มีนาคม
วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม
คนที่ตายแล้วก็พ้นโทษจากบาปของเขา—รม. 6:7
ในคัมภีร์ไบเบิลพูดถึงคนดีที่กลายเป็นคนชั่วด้วย เช่น โซโลมอน เขาได้รับการสอนเรื่องพระยะโฮวาอย่างดีและพระองค์ก็อวยพรเขามากมาย แต่ตอนหลังเขากลับไปนมัสการพระเท็จ บาปที่เขาทำร้ายแรงมากจนถึงกับทำให้พระองค์โกรธและส่งผลเสียต่อชาติอิสราเอลนานหลายร้อยปี ก็จริงที่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าโซโลมอน “ตายไปตามปู่ย่าตายาย” ซึ่งคำนี้มีการใช้กับกษัตริย์ดาวิดที่เป็นผู้รับใช้พระเจ้าที่ซื่อสัตย์ด้วย (1 พก. 11:5-9, 43; 2 พก. 23:13) แต่การใช้คำนี้จะเป็นการรับประกันว่าโซโลมอนจะฟื้นขึ้นจากตายแน่ ๆ ไหม? คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ การฟื้นขึ้นจากตายเป็นของขวัญจากพระยะโฮวาพระเจ้าที่รักเรา พระองค์จะให้ของขวัญนี้เฉพาะกับคนที่พระองค์อยากให้เขาได้มีโอกาสรับใช้พระองค์ตลอดไป (โยบ 14:13, 14; ยน. 6:44) แล้วโซโลมอนมีโอกาสที่จะได้รับของขวัญนี้ไหม? พระยะโฮวาเท่านั้นที่รู้คำตอบ เราไม่รู้ แต่สิ่งที่เรารู้ก็คือพระยะโฮวาจะทำสิ่งที่ถูกต้องแน่นอน ห24.05 น. 4 ว. 9
วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม
ผมจะเป็นแขกในเต็นท์ของพระองค์ตลอดไป—สด. 61:4
เมื่อเราอุทิศตัวให้กับพระยะโฮวา เราก็ได้เข้ามาเป็นแขกในเต็นท์ของพระองค์ เราได้กินอาหารหรือได้ความรู้ที่เสริมความเชื่อมากมายและมีความสุขกับพี่น้องคนอื่นที่เป็นแขกของพระยะโฮวาเหมือนกันกับเรา แต่เต็นท์ของพระยะโฮวาไม่ใช่สถานที่ใดสถานที่หนึ่งโดยเฉพาะ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนในโลก ถ้าเรารับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ เราก็จะได้เป็นแขกในเต็นท์ของพระองค์ (วว. 21:3) แล้วสำหรับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาซึ่งตายไปแล้วล่ะ? พวกเขายังคงเป็นแขกในเต็นท์ของพระองค์อยู่ไหม? แน่นอน! ทำไมเราถึงบอกแบบนั้นได้? เพราะสำหรับพระยะโฮวาแล้วพวกเขายังมีชีวิตอยู่ และพระองค์ไม่เคยลืมพวกเขาเลย พระเยซูบอกว่า “เรื่องที่คนตายจะฟื้นขึ้นมานั้น แม้แต่โมเสสก็ยังเขียนไว้ในเรื่องพุ่มหนาม ตอนนั้นเขาเรียกพระยะโฮวาว่า ‘พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ’ พระองค์ไม่ได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น เพราะพระองค์มองว่าพวกเขาทุกคนมีชีวิตอยู่”—ลก. 20:37, 38 ห24.06 น. 3 ว. 6-7
วันอังคารที่ 3 มีนาคม
พระยะโฮวาเป็นกำลังและเป็นโล่ของผม—สด. 28:7
ศาโดกไปที่เมืองเฮโบรนพร้อมกับเอาอาวุธไปด้วยเพื่อเตรียมพร้อมจะสู้รบ (1 พศ. 12:38) เขาเต็มใจตามดาวิดไปสนามรบและพร้อมจะปกป้องชาวอิสราเอลจากศัตรู แม้ศาโดกจะไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการสู้รบสักเท่าไหร่ แต่เขาก็กล้าหาญมาก แล้วศาโดกซึ่งเป็นปุโรหิตไปได้ความกล้าหาญมาจากไหน? เขาอยู่กับผู้ชายหลายคนที่เข้มแข็งและกล้าหาญซึ่งเขาจะเลียนแบบได้ เช่น ดาวิด “เป็นผู้นำกองทัพอิสราเอลออกไปรบ” เลยทำให้ชาวอิสราเอลสนับสนุนดาวิดเป็นกษัตริย์ (1 พศ. 11:1, 2) ดาวิดพึ่งพระยะโฮวาเสมอเมื่อต่อสู้กับศัตรู (สด. 138:3) นอกจากนั้น ศาโดกยังได้เรียนเรื่องความกล้าหาญจากคนอื่น ๆ ด้วย เช่น เยโฮยาดากับเบไนยาห์ลูกชายของเขาที่เป็นนักรบ รวมถึงพวกหัวหน้าวงศ์ตระกูลอีก 22 คนที่อยู่ฝ่ายดาวิด—1 พศ. 11:22-25; 12:26-28 ห24.07 น. 3 ว. 5-6
วันพุธที่ 4 มีนาคม
พระเจ้ากรุณาและพยายามช่วยคุณให้กลับใจ—รม. 2:4
เซาโลจากเมืองทาร์ซัสเคยทำเรื่องเลวร้ายหลายอย่าง เขาข่มเหงสาวกของพระเยซูอย่างหนัก คริสเตียนส่วนใหญ่คงมองว่าไม่มีหวังแล้วที่เขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้และคงไม่มีทางกลับใจแน่ ๆ แต่พระเยซูไม่ได้คิดแบบนั้น ท่านรู้ว่าเซาโลสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองและกลับใจได้ ทั้งพระเยซูและพระยะโฮวามองเห็นคุณลักษณะที่ดีในตัวเซาโล พระเยซูบอกว่า “ผู้ชายคนนี้เป็นเครื่องมือที่ผมเลือกไว้เพื่อประกาศชื่อของผม” (กจ. 9:15) พระเยซูถึงกับใช้การอัศจรรย์เพื่อช่วยให้เซาโลกลับใจ (กจ. 7:58–8:3; 9:1-9, 17-20) พอเซาโลเข้ามาเป็นคริสเตียน เขาก็เป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่าอัครสาวกเปาโล และเขามักจะพูดบ่อย ๆ ว่าเขาได้รับความเมตตากรุณาจากพระเจ้ามากแค่ไหน (1 ทธ 1:12-15) เมื่อเปาโลได้ยินว่ามีปัญหาเรื่องการทำผิดศีลธรรมในประชาคมโครินธ์ เขาจัดการยังไง? วิธีที่เปาโลจัดการกับเรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจวิธีที่พระยะโฮวาสั่งสอนคนของพระองค์ด้วยความรักและแสดงความเมตตากับคนที่กลับใจ ห24.08 น. 13 ว. 15-16
วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม
ท่านผู้เป็นลูกของพระเจ้ามาก็เพื่อทำลายผลงานของมาร—1 ยน. 3:8
พระยะโฮวาค่อย ๆ ทำให้เห็นชัดเจนมากขึ้นว่ามนุษย์ที่ผิดบาปจะสนิทกับพระองค์ได้ยังไง อาเบลลูกคนที่ 2 ของอาดัมกับเอวาเป็นมนุษย์คนแรกที่แสดงความเชื่อในพระยะโฮวาหลังจากเกิดการกบฏในสวนเอเดน เนื่องจากเขารักพระยะโฮวามาก อยากทำให้พระองค์พอใจ และอยากสนิทกับพระองค์ เขาเลยถวายเครื่องบูชาให้กับพระองค์ และเพราะเขาเป็นคนเลี้ยงแกะก็เลยเอาลูกแกะบางตัวมาฆ่าและถวายให้กับพระยะโฮวา แล้วพระยะโฮวารู้สึกยังไง? พระองค์ “พอใจอาเบลกับของถวายของเขา” (ปฐก. 4:4) พระยะโฮวายังพอใจเครื่องบูชาของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์คนอื่น ๆ เพราะพวกเขารักและเชื่อในพระองค์ด้วย อย่างเช่นโนอาห์ (ปฐก. 8:20, 21) การที่พระองค์ยอมรับเครื่องบูชาเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ามนุษย์ที่ผิดบาปสามารถทำให้พระองค์พอใจและสนิทกับพระองค์ได้ ห24.08 น. 3 ว. 5-6
วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม
ส่วนผม ผมเกือบหลงทางไปแล้ว ผมเกือบจะลื่นล้มแล้ว—สด. 73:2
เราอาจรู้สึกเจ็บใจและเครียดมากเมื่อเจอกับความไม่ยุติธรรม (ปญจ. 7:7) ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์อย่างโยบและฮาบากุกก็เคยรู้สึกแบบเดียวกัน (โยบ 6:2, 3; ฮบก. 1:1-3) แม้ว่าเป็นเรื่องปกติที่เราอาจรู้สึกแบบนี้ แต่เราต้องระวังที่จะไม่ทำอะไรที่ไม่ฉลาดและไม่ทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปอีกเมื่อเราเจอกับความไม่ยุติธรรม เมื่อคนที่ทำผิดไม่ได้ถูกลงโทษ เราอาจสงสัยว่ายังคุ้มค่าไหมที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง ผู้เขียนหนังสือสดุดีคนหนึ่งก็เคยรู้สึกอย่างนั้น เขาเห็นคนดีถูกคนชั่วรังแกและคนชั่วก็ดูมีชีวิตที่มีความสุข เขาบอกว่า “คนชั่วก็เป็นอย่างนี้แหละ พวกเขามีชีวิตที่สะดวกสบาย” (สด. 73:12) เขาทุกข์ใจมากที่เห็นความไม่ยุติธรรมมากมายจนเกือบคิดว่าไม่มีประโยชน์แล้วที่จะรับใช้พระยะโฮวา เขาบอกว่า “พอผมพยายามจะเข้าใจเรื่องนี้ ผมก็ทุกข์ใจ”—สด. 73:14, 16 ห24.11 น. 3 ว. 5-7
วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม
ขอให้ทุกเผ่าพันธุ์ยกย่องพระยะโฮวา ยกย่องพระยะโฮวาเพราะพระองค์มีสง่าราศีและมีพลังอำนาจ—สด. 96:7
เรายกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาเพราะเรานับถือพระองค์มาก มีหลายเหตุผลที่เรานับถือพระยะโฮวา เช่น พระองค์เป็นพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด (สด. 96:4-7) สิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์สร้างแสดงให้เห็นถึงสติปัญญาอันล้ำเลิศ พระยะโฮวาเป็นบ่อเกิดและเป็นผู้ค้ำจุนชีวิต (วว. 4:11) พระองค์ภักดี (วว. 15:4) ถ้าพระองค์ตั้งใจจะทำอะไรพระองค์ก็ทำได้สำเร็จ และพระองค์รักษาสัญญาเสมอ (ยชว. 23:14) เราเลยไม่แปลกใจที่ผู้พยากรณ์เยเรมีย์เขียนเกี่ยวกับพระยะโฮวาว่า “ในหมู่คนฉลาดของอาณาจักรต่าง ๆ ไม่มีใครเทียบพระองค์ได้เลย” (ยรม. 10:6, 7) ดังนั้น เรามีหลายเหตุผลจริง ๆ ที่จะแสดงความนับถือต่อพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ของเรา แต่พระยะโฮวาไม่ได้แค่สมควรจะได้รับความนับถือจากเราเท่านั้น พระองค์สมควรจะได้ความรักจากเราด้วย และที่สำคัญที่สุด เรายกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาเพราะเรารักพระองค์มาก ห25.01 น. 3 ว. 5-6
วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม
พวกคุณต้องกำจัดคนชั่วออกไปจากพวกคุณ—1 คร. 5:13
ศัตรูของพระเจ้าพยายามทำให้คนอื่นมององค์การในแง่ร้าย ตัวอย่างเช่น เราได้เรียนจากพระคัมภีร์ว่าพระยะโฮวาคาดหมายให้ผู้รับใช้ของพระองค์เป็นคนที่สะอาดทั้งด้านร่างกายและด้านศีลธรรม และพระองค์คาดหมายให้เรานมัสการพระองค์ในแบบที่พระองค์ยอมรับเท่านั้น ถ้าใครทำชั่วอยู่เรื่อย ๆ และไม่ยอมกลับใจ เขาจะต้องถูกตัดสัมพันธ์และไม่สามารถอยู่ในประชาคมได้อีกต่อไป (1 คร. 5:11, 12; 6:9, 10) พวกเราเต็มใจทำตามคำสั่งที่มาจากพระคัมภีร์ในเรื่องนี้ แต่ศัตรูของพระเจ้าพยายามใช้เรื่องนี้เพื่อกล่าวหาว่าเราเป็นพวกโลกแคบ ชอบตัดสินคนอื่น และไม่แสดงความรัก เราต้องรู้ว่าใครเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตี มารซาตานเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องโกหกต่าง ๆ ที่ใช้โจมตีองค์การของพระเจ้า มันเป็น “พ่อของการโกหก” (ยน. 8:44; ปฐก. 3:1-5) ดังนั้น เรารู้ว่ามันจะใช้คนของมันเพื่อส่งเสริมเรื่องโกหกต่าง ๆ เกี่ยวกับองค์การของพระยะโฮวา ห24.04 น. 10-11 ว. 13-14
วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม
มันจะเกิดขึ้นแน่ ๆ—อสค. 33:33
แม้ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่เริ่มต้นแล้ว อาจมีบางคนที่เห็น “บาบิโลนใหญ่” ถูกทำลายจะนึกถึงสิ่งที่พยานพระยะโฮวาเคยพูดไว้นานมาแล้ว เป็นไปได้ไหมที่คนเหล่านี้จะแสดงความเชื่อในพระยะโฮวา? (วว. 17:5) ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริง นี่ก็คงไม่ต่างอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยของโมเสส ในตอนนั้นมี “คนอื่น ๆ จำนวนมาก” ไปกับชาวอิสราเอลตอนที่พวกเขาออกจากอียิปต์ คนเหล่านี้บางคนอาจเพิ่งเริ่มมีความเชื่อหลังจากที่ได้เห็นภัยพิบัติ 10 อย่างเกิดขึ้นจริงตามที่โมเสสบอก (อพย. 12:38) ถ้าเกิดเหตุการณ์คล้าย ๆ กันนี้ตอนที่ผู้คนเห็นบาบิโลนใหญ่ถูกทำลาย เราควรผิดหวังและรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมไหมที่คนเหล่านี้จะมาเข้าร่วมกับเราก่อนวันอาร์มาเกดโดนจะเริ่มต้น? เราไม่ควรคิดอย่างนั้น เราอยากจะเลียนแบบพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ของเราที่เป็น “พระเจ้าที่เมตตา สงสาร ไม่โกรธง่าย รักใครก็รักมั่นคง และรักษาคำพูดเสมอ”—อพย. 34:6 ห24.05 น. 11 ว. 12-13
วันอังคารที่ 10 มีนาคม
ให้คุณยึดมั่นกับมาตรฐานของคำสอนที่เป็นประโยชน์—2 ทธ. 1:13
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่ยึดมั่นกับ “มาตรฐานของคำสอนที่เป็นประโยชน์”? ให้เรามาดูตัวอย่างของคริสเตียนในยุคแรกด้วยกัน ช่วงหนึ่งมีข่าวลือว่าวันของพระยะโฮวามาถึงแล้ว อาจมีการแพร่ข่าวลือนี้ทางจดหมายที่ทำให้เข้าใจว่ามาจากอัครสาวกเปาโล คริสเตียนบางคนในเมืองเธสะโลนิกาไม่ได้ตรวจสอบให้ดีซะก่อน พวกเขาเลยเชื่อข่าวลือนั้นและถึงกับแพร่ข่าวลือนั้นต่อไปด้วย คริสเตียนเหล่านี้จะไม่ถูกหลอกถ้าพวกเขาจำสิ่งที่เปาโลสอนไว้ตอนที่เปาโลยังอยู่กับพวกเขา (2 ธส. 2:1-5) เปาโลเลยเขียนจดหมายแนะนำพี่น้องเหล่านั้นว่าอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน และเพื่อจะช่วยพี่น้องเหล่านี้ให้ไม่ถูกหลอกอีกในอนาคต เปาโลก็เลยลงท้ายจดหมายฉบับที่ 2 ของเขาที่เขียนถึงพี่น้องในเมืองเธสะโลนิกาว่า “ผมเปาโลเขียนคำทักทายส่วนนี้ด้วยตัวผมเอง ผมเขียนแบบนี้เพื่อเป็นการรับรองจดหมายทุกฉบับ”—2 ธส. 3:17 ห24.07 น. 12 ว. 13-14
วันพุธที่ 11 มีนาคม
พวกคุณต้องอดทนไว้—ฮบ. 10:36
คริสเตียนชาวฮีบรูต้องรับใช้พระยะโฮวาด้วยความอดทนเพราะสถานการณ์ในยูเดียกำลังแย่ลงเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าบางคนเคยเจอกับการข่มเหงหนัก ๆ มาแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่เคยเจอ อัครสาวกเปาโลบอกว่าถึงแม้พวกเขาต้องอดทนกับการทดสอบความเชื่อมากมาย แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้เจอหนักเท่ากับที่พระเยซูเจอ นั่นก็คือต้องอดทนจนถึงกับตาย (ฮบ. 12:4) พอมีคนเข้ามาเป็นคริสเตียนมากขึ้น พวกผู้ต่อต้านก็เริ่มรู้สึกโกรธมากและยิ่งต้องการจะข่มเหงอย่างรุนแรง ไม่กี่ปีก่อนที่เปาโลจะเขียนจดหมายถึงชาวฮีบรู มีชาวยิวมากกว่า 40 คนที่ “สาบานตัวว่าจะไม่กินไม่ดื่มอะไรจนกว่าจะได้ฆ่าเปาโล” (กจ. 22:22; 23:12-14) ถึงแม้ว่าคริสเตียนชาวฮีบรูต้องเจอกับการข่มเหงอย่างหนักและถูกเกลียดชัง แต่พวกเขาก็ยังต้องมาเจอกันเพื่อจะนมัสการร่วมกัน ประกาศข่าวดี และทำให้ความเชื่อของพวกเขาเข้มแข็งอยู่เสมอ ห24.09 น. 12 ว. 15
วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม
[พระเยซู] ก็บอกกับแม่ว่า “แม่ครับ ตั้งแต่นี้ไปเขาเป็นลูกของแม่นะ”—ยน. 19:26
ยอห์นเป็นอัครสาวกที่พระเยซูคริสต์รักมาก (มธ. 10:2) ยอห์นทำงานรับใช้ร่วมกับพระเยซู ได้เห็นท่านทำการอัศจรรย์หลายอย่าง และอยู่เคียงข้างท่านตอนที่ท่านเจอความยากลำบาก ยอห์นเห็นพระเยซูถูกประหารและต่อมาก็มีโอกาสได้เจอกับพระเยซูที่ฟื้นขึ้นจากตายแล้ว เขายังได้เห็นประชาคมคริสเตียนเติบโตขึ้นและมีชีวิตอยู่นานพอจนได้เห็นว่าข่าวดีได้รับการ “ประกาศไปทุกแห่งทั่วใต้ฟ้า” (คส. 1:23) ตอนที่ยอห์นอายุมากแล้ว พระยะโฮวาให้เขามีสิทธิพิเศษได้เขียนหนังสือต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิล เช่น เขาได้รับการดลใจให้เขียนหนังสือวิวรณ์ (วว. 1:1) เขายังได้เขียนหนังสือข่าวดีเล่มหนึ่งและเขียนจดหมายที่ได้รับการดลใจอีก 3 ฉบับ ในจดหมายฉบับที่ 3 เขาเขียนถึงคริสเตียนที่ซื่อสัตย์คนหนึ่งที่ชื่อกายอัสที่เขารักเหมือนลูก (3 ยน. 1) สิ่งที่ยอห์นเขียนได้ให้กำลังใจสาวกของพระเยซูทุกคนรวมทั้งพวกเราในทุกวันนี้ด้วย ห24.11 น. 12 ว. 15-16
วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม
ให้พวกคุณที่เป็นสามี . . . ให้เกียรติเธอ—1 ปต. 3:7
สามีที่รักภรรยาจะเห็นค่าและทะนุถนอมเธอ เขาจะมองว่าเธอเป็นของขวัญที่มีค่ามากจากพระยะโฮวา (สภษ. 18:22; 31:10) ถ้าเขามีมุมมองแบบนั้นเขาก็จะปฏิบัติกับเธอด้วยความกรุณาและความนับถือแม้แต่ในตอนที่มีเพศสัมพันธ์กัน เขาจะไม่กดดันให้เธอทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ไม่มีค่า หรือรบกวนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเธอ และเขาเองก็ไม่ควรทำอะไรที่รบกวนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเองด้วย (กจ. 24:16) พวกคุณที่เป็นสามี คุณมั่นใจได้เลยว่าพระยะโฮวามองเห็นและเห็นค่าความพยายามของคุณที่จะให้เกียรติภรรยาในทุกแง่มุมของชีวิต ขอให้คุณตั้งใจที่จะให้เกียรติภรรยาโดยไม่ทำอะไรที่จะทำให้เธอเสียใจ และโดยแสดงความกรุณา ความนับถือ และแสดงความรักกับเธอ ถ้าทำอย่างนั้น คุณก็กำลังทำให้เธอเห็นว่าคุณรักและเห็นค่าเธอมาก ขอให้คุณให้เกียรติภรรยาของคุณต่อไป เมื่อทำแบบนี้ คุณก็จะสามารถปกป้องความสัมพันธ์ที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของคุณ นั่นก็คือความสัมพันธ์ที่คุณมีกับพระยะโฮวา—สด. 25:14 ห25.01 น. 13 ว. 17-18
วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม
พระคริสต์ยอมสละตัวเองเพื่อเรา . . . และชำระเราให้เป็นคนกลุ่มพิเศษของท่าน เป็นคนมุ่งมั่นในการทำงานที่ดี—ทต. 2:14
อย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาต่างจากคริสเตียนทั่วไปในโลกก็คือความกระตือรือร้นในงานประกาศ แล้วอะไรจะช่วยให้เรายังคงรักษาความกระตือรือร้นในการประกาศหรือทำให้ตัวเองยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้นได้? เราจะกระตือรือร้นในงานประกาศมากขึ้นได้โดยเรียนจากตัวอย่างของพระเยซู ตอนที่ท่านทำงานรับใช้บนโลก ท่านไม่เคยหมดความกระตือรือร้นเลย ที่จริง ยิ่งเวลาผ่านไปท่านก็ยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้น ในตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซู คนดูแลสวนองุ่นรอเวลา 3 ปีให้ต้นมะเดื่อออกผล แต่เขาก็ไม่เคยเห็นผลของมันเลย คล้ายกันพระเยซูก็ใช้เวลา 3 ปีประกาศกับชาวยิว แต่ก็มีคนน้อยมากที่เข้ามาเป็นสาวกของท่าน ถึงอย่างนั้น เหมือนกับคนดูแลสวนองุ่นที่ไม่ได้หมดหวังกับต้นมะเดื่อต้นนั้น พระเยซูก็ไม่ได้หมดหวังในตัวผู้คนหรือกระตือรือร้นน้อยลงในการทำงานรับใช้ ท่านกลับยิ่งพยายามมากขึ้นที่จะเข้าถึงหัวใจของผู้คน การที่เราได้เรียนสิ่งที่ท่านสอนและเลียนแบบท่านจะช่วยให้เรารักษาความกระตือรือร้นอยู่เสมอได้ในทุกวันนี้ ห25.03 น. 14-15 ว. 1-4
วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม
คนฉลาดทำทุกอย่างโดยอาศัยความรู้—สภษ. 13:16
ถ้าคุณเจอใครบางคนที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับคุณ คุณจะทำยังไง? คุณควรเข้าไปบอกทันทีเลยไหมว่าคุณชอบเขา? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าคนฉลาดทำทุกอย่างโดยอาศัยความรู้ ดังนั้น เป็นเรื่องฉลาดถ้าคุณใช้เวลาสังเกตเขาสักระยะหนึ่งก่อน แล้วค่อยไปบอกว่าคุณชอบเขา คุณจะสังเกตคนที่คุณกำลังสนใจได้ยังไง? ตอนที่อยู่หอประชุมหรือตอนที่กินข้าวสังสรรค์กับพี่น้อง ให้สังเกตว่าเขามีความเชื่อเข้มแข็งไหม? เขาเป็นคนยังไงและมีนิสัยแบบไหน? ใครเป็นเพื่อนเขา? เขาชอบคุยเรื่องอะไร? (ลก. 6:45) เขามีเป้าหมายที่คล้าย ๆ กับคุณไหม? คุณอาจจะคุยกับผู้ดูแลในประชาคมของเขา หรือคุยกับพี่น้องที่มีความเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักเขาอย่างดี (สภษ. 20:18) คุณอาจจะถามว่า เขามีชื่อเสียงแบบไหน? มีนิสัยยังไง? (นรธ. 2:11) ตอนที่คุณสังเกตคนที่คุณกำลังสนใจ ระวังอย่าทำให้เขาอึดอัดหรือไม่สบายใจ ให้เคารพความเป็นส่วนตัวและความรู้สึกของเขา และเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสมด้วย ห24.05 น. 22 ว. 7-8
วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม
ในที่สุด ผมก็สารภาพบาปต่อพระองค์—สด. 32:5
ผู้ดูแลจะเลียนแบบพระเยซูโดยไม่รีบด่วนสรุปว่าคนที่ทำผิดจะไม่กลับใจ ถึงแม้บางคนอาจแสดงให้เห็นว่าเขากลับใจตั้งแต่การพบกันครั้งแรกกับคณะกรรมการที่ประกอบด้วยผู้ดูแล แต่บางคนก็อาจต้องการเวลามากกว่านั้น ผู้ดูแลเลยอาจพบกับคนที่ทำผิดมากกว่า 1 ครั้ง บางทีหลังจากการพบกันครั้งแรกพี่น้องที่ทำผิดอาจเริ่มคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้ดูแลพูดกับเขา และเขาอาจถ่อมตัวลงและอธิษฐานขอการอภัยจากพระยะโฮวา (สด. 38:18) แล้วพอคนที่ทำผิดพบกับคณะกรรมการครั้งถัดไป เขาอาจแสดงท่าทีเปลี่ยนไปจากครั้งแรกที่พบกันก็ได้ เพื่อที่ผู้ดูแลจะช่วยคนที่ทำผิดให้กลับใจได้พวกเขาต้องแสดงความเห็นอกเห็นใจและความอ่อนโยน พวกเขาจะอธิษฐานขอพระยะโฮวาอวยพรความพยายามของพวกเขาและหวังว่าพี่น้องคนนั้นจะสำนึกตัวและกลับใจ—2 ทธ. 2:25, 26 ห24.08 น. 22-23 ว. 12-13
