เป็นชาวยิวและคนต่างชาติ เมื่อมีการยกเลิกกฎหมายของโมเสส คริสเตียนก็ไม่ต้องทำตามกฎหมายที่ห้ามกินอาหารบางอย่างอีกต่อไป (มก. 7:19) ตั้งแต่ตอนนั้นชาวยิวบางคนที่เปลี่ยนมาเป็นคริสเตียนก็เริ่มกินอาหารทุกอย่าง ส่วนบางคนก็ยังทำใจไม่ได้ เรื่องนี้เลยทำให้ประชาคมแตกแยก อัครสาวกเปาโลเลยเน้นความสำคัญของการรักษาความสงบสุขในประชาคม เขาช่วยให้คริสเตียนในตอนนั้นเห็นว่าการเถียงกันเรื่องนั้นมีแต่ผลเสียกับตัวพวกเขาและกับประชาคม (รม. 14:19, 20) นอกจากนั้น เปาโลเองยังเต็มใจปรับเปลี่ยนด้วยเพื่อจะไม่ทำให้ความเชื่อของพี่น้องอ่อนลง (1 คร. 9:19-22) ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน เราเองก็เสริมสร้างและทำให้ประชาคมสงบสุขได้ถ้าเราไม่เอาความชอบส่วนตัวมาเป็นใหญ่ ห22.08 น. 22 ว. 7
วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม
พระยะโฮวา . . . รักคนที่พยายามทำสิ่งที่ถูกต้อง—สภษ. 15:9
ปกติแล้วถ้าเรามีเป้าหมายในงานรับใช้ เราก็ต้องพยายามต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อจะทำตามเป้าหมายนั้น เรื่องนี้ก็เหมือนกับการพยายามทำสิ่งที่ถูกต้อง พระยะโฮวาจะช่วยเราให้ทำได้แน่นอน พระองค์จะอดทนกับเราและให้กำลังเราเพื่อจะทำได้สำเร็จ (สด. 84:5, 7) พระยะโฮวาอยากให้เรารู้ว่าการทำสิ่งที่ถูกต้องไม่ใช่เรื่องยากเกินไป (1 ยน. 5:3) ที่จริง มันเป็นการปกป้องด้วยซ้ำ และเราต้องการการปกป้องแบบนี้ทุกวัน ขอให้นึกถึงเครื่องอาวุธครบชุดที่เปาโลพูดถึง (อฟ. 6:14-18) เครื่องอาวุธชิ้นไหนช่วยปกป้องหัวใจทหาร? เสื้อเกราะใช่ไหม? เหมือนกับที่ “เสื้อเกราะ” ช่วยปกป้องหัวใจ “ความถูกต้องชอบธรรม” ของพระเจ้าซึ่งก็คือมาตรฐานของพระองค์จะปกป้องหัวใจที่หมายถึงตัวตนจริง ๆ ของเรา ดังนั้น คุณต้องทำให้แน่ใจว่าคุณมีความถูกต้องชอบธรรมของพระเจ้าเป็นเสื้อเกราะป้องกันหัวใจของคุณอยู่จริง ๆ—สภษ. 4:23 ห22.08 น. 29 ว. 13-14
วันพุธที่ 15 พฤษภาคม
คำพูดของพระเจ้าจะคงอยู่ตลอดไป—อสย. 40:8
ผู้รับใช้พระเจ้าที่ซื่อสัตย์ได้รับคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลมานานหลายพันปีแล้ว คัมภีร์ไบเบิลอยู่มานานขนาดนั้นได้ยังไง? พระยะโฮวาให้มีการคัดลอกคัมภีร์ไบเบิลไว้ แม้ว่าผู้คัดลอกจะไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบแต่พวกเขาก็ทำงานอย่างละเอียดมาก ๆ นักวิชาการด้านคัมภีร์ไบเบิลคนหนึ่งพูดถึงพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูว่า “กล้าพูดได้เลยว่าไม่มีงานเขียนยุคโบราณชิ้นไหนที่มีการถ่ายทอดมาอย่างถูกต้องขนาดนี้” ดังนั้น เรามั่นใจได้ว่าเนื้อหาในคัมภีร์ไบเบิลที่เราอ่านในทุกวันนี้มาจากความคิดของพระยะโฮวาผู้แต่งหนังสือนี้จริง ๆ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ของดี ๆ และสมบูรณ์ทุกอย่าง” มาจากพระยะโฮวา (ยก. 1:17) คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนึ่งในของขวัญที่ยอดเยี่ยมที่สุดจากพระยะโฮวา ปกติแล้วเวลาเราได้ของขวัญ ของขวัญนั้นจะบอกให้รู้ว่าคนที่ให้เราเป็นคนยังไง เขารู้ว่าเราต้องการอะไรและรู้จักเราดีขนาดไหน พระเจ้าผู้ให้คัมภีร์ไบเบิลก็เหมือนกัน เวลาที่เราอ่านคัมภีร์ไบเบิล เราได้เรียนรู้หลายอย่างเกี่ยวกับพระองค์ เราได้รู้ว่าพระองค์รู้จักเราดีและรู้ว่าเราต้องการอะไร ห23.02 น. 2-3 ว. 3-4
วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม
ความรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาจะมีเต็มโลก—อสย. 11:9
เมื่อการปลุกคนให้ฟื้นขึ้นจากตายเริ่มขึ้นในช่วง 1,000 ปีที่พระเยซูปกครอง มันจะต้องเป็นวันที่น่าตื่นเต้นแน่ ๆ เราทุกคนรอคอยจะได้เจอคนที่เรารักอีกครั้ง และพระยะโฮวาก็รู้สึกแบบนั้นด้วย (โยบ 14:15) ลองนึกภาพคนทั้งโลกจะมีความสุขขนาดไหนที่ได้เจอคนที่เขารักอีก “คนดี” ที่มีชื่ออยู่ในหนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิตจะ “ฟื้นขึ้นมาแล้วได้ชีวิต” (กจ. 24:15; ยน. 5:29) เพื่อน ๆ และญาติพี่น้องของเราหลายคนอาจอยู่ในกลุ่มนี้ นอกจากนั้น “คนชั่ว” ซึ่งรวมถึงคนที่ก่อนตายไม่มีโอกาสได้รู้จักพระยะโฮวาหรือไม่ได้รับใช้พระองค์ก็จะ “ฟื้นขึ้นมาแล้วถูกพิพากษา” ทุกคนที่ฟื้นขึ้นจากตายจะต้องได้รับการสอน (อสย. 26:9; 61:11) พระยะโฮวาเลยจัดให้มีโครงการสอนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน—อสย. 11:10 ห22.09 น. 20 ว. 1-2
วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม
พระองค์เป็นพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่—ดนล. 6:26
พระยะโฮวาแสดงว่าพระองค์มีอำนาจสูงสุดเหนือกว่ากลุ่มผู้นำของชาติต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น พระยะโฮวาช่วยชาวอิสราเอลให้ยึดครองดินแดนซึ่งเป็นแผ่นดินที่พระองค์สัญญา (ยชว. 11:4-6, 20; 12:1, 7, 24) ตลอดประวัติศาสตร์ พระยะโฮวาได้แสดงว่าพระองค์มีอำนาจสูงสุดหลายต่อหลายครั้ง เช่น ตอนที่เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์บาบิโลนไม่ถ่อมตัวยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวา แต่กลับอวด “อำนาจ . . . เกียรติยศและบารมี” ของเขา พระองค์ก็ทำให้เขาเสียสติ หลังจากที่เขาหายแล้ว เนบูคัดเนสซาร์ก็ “ยกย่องสรรเสริญพระเจ้าองค์สูงสุด” และบอกว่า “พระองค์ปกครองอยู่ตลอดกาล” แล้วเขายังบอกอีกว่าไม่มีใครจะขัดขวางพระองค์ได้ (ดนล. 4:30, 33-35) ผู้เขียนหนังสือสดุดีบอกว่า “ชาติที่มีพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าก็มีความสุข คือชนชาติที่พระองค์เลือกให้เป็นสมบัติของพระองค์” (สด. 33:12) เรามีเหตุผลที่ดีจริง ๆ ที่จะซื่อสัตย์ต่อพระองค์เสมอ ห22.10 น. 15-16 ว. 13-15
วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม
คำของพระองค์ . . . เป็นความจริง—สด. 119:160
เมื่อเราเห็นว่าคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลหลายข้อเกิดขึ้นจริงไปแล้ว เราก็มั่นใจว่าคำสัญญาของพระเจ้าเกี่ยวกับอนาคตจะเกิดขึ้นจริงด้วย เรารู้สึกเหมือนกับผู้เขียนหนังสือสดุดีที่อธิษฐานถึงพระยะโฮวาว่า “ผมรอคอยให้พระองค์ช่วยผมให้รอด เพราะผมเชื่อมั่นในคำของพระองค์” (สด. 119:81) ในคัมภีร์ไบเบิลพระยะโฮวาสัญญาว่าจะให้เรา “มีอนาคตที่ดีและมีความหวัง” (ยรม. 29:11) ความหวังเกี่ยวกับอนาคตของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถของมนุษย์ แต่ขึ้นอยู่กับคำสัญญาของพระยะโฮวา ดังนั้น ขอให้เราขยันศึกษาคำพยากรณ์ต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อที่เราจะไว้ใจคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้น อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เราไว้ใจคัมภีร์ไบเบิลได้ก็คือ เราเห็นว่าเมื่อหลายล้านคนเอาคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ ชีวิตพวกเขาก็ดีขึ้นมาก (สด. 119:66, 138) ตัวอย่างเช่น สามีภรรยาหลายคู่ที่เคยเกือบจะหย่าร้างกัน พอได้ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลก็รักกันมากและมีชีวิตที่มีความสุข ลูก ๆ ของพวกเขาก็เติบโตมาในบ้านที่มีความรัก รู้สึกปลอดภัย และรู้ว่าพ่อแม่รักพวกเขามาก—อฟ. 5:22-29 ห23.01 น. 5 ว. 12-13
วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม
มีความสุขกับความหวัง—รม. 12:12
ลองคิดดูว่ามีคำสัญญาอะไรบ้างในคัมภีร์ไบเบิลที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของคุณ เช่น พระเยซูสัญญาว่าพระยะโฮวาจะให้คุณมีสิ่งจำเป็นในชีวิต (มธ. 6:32, 33) และพระเยซูยังรับรองว่าพระยะโฮวาจะให้พลังบริสุทธิ์เมื่อคุณอธิษฐานขอจากพระองค์ (ลก. 11:13) คุณเห็นแล้วไหมว่าพระองค์รักษาสัญญาเสมอ? คุณอาจคิดถึงคำสัญญาอื่น ๆ ที่พระยะโฮวาทำให้เกิดขึ้นจริงกับคุณมาแล้ว เช่น พระองค์สัญญาว่าจะให้อภัยคุณ จะให้กำลังใจคุณ และทำให้คุณมีความรู้ที่เสริมความเชื่อไม่ขาด (มธ. 6:14; 24:45; 2 คร. 1:3) ถ้าคุณได้คิดใคร่ครวญว่าพระยะโฮวาทำอะไรเพื่อคุณมาแล้ว คุณก็จะมั่นใจมากขึ้นว่าพระองค์จะทำให้ความหวังของคุณเกี่ยวกับอนาคตเป็นจริงแน่นอน เรามั่นใจว่าพระยะโฮวารักษาสัญญาแน่นอน ผู้เขียนหนังสือสดุดีบอกว่า “คนที่ . . . มีความสุข คือคนที่หวังพึ่งพระยะโฮวาพระเจ้าของเขา [พระองค์] เป็นผู้ซื่อสัตย์เสมอ”—สด. 146:5, 6 ห22.10 น. 28 ว. 15, 17
วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม
พระยะโฮวาจะส่องแสงมาที่เจ้า—อสย. 60:2
