มิถุนายน
วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน
เนื้อตัวผมเต็มไปด้วยหนอนและคราบสกปรกเกรอะกรัง ผิวหนังมีแต่สะเก็ดแผลและหนอง—โยบ 7:5
โยบสนิทกับพระยะโฮวา เขามีครอบครัวใหญ่ที่รักกันและมีฐานะร่ำรวย (โยบ 1:1-5) แต่อยู่มาวันหนึ่ง โยบแทบจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง เริ่มจากเขาหมดเนื้อหมดตัว (โยบ 1:13-17) ต่อมาลูก ๆ เขาก็ตายหมด ตอนนั้นโยบกับภรรยาคงจะช็อคและหัวใจสลายที่รู้ว่าลูกทั้ง 10 คนตายอย่างกะทันหัน ไม่แปลกเลยที่โยบจะฉีกเสื้อด้วยความโศกเศร้าและหมอบลงกับพื้น (โยบ 1:18-20) จากนั้นซาตานก็ทำให้โยบป่วยและทำให้เขาดูน่าสมเพช (โยบ 2:6-8) โยบเคยได้รับความนับถือมากในชุมชน ใคร ๆ ก็ชอบมาปรึกษาและขอคำแนะนำจากเขา (โยบ 29:7, 8, 21) แต่ตอนนี้มีแต่คนไม่อยากมายุ่งกับเขา ญาติพี่น้อง เพื่อน ๆ หรือแม้แต่คนรับใช้ก็พากันหนีหน้า—โยบ 19:13, 14, 16 ห22.06 น. 21 ว. 5-6
วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน
ให้เรา . . . แสดงความรัก แล้วเราก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในทุกด้าน—อฟ. 4:15
หลังจากที่รับบัพติศมา เราทุกคนต้องทำตามที่อัครสาวกเปาโลบอกคริสเตียนในเอเฟซัสว่าให้พวกเขา “เติบโตอย่างเต็มที่จนเป็นผู้ใหญ่” (อฟ. 4:13) พูดง่าย ๆ ก็คือให้ ‘ก้าวหน้าต่อไป’ ตอนนี้คุณต้องรักพระยะโฮวามากแน่ ๆ แต่คุณก็ต้องรักพระองค์มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย คุณจะทำได้ยังไง? วิธีหนึ่งที่จะทำอย่างนั้นได้มีบอกไว้ที่ฟีลิปปี 1:9 เปาโลอธิษฐานขอให้คริสเตียนในฟีลิปปี “มีความรักมากขึ้นเรื่อย ๆ” นี่แสดงว่าเรารักพระยะโฮวามากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ และเราจะทำแบบนั้นได้ยังไง? ก็โดย “มีความรู้ที่ถูกต้องและความเข้าใจลึกซึ้ง” ยิ่งเรารู้จักพระยะโฮวา เราก็ยิ่งรักและประทับใจในคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์ และรู้สึกขอบคุณสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ทำ นอกจากนั้น เรายิ่งอยากทำให้พระองค์ภูมิใจและไม่อยากทำให้พระองค์ผิดหวัง ดังนั้น เราต้องพยายามเต็มที่ที่จะรู้ว่าพระองค์ต้องการให้เราทำอะไรและเราจะทำตามความต้องการของพระองค์ได้ยังไง ห22.08 น. 2-3 ว. 3-4
วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน
นี่คือเรื่องที่พระเจ้าเปิดเผยผ่านทางพระเยซูคริสต์ เพื่อแสดงให้ทาสของพระองค์รู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่จะต้องเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้—วว. 1:1
หนังสือวิวรณ์ไม่ได้เขียนเพื่อคนทั่วไป แต่เขียนเพื่อเราที่รับใช้พระเจ้า เราเลยไม่แปลกใจที่เราเป็นส่วนหนึ่งของคำพยากรณ์ในหนังสือวิวรณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจริง อัครสาวกยอห์นที่อายุมากแล้วพูดถึงช่วงเวลานั้นว่า “พลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าพาผมมาอยู่ในวันของผู้เป็นนาย” (วว. 1:10) ตอนที่ยอห์นเขียนวิวรณ์ในปี ค.ศ. 96 ยังอีกนานกว่าที่ “วันของผู้เป็นนาย” จะมาถึง (มธ. 25:14, 19; ลก. 19:12) แต่อย่างที่บอกในคัมภีร์ไบเบิล วันนั้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในปี 1914 ตอนที่พระเยซูขึ้นปกครองเป็นกษัตริย์ในสวรรค์ และตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา คำพยากรณ์ต่าง ๆ ในวิวรณ์ที่เกี่ยวข้องกับคนของพระเจ้าก็เริ่มเกิดขึ้นจริง ตอนนี้เรากำลังมีชีวิตอยู่ใน “วันของผู้เป็นนาย”—วว. 1:3 ห22.05 น. 2 ว. 2-3
วันอังคารที่ 4 มิถุนายน
สัตว์ร้ายนั้นก็ถูกจับพร้อมกับผู้พยากรณ์เท็จ—วว. 19:20
ทั้งสัตว์ร้ายกับผู้พยากรณ์เท็จถูกโยนทั้งเป็นลงไปในบึงไฟที่ลุกไหม้ด้วยกำมะถัน ดังนั้น ตอนที่สัตว์ร้ายเหล่านั้นยังปกครองและมีอำนาจอยู่ พวกมันจะถูกพระเจ้าทำลายไปตลอดกาล เรื่องนี้มีความหมายยังไงสำหรับเรา? คริสเตียนต้องภักดีต่อพระเจ้าและรัฐบาลของพระองค์ (ยน. 18:36) เราต้องรักษาความเป็นกลางทางการเมือง การทำแบบนี้อาจเป็นเรื่องยากมาก เพราะรัฐบาลต่าง ๆ ของโลกอยากจะให้เราสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่ทั้งคำพูดและการกระทำ คนที่ยอมแพ้จะได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้าย (วว. 13:16, 17) แต่พวกเขาจะไม่ได้รับความพอใจจากพระยะโฮวาและไม่ได้ชีวิตตลอดไป (วว. 14:9, 10; 20:4) เป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจะต้องรักษาความเป็นกลางจริง ๆ ไม่ว่ารัฐบาลของโลกจะกดดันมากแค่ไหนก็ตาม ห22.05 น. 10-11 ว. 12-13