วันอังคารที่ 17 มีนาคม
“พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดบอกว่า ‘เราไม่อยากให้ใครตายเลย ดังนั้น เลิกทำชั่วแล้วมีชีวิตอยู่ต่อไปเถอะ’”—อสค. 18:32
เราได้เรียนอะไรบ้างจากบทความชุดทั้ง 5 บทความนี้? เราได้เรียนว่าพระยะโฮวาไม่อยากให้ใครต้องถูกทำลาย พระองค์อยากให้คนที่ทำบาปกลับมาคืนดีกับพระองค์ (2 คร. 5:20) นี่เลยเป็นเหตุผลที่ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาพระยะโฮวากระตุ้นคนของพระองค์ที่ดื้อรั้นหลายครั้งหลายหนให้กลับใจและกลับมาหาพระองค์ ผู้ดูแลในปัจจุบันมีสิทธิพิเศษที่ได้ทำงานร่วมกับพระยะโฮวาในการช่วยคนที่ทำบาปให้กลับใจ (รม. 2:4; 1 คร. 3:9) ลองนึกภาพว่าในสวรรค์จะมีความสุขมากแค่ไหนเมื่อคนบาปกลับใจ พระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ของเรามีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นแกะที่หลงหายของพระองค์กลับเข้ามาในประชาคม เมื่อเราคิดใคร่ครวญถึงความเห็นอกเห็นใจ ความเมตตา และความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวา เราก็ยิ่งรู้สึกรักพระองค์มากขึ้นจริง ๆ—ลก. 1:78 ห24.08 น. 31 ว. 16-17
วันพุธที่ 18 มีนาคม
พอพระเยซูรู้ว่าพวกเขาพยายามจะตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ ท่านก็ปลีกตัวไปอยู่ที่ภูเขาคนเดียว—ยน. 6:15
ถ้าพระเยซูยอมเป็นกษัตริย์อย่างที่ประชาชนต้องการ ท่านก็จะเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมืองของพวกยิวซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของพวกโรมัน แต่ท่านไม่ได้ทำอย่างนั้น คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า ท่าน “ปลีกตัวไปอยู่ที่ภูเขา” ดังนั้น แม้จะโดนกดดัน แต่พระเยซูก็ไม่ยอมยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีมากสำหรับเราจริง ๆ แน่นอนว่าไม่มีใครขอให้เราเลี้ยงขนมปังด้วยการอัศจรรย์ รักษาคนป่วยให้หาย หรือขอให้เป็นกษัตริย์ แต่ก็อาจมีบางคนพยายามกระตุ้นให้เรายุ่งเกี่ยวกับการเมือง โดยชวนเราไปเลือกตั้งหรือให้การสนับสนุนคนที่พวกเขาคิดว่าจะมาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ แต่พระเยซูเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเราในเรื่องการไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย ท่านถึงกับบอกว่า “รัฐบาลของผมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้” (ยน. 17:14; 18:36) พวกเราที่เป็นคริสเตียนในทุกวันนี้ก็คิดและทำเหมือนกับพระเยซูที่สนับสนุนรัฐบาลของพระเจ้าอย่างเต็มที่ เราบอกผู้คนเกี่ยวกับเรื่องนี้และอธิษฐานขอให้รัฐบาลนี้มาปกครอง—มธ. 6:10 ห24.12 น. 4 ว. 5-6
วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม
ทุกคนที่รู้ว่าผมสั่งอะไรและทำตามก็รักผม พ่อผมจะรักทุกคนที่รักผม ผมเองก็จะรักเขาด้วยและจะให้เขาได้รู้จักผมจริง ๆ—ยน. 14:21
ตอนที่คุณศึกษาส่วนตัว ให้หาวิธีที่คุณจะเอาสิ่งที่เรียนไปใช้ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลียนแบบความยุติธรรมของพระยะโฮวาได้โดยปฏิบัติกับคนอื่นอย่างไม่ลำเอียง และให้คุณเลียนแบบความรักที่พระเยซูมีต่อพ่อของท่านและต่อคนอื่นโดยยอมอดทนกับความยากลำบากเพื่อปกป้องชื่อเสียงของพระยะโฮวาและโดยเสียสละตัวเองเพื่อพี่น้อง นอกจากนั้น ให้คุณเลียนแบบพระเยซูโดยประกาศกับคนอื่นเพื่อที่พวกเขาจะมีโอกาสได้รับประโยชน์จากค่าไถ่ซึ่งเป็นของขวัญที่มีค่ามากจากพระยะโฮวา เมื่อเราเรียนรู้เกี่ยวกับค่าไถ่ต่อ ๆ ไป เราก็จะยิ่งรักพระยะโฮวาและพระเยซูมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อเรารักพระองค์ทั้งสองมากขึ้น พระองค์ทั้งสองก็จะรักเรามากขึ้นด้วย (ยก. 4:8) ดังนั้น ขอให้เราใช้สิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาจัดเตรียมให้เราเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับค่าไถ่ต่อ ๆ ไป ห25.01 น. 25 ว. 16-17
วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม
พระองค์ได้เหวี่ยงบาปทั้งหมดของผมไปข้างหลังพระองค์—อสย. 38:17
