เมษายน
วันอังคารที่ 1 เมษายน
ทำไมลุงทำอย่างนี้? . . . ทำไมลุงมาหลอกผมอย่างนี้?—ปฐก. 29:25
ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล ผู้รับใช้พระยะโฮวาหลายคนก็เจอปัญหาในชีวิตโดยที่พวกเขาไม่คาดคิด ให้เรามาดูตัวอย่างของยาโคบด้วยกัน อิสอัคพ่อของยาโคบบอกให้เขาไปหาลาบันเพื่อไปขอลูกสาวของลาบันเป็นภรรยาเพราะลาบันก็นับถือพระยะโฮวาเหมือนกัน และอิสอัคยังรับรองว่าพระยะโฮวาจะอวยพรถ้ายาโคบทำตามคำแนะนำ (ปฐก. 28:1-4) ยาโคบก็เลยออกจากแผ่นดินคานาอันและเดินทางไปที่บ้านของลาบันซึ่งมีลูกสาว 2 คนคือเลอากับราเชล ยาโคบตกหลุมรักราเชลซึ่งเป็นคนน้อง เขาได้ตกลงกับลาบันว่าจะทำงาน 7 ปีเพื่อจะได้แต่งงานกับราเชล (ปฐก. 29:18) แต่เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ยาโคบคิดไว้ ลาบันหลอกเขาทำให้เขาต้องแต่งงานกับเลอาซึ่งเป็นคนพี่ และถึงลาบันจะให้ยาโคบได้แต่งงานกับราเชลในสัปดาห์ต่อมา แต่ยาโคบก็ต้องทำงานให้ลาบันอีก 7 ปี (ปฐก. 29:26, 27) และไม่ใช่แค่นั้น ลาบันยังโกงยาโคบในเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจด้วย รวมแล้วลาบันเอาเปรียบยาโคบนานถึง 20 ปี—ปฐก. 31:41, 42 ห23.04 น. 15 ว. 5
วันพุธที่ 2 เมษายน
ระบายความในใจกับพระองค์เถอะ—สด. 62:8
เวลาที่เราอยากได้กำลังใจและคำแนะนำ เรามักจะขอความช่วยเหลือจากใคร? เราทุกคนรู้คำตอบอยู่แล้ว เราจะอธิษฐานถึงพระยะโฮวาพระเจ้าของเรา และพระยะโฮวาก็อยากให้เราทำแบบนั้นด้วย พระองค์อยากให้เราอธิษฐานบ่อย ๆ “อธิษฐานเป็นประจำ” (1 ธส. 5:17) เราสามารถอธิษฐานถึงพระองค์เรื่องอะไรก็ได้และเมื่อไหร่ก็ได้ และเรายังขอคำแนะนำจากพระองค์ได้ทุกเรื่อง (สภษ. 3:5, 6) พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ใจกว้าง พระองค์ไม่ได้กำหนดว่าเราต้องอธิษฐานถึงพระองค์ได้แค่กี่ครั้ง พระเยซูรู้ดีว่าพระยะโฮวามองว่าคำอธิษฐานของเราสำคัญมาก ก่อนที่พระเยซูจะมาเกิดบนโลก ท่านอยู่ข้าง ๆ พระยะโฮวาและเห็นพระองค์ตอบคำอธิษฐานของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ เช่น ฮันนาห์ ดาวิด และเอลียาห์รวมถึงผู้รับใช้คนอื่น ๆ อีกมากมาย (1 ซม. 1:10, 11, 20; 1 พก. 19:4-6; สด. 32:5) เลยไม่แปลกที่พระเยซูจะสอนสาวกของท่านให้อธิษฐานบ่อย ๆ และให้มั่นใจว่าพระยะโฮวาจะตอบคำอธิษฐานของพวกเขา—มธ. 7:7-11 ห23.05 น. 2 ว. 1, 3
วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน
การกลัวคนเป็นกับดัก แต่คนที่วางใจพระยะโฮวาจะได้รับการปกป้อง—สภษ. 29:25
มหาปุโรหิตเยโฮยาดาเกรงกลัวพระยะโฮวา เราเห็นเรื่องนี้ได้ชัดเจนตอนที่อาธาลิยาห์ลูกสาวเยเซเบลยึดบัลลังก์และตั้งตัวเองเป็นราชินี อาธาลิยาห์เป็นคนโหดร้ายและกระหายอำนาจ อาธาลิยาห์ถึงกับพยายามฆ่าหลานตัวเองทั้งหมดเพื่อจะขึ้นปกครอง (2 พศ. 22:10, 11) มีหลานคนหนึ่งรอดมาได้ นั่นก็คือเยโฮอาช ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะเยโฮชาเบอาทภรรยาของเยโฮยาดาช่วยชีวิตเขาเอาไว้ สามีภรรยาคู่นี้ซ่อนเด็กคนนี้เอาไว้และดูแลเขาจนโต พวกเขาปกป้องเชื้อสายของดาวิดเอาไว้ เยโฮยาดาที่อายุมากแล้วซื่อสัตย์ภักดีต่อพระยะโฮวาและไม่กลัวอาธาลิยาห์เลย ตอนที่เยโฮอาชอายุ 7 ขวบ เยโฮยาดาก็แสดงให้เห็นชัดอีกครั้งว่าเขาซื่อสัตย์ภักดีต่อพระยะโฮวา เขาวางแผนเพื่อทำให้เยโฮอาชซึ่งเป็นเชื้อสายของดาวิดได้เป็นกษัตริย์ แต่ถ้าแผนนั้นล้มเหลว เยโฮยาดาก็คงจะถูกฆ่าแน่ ๆ แต่เพราะพระยะโฮวาอวยพร แผนของเขาก็เลยสำเร็จ ห23.06 น. 17 ว. 12-13
วันศุกร์ที่ 4 เมษายน
พระเจ้าองค์สูงสุดเป็นผู้ปกครองอาณาจักรของมนุษย์ และพระองค์จะให้อำนาจการปกครองกับใครก็ได้ที่พระองค์ต้องการ—ดนล. 4:25
จริง ๆ แล้วเนบูคัดเนสซาร์อาจคิดว่าดาเนียลกำลังกบฏและอาจสั่งประหารก็ได้ แต่ดาเนียลแสดงความกล้าหาญโดยยังคงบอกความหมายของความฝันนี้ให้กับกษัตริย์ อะไรช่วยให้ดาเนียลกล้าหาญตลอดชีวิต? ตอนที่เขายังเด็ก เขาต้องได้เห็นตัวอย่างที่ดีจากพ่อแม่แน่ ๆ (ฉธบ. 6:6-9) ดาเนียลไม่ได้แค่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกฎหมายของโมเสส เช่น บัญญัติ 10 ประการเท่านั้น แต่เขายังรู้กฎหมายอย่างละเอียดด้วย เช่น สิ่งที่ชาวอิสราเอลกินได้และกินไม่ได้ (ลนต. 11:4-8; ดนล. 1:8, 11-13) นอกจากนั้น ดาเนียลยังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของประชาชนของพระยะโฮวา และรู้ว่าผลเป็นยังไงเมื่อพวกเขาไม่เชื่อฟัง (ดนล. 9:10, 11) และตลอดชีวิตของดาเนียล เขาได้เห็นด้วยตัวเองเลยว่าพระยะโฮวากับทูตสวรรค์คอยช่วยเขาอยู่—ดนล. 2:19-24; 10:12, 18, 19 ห23.08 น. 3 ว. 5-6
วันเสาร์ที่ 5 เมษายน
คนเจียมตัวจะมีสติปัญญา—สภษ. 11:2
เรเบคาห์เป็นผู้หญิงที่ฉลาด กล้าตัดสินใจ รู้ว่าควรทำอะไรและทำเมื่อไหร่ (ปฐก. 24:58; 27:5-17) แต่เธอก็ยังแสดงความนับถือและยอมอยู่ใต้อำนาจ (ปฐก. 24:17, 18, 65) ถ้าคุณถ่อมตัวและสนับสนุนการจัดเตรียมของพระยะโฮวาเหมือนกับเรเบคาห์ คุณก็จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับทุกคนทั้งในครอบครัวและในประชาคม ความเจียมตัวเป็นคุณลักษณะสำคัญที่คริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ทุกคนต้องมี เอสเธอร์เป็นคนเจียมตัวและรักพระเจ้า ความเจียมตัวทำให้เธอไม่กลายเป็นคนหยิ่งแม้จะขึ้นเป็นราชินีแล้ว เธอยังเชื่อฟังและทำตามคำแนะนำของโมร์เดคัยญาติของเธอ (อสธ. 2:10, 20, 22) คุณเองก็แสดงความเจียมตัวได้โดยขอคำแนะนำดี ๆ จากพี่น้องและทำตาม (ทต. 2:3-5) นอกจากนั้น เอสเธอร์ยังแสดงความเจียมตัวในอีกด้านหนึ่งด้วย คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าเธอเป็นคน “หน้าตาสวยมีเสน่ห์” แต่เธอก็ไม่ได้พยายามทำให้คนอื่นสนใจเธอตรงนั้น—อสธ. 2:7, 15 ห23.12 น. 19-20 ว. 6-8
วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน
พระเจ้า . . . รู้จักตัวเราดีกว่าที่เรารู้จักตัวเอง และพระองค์รู้ทุกสิ่ง—1 ยน. 3:20
การรู้สึกผิดไม่หายเป็นเหมือนของหนักที่เราไม่ควรแบก ถ้าเราสารภาพผิด กลับใจ และทำตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่จะไม่กลับไปทำผิดอีก เราก็มั่นใจได้เลยว่าพระยะโฮวาจะให้อภัยเรา (กจ. 3:19) พระยะโฮวาไม่อยากให้เรารู้สึกผิดไปตลอด พระองค์รู้ว่าความรู้สึกแบบนั้นทำให้เราเจ็บปวดและมีผลเสียต่อชีวิตเราขนาดไหน (สด. 31:10) ถ้าเราจมอยู่กับความโศกเศร้า เราก็อาจอยากจะเลิกวิ่งแข่งเพื่อชีวิต (2 คร. 2:7) ถ้าคุณรู้สึกผิดไม่หายก็ขอให้คุณคิดเสมอว่าพระยะโฮวา “ให้อภัยอย่างแท้จริง” (สด. 130:4) เมื่อพระยะโฮวาให้อภัยคนที่กลับใจจริง ๆ พระองค์สัญญาว่า “จะไม่จดจำความผิดของพวกเขาอีกเลย” (ยรม. 31:34) นี่หมายความว่าพระยะโฮวาจะไม่คิดถึงความผิดของคุณที่พระองค์ได้ให้อภัยไปแล้วหรือเอาความผิดนั้นมาตัดสินคุณอีก ถ้าคุณสูญเสียสิทธิพิเศษบางอย่างในประชาคมเพราะความผิดของคุณ ก็อย่าผิดหวังกับตัวเองมากเกินไป พระยะโฮวาไม่เอาแต่คิดถึงความผิดของคุณ คุณก็ไม่ควรคิดเหมือนกัน ห23.08 น. 30-31 ว. 14-15
วันจันทร์ที่ 7 เมษายน
ขอให้มั่นคงไว้ อย่าหวั่นไหว—1 คร. 15:58
ในช่วงการระบาดของโควิด-19 พยานพระยะโฮวาฟังคำแนะนำขององค์การ พวกเราเลยไม่กังวลเกินไปเหมือนคนอื่นที่หลงเชื่อข่าวปลอม (มธ. 24:45) เราต้องจดจ่อกับสิ่งที่ “สำคัญกว่า” (ฟป. 1:9, 10) สิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เขวมักจะทำให้เสียเวลา เสียกำลังมาก และทำให้เราไม่จดจ่อกับสิ่งที่มีประโยชน์มากกว่า เรื่องธรรมดา ๆ ในชีวิต เช่น การกิน การดื่ม การพักผ่อนหย่อนใจ งานอาชีพอาจกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เราเขวได้ถ้าเราเอาแต่ทุ่มเทกับเรื่องเหล่านี้มากเกินไป (ลก. 21:34, 35) นอกจากนั้น ทุกวันมีข่าวในสื่อต่าง ๆ มากมายนับไม่ถ้วนทั้งเรื่องการเมืองและความขัดแย้งทางสังคม เราต้องทำให้แน่ใจว่าเราไม่สนใจเรื่องเหล่านี้มากเกินไป ไม่อย่างนั้นเราอาจเริ่มเลือกข้างในใจ ซาตานใช้หลายวิธีเพื่อทำลายความตั้งใจของเราที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง ห23.07 น. 16-17 ว. 12-13
วันอังคารที่ 8 เมษายน
ให้ทำอย่างนี้ต่อ ๆ ไปเพื่อระลึกถึงผม—ลก. 22:19
สำหรับคนของพระยะโฮวา วันประชุมอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงการเสียชีวิตของพระเยซูเป็นวันที่สำคัญที่สุดในรอบปี และการประชุมอนุสรณ์เป็นเหตุการณ์เพียงอย่างเดียวที่พระเยซูสั่งให้สาวกของท่านประชุมกันเพื่อระลึกถึงท่าน (ลก. 22:19, 20) การประชุมนี้ช่วยให้เราคิดถึงวิธีที่เราจะแสดงความขอบคุณสำหรับค่าไถ่ของพระเยซู (2 คร. 5:14, 15) และยังทำให้เรามีโอกาส “ให้กำลังใจกันและกัน” ได้ (รม. 1:12) ผู้สนใจหลายคนก็เริ่มศึกษาเพราะประทับใจสิ่งที่พวกเขาได้เห็นและได้ยินจากการประชุมนี้ นอกจากนั้น การประชุมอนุสรณ์ยังทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันด้วย ดังนั้น การประชุมอนุสรณ์จึงเป็นการประชุมที่พิเศษมากสำหรับเรา ห24.01 น. 8 ว. 1-3