คำพยากรณ์นี้ที่เกี่ยวกับการฟื้นฟูการนมัสการบริสุทธิ์เกิดขึ้นจริงกับพวกเราในทุกวันนี้ด้วยไหม? แน่นอน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1919 หลายล้านคนได้ออกจากการเป็นเชลยของบาบิโลนใหญ่ซึ่งก็คือศาสนาเท็จทั้งหมดในโลก พวกเขาถูกพาไปยังอุทยานโดยนัยซึ่งดีกว่าแผ่นดินที่พระยะโฮวาสัญญากับชาวอิสราเอล (อสย. 51:3; 66:8) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1919 ผู้ถูกเจิมมีความสุขที่ได้อยู่ในอุทยานโดยนัย แล้วต่อมา “แกะอื่น” ที่มีความหวังที่จะอยู่ตลอดไปบนโลกก็ได้อยู่ในอุทยานโดยนัยนี้ด้วยและได้รับพรกับสิ่งดี ๆ มากมายจากพระยะโฮวา (ยน. 10:16; อสย. 25:6; 65:13) อุทยานโดยนัยมีอยู่ทั่วโลก ดังนั้น ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน เราก็อยู่ในอุทยานโดยนัยได้ถ้าเราสนับสนุนการนมัสการแท้ ห22.11 น. 11-12 ว. 12-15
วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม
พระยะโฮวา พระองค์มีชีวิตอยู่มานานแล้วไม่ใช่หรือ? พระเจ้าของผม พระองค์เป็นผู้บริสุทธิ์และไม่มีวันตาย—ฮบก. 1:12
คุณรู้สึกว่ายากไหมที่จะเข้าใจว่าพระยะโฮวา “มีชีวิตอยู่ตลอดไป”? (อสย. 40:28) ถ้าคุณรู้สึกแบบนั้นก็ไม่แปลก เอลีฮูพูดถึงพระเจ้าว่า “พระองค์อยู่มานานเกินกว่าที่เราจะรู้ได้” (โยบ 36:26) แต่การที่เราไม่เข้าใจอะไรบางอย่างก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง ตัวอย่างเช่น แม้เราไม่เข้าใจเต็มที่เกี่ยวกับเรื่องของแสง แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าแสงไม่มีอยู่จริงใช่ไหม? เหมือนกันแม้มนุษย์ไม่เข้าใจว่าเป็นไปได้ยังไงที่พระยะโฮวามีชีวิตอยู่ตลอดมาและจะอยู่ตลอดไป นั่นก็ไม่ได้แปลว่าการที่พระองค์มีชีวิตตลอดไปไม่ใช่เรื่องจริง และถึงเราจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจเรื่องพระเจ้าผู้สร้าง ความจริงเกี่ยวกับพระองค์ก็ไม่เปลี่ยนไปอยู่ดี (รม. 11:33-36) พระยะโฮวาอยู่มาก่อนที่จะมีเอกภพรวมถึงแหล่งของแสง เช่น ดวงอาทิตย์ด้วยซ้ำ และพระองค์มีชีวิตอยู่ก่อนที่จะ “กางท้องฟ้า”—ยรม. 51:15 ห22.12 น. 2-3 ว. 3-4
วันพุธที่ 22 พฤษภาคม
ขอให้คำอธิษฐานของผมเป็นเหมือนเครื่องหอมที่เตรียมไว้ให้พระองค์—สด. 141:2
บางครั้งเราอาจจะถูกขอให้เป็นคนนำอธิษฐาน อย่างเช่น พี่น้องหญิงที่เป็นผู้นำการศึกษาอาจจะขอพี่น้องหญิงอีกคนหนึ่งที่ไปด้วยให้เป็นคนนำอธิษฐาน แต่พี่น้องหญิงที่ไปด้วยอาจจะยังไม่รู้จักนักศึกษาเท่าไหร่ ก็เลยดีกว่าที่เธอจะขอเป็นคนอธิษฐานตอนที่ศึกษาจบ พอได้นั่งศึกษาด้วยกันเธอจะรู้จักนักศึกษาดีขึ้นและเธอก็จะรู้ว่าจะอธิษฐานอะไรบ้างเพื่อนักศึกษาคนนี้ พี่น้องชายอาจต้องนำการอธิษฐานในการประชุมเพื่อการประกาศและในการประชุมประชาคม พี่น้องที่ได้สิทธิพิเศษนี้ต้องจำไว้เสมอว่าจุดประสงค์ของการประชุมคืออะไร เขาจะไม่ใช้การอธิษฐานเพื่อให้คำแนะนำหรือเพื่อพูดคำประกาศ การประชุมประชาคมส่วนใหญ่จะมีเวลาแค่ 5 นาทีสำหรับทั้งร้องเพลงและอธิษฐาน ดังนั้น พี่น้องชายที่ได้นำอธิษฐานต้องระวังที่จะไม่ “พูดมาก ๆ” โดยเฉพาะในการอธิษฐานตอนเริ่มต้นการประชุม—มธ. 6:7 ห22.07 น. 24 ว. 17-18
วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม
คุณจะได้ยินเสียงการสู้รบและข่าวสงครามในที่ต่าง ๆ ระวังอย่าตกใจกลัว เพราะทั้งหมดนี้จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน แต่นั่นยังไม่ใช่จุดจบ—มธ. 24:6
พระเยซูบอกล่วงหน้าว่าในสมัยสุดท้ายจะเกิดโรคระบาด “หลายแห่ง” (ลก. 21:11) การรู้เรื่องนี้ทำให้เรามีใจสงบ เพราะอะไร? เรารู้ว่าสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างที่พระเยซูบอก เราเลยไม่รู้สึกตกใจมากเกินไป แล้วเราก็อยากทำตามคำแนะนำของพระเยซูที่ท่านบอกกับคนที่อยู่ในสมัยสุดท้ายว่า “ระวังอย่าตกใจกลัว” ช่วงโรคระบาดอาจทำให้เราทำอะไร ๆ ที่เราทำเป็นประจำไม่ได้ แต่ขอให้คุณยังประชุมสม่ำเสมอและศึกษาส่วนตัวเป็นประจำ ถ้าคุณอ่านประสบการณ์ต่าง ๆ และดูวีดีโอที่เป็นเรื่องราวของพี่น้อง คุณก็จะได้กำลังใจที่เห็นว่าพวกเขายังรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไปได้ทั้ง ๆ ที่เจอปัญหาคล้าย ๆ กับคุณ ห22.12 น. 17 ว. 4, 6
วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นกับพวกเขาทุกคนในเวลาที่คาดไม่ถึง—ปญจ. 9:11
ยาโคบรักโยเซฟมากกว่าลูกคนอื่น เลยทำให้พวกพี่ ๆ อิจฉาโยเซฟมาก (ปฐก. 37:3, 4) พอพวกพี่ ๆ ได้โอกาส พวกเขาก็เลยขายโยเซฟให้กับพวกพ่อค้าชาวมีเดียน พ่อค้าพวกนั้นพาโยเซฟเดินทางไกลมากไปที่อียิปต์ พอไปถึงอียิปต์พวกเขาก็ขายโยเซฟให้เป็นทาสของโปทิฟาร์ซึ่งเป็นหัวหน้าองครักษ์ของฟาโรห์ ชีวิตของโยเซฟพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว จากลูกชายที่พ่อรักมาก ชีวิตเขากลับตกต่ำกลายเป็นทาสของชาวอียิปต์ (ปฐก. 39:1) บางครั้งชีวิตเราก็อาจจะเจอกับปัญหาและความทุกข์เหมือนที่ “เกิดขึ้นกับคนอื่นมาแล้ว” เป็นปัญหาที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอเหมือนกัน (1 คร. 10:13) นอกจากนั้น เราอาจต้องเจอความยากลำบากเพราะเป็นสาวกของพระเยซู เช่น เราอาจถูกเยาะเย้ย ถูกต่อต้าน หรือถึงกับถูกข่มเหง (2 ทธ. 3:12) แต่ไม่ว่าคุณกำลังเจอปัญหาหรือความยากลำบากอะไร พระยะโฮวาจะช่วยให้คุณประสบผลสำเร็จได้ ห23.01 น. 14-15 ว. 3-4
วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม
เมื่อไม่มีฟืน ไฟก็ดับ—สภษ. 26:20