ข้อคัมภีร์ประจำวันนี้อาจแปลได้อีกอย่างหนึ่งว่า “พระองค์เอาบาปทั้งหมดของผมไปให้พ้นสายตาพระองค์” ภาพเปรียบเทียบนี้แสดงให้เห็นว่าถ้าใครกลับใจ พระยะโฮวาก็จะเหวี่ยงบาปของเขาไปให้ไกลที่สุดและไม่นึกถึงมันอีกเลย หรือถ้าจะแปลอีกอย่างหนึ่งก็คือ “พระองค์ทำเหมือนกับว่าบาปที่ผมทำไม่เคยเกิดขึ้นเลย” คัมภีร์ไบเบิลยังเน้นเรื่องนี้อีกในมีคาห์ 7:18, 19 ข้อนั้นบอกว่าพระองค์เอาบาปที่พวกเราทำทั้งหมดโยนลงทะเล ในสมัยโบราณถ้ามีใครโยนอะไรลงทะเลลึกก็ไม่มีทางที่จะเอากลับขึ้นมาได้เลย ภาพเปรียบเทียบเหล่านี้ทำให้เห็นว่า เมื่อพระยะโฮวาให้อภัยเรา พระองค์ก็ไม่จดจำบาปของเราอีกเลย ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป ดาวิดบอกว่า “คนที่ได้รับการยกโทษความผิด และบาปของเขาถูกปิดคลุมไว้แล้ว” (รม. 4:7) นี่เป็นการให้อภัยอย่างแท้จริง ห25.02 น. 9 ว. 7-8
วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม
ให้ชื่นชมยินดีเสมอในสิ่งที่เรากำลังสร้าง—อสย. 65:18
ทุกวันนี้มีสวนอุทยานแห่งหนึ่งบนโลกที่สวยงามมากและมีแต่ความสงบสุข มีหลายล้านคนอยู่ที่นั่นและพวกเขากำลังทำสิ่งที่น่าทึ่งหลายอย่าง พวกเขาตั้งใจว่าจะอยู่ในอุทยานนั้นต่อ ๆ ไปและไม่ออกไปจากที่นั่นเลย นอกจากนั้น พวกเขายังอยากชวนคนให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ให้มาอยู่กับพวกเขาในอุทยานนี้ อุทยานที่ว่าคืออะไร? อุทยานโดยนัยนั่นเอง พระยะโฮวาทำสิ่งที่น่าทึ่งมากโดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้คนของพระองค์เป็นหนึ่งเดียวและอบอุ่นท่ามกลางโลกของซาตานที่มีแต่ความเกลียดชัง ความชั่วร้าย และเต็มไปด้วยอันตราย (1 ยน. 5:19; วว. 12:12) พระยะโฮวาเห็นว่าโลกของซาตานส่งผลเสียกับเราขนาดไหน พระองค์ก็เลยทำให้เรารู้สึกมั่นคงปลอดภัยเพื่อที่เราจะรับใช้พระองค์ได้อย่างมีความสุข คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงอุทยานโดยนัยว่าเป็นที่ที่คนที่นั่นจะได้รับการ “ปกป้อง” และเป็น “สวนที่มีน้ำรดชุ่มฉ่ำ” (อสย. 4:6; 58:11) พระยะโฮวาอวยพรคนที่อยู่ในสวนอุทยานโดยนัยให้มีความสุขและรู้สึกมั่นคงปลอดภัยแม้จะอยู่ในสมัยสุดท้ายที่มีแต่ความยากลำบาก—อสย. 54:14; 2 ทธ. 3:1 ห24.04 น. 20 ว. 1-2
วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม
แต่ให้ขอทุกสิ่งจากพระเจ้าด้วยการ . . . การอ้อนวอน—ฟป. 4:6
ถ้าคุณอยากแต่งงาน คุณต้องอธิษฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ ๆ ถึงแม้พระยะโฮวาไม่ได้สัญญากับใครว่าพระองค์จะหาคู่ให้ แต่พระองค์ก็เป็นห่วงความรู้สึกของคุณและสนใจว่าคุณต้องการอะไร พระองค์จะช่วยคุณตอนที่คุณกำลังมองหาใครสักคนอยู่ ดังนั้น บอกพระองค์ว่าคุณรู้สึกยังไงและต้องการอะไร (สด. 62:8) และให้คุณอธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยคุณให้อดทนและมีสติปัญญาด้วย (ยก. 1:5) ถึงแม้ว่าคุณอาจจะต้องรอนานกว่าที่คิด แต่พระยะโฮวาสัญญาว่าจะคอยดูแลคุณและความรู้สึกของคุณแน่นอน (สด. 55:22) ขอจำไว้ว่าอย่าหมกมุ่นกับการหาคู่มากเกินไป (ฟป. 1:10) ความสุขที่แท้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณแต่งงานหรือเป็นโสด แต่ขึ้นอยู่กับการที่คุณได้สนิทกับพระยะโฮวา (มธ. 5:3) ตอนที่เป็นโสดคุณก็มีอิสระมากกว่าที่จะทำงานรับใช้ (1 คร. 7:32, 33) ขอให้ใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ห24.05 น. 21 ว. 4; น. 22 ว. 6
วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม
อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น ให้เห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นด้วย—ฟป. 2:4
คุณควรคบกันเป็นแฟนนานเท่าไหร่? การรีบตัดสินใจเร็วเกินไปมักจะส่งผลเสียตามมา (สภษ. 21:5) ดังนั้น คุณควรคบกันให้นานพอที่จะรู้จักกันดีจริง ๆ แต่ก็ไม่ควรนานเกินไปโดยไม่จำเป็น คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ความคาดหวังที่ถูกเลื่อนออกไปทำให้เสียใจ” (สภษ. 13:12) เราสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยพี่น้องที่กำลังคบกันอยู่? เราสามารถชวนพวกเขากินข้าวด้วยกัน ศึกษาครอบครัวด้วยกัน หรือทำกิจกรรมบางอย่างด้วยกัน (รม. 12:13) พวกเขาต้องการคนไปเป็นเพื่อนไหม? พวกเขาอยากให้ขับรถไปรับไปส่งไหม? หรืออยากได้ที่ที่พวกเขาจะคุยกันเป็นส่วนตัวไหม? ถ้าเป็นแบบนั้น คุณจะช่วยพวกเขาได้ไหม? (กท. 6:10) ถ้าคนที่เป็นแฟนกันขอให้คุณไปเป็นเพื่อน ให้ถือว่านี่เป็นโอกาสที่คุณจะช่วยเพื่อนได้ คุณอาจให้เวลาและสถานที่ที่พวกเขาจะคุยกันส่วนตัวได้ แต่ต้องระวังที่จะไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่ลับสายตา ห24.05 น. 30 ว. 13-14
วันอังคารที่ 24 มีนาคม
ผมให้เวลาเธอกลับใจ—วว. 2:21