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 9 นิสาน) ลูกา 19:29-44
วันพุธที่ 9 เมษายน
พระเจ้ารักโลกมาก จนถึงกับยอมสละลูกคนเดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่แสดงความเชื่อในท่านจะไม่ถูกทำลาย แต่จะมีชีวิตตลอดไป—ยน. 3:16
ยิ่งเราคิดใคร่ครวญว่าพระยะโฮวากับพระเยซูเสียสละขนาดไหน เราก็ยิ่งรู้ว่าพระองค์ทั้งสองรักเราทุกคนจริง ๆ (กท. 2:20) พระองค์ให้ค่าไถ่เป็นของขวัญกับเราเพราะพระองค์รักเรามาก พระยะโฮวาพิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์รักเราจริง ๆ โดยยอมสละสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับพระองค์ นั่นก็คือ ชีวิตของพระเยซู พระองค์ยอมให้พระเยซูมาทนทุกข์และมาตายเพื่อเรา พระยะโฮวาไม่ใช่แค่รู้สึกรักเรา แต่พระองค์แสดงความรักออกมาด้วย (ยรม. 31:3) และเพราะพระยะโฮวารักเรา พระองค์ก็เลยทำให้เราเข้ามาใกล้พระองค์ (เทียบกับเฉลยธรรมบัญญัติ 7:7, 8) ไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะขัดขวางความรักที่พระยะโฮวาแสดงต่อเราได้ (รม. 8:38, 39) ความรักของพระยะโฮวาทำให้คุณรู้สึกยังไง? ห24.01 น. 28 ว. 10-11
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 10 นิสาน) ลูกา 19:45-48; มัทธิว 21:18, 19; 21:12, 13
วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน
พร้อมกับให้ความหวังด้วยว่า สิ่งที่พระเจ้าสร้างจะได้รับการปลดปล่อย—รม. 8:20, 21
พี่น้องผู้ถูกเจิมในสมัยปัจจุบันเห็นค่าความหวังของพวกเขาที่จะไปสวรรค์ เช่น พี่น้องเฟรเดอริก แฟรนซ์ เขาเห็นค่าความหวังของเขาอยู่เสมอ ในปี 1991 เขาพูดถึงความหวังของเขาว่า “ความหวังของเราเป็นสิ่งแน่นอน และทุกคนที่เป็นสมาชิกแห่งแกะฝูงน้อยจำนวน 144,000 คนจะสมหวังอย่างบริบูรณ์จนเรามิอาจจะนึกภาพได้” เขายังบอกอีกว่า “เราก็ยังไม่เลิกคิดในเรื่องค่านิยมแห่งความหวังนั้น . . . และยิ่งเราต้องคอยนาน เราก็ยิ่งหยั่งรู้ค่าในความหวังนั้น มันเป็นสิ่งมีค่าควรแก่การรอคอย . . . ผมประเมินค่าความหวังของเราไว้สูงกว่าแต่ก่อน” ไม่ว่าเราจะมีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปบนสวรรค์หรือบนโลก ความหวังเหล่านี้ทำให้เรามีความสุข และเราสามารถมั่นใจในความหวังของเรามากขึ้นได้ ห23.12 น. 9 ว. 6; น. 10 ว. 8
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 11 นิสาน) ลูกา 20:1-47
วันศุกร์ที่ 11 เมษายน
เลือดวัวตัวผู้และเลือดแพะขจัดบาปไม่ได้—ฮบ. 10:4
แท่นบูชาทองแดงตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และมีการถวายสัตว์เป็นเครื่องบูชาให้พระยะโฮวาบนแท่นนี้ (อพย. 27:1, 2; 40:29) แต่เครื่องบูชาเหล่านี้ไม่สามารถช่วยให้มนุษย์ได้รับการอภัยบาปได้อย่างครบถ้วน (ฮบ. 10:1-3) เครื่องบูชาที่เป็นสัตว์ซึ่งต้องถวายอย่างต่อเนื่องที่เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์เป็นภาพแสดงถึงเครื่องบูชาอย่างหนึ่งที่สามารถไถ่บาปได้อย่างครบถ้วน พระเยซูรู้ว่าพระยะโฮวาส่งท่านมาบนโลกเพื่อสละชีวิตเป็นค่าไถ่ให้กับมนุษย์ (มธ. 20:28) ดังนั้น ตอนที่พระเยซูรับบัพติศมา ท่านเสนอตัวเองเพื่อทำตามความประสงค์ของพระองค์ (ยน. 6:38; กท. 1:4) พระเยซูสละชีวิต “แค่ครั้งเดียว” แต่สามารถไถ่บาปและปิดคลุมบาปของมนุษย์ทุกคนที่แสดงความเชื่อในท่านได้ตลอดไป—ฮบ. 10:5-7, 10 ห23.10 น. 26-27 ว. 10-11
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 12 นิสาน) ลูกา 22:1-6; มาระโก 14:1, 2, 10, 11
วันประชุมอนุสรณ์
หลังดวงอาทิตย์ตก
วันเสาร์ที่ 12 เมษายน
ของขวัญที่พระเจ้าให้คือชีวิตตลอดไปผ่านทางพระคริสต์เยซูผู้เป็นนายของเรา—รม. 6:23
เราไม่มีทางที่จะไถ่ชีวิตของตัวเองให้พ้นจากบาปและความตายได้ (สด. 49:7, 8) ดังนั้น พระยะโฮวาเลยให้พระเยซูสละชีวิตเป็นค่าไถ่ให้เราเพื่อช่วยเราให้รอด นี่เป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่สำหรับพระยะโฮวาและพระเยซูจริง ๆ ยิ่งเราคิดใคร่ครวญว่าพระยะโฮวาและพระเยซูเสียสละอะไรบ้างเพื่อเรา เราก็ยิ่งเห็นค่าค่าไถ่มากขึ้น ตอนที่อาดัมมนุษย์คนแรกทำบาป เขาสูญเสียโอกาสที่จะมีชีวิตตลอดไป และไม่ใช่แค่เขาเองเท่านั้น ลูกหลานของเขาก็หมดโอกาสด้วย เพื่อจะซื้อสิ่งที่อาดัมทำให้สูญเสียไปกลับคืนมา พระเยซูก็เลยยอมสละชีวิตสมบูรณ์แบบเพื่อเป็นค่าไถ่ให้กับมนุษย์ ตลอดเวลาที่พระเยซูมีชีวิตบนโลก ท่าน “ไม่เคยทำบาปและไม่เคยพูดหลอกลวงเลย” (1 ปต. 2:22) ดังนั้น ตอนที่พระเยซูตาย ท่านก็ยังเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ และนี่ทำให้ท่านสามารถซื้อชีวิตสมบูรณ์แบบที่อาดัมทำให้สูญเสียไปกลับคืนมาได้—1 คร. 15:45; 1 ทธ. 2:6 ห24.01 น. 10 ว. 5-6