วันพุธที่ 5 มิถุนายน
คุณเห็นคนที่ทำงานเก่ง ๆ ไหม? เขาจะได้รับใช้กษัตริย์ ไม่ต้องรับใช้คนธรรมดา—สภษ. 22:29
เป้าหมายอย่างหนึ่งที่คุณอาจตั้งได้ก็คือเรียนรู้ทักษะที่เป็นประโยชน์ ถ้าเราพัฒนาทักษะของตัวเราเองต่อ ๆ ไป เราก็จะทำงานมอบหมายได้ดีขึ้นและรับใช้พระยะโฮวาได้มากขึ้น ตอนนี้องค์การของเราต้องการพี่น้องมากมายมาช่วยในงานก่อสร้าง เช่น สร้างเบเธล หอประชุม และหอประชุมใหญ่ พี่น้องส่วนใหญ่ที่มาช่วยงานเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ จากการทำงานด้วยกันกับพี่น้องคนอื่นที่มีประสบการณ์ ทุกวันนี้พี่น้องทั้งชายและหญิงกำลังเรียนวิธีซ่อมแซมและดูแลรักษาหอประชุมและหอประชุมใหญ่ พระยะโฮวา “ผู้เป็นกษัตริย์ตลอดไป” และพระเยซู “กษัตริย์เหนือ . . . กษัตริย์” กำลังใช้พี่น้องที่มีความสามารถทำหลายอย่างที่น่าทึ่งให้สำเร็จ (1 ทธ. 1:17; 6:15) เราอยากตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็งและใช้ทักษะที่เรามีเพื่อทำให้พระยะโฮวาได้รับการยกย่องสรรเสริญ ไม่ใช่ทำให้ตัวเราได้รับการยกย่อง—ยน. 8:54 ห22.04 น. 24 ว. 7, 11
วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน
เงินเป็นเครื่องป้องกัน—ปญจ. 7:12
โซโลมอนรวยมากและมีชีวิตที่หรูหราสะดวกสบาย (1 พก. 10:7, 14, 15) แต่พระเยซูมีข้าวของเครื่องใช้แค่ไม่กี่อย่าง แถมท่านยังไม่มีบ้านด้วย (มธ. 8:20) ถึงอย่างนั้น ทั้งสองคนก็มีความคิดที่ถูกต้องเรื่องทรัพย์สมบัติเงินทอง ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าพวกเขาได้สติปัญญาจากพระยะโฮวาเหมือนกัน โซโลมอนยอมรับว่าเราต้องมีเงินเพื่อจะซื้อสิ่งจำเป็นและเพื่อจะซื้อของที่เราอยากได้ แต่โซโลมอนก็ยอมรับว่ามีหลายอย่างสำคัญกว่าเงิน เช่น เขาบอกว่า “ควรเลือกชื่อเสียงดีมากกว่าทรัพย์สมบัติมหาศาล” (สภษ. 22:1) นอกจากนั้น โซโลมอนยังบอกว่าคนรักเงินมักจะไม่มีความสุขกับเงินที่หามาได้ (ปญจ. 5:10, 12) และเขายังเตือนด้วยว่าอย่าฝากความหวังไว้กับทรัพย์สมบัติเพราะมันจะมีโอกาสหายวับไปกับตาได้เสมอ—สภษ. 23:4, 5 ห22.05 น. 21 ว. 4-5
วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน
พระยะโฮวายังรอวันที่จะได้ช่วยพวกคุณ พระองค์จะเมตตาพวกคุณจริง ๆ เพราะพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ยุติธรรม คนที่ตั้งตาคอยพระองค์ก็มีความสุข—อสย. 30:18
เมื่อเราคิดใคร่ครวญว่าตอนนี้เราได้พรและสิ่งดี ๆ อะไรบ้างจากพระยะโฮวา มันก็จะทำให้เราใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น และเมื่อเราคิดถึงสิ่งดี ๆ ที่พระองค์จะให้เราในอนาคต มันก็จะช่วยให้ความหวังเรื่องการมีชีวิตตลอดไปเพื่อจะรับใช้พระองค์ชัดเจนขึ้น ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เรารับใช้อย่างมีความสุขมากขึ้น อีกไม่นานพระยะโฮวาจะทำลายโลกชั่วเพื่อเรา เรามั่นใจว่า “พระเจ้าที่ยุติธรรม” จะไม่ปล่อยให้โลกของซาตานอยู่นานเกินเวลาที่พระองค์กำหนดไว้ แม้แต่วันเดียว (อสย. 25:9) เราเต็มใจอดทนและรอวันที่พระยะโฮวาจะช่วยให้รอด ระหว่างนี้เราตั้งใจที่จะอธิษฐาน อ่านและคิดใคร่ครวญคัมภีร์ไบเบิล และคิดถึงพรกับสิ่งดี ๆ ที่เราได้รับ การทำแบบนี้จะช่วยให้เราอดทนต่อความยากลำบากได้และนมัสการพระองค์อย่างมีความสุข ห22.11 น. 13 ว. 18-19
วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน
อย่าละเลยคำสั่งของแม่—สภษ. 1:8
ถึงแม้ว่าคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้พูดถึงตอนที่ทิโมธีรับบัพติศมา แต่เราคงนึกออกเลยว่ายูนิสแม่ของเขาจะดีใจขนาดไหนในวันนั้น (สภษ. 23:25) ยูนิสประสบความสำเร็จในการเลี้ยงดูลูกชายสุดที่รักให้รักพระยะโฮวาและพระเยซู ทิโมธีโตมาในครอบครัวที่นับถือศาสนาต่างกัน พ่อของเขาเป็นคนกรีก ส่วนแม่กับยายเป็นคนยิว (กจ. 16:1) ตอนที่ยูนิสกับโลอิสเข้ามาเป็นคริสเตียน พ่อของทิโมธีก็ไม่ได้เปลี่ยนมาเป็นคริสเตียนตามไปด้วย แล้วทิโมธีจะเลือกทางไหน? พี่น้องที่เป็นแม่ในทุกวันนี้รักครอบครัว และสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับพวกเธอก็คืออยากช่วยลูกให้รักและสนิทกับพระยะโฮวา พระองค์เห็นค่าที่พวกเธอทำแบบนี้ (สภษ. 1:8, 9) และพระองค์ก็มีคำแนะนำดี ๆ มากมายเพื่อพวกเธอจะช่วยลูก ๆ ให้มาเป็นผู้รับใช้พระองค์ ห22.04 น. 16 ว. 1-3
วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน
พระเจ้าให้พวกเขาทำตามความคิดของพระองค์—วว. 17:17
อีกไม่นาน พระยะโฮวาจะให้อำนาจทางการเมือง “ทำตามความคิดของพระองค์” แล้วจะเกิดอะไรขึ้น? รัฐบาลต่าง ๆ ในโลกซึ่งก็คือ “กษัตริย์ 10 องค์” จะทำลายศาสนาเท็จให้ย่อยยับ (วว. 17:1, 2, 16, 17) เรารู้ได้ยังไงว่าบาบิโลนใหญ่ใกล้จะล่มจมแล้ว? เพื่อจะรู้คำตอบ ขอให้คิดถึงเมืองบาบิโลนโบราณที่มีน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติสล้อมรอบซึ่งช่วยปกป้องเมืองนี้เอาไว้ หนังสือวิวรณ์บอกว่าหลายล้านคนที่สนับสนุนบาบิโลนใหญ่ก็เป็นเหมือน “น้ำมากมาย” (วว. 17:15) แต่หนังสือวิวรณ์ยังบอกด้วยว่าน้ำนั้นจะ “แห้งไป” ซึ่งแสดงว่าคนที่สนับสนุนบาบิโลนใหญ่จะลดลงอย่างมาก (วว. 16:12) ทุกวันนี้เราเห็นเลยว่าคำพยากรณ์นี้เป็นจริงแล้ว ผู้คนมากมายเลิกนับถือศาสนาเท็จและหาวิธีแก้ปัญหาชีวิตตัวเองจากแหล่งอื่น ห22.07 น. 5-6 ว. 14-15
วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน
คนที่ไม่เมตตาจะถูกตัดสินอย่างไร้ความเมตตา ความเมตตาอยู่เหนือการตัดสินลงโทษ—ยก. 2:13
ถ้าเราให้อภัยก็แสดงว่าเราเห็นค่าความเมตตาของพระยะโฮวา พระเยซูเปรียบเทียบพระยะโฮวาเหมือนกับนายที่ยกหนี้มหาศาลให้กับทาสคนหนึ่งที่ไม่มีปัญญาใช้หนี้ แต่ทาสคนนี้กลับไม่เมตตาเพื่อนทาสของเขาทั้ง ๆ ที่เพื่อนคนนี้เป็นหนี้เขาแค่นิดเดียว (มธ. 18:23-35) เรื่องนี้สอนอะไรเรา? ถ้าเราเห็นค่าความเมตตาของพระยะโฮวาจริง ๆ นั่นก็ทำให้เราอยากให้อภัยคนอื่น (สด. 103:9) หอสังเกตการณ์ เมื่อหลายปีก่อนบอกว่า “ไม่ว่าเราจะให้อภัยคนอื่นมากมายหลายครั้งแค่ไหน มันก็เทียบอะไรไม่ได้เลยกับการที่พระยะโฮวาให้อภัยและเมตตาเราผ่านทางพระคริสต์” ถ้าเราให้อภัย พระยะโฮวาก็จะให้อภัยเรา พระยะโฮวาเมตตาคนที่เมตตา (มธ. 5:7) เราเห็นเรื่องนี้ชัดเจนจากตอนที่พระเยซูสอนสาวกให้อธิษฐาน—มธ. 6:14, 15 ห22.06 น. 10 ว. 8-9
วันอังคารที่ 11 มิถุนายน
ทุกชาติในโลกจะได้รับพรเพราะลูกหลานของเจ้า—ปฐก. 22:18
ตอนที่พระเยซูมาเป็นมนุษย์บนโลก ท่านแสดงคุณลักษณะแบบพระยะโฮวาพ่อของท่านอย่างสมบูรณ์แบบ (ยน. 14:9) ตัวอย่างของท่านเลยช่วยให้เรารู้จักและรักพระยะโฮวา และเรายังได้ประโยชน์จากคำสอนของท่านรวมถึงการชี้นำประชาคมคริสเตียนต่าง ๆ ในทุกวันนี้ด้วย พระเยซูสอนเราให้รู้ว่าทำยังไงพระเจ้าถึงจะพอใจ นอกจากนั้น การที่ท่านต้องตายยังทำให้เราทุกคนได้ประโยชน์ด้วย หลังจากที่พระเยซูถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายแล้ว พระยะโฮวาได้รับเครื่องบูชาที่สมบูรณ์แบบของท่านซึ่งพระองค์ใช้คุณค่าของเครื่องบูชานี้เพื่อ “ลบล้างบาปทั้งหมดของเรา” (1 ยน. 1:7) ตอนนี้พระเยซูเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่และไม่มีวันตาย และอีกไม่นานท่านจะบดขยี้หัวงู (ปฐก. 3:15) ผู้รับใช้ของพระเจ้าจะมีความสุขมากจริง ๆ เมื่อซาตานถูกทำลายตลอดกาล แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ขอให้เราอย่ายอมแพ้ เราไว้วางใจพระยะโฮวาได้แน่นอน พระองค์จะทำให้ “ทุกชาติในโลก” ได้พรมากมาย ห22.07 น. 18 ว. 13; น. 19 ว. 19
วันพุธที่ 12 มิถุนายน
ไม่หวั่นไหวเมื่อเจอความยากลำบาก พวกคุณก็รู้ว่าสิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นกับเรา—1 ธส. 3:3
ตอนที่เราตั้งเป้าหมาย เราต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนด้วย ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? เพราะสภาพการณ์ในชีวิตของเราอาจเปลี่ยนไป และไม่มีทางที่เราจะควบคุมทุกอย่างได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ให้เรามาดูตัวอย่างของอัครสาวกเปาโล เปาโลช่วยตั้งประชาคมในเมืองเธสะโลนิกา แต่คนในเมืองนั้นต่อต้านเปาโลหนักมาก (กจ. 17:1-5, 10) และถ้าเขาไม่ยอมออกจากเมือง พี่น้องที่นั่นก็จะเป็นอันตราย เปาโลพร้อมที่จะปรับเปลี่ยน เขาออกจากเมืองนั้นไป แต่เขาก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ เขาส่งทิโมธีให้ไปช่วยพี่น้องที่นั่น (1 ธส. 3:1, 2) พี่น้องในเมืองเธสะโลนิกาต้องมีความสุขมากแน่ ๆ เราเลียนแบบตัวอย่างของเปาโลได้ เราอาจตั้งเป้าหมายบางอย่าง แต่พอเวลาผ่านไป สภาพการณ์ในชีวิตของเราอาจเปลี่ยนทำให้เราทำตามเป้าหมายนั้นไม่ได้ (ปญจ. 9:11) ถ้าคุณเป็นอย่างนั้น ก็ให้คุณตั้งเป้าหมายใหม่ที่คุณทำได้ ห22.04 น. 25-26 ว. 14-15
วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน
คนที่อดทนกับความลำบากเรื่อยไปก็มีความสุข—ยก. 1:12
พระยะโฮวาให้กำลังใจเราโดยให้เรามีความหวังที่ดีเกี่ยวกับอนาคต ลองคิดถึงข้อคัมภีร์บางข้อที่ให้กำลังใจเราตอนที่เรากำลังเจอกับความทุกข์หรือปัญหา เช่น พระยะโฮวารับรองกับเราว่าไม่มีอะไรจะมา “ขัดขวางความรักที่พระเจ้าแสดงต่อเรา” แม้แต่ปัญหาหนัก ๆ ที่เราเจออยู่ตอนนี้ (รม. 8:38, 39) และพระยะโฮวายังรับรองว่าพระองค์จะ “อยู่ใกล้ทุกคนที่ร้องเรียกพระองค์” ตอนอธิษฐาน (สด. 145:18) พระยะโฮวาบอกเราด้วยว่าถ้าเราพึ่งพระองค์ เราจะอดทนต่อความยากลำบากทุกอย่างได้ และถึงกับมีความสุขด้วยซ้ำ (1 คร. 10:13; ยก. 1:2,) นอกจากนั้น คัมภีร์ไบเบิลยังบอกด้วยว่าความทุกข์ที่เราเจอเป็นแค่ชั่วคราวและมีอยู่แค่ช่วงสั้น ๆ เมื่อเทียบกับชีวิตตลอดไปในโลกใหม่ที่พระองค์จะให้เรา (2 คร. 4:16-18) พระยะโฮวาให้ความหวังกับเราว่าพระองค์จะกำจัดต้นตอที่ทำให้เราเป็นทุกข์นั่นคือมารซาตานและพรรคพวกของมัน (สด. 37:10) คุณจำข้อคัมภีร์ไหนได้บ้างที่จะช่วยให้คุณอดทนความยากลำบากได้? ห22.08 น. 11 ว. 11
วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน
ให้คิดถึงสิ่งเหล่านั้นเสมอ—ฟป. 4:8
คุณกลัวไหมว่าจะทำตามมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระเจ้าต่อไปเรื่อย ๆ ได้หรือเปล่า? พระยะโฮวาสัญญาว่าความดีหรือความถูกต้องชอบธรรมของเราจะมีมากมาย “เหมือนคลื่นในมหาสมุทร” (อสย. 48:18) ลองนึกภาพตอนที่คุณยืนที่ชายหาด คุณเห็นคลื่นซัดเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบ ตอนเห็นภาพที่ทำให้รู้สึกสงบและสบายใจแบบนี้ คุณกลัวไหมว่าเดี๋ยวคลื่นจะต้องหยุดซัดฝั่งแน่ ๆ? คุณไม่กลัวเพราะรู้ว่าคลื่นในทะเลซัดเข้าหาฝั่งตลอดไป คิดดูสิความถูกต้องชอบธรรมของคุณจะมีมากมายเหมือนคลื่นในมหาสมุทร จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอะไรในชีวิต ให้คิดถึงพระยะโฮวาก่อนว่าพระองค์อยากให้คุณทำอะไร แล้วก็ทำตามนั้น ไม่ว่าคุณจะเจอเรื่องที่ตัดสินใจยากแค่ไหน พระยะโฮวาพ่อที่รักคุณจะช่วยคุณและจะทำให้คุณเข้มแข็งไม่หวั่นไหว พระองค์จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระองค์ทุกวันตลอดไป—อสย. 40:29-31 ห22.08 น. 30 ว. 15-17
วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน
ทันทีที่ 1,000 ปีนั้นจบลง ซาตานจะถูกปล่อยออกจากที่คุมขัง—วว. 20:7
ตอนสิ้นสุดสมัย 1,000 ปี ซาตานจะถูกปล่อยออกมาและจะพยายามหลอกลวงมนุษย์สมบูรณ์แบบ ในช่วงการทดสอบครั้งสุดท้ายนั้นมนุษย์สมบูรณ์แบบทุกคนจะมีโอกาสแสดงให้เห็นว่าพวกเขานับถือชื่อของพระยะโฮวาไหมและสนับสนุนสิทธิการปกครองของพระองค์หรือเปล่า และนั่นจะเป็นตัวกำหนดว่าชื่อของพวกเขาสมควรจะได้อยู่ในหนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิตอย่างถาวรไหม (วว. 20:8-10) ถึงคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกจำนวนคนที่ไม่ยอมรับการปกครองของพระองค์ว่ามีมากน้อยขนาดไหน แต่ก็จะมีบางคนที่เป็นอย่างนั้น แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา? วิวรณ์ 20:15 บอกว่า “ใครที่ไม่มีชื่ออยู่ในหนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิตก็ถูกโยนลงในบึงไฟ” นี่หมายความว่าคนที่แสดงว่าไม่ต้องการให้พระยะโฮวาปกครองจะถูกทำลายตลอดไป แต่มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบส่วนใหญ่จะผ่านการทดสอบครั้งสุดท้ายนี้ ห22.09 น. 23-24 ว. 15-16
วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน
ถ้าพวกคุณไม่เข้าสุหนัตตามธรรมเนียมของโมเสส พวกคุณจะไม่รอด—กจ. 15:1