บางครั้งอาจเป็นได้ที่พี่น้องทำให้เราหงุดหงิดหรือโมโหจนถึงขั้นที่เราคิดว่าต้องไปคุยกับเขา ถ้าเป็นอย่างนั้น ก่อนอื่นให้เราถามตัวเองว่า ‘ฉันรู้ข้อเท็จจริงทุกอย่างแล้วไหม?’ (สภษ. 18:13) ‘เป็นไปได้ไหมที่เขาไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น?’ (ปญจ. 7:20) ‘ฉันเองก็เคยทำผิดพลาดแบบเดียวกันนั้นไหม?’ (ปญจ. 7:21, 22) ‘แล้วถ้าฉันไปคุยกับเขา เรื่องมันจะไปกันใหญ่ไหม?’ ถ้าเราใช้เวลาคิดถึงคำถามเหล่านี้ มันก็อาจทำให้เรากลับมารักเขาได้อีกและมองข้ามสิ่งที่เขาทำ ส่วนพวกเราแต่ละคนก็ต้องทำให้เห็นว่าเราเป็นสาวกแท้ของพระเยซูโดยแสดงความรักต่อพี่น้องอย่างไม่เห็นแก่ตัวแม้พวกเขาจะมีข้อผิดพลาดหรือข้อเสีย และเมื่อเราทำแบบนั้น เราก็จะทำให้ใคร ๆ เห็นว่านี่คือศาสนาแท้และอาจทำให้พวกเขาอยากมานมัสการพระยะโฮวาเหมือนกันกับเรา ดังนั้น ให้เราตั้งใจแสดงความรักซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้รู้ว่าใครเป็นคริสเตียนแท้ ห23.03 น. 31 ว. 18-19
วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม
พระเจ้าเป็นความรัก—1 ยน. 4:8
คัมภีร์ไบเบิลทำให้เรารู้ว่าผู้แต่งคัมภีร์ไบเบิลมีคุณลักษณะอย่างหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นคือ ความรัก เนื่องจากพระยะโฮวารักเรามาก พระองค์ก็เลยไม่ให้เขียนรายละเอียดยิบย่อยมากเกินไปในคัมภีร์ไบเบิล (ยน. 21:25) นอกจากนั้น พระยะโฮวายังแสดงว่ารักเราโดยให้มีการเขียนคัมภีร์ไบเบิลในแบบที่แสดงว่าพระองค์คำนึงถึงศักดิ์ศรีของเรา พระองค์ไม่ได้ให้กฎข้อบังคับยาวเหยียดหรือมีคำสั่งยิบย่อยเพื่อคอยควบคุมชีวิตเราทุกแง่มุม แทนที่จะเป็นอย่างนั้นพระองค์ใช้เรื่องราวชีวิตจริง คำพยากรณ์ที่น่าตื่นเต้น และคำแนะนำดี ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อช่วยให้เราตัดสินใจอย่างถูกต้อง นี่เลยทำให้เรารักพระองค์และเชื่อฟังพระองค์จากหัวใจ คัมภีร์ไบเบิลบอกให้รู้ว่าพระยะโฮวาสนใจและเป็นห่วงเรามากเพราะคัมภีร์ไบเบิลมีเรื่องราวที่แสดงให้เห็นอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ เราเข้าใจความรู้สึกของผู้คนในสมัยคัมภีร์ไบเบิลได้เพราะพวกเขาเป็นคน “ธรรมดาเหมือนเรา” (ยก. 5:17) ที่สำคัญ เมื่อเราได้เห็นวิธีที่พระยะโฮวาปฏิบัติกับพวกเขา เราก็เห็นชัดเลยว่า “พระยะโฮวาเมตตาและมีความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”—ยก. 5:11 ห23.02 น. 5-6 ว. 13-15
วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม
พวกคุณต้องมีสติอยู่เสมอและเฝ้าระวังไว้—1 ปต. 5:8