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 13 นิสาน) ลูกา 22:7-13; มาระโก 14:12-16 (เหตุการณ์หลังดวงอาทิตย์ตก 14 นิสาน) ลูกา 22:14-65
วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน
ท่านเข้าไปในสถานบริสุทธิ์โดยเอาเลือดของท่านเองเข้าไปด้วย ไม่ใช่เลือดแพะและเลือดวัวหนุ่ม ท่านเข้าไปเพียงครั้งเดียวและรับเอาความรอดตลอดไปมาให้เรา—ฮบ. 9:12
หลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย ท่านเข้าไปในห้องบริสุทธิ์ที่สุดของวิหารโดยนัย เราเห็นชัดเลยว่าการจัดเตรียมของพระยะโฮวาที่ช่วยให้เรานมัสการพระองค์ในแบบที่พระองค์ยอมรับโดยอาศัยค่าไถ่และการทำหน้าที่ปุโรหิตของพระเยซูเป็นเรื่องที่เหนือกว่าการนมัสการของชาวยิวจริง ๆ มหาปุโรหิตของชาวอิสราเอลเอาเลือดสัตว์เข้าไปในห้องบริสุทธิ์ที่สุดเพื่อถวายเป็นเครื่องบูชา แต่พระเยซู “เข้าไปในสวรรค์” ซึ่งเป็นที่บริสุทธิ์ที่สุดและอยู่ต่อหน้าพระยะโฮวา ท่านเอาสิทธิ์ของท่านในการเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบบนโลกมอบให้พระองค์ “เพื่อกำจัดบาปตลอดไปโดยถวายตัวท่านเองเป็นเครื่องบูชา” สำหรับเรา (ฮบ. 9:12, 24-26) เราทุกคนสามารถนมัสการพระยะโฮวาในวิหารโดยนัยได้ไม่ว่าเราจะมีความหวังที่จะไปสวรรค์หรืออยู่บนโลก ห23.10 น. 28 ว. 13-14
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 14 นิสาน) ลูกา 22:66-71
วันจันทร์ที่ 14 เมษายน
ดังนั้น ให้เราเข้าหาและกล้าพูดต่อหน้าบัลลังก์ของพระเจ้าผู้มีความกรุณาที่ยิ่งใหญ่—ฮบ. 4:16
ให้คิดถึงบทบาทหน้าที่ของพระเยซูในสวรรค์ด้วย ตอนนี้ท่านเป็นกษัตริย์ของเราและเป็นมหาปุโรหิตที่เห็นอกเห็นใจเรา ท่านทำให้เป็นไปได้ที่เราจะอธิษฐานต่อหน้า “บัลลังก์ของพระเจ้าผู้มีความกรุณาที่ยิ่งใหญ่” เพื่อขอให้พระองค์เมตตาตอนที่ “เราต้องการความช่วยเหลือ” (ฮบ. 4:14, 15) ขอให้เราคิดใคร่ครวญทุกวันว่าพระยะโฮวากับพระเยซูได้ทำอะไรเพื่อเรามาแล้วบ้างและกำลังทำอะไรเพื่อเราอยู่ในตอนนี้ เมื่อเรารู้ว่าพระองค์ทั้งสองรักเรามาก มันควรกระตุ้นให้เราขยันทำงานรับใช้และกระตือรือร้นในการนมัสการพระองค์ (2 คร. 5:14, 15) วิธีที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่เราแสดงว่าเรารู้สึกขอบคุณก็คือการช่วยคนอื่นให้มาเป็นพยานของพระยะโฮวาและเป็นสาวกของพระเยซู (มธ. 28:19, 20) เปาโลก็ทำแบบนั้นด้วย เขารู้ว่าความต้องการของพระยะโฮวาคือ “ให้คนทุกชนิดรอดและได้รับความรู้ที่ถูกต้องเรื่องความจริง”—1 ทธ. 2:3, 4 ห23.10 น. 22-23 ว. 13-14
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 15 นิสาน) มัทธิว 27:62-66
วันอังคารที่ 15 เมษายน
ความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความโศกเศร้าหรือเสียงร้องไห้เสียใจหรือความเจ็บปวดจะไม่มีอีกเลย—วว. 21:4
ตอนไปประกาศ พวกเราหลายคนชอบอ่านข้อคัมภีร์นี้ให้เจ้าของบ้านฟัง เพื่อจะช่วยให้เขาเห็นว่าในโลกใหม่ที่เป็นอุทยานชีวิตจะเป็นยังไง แล้วเราจะทำให้คนอื่นมั่นใจในคำสัญญาที่วิวรณ์ 21:3, 4 ได้ยังไง? ไม่เพียงเท่านั้น เราจะทำให้ตัวเราเองมั่นใจในคำสัญญานี้ของพระยะโฮวาได้ยังไง? พระยะโฮวาไม่ใช่แค่สัญญาเรื่องที่ทำให้เรามีความสุขเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เรามั่นใจในคำสัญญาของพระองค์ด้วย เราเห็นหลักฐานที่ทำให้เรามั่นใจในคำสัญญาของพระยะโฮวาเรื่องอุทยานได้จากคำพูดของพระองค์ที่บอกว่า “พระองค์ผู้นั่งบนบัลลังก์นั้นพูดว่า ‘เรากำลังสร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่’ พระองค์พูดอีกว่า ‘เขียนไว้เถอะ เพราะคำพูดทั้งหมดนี้เชื่อถือได้และเป็นความจริง’ แล้วพระองค์พูดกับผมว่า ‘เรื่องทั้งหมดนี้สำเร็จแล้ว เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบ’”—วว. 21:5, 6ก ห23.11 น. 3 ว. 3-5
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 16 นิสาน) ลูกา 24:1-12
