กุมภาพันธ์
วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์
เราจะฟังพวกเจ้า—ยรม. 29:12
ตอนที่เฮเซคียาห์ป่วยหนักใกล้จะตาย เขาอธิษฐานขอพระยะโฮวารักษาเขาให้หาย แล้วพระองค์ก็ตอบคำอธิษฐานของเขา (2 พก. 20:1-6) แต่ในกรณีของเปาโล เขามี “หนามอยู่ในร่างกาย” และเปาโลก็อธิษฐานขอพระยะโฮวาให้รักษาเขาให้หายด้วย แต่พระองค์ไม่ได้ทำตามที่เขาขอ (2 คร. 12:7-9) กษัตริย์เฮโรดอยากจะฆ่าทั้งอัครสาวกเปโตรกับยากอบ ปรากฏว่ายากอบถูกประหาร แต่เปโตรได้รับการช่วยให้รอดอย่างอัศจรรย์ (กจ. 12:1-11) เราอาจจะสงสัยว่าทำไมพระยะโฮวาถึงช่วยเปโตร แต่ทำไมไม่ช่วยยากอบ? คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้ให้คำตอบในเรื่องนี้ แต่เรามั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า พระยะโฮวา “ยุติธรรม” เสมอ (ฉธบ. 32:4) เหมือนกัน บางครั้งเราอธิษฐานขอบางอย่างจากพระยะโฮวา แต่พระองค์ไม่ได้ให้อย่างที่เราขอ แต่สิ่งที่เรามั่นใจได้ก็คือพระยะโฮวารักเราและพระองค์ยุติธรรมเสมอ ดังนั้น ถ้าพระองค์ไม่ได้ตอบคำอธิษฐานเราในแบบที่เราคิด เราก็จะยอมรับได้—โยบ 33:13 ห23.11 น. 21 ว. 6
วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์
สติปัญญาจากเบื้องบน . . . พร้อมจะเชื่อฟัง—ยก. 3:17
ยากอบได้รับการดลใจให้เขียนว่าคนฉลาด “พร้อมจะเชื่อฟัง” นี่หมายความว่าเราต้องเต็มใจเชื่อฟังคนที่พระยะโฮวาให้อำนาจ แต่พระยะโฮวาไม่ได้คาดหมายให้เราเชื่อฟังคนที่บอกให้เราฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์ (กจ. 4:18-20) เราอาจรู้สึกว่าการเชื่อฟังพระยะโฮวาง่ายกว่าการเชื่อฟังมนุษย์ เพราะพระองค์ให้คำแนะนำที่สมบูรณ์แบบ (สด. 19:7) แต่มนุษย์ที่มีอำนาจไม่ได้เป็นแบบนั้น ถึงอย่างนั้นพระยะโฮวาก็ยังให้อำนาจระดับหนึ่งกับพ่อแม่ เจ้าหน้าที่รัฐบาล และผู้ดูแลในประชาคม (สภษ. 6:20; 1 ธส. 5:12; 1 ปต. 2:13, 14) เมื่อเราเชื่อฟังพวกเขา จริง ๆ แล้วเราก็กำลังเชื่อฟังพระยะโฮวา ห23.10 น. 6 ว. 2-3
วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์
คำพูดทั้งหมดนี้เชื่อถือได้และเป็นความจริง—วว. 21:5
วิธีหนึ่งจะช่วยให้เรามีความเชื่อเข้มแข็งขึ้นได้ก็คือ การคิดถึงพลังอำนาจของพระยะโฮวา พระองค์มีพลังอำนาจที่จะทำให้ทุกอย่างที่พระองค์สัญญาไว้เป็นจริง พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด (โยบ 42:2; มก. 10:27) พระองค์รับรองกับอับราฮัมและซาราห์ว่าพวกเขาจะมีลูกตอนที่อายุมาก (ปฐก. 17:15-17) นอกจากนั้น พระองค์ยังบอกกับอับราฮัมว่าแผ่นดินคานาอันจะเป็นของลูกหลานของเขา ช่วงหลายปีที่ชาวอิสราเอลซึ่งก็คือลูกหลานของอับราฮัมเป็นทาสในอียิปต์ดูเหมือนว่าคำสัญญาของพระองค์ไม่มีทางเป็นจริงได้ แต่ในที่สุดมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ พระยะโฮวาบอกกับมารีย์ซึ่งเป็นสาวบริสุทธิ์ว่าเธอจะมีลูกชายซึ่งเป็นลูกของพระองค์ และเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างที่พระยะโฮวาบอกไว้ นี่ก็ทำให้คำสัญญาอีกเรื่องหนึ่งที่พระองค์ให้ไว้เมื่อหลายพันปีก่อนในสวนเอเดนเป็นจริงด้วย (ปฐก. 3:15) เราจะเชื่อมั่นมากขึ้นในพลังอำนาจของพระยะโฮวาที่จะทำให้โลกใหม่เป็นจริงได้ โดยอ่านเรื่องราวที่พระองค์ได้สัญญากับผู้รับใช้ของพระองค์และวิธีที่พระองค์ทำให้คำสัญญาเหล่านั้นเป็นจริง—ยชว. 23:14; อสย. 55:10, 11 ห23.04 น. 28 ว. 10-12
วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์
พระยะโฮวา ขอฟังคำอธิษฐานของผม ขอฟังเสียงผมร้องขอความช่วยเหลือ—สด. 143:1
พระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของดาวิดโดยช่วยเขาให้รอด (1 ซม. 19:10, 18-20; 2 ซม. 5:17-25) เราเองก็มั่นใจเหมือนกับดาวิดได้ (สด. 145:18) พระยะโฮวาอาจไม่ได้ตอบคำอธิษฐานในแบบที่เราคิดไว้ เปาโลขอพระยะโฮวาให้เอา ‘หนามในร่างกาย’ ของเขาออกไป และอธิษฐานเรื่องนี้ถึง 3 ครั้ง แล้วพระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของเขาไหม? พระองค์ตอบ แต่ไม่ใช่ในแบบที่เขาคิด แทนที่พระองค์จะทำให้ปัญหาของเขาหมดไป พระองค์ให้กำลังกับเขาเพื่อจะช่วยให้เขารักษาความซื่อสัตย์ต่อพระองค์ได้ต่อ ๆ ไป (2 คร. 12:7-10) บางครั้งพระยะโฮวาก็ตอบคำอธิษฐานในแบบที่เราไม่ได้คิดไว้ แต่เรามั่นใจได้ว่าพระองค์รู้ดีว่าควรจะช่วยเราวิธีไหนถึงจะดีที่สุด พระองค์อาจถึงกับทำ “มากกว่าที่เราจะขอหรือนึกออกได้” (อฟ. 3:20) ดังนั้น พระยะโฮวาอาจตอบคำอธิษฐานในเวลาที่เราไม่คาดคิดและในวิธีที่เราคิดไม่ถึง ห23.05 น. 8-9 ว. 4-6
วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์
จะมีเวลาที่ทุกคนซึ่งอยู่ในอุโมงค์ฝังศพจะได้ยินเสียงท่าน และจะออกมา—ยน. 5:28, 29
เป็นเรื่องดีที่เราทุกคนจะคิดถึงคำสัญญาเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายบ่อย ๆ เพราะเราอาจป่วยหนักเมื่อไหร่ก็ได้ หรือคนที่เรารักอาจตายกะทันหันก็ได้ (ปญจ. 9:11; ยก. 4:13, 14) ความหวังเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายจะช่วยให้เราอดทนได้เมื่อเจอเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจอย่างนั้น (1 ธส. 4:13) ทำไมถึงบอกแบบนั้น? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระยะโฮวารู้จักเราดีและรักเรามาก (ลก. 12:7) พระองค์ต้องรู้จักเราดีจริง ๆ ถึงทำให้เรากลับมาเป็นคนเดิมและจำทุกอย่างได้เหมือนเดิม และพระองค์ต้องรักเรามากถึงให้โอกาสเรามีชีวิตตลอดไป และถึงเราตายพระองค์ก็จะทำให้เรากลับมามีชีวิตอีกครั้ง ทำไมเราถึงเชื่อคำสัญญาเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายได้? เพราะเรามั่นใจว่าพระองค์ผู้ให้คำสัญญาจะอยากทำตามที่สัญญาและมีความสามารถที่จะทำได้ ห23.04 น. 8-9 ว. 2-4
วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์
[โยเซฟกับมารีย์พา] พระเยซูไปฉลองเทศกาลปัสกาที่กรุงเยรูซาเล็มเป็นประจำทุกปี—ลก. 2:41
โยเซฟกับมารีย์พยายามช่วยกันทำให้สายสัมพันธ์ที่พวกเขามีกับพระยะโฮวามั่นคงขึ้น พวกเขารู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องนมัสการพระองค์ด้วยกัน (ลก. 2:22-24; 4:16) พวกเขาเป็นตัวอย่างที่ดีมากให้กับสามีภรรยาในทุกวันนี้ ถ้าคุณมีลูกเหมือนกับครอบครัวของโยเซฟและมารีย์ อาจเป็นเรื่องยากที่คุณจะไปประชุมหรือจัดเวลาสำหรับการนมัสการประจำครอบครัว และอาจยิ่งยากขึ้นที่จะจัดเวลาศึกษาและอธิษฐานด้วยกันแค่เฉพาะสามีภรรยา แต่ให้จำไว้ว่าถ้าคุณสองคนนมัสการพระยะโฮวาด้วยกัน คุณจะสนิทกับพระยะโฮวาและคุณสองคนก็จะยิ่งสนิทกันมากขึ้น ดังนั้น คุณต้องให้การนมัสการพระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ถ้าคุณกำลังมีปัญหากัน คุณคงไม่ค่อยอยากมานั่งนมัสการประจำครอบครัวด้วยกันเท่าไหร่ ถ้าเป็นอย่างนั้น ให้เริ่มจากการนมัสการประจำครอบครัวแบบสั้น ๆ นี่จะช่วยให้คุณรักกันมากขึ้นและทำให้คุณอยากทำกิจกรรมต่าง ๆ ของคริสเตียนด้วยกันมากขึ้น ห23.05 น. 22 ว. 7-8
วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์
โอบาดีห์เป็นคนที่เกรงกลัวพระยะโฮวามาก—1 พก. 18:3
การที่โอบาดีห์เกรงกลัวพระยะโฮวาเป็นประโยชน์กับเขายังไง? เพราะเขาเกรงกลัวพระยะโฮวา เขาเลยเป็นคนที่ซื่อสัตย์และไว้ใจได้ กษัตริย์ก็เลยให้เขาทำหน้าที่ดูแลวัง (เทียบกับเนหะมีย์ 7:2) นอกจากนั้น การที่โอบาดีห์เกรงกลัวพระยะโฮวาทำให้เขามีความกล้าหาญเป็นพิเศษ และคุณลักษณะนี้ก็จำเป็นสำหรับเขามากเพราะตอนนั้นกษัตริย์อาหับที่ชั่วช้ากำลังปกครองอิสราเอล (1 พก. 16:30) ไม่เพียงเท่านั้น เยเซเบลที่เป็นภรรยาของอาหับเป็นผู้นมัสการพระบาอัล เธอเกลียดพระยะโฮวามากจนถึงกับพยายามกำจัดการนมัสการแท้ให้หมดไปจากอิสราเอล 10 ตระกูล เยเซเบลถึงขนาดฆ่าผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาไปหลายคน (1 พก. 18:4) ตอนที่เยเซเบลสั่งฆ่าผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวา โอบาดีห์ซ่อนพวกเขา “100 คนไว้ในถ้ำ ถ้ำละ 50 คนและคอยส่งอาหารกับน้ำไปให้” (1 พก. 18:13, 14) ถ้ามีคนรู้ว่าโอบาดีห์ทำแบบนี้ เขาต้องถูกฆ่าแน่ ๆ ที่จริงเขาอาจกลัวมากและเขาก็เป็นคนธรรมดาเหมือนเรา เขาคงไม่อยากตาย แต่โอบาดีห์รักพระยะโฮวาและรักคนที่รับใช้พระองค์มากกว่าชีวิตของตัวเอง ห23.06 น. 16 ว. 9-10
วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์
เรายะโฮวา . . . นำทางเจ้า—อสย. 48:17
พระยะโฮวากำลังชี้นำคนของพระองค์ในทุกวันนี้เหมือนที่เคยทำในอดีต พระองค์ทำแบบนั้นผ่านทางคัมภีร์ไบเบิลและพระเยซูลูกชายของพระองค์ซึ่งเป็นผู้นำประชาคม แล้วเราเห็นหลักฐานไหมว่าพระยะโฮวากำลังใช้มนุษย์ที่เป็นตัวแทนของพระองค์? แน่นอน ตัวอย่างเช่น ลองคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังปี ค.ศ. 1870 ชาลส์ เทซ รัสเซลล์กับเพื่อน ๆ ของเขาได้เห็นว่าปี 1914 จะเป็นปีที่สำคัญมากที่พระยะโฮวาตั้งรัฐบาลของพระองค์ขึ้นในสวรรค์ (ดนล. 4:25, 26) พวกเขามั่นใจแบบนั้นเพราะได้ศึกษาคำพยากรณ์หลายข้อในคัมภีร์ไบเบิล แล้วพระยะโฮวาชี้นำการค้นคว้าของพวกเขาในเรื่องนี้ไหม? เราเห็นเลยว่าใช่ ในปี 1914 เหตุการณ์ต่าง ๆ ในโลกย้ำชัดเลยว่ารัฐบาลของพระเจ้าปกครองแล้ว เช่น เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดโรคระบาดรุนแรง เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในที่ต่าง ๆ และเกิดการขาดแคลนอาหาร (ลก. 21:10, 11) เห็นได้ชัดเลยว่าพระยะโฮวาใช้คนเหล่านี้ให้ช่วยคนของพระองค์ ห24.02 น. 22 ว. 11
วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์
คนทำดีเจอความลำบากหลายอย่าง แต่พระยะโฮวาจะช่วยเขา ให้ผ่านพ้นทุกอย่างไปได้—สด. 34:19
เราเป็นคนของพระยะโฮวา เรารู้ดีว่าพระองค์รักเรามากและพระองค์อยากให้เรามีชีวิตที่มีความสุขมากที่สุด (รม. 8:35-39) และเรายังมั่นใจด้วยว่าถ้าเราเอาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ เราก็จะได้ประโยชน์ (อสย. 48:17, 18) แต่ถ้าเราเจอปัญหาแบบไม่คาดคิดล่ะ เราควรทำยังไง? เช่น บางคนในครอบครัวอาจทำให้เราผิดหวัง เราอาจมีปัญหาสุขภาพร้ายแรงที่ทำให้เรารับใช้พระยะโฮวาไม่ได้เหมือนที่เคยทำ เราอาจเจอภัยธรรมชาติหรือถูกข่มเหง ตอนที่เราเจอปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ เราอาจสงสัยว่า ‘ทำไมฉันต้องเจอแบบนี้? มันเป็นเพราะฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า? ที่ฉันต้องเจอปัญหาเป็นเพราะพระยะโฮวาไม่อวยพรฉันไหม?’ คุณเองเคยสงสัยแบบนี้บ้างไหม? ถ้าใช่ ก็อย่าเพิ่งท้อ ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาหลายคนเคยรู้สึกแบบคุณมาแล้ว—สด. 22:1, 2; ฮบก. 1:2, 3 ห23.04 น. 14 ว. 1-2
วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์
ผมตั้งใจจะทำตามข้อกำหนดของพระองค์ตลอดชีวิต—สด. 119:112
ถึงแม้เราจะถูกล่อใจ เราก็จะเลิกคิดเรื่องนั้นทันทีและไม่ทำอะไรที่จะทำลายสายสัมพันธ์ของเรากับพระยะโฮวา พระยะโฮวาอยากให้เรา “เต็มใจเชื่อฟัง” (รม. 6:17) เราต้องจำไว้ว่ากฎหมายและคำแนะนำของพระองค์ทุกข้อดีที่สุดสำหรับเราเสมอ เราจะไม่เลือกเชื่อฟังแค่บางข้อ (อสย. 48:17, 18; 1 คร. 6:9, 10) ซาตานใช้การทำร้ายทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจเพื่อทำลายความตั้งใจของเรา เป้าหมายของมันก็คือมันอยากจะ “ขย้ำกิน” เราซึ่งหมายถึงมันอยากทำลายสายสัมพันธ์ที่เรามีกับพระยะโฮวา (1 ปต. 5:8) คริสเตียนยุคแรกเจอการข่มขู่ ถูกทำร้ายร่างกาย และถูกฆ่าเพราะพวกเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะอยู่ฝ่ายพระยะโฮวา (กจ. 5:27, 28, 40; 7:54-60) ทุกวันนี้ซาตานก็ยังใช้การข่มเหงอยู่ เราเห็นเรื่องนี้ได้จากการที่พี่น้องในรัสเซียและในประเทศอื่น ๆ ถูกรัฐบาลปฏิบัติอย่างเลวร้าย และพี่น้องในที่อื่น ๆ ก็ถูกต่อต้านและถูกข่มเหงด้วยเหมือนกัน นอกจากการข่มเหงแบบตรง ๆ แล้ว ซาตานใช้ “กลอุบาย” อย่างอื่นด้วย—อฟ. 6:11 ห23.07 น. 15-16 ว. 6-9
วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์
ให้เรา . . . แสดงความรัก แล้วเราก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในทุกด้าน—อฟ. 4:15