คริสเตียนบางคนในยุคแรกยืนกรานว่าคนต่างชาติจะต้องเข้าสุหนัตเพื่อไม่ให้คนทั่วไปว่าเอาได้ (กท. 6:12) อัครสาวกเปาโลไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องนี้เลย แต่เขาก็ไม่ได้ยืนกรานให้พี่น้องเหล่านั้นทำตามความคิดของเขา เขาถ่อมและเสนอเรื่องนี้ให้พวกอัครสาวกกับผู้ดูแลที่กรุงเยรูซาเล็มพิจารณา (กจ. 15:2) สิ่งที่เปาโลทำส่งผลให้ประชาคมต่าง ๆ มีความสงบสุขและพี่น้องก็มีความสุข (กจ. 15:30, 31) ถ้ามีเรื่องขัดแย้งกันในประชาคม ให้ขอคำแนะนำจากผู้ดูแลที่พระยะโฮวาแต่งตั้ง นอกจากนั้น เรายังหาคำแนะนำดี ๆ จากหนังสือและสื่อต่าง ๆ ขององค์การได้ด้วย ถ้าเราพยายามทำตามคำแนะนำแทนที่จะเอาแต่ความชอบของตัวเอง เราก็จะทำให้ประชาคมสงบสุข ห22.08 น. 22 ว. 8-9
วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน
เพื่อนแท้รักกันอยู่เสมอ—สภษ. 17:17
อาจมีบางช่วงที่เราอยากเล่าให้เพื่อนสนิทฟังว่าเรารู้สึกยังไง แต่บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เราอาจไม่ใช่คนชอบระบายความรู้สึกกับใคร และถ้าเราเคยเล่าบางอย่างให้เพื่อนฟังแล้วเพื่อนก็เอาไปเล่าต่อ เรายิ่งเสียความรู้สึก เราคงดีใจใช่ไหมถ้าเพื่อนเราเป็นคนเก็บความลับ ผู้ดูแลที่เก็บความลับเป็นเหมือน “ที่กำบังให้พ้นลม เป็นเหมือนที่หลบให้พ้นพายุฝน” (อสย. 32:2) เรารู้ว่าเราคุยกับผู้ดูแลได้อย่างสบายใจเพราะรู้ว่าเขาจะเก็บเรื่องของเราไว้เป็นความลับ และเราจะไม่กดดันให้พวกเขาเล่าเรื่องที่ไม่สมควรจะเล่าด้วย นอกจากนั้น เราขอบคุณภรรยาของผู้ดูแลที่ไม่พยายามให้สามีเล่าเรื่องที่เป็นความลับให้พวกเธอฟัง ที่จริงการที่พวกเธอไม่ต้องรู้เรื่องของพี่น้องก็มีผลดีสำหรับตัวเธอด้วย ห22.09 น. 11 ว. 10-11
วันอังคารที่ 18 มิถุนายน
เราเป็นพระเจ้า ชาติต่าง ๆ จะยกย่องเรา—สด. 46:10
เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ให้รอดผ่าน “ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่” ได้แน่นอน (มธ. 24:21; ดนล. 12:1) พระยะโฮวาจะทำอย่างนี้ด้วยตอนที่โกกแห่งมาโกกซึ่งก็คือกลุ่มชาติต่าง ๆ ร่วมมือกันกำจัดผู้รับใช้ของพระองค์ ถึงแม้กลุ่มชาติต่าง ๆ ที่ร่วมมือกันจะรวมถึงสมาชิก 193 ประเทศของสหประชาชาติ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะต่อสู้พระยะโฮวาพระผู้สูงสุดและกองทัพสวรรค์ของพระองค์ได้ พระยะโฮวาสัญญาว่า “เราจะทำให้ชาติต่าง ๆ รู้จักเราและเห็นว่าเราเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ พวกเขาจะต้องรู้ว่าเราคือยะโฮวา” (อสค. 38:14-16, 23) พอโกกโจมตีผู้รับใช้ของพระยะโฮวา พระองค์ก็จะทำลาย “กษัตริย์ทั่วโลก” ในสงครามอาร์มาเกดโดนซึ่งเป็นสงครามครั้งสุดท้าย (วว. 16:14, 16; 19:19-21) แต่ “คนซื่อตรงจะได้อยู่บนโลก และคนที่ซื่อสัตย์จะอยู่บนโลกต่อไป”—สภษ. 2:21, เชิงอรรถ ห22.10 น. 16-17 ว. 16-17
วันพุธที่ 19 มิถุนายน
[พระเจ้า] ต้องการให้คนทุกชนิดรอดและได้รับความรู้ที่ถูกต้องเรื่องความจริง—1 ทธ. 2:4
เราอ่านหัวใจใครไม่ได้ มีแต่พระยะโฮวาเท่านั้นที่รู้ “เจตนาของเขา” (สภษ. 16:2) พระองค์รักมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะมีภูมิหลังและวัฒนธรรมอะไร และพระองค์อยากให้เรา “เปิดใจให้กว้าง” (2 คร. 6:13) เราต้องรักพี่น้องทุกคนและไม่ตัดสินใคร เราต้องไม่ตัดสินคนทั่วไปด้วย คุณเคยตัดสินญาติบางคนไหมว่า “คนแบบนี้ไม่มีทางมาเป็นพยานฯได้หรอก”? เราจะไม่ทำแบบนั้น มันเป็นการคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นและเป็นการทำเกินสิทธิ์ พระยะโฮวายังคงให้โอกาส “มนุษย์ทุกคนในทุกหนแห่ง” กลับใจ (กจ. 17:30) ให้จำไว้เสมอว่าคนที่คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นคือคนที่พระเจ้ามองว่าไม่ดี ถ้าเรารักมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระยะโฮวา เราจะทำให้พี่น้องมีความสุขและทำให้พวกเขารักมาตรฐานของพระเจ้าด้วย นี่จะทำให้เรายิ่งรักกันและรักพระองค์มากขึ้น ห22.08 น. 31 ว. 20-22
วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน
พวกเขาก็จะรู้ว่ามีผู้พยากรณ์อยู่กับพวกเขา—อสค. 2:5