ในหนังสือวิวรณ์ซึ่งเป็นหนังสือเล่มสุดท้ายของคัมภีร์ไบเบิลก็เริ่มต้นด้วยคำพูดที่ว่า “นี่คือเรื่องที่พระเจ้าเปิดเผยผ่านทางพระเยซูคริสต์ เพื่อแสดงให้ทาสของพระองค์รู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่จะต้องเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้” (วว. 1:1) ดังนั้น เราเลยสนใจเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกและอยากรู้ว่ามันเป็นไปตามที่คำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลบอกไว้หรือเปล่า และเราก็ชอบคุยกับพี่น้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เมื่อเราคุยกันเกี่ยวกับคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล เราควรระวังการพยายามคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เพราะเราไม่ต้องการสร้างความแตกแยกในประชาคม เช่น เราอาจได้ยินผู้นำของโลกพูดว่าเขาแก้ไขความขัดแย้งและทำให้เกิดความสงบสุขและปลอดภัย แทนที่เราจะเดาว่าคำพยากรณ์ที่ 1 เธสะโลนิกา 5:3 กำลังเป็นจริงแน่เลย เราต้องสนใจข้อมูลล่าสุดจากองค์การ เมื่อเราพูดคุยกันโดยอาศัยคำอธิบายขององค์การ เราก็จะช่วยให้ประชาคมเป็นหนึ่งเดียวกันและ “มีความคิดและเป้าหมายเดียวกัน”—1 คร. 1:10; 4:6 ห23.02 น. 16 ว. 4-5
วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม
[ท่าน ] ขี่ม้าออกไปต่อสู้เพื่อความจริง ความถ่อมตน และความถูกต้องชอบธรรม และมือขวาของท่านจะทำสิ่งที่น่าเกรงขาม—สด. 45:4
ทำไมคุณถึงรักพระเยซู? พระเยซูต่อสู้เพื่อความจริง ความถ่อมตน และความถูกต้องชอบธรรม ถ้าคุณรักความจริงและความถูกต้อง คุณก็คงต้องรักพระเยซูด้วย ลองคิดดูว่าพระเยซูปกป้องความจริงและความถูกต้องอย่างกล้าหาญขนาดไหน (ยน. 18:37) ส่วนในเรื่องของความถ่อมล่ะ พระเยซูสอนเราในเรื่องความถ่อมยังไง? พระเยซูสอนเราเรื่องความถ่อมโดยวางตัวอย่างให้กับเรา พระเยซูยกย่องพระยะโฮวาพ่อของท่านเสมอ ท่านไม่เคยยกย่องตัวเอง (มก. 10:17, 18; ยน. 5:19) คุณรู้สึกยังไงที่พระเยซูเป็นแบบนี้ มันทำให้คุณรักพระเยซูลูกของพระเจ้าและอยากเลียนแบบท่านใช่ไหม? แน่นอน แล้วทำไมพระเยซูถึงถ่อม? ก็เพราะว่าท่านรักพระยะโฮวาและเลียนแบบความถ่อมของพระองค์ (สด. 18:35; ฮบ. 1:3) และเพราะพระเยซูเลียนแบบพระยะโฮวาอย่างสมบูรณ์แบบนี่แหละที่ทำให้คุณรักท่านใช่ไหม? ห23.03 น. 3-4 ว. 6-7
วันพุธที่ 29 พฤษภาคม
ทั้งคนดีและคนชั่วจะฟื้นขึ้นจากตาย—กจ. 24:15
คัมภีร์ไบเบิลพูดถึง 2 กลุ่มที่จะถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายและมีโอกาสมีชีวิตตลอดไปบนโลก สองกลุ่มนี้คือ “คนดี” และ “คนชั่ว” “คนดี” คือคนที่รับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ส่วน “คนชั่ว” คือคนที่ไม่ได้รับใช้พระยะโฮวา เนื่องจากคน 2 กลุ่มนี้จะถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย นั่นหมายความว่าชื่อของทั้ง “คนดี” และ “คนชั่ว” ถูกเขียนไว้ในหนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิตแล้วไหม? ไม่ใช่อย่างนั้น ตอนที่ “คนดี” ยังมีชีวิตอยู่ ชื่อของพวกเขาถูกเขียนไว้ในหนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิตแล้ว