ยิ่งคุณได้เรียนคัมภีร์ไบเบิล คุณก็ยิ่งรักพระยะโฮวามากขึ้น และความรักนี่เองทำให้คุณเอาสิ่งที่เรียนไปใช้ และเมื่อคุณทำตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิล คุณก็ตัดสินใจหลายเรื่องได้ดีขึ้น นอกจากนั้น คุณได้ปรับเปลี่ยนความคิดและทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะคุณอยากทำให้พระยะโฮวาพอใจ เหมือนกับเด็กที่เลียนแบบพ่อแม่ที่เขารัก คุณก็พยายามเลียนแบบพระยะโฮวาพระเจ้าพ่อในสวรรค์ที่คุณรักด้วย (อฟ. 5:1, 2) เราน่าจะถามตัวเองว่า ‘ตอนนี้ฉันรักพระยะโฮวามากกว่าตอนที่ฉันเพิ่งรับบัพติศมาไหม? หลังจากที่ฉันรับบัพติศมา ฉันคิดเหมือนพระยะโฮวาและเลียนแบบพระองค์มากขึ้นไหมโดยเฉพาะการแสดงความรักต่อพี่น้อง?’ ถ้าคุณรู้สึกว่า “ความรักแบบที่คุณมีในตอนแรก” ทั้งต่อพระยะโฮวาและต่อคนอื่นลดน้อยลง ก็อย่าเพิ่งท้อ คริสเตียนยุคแรกบางคนก็เป็นแบบนี้ ถ้าพระเยซูไม่หมดหวังในตัวพวกเขา ท่านก็จะไม่หมดหวังในตัวพวกเราเหมือนกัน (วว. 2:4, 7) ท่านรู้ว่าเรามีความรักเพิ่มขึ้นเหมือนตอนที่เริ่มเรียนคัมภีร์ไบเบิลใหม่ ๆ ได้ ห23.07 น. 8 ว. 2-3
วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์
พระยะโฮวา พระองค์ดีจริง ๆ และพร้อมจะให้อภัย—สด. 86:5
อัครสาวกเปโตรทำผิดพลาดหลายครั้ง เริ่มจากเปโตรมั่นใจในตัวเองมากเกินไป เขาอวดว่าถึงอัครสาวกคนอื่น ๆ จะทิ้งพระเยซูไปหมด แต่เขาจะไม่ทิ้งท่านแน่นอน (มก. 14:27-29) ต่อมา พระเยซูบอกให้เปโตรเฝ้าระวัง แต่เปโตรก็พลาดหลายครั้ง (มก. 14:32, 37-41) จากนั้น ตอนที่มีคนกลุ่มใหญ่มาจับพระเยซู เปโตรกลับหนีไป (มก. 14:50) และในที่สุดเปโตรก็ปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระเยซูถึง 3 ครั้ง เขาถึงกับสาบานเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ (มก. 14:66-71) พอเปโตรรู้ตัวว่าทำผิดร้ายแรงขนาดนี้ เขารู้สึกยังไง? เขาเสียใจมากและร้องไห้อย่างหนัก (มก. 14:72) แทนที่พระเยซูจะซ้ำเติมเปโตรที่เขาทำผิดพลาด ท่านบอกเปโตรว่าเขาจะได้รับหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญมากกว่านี้อีก (ยน. 21:15-17) เปโตรรู้ว่าเขาทำผิดพลาดร้ายแรง แต่เขาไม่ได้หมดหวังกับตัวเอง เพราะอะไร? เพราะเขามั่นใจว่าพระเยซูนายของเขาไม่หมดหวังในตัวเขา บทเรียนสำหรับเราคืออะไร? พระยะโฮวาอยากให้เรามั่นใจว่าพระองค์รักและพร้อมจะให้อภัยเราเสมอ—รม. 8:38, 39 ห24.03 น. 18-19 ว. 13-15
วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์
เธอ . . . ฆ่าคนไปมากมายนับไม่ถ้วน—สภษ. 7:26
การทำผิดศีลธรรมทางเพศอาจทำให้รู้สึกอับอาย ไร้ค่า มีลูกโดยไม่ตั้งใจ และทำให้ครอบครัวแตกแยก เห็นได้ชัดเลยว่าการไม่เข้าไปใน “บ้าน” ของผู้หญิงโง่เป็นเรื่องที่ฉลาดจริง ๆ นอกจากจะไม่ทำลายสายสัมพันธ์ที่มีกับพระยะโฮวาแล้ว การทำแบบนี้ยังทำให้ไม่ต้องติดโรคทางเพศสัมพันธ์ที่อาจต้องตายจริง ๆ (สภษ. 7:23) สุภาษิต 9:18 สรุปว่า “แขกของเธอก็อยู่ในหลุมศพ” แล้วทำไมหลายคนถึงยังทำตามคำชักชวนของผู้หญิงโง่ซึ่งจะทำให้พบจุดจบที่น่าเศร้า? (สภษ. 9:13-18) สิ่งหนึ่งที่ล่อใจหลายคนให้ทำตามคำชักชวนของผู้หญิงโง่ก็คือสื่อลามก บางคนคิดว่าการดูสื่อลามกไม่มีอันตรายอะไร แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย สื่อลามกอันตรายมาก ทำให้คนเราหมดความนับถือทั้งต่อตัวเองและต่อคนอื่น พอดูแล้วก็ติดและก็เลิกยากด้วย ภาพการผิดศีลธรรมมักจะติดหูติดตาและก็ลบออกไปจากความคิดได้ยากมาก ไม่เพียงเท่านั้นสื่อลามกไม่ได้ช่วยให้คนเรากำจัดความต้องการแบบผิด ๆ เลย แต่ยิ่งทำให้ความต้องการแบบนั้นเพิ่มมากขึ้น (คส. 3:5; ยก. 1:14, 15) หลายคนที่ดูสื่อลามกมักจะทำผิดศีลธรรมทางเพศ ห23.06 น. 23 ว. 10-11
วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์
รัฐบาลนี้จะทำลายอาณาจักรทั้งหมดนั้นให้สูญสิ้นไป และจะเป็นรัฐบาลเดียวที่คงอยู่ตลอดไป—ดนล. 2:44