วันพุธที่ 16 เมษายน
ให้คุณคอยแนะนำคนหนุ่ม ๆ ให้เป็นคนมีเหตุผล—ทต. 2:6
พี่น้องชายวัยรุ่นจะแสดงว่ามีความสุขุมรอบคอบโดยวิธีที่เขาตัดสินใจเลือกเสื้อผ้าและการแต่งตัว คนที่ออกแบบเสื้อผ้าและแฟชั่นในทุกวันนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนที่ไม่นับถือพระยะโฮวาและใช้ชีวิตแบบผิดศีลธรรม วิธีที่พวกเขาใช้ชีวิตก็สะท้อนออกมาให้เห็นจากเสื้อผ้าของพวกเขาที่ทั้งรัดฟิต และเสื้อผ้าที่ทำให้ผู้ชายดูเหมือนผู้หญิง ดังนั้น ตอนที่คริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ตัดสินใจว่าจะเลือกเสื้อผ้าแบบไหน เขาก็จะคิดถึงหลักการในคัมภีร์ไบเบิลและคิดถึงคนที่เป็นตัวอย่างที่ดีในประชาคม เขาอาจถามตัวเองว่า ‘การตัดสินใจของฉันแสดงให้เห็นไหมว่าฉันเป็นคนที่มีสติดีและคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น? วิธีที่ฉันแต่งตัวทำให้คนอื่นเชื่อจริง ๆ ไหมว่าฉันเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า?’ (1 คร. 10:31-33) พี่น้องชายวัยรุ่นที่มีความสุขุมรอบคอบจะได้รับความนับถือจากพี่น้องและทำให้พระยะโฮวาพอใจ ห23.12 น. 26 ว. 7
วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน
รัฐบาลของผมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้ ถ้ารัฐบาลของผมเป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้ คนของผมก็คงต่อสู้—ยน. 18:36
ในอดีต “กษัตริย์ทิศใต้” ข่มเหงคนของพระยะโฮวา (ดนล. 11:40) ตัวอย่างเช่น ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2 พยานพระยะโฮวาหลายคนถูกขังคุกเพราะไม่ยอมเป็นทหาร และเด็ก ๆ ก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียนเพราะไม่เคารพธงชาติ แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ คนของพระยะโฮวาที่อยู่ใต้การปกครองของ “กษัตริย์ทิศใต้” เจอการข่มเหงในอีกรูปแบบหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ในช่วงการเลือกตั้ง พี่น้องบางคนอาจรู้สึกอดไม่ได้ที่จะสนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรคหรือผู้สมัครบางคนมากกว่าคนอื่น แม้เขาจะไม่ถึงขั้นไปเลือกตั้งลงคะแนนเสียงจริง ๆ แต่เขาอาจเข้าข้างในใจโดยคิดว่าพรรคนี้ดีกว่าพรรคอื่นหรืออยากให้พรรคนี้ชนะการเลือกตั้ง ดังนั้น เพื่อเราจะเป็นกลางจริง ๆ เราต้องระวังไม่ใช่แค่สิ่งที่เราทำ แต่ต้องระวังสิ่งที่เราคิดและรู้สึกด้วย—ยน. 15:18, 19 ห23.08 น. 12 ว. 17
วันศุกร์ที่ 18 เมษายน
ขอพระยะโฮวาได้รับการสรรเสริญ พระองค์แบกภาระให้พวกเราทุกวัน—สด. 68:19
ตอนที่เรากำลังวิ่งแข่งเพื่อชีวิต เราต้อง “วิ่งอย่างที่จะเอารางวัลให้ได้” (1 คร. 9:24) พระเยซูบอกว่าเราอาจ “หมกมุ่นกับการกิน การดื่มจัด หรือมัวแต่กังวลกับชีวิต” ได้ (ลก. 21:34) ข้อคัมภีร์เหล่านี้และข้อคัมภีร์อื่น ๆ จะช่วยคุณให้รู้ว่าคุณต้องปรับเปลี่ยนอะไรเพื่อที่จะวิ่งแข่งเพื่อชีวิตได้ต่อ ๆ ไป เรามั่นใจได้ว่าเราจะวิ่งจนถึงเส้นชัยและได้รางวัลเพราะพระยะโฮวาจะให้กำลังกับเรา (อสย. 40:29-31) ขออย่าวิ่งช้าลง ขอให้เลียนแบบอัครสาวกเปาโลซึ่งพยายามอย่างมากที่จะวิ่งไปถึงเส้นชัยและได้รางวัล (ฟป. 3:13, 14) ไม่มีใครวิ่งเพื่อชีวิตแทนคุณได้ แต่พระยะโฮวาจะช่วยคุณแน่ ๆ พระองค์จะช่วยให้คุณแบกความรับผิดชอบและทิ้งของหนักที่ไม่จำเป็น เมื่อพระยะโฮวาอยู่กับคุณ คุณจะวิ่งจนถึงเส้นชัยด้วยความอดทนและได้รับรางวัลแน่นอน ห23.08 น. 31 ว. 16-17
วันเสาร์ที่ 19 เมษายน
ให้นับถือพ่อแม่—อพย. 20:12
ตอนที่พระเยซูอายุ 12 ท่านไปที่กรุงเยรูซาเล็มกับพ่อแม่ด้วย แต่พวกเขาเดินทางกลับบ้านโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าลืมพระเยซูไว้ที่นั่น (ลก. 2:46-52) ที่จริงโยเซฟกับมารีย์ควรจะเช็กดูให้แน่ใจว่าลูก ๆ กลับไปครบทุกคนไหม พอโยเซฟกับมารีย์ตามหาพระเยซูจนเจอ มารีย์ก็โทษว่าเป็นความผิดของพระเยซู ที่จริงพระเยซูอาจจะบอกก็ได้ว่าถ้าจะโทษท่านฝ่ายเดียวมันก็ไม่ยุติธรรม แต่พระเยซูก็ไม่ทำอย่างนั้น ท่านตอบพ่อแม่แบบง่าย ๆ และด้วยความนับถือ แม้ “โยเซฟกับมารีย์ไม่เข้าใจว่าท่านพูดเรื่องอะไร” แต่ท่านก็ “เชื่อฟังพวกเขาเสมอ” เด็ก ๆ และวัยรุ่น คุณรู้สึกไหมว่าไม่ง่ายเลยที่จะเชื่อฟังพ่อแม่ตอนที่พวกเขาทำผิดหรือตอนที่พวกเขาเข้าใจคุณผิด? อะไรจะช่วยให้คุณเชื่อฟังพ่อแม่ได้? ให้ลองคิดถึงความรู้สึกของพระยะโฮวา คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คนที่เป็นลูก ให้เชื่อฟังพ่อแม่ตามที่พระเจ้าอยากให้ทำ” (อฟ. 6:1) พระยะโฮวารู้ว่าแม้พ่อแม่จะไม่เข้าใจคุณร้อยเปอร์เซ็นต์หรือพวกเขาอาจตั้งกฎที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผล แต่ถ้าคุณเชื่อฟังพวกเขา คุณก็จะทำให้พระยะโฮวามีความสุข ห23.10 น. 7 ว. 5-6
วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน
เป็นคนมีเหตุผล แสดงความอ่อนโยนต่อทุกคนเสมอ—ทต. 3:2
เพื่อนที่โรงเรียนอาจมาบอกว่าสิ่งที่พยานพระยะโฮวาคิดเกี่ยวกับการรักร่วมเพศนั้นไม่ถูก เราต้องทำให้เขามั่นใจว่าเรารู้ว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกใช้ชีวิตของตัวเอง (1 ปต. 2:17) ถ้าเราทำอย่างนั้นแล้ว เราก็อาจคุยกับเขาว่าการทำตามมาตรฐานในคัมภีร์ไบเบิลมีประโยชน์อะไรบ้าง ถ้าเราเจอกับคนที่ไม่เห็นด้วยกับความเชื่อของเราเลย เราไม่ควรด่วนสรุปว่าเรารู้ทั้งหมดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเชื่อ ตัวอย่างเช่น ถ้าเพื่อนที่โรงเรียนมาบอกว่าคนที่เชื่อเรื่องพระเจ้าเป็นพวกงมงาย คุณควรสรุปเองไหมว่าเขาเชื่อในวิวัฒนาการและมีความรู้เยอะมากเกี่ยวกับเรื่องนี้? จริง ๆ แล้วที่เขาบอกว่าพวกที่เชื่อเรื่องพระเจ้าเป็นพวกงมงาย คุณอาจให้เขาดูข้อมูลในเว็บไซต์ jw.org เกี่ยวกับหลักฐานที่ว่าพระเจ้าสร้างสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ ไม่แน่ว่าพอเขาได้อ่านบทความหรือดูวีดีโอในเว็บไซต์ เขาอาจจะอยากคุยกับคุณมากขึ้นก็ได้ การที่คุณเคารพความคิดเห็นของคนอื่นอาจช่วยให้เขาอยากรู้จักคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้นได้ ห23.09 น. 17 ว. 12-13
วันจันทร์ที่ 21 เมษายน
พระยะโฮวา พระองค์ดีจริง ๆ และพร้อมจะให้อภัยพระองค์มีความรักที่มั่นคงต่อทุกคนที่ร้องเรียกพระองค์—สด. 86:5
ถึงเราจะทำผิดพลาด แต่ถ้าเราพยายามทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขและพึ่งพระองค์เสมอ เราก็มั่นใจได้เลยว่าพระยะโฮวาจะใช้เราและอวยพรเราแน่นอน (สภษ. 28:13) แซมสันเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ แต่เขาไม่เคยเลิกที่จะรับใช้พระยะโฮวาแม้แต่หลังจากที่เขาทำผิดพลาดในเรื่องเดลิลาห์ พระยะโฮวาไม่หมดหวังในตัวเขา พระองค์ถึงกับใช้เขาอีกครั้งหนึ่งให้ทำสิ่งที่เกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะทำได้ พระยะโฮวายังคงมองว่าเขาเป็นคนที่มีความเชื่อมากและให้มีการบันทึกชื่อของเขาไว้ในรายชื่อของคนที่ซื่อสัตย์ในฮีบรูบท 11 เราได้กำลังใจมากจริง ๆ ที่รู้ว่าเรากำลังรับใช้พระยะโฮวาพระเจ้าที่รักเราและอยากช่วยให้เราเข้มแข็งโดยเฉพาะตอนที่เราเจอปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ ให้เราทำเหมือนแซมสัน ให้เราอ้อนวอนพระยะโฮวาว่า “ขอพระองค์ระลึกถึงผมด้วย พระเจ้าครับ ขอให้พลังกับผม”—วนฉ. 16:28 ห23.09 น. 7 ว. 18-19
วันอังคารที่ 22 เมษายน
คิดอยู่เสมอว่าวันของพระยะโฮวาใกล้เข้ามาแล้ว—2 ปต. 3:12
เมื่อเราคิดถึงวันของพระยะโฮวาเสมอ มันจะทำให้เราทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อประกาศข่าวดีกับคนอื่น แต่บางครั้งเราก็อาจไม่กล้า เพราะอะไร? เราอาจรู้สึกกลัวคนหรือกลัวว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเรา เปโตรเองก็รู้สึกแบบนั้น ในคืนที่พระเยซูถูกพิจารณาคดีเขาไม่ยอมบอกว่าเขาเป็นสาวกของพระเยซู แถมยังปฏิเสธหลายครั้งว่าไม่รู้จักท่าน (มธ. 26:69-75) ถึงอย่างนั้น เปโตรเองนี่แหละที่ต่อมาสามารถพูดด้วยความมั่นใจว่า “อย่ากลัวสิ่งที่คนอื่นกลัวและอย่ากังวลไปเลย” (1 ปต. 3:14) คำพูดนี้ของเปโตรทำให้เรามั่นใจว่าเราก็เอาชนะการกลัวคนได้เหมือนกัน อะไรจะช่วยให้เราเอาชนะการกลัวคนได้? เปโตรบอกว่า “ในใจพวกคุณ ให้เคารพนับถือพระคริสต์เป็นนาย” (1 ปต. 3:15) นี่รวมถึงการคิดว่าตอนนี้พระเยซูเป็นกษัตริย์และมีอำนาจมากแค่ไหน ห23.09 น. 27-28 ว. 6-8
วันพุธที่ 23 เมษายน
อย่าพูดคุยกันในเรื่องเหล่านี้เลย คือ การผิดศีลธรรมทางเพศ การกระทำที่ไม่สะอาดทุกรูปแบบ—อฟ. 5:3