ผู้ดูแลจะพยายามหาสาเหตุที่ทำให้พี่น้องทำผิด ตัวอย่างเช่น ความเชื่อของพี่น้องคนนั้นค่อย ๆ อ่อนแอลงเพราะเขาไม่ได้ศึกษาส่วนตัวหรือไม่ได้ประกาศไหม? เขาเริ่มอธิษฐานน้อยลงหรืออธิษฐานแบบซ้ำซากไหม? เขายังพยายามต่อสู้กับความต้องการผิด ๆ อยู่ไหม? เขาเลือกเพื่อนหรือความบันเทิงที่ไม่ดีไหม? การที่เขาเลือกแบบนั้นทำให้หัวใจของเขาเป็นยังไง? เขารู้ไหมว่าการตัดสินใจและการกระทำของเขาส่งผลยังไงต่อความรู้สึกของพระยะโฮวา? ผู้ดูแลอาจใช้คำถามเพื่อช่วยพี่น้องคนนั้นให้คิดว่า อะไรอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับพระยะโฮวาอ่อนแอลง พวกเขาควรพูดอย่างอ่อนโยนโดยไม่ซักไซ้ในเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องรู้ (สภษ. 20:5) นอกจากนั้น ผู้ดูแลอาจใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบเพื่อช่วยพี่น้องคนนั้นให้เห็นว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่ผิด เมื่อผู้ดูแลทำแบบนี้ พี่น้องคนนั้นอาจเริ่มรู้สึกสำนึกผิดและอาจจะกลับใจตั้งแต่การพบกันครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ ห24.08 น. 22 ว. 9-11
วันพุธที่ 25 มีนาคม
ผมต้องประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าที่เมืองอื่นด้วย เพราะพระเจ้าส่งผมมาเพื่อทำงานนี้—ลก. 4:43
พระเยซูประกาศ “ข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า” อย่างกระตือรือร้นเพราะรู้ว่านี่เป็นงานที่พระยะโฮวาอยากให้ท่านทำ พระเยซูให้งานรับใช้มาเป็นอันดับแรกในชีวิต และแม้แต่ในช่วงท้ายที่ท่านทำงานรับใช้ ท่านก็ยังเดินทางไป “ตามเมืองและตามหมู่บ้าน” เพื่อสอนคนอื่น (ลก. 13:22) นอกจากนั้น ท่านยังฝึกสาวกคนอื่น ๆ ให้ทำงานประกาศด้วย (ลก. 10:1) ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน งานประกาศข่าวดีเป็นงานหลักที่พระยะโฮวาและพระเยซูอยากให้เราทำ (มธ. 24:14; 28:19, 20) เราจะกระตือรือร้นมากขึ้นในงานประกาศได้โดยการมองผู้คนอย่างที่พระยะโฮวามอง พระองค์อยากให้ผู้คนมากที่สุดได้ฟังข่าวดีและเรียนความจริงเกี่ยวกับพระองค์ (1 ทธ. 2:3, 4) เนื่องจากความจริงนี้สามารถช่วยชีวิตคนได้ พระยะโฮวาก็เลยฝึกเราให้ประกาศเก่งขึ้น และถึงแม้พวกเขาอาจยังไม่ตอบรับความจริงในตอนนี้ แต่พวกเขาก็ยังมีโอกาส ห25.03 น. 15-16 ว. 5-7
วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม
คนที่ทักทายเขาก็ถือว่ามีส่วนร่วมในการทำชั่วของเขา—2 ยน. 11
คริสเตียนทุกคนจะต้องใช้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ได้รับการฝึกจากคัมภีร์ไบเบิลเพื่อตัดสินใจว่าควรปฏิบัติยังไงกับคนที่ถูกตัดออกจากประชาคม บางคนอาจรู้สึกว่าสามารถทักทายสั้น ๆ และต้อนรับคนนั้นที่มาเข้าร่วมการประชุมได้ อย่างไรก็ตาม เราจะไม่คุยกับเขาต่อหรือคบหากับเขา บางคนอาจสงสัยว่า ‘คัมภีร์ไบเบิลบอกไม่ใช่เหรอว่าคนที่ทักทายคนที่ทำผิดร้ายแรงก็ถือว่ามีส่วนร่วมในการทำชั่วของเขา?’ (2 ยน. 9-11) ท้องเรื่องของข้อคัมภีร์นี้แสดงให้เห็นว่าคำแนะนำนี้ใช้กับคนที่ทรยศพระเจ้าและคนที่พยายามชักชวนคนอื่นให้ทำชั่ว (วว. 2:20) ดังนั้น ถ้ามีคนที่สนับสนุนคำสอนของคนทรยศพระเจ้าหรือสนับสนุนการทำชั่วอื่น ๆ ผู้ดูแลก็จะไม่จัดให้มีการพบกับคนแบบนั้น อย่างไรก็ตาม อาจเป็นไปได้ที่คนนั้นจะกลับใจ แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น เราก็จะไม่ทักทายหรือเชิญเขามาร่วมการประชุม ห24.08 น. 30-31 ว. 14-15
วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม
พวกเขายังไม่เข้าใจ—มก. 6:52
หลังจากเลี้ยงขนมปังอย่างอัศจรรย์แล้ว พระเยซูบอกให้พวกสาวกขึ้นเรือเพื่อเดินทางกลับที่ไปคาเปอร์นาอุม ส่วนท่านไปที่ภูเขาเพราะอยากจะหนีฝูงชนที่พยายามจะตั้งท่านเป็นกษัตริย์ (ยน. 6:16-20) ตอนที่พวกสาวกกำลังพายเรือในทะเลสาบกาลิลี ก็เกิดพายุขึ้นจนทำให้น้ำในทะเลสาบปั่นป่วน แล้วพระเยซูก็เดินบนน้ำมาหาพวกเขา และบอกให้อัครสาวกเปโตรเดินบนน้ำมาหาท่านด้วย (มธ. 14:22-31) พอพระเยซูขึ้นมาบนเรือ ลมก็สงบ พวกสาวกประทับใจมากจนพูดออกมาว่า “อาจารย์ ท่านเป็นลูกของพระเจ้าจริง ๆ” (มธ. 14:33) น่าสนใจ พวกสาวกเพิ่งมาพูดแบบนี้ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาได้เห็นพระเยซูทำการอัศจรรย์เกี่ยวกับขนมปัง มาระโกบอกว่า “[พวกอัครสาวก] เห็นอย่างนั้นก็ประหลาดใจมาก เพราะพวกเขายังไม่เข้าใจความหมายของการอัศจรรย์เกี่ยวกับขนมปัง 5 อันนั้น” (มก. 6:50-52) ใช่แล้ว พวกอัครสาวกยังไม่เข้าใจว่าพระยะโฮวาสามารถให้พลังกับพระเยซูมากกว่าแค่เลี้ยงอาหารคนเป็นหมื่น ห24.12 น. 5 ว. 7
วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม
[พระเจ้า] ต้องการให้คนทุกชนิดรอดและได้รับความรู้ที่ถูกต้องเรื่องความจริง—1 ทธ. 2:4