แม้บางครั้งจะมีชาติอื่น ๆ พยายามต่อสู้กับอังกฤษและอเมริกาแต่ก็ไม่มีชาติไหนมาแทนที่ได้ ที่เรารู้ว่าอังกฤษและอเมริกาจะเป็นมหาอำนาจสุดท้ายก็เพราะ “หิน” ซึ่งหมายถึงรัฐบาลของพระเจ้าจะมาทำลายที่เท้าของรูปปั้น (ดนล. 2:34, 35, 44, 45) คุณเชื่อคำพยากรณ์ของดาเนียลเรื่องนี้ไหม? ถ้าใช่ มันจะมีผลต่อการใช้ชีวิตของคุณ คุณจะไม่พยายามหาเงินหาทองเพราะคิดว่ามันคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตมั่นคงแต่คุณรู้ว่าโลกชั่วนี้กำลังจะถูกทำลาย (ลก. 12:16-21; 1 ยน. 2:15-17) นอกจากนั้น การเข้าใจคำพยากรณ์นี้จะช่วยให้คุณเห็นว่าการประกาศและการสอนคัมภีร์ไบเบิลสำคัญมากขนาดไหน (มธ. 6:33; 28:18-20) ดังนั้น หลังจากที่เราได้ศึกษาคำพยากรณ์นี้แล้วให้ถามตัวเองว่า ‘การตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตของฉันแสดงให้เห็นไหมว่าฉันมั่นใจว่ารัฐบาลของพระเจ้าจะทำลายรัฐบาลทั้งหมดของมนุษย์?’ ห23.08 น. 11 ว. 13-14
วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์
พระเจ้าจะเป็นผู้ตัดสินเราแต่ละคนตามการกระทำของเรา—รม. 14:12
ให้เจียมตัวและยอมรับว่าคุณอาจทำอะไรไม่ได้เหมือนแต่ก่อนเพราะอายุที่มากขึ้น ปัญหาสุขภาพ หรือสภาพการณ์ที่เปลี่ยนไป ถ้าเป็นแบบนั้น ให้คุณทำเหมือนบาร์ซิลลัยโดยเต็มใจปฏิเสธงานมอบหมายบางอย่างถ้าคุณทำไม่ไหวเพราะมีปัญหาสุขภาพหรืออายุมากแล้ว (2 ซม. 19:35, 36) และให้ทำเหมือนโมเสสโดยยอมรับความช่วยเหลือและแบ่งงานมอบหมายบางอย่างให้กับคนอื่นเมื่อเห็นว่าเหมาะ (อพย. 18:21, 22) ถ้าคุณเป็นคนเจียมตัว คุณจะไม่คาดหวังกับตัวเองอย่างไม่มีเหตุผล ถ้าคุณไม่ทำอย่างนั้น คุณอาจหมดแรง เราไม่สามารถตัดสินใจแทนคนอื่นได้และเราก็ไม่สามารถปกป้องพวกเขาไม่ให้ได้รับผลเสียจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดของพวกเขาด้วย ตัวอย่างเช่น ลูก ๆ อาจตัดสินใจที่จะเลิกรับใช้พระยะโฮวา การตัดสินใจแบบนั้นอาจทำให้พ่อแม่รู้สึกเสียใจมาก แต่พ่อแม่ไม่ควรโทษตัวเอง นี่ไม่ใช่ของหนักที่พระยะโฮวาอยากให้พ่อแม่ต้องแบก ห23.08 น. 29 ว. 11-12
วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์
[แซมสัน] หลงรักผู้หญิงคนหนึ่ง . . . เธอชื่อว่าเดลิลาห์—วนฉ. 16:4
แซมสันก็เป็นคนไม่สมบูรณ์แบบเหมือนพวกเรา หลายครั้งเขาตัดสินใจผิดพลาด ครั้งหนึ่งเขาตัดสินใจผิดพลาดจนส่งผลเสียที่น่าเศร้าเพราะไม่ได้คิดถึงงานมอบหมายที่พระเจ้าให้กับเขา หลังจากที่แซมสันรับใช้เป็นผู้วินิจฉัยได้พักหนึ่ง เขา “หลงรักผู้หญิงคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหุบเขาโสเรก เธอชื่อว่าเดลิลาห์” ความสัมพันธ์ของเขากับเดลิลาห์แตกต่างจากความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ตอนนั้นแซมสันอยากแต่งงานกับผู้หญิงชาวฟีลิสเตียคนหนึ่ง ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรื่องนี้มาจากพระยะโฮวา” พระองค์ “กำลังมองหาโอกาสจัดการกับชาวฟีลิสเตีย” ต่อมา เขาก็ไปอยู่ในบ้านของโสเภณีคนหนึ่งในเมืองกาซาที่อยู่ในฟีลิสเตีย ตอนนั้นพระยะโฮวาให้พลังกับแซมสันเพื่อจะเอาประตูเมืองออกไปทำให้ไม่มีอะไรที่จะปกป้องเมืองนั้น (วนฉ. 14:1-4; 16:1-3) แต่ตอนที่แซมสันอยากแต่งงานกับเดลิลาห์ มันส่งผลต่างออกไป เพราะเดลิลาห์น่าจะเป็นชาวอิสราเอล ความสัมพันธ์ที่แซมสันมีกับเธอเลยไม่เปิดโอกาสให้เขาจัดการกับชาวฟีลิสเตีย เดลิลาห์ทรยศแซมสันเพราะเห็นแก่เงินก้อนโตจากพวกฟีลิสเตีย ห23.09 น. 5 ว. 12-13
วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์
คนที่เข้าใจลึกซึ้งจะไม่โกรธง่าย—สภษ. 19:11
การมีความเข้าใจลึกซึ้งจะช่วยให้เราเป็นคนอ่อนโยน คนที่มีความเข้าใจลึกซึ้งจะควบคุมตัวเองได้เมื่อมีคนมาพูดไม่ดีเกี่ยวกับความเชื่อของเขา คำถามหรือคำพูดของคนเหล่านั้นอาจเปรียบเหมือนภูเขาน้ำแข็ง ปกติแล้วเราเห็นแค่ยอดเล็ก ๆ ของภูเขาน้ำแข็งเหนือผิวน้ำเท่านั้น แต่ว่าส่วนใหญ่ของภูเขาน้ำแข็งที่เรามองไม่เห็นอยู่ใต้ผิวน้ำ ดังนั้น ก่อนเราจะตอบคนที่มาถามเกี่ยวกับความเชื่อของเรา เราต้องยอมรับว่าเราอาจไม่รู้ว่าเขาถามเราด้วยเหตุผลอะไร (สภษ. 16:23) ให้เรามาดูวิธีที่กิเดโอนตอบคนในตระกูลเอฟราอิม คนในตระกูลนี้ต่อว่ากิเดโอนแรงมากว่าทำไมถึงไม่ชวนพวกเขาไปสู้กับชาวมีเดียน แต่อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาโกรธขนาดนี้? อาจเป็นเพราะพวกเขาหยิ่งไหม? ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลอะไร กิเดโอนมีความเข้าใจลึกซึ้งและพยายามคิดถึงความรู้สึกของคนในตระกูลเอฟราอิม กิเดโอนเลยตอบพวกเขาอย่างอ่อนโยน ผลก็คือ “พวกเขาก็อารมณ์เย็นลง”—วนฉ. 8:1-3 ห23.09 น. 16 ว. 8-9
วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์
พระองค์รักเราทุกวัน—สภษ. 8:30
พระยะโฮวากับพระเยซูเป็นพ่อลูกที่สนิทกันมากที่สุด ไม่มีพ่อลูกคู่ไหนในโลกอีกแล้วที่สนิทกันมากเท่ากับพระองค์ทั้งสอง ตอนที่พระเยซูเจอเรื่องหนักหนาสาหัสและต้องอดทนกับการข่มเหงและเจอความยากลำบากหลายอย่าง พระยะโฮวาจะรู้สึกเจ็บปวดใจขนาดไหน พ่อแม่ที่ลูกตายคงเข้าใจดีว่าการสูญเสียลูกทำให้เจ็บปวดใจมากจริง ๆ ถึงเราจะมั่นใจในความหวังเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย แต่ความตายก็ทำให้เราเศร้าเสียใจอยู่ดี นี่ทำให้เราเข้าใจว่าพระยะโฮวาเจ็บปวดขนาดไหนตอนที่พระองค์เห็นพระเยซูลูกชายที่พระองค์รักมากต้องตายในปีคริสต์ศักราช 33 (มธ. 3:17) ก่อนจะถึงการประชุมอนุสรณ์ ให้คุณลองศึกษาส่วนตัวหรือศึกษาครอบครัวเกี่ยวกับเรื่องค่าไถ่ให้ลึกซึ้งขึ้น และอย่าลืมดูวีดีโอการนมัสการตอนเช้าสำหรับวันประชุมอนุสรณ์ด้วย เมื่อเราเตรียมหัวใจให้พร้อมสำหรับการประชุมอนุสรณ์ เราก็จะสามารถช่วยคนอื่นให้ได้ประโยชน์จากการประชุมนี้ด้วย—อสร. 7:10 ห24.01 น. 11 ว. 10-12
วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์
พระองค์จะทำให้พวกคุณเข้มแข็ง—1 ปต. 5:10
วิธีหนึ่งที่เราจะได้กำลังจากพระยะโฮวาคือการอธิษฐาน พระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของเราโดยให้ “กำลังที่มากกว่าปกติ” (2 คร. 4:7) นอกจากนั้น เราจะได้กำลังและความเข้มแข็งเมื่ออ่านคัมภีร์ไบเบิลและคิดใคร่ครวญ (สด. 86:11) ถ้อยคำของพระยะโฮวาที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิล “ทรงพลัง” (ฮบ. 4:12) เมื่อคุณอธิษฐานถึงพระองค์และอ่านคัมภีร์ไบเบิล คุณก็จะได้กำลังและความเข้มแข็งเพื่อจะอดทน มีความสุขเสมอ และทำงานรับใช้ยาก ๆ ได้สำเร็จ ให้เรามาดูด้วยกันว่าพระยะโฮวาช่วยผู้พยากรณ์โยนาห์ให้เข้มแข็งได้ยังไง โยนาห์หนีงานมอบหมายที่ได้รับจากพระยะโฮวา เขาเลยเกือบตายเพราะพายุใหญ่ และเขายังทำให้คนอื่นที่อยู่ในเรือเกือบตายไปด้วย ตอนที่เขาถูกโยนลงทะเล เขาไปอยู่ในที่ที่เขาไม่เคยอยู่มาก่อนในชีวิต นั่นคือในท้องปลาที่มืดสนิท ตอนที่โยนาห์ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่เหลือใคร เขาทำอะไรเพื่อจะกลับมามีความเข้มแข็งอีกครั้ง? เขาอธิษฐานถึงพระยะโฮวา—ยนา. 2:1, 2, 7 ห23.10 น. 13 ว. 4-6
วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์
จุดจบของทุกสิ่งมาใกล้แล้ว—1 ปต. 4:7
แม้อัครสาวกเปโตรจะเขียนจดหมายถึงคริสเตียนรุ่นแรก แต่พระยะโฮวาก็ให้จดหมายของเขาอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลด้วย ดังนั้น เราในทุกวันนี้ก็จะได้ประโยชน์จากจดหมายของเปโตรเหมือนกัน (รม. 15:4) คนทั่วไปในโลกทุกวันนี้ไม่เชื่อคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล และผู้ต่อต้านก็อาจเยาะเย้ยว่าเรารอมานานมากแล้วที่จะให้จุดจบของโลกชั่วมาถึง บางคนถึงกับบอกว่าวันนั้นไม่มีทางมาถึงหรอก (2 ปต. 3:3, 4) ถ้าเราได้ยินคำพูดแบบนั้นจากเจ้าของบ้าน เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่คนในครอบครัว มันอาจมีผลต่อความเชื่อของเราและอาจทำให้เราเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจก็ได้ แต่เปโตรพูดถึงสิ่งที่ช่วยเราได้ บางคนอาจรู้สึกว่าทำไมพระยะโฮวาถึงยังไม่ทำลายโลกชั่วสักที แต่จดหมายของเปโตรช่วยให้เรามีความคิดที่ถูกต้องโดยเตือนเราว่าพระยะโฮวามีความคิดที่แตกต่างจากเรามากในเรื่องของเวลา สำหรับพระองค์แล้วพันปีเป็นเหมือนแค่วันเดียว และพระยะโฮวาก็อดทนมาก พระองค์ไม่อยากให้ใครถูกทำลาย แต่เมื่อวันของพระยะโฮวามาถึง โลกชั่วจะต้องถึงจุดจบแน่นอน ห23.09 น. 26-27 ว. 2-5
วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์
เราจึงต้องเอาใจใส่สิ่งที่ได้ยินให้มากกว่าปกติ ไม่อย่างนั้นเราจะค่อย ๆ ห่างออกไป—ฮบ. 2:1