พวกเราต้องต่อสู้ต่อ ๆ ไปเพื่อจะเลิกทำ “สิ่งไร้ค่าที่เกี่ยวกับความมืด” (อฟ. 5:11) เราได้เห็นแล้วว่า ยิ่งคนเราดู ฟัง และพูดคุยเรื่องผิดศีลธรรมมากเท่าไร มันก็ยิ่งง่ายที่พวกเขาจะลงมือทำจริง ๆ (ปฐก. 3:6; ยก. 1:14, 15) โลกของซาตานพยายามทำให้เราคิดว่าจริง ๆ แล้วสิ่งที่พระยะโฮวาบอกว่าผิดศีลธรรมหรือไม่สะอาดไม่ได้ผิดอะไรเลย (2 ปต. 2:19) นี่เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งที่ซาตานใช้มานานแล้ว คือมันพยายามทำให้คนสับสนว่าอะไรถูกอะไรผิด (อสย. 5:20; 2 คร. 4:4) เราเห็นเลยว่าเดี๋ยวนี้หนัง รายการทีวี หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ พยายามสนับสนุนแนวคิดที่ขัดกับมาตรฐานของพระยะโฮวา ซาตานกำลังหลอกเราให้คิดว่าการกระทำที่ไม่สะอาดและการใช้ชีวิตแบบผิดศีลธรรมเป็นเรื่องที่ไม่มีพิษมีภัย—อฟ. 5:6 ห24.03 น. 22 ว. 8-10
วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน
คนพวกนั้นทำงานรับใช้ที่ศักดิ์สิทธิ์ในสถานที่ซึ่งเป็นแบบจำลองและเป็นเงาของสิ่งที่อยู่ในสวรรค์—ฮบ. 8:5
เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “เต็นท์เข้าเฝ้า” เป็นศูนย์กลางการนมัสการของชาวอิสราเอลที่พวกเขาจะไปอธิษฐานถึงพระยะโฮวาและถวายเครื่องบูชาให้พระองค์ (อพย. 29:43-46) ไม่ว่าชาวอิสราเอลจะไปที่ไหนพวกเขาจะขนย้ายเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย พวกเขาใช้เต็นท์นี้เกือบ 500 ปีจนถึงตอนที่พวกเขาสร้างวิหารที่กรุงเยรูซาเล็ม (อพย. 25:8, 9; กดว. 9:22) เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นภาพแสดงถึงสิ่งที่ดีกว่า มัน “เป็นเงาของสิ่งที่อยู่ในสวรรค์” และเป็นภาพแสดงถึงวิหารโดยนัยที่ยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวา เปาโลบอกว่า “เต็นท์นี้เป็นภาพแสดงถึงสิ่งที่ทำกันอยู่ตอนนี้” (ฮบ. 9:9) ดังนั้น ตอนที่เปาโลเขียนถึงคริสเตียนชาวยิว วิหารโดยนัยก็มีอยู่แล้ว วิหารโดยนัยนี้เริ่มมีในปี ค.ศ. 29 ซึ่งปีนั้นเป็นปีที่พระเยซูรับบัพติศมาและได้รับการเจิมด้วยพลังบริสุทธิ์ และเริ่มรับใช้เป็น “มหาปุโรหิตที่ยิ่งใหญ่” ในวิหารโดยนัย—ฮบ. 4:14; กจ. 10:37, 38 ห23.10 น. 25-26 ว. 6-7
วันศุกร์ที่ 25 เมษายน
ให้คนอื่นเห็นว่าพวกคุณเป็นคนมีเหตุผล—ฟป. 4:5
เราต้องเป็นคนยืดหยุ่นเพื่อที่เราจะรับใช้พระยะโฮวาต่อไปได้และยังคงมีความสุข เราจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? เราต้องเป็นคนมีเหตุผลโดยพร้อมจะปรับเปลี่ยนเมื่อสภาพการณ์ในชีวิตเราเปลี่ยนไป และโดยเคารพความคิดเห็นและการตัดสินใจของคนอื่นเราเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวา เราเลยอยากเป็นคนมีเหตุผล นอกจากนั้น เราอยากเป็นคนถ่อมและเห็นอกเห็นใจคนอื่นด้วย คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระยะโฮวาเป็นเหมือน “หินที่แข็งแกร่ง” เพราะพระองค์มั่นคงไม่หวั่นไหว (ฉธบ. 32:4) ถึงจะเป็นอย่างนั้น พระองค์ก็เป็นพระเจ้าที่มีเหตุผลด้วย เมื่อสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้เปลี่ยนไปพระยะโฮวาก็พร้อมจะปรับเปลี่ยนเพื่อให้ความประสงค์ของพระองค์เป็นจริง พระยะโฮวาสร้างมนุษย์ตามแบบพระองค์ เราเลยสามารถปรับตัวได้เมื่อสภาพการณ์ในชีวิตของเราเปลี่ยนไป นอกจากนั้น พระองค์ให้หลักการที่ชัดเจนในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อช่วยให้เราตัดสินใจอย่างฉลาดไม่ว่าเราจะเจอปัญหาอะไร ตัวอย่างของพระยะโฮวาเองและหลักการที่พระองค์ให้เราเป็นหลักฐานว่าแม้พระยะโฮวาจะเป็นเหมือน “หินที่แข็งแกร่ง” แต่พระองค์ก็เป็นพระเจ้าที่มีเหตุผลด้วย ห23.07 น. 20 ว. 1-3
วันเสาร์ที่ 26 เมษายน
เมื่อผมวิตกกังวล พระองค์ก็ปลอบผมและทำให้ผมสบายใจขึ้น—สด. 94:19
ในคัมภีร์ไบเบิลพระยะโฮวาเปรียบตัวเองเหมือนกับแม่ที่รักลูก (อสย. 66:12, 13) ลองนึกภาพแม่คนหนึ่งที่มีลูกเล็ก ๆ เธอจะดูแลเอาใจใส่ลูกอย่างดีและทำให้แน่ใจว่าลูกมีทุกอย่างที่จำเป็นเหมือนกัน เมื่อเราเจ็บปวดหรือเครียด เราก็มั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะช่วยเราเพราะพระองค์รักเรา พระองค์ไม่เลิกรักเราถึงแม้ว่าเราทำผิด (สด. 103:8) ชาวอิสราเอลทำให้พระยะโฮวาผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เมื่อพวกเขากลับใจ พระองค์ก็แสดงความรักที่มั่นคงต่อพวกเขา ตัวอย่างเช่น พระองค์บอกพวกเขาว่า “เพราะพวกเจ้ามีค่าสำหรับเรา เราให้เกียรติพวกเจ้าและรักพวกเจ้าเสมอมา” (อสย. 43:4, 5) ในทุกวันนี้ พระยะโฮวาก็ยังแสดงความรักแบบนั้นไม่เปลี่ยนแปลง และถึงแม้เราทำผิดร้ายแรงแต่ถ้าเรากลับใจ พระองค์ยังรักเราเหมือนเดิม พระยะโฮวาสัญญาว่า “พระองค์จะให้อภัยอย่างใจกว้าง” (อสย. 55:7) และเมื่อพระองค์ให้อภัยเรา เรา “จะได้รับความสดชื่น”—กจ. 3:19 ห24.01 น. 27 ว. 4-5
วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน
พระยะโฮวาพระเจ้าอยู่กับผม—อสร. 7:28
พระยะโฮวาช่วยเราได้ตอนที่เราต้องเจอกับข้อท้าทายบางอย่าง ตัวอย่างเช่น ถ้าเราอยากไปประชุมภูมิภาค ให้เราไปคุยกับหัวหน้าเพื่อขอลางาน หรือถ้าเราอยากไปประชุมเป็นประจำทุกอาทิตย์ ก็ให้เราขอปรับตารางเวลางานด้วย เมื่อเราทำอย่างนี้ เราก็มีโอกาสเห็นว่าพระยะโฮวาจะช่วยเรายังไง แล้วถ้าผลมันออกมาดี เราก็จะยิ่งมั่นใจในพระยะโฮวามากขึ้น เอสราถ่อมตัวและอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา ทุกครั้งที่เอสรากังวลเกี่ยวกับงานมอบหมาย เขาจะถ่อมตัวและอธิษฐานถึงพระยะโฮวาเสมอ (อสร. 8:21-23; 9:3-5) เมื่อเอสราพึ่งพระยะโฮวา คนอื่น ๆ ก็อยากช่วยเขาและเลียนแบบความเชื่อของเขา (อสร. 10:1-4) คล้ายกัน เมื่อเรารู้สึกกังวลว่าจะมีเงินพอใช้หรือเปล่า หรือกังวลเรื่องความปลอดภัยของครอบครัว เราต้องอธิษฐานถึงพระยะโฮวาและมั่นใจว่าพระองค์จะช่วยเรา ห23.11 น. 18 ว. 15-17
วันจันทร์ที่ 28 เมษายน
[อับราฮัม] เชื่อในพระยะโฮวา พระองค์จึงนับว่าเขาเป็นคนที่พระองค์ยอมรับ—ปฐก. 15:6
พระยะโฮวาไม่ได้บอกว่าเราต้องทำสิ่งต่าง ๆ เหมือนที่อับราฮัมทำ เราถึงจะเป็นคนที่พระองค์ยอมรับ แต่ก็มีหลายอย่างที่เราทำได้ซึ่งแสดงว่าเรามีความเชื่อ เช่น เราสามารถต้อนรับคนใหม่ในประชาคม ช่วยพี่น้องที่กำลังเดือดร้อน หรือทำสิ่งดี ๆ เพื่อคนในครอบครัว การทำสิ่งเหล่านี้ทำให้พระเจ้าพอใจและพระองค์จะอวยพรเรา (รม. 15:7; 1 ทธ. 5:4, 8; 1 ยน. 3:18) และยังมีอีกอย่างหนึ่งที่เราสามารถทำได้ซึ่งเป็นสิ่งที่พิเศษกว่าอย่างอื่นนั่นคือ การประกาศข่าวดีกับคนอื่น (1 ทธ. 4:16) เราทุกคนสามารถแสดงออกด้วยการกระทำว่าเราเชื่อว่าคำสัญญาของพระยะโฮวาจะเป็นจริงและวิธีของพระองค์ดีที่สุด ถ้าเราทำแบบนี้ เราก็มั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะยอมรับเราและเรียกเราว่าเพื่อน ห23.12 น. 2 ว. 3; น. 6 ว. 15
วันอังคารที่ 29 เมษายน
ขอให้ลูกเข้มแข็งสมกับเป็นลูกผู้ชาย—1 พก. 2:2
ไม่นานก่อนที่กษัตริย์ดาวิดจะตาย เขาพูดกับโซโลมอนอย่างที่เราได้อ่านในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ (1 พก. 2:1, 3) คำแนะนำนี้สำคัญมากสำหรับพี่น้องชายทุกคนในทุกวันนี้ เพื่อจะทำตามคำแนะนำนี้ พี่น้องชายต้องเชื่อฟังกฎหมายของพระเจ้าและใช้หลักการในคัมภีร์ไบเบิลในทุกแง่มุมของชีวิต (ลก. 2:52) ทำไมถึงสำคัญที่พี่น้องชายวัยรุ่นจะก้าวหน้าเป็นคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่? พี่น้องชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่มีหน้าที่สำคัญหลายอย่างทั้งในครอบครัวและในประชาคม พี่น้องชายที่เป็นวัยรุ่น คุณกำลังคิดใช่ไหมว่าในอนาคตคุณจะต้องทำหน้าที่รับผิดชอบอะไรบ้าง เช่น คุณอาจจะตั้งเป้าหมายที่จะรับใช้เต็มเวลา เป็นผู้ช่วยงานรับใช้และต่อมาก็เป็นผู้ดูแลในประชาคม คุณอาจจะอยากแต่งงานและมีลูกด้วย (อฟ. 6:4; 1 ทธ. 3:1) ดังนั้น เพื่อที่จะทำตามเป้าหมายและทำหน้าที่เหล่านี้ได้ดี คุณต้องเป็นคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ห23.12 น. 24 ว. 1-2
วันพุธที่ 30 เมษายน
ผมไม่มีเวลาพอจะเล่าต่อเกี่ยวกับกิเดโอน—ฮบ. 11:32
ผู้ดูแลในทุกวันนี้ได้รับมอบหมายจากพระยะโฮวาให้ดูแลแกะที่มีค่าของพระองค์ ผู้ดูแลที่ซื่อสัตย์เหล่านี้เห็นค่าสิทธิพิเศษที่ได้รับใช้พี่น้อง และพวกเขาพยายามที่จะเป็น “คนเลี้ยงแกะที่จะดูแล [พี่น้อง] จริง ๆ” (ยรม. 23:4; 1 ปต. 5:2) เราดีใจมากที่มีผู้ดูแลแบบนี้ในประชาคมของเรา ผู้ดูแลสามารถเรียนได้หลายอย่างจากผู้วินิจฉัยกิเดโอน (ฮบ. 6:12) กิเดโอนได้รับมอบหมายจากพระเจ้าให้ดูแลและปกป้องคนของพระองค์ (วนฉ. 2:16; 1 พศ. 17:6) ผู้ดูแลในทุกวันนี้ก็เป็นเหมือนกิเดโอน พระยะโฮวามอบหมายให้พวกเขาดูแลคนของพระองค์ในช่วงที่ยากลำบากนี้ (กจ. 20:28; 2 ทธ. 3:1) พวกเขาสามารถเรียนจากตัวอย่างของกิเดโอนได้ในเรื่องความเจียมตัว ความถ่อม การเชื่อฟัง และความอดทน แต่ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ดูแลหรือไม่ เราก็ได้ประโยชน์จากเรื่องราวของกิเดโอนด้วย เราสามารถเรียนรู้ที่จะเห็นค่าผู้ดูแลของเรามากขึ้น และสนับสนุนพวกเขาที่ทำงานหนักเพื่อเราในประชาคม—ฮบ. 13:17 ห23.06 น. 2 ว. 1, 3