เราคาดหมายได้เลยว่าจะเจอการต่อต้านตอนที่เราทำงานประกาศ และในอนาคตการต่อต้านก็จะหนักขึ้นด้วย (ดนล. 11:44; 2 ทธ. 3:12; วว. 16:21) แต่ถึงอย่างนั้น เราก็มั่นใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยเรา ทำไมเราถึงมั่นใจแบบนั้นได้? ก็เพราะว่าที่ผ่านมาพระยะโฮวาช่วยผู้รับใช้ของพระองค์เสมอให้ทำงานรับใช้ได้สำเร็จไม่ว่างานนั้นจะยากแค่ไหนก็ตาม เราจะมาดูผู้พยากรณ์เอเสเคียลที่ประกาศกับเชลยชาวยิวที่อยู่ในบาบิโลน ชาวยิวที่เอเสเคียลต้องประกาศเป็นคนยังไง? พระยะโฮวาบอกว่าพวกเขา “ดื้อดึง” “หัวแข็ง” และ “กบฏ” พระองค์ยังบอกด้วยว่าพวกเขาร้ายกาจเหมือนดงต้นหนามและอันตรายเหมือนแมงป่อง นี่เลยเป็นเหตุผลที่พระยะโฮวาต้องให้กำลังใจเอเสเคียลหลายครั้งว่า “ไม่ต้องกลัว” (อสค. 2:3-6) เอเสเคียลสามารถทำงานประกาศได้สำเร็จก็เพราะ (1) พระยะโฮวาเป็นผู้ส่งเขาไปทำงานนี้ (2) เขาได้รับพลังจากพระองค์ และ (3) คำของพระองค์ทำให้เขามีความเชื่อเข้มแข็ง ห22.11 น. 2 ว. 1-2
วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน
ถ้าเจ้ากินผลจากต้นนั้นในวันไหน เจ้าจะต้องตายในวันนั้น—ปฐก. 2:17
ในสิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาสร้างบนโลก มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่พระองค์ให้ความหวังที่ยอดเยี่ยมที่จะไม่ต้องตายเลย พระยะโฮวายังสร้างเราให้อยากมีชีวิตตลอดไปด้วย คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระยะโฮวา “ใส่ความคิดเรื่องการมีชีวิตตลอดไปไว้ในใจมนุษย์” (ปญจ. 3:11) นี่เลยเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำไมเราถึงมองความตายว่าเป็นศัตรู (1 คร. 15:26) ถ้าเราเจ็บป่วยร้ายแรง เราจะไม่ยอมทำอะไรเลยและนอนรอความตายไหม? ไม่เป็นอย่างนั้นแน่ ๆ เราจะไปหาหมอและกินยาเพื่อรักษา และเราจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อจะไม่ต้องตาย และเมื่อคนที่เรารักตายจากไปไม่ว่าคนนั้นจะอายุน้อยหรืออายุมาก เราก็รู้สึกเสียใจมากและเจ็บปวดไปอีกนาน (ยน. 11:32, 33) เห็นได้ชัดว่าการที่เราไม่อยากตายและการที่พระยะโฮวาสร้างร่างกายของเราให้มีความสามารถที่จะอยู่ได้ตลอดไปเป็นข้อพิสูจน์ว่า พระยะโฮวาอยากให้เรามีชีวิตตลอดไปและพระองค์ก็จะช่วยให้เราเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ห22.12 น. 3 ว. 5; น. 4 ว. 7
วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน
ทุกคนในสังคมพี่น้องคริสเตียนทั่วโลกก็เจอความทุกข์แบบเดียวกัน—1 ปต. 5:9
พี่น้องเราหลายคนอาจป่วย รู้สึกกลัว หรือรู้สึกเหงา ขอให้คุณพยายามติดต่อกับพี่น้อง ในช่วงโรคระบาดเราอาจไม่ได้เจอกันเลย หรือถ้าเจอกัน เราก็อาจต้องรักษาระยะห่าง ถ้าเป็นแบบนั้น คุณอาจรู้สึกเหมือนกับอัครสาวกยอห์น เขาอยากเจอหน้ากายอัสเพื่อนรักของเขามาก แต่เขารู้ว่ายังเจอกันไม่ได้ เขาเลยทำสิ่งที่เขาทำได้ เขาเขียนจดหมายหากายอัส (3 ยน. 13, 14) เหมือนกัน ถ้าคุณยังไปหาพี่น้องไม่ได้ ก็ลองติดต่อพวกเขาด้วยวิธีอื่น ถ้าคุณพยายามติดต่อและพูดคุยกับพี่น้อง คุณก็จะเหงาน้อยลงและมีใจสงบมากขึ้น แต่ถ้าคุณรู้สึกเครียดและกังวลมาก ก็ให้คุณติดต่อผู้ดูแลในประชาคมและขอกำลังใจจากพวกเขา—อสย. 32:1, 2 ห22.12 น. 17-18 ว. 6-7
วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน
เขาจึงจับโยเซฟส่งไปขังคุก ซึ่งเป็นคุกที่ใช้ขังนักโทษของกษัตริย์—ปฐก. 39:20
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าโยเซฟถูกใส่ตรวนที่เท้าและมีโซ่ล่ามคอ (สด. 105:17, 18) สิ่งที่โยเซฟเจอมันแย่ลงเรื่อย ๆ จากทาสที่ได้รับความไว้วางใจชีวิตเขาตกต่ำลงจนกลายเป็นนักโทษ คุณเคยเจอแบบนี้ไหม คุณอธิษฐานอย่างจริงจังขอพระยะโฮวาให้ช่วยคุณ แต่สิ่งที่คุณเจอกลับแย่ลงกว่าเดิม? ชีวิตเราก็อาจจะเป็นแบบนี้ พระยะโฮวาไม่ได้ปกป้องเราไม่ให้เจอความทุกข์ลำบากในโลกที่ซาตานปกครอง (1 ยน. 5:19) ถึงจะเป็นอย่างนั้น คุณก็มั่นใจเรื่องหนึ่งได้ นั่นก็คือพระยะโฮวารู้ว่าคุณกำลังเจออะไรอยู่และพระองค์เป็นห่วงคุณมาก (มธ. 10:29-31; 1 ปต. 5:6, 7) นอกจากนั้น พระองค์สัญญาว่า “เราจะไม่มีวันทิ้งเจ้า เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้าเลย” (ฮบ. 13:5) พระยะโฮวาจะช่วยให้คุณอดทนได้แม้สิ่งที่คุณเจอดูเหมือนทำให้สิ้นหวังและยังไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น ห23.01 น. 16 ว. 7-8
วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน
พระองค์จะให้อภัยอย่างใจกว้าง—อสย. 55:7