ทำไมอัครสาวกเปาโลถึงเขียนจดหมายถึงคริสเตียนชาวฮีบรูในยูเดีย? ดูเหมือนมีเหตุผล 2 อย่าง เหตุผลแรกก็คือเขาอยากให้กำลังใจคริสเตียนเหล่านั้น พวกเขาส่วนใหญ่โตมาในครอบครัวที่นับถือศาสนายิว พวกหัวหน้าศาสนายิวเลยอาจเยาะเย้ยที่พวกเขาเข้ามาเป็นคริสเตียน แล้วทำไมคริสเตียนถึงถูกเยาะเย้ย? ก็เพราะว่าพวกเขาไม่มีวิหารที่จะไปนมัสการ ไม่มีแท่นบูชาที่จะถวายสัตว์เป็นเครื่องบูชา และไม่มีปุโรหิต นี่เลยอาจทำให้คริสเตียนเหล่านั้นท้อใจและความเชื่ออ่อนลง (ฮบ. 3:12, 14) และบางคนอาจถึงกับคิดว่าจะกลับไปนับถือศาสนายิวอีก เหตุผลที่ 2 เปาโลบอกว่าคริสเตียนชาวยิวไม่ได้พยายามเข้าใจคำสอนใหม่หรือคำสอนที่ลึกซึ้งในคัมภีร์ไบเบิลซึ่งเป็น “อาหารแข็ง” (ฮบ. 5:11-14) ดูเหมือนว่าบางคนยังทำตามกฎหมายของโมเสสอยู่ด้วยซ้ำ ห23.10 น. 24-25 ว. 3-4
วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์
พูดกับผู้หญิงสาว ๆ เหมือนพูดกับพี่สาวน้องสาวด้วยความบริสุทธิ์ใจ—1 ทธ. 5:2
ผู้หญิงบางคนเลือกที่จะไม่แต่งงาน (มธ. 19:10-12) ขอให้มั่นใจว่าพระยะโฮวาและพระเยซูไม่ได้มองว่าคริสเตียนที่เป็นโสดไม่สำคัญ ทั่วโลกพี่น้องหญิงที่เป็นโสดเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับพี่น้องในประชาคม และเพราะพวกเธอแสดงความรักและสนใจคนอื่น พวกเธอก็เลยเป็นเหมือนแม่หรือพี่สาวน้องสาวของหลายคนในประชาคม (มก. 10:29, 30) พี่น้องหญิงบางคนเป็นผู้รับใช้เต็มเวลา พวกเธอเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยสนับสนุนงานประกาศทั่วโลก (สด. 68:11) คุณจะวางแผนทำงานรับใช้เต็มเวลาได้ไหม? เช่น คุณอาจเป็นไพโอเนียร์ เป็นอาสาสมัครก่อสร้าง หรือรับใช้ในเบเธล ให้คุณอธิษฐานเกี่ยวกับเป้าหมายของคุณ คุยกับพี่น้องที่ทำตามเป้าหมายได้แล้ว และให้ดูว่าคุณต้องทำอะไรอีกเพื่อจะมีคุณสมบัติที่รับใช้ในแบบที่คุณตั้งเป้าหมายไว้ จากนั้นให้วางแผนในแบบที่คุณจะทำได้จริง ถ้าคุณทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ มันจะเปิดโอกาสที่น่าตื่นเต้นให้คุณได้รับใช้พระยะโฮวามากขึ้นในอีกหลายรูปแบบ ห23.12 น. 22 ว. 16-17
วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์
จะต้องมีการประกาศข่าวดีกับคนทุกชาติก่อน—มก. 13:10
ยิ่งความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ใกล้เข้ามา เราก็ยิ่งต้องเชื่อฟังคำสั่งที่ให้ไปประกาศ แต่เราอาจรู้สึกว่ายากที่จะจดจ่อกับงานรับใช้เพราะอาจเจอปัญหาเรื่องเงินหรือเจอการต่อต้านในงานประกาศ แล้วอะไรจะช่วยให้งานรับใช้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเรา? ขอให้จำไว้ว่า “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ” อยู่กับเรา พระองค์จะช่วยถ้าเราให้งานรับใช้เป็นอันดับแรกในชีวิตเสมอ และถ้าเราทำแบบนั้น เราจะไม่ต้องกลัวอะไรเลย (ฮกก. 2:4) พระยะโฮวาอยากให้เราสนใจที่การสอนคนให้เป็นสาวก ฮักกัยได้กระตุ้นให้ชาวยิวกลับมาสร้างวิหารอีกครั้ง และถ้าพวกเขาทำตามที่ฮักกัยบอก พระยะโฮวาก็สัญญาว่าจะ “อวยพร” พวกเขา (ฮกก. 2:18, 19) เราก็เหมือนกัน ถ้าเราให้งานรับใช้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต พระยะโฮวาก็จะอวยพรเรา ห23.11 น. 16 ว. 8; น. 17 ว. 11
วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์
ทุกคนทำบาป—รม. 3:23
ในจดหมายของเปาโลที่เขียนถึงคริสเตียนในกรุงโรม เขาบอกว่าทุกคนทำบาป แล้วคนบาปจะเป็นคนที่พระเจ้ายอมรับและมองว่าไม่มีตำหนิได้ยังไง? เพื่อจะได้คำตอบ ให้เรามาดูตัวอย่างของอับราฮัมที่เปาโลยกขึ้นมา อับราฮัมเป็นคนที่พระยะโฮวายอมรับตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่คานาอันแล้ว ที่เป็นอย่างนั้นเพราะเขาทำตามกฎหมายของโมเสสอย่างครบถ้วนไหม? ไม่ใช่ (รม. 4:13) ตอนที่อับราฮัมมีชีวิตอยู่ ยังไม่มีกฎหมายของโมเสสเลยด้วยซ้ำ กฎหมายนี้มาหลังจากที่เขาตายไปแล้ว 400 ปี ที่อับราฮัมเป็นคนที่พระเจ้ายอมรับและพระองค์เมตตาเขามากก็เพราะเขามีความเชื่อ—รม. 4:2-4 ห23.12 น. 3 ว. 4-5
วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์
ทำตามที่ต้องการเถอะ—1 พศ. 17:2