ยังมีอีกวิธีที่เราจะแสดงว่าเราเห็นค่าความรักของพระยะโฮวา นั่นก็คือการใช้เวลาในช่วงการประชุมอนุสรณ์เพื่อแสดงว่าเรารู้สึกขอบคุณที่มีค่าไถ่ นอกจากเราจะไปประชุมอนุสรณ์แล้ว เราอยากเชิญคนอื่นให้มาเข้าร่วมการประชุมนี้ด้วย เมื่อคุณเชิญพวกเขามาประชุมก็ขอให้อธิบายให้ฟังว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในการประชุมนั้น คุณอาจใช้วีดีโอในเว็บไซต์ jw.org เช่น วีดีโอทำไมพระเยซูถึงต้องมาตาย? และวีดีโอระลึกถึงการเสียชีวิตของพระเยซู ผู้ดูแลต้องไม่ลืมที่จะชวนคนที่เลิกประกาศให้มาประชุมอนุสรณ์ด้วย ลองนึกภาพดูสิว่าทั้งในสวรรค์และโลกจะมีความสุขแค่ไหนถ้าแกะที่หลงหายอยากกลับมาหาพระยะโฮวา (ลก. 15:4-7) เมื่อเราไปประชุมอนุสรณ์ เราจะไม่ใช่แค่ทักทายกันเอง แต่จะทักทายคนที่เพิ่งมาประชุมครั้งแรกหรือคนที่ไม่ได้มาประชุมนานแล้วด้วย เราอยากให้ทุกคนรู้สึกว่าได้รับการต้อนรับอย่างดี—รม. 12:13 ห25.01 น. 29 ว. 15
วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม
พระเจ้า … รักเราและให้ลูกของพระองค์มาเพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของเรา—1 ยน. 4:10
นอกจากค่าไถ่จะช่วยให้เรารู้ว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ยุติธรรมแล้ว ค่าไถ่ยังช่วยให้เราเข้าใจว่าพระยะโฮวารักเรามากขนาดไหน (ยน. 3:16; 1 ยน. 4:9, 10) คำสอนเรื่องค่าไถ่ทำให้เรารู้ว่าพระยะโฮวาไม่ใช่แค่อยากให้เรามีชีวิตตลอดไปเท่านั้น แต่พระองค์ยังอยากให้เราได้มาอยู่ในครอบครัวของพระองค์ด้วย ตอนที่อาดัมทำบาป พระยะโฮวาไล่เขาออกจากการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวผู้นมัสการของพระองค์ นี่เลยทำให้เราทุกคนซึ่งเป็นลูกหลานของอาดัมไม่ได้อยู่ในครอบครัวของพระองค์ตั้งแต่เกิด แต่พอพระยะโฮวาจัดเตรียมเรื่องค่าไถ่ พระองค์เลยสามารถให้อภัยเราได้ และในอนาคตทุกคนที่แสดงความเชื่อและเชื่อฟังจะได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของพระองค์ ถึงอย่างนั้น แม้แต่ตอนนี้เราก็ยังได้ประโยชน์จากค่าไถ่ด้วย เราได้มีโอกาสสนิทกับพระยะโฮวาและกับพี่น้องร่วมความเชื่อ เราเห็นเลยว่าพระยะโฮวารักเรามากจริง ๆ—รม. 5:10, 11 ห25.01 น. 21 ว. 6
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 9 นิสาน) ยอห์น 12:12-19; มาระโก 11:1-11
วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม
พระเจ้าแสดงความรักต่อเราอย่างชัดเจน—1 ยน. 4:9
คุณเห็นด้วยแน่ ๆ ว่าค่าไถ่เป็นของขวัญที่มีค่ามาก (2 คร. 9:15) การที่พระเยซูสละชีวิตของท่าน ทำให้คุณได้สนิทกับพระยะโฮวาและทำให้คุณมีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไป เราเลยอยากขอบคุณที่พระยะโฮวาให้ค่าไถ่เพราะพระองค์รักเรามาก (รม. 5:8) เพื่อที่เราจะเห็นค่าที่มีค่าไถ่และไม่ลืมสิ่งที่พระยะโฮวาและพระเยซูทำเพื่อเรา พระเยซูจึงตั้งการฉลองอาหารมื้อเย็นของพระคริสต์และอยากให้เราประชุมอนุสรณ์ทุกปี (ลก. 22:19, 20) การประชุมอนุสรณ์ปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน 2026 เราทุกคนคงกำลังวางแผนที่จะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ เราจะได้ประโยชน์มากแน่ ๆ ถ้าเราใช้ช่วงเวลาของการประชุมอนุสรณ์เพื่อคิดใคร่ครวญว่าพระยะโฮวากับพระเยซูลูกของพระองค์ทำอะไรเพื่อเรา ห25.01 น. 20 ว. 1-2
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 10 นิสาน) ยอห์น 12:20-50
วันอังคารที่ 31 มีนาคม
ขอให้เลือกคำสั่งสอนของเราแทนที่จะเลือกเงิน และเลือกความรู้แทนที่จะเลือกทองคำบริสุทธิ์—สภษ. 8:10
คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับความรักของพระยะโฮวาและพระเยซูได้ต่อ ๆ ไปถ้าคุณพยายามคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องนี้เสมอ ในช่วงการประชุมอนุสรณ์ของปีนี้คุณอาจอ่านหนังสือข่าวดีสักหนึ่งเล่มหรือมากกว่านั้นก็ได้ แต่อย่าอ่านทีเดียวเยอะ ๆ ให้อ่านช้า ๆ และลองหาจุดที่ทำให้คุณเห็นว่าทำไมคุณควรรักพระยะโฮวาและพระเยซู ถ้าคุณอยู่ในความจริงมาหลายปีแล้ว คุณอาจสงสัยว่ายังมีอะไรใหม่ ๆ อีกเหรอที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับความยุติธรรมของพระยะโฮวา ความรักของพระองค์ และเรื่องค่าไถ่? แต่ความจริงก็คือเราสามารถเรียนรู้เรื่องเหล่านี้และเรื่องอื่น ๆ ได้ไม่มีวันสิ้นสุด ดังนั้น ขอให้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากหนังสือและวารสารที่องค์การจัดเตรียมให้ ห25.01 น. 24-25 ว. 13-15
การอ่านคัมภีร์ไบเบิลช่วงการประชุมอนุสรณ์ (เหตุการณ์ตอนกลางวัน 11 นิสาน) ลูกา 21:1-36