แล้วถ้าพวกเขาตายล่ะ ชื่อของพวกเขาจะถูกลบออกจากหนังสือเล่มนี้ไหม? ไม่ สำหรับพระยะโฮวาพวกเขายัง “มีชีวิตอยู่” พระองค์ “ไม่ได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น เพราะพระองค์มองว่าพวกเขาทุกคนมีชีวิตอยู่” (ลก. 20:38) คำพูดนี้หมายความว่าคนดีจะถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายและมีชีวิตบนโลก และพวกเขามีชื่อในหนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิตแม้จะถูกเขียนด้วยดินสอในตอนแรก—ลก. 14:14 ห22.09 น. 16 ว. 9-10
วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม
พระยะโฮวาพระเจ้าให้มนุษย์คนนั้นอยู่ในสวนเอเดน ให้เขาเพาะปลูกและดูแลสวน—ปฐก. 2:15
พระยะโฮวาอยากให้มนุษย์คนแรกมีความสุขกับสิ่งที่พระองค์สร้าง ตอนที่สร้างอาดัมพระองค์ให้เขาได้อยู่ในสวนอุทยานที่สวยงาม และให้เขาทำหน้าที่ดูแลสวนนั้น แล้วขยายสวนนั้นออกไปให้เต็มโลก (ปฐก. 2:8, 9) ลองคิดดูสิว่าอาดัมจะตื่นเต้นขนาดไหนตอนที่เขาเห็นเมล็ดงอกออกมาและเห็นดอกไม้บาน อาดัมมีสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่ได้ดูแลสวนเอเดน และพระยะโฮวายังให้เขาได้ตั้งชื่อสัตว์ด้วย (ปฐก. 2:19, 20) ที่จริง พระยะโฮวาจะตั้งชื่อสัตว์เองก็ได้ แต่พระองค์ก็เต็มใจให้อาดัมทำงานนี้ เราคงนึกออกว่าก่อนที่อาดัมจะตั้งชื่อสัตว์ว่าอะไร เขาคงต้องใช้เวลาสังเกตดูพวกมันก่อนว่ามีลักษณะเด่นอะไรและมีนิสัยยังไง นี่ต้องเป็นงานที่ทำให้เขามีความสุขมากแน่ ๆ และคงทำให้เขาเห็นชัดมากขึ้นว่าพระยะโฮวามีสติปัญญา เป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ และมีความคิดสร้างสรรค์ขนาดไหน ห23.03 น. 15 ว. 3
วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม
รัฐบาลนี้จะทำลายอาณาจักรทั้งหมดนั้นให้สูญสิ้นไป และจะเป็นรัฐบาลเดียวที่คงอยู่ตลอดไป—ดนล. 2:44
เนื่องจากมหาอำนาจโลกอังกฤษ-อเมริกาอยู่ส่วนเท้าของรูปปั้น มันจึงเป็นมหาอำนาจโลกสุดท้ายที่คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ (ดนล. 2:31-33) ไม่มีมหาอำนาจโลกต่อจากนี้อีกแล้ว และมันจะถูกรัฐบาลของพระเจ้าทำลายอย่างกะทันหันในสงครามอาร์มาเกดโดนพร้อมกับรัฐบาลของมนุษย์ทั้งหมดในโลก (วว. 16:13, 14, 16; 19:19, 20) คำพยากรณ์นี้เป็นประโยชน์กับเรายังไง? คำพยากรณ์ของดาเนียลให้หลักฐานว่าเรามีชีวิตอยู่ในสมัยสุดท้าย ดาเนียลบอกเอาไว้ตั้งแต่ 2,500 กว่าปีมาแล้วว่าหลังจากมหาอำนาจบาบิโลนจะมีอีก 4 มหาอำนาจโลกซึ่งมีผลกับคนของพระเจ้าอย่างมาก และเขายังบอกอีกว่ามหาอำนาจโลกอังกฤษ-อเมริกาจะเป็นมหาอำนาจโลกสุดท้าย เรื่องนี้ทำให้เราอุ่นใจและมีความหวังจริง ๆ ว่าอีกไม่นานรัฐบาลของพระเจ้าจะทำลายรัฐบาลทั้งหมดของมนุษย์และจะปกครองทั่วทั้งโลกแทน ห22.07 น. 4 ว. 9; น. 5 ว. 11-12