นาธันบอกกับดาวิดอย่างที่เห็นในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ แต่คืนนั้นพระยะโฮวาสั่งให้นาธันไปบอกดาวิดว่าเขาจะไม่ได้เป็นคนสร้างวิหารให้พระองค์ (1 พศ. 17:3, 4, 11, 12) ดาวิดผิดหวังมาก แล้วเขาทำยังไง? เขาเตรียมการเพื่อจะช่วยโซโลมอนสร้างวิหารโดยรวบรวมเงินทองและวัสดุต่าง ๆ เพื่อช่วยโครงการนี้ (1 พศ. 29:1-5) หลังจากที่พระยะโฮวาบอกดาวิดไปแล้วว่าเขาจะไม่ได้เป็นคนสร้างวิหารให้พระองค์ พระยะโฮวาก็ทำสัญญากับดาวิดทันทีว่าลูกหลานคนหนึ่งของเขาจะได้เป็นกษัตริย์ตลอดไป (2 ซม. 7:16) ลองนึกดูสิว่าเมื่อดาวิดฟื้นขึ้นมาในโลกใหม่ เขาจะดีใจขนาดไหนที่ได้รู้ว่ากษัตริย์ที่ปกครองเขาในช่วง 1,000 ปีคือพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นลูกหลานของเขา นี่ช่วยให้เราเห็นว่าถึงแม้ว่าเราไม่สามารถทำทุกอย่างในงานรับใช้ของพระยะโฮวาอย่างที่เราหวังไว้ แต่พระองค์ก็อาจให้สิ่งดี ๆ อย่างอื่นกับเราในแบบที่เราไม่คาดคิด ห23.04 น. 16 ว. 8-10
วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์
พระยะโฮวาจะไม่ทอดทิ้งคนของพระองค์—สด. 94:14
คุณอาจเจอข้อคัมภีร์บางข้อที่คุณชอบเป็นพิเศษที่ช่วยให้คุณรับมือกับความกลัวได้ อย่างเช่น คุณอาจได้กำลังใจเมื่ออ่านหนังสือโยบ สดุดี สุภาษิต และคำพูดของพระเยซูที่มัทธิวบท 6 เมื่อคุณอธิษฐานถึงพระยะโฮวาและอ่านคัมภีร์ไบเบิล คุณจะรู้สึกได้ว่าพระองค์กำลังปลอบโยนคุณ เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะช่วยเราตอนที่เราอยู่ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต เราจะไม่มีวันเดียวดาย (สด. 23:4) พระยะโฮวาสัญญาว่าจะปกป้องเรา ทำให้เรามั่นคง คอยพยุงเรา และปลอบโยนเรา อิสยาห์ 26:3 บอกว่า “พระองค์จะปกป้องคนที่เชื่อในพระองค์จริง ๆ พระองค์จะให้พวกเขามีสันติสุขเรื่อยไป เพราะพวกเขาไว้วางใจพระองค์” ดังนั้น ขอให้วางใจพระยะโฮวาและรับประโยชน์จากสิ่งที่พระองค์จัดเตรียมไว้เพื่อช่วยคุณ ถ้าคุณทำแบบนี้ คุณจะเข้มแข็งได้แม้กำลังเจอปัญหาหนักในชีวิต ห24.01 น. 25 ว. 16-17
วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์
ไม่มีอาวุธอะไรที่สร้างขึ้นมาต่อสู้เจ้าจะทำร้ายเจ้าได้—อสย. 54:17
คำพยากรณ์ของข้อคัมภีร์นี้กำลังเกิดขึ้นจริงในสมัยของเรา ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีอีกคำพยากรณ์หนึ่งด้วยที่เกิดขึ้นจริงในสมัยของเรา ข้อนั้นบอกว่า “ลูก ๆ ของเจ้าจะได้รับการสอนจากพระยะโฮวา พวกเขาจะมีสันติสุขมากมาย เจ้าจะยืนอยู่อย่างมั่นคงเพราะเจ้าทำดี . . . จะไม่ต้องกลัวอะไร และจะไม่มีอะไรมาทำให้เจ้ากลัว สิ่งเหล่านี้จะไม่เฉียดมาใกล้เจ้าเลย” (อสย. 54:13, 14) แม้แต่ซาตาน “พระเจ้าของโลกนี้” ก็ไม่สามารถหยุดงานที่คนของพระยะโฮวากำลังทำเพื่อสอนคนอื่นให้รู้จักพระยะโฮวา (2 คร. 4:4) การนมัสการแท้ได้รับการฟื้นฟูขึ้นแล้วและจะคงอยู่ตลอดไป ไม่มีอาวุธอะไรที่สร้างขึ้นมาจะทำร้ายเราได้ ห24.02 น. 4 ว. 10
วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์
คนที่รักพ่อแม่มากกว่าผมก็ไม่เหมาะที่จะเป็นสาวกของผม—มธ. 10:37
พวกเราที่เป็นคริสเตียนถือว่าคำปฏิญาณอุทิศตัวต่อพระยะโฮวาเป็นเรื่องจริงจังมาก และนี่มีผลกับการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ในครอบครัว เราเชื่อฟังคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลที่ให้ดูแลครอบครัวอย่างดี แต่เราจะไม่ยอมให้ความต้องการของคนในครอบครัวสำคัญกว่าสิ่งที่พระยะโฮวาอยากให้เราทำ (มธ. 10:35, 36; 1 ทธ. 5:8) บางครั้งเราอาจต้องตัดสินใจในแบบที่พระยะโฮวาต้องการถึงแม้ว่าการตัดสินใจนั้นอาจทำให้คนในครอบครัวไม่ชอบ พระยะโฮวาเป็นผู้ก่อตั้งครอบครัวและพระองค์อยากให้เรามีครอบครัวที่มีความสุข (อฟ. 3:14, 15) ถ้าเราอยากมีความสุขแท้ เราต้องทำตามสิ่งที่พระยะโฮวาอยากให้เราทำ พระยะโฮวาอยากให้คุณดูแลครอบครัว แสดงความรัก และให้เกียรติกับพวกเขา แต่ในขณะเดียวกันพระองค์รู้ว่าคุณก็ต้องเสียสละบางอย่างเพื่อจะนมัสการพระองค์ ขอให้คุณมั่นใจว่าพระยะโฮวาพอใจและเห็นค่าที่คุณเสียสละแบบนั้น—รม. 12:10 ห24.02 น. 18 ว. 11, 13