คัมภีร์ไบเบิลรับรองว่าพระองค์จะไม่ทิ้งเราแม้เราจะทำผิดพลาด ชาวอิสราเอลทำผิดต่อพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พอพวกเขากลับใจพระองค์ก็เต็มใจให้อภัย คริสเตียนยุคแรกก็รู้ว่าพระยะโฮวารักพวกเขามาก เปาโลบอกคริสเตียนว่าให้ยอม “ให้อภัยและปลอบใจ” ผู้ชายคนหนึ่งที่เคยทำบาปร้ายแรงแต่กลับใจแล้ว (2 คร. 2:6, 7; 1 คร. 5:1-5) เราประทับใจจริง ๆ ที่พระยะโฮวาไม่ทิ้งผู้รับใช้ของพระองค์เพราะพวกเขาทำผิดพลาด แต่พระองค์ยังรักพวกเขา พยายามช่วยให้กลับตัวกลับใจ และชวนพวกเขาให้กลับมาสนิทกับพระองค์เหมือนเดิม ทุกวันนี้พระยะโฮวาก็สัญญาว่าจะทำแบบเดียวกันกับผู้รับใช้ของพระองค์ที่กลับใจแล้วทุกคน (ยก. 4:8-10) คัมภีร์ไบเบิลช่วยให้เราเห็นสติปัญญา ความยุติธรรม และความรักของพระองค์ คัมภีร์ไบเบิลทำให้เราเห็นว่าพระยะโฮวาอยากให้เรารู้จักพระองค์และเป็นเพื่อนกับพระองค์ ห23.02 น. 7 ว. 16-17
วันอังคารที่ 25 มิถุนายน
พวกคุณก็กำลังเอาใจใส่คำพยากรณ์นั้นอย่างดี—2 ปต. 1:19
เรามีเหตุผลหลายอย่างที่ควรจะสนใจเหตุการณ์ต่าง ๆ ในโลกว่ากำลังเกิดขึ้นจริงตามคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลหรือเปล่า เช่น พระเยซูพูดถึงเหตุการณ์ที่เฉพาะเจาะจงหลายเหตุการณ์ซึ่งทำให้เรารู้ว่าจุดจบของโลกชั่วใกล้จะถึงแล้ว (มธ. 24:3-14) อัครสาวกเปโตรก็อยากให้เราสนใจคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลที่เกิดขึ้นจริงเพื่อจะช่วยให้ความเชื่อของเราเข้มแข็งขึ้น (2 ปต. 1:20-21) เปโตรช่วยให้เรามีความคิดที่สมดุลตอนที่เราดูคำพยากรณ์ต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิล เขาบอกว่าให้ “คิดอยู่เสมอว่าวันของพระยะโฮวาใกล้เข้ามาแล้ว” (2 ปต. 3:11-13) แต่ขอให้สังเกตว่าทำไมเราควรทำแบบนั้น เปโตรบอกว่า เพราะเราอยากใช้เวลาที่ยังเหลืออยู่เพื่อ “ประพฤติตัวให้บริสุทธิ์และทำสิ่งที่แสดงว่า . . . เลื่อมใสพระเจ้า” ไม่ใช่เพราะอยากรู้ “วันเวลา” ที่อาร์มาเกดโดนจะมา (มธ. 24:36; ลก. 12:40) เราอยากทำสิ่งที่พระยะโฮวาบอกว่าถูกต้องและอยากทำให้แน่ใจว่าเรารับใช้พระองค์เพราะเรารักพระองค์จริง ๆ เพื่อที่เราจะทำแบบนั้นได้เสมอเราเลยต้องระวังตัวให้ดี ห23.02 น. 16 ว. 4, 6
วันพุธที่ 26 มิถุนายน
ผมยังมีแกะอื่น . . . ผมต้องพาแกะพวกนั้นเข้ามาด้วย—ยน. 10:16
คนที่เป็น “แกะอื่น” ต้องทำบางอย่างด้วยตั้งแต่ตอนนี้เพื่อจะได้อยู่ในโลกใหม่ที่เป็นอุทยาน เราต้องแสดงให้เห็นว่าเรารู้สึกยังไงกับพระเยซู เช่น เราแสดงว่าเรารักท่านโดยสนับสนุนและช่วยพี่น้องผู้ถูกเจิมของท่าน พระเยซูบอกว่าท่านจะตัดสินว่าใครเป็นแกะโดยอาศัยสิ่งที่เขาทำกับพี่น้องของท่าน (มธ. 25:31-40) เราสนับสนุนพวกเขาโดยประกาศและสอนคนให้เป็นสาวก (มธ. 28:18-20) นอกจากนั้น เราต้องปรับปรุงตัวเองตั้งแต่ตอนนี้เพื่อจะเป็นคนที่พระยะโฮวาอยากให้อยู่ในโลกใหม่ เราต้องพยายามเป็นคนซื่อสัตย์ทั้งคำพูดและการกระทำ และใช้ชีวิตอย่างสมดุล เราต้องภักดีต่อพระยะโฮวา ซื่อสัตย์ต่อคู่สมรส และภักดีต่อพี่น้อง ยิ่งเราพยายามใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระเจ้าตั้งแต่ตอนที่เราอยู่ในโลกชั่วนี้ เมื่อเราเข้าไปในโลกใหม่มันก็ยิ่งง่ายขึ้นสำหรับเราที่จะใช้ชีวิตแบบนั้นต่อไป นอกจากนั้น เรายังอาจฝึกความสามารถบางอย่างหรือฝึกคุณลักษณะที่ดีอื่น ๆ ที่แสดงว่าเรากำลังเตรียมตัวที่จะได้อยู่ในโลกใหม่ ห22.12 น. 11-12 ว. 14-16
วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน
พ่อผมจะรักทุกคนที่รักผม—ยน. 14:21
เรารักพระเยซูกษัตริย์ของเราเพราะท่านเป็นผู้ปกครองที่ดีที่สุด พระยะโฮวาเป็นผู้ฝึกพระเยซูเองและแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ (อสย. 50:4, 5) นอกจากนั้น ให้เราคิดถึงความรักและความเสียสละของพระเยซูด้วย (ยน. 13:1) เนื่องจากพระเยซูเป็นกษัตริย์ของคุณ คุณต้องรักท่านแน่ ๆ ท่านบอกว่าคนที่รักท่านจริง ๆ ซึ่งเป็นคนที่ท่านเรียกว่าเพื่อนจะต้องแสดงความรักออกมาโดยการเชื่อฟังคำสั่งของท่าน (ยน. 14:15; 15:14, 15) เรารู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ ที่ได้เป็นเพื่อนกับพระเยซูลูกชายของพระยะโฮวา คุณเห็นว่าพระเยซูเป็นคนถ่อมจริง ๆ และท่านเลียนแบบพระยะโฮวาได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณได้เรียนแล้วว่าพระเยซูเลี้ยงอาหารคนที่หิว ให้กำลังใจคนที่รู้สึกท้อ และถึงกับรักษาคนป่วยให้หาย (มธ. 14:14-21) คุณได้เห็นแล้วว่าพระเยซูกำลังนำหน้าประชาคมในทุกวันนี้ยังไง (มธ. 23:10) และคุณก็ได้รู้แล้วว่าท่านจะทำมากกว่านั้นอีกในอนาคตเมื่อท่านปกครองในโลกใหม่ แล้วคุณจะแสดงยังไงว่ารักท่าน? ก็โดยการเลียนแบบท่าน อย่างหนึ่งที่คุณจะทำได้ก็คือ โดยการอุทิศตัวให้พระยะโฮวา แล้วรับบัพติศมา ห23.03 น. 4 ว. 8, 10
วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน
เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและดูซิว่า ใครเป็นผู้สร้างสิ่งเหล่านั้น?—อสย. 40:26
พระยะโฮวาไม่เพียงแต่สร้างสิ่งต่าง ๆ บนท้องฟ้าเท่านั้น แต่พระองค์สร้างสิ่งน่ามหัศจรรย์หลายอย่างบนโลกและในทะเล สิ่งเหล่านี้ทำให้เรารู้หลายอย่างเกี่ยวกับพระองค์ (สด. 104:24, 25) นอกจากนั้น ลองคิดดูว่าพระยะโฮวาสร้างเรามายังไง พระองค์สร้างเราให้สามารถชื่นชมกับความสวยงามของธรรมชาติได้ และพระองค์ยังให้เรามีประสาทสัมผัสทั้ง 5 นั่นคือ การมองเห็น การได้ยิน การสัมผัส การลิ้มรส และการได้กลิ่น ซึ่งทำให้เรามีความสุขกับสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์สร้าง นอกจากนั้น คัมภีร์ไบเบิลยังบอกอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมเราต้องสังเกตสิ่งที่พระยะโฮวาสร้าง นั่นคือสิ่งเหล่านั้นสอนเราเกี่ยวกับคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระยะโฮวา (รม. 1:20) เช่น เราเห็นเลยว่าธรรมชาติที่สวยงามและมหัศจรรย์ต้องเกิดจากการออกแบบ และพระเจ้าที่ออกแบบสิ่งเหล่านี้ต้องมีสติปัญญามากจริง ๆ ลองคิดถึงอาหารในโลกนี้ที่มีมากมายและหลากหลาย มันทำให้คุณรู้สึกใช่ไหมว่าพระยะโฮวารักมนุษย์มาก? เมื่อเราเห็นคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระยะโฮวาในสิ่งที่พระองค์สร้าง เราก็รู้จักพระองค์ดีขึ้น และทำให้เราอยากสนิทกับพระองค์มากขึ้น ห23.03 น. 16 ว. 4-5
วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน
คำของพระองค์ทั้งหมดเป็นความจริง—สด. 119:160
ในขณะที่โลกทุกวันนี้กำลังแย่ลงเรื่อย ๆ อาจเป็นเรื่องยากมากที่จะไว้ใจคัมภีร์ไบเบิล หลายคนอาจพยายามทำให้เราสงสัย เช่น คัมภีร์ไบเบิลเป็นความจริงรึเปล่า หรือพระยะโฮวาแต่งตั้งทาสที่ซื่อสัตย์และสุขุมให้ชี้นำผู้รับใช้พระเจ้าในทุกวันนี้จริง ๆ ไหม ถ้าเรามั่นใจว่าคำของพระยะโฮวาเป็นความจริง เราจะต้านทานการโจมตีทุกรูปแบบของซาตานได้ เราจะ “ตั้งใจจะทำตามข้อกำหนดของ [พระยะโฮวา] ตลอดชีวิตจนกว่า . . . จะตาย” (สด. 119:112) เรา “จะไม่อาย” ที่จะบอกคนอื่นเรื่องความจริงในคัมภีร์ไบเบิลและสนับสนุนเขาให้ใช้ชีวิตตามมาตรฐานที่บอกไว้ในนั้น (สด. 119:46) เราจะอดทนได้แม้เจอปัญหาที่เลวร้ายที่สุดซึ่งรวมถึงการข่มเหง และเราจะ “อดทนจนถึงที่สุดและอดกลั้นด้วยความยินดี” (คส. 1:11; สด. 119:143, 157) ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลทำให้เรารู้สึกสงบใจ มีจุดมุ่งหมาย และทำให้เรามีความหวังว่าเมื่อรัฐบาลของพระเจ้ามาปกครอง เราจะมีอนาคตที่ดีกว่านี้ ห23.01 น. 7 ว. 16-17
วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน
ผมให้กฎหมายใหม่กับพวกคุณ คือ ให้พวกคุณรักกัน ผมรักพวกคุณอย่างไรก็ให้พวกคุณรักกันอย่างนั้นด้วย—ยน. 13:34
ในคืนสุดท้ายที่พระเยซูมีชีวิตอยู่ ท่านอธิษฐานยาวมากเพื่อพวกสาวก ท่านขอพ่อของท่าน “ให้ปกป้องพวกเขาจากตัวชั่วร้าย” (ยน. 17:15) ถึงตอนนั้นตัวท่านเองกำลังจะเจอการทดสอบที่หนักหนาสาหัส แต่ท่านก็เป็นห่วงพวกสาวกมาก พระเยซูรักพวกเขามากจริง ๆ เราน่าจะเลียนแบบพระเยซูโดยไม่คิดถึงแต่ตัวเองเท่านั้น แต่คิดถึงพี่น้องของเราด้วยโดยอธิษฐานเพื่อพวกเขาเป็นประจำ ถ้าเราทำอย่างนั้น เราก็กำลังทำตามคำสั่งของพระเยซูที่ให้รักกัน และเราก็กำลังแสดงให้พระยะโฮวาเห็นว่าเรารักพี่น้องของเรามากขนาดไหน การอธิษฐานเพื่อพี่น้องของเราไม่ใช่เรื่องเสียเวลาเปล่า ๆ แต่มันช่วยพวกเขาได้จริง ๆ เพราะคัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คำอ้อนวอนของคนที่พระเจ้ายอมรับมีพลังและได้ผลดี” (ยก. 5:16) พี่น้องต้องการให้เราอธิษฐานเพื่อพวกเขาเพราะว่าพวกเขากำลังเจอกับปัญหาหลายอย่าง ห22.07 น. 23-24 ว. 13-15